เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 23 มิ.ย. 08, 20:28



กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 23 มิ.ย. 08, 20:28
          ผมมีโอกาสไปที่กรมปศุสัตว์ แล้วบังเอิญเข้าไปเห็นกรงสัตว์ปีกจำพวกเป็ด มีป้ายชื่อชนิดของเป็ดฝูงนี้ เขียนข้อความว่า เป็ดปากน้ำ เป็ดหายากพันธ์พื้นเมือง แล้วยังมีคำอธิบายด้านล่างอีกด้วยว่า เป็นเป็ดพันธ์ปากน้ำฝูงสุดท้าย ที่ทางกรมปศุสัตว์เพาะเลี้ยงไว้ เพื่อไม่ให้สูญพันธ์ (ผมนับได้ ๑๘ ตัว ปี ๒๕๔๘)

          นึกภาพสมัยเด็กขึ้นมาทันที จำได้ว่า ที่ปากน้ำของเรา โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ เคยมีการเลี้ยงเป็ด และการทำไข่เค็มขายกันมาก แต่ละฟาร์มเลี้ยงกันเป็นพันๆตัว แต่ก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่า เป็นเป็ดพันธ์พื้นเมือง หรือที่เรียกกันว่า เป็ดประจำถิ่น

             ผมจึงรีบเดินเข้าไปสอบถามเพิ่มเติม จากเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ เพื่อนำมารวมกับเรื่องราวที่มีอยู่ ทำให้ได้ข้อมูลน่าสนใจ เกี่ยวกับเป็ดที่มีกำเนิดตรงพื้นที่บริเวณปากน้ำเจ้าพระยา เป็ดที่มีชื่อใกล้ตัวเรา แต่กลับกลายเป็นเป็ดพันธ์ที่ถูกลืม จนแม้ชาวจังหวัดสมุทรปราการเอง แทบไม่มีใครรู้จัก


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 23 มิ.ย. 08, 21:52
             จากข้อมูลทั่วไปของกรมปศุสัตว์ เป็ดปากน้ำ เดิมเป็นเป็ดที่นิยมเลี้ยงกันมากในเขตปากอ่าวไทย อันได้แก่ สมุทรปราการ สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และบริเวณชายฝั่งทะเล เป็นเป็ดพันธ์เล็ก ตัวเมียมีปากเทา ลำตัวสีดำ อกสีขาว ตัวผู้มีขนสีเขียวเงาบริเวณส่วนหัว ลำตัวเล็กกว่าเป็ดนครปฐม ขนาดไข่ก็เล็กกว่า เริ่มมีการวางไข่เมื่ออายุ 5-6 เดือนขึ้นไป ตัวผู้มักจะมีการเลี้ยงเป็นเป็ดเนื้อ แต่ด้วยเหตุที่มีขนาดไม่โต ปัจจุบัน จึงไม่เป็นที่นิยมเลี้ยงเพื่อบริโภคเนื้อ


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 23 มิ.ย. 08, 22:07
           ในปี พ.ศ. ๒๔๗๔ มีบันทึกของคุณพ่อวิกเตอร์ ชื่อไทยคือ วิรัตน์ ธงชัย คุณพ่อวิกเตอร์ เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ ๘ แห่งวัดเข้ารีต ชื่อวัดเป็นทางการในปัจจุบัน คือ วัดอัครเทวดาราฟาแอล ที่ตั้งอยู่บริเวณตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ คุณพ่อวิกเตอร์ ได้เล่าถึงการจัดกิจกรรม เพื่อหารายได้เข้าวัด ตามกิจการที่นิยมทำกันในเขตนั้น คือ การเลี้ยงเป็ด โดยอาศัยเป็ดพันธ์ และภูมิความรู้จากชาวบ้านเข้ารีตในเขตใกล้เคียง

              ตำบลท้ายบ้าน ตั้งอยู่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งซ้าย มีคลองชื่อ คลองปากน้ำ ขวางกั้นระหว่างตลาดในเมือง กับ ชุมชนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ชาวบ้านจึงเรียก ชุมชนที่ไปมาลำบากมีคลองขวางกั้นนี้ว่า ท้ายบ้านตลาด ปัจจุบัน เรียกกันสั้นๆ ว่า ท้ายบ้าน
 
