กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 06 ก.พ. 01, 00:57 พอดีจะแปะกาพย์เปิดข้าวของจิตร ภูมิศักดิ์
ในกระทู้เพลงไทย แต่ผิดพลาดเลยขออนุญาติเปิดเป็นกระทู้ใหม่ดีกว่า /> เพื่อท่านใดมีคำประพันธ์ที่มีคติสอนใจดีๆ จะได้แบ่งกันครับ /> อันนี้ไปลอกมาจากบ้านผะหมีครับ href='http://pamee.hypermart.net/verse.html#top' target='_blank'>http://pamee.hypermart.net/verse.html#top /> เปิบข้าวทุกคราวคำ............จงสูจำเป็นอาจิณ /> เหงื่อกูที่สูกิน......................จึงก่อเกิดมาเป็นคน /> ข้าวนี้น่ะมีรส......................ให้ชนชิมทุกชั้นชน /> เบื้องหลังสิทุกข์ทน..............และขมขื่นจนเขียวคาว กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 15 ม.ค. 01, 05:00 อันนี้ก็เด็ด ... ไม่ทราบว่ามาจากไหน ใครแต่งครับ?
เจ็ดวันเว้นว่างดีดซ้อม.........ดนตรี อักขระห้าวันหนี...................เนิ่นช้า สามวันจากนารี....................เป็นอื่น วันหนึ่งเว้นล้างหน้า..............อับเศร้าศรีหมอง กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 15 ม.ค. 01, 08:05 อันที่๒นี่พึ่งเคยเห็นครบบท
บรรทัด๒กับ ๔ พึ่งเคยเห็น (เอ โครงนี่เขานับกันอย่างไร ลืมซะเเล้ว จะว่า ท่อนก็รู้สึกไม่ใช่ จะว่าบาท ก็ไม่เชิง) จะใช่จากโครงโลกนิติหรือเปล่า กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 01, 09:03 คุณ Jor คำประพันธ์ในข้อ ๑ มาจากโคลงโลกนิติค่ะ
ของเดิมเป็นภาษิตข้อคิดของอินเดียโบราณ เมื่อมาถึงไทยก็มีหลายสำนวนด้วยกัน ผิดเพี้ยนกันไปบ้าง ต่อมาสมเด็จกรมพระยาเดชาดิศรทรงมาชำระเรียบเรียงและรวบรวมขึ้นใหม่ คุณภูมิ โคลงนับกันเป็น"บท" มี ๔ บรรทัด แต่ละบรรทัดเรียกว่า "บาท" ค่ะ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 01, 16:37 คุณJor เอาบทนี้มาฝากค่ะ
จะหามณีรัตน์.......รุจิเลิศก็อาจหา เพราะมีวนิชค้า.....และดนูก็มั่งมี ก็แต่จะหาซึ่ง.........ภริยาและมิตรดี ผิทรัพยะมากมี......ก็บ่ได้ประดุจใจ ("มัทนะพาธา" พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) นรชาติบัณฑิต ย่อมไม่กังวลสิ่งที่ไม่เห็นทางจะได้ ไม่โทมนัสถึงสิ่งที่เสียไป ไม่ตะลึงหลงเลอะแม้ในยามวิบัติ ("หิโตปเทศ" ของ เสฐียรโกเศศ) บทนี้ยากหน่อย ใครจะลองตีความดูบ้างคะ พระสมุทรไหวหวาดห้วย........คลองสรวล เมรุพลวกปลวกสำรวล.............ร่าเร้า สีหราชร่ำคร่ำครวญ................สุนัขเยาะ หยันนา สุริยส่องยามเย็นเข้า.................หิ่งห้อยยินดี (โคลงโลกนิติ) กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เพลิน ที่ 15 ม.ค. 01, 18:57 "น้ำที่ใสเย็นสนานชำระกาย สายสร้อยไข่มุกสวมศอ
