เรือนไทย

สวัสดีครับ จากการเดินทางท่องละแวกเพชรบุรีของสมาชิกสี่ท่านในชมรม คือ ผม พี่แพร พี่ทอมมี่ และคุณติบอ
ซึ่งเป็นทริปย่อยของชรม ทำให้เกิดการพบปะแลกข้อมูลและสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า
เราจะได้พบข้อมูลอะไรที่แปลกแตกต่างมากนัก เพราะก็ไปดูกันแต่วัดที่รู้จักกันทั่วไป หากแต่การไปในครั้งนี้ คือ
การได้เรียนรู้แนวคิดร่วมกัน ผ่านความคิดเห็นที่พูดกันไปเมื่ออยู่ต่อหน้าผลงานเหล่านั้น และตลอดการเดินทาง
กระทู้นี้จึงเป็นการนำภาพและข้อมูลเล็กน้อยๆ มารายงานหัวหน้าและสมาชิกของชมรมครับ

การเดินทางของเราครบองค์ประชุมที่ถนนเพชรเกษม ประเดิมวัดแรกกันที่วัดเขายี่สาร ซึ่งวัดนี้มีบานประตูแกะไม้
สองคู่ซึ่งสันนิษฐานว่าทำขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย บานประตูนี้ออกแบบระบบลายได้งดงาม และสอดแทรก
ความแต่ต่างหลากหลายไว้บนชิ้นงาน

ภาพบานประตูคู่ซ้ายของพระวิหาร เป็นมีแกนกลางเป็นลายพุ่มข้าวบิณฑ์แตกเป็นกนกและก้านขดช่อหางโต
แทรกด้วยรูปสัตว์ ล่างสุดแกะเป็นรูปอสูรแบก สภาพชำรุดมากกว่าภาพในสมัยที่อาจารย์ น ไปถ่ายมาบางส่วนครับ

พี่ทอมมี่ เคยไปสำรวจเส้นทางเขายี่สาร และนำเรื่องบานประตูนี้มาเสนอแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้การเก็บข้อมูล
เป็นไปด้วยความรวดเร็วและไม่หลงครับ

...

...

บานประตูคู่ขวา เป็นคู่ที่แกะสลักเป็นลายไข้วกากบาทแบบลายก้านแย่ง ตรงกลางแกะเป็นลายสี่เหลี่ยมย่อมุม
แล้วออกเป็นลายตาอ้อยที่ด้านและมุมแบบลายประจำยาม  แบบเดียวกันตลอดทั้งบาน

กำลังจะไปนอน เลยแวะเข้ามาดู ทริปนี้สนุกจริงๆ ขอยืนยัน

รอชมภาพเต็ม พร้อมคำบรรยาย

เตรียมตัวเกาะกระทู้ 8)

สนุกแต่ฝากถามไอ้กบด้วยนะว่าเป็นไงบ้าง  ;D

ส่วนลายบนก้านแย่งนั้นแกะหลากหลาย เป็นรูปครุฑ รูปราชสีห์ กนกนกคาบ ดูต่างกันไป

...

ห่วงแต่เจ้ากบ เชอะ เจ้ากบหายงอแงแล้ว แต่กล้องพังนี้ไม่ไหวนะ >:(

กล้องพังแต่รู้สึกรูปพี่เองจะเยอะนะคับ แอคทุกที555

เป็นเพราะประตูชุดนี้น่าจะเคยผ่านการซ่อม โดยการปิดทองทับเพราะอาจผุร่อนไปบ้าง ทำให้มองความลึก
ของการแกะลายได้ไม่เต็มที่ เพราะจะทำให้เส้นไม่ค่อยคมและขาดมิติไปบางส่วน ซึ่งเป็นปกติสำหรับ
งานปิดทองทับงานไม้แกะสลักทั่วไป แต่ก็มีบางจุดที่ยังมองเห็นลายคมชัดและมีมิติมากกว่าส่วนอื่นครับ
(นิดหน่อย)

รอชมอยูครับ

สวัสดีครับ

นอกจากนี้ด้านหน้าวัดยังได้จัดแสดงโบราณวัตถุบางส่วน ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งมีสิ่งของที่น่าสนใจหลายชิ้น
บางอย่างจัดแสดงอยู่ในตู้กระจก เพราะแสงที่แรงทำให้สะท้อนเป็นเงา จึงถ่ายมาให้ชมไม่ได้ครับ
ชิ้นแรกเป็นเสาอะไรสักอย่างเดาว่าน่าจะเป็นเสาแขวนธงผ้ายาวๆ ศิลปะแบบอยุธยาครับ

...

...

อีกชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือแท่นธรรมาสน์ คิดว่าทำขึ้นในสมัยอยุธยาครับ

วัดที่สองคือวัดในกลาง เป็นวัดที่พี่กุรุกุลานำมาให้ชมไปแล้วหลายส่วนผมจึงขอนำภาพธรรมาสน์
มาลงให้ชม เพราะธรรมาสน์หลังนี้ถึงจะซ่อมแล้ว แต่ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยครับ

ฐานช่วงนี้มีลักษณะฐานที่คล้ายกับวัดโพธิ์เผือก ซึ่งลักษระฐานธรรมาสน์แบบนี้อาจจะเป็นฐานที่นิยม
ใช้กันในสมัยอยุธยาตอนต้น-ตอนกลาง แต่ในขณะเดียวกันอยุธยาตอนปลายก็มีการใช้ในรูปแบบนี้
เพียงแต่มีส่วนที่ต่างออกไปบ้าง นีคือมุมมองของผมครับ

ลักษณะกระจังนั้นยังดูเป็นตัวกระจังที่พัฒนามาจากกระทง แต่ฐานชั้นล่างดูคล้ายกับฐาน
แบบอยุธยาตอนปลาย ซึ่งคูณติบอแสดงความคิดเห็นว่า ชิ้นงานอยู่ในสถานที่ที่ไกลเมืองหลวง
การพัฒนารูปแบบศิลปะอาจจะยังช้า และการออกแบบก็เป็นไปตามความคิดของช่างโดยไม่ต้องใช้
รูปแบบที่แน่นอน เหมือนช่างในเมืองหลวงชอบทำ การจะหยิบจับรูปแบบอะไรมาทำก็เป็นไปแล้วแต่ช่าง
ผมจึงดูรวมๆเอาว่าธรรมาสน์หลังนี้ น่าจะอยู่ในกลุ่มธรรมาสน์ศิลปะอยุธยาตอนกลางแต่ค่อนมาทางปลายแล้ว

...

วัดที่สามคือวัดกุฏิ ท่าแร้ง อยู่ติดแม่น้ำเพชรบุรีทางฝั่งตะวันออก วัดนี้ทำนองว่าเป็นวัดที่มีมาแต่สมัยอยุธยา
แล้วซ่อมกันมาตลอด ปัจจุบันทรุดโทรมลงมากโดยเฉพาะตัวพระวิหาร พระอุโบสถปัจจุบันถูกซ่อมแซมหรือ
อาจรื้อลงแล้วสร้างทับที่เดิม ดูเป็นของใหม่ทั้งหมด ตัวพระวิหารมีเจดีย์หลายองค์อยู่ทางด้านหลัง

...

ที่ขาสิงห์เจดีย์ปั้นเป็นรูปหน้าแปลกหลายหน้า คงมาปั้นทับกันในสมัยหลังๆครับ  ดูจากรอยแตกของปูน:D

...

ที่น่าสนใจมากๆคือบานประตูแกะสลักไม้ศิลปะอยุธยา ซึ่งคุณกุรุกุลาได้นำภาพนำเสนอไปแล้ว
บานประตูนี้ทำนองคล้ายลายก้านขดแบบวัดเขายี่สาร แต่ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ที่เป็นแกนนำมาวางไว้ตรงอกเลา
แตกลายออกในพื้นบานสองฝั่ง เป็นก้านขดแล้วออกเป็นรูปเทพ รูปสัตว์ต่างๆ

ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ตรงอกเลานั้นแกะเป็นลายดอก เหมือนดอกที่พบในกระทงธรรมาสน์
ที่มุมแกะเป็นรูปหน้ายักษ์หรือลิงคาบก้านที่หักเป็นกลม ทำท่าอย่างราหูจะอมจันทร์ครับ

รูปเทพร่ายรำครับ เครื่องแต่งกายดูคล้ายเครื่องแต่งกายในบานประตูวัดพระศรีสรรเพชญ์
ลายที่ขอบประตูแกะเป็นลายถักสลับกับลายดอกไม้ แบบลายก้ามปูเป็นหน้ากระดาน
ผมสันนิษฐานเองว่าน่าจะเป็นบานประตูที่ติดแบบอยุธยาตอนกลาง แต่จะสร้างในสมัยหลัง
ลงมาแค่ไหนอย่างไรก็ไม่รู้ครับ

คุณติบอ กำลังพิจารณาลวดลายอย่างเคร่งเครียดครับ  :o

บานประตูชิ้นนี้อยู่กับตัวพระวิหารซึ่งมีความทรุดโทรมมาก กลัวว่าจะผุพังหายไปได้
อยากให้มีการเข้าไปพิทักษ์รักษาให้ถูกวิธีครับ

หลังจากไปจัดการเรื่องที่พักกับกินข้าวกลางวัน เอาบรรยากาศกันที่ริมแม่น้ำเพชรแล้ว
พวกเราก็มายังวัดเกาะแก้วสุธาราม วัดนี้ก็มีอะไรน่าสนใจมากมายแต่คิดว่าจะนำภาพ
ไปเพิ่มเติมในกระทู้ สัมนาวัดเกาะฯ ของคุณกุรุกุลาน่าจะดีกว่าครับ

บ่ายแก่ๆก็มาที่วัดเกาะ ก็มีเด็กที่อยู่ในวัดมาเปิดให้อย่างมีอัธยาศัย ส่วนคุณติบอกับคุณแพร
ก็หายไปดูบ้านเก่าที่ติดแม่น้ำด้านข้างวัด พี่ทอมมี่ก็นั่งวาดโครงสร้างวัดเกาะชิวอยู่ด้านนอก
ผมก็เลยต้องถ่ายภาพอยู่ในโบสถ์คนเดียว

พระอุโบสถกับพระวิหารวัดเกาะฯ ทางด้านหน้าซึ่งหันไปทางทิศตะวันออกครับ
เสมารอบพระอุโบสถเป็นเสมาหินทรายแดง

คันทวยวัดเกาะ มีนกมาเกาะครับ

จิตรกรรมบางส่วน จากผนังหุ้มกลอง

ภาพจากผนังฝั่งซ้ายพระประธาน

พี่แพรขออาสาเป็นนางแบบเทียบขนาดภาพให้ครับ  :D

หลังออกจากวัดเกาะ ก็ไปดูปูนปั้นที่วัดไผ่ล้อม วนรถหาทางไปกันจนโพล้เพล้
เลยไม่มีรูปมาฝากครับ เพราะมัวแต่ยืนดูชี้โน่นชี้นี่กันไปอย่างสนุกสนาน
แล้วก็ไปวนดูปราสาทกำแพงแลง ก่อนกลับที่พักแล้วมานั่งกินดื่มอยู่ริมสะพาน
พระจอมเกล้า เป็นอันสิ้นสุดหนึ่งวันอย่างคุ้มค่าจริงๆ

ชอบภาพสุดท้ายที่เป็นเมืองเพชรยามค่ำคืน....มีฉากหลังเป็นปรางค์วัดมหาธาตุ ดูไลท์ติ้ง ผมว่าสวยกำลังพอดี เย็นตาจัง...ลมโฉยอ่อนๆจากแม่น้ำเพชร  สุขีจริงๆๆ แต่ทำไมคนเมืองเพชรนอนเร็วจัง สามทุ่มก็เงียบละ หรือเพราะเรามาจากเมืองหลวงอันวุ่นวายยย:]

ว้าวๆๆๆ สวยจังเลยน้องเน อยากไปเที่้ยวเมืองเพชรบ้างจัง วัดเขายี่สารยังไม่เคยไปเลย เหมือนเป็นแดนสนธยาของอยุธยา โดนสตาฟเอาไว้อย่างนั้น วันหลังคงต้องหาเรื่องไปซะแล้ว  ;)

พี่กุฯไปลังกากลับเมื่อไหร่อ่ะจะชวนไปเที่ยว ...