              วัดเข้ารีต ที่อาศัยอยู่ทางฝั่งท้ายบ้านตลาด จึงต้องมีกิจกรรมช่วยเหลือตัวเอง เพื่อไม่ให้ขาดแคลนอาหาร มีการจัดการทำนาริมทะเลในบริเวณวัด บนที่ดินที่เป็นที่ลุ่ม เพื่อให้ได้ข้าวมาบริโภค ส่วนการเลี้ยงเป็ดนั้น ตามบันทึกของวัดแจ้งว่า คุณพ่อวิกเตอร์ ได้พัฒนาจัดการเลี้ยงเป็ด พันธุ์เป็ดปากน้ำ เป็นจำนวนหลายพันตัวเลยทีเดียว โดยวัดเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ขณะที่ให้คนโรงครัวของวัดเป็นผู้ช่วยกันดูแล


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 24 มิ.ย. 08, 00:14
แหล่งกำเนิด เป็ดปากน้ำ

               ต้นกำเนิดของเป็ด ในเขตท้ายบ้าน สมุทรปราการ มาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ โดยชาวจีนที่อพยพ เข้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ กลุ่มคนจีนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เดินทางมาจากพื้นที่ตอนใต้ของจีน ทั้งจากเมืองซัวเถา เมืองแต้จิ๋ว และเมืองฮงสุน อันเป็นพื้นที่เลี้ยงเป็ดขนาดใหญ่ของจีน นอกจากการทำนาทำสวน ในยามว่าง ชาวจีนแต่ละบ้าน จะมีการเลี้ยงเป็ด ทั้งเป็ดเนื้อ และเป็ดไข่ ใครที่เคยเดินทางเข้าจีนทางสนามบินที่ซัวเถาในปัจจุบัน ก็ยังคงสังเกตุเห็น ฟาร์มเลี้ยงเป็ดตลอดสองข้างทาง พร้อมป้ายโฆษณาเป็ดพะโล้ และคอเป็ดทั้งดุ้นรมควัน เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงของเค้า

               เมื่ออพยพเข้ามาเมืองไทย ชาวจีนเหล่านี้  ก็จะนำเป็ดพันธ์ ติดตัวมาเพาะเลี้ยงจนขยายวงกว้าง เกิดเป็นกิจการฟาร์มใหญ่ทั่วประเทศ มักจะเริ่มกิจการ ในเขตรอบนอก ที่มีชาวจีนจับกลุ่มอาศัยอยู่  ที่กรุงเทพฯ อย่างในเขตคลองเตย ก็มีความนิยมทำฟาร์มเป็ดขนาดใหญ่ ตั้งแต่ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง

                หลายท่านอาจไม่ทราบว่าไข่ที่ทานกันในสมัยก่อนนั้น คือ ไข่เป็ด ภาพในหนังสือเรียนก็จะเห็นเป็นไข่สีขาว เพราะเป็นไข่เป็ด ไข่แดงที่ใช้ทำขนมต่างๆ ก็เป็นไข่เป็ด ไข่เค็มที่ทานกันก็เป็นไข่เป็ด ความนิยมบริโภคไข่ไก่นั้น เพิ่งจะเริ่มกันมาไม่นานนี่เอง 

 


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 24 มิ.ย. 08, 08:30
คุณแม่ชอบทอดไข่เป็ดให้รับประทานค่ะ นานๆจึงจะได้กินไข่ไก่เสียที ไข่เป็ดสมัยก่อนอร่อยมาก เดี๋ยวนี้ ก็ยังชอบตุนไว้ในตู้เย็นทั้งสองแบบ แต่เน้นไข่เป็ดมากกว่า วันก่อนไปตลาดคลองสวน เขาทำไข่เค็มเป็นล่ำเป็นสัน ยังอร่อยไม่เท่าที่เคยลิ้มรสตอนเด็กๆ
คุณปากน้ำคะ ดิฉันเคยไปซัวเถา ไม่ทราบเลยว่า เขาทำฟาร์มเป็ดกัน ทราบแต่ว่า ฟัวกราส์ของซัวเถานั้น เลิศมาก


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 24 มิ.ย. 08, 12:25
ผมมีบรรพบุรุษ (ตั้งแต่รุ่นปู่) อาศัยอยู่ที่เมืองฮงสุน ห่างซัวเถาประมาณ ๘๐ กิโลเมตร
ทราบว่าเลี้ยงเป็ดกันมาแต่ต้น เวลาไปเที่ยว เค้าก็จะเอาเป็ดพะโล้ตัวโตๆ กับคอเป็ดรมควันมาจัดเลี้ยง
เนื้อจะหยาบ และมันเหลือเกิน เวลาเราแยกหนังมันๆออก เค้าก็จะมองด้วยสีหน้าประหลาด