น้ำมันจันทร์ชโลมลูบไล้ สิ่งเหล่านี้ ได้ในเวลาเหนื่อย ร้อนร่าน ย่อมเป็นที่บานกมล แต่ได้สนทนากับผู้ที่เป็นสัตบุรุษ ฟังน้ำวาจาแจ่มบริสุทธิ์สุนทรไพเราะ เป็นสติควรสดับ นับว่าได้ความชื่นรื่นสรานใจยิ่งกว่า " หิโตปเทศ แทนใจแด่เพื่อนๆเรือนไทยที่น่ารักทุกคนค่ะ เว็บนี้คุยสนุกกว่าที่ไหน ขอโทษด้วยนะคะ พิมพ์ยอผู้หยิงไม่ได้ค่ะ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เพลิน ที่ 15 ม.ค. 01, 19:05 ต่อด้วยโคลงบทนี้ละกันค่ะ
ใดใดในโลกล้วน......อนิจจัง คงแต่บาปบุนยัง.......เที่ยงแท้ คือเงาติดตัวตรัง........ตรึงแน่น อยู่นา ตามแต่บาปบุนแล้.....ก่อเกื้อ รักษา ไม่มีต้นฉบับในมือ ไม่แน่ใจว่าจำถูกหรือเปล่านะคะ คิดว่ามาจากลิลิตพระลอค่ะ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เพลิน ที่ 15 ม.ค. 01, 19:20 มีความสุขที่ได้โพสต์ ขออีกบทนึงละกันนะคะ
ใครเป็นลูกศิษย์ท่านพุทธทาส คง "ซึ้ง" กับบทนี้ไม่มากก็น้อย ไม้ร่าย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ลมร่ายไม้ร่ายระเริงเสียง.........ส่ายเพียงแผ่นฟ้าภูผาไหว แดดสาดส่องปรุทะลุใบ..........ไล้ไม้โลมไม้ลงมาดิน หริ่งหริ่งเรื่อยรับระยับไม้..........ร่ายเพลงแห่งไพรและเพิงหิน ผีเสื้อใบไม้พริบพรายบิน.........ค่อยร่วงค่อยรินระเริงรำ ความนิ่งมีในความไม่นิ่ง...........ลึกซึ้งหนึ่งสิ่งในสิ่งส่ำ หยัดร่างหยั่งรากแกร่งกรากกรำ..ทำโดยไม่ทำตลอดทา ดวงแดดเลือนดับกับพื้นทราย....ใบไม้ทักทายกับลมป่า ความเงียบกึกก้องอยู่โลกา........เสียงของธรรมดาอันได้ยิน เพราะจังเลยเนอะ ต้องออกตัวอีกแล้วนะคะว่าไม่มีต้นฉบับกับตัว หากใครพบข้อผิดพลาดขอความกรุณาแก้ให้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 01, 19:39 ไพเราะมากค่ะ คุณเพลิน
อ่านแล้วนึกถึงอีกบทของท่านพุทธทาส สั้นๆ แต่ชอบมาก In the silence of mind, one can listen to grass. จิตว่างได้ยินหญ้าพูด กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 01, 20:01 คุณจ้อ ที่นี่มีสุภาษิตไทยให้อ่านจนอิ่มเลยค่ะ
http://203.154.104.10/service/mod/heritage/nation/proverb/proverb.htm กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: แม่หญิง ที่ 15 ม.ค. 01, 22:21 พระราชนิพนธ์ในพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ค่ะ
ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 16 ม.ค. 01, 01:48 โคลงบทนี้เคยเป็นต้นเค้าของการเขียนเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง หลายปีมาแล้วครับ ตั้งแต่ยังไม่มี ปปช. (แต่มี ปปป. แล้ว) มาจากโลกนิติ- มั้งนะ?