วัดสระบัวเป็นวัดสำคัญอีกวัดหนึ่งของเพชรบุรี เพราะมีพระอุโบสถที่มีความงดงามสมบูรณ์ทางด้่านสถาปัตยกรรม
สมัยอยุธยาตอนปลายที่ยังคงใช้งานได้ ซึ่งอุโบสถมีองค์ประกอบสวยงาม คือมีพระอุโบสถทำฐานแอ่นขนาดเล็ก
ดูกะทัดรัด หลังคาลดสองชั้นหน้าหลัง มีทวยค้ำชายคาปีกนกที่ยื่นออกมาจากผนัง ประตูทางเข้าอยู่ทางด้านหน้า
หนึ่งช่องทำเป็นซุ้มยอดมณฑป ส่วนทางเข้าด้านข้างสันนิษฐานว่าเจาะในสมัยหลัง ล้อมรอบด้วยเสมาหินทรายแดงลงรัก
ฐานเป็นปูนปั้นงดงามมากๆ มีกำแพงแก้วและซุ้มประตู และพระปรางค์กับเจดีย์เป็นคู่อยู่ด้านหน้า

ปูนปั้นหน้าบันทางด้่านหน้าทำเป็นรูปพระนารายณ์เหยีบบ่ายักษ์สี่กร ท่ามการช่อกนกซึ่งทำได้ประณีตงดงาม

ไปวัดสระบัวด้วยหรอ วันก่อนพี่ไปเย็นแล้วเลยไม่ได้เข้า ได้ดูแต่วัดพระนอน ตอนนี้พระเจ้าทรงเครื่องเขาทำสวยงามเรียบร้อยดีครับ :-[

พระทรงเครื่องไม่ได้ดูอ่ะคับ ผมไปเย็นเขาก็ปิดแล้ว เสียดายกันอยู่คิดว่าจะไปเก็บรายละเอียดกันในไม่ช้านี้อีกสักครัง

เห็นแกนไม้ของยอดซุ้มประตูด้วย

หน้าบันปีกนกทำเป็นลายก้านขดแล้วออกเป็นรูปครุฑ กางแขนกำช่อกนกน้อยๆ ท่าทางสวยมากครับ

น่าเสียดายที่ซุ้มเสมาเครื่องไม้หายไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้คติเกี่ยวกับการจัดวางเสมาสมัยอยุธยาตอนปลายหลงเหลือบ้าง

เท่าที่นึกออกก็มีแต่วัดพุทไธสวรรย์ ที่อยุธยาครับ

ซุ้มทรงปราสาททางเข้าโบสถ์ไม่แนบเข้าไปกับตัวผนัง ซึ่งไม่ทราบว่าเพราะอะไร อยุธยาจึงนิยมทำซุ้มแบบนี้ พอมาถึงรัตนโกสินทร์กลับนิยมให้ยอดปราสาทแนบหรือติดกับผนัง ไม่ยื่นออกมามาก

นั่นสิครับ คุณติบอยังชี้ให้ดูรอยเสาอยู่เห็นว่ามีทุกอันเลย ซุ้มประตูนี่ก็เท่ดีนะครับ
เหมือนว่าอยากทำยอดปราสาท แต่ไม่อยากให้บังหน้าบังอะไรแบบนั้นไหมครับ

...

ฐานเสมานั้นทำเป็นฐานซ้อน ประดับลายปูนปั้นที่สวยงามมากมาย เพราะมีรูปครุฑและนรสิงห์
และล่างลงมีเป็นรูปยักษ์ ลิง ฯลฯ แต่พังมากมองไม่ค่อยรู้ครับ

เป็นรูปแบบการแบกที่ปรากฏในศิลปะอยุธยามาก คือครุฑที่มุมแล้วสิงห์ตรงกลาง
น่าจะใช้เป็นแบบแผน ชั้นนี้ทำย่อมุมรับกับชั้นล่างที่ทำเป็นแปดเหลี่ยม

คาดว่าฐานเสมาเหล่านี้น่าจะผ่านการซ่อมแซมมาบ้างแล้ว แต่ก็พังลงอีกอาจเป็นเพราะสภาพความชื้น
ฝนและคนไปตามระเบียบ

หน้าบันด้านหลังปั้นทำนองเดียวกับด้านหน้า แต่เห็นยักษ์นั่งดอกบัวแทน

หน้าบันปีกนกปั้นเป็นลายก้านขดออกรูปเทพพนมครับ

...

เพดานวัดสระบัว ทำทำนองเดียวกับวัดใหญ่สุวรรณาราม เพราะเห็นที่เป็นไม้แกะอยู่ตรงที่ตั้งพระประธานช่องเดียว
ส่วนช่องอื่นเขียนลายประดับครับ

...

ถ่ายชัดดีเนาะ วัดสระบัวผ่านการอนุรักษ์ประติมากรรมไปแล้วครับ ที่จริงในเมื่อมีภาพถ่ายเก่าของซุ้มเสมา ก็น่าจะสร้างครอบให้เหมือนเดิมไปเลย จะได้อนุรักษ์ปูนปั้นไปด้วย ดีกว่าปล่อยให้ตากแดดตากฝนอย่างนี้ เสียดายของหมด อนุัรักษ์ไปเดี๋ยวก็พังอีก

เพดานช่องแรกตรงทางเข้าครับ ใช้เขียนลายอย่างเดียว ผมลืมแล้วครับว่าเขาเรียกว่าเขียน
ด้วยวิธีอะไร เห็นลักษณะของลายที่หยักแบบริบบิ้น

นั่นสิครับเห็นด้วย แถมในหน้าฝนน้ำยังขังในเขตกำแพงแก้ว เป็นโบสถ์กลางบ่อเลย ยังมีร่องรอยกระสอบทรายครับ
เรียกว่าล้ำค่าแต่น่าสงสาร

ลายชุดวัดสระบัวนี้เขียนลายได้สวยงามมาก ดีที่ไม่โดนน้ำฝนลบไปหมดหรือบุบสลายไปเพราะรื้อเปลี่ยน แถมทาสีทับไว้อีกหนึ่งปัญหา
ทำให้ลายเพดานวัดสระบัวเป็นข้อมูลศึกษา ศิลปะประดับสถาปัตยกรรมอยุธยาที่น่าชม โดนเฉพาะเพดานลักษณะนี้เหลือเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น

น่าสงสารจังเลยครับวัดนี้ วัดข้างๆก็มีปัญหาเหมือนกัน ธรรมาสน์ที่เคยกองๆไว้ แล้วโพสเมื่อกระทู้ก่อน หายไปซะแล้ว

ธรรมาสน์นั่นอนาถไปแล้วครับ ผมไปดูเห็นชิ้นส่วนผุๆชิ้นหนึ่ง ป่านนี้คงโดนทำฟืนไปแล้วมั้งครับ :

ชอบดาวเพดานที่นี่มากครับ เสียดายที่พระประธานไม่ค่อยจะเด่นนัก องค์ท่านเล็กไปหน่อยหนึ่ง

พระประธานเขาทำใหม่รึเปล่าครับ จำได้ตอนไปมองๆดูเศียรพระ
ดูจะไม่ตรงกับดาวเพดานนะครับแต่ไม่แน่ใจ   ???


บานประตูคู่หน้าเขียนรูปเซี่ยวกาง ทั้งสองข้างเขียนต่างกัน ด้านซ้ายเป็นรูปเซี่ยวกางถือหอกยืนแท่นมารแบก

เรื่องปั้นพระใหม่เป็นไปได้ครับ  ;D

ภาพมารแบกครับแบกฐานของตัวเซี่ยวกาง ภาพอันลือชื่อของที่นี่

มารแบกที่นี่สวยงามนักหนาแก่กมบารนีจริงๆ (ใช้ภาษาฟุ่้มเฟือยทำไมหว่า) เอามารแบกมาเปรียบเทียบกันครับ :-X

น้องเนถ่ายรูปสวยวันหลังจะให้ถ่ายให้ พี่เริ่มขี้เกียจถ่ายเองแล้ว 555

 8) อิอิอิอิ หาเรื่องพาออกทะเลเล่น

เอาภาพมาหลอกให้อยากไปดูอีกแล้วครับพี่ ให้ผมถ่ายภาพแนะนำให้เอาเสื่อกับหมอนพกติดตัวไปด้วยนะครับ 555

...

ภาพที่บานฝั่งซ้ายเป็นรูปเซี่ยวกางถือกริช เหยีบหงส์ปนสิงห์หรือตัวอะไรไม่รู้ครับ คุณติบอบอกไว้แต่ลืมครับ

ภาพตัวที่ว่าครับ ไม่ค่อยเคยเจอ ต้องให้พี่กุไปหามาให้ดูถ้าที่อื่นมี 55

แทรกครับ เพราะเจอผ้าเก่าสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่วัดแห่งหนึ่ง ไม่สามารถบอกที่มาได้
คุณติบอแนะนำให้ไปชมเลยถ่ายมาสำหรับคนที่ดูเป็นครับผม

ตัวอะไรสักอย่างที่หน้าเหมือนหงส์ แต่ลำตัวเหมือนกิเลน?

เปนยังไงบ้างล่ะครับ ไปเที่ยวกับคุณติบอสนุกไหม 8)

อีกหนึ่งฝืน...