เรื่องความมันของอาหารที่ซัวเถา และฮงสุน ต้องขอยอมแพ้
ที่โรงแรมจัดเลี้ยงอาหารเช้า ก็ขาหมู หมั่นโถว แล้วครับ

ไม่ทราบมาก่อนเหมือนกันว่า ฟัวกราส์ของซัวเถา เลิศมาก
ไปคราวหน้าต้องขอลองครับ


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 24 มิ.ย. 08, 12:46
      ความโด่งดังของเป็ดปากน้ำนั้น ส่วนใหญ่จะพูดกันถึงเรื่องไข่ การมีไข่แดงที่ใหญ่ สีแดงสด สวย ทำให้ผู้บริโภคติดใจในรสชาติ เหมาะสำหรับการทำขนมไทย ทอดทำอาหาร และทำไข่เค็ม ทั้งนี้เพราะเป็ดแต่ละตัวได้อาหารที่มีประโยชน์จากธรรมชาติ จากพื้นที่ชายทะเลปากน้ำ ซึ่งเต็มไปด้วยกุ้ง ปู และหอย

      ตำบลท้ายบ้านในสมัยก่อน เวลาเดินบนถนนจะมีเสียงกรุบกรอบ หากมองดูที่พื้นดิน ก็จะเห็นเป็นเศษเปลือกหอยตลอดซอย เศษหอยเหล่านี้ก็คือ หอยกะพง......หอยกะพงที่ท้ายบ้านนั้น มีมากมาก....มากจนเมื่อเหลือจากการเป็นอาหารให้เป็ดแล้ว ยังเหลือทิ้ง จนสามารถนำมาถมพื้นถนนได้ทุกซอกซอย

      หากจะเปรียบไข่เป็ดปากน้ำ ในปัจจุบัน ก็น่าจะคล้ายไข่เป็ดไชยา ที่มีแหล่งอาหารทะเลหาง่าย เป็นอาหารเสริมสำหรับตัวเมีย ไข่แดงที่ออกมาจึงสวยและใหญ่


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 24 มิ.ย. 08, 23:00
ปลาเป็ด

           นอกจากหอยกะพงแล้ว เป็ดปากน้ำยังโชคดี ที่ได้กินปลาสดๆ จากชาวประมงอีกด้วย ชาวท้ายบ้านส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนอพยพที่มีความชำนาญทางการประมง การเลือกเข้ามาอยู่ทำเลปากน้ำเจ้าพระยา ก็เพื่อสะดวกในการเข้าออกเรือนั่นเอง
 
           ก่อนออกเรือไปครั้งละหลายวัน ชาวประมงจะต้องตระเตรียมเสบียงอาหาร ที่นิยมก็คือ ไข่เค็ม ซึ่งเป็นอาหารราคาถูก และเก็บได้นาน แต่ละครั้ง เมื่อกลับเข้าฝั่งพร้อมจับปลามาเต็มลำเรือแล้ว จะมีการคัดแยกปลาใหญ่ ที่สามารถนำไปขายได้ออก ส่วนปลาเล็กปลาน้อย ปลาเบญจพรรณ ที่คนไม่นิยมกินกัน ซึ่งมีถึงหนึ่งในสาม ชาวประมงก็จะนำมาแลกกับไข่เค็ม ไว้เป็นเสบียงในการออกเรือครั้งต่อไป เป็ดปากน้ำ ก็เลยโชคดีมาก ที่นอกจากหอยกะพงแล้ว ยังได้ปลาสดพอคำ กินเป็นอาหาร โดยเจ้าของฟาร์มเป็ด ก็ไม่ต้องใช้เงินซื้อ เพียงแต่นำไข่สด หรือไข่เค็มไปแลก ปลาเล็กปลาน้อยที่นำมาใช้เลี้ยงเป็ดนี่เอง ที่เป็นที่มาของคำว่า ปลาเป็ด
           
           กล่าวโดยสรุป คำว่าปลาเป็ด ก็คือ พวกปลาเบ็ญจพรรณ ที่ได้จากการลากอวน ได้แก่ ปลาทู ปลาข้างเหลือง ปลาหางแข็ง และปลาชนิดอื่นๆ ที่มีขนาดเล็ก ซึ่งไม่เหมาะที่คนจะนำไปกิน    


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 25 มิ.ย. 08, 20:30
คนจีนที่ปากน้ำ

