เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 105 เมื่อ 09 มี.ค. 18, 15:44
|
|
กำลังมีการฟื้นฟูผ้าลายอย่างในเมืองไท แต่อาจารย์ประภัสสร ผู้ศึกษาผ้าลายอย่างในสยาม ได้ให้ข้อมูลว่าผ้าลายอย่างนั้นเป็นผ้าเขียนลาย ทางราชสำนักไทยออกแบบลายส่งไปให้ทางอินเดียเขียนลายตามนี้โดยส่งไปแถบโจฬะมณฑลเจ้าค่ะ คลิปอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง กรรมวิธีพิมพ์ "ผ้าลายอย่าง" แบบโบราณ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 106 เมื่อ 09 มี.ค. 18, 15:55
|
|
น้ำปลาที่ชาวบ้านทำ จากการเอาปลาตัวเล็กตัวน้อยมาหมักเกลือใส่ไหทิ้งเอาไว้ ทำกันเป็นของกินในครัวเรือนมานานแล้ว ส่วนโรงงานน้ำปลาเพิ่งมาผลิตกันเป็นอุตสาหกรรมก็สมัย 2456 อย่างที่คุณเพ็ญชมพูยกมา คนไทยกินปลาเป็นหลัก ตั้งแต่โบราณ ของกินที่ทำจากปลามีมากมายตั้งแต่ปลาแห้ง ปลาเค็ม ปลาร้า และน้ำปลา ลองมาอ่านเมนู พระราชนิพนธ์กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานกันดีกว่า
๏ แกงไก่มัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย หอมยี่หร่ารสฉุน เฉียบร้อน ชายใดบริโภคภุญช์ พิศวาส หวังนา แรงอยากยอหัตถ์ข้อน อกให้หวนแสวง ๚
๏ มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา ๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ ๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง ๏ หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย ๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ ๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ ๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น ๏ ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ ๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม แกงคั่วส้มใส่ระกำ รอยแจ้งแห่งความขำ ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม ๏ ช้าช้าพล่าเนื้อสด ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์ ๏ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทำเมืองบน ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทรคิดแนบนอน ๏ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน เจ็บไกลในอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง ๏ รังนกนึ่งน่าซด โอชารสกว่าทั้งปวง นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน ๏ ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ ๏ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน ผักหวานซ่านทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ๚
ในนี้ พูดถึงน้ำปลาญี่ปุ่น แสดงว่ามีน้ำปลาไทยมาก่อนแล้ว เมื่อมีซอสเค็มของญี่ปุ่นเข้ามา จึงเรียกว่าน้ำปลาญี่ปุ่น รายการอาหารข้างบนนี้ มียำ มีแกงน้ำข้น อย่างแกงคั่วและแกงเทโพ พวกนี้ถ้าไม่ใส่น้ำปลาคงกินไม่ลง จะใช้เกลือแทนรสก็คงไม่เข้ากันเท่าน้ำปลานะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 107 เมื่อ 09 มี.ค. 18, 16:00
|
|