คุณติบอนี่เก่งนะครับ หาผ้ามาให้ชมได้ ดีแล้วที่ยังไม่หายไปไหน รู้ไว้ก็อย่าไปเล่าให้ใึีครฟัง ของอย่างนี้อันตราย  ;D

สนุกครับ  ;D

แล้วจะกลับจากลังกาเมื่อไหรล่ะครับ อยากให้พาไปดูวัดมหาธาตุ

บอกไม่ได้จริงๆล่ะครับ

พระปรางค์และซุ้มประตูที่กำแพงแก้วครับ แต่เดิมปักบราลีแต่หักหายหมดแล้ว

อ่าว นึกว่าไปวัดมหาธาตุกันมาแล้ว อิอิ อะๆๆ พาไปดูวัดมหาธาุตุตอนยังสมบูรณ์อยู่

อ่ะนะ มีโชว์ด้วย แต่เจ๋งนะครับอยากดูลายทวาฯอ่ะคับ

ปูนปั้นที่พระปรางค์คู่หน้า

ลายจำหลักบนเสมาหินทรายแดง ที่แต่เดิมอาจปิดทอง?ประดับกระจก?

...

อิอิอิอิอิ ปรางค์คู่หน้าโบสถ์มีคนบอกว่าเป็นของรัตนโกสินทร์ ก็ว่ากันไป

เสมาวัดสระบังนี้คาดว่าคงปิดทองประดับกระจกกันสวยงามครับ คงคล้ายๆกับอันนี้เหมือนกัน

ตัวอย่างเสมาลงรักปิดทองประดับเบื้อครับ ;D

สวยจริงๆๆวัดสระบัว ส่วนรูปโมเดลวัดมหาธาตุนั้นน่าสนใจมากคับบบ น้องติบอมีรูปโมเดลอีกที่ไหนบ้างไหมคับบบ ชอบๆๆ

มียอดตกอยู่ข้างๆ ไม่น่าเชื่อว่าเสมาหินทรายโล้นๆสมัยอยุธยาปลายจะสวยได้ขนาดนี้

สวัสดีครับคุณสิทธิศักดิ์  ;D

จากวัดสระบัวก็กลับไปกินข้าวพร้อมกันที่โรงแรม แล้วจึงออกเดินทางมาที่วัดใหญ่สุวรรณาราม
ซึ่งพี่ทอมมี่บอกว่า ก่อนจะกลับยังไงก็ต้องชมวัดนี้ให้ได้

วัดใหญ่สุวรรณารามเป็นวัดที่เลื่องชื่อของเพชรบุรีมานานแล้ว เพราะเป็นวัดที่พร้อมไปด้วยศิลปกรรม
และสถาปัตยกรรมที่สมควรเป็นที่เชิดหน้าชูตาของประเทศเลยแห่งหนึ่ง ตัวพระอุโบสถเป็นสถาปัตยกรรม
อยุธยา เป็นหลังคาลดสองชั้นมุงด้วยกระเบื้องกาบประดับเชิงชาย ด้านหน้าเจาะประตูสามช่องไม่มีหน้าต่าง
ด้านข้างก่อเสารับแบบพาไลแต่ชายคาแคบๆแบบชายคาปีกนก

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอธิบายเกี่ยวกับภาพเขียนภายในวัดใหญ่สุวรรณาราม
ไว้ในพระราชหัตถเลาเมื่อครั้งเสด็จประพาสเพชรบุรี "รูปเทพชุมนุม ที่นั่งเป็นชั้น ๆ ในผนังพระอุโบสถดูได้ทุกตัว
แลเห็นได้ว่าไม่มีฝีมือแห่งใดในกรุงเทพ ฯ เหมือนเลย เช่น หน้ายักษ์ไม่ได้เขียนเป็นหัวโขน เขียนเป็นหน้าคน
ที่อ้วนๆ ยุ่นๆ ที่ซึ่งเป็นกนกก็เขียนเป็นหนวดเครา แต่อย่าเข้าใจว่าเป็นภาพกาก เขียนแบบแสดงให้เห็นว่าผู้เขียน
นั้นรู้ความคิดเดิมว่ายักษ์ หมายความว่าเป็นคนชนิดใด เทวดาเป็นคนชนิดใด การนุ่งห่มเครื่องแต่งตัวรู้ว่าจะสอด
สวมอย่างไร ไม่ได้เขียนพุ่ง ๆ อย่างเช่นทุกวันนี้ รูปนั้นจะอยู่ข้างจะลบเลือนมาก"

...

...

...

...

สมเด็จ ฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงพระนิพนธ์ถึงจิตรกรรมที่วัดใหญ่สุวรรณาราม ในจดหมายเหตุระยะทางไปมณฑลราชบุรี
"โบสถ์นั้นมีเสาลายปิดแบบลายต่างกัน พื้นเขียนเบญจรงค์ ด้านหน้ามารผจญ แต่ลบเสียมาก เห็นไม่ใคร่ได้ ด้านข้างเป็นรูปภาพ
ชุมนุมมีรูปอินทร พรหม เทวดา ยักษ์ นาค ครุฑ วิชาธร บานประตูกลางหน้าเทวดายืน ดีเต็มทีได้เครื่องเก่าชัดเจน"

...

อาจารย์ น ณ ปากน้ำ กล่าวถึงภาพเขียนทวารบาลที่บานประตูคู่กลางของพระอุโบสถไว้ว่า
"คือภาพทวารบาลงดงามมาก แปลกทั้งรูปศิลปะและความคิด เป็นภา่พทวารบาลซึ่งเขียนโดย
ฝีมือช่างสมัยอุธยาตอนปลาย ยืนหันด้านหน้า แต่มงกุฏทรงเทริดแบบมงกุฏพระทรงเครื่องสมัยอยุธยา
เครื่องเคราก็เหมือนๆกัน มือข้างหนึ่งปล่อยนิ่งข้างลำตัว อีกข้างหนึ่งจับลายกระหนกงดงามจับใจมาก
ตัวกระหนกนั้นคล้ายช่อดอกไม้ ออกแบบไว้ดีพอไม่ขาดไม่เกิน"

...

...

ลายทองบนพื้นแดงบนเสาปูนย่อมุมในพระอุโบสถ ออกแบลายงดงามมาก

...

พระประธานในพระอุโบสถ

สมเด็จ ฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงกล่าวถึงว่า "พระประธานและพระบริวาร ฐานปั้นเป็นงามนัก
เพดานทำตารางอยางอกเลา มีดาวกลาง กลางช่องใหญ่"

...

เพดานเหนือเศียรพระประธานมีเฉพาะแบบนี้ คติคล้ายวัดสระบัวครับ

ศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม "เป็นเรือนไม้ทรงไทยขนาด ๑๐ ห้อง ยาว ๑๕ วา กว้าง ๕ วา หลังคาลดสองชั้น
มีมุขทั้งสองด้าน ด้านตะวันตกทำเป็นจั่วสองชั้น ด้านล่างมีเสารองรับเรียกว่า มุขประเจิด มีหลังคาปีกนก ลาดลงมาอีก
ด้านละสามตับ มุงด้วยกระเบื้องกาบกล้วยแล้วฉาบปูนทับตลอด เชิงชายหลังคาประดับกระเบื้องดินเผามีลวดลายต่าง ๆ
.... ภายในศาลาโถมีเสาจำนวน ๑๔ ต้น เป็นเสาแปดเหลี่ยม เสาในประธานปิดทองลายฉลุตลอดทั้งเสา ลายคล้ายกันเป็นคู่ๆ
ไม่ซ้ำกัน เครื่องบนหลังคาทั้งขื่อ แป กลอน เขียนลายตลอดทุกชิ้น
...บานประตูเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นบานประตูไม้จำหลักเป็นลายก้านขดปิดทองงดงาม ประณีตบรรจง ฝีมือคล้าย
บานประตูพระวิหารวัดพนัญเชิง หรือวัดหน้าพระเมรุ"

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสวัดใหญ่ ฯ เวลานั้นกำลังมีการต่อตีนหัวเสาและขื่อ พระองค์ได้ทอดพระเนตรฝีมือการรักษา
ของเก่าว่าตัวไม้อันไหนควรเปลี่ยนหรืออันควรรักษาไว้ ทรงพอพระราชหฤทัยมาก ทรงรับสั่งให้เว้นหัวเสาต้นหนึ่งด้านทิศเหนือ ซึ่งเป็นเสาต้นที่แปดไว้
ไม่ให้ลงรักหรือทาสีทับ เพื่อให้คนชั้นหลังได้ศึกษา ยังปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้ ปรากฏพระราชหัตถเลขาของพระองค์ มีความตอนหนึ่งว่า
"พระในวัดนี้ ตั้งแต่พระครูเป็นต้นไป เป็นช่างไม้ด้วยกันโดยมาก รู้จักรักษาของเก่าดีเป็นอย่างยิ่ง เช่น ศาลาการเปรียญซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ไม้ท่อนไหนผุ
เปี่ยนแก้ไม้ท่อนนั้น ส่วนที่เป็นลวดลาย สลักหรือเขียนอันยังจะใช้ได้เก็บของเก่าประกอบอย่างดีที่สุดซึ่งจะทำได้ แต่ในการที่จะซ่อมขึ้นให้ดีบริบูรณ์
อย่างเก่านั้น ไม่แต่ฝีมือพระ ถึงฝีมือช่างหลวงทุกวันนี้ก็ยากที่จะทำให้เข้ากันกับของเดิมได้"
 "หลังพระอุโบสถตรงกันแนวเดียว มีการเปรียญยาว เสาแปดเหลี่ยม เขียนลายรดน้ำ ลายไม่ซ้ำกันทุกคู่ ฝากระดานประกน ข้างนอกเขียนลายทอง
ข้างในเขียนลายน้ำกาว บานประตูสลักซับซ้อน ซุ้มเป็นคูหางามเสียจริง"

...

...

...

...

ศาลาการเปรียญวัดใหญ่ฯ ถือเป็นส่วนหนึ่งและเป็นชิ้นสุดท้ายที่หลงเหลือมาจาก พระบรมมหาราชวัง
ของกรุงศรีอยุธยาครับ นับเป็นสถาปัตยกรรมจากวังหลวงอยุธยาชิ้นสุดท้ายที่สมบูรณ์แบบที่สุด
สันนิษฐานกันว่าเป็นท้องพระโรงหลวงหรือพระตำหนักหลวง

...

กระจังปฏิญาณสมัยอยุธยากับกรอบหน้าต่าง โดยมีนายแบบเทียบขนาดให้ครับ

ลายทองบนเสาไม้แปดเหลี่ยมของศาลาการเปรียญครับ ทำลายเป็นคู่ๆต่างกันไปทุกคู่งดงามมากครับ

อาจารย์ น. ณ ปากน้ำ เคยเขียนชื่นชมในหนังสือ "จิตรกรรมฝาผนังวัดใหญ่สุวรรณาราม" เอาไว้ว่า
       
"ลายเฟื่องกับลายที่เสาแปดเหลี่ยมคู่ในศาลาการเปรียญแห่งนี้ เป็นงานอันงามชนิดหนึ่งไม่มีเสมอสอง การเปลี่ยนลาย
แต่ละคู่เต็มไปด้วยความชาญฉลาดยิ่งนัก นับว่าเป็นความสมบูรณ์อย่างสูงสุดของศิลปะการผูกลายสมัยอยุธยา
ไม่มีสมัยใดจะรุ่งเรืองเท่า ความคิดในการยักย้ายเปลี่ยนตัวลายโดยให้อยู่ในกรอบแบบแผนของตัวลายเดิม กล่าวคือเมื่อดูผาดๆ
ทุกอย่างจะกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวอยู่ในชุดแถวแนว ไม่แตกฝูงออกมาแต่ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนยักย้ายด้วยชั้นเชิง
ของผู้มีฝีมือ เชี่ยวชาญอย่างถึงขนาด..."
       