   ทั้งตลาดปากน้ำ และท้ายบ้านตลาด ถือเป็นเมืองอิทธิพลของคนจีน สมัยรัชกาลที่ ๒ เมื่อได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเสาหลักเมืองสมุทรปราการ ก็ยังต้องทำการฝังเสาหลักเมือง ภายในบริเวณศาลจีน ด้านข้างองค์เจ้าพ่อ เราจึงเรียกชื่อศาลที่รวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง ๒ อย่างนี้ว่า “ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง” การแสดงความเคารพศาลแห่งนี้ จึงถือเป็นการยอมรับธรรมเนียมปฏิบัติซึ่งกันและกัน ทำให้ชาวปากน้ำไม่ว่าไทยหรือจีน ต่างจึงมีกิจกรรมร่วมกันเวลามีงานในระดับจังหวัด 

ภาพชุมชนจีนริมคลองปากน้ำฝั่งตลาด อีกฝั่งเป็นท้ายบ้านตลาด
เจ้าของภาพบอกว่า เป็นภาพระหว่างงานเจดีย์ ปี ๒๔๖๙




กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 25 มิ.ย. 08, 22:21
ภาพภายในศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
เสาหลักเมือง ตั้งอยู่ข้างซ้ายของเจ้าพ่อจีน


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 25 มิ.ย. 08, 22:41
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ ชาวประมงบางส่วนต่างหากันหนีทหาร โดยการออกเรือหาปลาไปเรื่อยๆ
บนเรือมีไข่เป็ดสด ไข่เค็ม เลี้ยงเป็ดไข่ มีดินเหนียวหมักเกลือไว้ห่อไข่เป็ดที่ฟักออกมาใหม่ เพื่อถนอมเป็นไข่เค็ม
ปลาที่จับได้ก็รอเรือลำอื่นมาซื้อ ถ่ายลำไปส่งในแผ่นดิน
อยู่จนทุกอย่างหมด เป็ดก็เชือดกิน สามารถอยู่หลบเลี่ยงทางการได้ครั้งละ ๖ เดือน

ปัจจุบัน เจ้าของภาพเป็นเจ้าสัวใหญ่ มีกิจการห้องเย็นส่งอาหารทะเลออกนอก
ในภาพ คือ เรือใบปีกแข็ง ที่ปากน้ำเจ้าพระยา


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 25 มิ.ย. 08, 22:58
ส่วนปลาเป็ดที่ได้มาแต่ละครั้ง นอกจากนำไปแลกไข่เป็ดแล้ว ปรากฏว่า คนจีนก็คือคนจีน ที่ไม่ว่าอะไรก็สามารถนำมาต่อยอดทำการค้าได้ เมื่อมีปลาเป็ดมากๆ จนเหลือ ก็เริ่มคิดที่จะหาวิธีเพิ่มมูลค่าของเศษปลาเล็กปลาน้อยที่ได้มา เพื่อเป็นวัตถุดิบในการเริ่มกิจการอีกหลายอย่าง เช่น

1. นำมาหมักเกลือ ทำให้ที่ท้ายบ้าน มีโรงงานน้ำปลาเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด 
2. นำมาอบแห้ง บดทำเป็นปลาป่นเพื่อทำอาหารสัตว์ ใครที่เข้ามาในเขตท้ายบ้าน จะได้กลิ่นโชยรุนแรง หลายคนคิดว่า เป็นกลิ่นจากโรงงานฟอกหนัง แท้จริงแล้วเป็นกลิ่นที่เกิดจากโรงงานปลาป่น

มีคำถามครับ
ทราบมั้ยครับว่า น้ำปลา มีต้นกำเนิดจากที่ไหน เพราะคนจีนที่ผมรู้จักบอกว่า ไม่เคยมี และกินไม่ได้ มันเหม็นคาว   


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 25 มิ.ย. 08, 23:55
เข้าใจว่าหลายๆชาติละแวกนี้ใช้น้ำปลาคล้ายๆกันครับ

เคยกินของเวียดนาม เรียกว่า เนื้อกม้าม ดูเหมือนจะไม่เค็มเท่าของไทยเรา แต่ไม่แน่ใจว่าที่ได้กินนี่เขาปรุงมาก่อนแล้วหรือเปล่านะครับ