ลองคิดดูว่า เมนูอาหารปัจจุบันที่แม่การะเกดทำโชว์คุณหลวงและคนในบ้านให้ฮือฮากันว่าไม่เคยพบเห็น น่าจะมีอะไรได้บ้าง ถ้าหามะเขือเทศได้ แม่การะเกดน่าจะทำข้าวผัดอเมริกัน ขนมจีีนน้ำยาปักษ์ใต้ กุ้งอบเกลือ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย หอยทอด ขนมผักกาด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 108 เมื่อ 09 มี.ค. 18, 16:14
|
|
น้ำปลาญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นน้ำปลาทำจากปลาจริงหรือซอสอย่างอื่นเช่นโชยุที่ทำจากถั่วเหลือง แต่ก็เป็นของนอก คงมีใช้แต่ในรั้วในวังแลสังคมไฮโซ คงไม่มีใช้แพร่หลายในระดับชาวบ้านดอก https://www.silpa-mag.com/club/art-and-culture/article_11258ลองคิดดูว่า เมนูอาหารปัจจุบันที่แม่การะเกดทำโชว์คุณหลวงและคนในบ้าน แม่หญิงการะเกดแอบมากระซิบว่า "คุณพี่เพิ่งได้รับการอวยยศเป็นท่านขุน (ขุนศรีวิสารวาจา) เองเจ้าค่ะ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 109 เมื่อ 09 มี.ค. 18, 16:48
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 110 เมื่อ 09 มี.ค. 18, 16:52
|
|
คุณเทาชมพูเคยถามเกี่ยวกับการพระราชทานผ้าสมปัก ต้องชั้น ขุน ขึ้นไปหรือเปล่าคะ ในบุพเพสันนิวาสตอนที่ ๖/๖ พอจะมีคำตอบอยู่ มีฉากที่คุณพี่ได้รับการอวยยศเป็นขุนศรีวิสารวาจา และได้รับพระราชทานผ้าสมปักจากพระหัตถ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 111 เมื่อ 09 มี.ค. 18, 17:03
|
|
แต่การแต่งกายเข้าเฝ้าของท่านขุนดูจะไม่ถูกต้อง ลาลูแบร์เล่าไว้ในหนังสือของท่านว่า ฝ่ายพวกอำมาตย์หรือขุนนางนั้น นอกจากนุ่งผ้าแล้ว ยังสวมเสื้อครุยผ้ามัสลินอีกตัวหนึ่งใช้เหมือนเสื้อชั้นนอกหรือเสื้อคลุม (ถึงเข่า) เขาจะเปลื้องมันออกแล้วม้วนมันเข้าไว้กับบั้นเอว เมื่อเข้าไปหาขุนนางผู้ใหญ่ที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงกว่าตน เป็นการแสดงว่าเขาเตรียมพร้อมอยู่เสมอที่ท่านผู้ใหญ่จะบัญชาให้ไปไหนได้ดังใจเดี๋ยวนั้น นอกไปกว่านั้น บรรดาขุนนางที่เราเห็นเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามในท้องพระโรงนั้น ก็คงนุ่งห่มเสื้อผ้าเต็มยศตามธรรมเนียมขุนนางสยามมีงานพระราชพิธี ฉะนั้นจึงต้องสวมลอมพอกสูงมียอดแหลมไว้กับศีรษะ เสื้อครุยนี้ไม่มีคอ เสื้อตั้งขึ้นไปและแหวกเปิดทางด้านหน้า โดยผู้แต่งมิได้สนใจที่จะกระชับชายให้ปรกกันเพื่อปิดหน้าท้องของตนแต่ประการใด คือต้องใส่เสื้อชั้นในอีกตัวหนึ่ง แล้วสวมเสื้อครุยทับอีกที ไม่ใช่ใส่เสื้อครุยตัวเดียวอย่างท่านขุน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 112 เมื่อ 09 มี.ค. 18, 17:06
|
|
คุณพระพิมานสถานมงคลแห่งศรีอโยธยาดูจะแต่งกายเข้าเฝ้าถูกต้องตรงกับที่ลาลูแบร์บรรยายไว้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
superboy
|
ความคิดเห็นที่ 114 เมื่อ 09 มี.ค. 18, 21:06
|
|
https://twitter.com/dumbangnaมีกาแฟแก้วพลาสติกด้วยครับ มุมซ้ายล่างเหนือชื่อละคร เห็นเขาลือว่าอันนี้ตั้งใจหลุด ส่วนทีมงานสวมกางเกงยีนส์นั่นไม่ได้ตั้งใจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 115 เมื่อ 09 มี.ค. 18, 21:10