...

"หลังพระอุโบสถตรงแนวเดียวกัน มีการเปรียญยาว เสาแปดเหลี่ยมเขียนลายรดน้ำ ลายไม่ซ้ำกันทุกคู่
ฝากระดานปะกนข้างนอกเขียนลายทอง ข้างในเขียนลายน้ำกาว บานประตูสลักซับซ้อน ซุ้มเป็นคูหางามเสียจริง
ข้อซึ่งคิดจะเอาอย่างสร้างการเปรียญวัดราชาธิวาสก็เพราะรักการเปรียญวัดใหญ่ นี้ มีธรรมาสน์เทศน์และสังเคต
พระสวดของเก่า งามเหลือที่พรรณนา แต่คงไม่มีใครชอบ เขาเห็นบุษบกเหมือนพุ่มเข้าพรรษางามกว่าจึงได้สร้าง
ขึ้นใหม่พึ่งจะแล้ว ราคาหลายสิบชั่ง" พระราชวิจารณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ธรรมาสน์สวด(ธรรมาสน์ยาว)ของวัดใหญ่สุวรรณาราม ที่ทรงชมว่างามเหลือพรรณานั้น สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ได้ทรงขอไปตั้งแสดงไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จนถึงปัจจุบันครับ

ธรรมาสน์เทศน์ เป็นธรรมาสน์สมัยอยุธยา มีขนาดเล็กกะทัดรัด แกะไม่มีลายประณีตมากเท่ากับธรรมาสน์สวด
ดูจะเป็นงานคนละครั้งกัน ถ้ามองในสายตาผมคิดว่าเก่ากว่าธรรมาสน์สวดครับ

แต่คุณติบอคิดว่าอาจไม่เก่าแก่ไปกว่า แต่อย่างไรก็ดีธรรมาสน์เทศน์หลังนี้ก็เคยปรากฏบันไดรูป
สัตว์ประหลาดๆ แต่หายสาบสูญไปแล้วไม่รู้อยู่ที่ไหน สามารถค้นรูปดูได้ในหนังสือวิวัฒนาการลายไทย
ของอาจานย์ น ณปากน้ำได้ครับ

แต่ก็อย่างที่คุณติบอเคยบอกไว้ครับว่า งานช่างที่อยู่ไกลเมืองหลวงการจะคะเนอายุทำได้ไม่ง่ายนัก
แต่ถ้าจะดูรูปแบบแนวคิดของช่างแล้วนับว่าเป็นประโยชน์มาก เพราะหลังนี้เป็นรูปแบบธรรมาสน์ที่
มีลักษณะเฉพาะตัวหลังหนึ่งครับ

...

"ที่เพ้อพรรณนาถึงเรื่องวัดใหญ่ลงไว้นี้ เพราะเหตุที่เห็นไม่มีผู้ใดชอบฝีมือละเอียดชนิดนี้แล้ว เห็นเป็นอย่างเก่าเร่อร่าไป
คงไม่มีผู้ใดสามารถที่จะคิดปฏิสังขรณ์ จึงได้ว่าไว้เสียพอให้มีจดหมายลงไว้ ว่าของดีมีอยู่ในวัดนั้น ได้ถวายเงินไว้สำหรับ
ปฏิสังขรณ์ ๒๐ ชั่ง ครั้งก่อนก็ได้เคยออกช่วยมากๆเช่นนี้ พระวัดนี้อยู่ข้างจะถือเอาเป็นผู้อุปการะของวัดแต่จะกล่าวได้ว่า
ถ้าผู้ใดออกมาเมืองเพชรบุรี มีน้ำใจที่จะดูการช่าง ไม่ใช่เพียงแต่เที่ยวถ้ำ เที่ยวเขา จะหาที่อื่นดูให้ดีไปกว่าวัดใหญ่เป็นไม่มี"
จากพระราชหัตถเลขาในพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ศิลปะอันงดงามของบรรพบุรุษ คือการแสดงออกทางแนวคิด อารมณ์ ความประทับใจ อุดมคติเอาไว้ในผลงานอย่างทรงคุณค่า
เป็นภาพความประทับใจที่ชนรุ่นหลังมาเรียนรู้ผ่านงานศิลปะเหล่านั้น ได้รู้ว่าเขาอยู่กันอย่างไร คิดกันอย่างไร และรู้สึกอย่างไร
มองไปเรื่อยๆก็มีมุทิตายินดีไปด้วย เลยอยากบอกว่ารักมากมาย 555


          ... Nothing and Everything ...

อ้างอิง  : http://www1.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/oldcity/petchaburi7.htm
         : http://thairecent.com/Entertainment/2009/65097/

รอชมยังไม่จบ น่าเสียดายที่ไม่ได้ไป แต่อยากรู้ว่ารูปมันมีมากว่านี้หรือไม่ มันน่าจะมีเด็กว่านี้นะ อย่างที่วัดเกาะ ถ่ายยักษ์เหาะท่าซุปเปอร์แมนมารึเปล่า วัดกุฎิยังไม่เห็นรูปพระอุโบสถแกะสลักเลย คนอื่นที่ไปถ่ายรูปกันมาบ้างมั๊ยเอามาอวดหน่อย

สะพานที่คุณเนไปนั่งกินข้าวริมน้ำเพชร ร้านไรอ่ะคับ
ถ้าร้านระเบียงริมน้ำ ชื่อสะพานจอมเกล้า (ไม่มีคำว่า พระ , จริงๆนะคับ55)
อีกอันนึงชื่อสะพานลำไย หรือสะพานปู่เย็น
เอ้อ แล้วได้ไปถ่ายรูปวัดใหม่ๆตามแนวถนนหน้าตลาดมั่งหรือป่าวคับ
เช่น วัดพระทรง วัดสนามพราห์มณ์ มากมายติดกันเป็นสิบๆวัด ข้างในก้อมีธรรมาสน์หลายๆอย่าง
หลายๆแบบกันไป

ผมกลายเป็นหนังสืออ้างอิงซะแล้วหรอครับ  :-X
แถมด้วยรูปนั่งถ่ายภาพอีก... ดีนะครับที่เป้าหลังยังไม่ปริให้เห็น
แต่ก็ยังรอดไปที ที่ไม่มีรูปตอนนั่งหลับน้ำลายยืดในวัดสระบัว




ฝากนายกุหลาบเที่ยวเมืองทศกัณฑ์เผื่อด้วยนะครับ

เอาอีกหลายรูปชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากเลยน้องเน 

ด้วยเหตุที่ชอบเทพชุมนุมวัดใหญ่เป็นพิเศษ เลยขอยกเอาคำบรรยายเรื่องเทพชุมนุมในพุทธประวัติมาให้อ่านกัน จะได้เห็นภาำพชัดๆว่า เทพชุมนุม นั้น เขามาชุมนุมกันเรื่องอะไร จะมีโฟนอินหรือก็เปล่า  :-[ คัดมาแต่ปฐมสมโพธิครับ

เมื่อพระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้ "ได้พระโลกุตตรธรรมสำเร็จมโนรถประสงค์แล้ว" อัศจรรย์ในขณะนั้นก็บังเกิดเป็นประการต่างๆ เช่นขุนเขาพระสุเมรุโน้มยอดลงมาดุจถวายวันทนาการเหมือนยอดหวายต้องไฟลน เพลิงในนรกก็ดับสูญ  ดนตรีดังขึ้นเอง คนตาบอดมองเห็นได้ คนหูหนวกได้ยิน คนง่อยกลับเดินได้ และอื่นๆ

"อมรทุนทภีกลองชัยในสุรโลกก็บันลือศัพท์" หมายถึง กลองของพระอินทร์ ซึุ่้งทำจากกระดองปูัยักษ์ก็ดังขึ้นเอง

"ฝูงคนธรรพ์ก็ขับร้องประโคมดนตรี ฝูงกินรีก็ร้องรับศัพท์นฤโฆษ" เราจึงเห็นคนธรรพ์ปรากฏในภาพจิตรกรรมด้วย

"ทั้งทิพยมณฑามาลีก็ตกลงเองจากอากาศ" หมายถึงลายดอกมณฑาร่วง

"ฝูงอมรพรหมมารหมู่นักสิทธิพิทยาธรกินนรนาคสุบรรณคนธรรพ์ทานพทั้งหลาย ก็ขวนขวายในทัศนกิจ เพื่อจะชมพระบรมพิชิตมารมุนินทรพร้อมกันสิ้นทุกถ้วนหน้า"

ในกาลนั้นก็บังเกิดโกลาหลโลกธาตุอันหนึ่งอันเดียวตั้งแต่เหฏฐามภาคปฐพีดล จนตราบเท่าถึงพลโลกเป็นกำหนด

"แต่ที่พอจุจรดปลายขนหางทรายจามรี เทพยเจ้านฤมิตสุขุมกายเท่าอณูปรมาณูลงประชุมอยู่ในที่มีประมาณเท่านั้น เท่าถึง 10 องค์บ้าง 20 องค์บ้าง 30 องค์บ้าง ตราบเท่าถึงร้อยองค์ พันองค์ หมื่นองค์ จนถึงแสนโกฏิองค์ก็มีเป็นอันมาก"

หมายถึง ที่ว่างแม้เท่าปลายขนของจามรียังไม่มี เพราะเทวดาต่างๆจำแลงองค์ให้เล็กเท่าอณู ปรมาณู (หน่วยวัดของไทย) บรรจุเข้าไปถึงแสนโกฏิองค์ในที่เท่าปลายขนจามรี เพื่อจะได้เห็นพระพุทธเจ้า

เทพยดาเหล่านั้นต่าง "เนรมิตแห่งจักษุมให้กว้างพอแลเห็นองค์พระสัพพัญญู แลหมู่เทพยดาทั้งหลายมาแต่หมื่นจักรวาล ประดิษฐานเต็มจักรวาลอันนี้ เพื่อทัศนาบูชาอภิัวันทนาชุลีพระผู้มีพระภาคมากเหลือล้นพ้นที่จะพรรณนา"