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 26 มิ.ย. 08, 07:41
ไปเมืองจีนมาหลายครั้ง เจอแต่ซีอิ๊วทุกมื้อ เบื่อมากๆ โหยน้ำปลาค่ะ เพราะอาหารจีนจืดและเลี่ยน ที่จริงดิฉันไม่ชอบน้ำปลาเฉยๆ ชอบน้ำปลาพริกมะนาวหอมกระเทียมครบสูตร
น้ำปลาเกิดที่เมืองไทยแน่นอนค่ะ เมืองชลหรือปากน้ำคะ


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: หมีใหญ่ ที่ 26 มิ.ย. 08, 12:18
น้ำปลาเวียดนามนอกจากไม่เค็มแล้วยังไม่หอมด้วยครับ เห็นเครื่องปรุงเป็นเกลือมากว่าครับ  ถ้าจำไม่ผิดตอนไปกัมพูชาก็ไม่เห็นน้ำปลาครับ ที่ลาวมี สีดำเหมือนกันแต่รสเหมือนน้ำเกลือมากกว่าครับ


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 26 มิ.ย. 08, 23:15
พัฒนาการของโรงงานน้ำปลาในปากน้ำเป็นไปอย่างรวดเร็ว และจบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ตอนเด็กๆ จำได้ว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียน ถ้าบอกว่ามาจากฝั่งท้ายบ้าน ทุกคนก็จะทราบกันดีว่า ลูกเสี่ยโรงน้ำปลา แต่ก็ไม่ทราบด้วยเหตุผลใด พอโตขึ้นพวกลูกเสี่ยเรียนจบมาไม่มีงานทำ โรงงานที่รุ่นพ่อสร้างไว้ก็ปิดหมด

ปัจจุบัน มีโรงงานน้ำปลาขนาดใหญ่ที่เข้ามาเปิดโรงงานในปากน้ำ  เป็นของทั่งซังฮะ ผู้ผลิตน้ำปลายี่ห้อที่รู้จักกันดี คือ ทิพย์รส แต่ก็มีพื้นเพมาจากทางชลบุรี เคยไปเยี่ยมชมที่โรงงานต้นแบบที่บางแสน ท่านประธานบริษัทอายุ ๘๑ ปีเล่าว่า เริ่มทำกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ ท่านไม่ได้เล่าว่าได้สูตรมาอย่างไร แต่ท่านยืนยันว่าไม่ใช่ของจีน

ผมไปเวียตนามมาเมื่อเดือนเมษายน มีคนเวียตนามเค้าคุยว่า โรงงานน้ำปลาทางตอนใต้ของเค้า หมักหัวเชื้อสูตรพิเศษส่งขายโรงงานน้ำปลาในเมืองไทย เพื่อเข้าขบวนการผลิตน้ำปลาใหม่ แปะยี่ห้อไทย

ยังสงสัยเรื่องที่มาของน้ำปลาอยู่เลยครับ   ??? 


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 26 มิ.ย. 08, 23:24
ยังมีเรื่องราวคนจีนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เข้ามาทางปากน้ำ แล้วต้องคอยหลบเลี่ยงไม่ให้ทางการไทยจับได้ กลุ่มนี้จะคอยทอดเรือตรงปากแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งขวา คือ ฝั่งป้อมพระจุลจอมเกล้า ห่างด้านหลังป้อมประมาณ ๒ กิโลเมตร เป็นป่าชายเลนที่แม้ปัจจุบันก็ยังเข้าไปลำบาก ยากที่ทางการไทยจะตามเจอ มีชุมชนเก่าแก่ที่ชื่อ บ้านขุนสมุทร

คนจีนที่หนีภัยสงครามเข้ามาใหม่ๆ ที่เรียกกันว่า ซินตึ๊ง มักจะหลบไปอยู่ที่นั่น ตั้งเป็นชุมชนจีนอยู่ใกล้ๆหมู่บ้านเดิม ชาวบ้านเรียกกันว่า บ้านขุนสมุทรจีน หมู่บ้านที่กำลังมีข่าวออกทีวีเรื่องราวแผ่นดินถูกนำทะเลเซาะหายเข้ามาหลายกิโลเมตร ปัจจุบัน ชาวบ้านที่นี่กลายเป็นไทยหมดแล้ว พูดจาก็เหน่อนิดนิดแบบชาวปากน้ำ ผิวคล้ำเพราะตากแดดจากการทำวังกุ้ง (เดิมเป็นนาเกลือ) แต่ที่น่าสนใจคือ ยังมีพิธีไหว้พระจันทร์ และทำบ๊ะจ่าง ที่แม้แต่ในบ้านเกิดบรรพบุรุษที่เมืองจีน ก็เลิกทำพิธีนี้กันเกือบหมดแล้ว