|
|
การค้าขายของอยุธยา น่าจะล้ำสมัยกว่าเอเชียทั้งหมด และมั่งคั่งเกินหน้าประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ แค่ค้าสตาร์บัคกับอเมซอน ก็รวยไม่รู้เรื่องแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Pat
อสุรผัด
ตอบ: 7
|
ความคิดเห็นที่ 116 เมื่อ 09 มี.ค. 18, 23:23
|
|
ผ้าสมปัก
เป็นเสมอเหมือนเครื่องยศเฉกเช่นสมัยนี้ใช่ไหมคะ อย่างนี้ ผ้าสมปักก็คงมีหลายแบบลาย หมายถึงแบ่งแยกเป็นหลายแบบตามตำแหน่งยศใช่ไหมคะ
ถ้าใช่ แล้วถ้าได้อวยยศ เลื่อนยศสูงขึ้น ต้องนำผ้าสมปักประจำตำแหน่งเดิมคืนราชสำนักไหมคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Pat
อสุรผัด
ตอบ: 7
|
ความคิดเห็นที่ 117 เมื่อ 09 มี.ค. 18, 23:51
|
|
ผ้าลายอย่างอีกคลิปค่ะ
หัวใจในลายผ้า : ผ้าลายอย่าง จากจิตรกรรมวัดใหญ่สุวรรณาราม
เครดิตคลิป ช่องไทยพีบีเอส รายการไทยบันเทิง (Thaibunterng ThaiPBS YouTube)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 118 เมื่อ 10 มี.ค. 18, 09:49
|
|
ย้อนกาลกลับไปเรื่องของกินจานเด็ดที่แม่การะเกดสำแดงฝีมือ ปรากฏว่ามีส่วนประกอบสำคัญ เป็น พืชจากโลกใหม่(ทวีปอเมริกา) นั่นคือ พริก (ถ้าทำส้มตำก็จะมี "พืชใหม่" อื่นๆ ร่วมด้วย นั่นคือ มะละกอ กับ มะเขือเทศ)
ประวัติความเป็นมาของพริก โดย สุทัศน์ ยกส้าน ที่ manager.co.th บอกว่า
Alvarez Chanca ชาวสเปนเป็นบุคคลแรกที่นำพริกสู่ประเทศตน ในปี 2036 และ คนสเปนเรียก พริกว่า Chili ซึ่งเป็นคำที่แปลงมาจากคำ Chile อันเป็นชื่อของประเทศที่ให้กำเนิดพริกในอเมริกาใต้ และ อีก 55 ปีต่อมา ชาวอังกฤษก็เริ่มรู้จักพริก เมื่อถึงปี 2098 บรรดาประเทศต่างๆ ในยุโรปกลางก็เริ่มรู้จักปลูก พริกกันแล้ว และเมื่อถึงปี 2300 พ่อค้าชาวโปรตุเกสก็ได้นำพริกจากยุโรปไปปลูกในอินเดีย และเอเชียอาคเนย์
ส่วน “น้ำพริกเสฉวน”รสเผ็ดร้อนของมังกรไฟ ที่ goodlifeupdate.com บอกว่า
ในปลายศตวรรษที่ 15 โคลัมบัสนำพริกจากทวีปอเมริกามายังยุโรป และร้อยปีถัดมาพริกจึงเข้าสู่ประเทศจีน ซึ่งมณฑลเสฉวนเป็นถิ่นที่มีความชื้นสูง ฝนตกชุกต้องการพริกมาเพิ่มความเผ็ดร้อนเพื่ออบอุ่นร่างกาย
พริกขี้หนูจึงได้กลายมาเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องจิ้มแก้เลี่ยนนั่นคือ น้ำพริกเสฉวน ที่มีส่วนประกอบร่วม ด้วยช่วยร้อน นั่นคือ ชวงเจีย (มะแขว่น) และ พริกไทย(เดิมของแถบถิ่นนี้)
เต้าหู้ผัดซอสพริกเสฉวน(ไทยรัฐ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 119 เมื่อ 10 มี.ค. 18, 09:50
|
|
เพื่อนที่ทำน้ำพริกจิ้มบรรจุขวดมีชื่อเคยเล่าว่า ทุกวันนี้ไร่พริกที่ปลูกผูกการนำเข้าเมล็ดเพาะพันธุ์มาจากอเมริกา
(farmthailand.com)
หลังจากปลูกพริกลงแปลงแล้ว 90 วัน พริกจะเริ่มแก่เป็นสีแดง และเริ่มเก็บผลผลิตรุ่นแรกเมื่ออายุ ประมาณ 100 วัน และเก็บต่อไปเรื่อยๆ 15 วันต่อครั้ง โดยเฉลี่ยจะได้พริกสดครั้งละ 100 กก.ต่อไร่ ถ้าดูแล รักษาดี และ ให้น้ำเพียงพอ พริกจะมีอายุเก็บเกี่ยวได้นานถึง 8 เดือน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|