ชอบพระพรหมองค์นี้ คิดว่าเป็นพระพรหมที่งามที่สุดแล้วในประเทศไทย ช่างครูท่านเขียนร่างให้ถือช่อกนก แต่ก็มิได้ถมสีต่อให้เต็ม ไม่ทราบว่าจริงๆท่านต้องการอย่างไร แต่ก็มีเส้นร่างเช่นนี้ให้เห็นมากมาย บางที่ก็ร่างมือร่างเท้าไว้ แต่มิได้เขียนตามเส้นเดิม จะว่าเป็นเส้นครูที่ท่านร่างไว้ก่อนให้ลูกศิษย์มาเขียนต่อ ดูจากเส้นของพระพรหมองค์นี้ ฝีมือมิใช่ชั้นศิษย์แน่

ชั้นศิษย์นั้น ท่านใช้ให้เขียนช่องบนๆพ้นหูพ้นตา ฝีมือและความประณีตบรรจงต่างกันค่อนข้างมากครับ

หรือท่านเห็นไม่งามอยากจะเขียนใหม่ตามอารมณ์ศิลปินก็ไม่ทราบ

อธิบายซะเห็นภาพเลยครับพี่กุ มากันซะเยอะขนาดนั้นเลย คิดว่าน่าจะมาเองไม่มีโฟนอิน (อะไรกันคับพี่)

วัดกุฏิท่าแร้งมารู้ที่หลังว่ามีโบสถ์ไม้นะครับ แต่นึกไปก็ไม่เห็นเหมือนกันมีแต่โบสถ์หใม่ไม่เก่า
หน้าบันทำรูปครุฑเมื่อย ถ้าสร้างครอบก็คงจะยังอยู่นะครับ ส่วนรูปยักษ์เหาะท่าซุปเปอร์แมนไม่เห็นครับผม

ขอโทษคุณโอมครับที่แจ้งชื่อผิด สงสัยอยากพาสาวไปนั่งชิวบ้าง วัดอื่นไม่ได้ไปครับเพราะเวลาน้อยนิด

คุณติบออย่าลืมไรท์ภาพมาให้ผมนะครับ

ขอบคุณพี่ยุทธครับ

แม่ยกเพียบเลยนะน้องเน อิอิ ;D

ร้อนฉาดทุกองศาครับ เหอะๆ  ;D

ไม่ไปไหนหรอวันนี้  8)

ไม่มีโปรแกรมเลยครับ พี่จะชวนไปเที่ยวไหนอ่ะ

ไม่มีเหมือนกัน อยากไปไหนอะ  ;D

คิดออกกันหรือยังว่าจะไปไหน ;D อยากไปด้วยจัง

น้องทั้งสองเยี่ยมมากเลย สำหรับภาพและข้อมูล

กล้องพี่หายติงต๊องแล้ว ปั๊มหัวใจแล้ว กลับมาเหมือนเดิม ถ้ามีภาพที่พอจะเอามาลงได้ก็จะเอามาช่วยลงนะ

แต่วันนี้ต้องทำงานแล้ว เลิกเช้าอีก เฮ้อออออ .... ชีวิตสาวโรงงาน

อิจฉาคนมีเวลาว่างจิงวุ๊ย  ตูกระดิกไปไหนไม่ได้เลยต้องรอประชุมโครงการ  :'(  
 
วัดกุฏิที่มีโบสถไม้สักชื่อวัดกุฏบางเค็มอยู่แถวๆเขาย้อยไม่รู้ว่าคนละวัดกับที่น้องๆไปดูหรือเปล่า

มีวัดกุฏิสองวัดครับพี่ยุทธ วัดกุฏิท่าแร้ง สมัยอยุธยาตอนปลาย กับวัดกุฏิบางเค็ม สมัยร.5 (ประมาณนั้น)ครับ

เดี๋ยวจะไปวัดค้างคาวกับน้องเนครับ 8)

อิจฉาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :'(อยากไปด้วย
เมาดีกว่าอิอิ

เสียดายไม่ได้ไปด้วยไว้ทริปหน้าครับผม

คราวหน้าไปไหนกันดี รับรองไม่พลาดแล้ว อิอิ

หวัดดีครับพี่เซีย ;D

อยุธยาอีกสักรอบบบบบไหม น้องๆๆเดอะแก็งค์

หลังออกจากวัดใหญ่ ซึ่งพี่ทอมมี่แยกตัวกลับกทม.มาก่อนเพราะติดธุระ
พี่แพรก็ได้ติดต่อกับคุณกริชสมาชิกเรือนไทยท่านหนึ่ง ซึ่งได้มาพาเราไปที่บ้านอาจารย์ทองด้วง
เป็นช้างปั้นเมืองเพชรที่เลืองลือท่านหนึ่ง ทำให้เราได้ดูโรงงานปั้นและสอบถามถึงงานปั้นเหล่านั้น
ซึ่งคุณติบอแลจะสนใจเป็นพิเศษ ส่วนผมก็ซื้อปูนมาหนึ่งถุงกะจะปั้นเล่นสักหน่อย ไม่รู้จะได้เรื่องหรือเปล่า

เนื่องจากคุณกรชก็ติดธุระไปต่อกับเราไม่ได้เช่นกัน พวกเราซึ่งเหลืออยู่สามคนก็เดินทางไปยังถ้ำเขาหลวง
ซึ่งก็สวยงามดี ถ้ำนี้ สมเด็จฯ กรมพระยานริศฯ  ได้เคยเสด็จและได้บันทึกไว้ว่า
"ถ้ำเขาหลวงนี้เป็นสถานบูชาเก่าอันหนึ่งเหมือนกัน ทางเดิมปากถ้ำอยู่ทางบนเขา ปล่องที่เรียกทางบันไดนาค
คือเห็นหลักที่มีหางนาค บันไดสลักกนกอย่างตนเป็นเก่า มีรูปยักษ์สลักหน้าเดียว เป็นหน้ายักษ์ยืนประตูคู่หนึ่งครึ่งซีก
เห็นจะติดกับบานประตู เป็นรูปยักษ์อย่างโบราณ มงกุฏน้ำเต้าเทริด มีงูพันแขน เหมือนยักษ์พิษณุโลก คงอายุเดียวกัน
บานประตูพระเพชรเอาไปไว้ ตอนล่างผุ ตอนบนเป็นเทพพนมนั่งในเรือนแก้วเรียงเป็นแถวๆ ชาวบ้านเรียกประตูพระพิมพ์
...... นอกกว่านี้มีพระใหม่ทำแผ่นดินพระจอมเกล้ามากทั้งใหญ่น้อย ปากถ้ำเดินทุกวันนี้ลงทางในถ้ำฉวากใหญ่ คิดว่าทำ
แผ่นดินพระจอมเกล้า สู้ทางเก่าไม่ได้ เพราะเห็นที่งามที่สุดก่อนแล้วไปดูที่รองลงไปก็จืด ทางเก่าเขาลงไปดูที่เล็กไป
หาที่ใหญ่ ทำให้ใจเบิกบานกว่า"

จริงตามที่สมเด็จฯกล่าวไว้ครับเพราะทางลงถ้ำในปัจจุบันลงมาก็ถึงโถงหลักเลย เดินเข้าไปทางเล็ก
ที่เคยเป็นทางบันไดนาคนั้นก็ปิดตัน ส่วนบานประตู ยักษ์ทวารบาล ที่สมเด็จท่านกล่าวนั้นไม่มีครับ
ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งในถ้ำนี้ก็คือเจดีย์ คุณติบอคาดว่าเป็นเจดีย์สมัยอยุธยาตอนต้น
ก็เลยถ่ายรูปกันอยู่นาน

...

ลองตามหารูปเทวดาสลัีกไม้แต่ไม่พบ พี่กุรู้ไหมครับว่าอยู่ที่ไหน บอกหลังไมค์หน่อย

หลังจากไปดูวัดสระบัวอีกรอบ ก็จบทริปด้วยวัดพระนอนครับแต่เวลาเย็นมากเขาก็เลยปิด
หลังจากกราบพระนอนเขาก็ปิดวิหารพอดี ได้แต่เดินดูโน่นดูนี่กันไปเรื่อยก็ต้องกลับ

เช้าวันรุ่งขึ้นเดินทางไปที่วัดเขาบันไดอิฐ แต่ออกสายเพราะตื่นสายนิดหน่อย ถาพปูนปั้นูปครุฑเลย
ดูแสงแรงไปนิดแต่ก็โอเคครับ พอใช้ได้

...

...

หน้าบันปีกนกครับ

...

หน้าบันแถลงเหนือช่องประตู

ด้านนี้งามกว่า

ในถ้ำวัดเขาบันไปอิฐปรากฏโบราณวัตถุชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่ง เชื่อกันว่าเป็นกัญญาเรือของพระเจ้าเสือครับ

จะรีบตอบไปถึงไหนฟะ อ่านตามไม่ทัน(โว้ย)

เดี๋ยวตอนบ่ายๆจะไปเรียนอ่ะ ดูรูปไปครับอย่าอ่านเลย 5555

หลังจากนั้นก็ไปที่วัดโรงเข้แต่วัดมีงานพิธีด้านนอก เลยทำให้ไม่มีคนในวัดเลย
จำต้องจากลาดงตาลกับเมืองเพชรบุรีมาที่ราชบุรีกันตามประสาโย่วๆ

แวะดูห่านระหว่างทาง

ถ้ำเขาหลวง เมืองเพชรบุรีนี้ แม้จะเป็นศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ฤทธามาแต่อโยธยาตอนต้นเพียงใดก็ตาม สุนทรภู่ท่านก็เคยพาสาวมากกแล้ว สาวนั้นชื่อแม่ลูกจัน ตอนนั้นท่านคิดกลับไปแล้วก็บอกว่าตัวเองเป็นบ้า (ทำลงไปได้ยังไง) จะกลับไปเยี่ยมเยือนสาวกิ๊กเก่าท่านก็อายใจ เลยแต่งกลอนพรรณนาไว้ในนิราศเมืองเพชร



แล้วเดินดูภูผาศิลาเลื่อม      
บ้างงอกเงื้อมเงาระยับสลับสี
เป็นห้องน้อยรอยหนังสือลายมือมี   
   คิดถึงปีเมื่อเป็นบ้าเคยมานอน
ชมลูกจันกลั่นกลิ่นระรินรื่น      
จนเที่ยงคืนแขนซ้ายกลายเป็นหมอน
เห็นห้องหินศิลาน่าอาวรณ์      
เคยกล่าวกลอนกล่อมช้าโอ้ชาตรี
พอจวนรุ่งฝูงนกวิหคร้อง   
   เรไรซ้องเสียงจังหรีดดังดีดสี
คิดคะนึงถึงตัวกลัวต้องตี      
ต่อช้าปีจึงค่อยวายฟายน้ำตา
โอ้ยามยากจากบุรินมาถิ่นเถื่อน      
ไม่มีเรือนแรมอยู่ในคูหา
เดือนสว่างต่างไต้เมื่อไสยา      
แผ่นศิลาต่างฟูกกระดูกเย็น
ยังรินรินกลิ่นกลั่นจันทน์กระแจะ      
เหมือนจะแนะนำจิตให้คิดเห็น
เหลือรำลึกนึกน่าน้ำตากระเด็น      
โอ้จำเป็นเป็นกรรมจึงจำไกล
มาเห็นถ้ำน้ำตาลงพรากพราก   
   แต่เพื่อนยากยังไม่เห็นว่าเป็นไฉน
จะไปเรือนเยือนเยี่ยมก็เจียมใจ      
ขอสั่งไว้เถิดถ้ำที่ช้ำทรวง
อันถ้ำนี้ที่มนุษย์หยุดกินน้ำ   
   มิใช่ถ้ำของอิเหนาถ้ำเขาหลวง
เขาช่วยเล่าเถิดว่าเขาไม่ล่อลวง   
   แต่เขาหวงเขาห้ามต้องขามใจ
จึงเขียนกลอนนอนค้างไว้ต่างพักตร์      
หวังประจักษ์มิ่งมิตรพิสมัย
จะภิญโญโมทนาให้อาภัย   
   อย่าน้อยใจเลยถ้ำขออำลา ฯ