อ่านจบแล้วจะเห็นเหมือนผมไหมครับว่า เป็นเรื่องสั้นชั้นดีได้หนึ่งเรื่องทีเดียว - จ่ายทรัพย์วันละบาทซื้อ มังสา นายหนึ่งเลี้ยงพยัคฆา ไป่อ้วน สองสามสี่นายมา กำกับ (กันเฮย?) บังทรัพย์สี่ส่วนถ้วน เสร็จสิ้นเสือตายฯ นักหัดเขียนมือสมัครเล่นคนหนึ่งที่ผมรู้จักดี เคยเอาไปขยายเป็นเรื่องสั้นชื่อ "ทอง ชิ้นเนื้อ และมนตรีพระราชา" ตั้งแต่ - เอ ขอนึกก่อน ราวๆ ก่อน 2535 นะครับ ยุคที่มีการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน โดยข้ออ้างว่ามีนักการเมืองบางคน "ร่ำรวยผิดปกติ" (สมัยนี้เราไม่ค่อยได้ยินสำนวนนี้แล้ว) โคลงบทที่ว่าปลวกหัวเยาะเยาะภูเขา ฯลฯ ค่อนข้างลึกซึ้งครับ ขอนึกนานๆ หน่อย กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 16 ม.ค. 01, 02:57 ขอบคุณครับคุณเทาชมพู ผมอ่านจนอิ่มไปเลย
กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 16 ม.ค. 01, 04:02 โคลงบทที่สองของคุณเทาชมพู เห็นคุณ นกข. คิดนานๆ
ผมขอคิดนานบ้างแล้วกัน แต่บทแรกที่เอามาฝากนี่ อ่านแล้วสะกิดใจ ตะหงิดๆ สงสัยผมจะต้องรีบหาซะแล้วสิครับ ... แหะๆๆ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 16 ม.ค. 01, 09:14 อ.ชนก เขียนเอาไว้
อันความรู้หาได้จากการเรียน ส่วนฝีมือเราต้องเพียรฝึกฝน ชื่อเสียงนั้นเป็นเพียงลมปากคน อย่ากังวลใส่ใจให้มากความ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 01, 10:03 ธรรมดาถิ่นใดไร้นักปราชญ์ ณ ถิ่นนั้นผู้มีปัญญาแต่เล็กน้อยมักยอตัวว่าเลิศ เปรียบเหมือนในดินแดนอันไร้รุกขชาติ ชั้นแต่ต้นละหุ่งก็ขึ้นชื่อว่าเป็นไม้ใหญ่
**************************************** "ผู้นี้เป็นพวกเราหรือพวกอื่น?" นี่เป็นปัญหาของผู้มีใจคับแคบ ผู้มีใจกว้างขวางย่อมถือว่า ผู้อยู่เหนือพสุธาทั้งหมด เป็นพวกเดียวกัน ******************************************** อันว่าทรชน แม้จะมีความรู้เป็นอาภรณ์ ก็ต้องหลีกเลี่ยงเสียจนพ้น อย่าได้สมาคมข้องแวะเป็นอันขาด เปรียบเช่นอสรพิษประดับดวงมณี เชื่อได้ว่าจะไม่ทำอันตรายละหรือ? ********************************************* สัตบุรุษ แม้จะโกรธแค้น ก็มิเปลี่ยนกิริยาให้วิกล น้ำในสาคร จะเอาฟางติดไฟสุมสักเท่าไร ก็หาทำให้น้ำเย็นกลายเป็นร้อนไม่ ********************************************* การเข้าเป็นพวกกลมเกลียวกัน จะมีแก่โลหธาตุเพราะธรรมชาติเป็นโลหะเหมือนกันเป็นเครื่องประสาน จะมีแก่สัตว์จัตุบาททวิบาท เพราะสรีรรูปเป็นเครื่องประสม จะมีแก่คนโง่เขลา เพราะความขลาดและความโลภเป็นเครื่องชักจูง จะมีแก่สัตบุรุษเพราะทรรศนะปรีชาเป็นเครื่องสมาน (หิโตปเทศ) กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 17 ม.