อาจารย์ครับ ในหนังสือหม่อมท่านไม่ได้ว่าลาออกนะครับ แต่ออกมาทำงานว่าราชการที่บ้าน ซึ่งเป็นธรรมเนียมไทยอย่างหนึ่ง ที่เสนาบดี เจ้ากรม สั่งการอยู่ที่บ้าน เพิ่งมาเลิดเมื่อมีกระทรวง ทบวง กรมอย่างใหม่ในรัชกาลที่ 5
อีกอันคือในที่สมเด็จกรมพระยาดำรงทรงไว้ ท่านกล่าวถึงความขัดแย้งกับสมเด็จเจ้าพระยาด้วย เป้นการยืนยันว่ามีเรื่องเกิดขึ้น แน่ๆ ครับ
เรื่องนี้สามารถแยกได้เป็น 2 ประเด็น คุณ hobo ไปรวมเข้าเป็นประเด็นเดียวกันนี่คะ คือ
1 กรมขุนวรจักรฯ ทรงขัดแย้งกับสมเด็จเจ้าพระยาเรื่องการแต่งตั้งวังหน้า
2 กรมขุนวรจักรฯ ทรงเก็บพระองค์ในวังหลังจากนั้น ไม่เสด็จออกไปไหนเลย
หนังสือโครงกระดูกในตู้เล่าถึงสองเหตุการณ์นี้เหมือนเป็นเหตุและผลต่อเนื่องกัน คือมี 1 จึงตามมาด้วย 2 แต่ความจริงมันเป็นคนละเหตุการณ์ มี 1 ไม่ต้องมี 2 ก็ได้ หรือข้อ 1 จริงก็ไม่เป็นหลักประกันว่าข้อ 2 จะต้องจริงไปด้วย
อย่างน้อยเราก็รู้จากปี พ.ศ. แล้วว่ากรมขุนวรจักรฯสิ้นพระชนม์ไปตั้ง 1 ปีก่อนสมเด็จเจ้าพระยาพ้นจากตำแหน่งรีเยนต์ แสดงว่าเรื่องทรงนั่งเสลี่ยงออกมาตัดต้นตะขบเพื่อไปเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว หลังสมเด็จเจ้าพระยาพ้นอำนาจไปแล้ว เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
อีกข้อก็คือ พระประวัติของพระองค์เจ้าปรีดา แสดงให้เห็นว่าทรงเรียนงานช่างหุงกระจกและงานช่างอื่นๆที่เจ้ากรมหุงกระจกจะต้องรับผิดชอบ กับเสด็จพ่อของท่าน การเรียนของท่านไม่ใช่ไปนั่งหมอบเฝ้าดูเสด็จพ่อทรงงานทำแก้วสีอยู่ในวังวรจักร แต่ว่าจะต้องลงมือทำและลงมือคุมงาน เป็นงานขั้นปฏิบัติกันทั้งพ่อทั้งลูก เรียกว่าลงภาคสนามกันมาตลอด เมื่อกรมขุนวรจักรฯสิ้นพระชนม์ พระองค์เจ้าปรีดาจึงได้รับการไว้วางพระราชหฤทัยให้ว่าการกรมหุงกระจกได้ต่อเนื่องทันที และต้องรับผิดชอบเรื่องอื่นๆเช่นงานพระเมรุซึ่งเป็นงานช่างระดับบิ๊กของบ้านเมือง
ดังนั้นดิฉันจึงเชื่อว่ากรมขุนวรจักรฯท่านไม่ได้ขังพระองค์อยู่ในวังหรอก ท่านต้องเสด็จออกมาว่าการภายนอก พระโอรสก็ตามติดมาเป็นมือขวา ทำงานด้านงานช่างกันเป็นประจำทั้งพ่อทั้งลูก ลูกจึงสืบต่องานพ่อได้ไม่สะดุดเลยไงคะ