โอ้โหแฮะ  :o

มาถึงวัดเขาเหลือ?หรือขรัวเหลือนี่ล่ะครับ อยู่ใกล้วัดมหาธาตุ ราชบุรี วัดนี้มีวิหารแกลบหลังหนึ่ง
เป็นอาคารสมัยอยุธยาแต่ซ่อมแล้ว ด้านในมีพระพุทธรูปซึ่งองค์พระชำรุดอย่างน่าสงสาร
นอกจากนี้ยังมีภาพจิตรกรรม ซึ่งคุณติบอบอกว่าเขียนติดศิลปะพม่าครับ

ภาพวิทยาธรด้านบนครับ เหาะมาถวายสักการะ

แต่งตัวกันแปลกๆครับ นึกถึงพวกโรบินฮู้ด

...

 ;D

วัดเขาเหลือครับ  ;D

อยากไปดูตรงที่สุนทรภู่้กกกิื๊๊๊กจัง เห็นว่ามีลายมือแกด้วยนี่นา

โหพี่.... สถานที่สักการะครับ ว่าแต่อยากเห็นประตูพระพิมพ์ที่สมเด็จท่านกล่าวถึง
ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง


ภาพนี้ดีกว่าเลื่องลือในเรือนไทยมาช่วงหนึ่ง ...... :o

...

แหมมมมม ลือกันได้ลือกันดี ไม่ใช่ที่ลึกลับซับซ้อนอะไรเลย (เพียงแต่ไม่เคยเข้าไปพิจารณากันใกล้ๆเท่านั้นเอง 5555)

ไม่รู้ว่าเทวดานั้นจะเป็นองค์นี้หรือเปล่า หรือเป็นพระทรงเครื่องหว่า ถ่ายมาก็ไม่ชัด ไอ้ที่ชัดก็โดนไวรัสกินไปกะคอมแล้ว :(

สภาพน่ากลัวมากเลยอ่ะครับ ว่าแต่อยู่ตรงไหนอ่ะ เดินหาแล้วนะมันไม่เจอครับ

ตัดพระเกศาหรือพระเจ้าตัดเกศ ถ่ายติดกับสายไฟพอดี

...

สภาพภายในวิหารแกลบแคบมากครับ ภาพเขียนก็ลบเลือนซะเยอะ
จับจุดและเรื่องราวได้ไม่ทั้งหมด ภาพนี้เป็นตอนพิณสามสาย

...

...

ก่อนที่แสงอาทิตย์จะหมดลง ตามด้วยเมฆฝนที่ครึ้มๆเข้ามา พวกเราก็ได้ไปที่วัดหลุมดินเพื่อดู
เสมาหินทรายแดงอันเลื่องชื่อครับ

...

พี่คิดว่า คล้ายๆกับสมุดภาพสมัยธนบุรีอยู่นะ :P

วัดเขาเหลือ ไม่ใช่เสมานะ  ;D

อาจารย์น ณ ปากน้ำ กล่าวถึงเสมาชุดวัดหลุมดินนี้ว่างามจับใจ เป็นเสมาในสมัยอู่ทอง สุพรรณภูมิ
แต่คุณติบอคิดเห็นว่าอาจล่วงมาถึงอยุธยาตอนกลาง ส่วนผมเดาว่าอยุธยาตอนต้น ใครคิดเห็นเช่นไรครับ

...

...

งามจับใจบารนี เสมาวัดหลุมดินนี่ ส่วนอายุนั้น คิดว่าเสมาหินชนวนใหญ่ๆที่พบตามวัดในอยุธยา (วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดสามวิหาร) อาจจะเป็นของหลวงทำ มีอายุตั้งแต่อยุธยาตอนต้น-ตอนกลาง

ขณะที่เสมาหินทรายแดงพวกนี้ มีอายุร่วมสมัยกัน (ต้น-กลางตอนต้น) เพียงแต่อาจไม่ใช่ของหลวงเท่านั้นเอง

พี่กุ อธิบายเรื่องเสมาหน่อยครับ ไม่มีคำอธิบายเลยผม

ขอบคุณครับที่ช่วยเหลือ ไม่งั้นคงเป็นแต่แต่กระทู้ภาพเอาซะจริงๆ 555

คุณติบอก็น่าจะสัณณิษฐานประมาณพี่ครับ เพียงแต่ผมคิดเห็นว่าลายมันยังต่างกับกรุวัดราชบูรณะอยู่น่ะครับ
เลยคิดว่าน่าจะเป็นอยุธยาตอนต้นไปเลย แบบต้นๆ

ลองดูของวัดบางนางลี่กันบ้าง งามไม่แพ้กัน

บางท่านกำหนดอายุไว้ในช่วงอยุธยาตอนกลาง เนื่องจากมีลายม้วนๆแบบพรรณพฤกษาแล้ว อาจจะเป็นอิทธิพลจีน (ซึ่งปรากฏมากในช่วงพระบรมไตรโลกนาถ)

ซึ่งน้องเนคิดว่าไม่เหมือนวัดราชบูรณะนั้นก็ถูกแล้ว เพราะวัดราชบูีรณะมีเปอร์เซนต์ลายจีนน้อยกว่าเขมรครับ (เฉพาะปูนปั้นข้างนอกนะ)

เสมาแบบนี้มักอยู่นอกเกาะเมืองอยุธยา แถวๆฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา แต่การกำหนดอายุค่อนข้างยาก ส่วนตัวพี่ก็คิดว่าเป็นของอยุธยาตอนต้น - อยุธยากลางตอนต้น แต่ไม่ใ่ช่งานหลวงเท่านั้นเอง งานหลวงน่าจะใช้เสมาหินชนวนใบมหึมามากกว่า

ใบนี้งดงามจับใจตั้งแต่เห็นในภาพถ่ายของอาจารย์ น ซึ่งบรรยายไว้ว่า
"ใบเสมาสมัยสุพรรณภูมิ ทำด้วยหินทรายที่วัดบางนางลี่ ราชบุรี เป็นลายขมวด
แบบธรรมชาติ ฐานเสมาเป็นลายดอกจันทน์เรียงกันแบบลพบุรี"

ปัจจบันถูกฝังปูนหายไป แต่อย่างไรก็ดีมีซุ้มครอบไว้ให้ทำให้เสมาเหล่านี้ชะลอสภาพ
ไม่โดนกัดกร่อน จนไม่เหลืออะไรเลย ใครอยากเห็นลายเต็มๆดูได้ในหนังสือวิวัฒนาการลายไทยครับ

ขอบคุณครับพี่กุ  ;D แต่เสมาหินชนวนใหญ่ๆนั่นไม่ได้มาเริ่มฮิตสมัยพระบรมไตรฯหรือครับ?

เสมาใบนี้งดงามมากๆครับทั้งทรงทั้งลาย เพียงแต่หินกร่อนไปบ้างแล้วทำให้เส้นไม่คมชัด

...

เสมาหินชนวนใหญ่ๆนั้น จะฮิตมาแต่ไหนมิทราบเลยครับ แต่เห็นมากมายเหลือเกินโดยเฉพาะตามวัดหลวง อย่างวัดปรางค์หลวง ใครเขานินทาว่าสร้างสมัยพระนครินทร์

วัดพระศรีสรรเพชญ์เองก็มี (รามาธิบดีที่ 2) วัดสามวิหาร เป็นต้น

ชอบลายบนเสมาจริงๆ

กลายเป็นกระทู้รวมเสมาไปแล้ว อิอิ

 :-X ไม่มีอะไรจะพูด ภาษาก็บรรยายไม่ได้พอ

วัดธรรมามูลใช่ไหมครับ เอามาหลอกให้อยากไปอีกแล้วนะครับ

ก็เป็นอันจบทริปหลังจากแวะชมพระประโทนเจดีย์ แต่ไม่มีรูปมาฝากครับเพราะแมมเต็ม
อำลาแสงสุดท้าของวันที่พุทธสถานเก่าแก่ อันเป็นกุศลที่ทำให้เราได้พบเห็นสิ่งสวยงาม
อันสูงค่าของแผ่นดิน ได้อย่างภาคภูมิใจ

    .... เพราะถึงตัวไม่ใหญ่ แต่ใจอิ่มเอม ........

อ๊ะเก่งจัง ตบมือให้ ;D

แกไปทำอะไรบนนั้นวะ สังเคราะห์แสงหรอ ;D

ใบสุดท้ายนี่ที่ไหนเนี่ย สวยงามมากมาย เดาไม่ถูกละ

บรมธาตุชัยนาทครับ วัดนี้เก็บเสมามาสะสมไว้รอบโบสถ์ มีหลายแบบมาก

ใช่ครับผมมีคลอโรฟิลล์ 5555
ว่าแล้วก็อยากไปชัยนาท ได้ยินว่ามีงานศิลปะโบราณมากมาย

ก็ไปดิ

พรุ่งนี้จะไปลังกาแล้ว อยากอยู่กทม.มากกว่าอะ

น้องตั้ว เดินทางปลอดภัยอย่าลืมนำรูปงามๆๆมาฝากน่ะ

พี่ยุทธครับ อาทิตย์หน้าไปดูธรรมาสน์ห่อพลาสติกกันไหม รร.หยุดหรือยังครับ

อยากไปดูธรรมาสน์พลาสติกมั่งอะ :(

โรงเรียนหยุดจริงๆวันที่   ๒๖มีนาคมแต่ถ้าไปในวันอาทิตย์ที่๑๔ก็ได้เลยครับจะได้ไปถ่ายรูปธรรมมาสกันเสียทีใครว่างๆก็เชิญไปด้วยกันนะครับ    ถ้ากบแดงว่างก็จะได้อาศัยไปด้วยไม่ว่างไม่เป็นไรครับ  ส่วนกบดำของข้าพเจ้ากว่าจะได้ต้องรอไปถึงกรกฎาคมโน่นแนะดันมีคนจองตัดหน้าไปนิดนึง

ไปไหนกันหรือคับ ผมขอไปด้วยคน นิ

I wanna go to Koraj, can I be there with you? Ok? ;D


now, I stay in Anuradhapura, Srilanka, everything is Ok, Monuments are numerous and have gigantic size, something can be compare with Sukhothai art but I has not seen anything has really Thai style yet.

yesterday, I just came to Kalayani temple in Colmbo, there are some newly pictures of Phra Ubali (Siamese monk who came to Ceylon in Borommakot perio) and pic of Phra Buddhakosacharn (famous monk whose name is original of Buddahkosajarn building in Ayutthaya). It's very interesting!!