ค. 01, 00:15 การเข้าประสมกลมเกลียวกัน ข้อสุดท้ายของคุณเทาชมพู จากหิโตปเทศ ทำให้ผมนึกถึงคำขวัญของสมาคม - ดูเหมือนจะเป็น สยามสมาคม? เป็นสมาคมวิชาการเก่าแก่อันหนึ่งของเมืองไทย
อดีตบรรณาธิการอาวุโสมากของวงการหนังสือเมืองไทยท่านหนึ่ง เคยยกคำขวัญนี้มา บอกว่า "วิชายังให้เกิดมิตรภาพ" ขยายความว่า การได้สนทนาแลกเปลี่ยนทัศนะในหมู่ผู้สนใจวิชาการเรื่องคล้ายๆ กัน ทำให้เกิดความสุขทางใจและรู้สึกสนิทสนมกันมาก เหมือนเช่นบนเรือนไทยนี้ ขอบคุณทุกท่านครับ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 17 ม.ค. 01, 00:27 จาก หิโตปเทศ เท่าที่จำได้คร่าว ๆ นะครับ
ผู้ใด เห็นสัตว์โลกอื่นเสมอด้วยตนเอง เห็นภริยาผู้อื่นเสมอด้วยมารดาตน เห็นทรัพย์สินของผูอื่นเสมอด้วยก้อนดิน ผู้นั้นแลเป็นบัณฑิต... เปลี่ยนจากเมืองแขกไปเมืองจีนบ้าง จากธรรมะในพุทธศาสนานิกายเซน หรือ ฉาน ...โศลกของชินเชา ศิษย์เอกของท่านสังฆปริณายกองค์ที่ 5 แห่งนิกายเซน ผู้มีสิทธิได้รับสืบทอดตำแหน่ง (แต่ในที่สุดไม่ได้) "กายนี้ คือต้นโพธิ์ ใจของเรา คือกระจกเงาอันใส เราเฝ้าดูด้วยความระวังทุกชั่วโมง และไม่ยอมให้ฝุ่นละอองจับ" ...โศลกของท่านเว่ยหล่าง หรือท่านฮุยเหนิง ผู้ได้รับสืบทอดตำแหน่งตัวจริง เป็นสังฆปริณายก องค์ที่ 6 "ไม่มีต้นโพธิ์ ทั้งไม่มีกระจกเงาอันใสสะอาด เมื่อทุกสิ่งว่างเปล่าแล้ว ฝุ่นละอองจะลงจับอะไร?" กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 17 ม.ค. 01, 02:10 เห็นด้วยกับคุณ นกข มากเชียวค่ะ สำหรับความร่มรื่นทางปัญญาใน เรือนไทย ไปได้หนังสือ "สุภาษิตพระร่วง" จากเที่ยวก่อน เลยคัดมาฝากค่ะ
"... ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง..............สร้างกุศลอย่ารู้โรย อย่าโดยคำคนพลอด..............เข็นเรือทอดกลางถนน เป็นคนอย่าทำใหญ่...............ข้าคนไพร่อย่าไฟฟุน คบขุนนางอย่าโหด...............โทษตนผิดรำพึง อย่าคะนึงถึงโทษท่าน.............หว่านพืชจักเอาผล เลี้ยงคนจักกินแรง...............อย่าขัดแข็งผู้ใหญ่ อย่าใฝ่ให้ตนเกิน................เดินทางอย่าเดินเปลี่ยว นำ้เชี่ยวอย่าขวางเรือ............ที่ซุ้มเสือจงประหยัด จงเร่งระมัดฟืนไฟ...............ตนเป็นไทอย่าคบทาส อย่าประมาทท่านผู้ดี..............มีสินอย่าอวดมั่ง ผู้เฒ่าสั่งจงฟังความ..............ที่ขวากหนามอย่าเสียเกือก ทำรั้วเรือกไว้กันตน..............คนรักอย่าวางใจ ที่มีภัยจงพึงหลีก.................ปลีกตนไปโดยด่วน ได้ส่วนอย่ามักมาก...............อย่ามีปากกว่าคน รักตนกว่ารักทรัพย์...............อย่าได้รับของเข็ญ เห็นงามตาอย่าปอง..............ของฝากท่านอย่ารับ ที่ทับจงมีไฟ....................ที่ไปจงมีเพื่อน ทางแถวเถื่อนไคลคลา............ครูบาสอนอย่าโกรธ โทษตนผิดพึงรู้.................สู้เสียสินอย่าเสียศักดิ์ ภักดีอย่าด่วยเคียด..............อย่าเบียดเสียดแก่มิตร ที่ผิดช่วยเตือนตอบ..............ที่ชอบช่วยยกยอ..." เอาแค่นี้ก่อนนะคะ ชอบ หิโตปเทศ ที่คุณเทาชมพูเอามาให้มากเลยค่ะ ไม่เคยอ่านเลย น่าสงสัยว่าในหลักสูตรการศึกษาสมัยนี้ เน้นด้านการสอนเรื่อง คุณธรรม กันขนาดไหนบ้างนะคะ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 01, 09:32 คุณนกข. มีหนังสือเล่มไหนที่คุณไม่เคยอ่านไหมคะ ดิฉันจะไปหามา เผื่อจะถูกล็อตเตอรี่ไปพร้อมๆกันด้วยไงคะ
