คุณ siamese คะ ดิฉันค้นเรื่องโรงละครปรีดาไม่เจอค่ะ เจอแต่โรงละครปรีดาลัยของกรมพระนราธิปฯ คุณ siamese พอจะหารูปหรือเล่าย่อๆให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ ว่าเป็นโรงละครชนิดอะไร แบบไหน
ถ้าเป็นละครรำ ตัวแสดงเป็นมรดกตกทอดจากเจ้าจอมอำภา คุณย่าของพระองค์ปรีดาหรือเปล่า
วังวรจักรในรัชกาลที่ 5 หลังกรมขุนวรจักรฯสิ้นพระชนม์แล้ว ดูจากแผนที่เห็นจะไม่โรยรา แต่คึกคักด้วยผู้คนทั้งหม่อมเจ้าน้องๆของพระองค์เจ้าปรีดา เหล่าบริวารทั้งหลาย แถมด้วยโรงละครอีกหนึ่งโรง ตัวแสดงก็คงจะขึ้นอยู่กับพระองค์เจ้าปรีดา ปลูกบ้านช่องกันอยู่ใกล้ๆ อุ่นหนาฝาคั่งทีเดียว
ผมยังงงไม่เลิกว่าตอนเกิดเหตุ ม.ร.ว.ดวงใจถูกจับตัวไป ทำไมท่านคำรบน้อยจึงถูกทิ้งให้ร้องไห้อยู่คนเดียวจนใกล้เพล ลำบากหม่อมยายต้องมารับตัวไปเลี้ยงแบบลำบากลำบน
คนทั้งวังไปไหน นี่เล่นตัดหางปล่อยวัดกันถึงขนาดนี้เลยหรือ
ถ้าหากว่าความทรงจำของหม่อมเจ้าคำรบน้อยแม่นยำจริงๆ มันก็บอกบ่งว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของท่านย่าดวงใจหลังสิ้นกรมขุนวรจักรฯต้องโดดเดี่ยวโฮมอะโลนอยู่มาก เรือนที่ท่านอยู่คงเป็นเรือนที่กรมขุนวรจักรปลูกประทานให้เป็นสิทธิ์ของท่านย่า แต่มิได้เกี่ยวข้องกับหม่อมเจ้าอื่นๆในวังวรจักร
ลองนับอายุกันดูนะคะ
พระองค์เจ้าปรีดาประสูติพ.ศ. 2378 ส่วนม.จ.เมาฬีพี่สาวคนโตของพระองค์เจ้าคำรบ ประสูติ 2396 อ่อนกว่าพี่ชายองค์ใหญ่ 18 ปี แทบว่าจะเป็นพ่อลูกกันได้ เพราะเมื่อกรมขุนวรจักรฯมีพระองค์เจ้าปรีดา พระองค์ท่านมีพระชันษา 19 ปีเอง
เมื่อน้องสาวต่างแม่ทรงอุแว้ออกมา พระองค์ปรีดาเป็นหนุ่มแล้ว เป็นได้ว่าท่านกับหม่อมดวงใจอายุห่างกันไม่กี่มากน้อย พระองค์ปรีดาจึงไม่มีเหตุอะไรจะต้องเกรงใจแม่เลี้ยง
เมื่อสิ้นกรมขุนวรจักร ดูจากรูปการณ์แล้วพระองค์ปรีดาต้องแบกภาระในฐานะพี่คนโต ท่านต้องปกครองน้องๆที่แยกเรือนแต่ไม่ได้แยกเขตวัง คนไหนไม่อยากพึ่งท่านก็แยกตัวออกไปพึ่งเจ้านายอื่น แต่ก็คงเหลือน้องอีกมากมายหลายสิบองค์
ท่านจึงมิได้ยื่นมือเข้ามาช่วยแบกภาระน้องๆที่เกิดจากหม่อมราชวงศ์ดวงใจ ส่วนเจ้าน้องอื่นๆของท่านที่พึ่งใบบุญพี่ชายอยู่ก็คงคิดอย่างเดียวกัน
นี่ก็คือคำตอบว่าเหตุใดท่านคำรบน้อยจึงต้องร้องไห้อยู่องค์เดียวหลายชั่วโมง และต้องออกไปอยู่กับหม่อมยาย ทั้งๆฐานะหม่อมยายก็ขัดสนเกินกว่าจะรับเลี้ยงหลานให้กินดีอยู่ดีได้