แล้วอย่าลืมถ่ายรูปมาฝากด้วยละคุณกุ

English on tour  ;D

พี่กุ อาทิตย์นี้จะนัดไปดูธรรมาสน์ห่อพลาสติกนะ กลับมาทันไหม

Hi there, I will come home on Sunday krab, cannot have a trip with you, perhaps someone in RuenThai can be join your trip, try to invite them na. 8)

Who is someone ja Kurukula?!?!

ไปไม่ได้เหมือนกัน  น้องกบไม่ว่าง แอ่วเหนือเจ้าาาา

เราน่าจะได้รางวัลนักท่องเที่ยวดีเด่นกันนะครับ ไปได้ตลอดทุกอาทิตย์
สงสัย ททท.ต้องมาให้รางวัลด้านการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว

โหย weekend นี้ มีคนไปแอ่วเมืองเหนือด้วยหรอเนี่ยะ!!! ;D

Hi p; Prae

I wanna go northern too, the weather is so hot, I'am sure you will see the Chubby guy with dark skin next month 555.

หวัดดีคับ... ;D  ผมสมาชิกใหม่อะคับ  เห็นหลายคนเก่งเรื่องศิลปะน่าอิจฉาจัง ผมก็เป็นอีกคนที่ชอบ(ออกแนวบ้า)ศิลปะอยุธยา  คุณสุครีพช่วยแนะนำไรดีให้ผมมั่งนะคาบ

อุ๊ย สมาชิกใหม่ คุณ offzaa ยินดีต้อนรับคะ

บ้า เอ๊ย ชอบศิลปะอยุธยา คอเดียวกับหลายคนในห้องนี้เลยคะ

to kurukula....dark skin chubby girl is right here baby..i think i'm going to be like that soon. Super hot Bangkok!!!

 :)...เห็นแต่ละคนรอบรู้ประวัติศาสตร์ศิลป์  ดูท่าจะรู้เชิงช่างศิลปกรรมไม่เบา  น่าภูมิใจนะคับที่ยังมีกลุ่มชนที่ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้  ยิ่งหลายท่านยังเป็นวัยรุ่นอายุยังน้อยแต่กลับให้ความสำคัญ  ไม่เห็นเป็นเรื่องเชยล้าสมัย  ดีใจที่มีแหล่งข้อมูลดีๆๆแบบนี้เผยแพร่ ไม่ปล่อยให้ประณีตศิลป์ของชาติเก่าคร่ำคร่าไปตามกาลเวลา  ถ้าหากไม่มีผู้สนใจสืบทอดศึกษาหาไม่แล้ววิชาก็จะขาดการงอกเงย (ตอนนี้ผมกำลังทำวิจัยเกี่ยวกับการกระแหนะลาย..คล้ายกับศิลปะนิพนธ์..หากท่านใดมีข้อมูลการกระแหนะลายตั้งแต่สมัยอยุธยาช่วยแนะนำผมด้วยนะคับ  จะเป็นพระคุณยิ่ง) ;D ;D ;D

เจ้าแพรไปเที่ยวไหนอีกละ......รวมตัวเลยๆๆๆๆ  อยุธยาภาคสามดีกว่าาาาาาา   อ๋อ แบบร่างเรือพระราชพิธีสมัยอยุธยาเสร็จแล้วนะค้าบบบบบบ เดี่ยวอัพให้ยลลลลล หุหิหุหิ

สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ   ชมรมนี้จะพัฒนาไปแค่ไหนก็คงอยู่ที่สมาชิกทุกท่านครับ   ผมว่าชมรมเราโชคดีที่มีแต่คนบ้า........งานศิลปกรรม ;Dทำให้มีสีสรรค์ไปอีกแบบครับ   ช่วงนี้ไม่ได้ไปไหน  นัดคุณเนไว้ว่าจะไปถ่ายรูปธรรมมาสแถวนนบุรีกันวันศุกร์นี้ รอคุณเนคอนเฟิมอีกทีหนึ่งครับ   

งืมๆๆ... ??? ผมอยากจะสร้างกระทู้ใหม่อะคับ  แต่ผมทำไม่เปงอะคับ  ช่วยบอกขั้นตอนหรือเข้าสร้างตรงไหนกะผมทีนะคับ  หุหุหุ...มือใหม่สมัครเล่นคร๊าฟ ;)

จะตั้งห้องไหนก็เข้าไปที่ห้องนั้นก่อน เช่น ศิลปวัฒนธรรม,ภาษาวรรณคดี ฯลฯ
มุมบนๆขวามือใกล้กับความคิดเห็นล่าสุด จะมีเขียนว่าตั้งกระทู้ใหม่ครับ

จะไปแฮ๋วตางใดกันหรือครับ ผมไปด้วยคนน่ะ ตอนนี้อยู่โคราชคับ ใครสนใจมาดูวัดในเมืองโคราชเชิญครับ ที่พักฟรี

พี่เซียที่นั่นมีรถโดยสารไปวัดตะคุไหม แล้ววันศุกร์หรือวันไหนสักวันในสัปดาห์นี้จะไปดูธรรมาสน์ห่อพลาสติกกันครับ

พี่ยุทธครับกำลังหาพลาสติกไปห่อธรรมาสน์อยู่ แต่เดาไม่ถูกว่าสักเท่าไหร่ถึงจะพออ่ะครับ พรุ่งนี้คุณติบอจะลองไปดูอีกที่หนึ่ง
เดี๋ยวลงขันกันใครอยากสมทบทุนบ้างครับ แหะๆ

พี่แพรหาว่าใครบ้าอยุธยาครับ เดี๋ยวโดนรุมนะคออยุธยาเขาพวกเยอะ
welcome back chubby guy (with dark skin) when u arrive in BKK.
Have a good trip na chubby girl 55555.

ให้ผมตั้งหระทู้เรือพระราชพิธีรอเลยไหมครับ พี่ทอมมี่

สวัสดีครับคุณoffzaa เรื่องกะแหนะรักกะแหนะลายติดต่อพี่ยุทธเลยครับ

ขอบคุณนะคับ..คุณ virain ที่ช่วยแนะนำ :-[......(พี่ยุทธคาบผมฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ  ผมอยากเห็นงานกระแหนะรักของอยุธยาอะคับ  ขอบคุณล่วงหน้านะคร๊าฟ)

Say hello to new member khun offzaa krab, hope to see you soon.

Hello p-Asia, can I be the first one who book your room in Koraj?, maybe we would have a good trip again.

Hi, N.Virain, you are miss spelling the word "black" na....


Now, I am in Polonnaruwa, the second caspital of Srilanka, it's very looked like Thailand, especially Kampaengpeth and Srisachanalai, I just visit Tivanka temple, it has some mural painting similar to the stone slab carved in tunel of Wat Srichum, Sukhothai, and also has some lion sculpture remind me the singha image in Watmahadhatu Sukhothai

Hope everyone in Thailand will be fine, I just feel worry about some political problem.

สวัสดีครับพี่กุ อย่าลืมนำภาพกลับมาให้ดูบ้างล่ะ ห้ามกั๊กนะ 555
โอเคครับ black chubby guy  ;D

งานกะแหนะรักอยุธยาผมมีไม่มากนัก จัดไปก่อนนิดหน่อยแล้วกันครับ
หีบพระอภิธรรมจาก พช.พระนครครับ
 

...

 ;Dภาพข้างบนงามยิ่งนัก อยุธยาต้นหรือป่าว

 ???

โหหหห น้องเน สวยจังงะ....ว่าแต่มันหมายถึงงานประเภทไหนกันนะ งานกระเหนะ  เหมือนกระแนะกระแน๋ไหมอะ....ฮาาาา

ขอบคุณคับคุณ virain(ว่าแต่มีชื่อเล่นให้ผมเรียกไหมอะ) ภาพสวยมากคับเสียดายเรื่องรายละเอียดของที่มาที่ขาดหายไป  ซึ่งผมจะได้นำไปอ้างอิงแหล่งที่มาเพื่อความชัดเจนของเนื้อหา..  

เฮ้ย ไม่เคยเห็นเลยว่ะ เน วันหลังพาไปดูมั่งน่ะ ที่โคราชมีรถไปปักธงชัย จะมาวันไหนบอกล่วงหน้า นะคับ วันนี้ได้มีโอกาศเข้าไปในพระอุโบสถ วัดบึง สมัยพระนารายณ์ครับ บัวหัวเสาอย่างเดียวกับวัดช่องนนทรี ถ้าจำไม่ผิด น่ะ
พระประธานคงเป็นอยุธยา แต่พระบริวารนั้นสมัยลพบุรี บ้าง อยุธยาบ้าง น่าสนใจดีคับ

จะไปเที่ยวโคราชหรอคับ... :o...บ้านผมอะเด หุหุพึ่งรู้ว่าวัดบึงเก่าถึงขั้นอยุธยา  (คิดว่ามีแต่อิทธิพลเขมร เห็นที่เด่นก็มีแต่ปราสาทหินอะคับ)  ถ้าให้ดีต้องไปช่วงปลายเดือนนะคับ เขาจะมีงานย่า หากจำไม่ผิดน่าจะเป็น วันที่ ๒๓ มีนาคมนี้ วันเปิดงาน เขามีจุดพุสี่มุมเมืองสวยมากคับ ไหว้ย่าโมลอดประตูชุมพล ตอนเย็นๆไปเดินดูพุที่ลานย่ากินบรรยากาศ  งืมๆๆ..โรแมนติกนักแล หุหุ ;D ;D ;D

Hello p-Asia, I never come inside to the ordained hall of Wat Bueng, please take me see there, maybe I will have a trip to Koraj soon.