คุณพวงร้อย หลักสูตรม.ปลายมีวิชาพุทธศาสนาค่ะ เคยเอามาอ่านก็เขียนดีค่ะ เรียบเรียงง่ายๆ มีเหตุผล แต่ก็เป็นเพียงวิชาหนึ่งในหลายๆวิชา เด็กเก่งของเราตอนนี้มักจะเรียนสายวิทย์ หนักไปทางด้านฟิสิกส์เคมีกันมาก ถ้าคุณพวงร้อยชอบหิโตปเทศ ดิฉันมีมาฝากอีก เพราะทั้งเล่มเป็นข้อคิดเตือนใจที่คมคายทั้งนั้น ยังหาซื้อได้ที่แพร่พิทยาค่ะ แม้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงขณะเดียว แต่เป็นคนมีชื่อลือขจรในหมู่มนุษย์ ไม่เสื่อมทรามจากความรู้ ความกล้าหาญ และชื่อเสียง นี้ผู้รู้สรรเสริญว่ามีชีวิตอยู่จริง ********************************************* สตรีจะงาม เพราะจงรักในสามี คนอนาถาจะงามเพราะมีความรู้ ผู้ประพฤติพรตจะงาม เพราะขันติ ********************************************* น้ำในสระ ร่มเงาไม้ไทร สตรีลำเพาพักตร์ เรือนที่ก่อด้วยอิฐ เหล่านี้ ในฤดูหนาวอบอุ่น ในฤดูร้อนก็เย็นสบาย ********************************************* ทรัพย์ใด เจ้าของเผื่อแผ่แก่เพื่อนมนุษย์ ตนเองก็บริโภคอิ่มหนำ ทรัพย์นั้นจึงเป็นอันนับว่าทรัพย์(เครื่องบำรุงสุข) แท้จริง ********************************************* เพื่อนทุกคนที่มาเสวนากันบนเรือนไทย ถึงแม้หลายคนอยู่ไกลกันคนละทวีป ดิฉันก็รู้สึกเหมือนเป็นมิตรสนิท ขอบคุณที่พวกคุณสร้างบรรยากาศน่ารื่นรมย์ตลอดมาค่ะ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: กระบี่อิงฟ้า ที่ 17 ม.ค. 01, 09:34 มีสองขามายืนบนผืนภพ มีตาครบคู่สองมาส่องหน
มีสองแขนพิทักษ์รักษาตน มีกมลไว้เพื่อเชื่อตนเอง ผมจำบทเต็มๆไม่ได้ และจำผู้แต่งไม่ได้ด้วยใครทราบช่วยหน่อยครับ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 17 ม.ค. 01, 09:34 ชอบกระทู้นี้มากเลยค่ะ อ่านแล้วได้คิด ได้สะกิดใจ
ชอบ หิโตปเทศ ด้วยค่ะ เป็นผลงานของเสฐียรโกเศสหรือคะ ภาษาสละสลวยมาก แค่ได้อ่านความงดงามของภาษาก็คุ้มแล้ว แล้วยังมีความหมายเป็นคติสอนใจอีก แปลกจริงที่ว่า หนังสือดีๆเช่นนี้ หาซื้อยากมากๆ หรือไม่ก็หาซื้อไม่ได้เลย เสียดายนะคะ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 01, 11:08 ค่ะ หิโตปเทศ เป็นผลงานของเสฐียรโกเศศ (พระยาอนุมานราชธน) ที่ท่านทำคนเดียว ไม่ได้ร่วมงานกับนาคะประทีป(พระสารประเสริฐ)
