นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย อธิบายว่า
"ดุษฎี”
บาลีเป็น “ตุฏฺฐิ” (ตุด-ถิ) รากศัพท์มาจาก ตุสฺ (ธาตุ = ยินดี) + ติ ปัจจัย, แปลง สต (คือ -ส ที่ ตุสฺ กับ ต ที่ ติ ปัจจัย) เป็น ฏฺฐ
: ตุสฺ + ติ = ตุสติ (สต > ฏฺฐ) > ตุฏฺฐิ (อิตถีลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะเป็นเหตุยินดี” หมายถึง ความชื่นชม, ความรื่นเริง, ความบันเทิง (pleasure, joy, enjoyment)
“ตุฏฺฐิ” สันสกฤตเป็น “ตุษฺฏิ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า -
“ตุษฺฏิ : (คำนาม) ‘ดุษฎี,’ ปรีติ, อภิลาษ, ความปลื้มใจ, ความพอใจ, ความยินดียิ่งในสิ่งที่พึงได้; มาตฤหรือเทพมารดาองค์หนึ่ง; pleasure, satisfaction, gratification, content, extreme satisfaction or delight in the thing possessed or obtained; one of the Mātris or divine mothers.”
ตุฏฺฐิ > ตุษฺฏิ ภาษไทยใช้อิงสันสกฤตเป็น “ดุษฎี”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ บอกไว้ว่า -
“ดุษฎี : (คำนาม) ความยินดี, ความชื่นชม. (ส. ตุษฺฏิ; ป. ตฏุฐิ).”
ดุษฎี + บัณฑิต = ดุษฎีบัณฑิต แปลเอาความตามศัพท์ว่า “บัณฑิตผู้ควรแก่การชื่นชมยินดี”
“ดุษฎีบัณฑิต” เป็นคำที่บัญญัติขึ้นใช้ในภาษาไทย ไม่มีรูปศัพท์ “ตุฏฺฐิปณฺฑิต” เช่นนี้ในคัมภีร์
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ บอกไว้ว่า -
“ดุษฎีบัณฑิต : (คำนาม) ปริญญาเอก; ผู้ได้รับปริญญาเอก.”คนไทยนิยมเรียกผู้ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตตามคำฝรั่งว่า “ดอกเตอร์”
พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล doctor ในความหมายนี้เป็นบาลีว่า -
(๑) bahussuta พหุสฺสุต (พะ-หุด-สุ-ตะ) = พหูสูต, ผู้คงแก่เรียน
(๒) paṇḍita ปณฺฑิต (ปัน-ดิ-ตะ) คำเดียวกับ “บัณฑิต” ที่เราใช้กันในภาษาไทย เพียงแต่ไม่มี “ตุฏฺฐิ - ดุษฎี” เข้ามานำหน้า
https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/1127325357361200