ครับคุณoffzaa หีบพระอภิธรรมใบนี้อยู่ในพช.พระนครครับ น่าจะพระที่นั่งพรหเมศธาดา?? เป็นห้องตาลปัตรน่ะครับ
อาจผ่านเลยกันไปได้ง่าย ถ้าจำไม่ผิดมีหีบกระแหนะรักนี้อยู่สองใบ ตอนเห็นตาไม่ถึงเลยถ่ายมานิดเดียวเพราะไม่ชอบ
แต่พอพี่กุ ขึ้นไปดูก็มาเล่าให้ฟังถึงหีบกระแหนะครุฑอันนี้อีก เลยเอามาลงให้ดูครับ ส่วนผมไปสนใจหีบพระอภิธรรม
ลายเซิงหวาย หรือใครจะพอใจเรียกลายช่างหลวงอยุธยาก็ได้ 555 แต่เสียดายหีบในนั้นอยู่ในที่มืดและวางติดผนังทำให้
มองเห็นลายไม่ครบทุกด้านเสียใจอยู่

เรียกผมเนก็ได้ครับ แล้วถ้าต้องการภาพไฟล์ใหญ่กว่านี้ก็เมลล์มาขอกันได้ เฉพาะภาพที่ผมถ่ายแล้วมาโพสเองนะครับ
แล้วคุณoffzaaจะดูงานกระแหนะรักไปทำหุ่นหรือครับ

รักกระแหนะ คือ ยางรักที่ผสมกับสมุกใบตอง, ชัน, ปูนขาวแดง, น้ำมันยางเคี่ยวไฟอ่อนๆ จนเหนียวค่อนข้างแข็งจนปั้นได้ไม่คลายตัว
ใช้สำหรับกระแหนะ (คือกดลงบน แม่พิมพ์) ลวดลายต่างๆ หรือกระจังขนาดต่างๆ คลึงเส้นลวด, ใช้ปั้น หรือเสริม หน้าโขนตามส่วนต่างๆ
ที่ต้องการเน้นให้ดูลึก หรือนูนตามลักษณะของหน้า หัวโขน

กระแหนะ ยังหมายถึงงานปูนปั้นปิดทองได้อีก แปลว่าแตะ,เติม ครับพี่ทอมมี่ ส่วนลึกกว่านี้ต้องให้ครูยุทธมาอธิบายต่อ

ถึงพี่แพรครับ อย่าแกล้งๆตอบสิ  ;D

ถึงวัดบึงผมอยากไปมากครับ ได้ยินชื่อมานาน พี่เซียผมขอคำอธิบายเกี่ยวกับสถานที่หน่อยว่าเป็นไงบ้าง จะถ่ายรูปสวยไหม
งานศิลปะสมัยอยุธยาต่างๆอย่างหน้าบัน คันทวย ยังอยู่ดีหรือเปล่าครับ พี่กุผมขอไปด้วยดิ

อ้างอิง http://thaihandiwork.com/changsipmu_j21.php

นี้อีกใบหนึ่งครับ

...

 :o...วู้ฮู้!!!  สุดยอดคับคุณเน  ครุฑถูกใจผมมากเลย ภาพอื่นๆก็ซูมเห็นลายแบบจะแจ้ง  ขอบคุณมากคับผม....งืมๆๆ  (ต้องถูกใจ Advisor วิจัยเราแน่นอนเลย หุหุ..อุตส่ามีคนช่วยขุดกรุงานกระแหนะลายของอยุธยามาให้ดูได้)  ;) ;)

ปล... ???ว่าแต่ผมยังไม่เหงพี่ยุทธเลย...ถ้าไงรบกวนมาเล่าเรื่องกระแหนะลายให้ผมฟังด้วยนะคับ 

ขอบคุณเรือนไทยมากมายคร๊าฟ... ;D

ช่วยแนะนำด้วยนะคับ... :-[
ลองมาดูงานปั้นของผมคับ เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยการกระแหนะลายของผมคับ (ครุฑปั้นจากขี้ผึ้งเพื่อสำหรับทำพิมพ์หล่อ)

พอดีรูปครุฑปั้นขี้ผึ้งผมถ่ายต่อจากคอมอีกที (รูปจิงไฟล์มันใหญ่เกินไปผมเอาลงไม่เปง หุหุ)
งั้นลองมาดูอันที่หล่อด้วยเรซิ่นจากพิมพ์แล้วกันคับ ไม่แน่ใจว่ากระบวนลายพอจะเป็นอยุธยาได้ป่าวคับ ขอผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยนะคับจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวิจัยของผมยิ่ง...งืมๆๆ ;D ;D

สวยๆๆๆงามมากคับ เกินคำบรรยายครับ น้องเน  น้องตั้วกลับจากลังกา  ถ้าไม่มีงานต่อแวะมาเที่ยวโคราชน่ะคับ

ปั้นงานได้สวยดีนะครับ แต่งานกระแหนะรักอย่างที่ว่ามานี้ พี่ยุทธได้ให้คำแนะนำไว้ว่า
ให้ดูงานปูนปั้นก็ได้ หรืองานปั้นหล่อ เพราะเป็นงานปั้นติดเช่นกัน ถ้าจะดูรูปแบบของงานครับ

แนะนำกระทู้นาคสำริดเจ็ดเศียรครับ เพราะการทำงานหล่อแบบไล่ขี้ผึ้งก็ปั้นขี้ผ้งเป็นโครงมา
ติดกระแหนะเช่นเดียวกัน

...

สงกะสัย... ???...คุณพี่ยุทธคงงานยุ่งไม่มีเวลามาตอบกระทู้เลย
งืมๆ...เคลียงานเสร็จไวๆนะคับ ผมรออ่านความรู้จากคุณๆอยู่นา...หุหุ :( :( :(

ขอโทษทีครับช่วงนี้งานมันยุ่งจริงๆ   ส่วนใหญ่เรื่องกระแหนะรักน้องเนก็อธิบายไปแล้วส่วนใหญ่ครับ  คงไม่ต้องอธิบายมากอีกที่เห็นลายกระแหนะสมัยอยุธยาเช่นหีบพระธรรม(มักใช้ปั้นติดกับวัสดุที่เป็นไม้ส่วนมาก)  เป็นการปั้นรักสดติดลงไปบนตัวไม้เป็นส่วนใหญ่   ในรัตนโกสินทร์การกระแหนะมักทำแม่พิมพ์จากหินสบู่แล้วปั้มซ้ำๆกันอันเป็นการทำงานที่ลดเวลาในการทำงานได้มากขึ้น แต่ลวดลายก็จะออกแบนๆไม่งานและสดเป็นปริมาตรเหมือนปั้นสดครับได้อย่างเสียอย่าง   ปัจจุบันในการทำหัวโขนบางที่ยังใช้หินสบู่ทำแม่พิมพ์อยู่(บางคนใช้เรซิ่นในการทำแม่พิมพ์แต่ลายจะไม่คมเท่าหินสบู่เป็นแม่พิมพ์ครับ)ส่วนวัสดุนั้นเปลี่ยนเป็นตัวสีโปว๊รถยนต์ไปเสียเเล้ว    ครับถ้าอยากศึกษารูปแบบผมอยากแนะนำให้ดูพวกงานหล่อโลหะก็ได้  ลายปูนปั้นก็ได้เพราะรูปแบบใกล้เคียงกันต่างกันที่วัสดุในการปั้นครับ  รูปนี้เป็นรูปลายปั้นพระทรงเครื่องเล็กๆแต่ปั้นได้สวยงามมากครับดูแล้วอารมณ์  กระจุ้งกระจิ้งมาก(อารมณ์เหมือนคุณมองดอกโมกเล็กๆ มันทั้งหอมทั้งสวยและละเอียดละออ)ครับ

ลายแต่ละลายปั้นได้ละเอียดละออได้งามปลายสวยงอนและความเด็ดขาดของการบากลาย  สังเกตว่าเป็นการปั้นหล่อแบบเป็นชิ้นๆสามารถถอดเป็นชิ้นๆ มีสลักเป็นเดือยที่เเนบเนียนโดยหัวสลักจะเป็นลายประจำยามได้อย่างแนบเนียนครับ 

อีกอย่างหนึ่งเวลาปั้นลายกระแหนะนั้น  ผู้ปั้นต้องสังเกตเรื่องดังต่อไปนี้  ๑.รูปแบบลาย อันนี้ขึ้ันอยู่กับความชอบและการศึกษาสกุลลายแต่ละสกุล รวมทังองค์ประกอบลายด้วย  ๒.โครงสร้างของลายคืออย่าให้ลวดลายหลุดจากโครงหลักและสังเกตเส้นแกนลายที่ทำให้เกิดความลื่นไหลของลวดลายด้วย(สังเกตพวกลายกนกครับ)๓. ระนาบลายอันนี้ผู้เรียนในปัจจุบันปั้นแล้วไม่คุมระนาบลายให้ดีตั้งแต่การปั้นลายในแต่ละชั้นทำให้ลายหนาเทอะทะพยามยามสังเกตครูโบราณให้มากครับ

อีกรูปหนึ่งครับ

อันนี้เอามาดุเป็นรูปแบบครับเป็นรอยพระบาทซึ่งลายมงคลร้อยแปดเป็นการปั้นรักติดบนปูนปัจจุบันโดนแงะหายไปเกือบหมดแล้วครับ

ลากันด้วยภาพสุท้ายปัจจุบันโดนซ่อมจนหมดแล้วครับเสียดายครับเพราะิอย่างนี้จึงต้องมีการก่อตั้งชมรมขึ้นครับ  ซึ่งผมเชื่อว่าแต่ละคนที่รักงานศิลปะไทยนั้นมีข้อมูลอยู่แต่เรามักหวงแหนข้อมูลที่เราอุตส่าห์เหนื่อยยากไปเก็บข้อมูลมา(แล้วก็ตายไปกลับข้อมูลที่ตนเองเก็บมา) แต่ถ้าแนวคิดยังเป็นอย่างนี้อยู่จะเหมือนกับแนวทางเดิมๆที่เป็นอยู่  ความก้าวหน้าของงานศิลปกรรมไม่ว่าในศิลป ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจารีตประเพณีก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเสียทืี  ลองถามใจตัวเองว่าศิลปกรรมไทยนั้นผมหรือคุณเก็บข้อมูลหมดไหมสำหรับศิลปกรรมทั่วประประเทศ  ตอบได้เลยครับจนตายก็ไม่หมดทำอย่างไรเราจะเก็บข้อมูลวานศิลปกรรมไทยได้มากๆและรวดเร็ว ซึ่งผมคิดว่าเราจะได้เห็นความงดงามของศิปกรรมไทยร่วมกันเรียนรู้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิด เพื่อความจริญงอกงามของศิลปกรรมไทย   ให้ความรู้แก่ผู้อื่นเป็นวิทยาทาน   ผมก็เห็นว่าการตั้งชมรมนี่แหละครับน่าจะเป้นวิธีการที่ดีที่สุดครับฝากเอาไว้ให้คิดครับ  ว่าศิลปกรรมของเราจะอยู่หรือไป :'(

 :o"""""สวยงามมากมายครับพี่ยุทธ..ขอบคุณมากนะครับ จริงอย่างที่ว่าครับอ๊อฟมองการกระแหนะลายของอยุธยานี้เปรียบกับธรรมชาติแลดูมีชีวิตชีวาคงเป็นเพราะการปั้นสดเลยทำให้งานพริ้วไหวไปตามจินตนาการกระมัง แต่ของรัตนะฯดูเรียบร้อยจนทือเป็นบล๊อกๆ เพราะการตีลายจากพิมพ์ดีก็ตรงประหยัดเวลาเมื่อทำคราวละมากๆ แต่ก็สวยกันคนละแบบ

แต่ละภาพสวยงามมากมายครับ ว่าแต่แอบไปไม่ชวนกันเลยครับ