เป็นหนังสือที่ดิฉันเรียนตอนปี ๔ ค่ะ ยังพอมีที่แพร่พิทยา เซนทรัลปิ่นเกล้า แต่หนังสือแบบนี้หาคนรู้จักน้อยมาก ขายยาก ก็เลยไม่ค่อยวางจำหน่าย หิโตปเทศ ดัดแปลงมาจากคัมภีร์ปัญจตันตระของอินเดีย ซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณอายุอยู่ในราวพ.ศ. ๑๒๐๐ แปลเป็นหลายภาษา ภาษาอังกฤษชื่อว่า Pilpays Fable ค่ะ แต่ของเสฐียรโกเศศ แปลมาจากฉบับภาษาสันสกฤต เห็นคุณนนทิราชอบ เลยเอามาฝากอีกค่ะ มีบุตรที่ฉลาดคนเดียว ย่อมดีกว่ามีบุตรที่โง่เง่าตั้งร้อยคน อันว่าดวงจันทร์แม้ขึ้นแต่ดวงเดียว ย่อมกำจัดความมืดให้ปราศหายไปได้ แต่ดวงดาวนับร้อย ย่อมไม่อาจจะกำจัดความมืดให้สว่างได้เพียงพอ ****************************************** มีทรัพย์ ๑ ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน ๑ มีภรรยาน่ารัก ๑ มีภรรยาที่มีวาจาสุภาพเรียบร้อย ๑ มีบุตรที่อยู่ในโอวาท ๑ มีความรู้ทำประโยชน์แก่มนุษย์ ๑ เหล่านี้เป็นสิริมงคล ๖ ประการ ในโลก ****************************************** กรรมทั้งมวล ต้องอาศัยความเพียรพยายามจึงสำเร็จ มิใช่จะเป็นผลได้มาแต่ความตั้งใจดีโดยเฉยๆเท่านั้น เปรียบเหมือนสิงโต ถ้านอนหลับอยู่ ไฉนกวางจะวิ่งแร่ถลันมาสู่ปากเล่า? ****************************************** ถึงผู้ที่โง่เขลาก็อาจจะเป็นที่นับถือในที่ประชุมได้ ถ้าผู้นั้นสวมเครื่องแต่งกายงดงาม คงจะมีผู้นับถือผู้ที่โง่เขลานั้น ตราบเท่าผู้นั้นยังไม่แย้มปากพูดออกมา ******************************************* ถ้าเสพด้วยคนชั่วอาจจะทำใจให้ชั่วได้ และย่อมประพฤติตนเป็นไปตามที่ได้เสวนะ เพราะฉะนั้นถ้าเสพกับผู้ที่ประเสริฐแล้วก็ย่อมประเสริฐตามกัน ******************************************* วิสัยคนมีปัญญา ย่อมใช้เวลาศึกษาศิลปวิทยาและโคลงฉันท์กาพย์กลอน แต่ผู้ที่โง่เขลาย่อมใช้เวลาประพฤติการชั่ว พอใจแต่กินนอน และก่อการวิวาท ****************************************** ผู้ที่ไม่รั้งสติบังคับใจของตนให้อยู่ จึงจะประพฤติการบุญกุศลเท่าไรๆก็หารับประโยชน์ไม่ เสมือนชำระล้างกายช้าง จะถูเท่าไรก็ไม่สะอาด ความรู้มีอยู่ แต่ไม่สนใจจะประพฤติตาม ก็เหมือนเครื่องอาภรณ์ประดับหญิงที่ทรามโฉม กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 01, 11:12 ของคุณกระบี่อิงฟ้าที่ยกมา ดิฉันไม่เคยเห็นค่ะ
ใครนึกออกบ้างคะ? กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 17 ม.ค. 01, 18:05 ขออนุญาตเดานะครับ "มีสองขามายืนบนผืนภพ มีตาครบคู่สมองมาส่องหนฯ" นี่ น่าจะเป็นงานเขียนของ อุชเชนี ครับ แต่ไม่แน่ใจ
กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 17 ม.ค. 01, 19:28 อันนี้มาจากโคลงโลกนิติ
- ยามจนทนกัดก้อน กินเกลือ ไม่เที่ยวแล่เนื้อเถือ พวกพ้อง อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์ โซก็เสาะใส่ท้อง จับเนื้อกินเองฯ และ - เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์ เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้ เสียรู้เร่งดำรง ความสัตย์ ไว้นอ เสียสัตย์อย่าเสียสู้ ชีพม้วยมรณาฯ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 18 ม.ค. 01, 04:18 จำได้อีกอันหนึ่ง คิดว่าเป็นพระนิพนธ์ของรัชการลที่ 6 (ไม่แน่ใจ?)
เคยได้ยินบ่อยๆ ครับ ถ้าพิมพ์ผิดขออภัยครับผม ผู้ใดถึงได้เรียนรู้.......วิชา แต่รูปร้ายกริยา........โฉดด้วย ใจงามบ่รักษา...........ปล่อยขาด ผู้นั้นได้ชื่อม้วย.........ชีพสิ้นสุดสกล กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ เจริญกูล ที่ 06 ก.พ. 01, 12:57 ไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงสมัยนี้จะฟังบทนี้รู้เรื่องไหม โดยเฉพาะชาวเซ็นเตอร์พอย์ท
อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่ม อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดี เหย้าเรือนมีกลับมาจึงหารือ กับ อันนัยตาพาตัวให้มัวหมอง เหมือนทำนองแนะออกบอกกระแส จริงไม่จริงเขาก็เอาไปเล่าแซ คนรังแกมันก็ว่านัยตาซน กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 มี.ค. 24, 11:35 หิโตปเทศ เป็นผลงานของเสฐียรโกเศศ (พระยาอนุมานราชธน) ที่ท่านทำคนเดียว ไม่ได้ร่วมงานกับนาคะประทีป(พระสารประเสริฐ) เป็นหนังสือที่ดิฉันเรียนตอนปี ๔ ค่ะ ยังพอมีที่แพร่พิทยา เซนทรัลปิ่นเกล้า แต่หนังสือแบบนี้หาคนรู้จักน้อยมาก ขายยาก ก็เลยไม่ค่อยวางจำหน่าย หิโตปเทศ ดัดแปลงมาจากคัมภีร์ปัญจตันตระของอินเดีย ซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณอายุอยู่ในราวพ.ศ. ๑๒๐๐ แปลเป็นหลายภาษา ภาษาอังกฤษชื่อว่า Pilpays Fable ค่ะ แต่ของเสฐียรโกเศศ แปลมาจากฉบับภาษาสันสกฤต ในแวดวงนักอ่านหนังสือบ้านเรา ถือได้ว่า หิโตปเทศ ฉบับแปลโดยเสฐียรโกเศศ นาคะประทีป เป็นพากย์ไทยที่คุ้นเคยกันยิ่งกว่าสำนวนแปลของคนอื่น ๆ ทั้งที่มีอยู่ก่อนหรือภายหลัง พ.ศ. ๒๔๕๙ อันเป็นที่หิโตปเทศหรือกถาสุนทรานุศาสนี แปลจากฉบับภาษาอังกฤษของ "คารม พ.ศ. ๒๔๕๙"* ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ออกมาโดยการดำเนินการของโรงพิมพ์ไทย ถนนรองเมือง กรุงเทพฯ *คารม คือนามแฝงร่วมของเสฐียรโกเศศและนาคะประทีป จากคำแถลง ๑ มกราคม ๒๕๔๑ ในหนังสือ หิโตปเทศ http://www.openbase.in.th/files/satienbook132.pdf กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 มี.ค. 24, 12:14 ในยามทุกข์ ใจหนักแน่น ในยามสุขสงบเสงี่ยม ในที่ประชุมพูดอาจอง ในรณรงค์ใจแกล้วกล้า ในยศ นิยมยินดี ในการศึกษามีความเพียร ข้อเหล่านี้เป็นสมบัติประจำอยู่ครบแก่ผู้มหาตมะ
หิโตปเทศ กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 มี.ค. 24, 12:35 มีสองขามายืนบนผืนภพ มีตาครบคู่สองมาส่องหน มีสองแขนพิทักษ์รักษาตน มีกมลไว้เพื่อเชื่อตนเอง ผมจำบทเต็มๆไม่ได้ และจำผู้แต่งไม่ได้ด้วยใครทราบช่วยหน่อยครับ เพื่อศักดิ์นักสู้
กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 มี.ค. 24, 19:01 :)
กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มี.ค. 24, 16:08 จากเพจ วิถีแห่งพุทธะ
กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 เม.ย. 24, 10:43 :)
กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 เม.ย. 24, 11:42 ถึงร่ำเรียนเพียรศึกษากว่าพันวัน
จะขยันอย่างไรไม่อาจสู้ ได้เรียนกับนักปราชญ์ราชครู ท่านผู้รู้เที่ยงแท้ แค่วันเดียว สุภาษิตญี่ปุ่น กระทู้: กาพย์-โคลง-กลอน และคติสอนใจ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 เม.ย. 24, 17:26 จงเกื้อกูลฝันไว้มิให้หาย
หากว่าฝันมลายตายจากจิต ถึงอยู่ก็ซังกะตายไร้ชีวิต เหมือนนกปีกถูกลิดรอนจากกาย |