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 27 มิ.ย. 08, 08:22
เคยไปเที่ยวเขมรกับทัวร์ เค้าพาไปกินข้าวในร้านอาหาร เห็นมีน้ำปลาครับ รสเดียวกัน ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า เอาใจคนไทยที่มากินหรือเปล่า  ;D แต่คิดว่า เวียดนามมี เขมรก็ไม่น่าพลาด เคยทราบมาว่า ฟิลิปปินส์ก็มีน้ำปลา แต่ไม่คุ้นว่าแขกมาเลย์ แขกอินโด จะมีหรือไม่ เพราะคุ้นแต่ว่าทางนั้นกินน้ำบูดู ส่วนพม่าก็กินกะปิ

ช่วงมาฝรั่งเศสใหม่ๆ ลองซื้อน้ำปลาเวียดนามมาเหมือนกัน คนที่นี่จะรู้จักในชื่อ nước mắm มากกว่า คือประมาณบ้านเราเรียกซอสจีนว่า ซีอิ๊ว
 
ตอนนี้ รู้จักร้านเอเชีย ก็ซื้อน้ำปลาตราปลาหมึกครับ  ;D แต่แพงกว่าบ้านเราู่ คือ ขวดละ 100 บาท (725 cc.) คือประมาณ 2 €

กำเนิดน้ำปลาคงอยู่แถวประเทศติดทะเลแถวๆ นี้แหละครับ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่เครื่องปรุงของคนไทเดิม ที่มาจากภูเขาแถวๆ จีนตอนใต้ แต่ก็ตอบยาก เพราะเราไม่รู้ว่าน้ำปลากินกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะอาจเพิ่งคิดกันมาได้ไม่กี่ร้อยปีก็ได้เช่นกัน





กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 มิ.ย. 08, 08:23
ผมมีบรรพบุรุษ (ตั้งแต่รุ่นปู่) อาศัยอยู่ที่เมืองฮงสุน ห่างซัวเถาประมาณ ๘๐ กิโลเมตร
ทราบว่าเลี้ยงเป็ดกันมาแต่ต้น เวลาไปเที่ยว เค้าก็จะเอาเป็ดพะโล้ตัวโตๆ กับคอเป็ดรมควันมาจัดเลี้ยง
เนื้อจะหยาบ และมันเหลือเกิน เวลาเราแยกหนังมันๆออก เค้าก็จะมองด้วยสีหน้าประหลาด

เรื่องความมันของอาหารที่ซัวเถา และฮงสุน ต้องขอยอมแพ้
ที่โรงแรมจัดเลี้ยงอาหารเช้า ก็ขาหมู หมั่นโถว แล้วครับ

ไม่ทราบมาก่อนเหมือนกันว่า ฟัวกราส์ของซัวเถา เลิศมาก
ไปคราวหน้าต้องขอลองครับ
แต่ซัวเถา ก็เป็นเมืองต้นฉบับของคนจีนอพยพมาไทย รสชาติอาหารคล้ายมาก ฟัวส์กราส์ดัง คุณปากน้ำต้องถามคนท้องถิ่นนะคะ ร้านนี้ดังมาก ต้องโทรไปเช็คก่อนว่าวันนี้มีไหม แล้วถึงจองโต๊ะค่ะ
ตอนที่ดิฉันไป อาเฮียเมืองนี้ เป็นเพื่อนกับอาเฮียอีกเมืองจากฝูโจว ซึ่งเป็นประธานหอการค้าเมืองฝูโจวพาไปเลี้ยง ประทับใจจริงๆ เรื่องคุณภาพอาหาร วันถัดไป เราจึงขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงลูกค้าททท.ค่ะ
ชื่นมื่น ได้ลองไวน์แดงจีนด้วย
รสชาติฝรั่งเศส อายเลย เหลือเชื่อค่ะ
ได้ไปเมืองแต้จิ๋วด้วย ไปดูวัดเบญจ์ที่นั่นค่ะ
..
วันนี้พาออกเรือไปไกลนอกปากน้ำหน่อยนะคะ


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 28 มิ.ย. 08, 10:24
ขอออกนอกทางอีกนิดนะครับ

ครั้งล่าสุดที่ได้ไปซัวเถา
ญาติชาวจีนพาไปที่ศาลเจ้าพ่อเสือ ที่เป็นต้นแบบศาลเจ้าพ่อเสือที่เมืองไทยด้วยครับ
แต่เข้าไม่ถึงตัวเจ้าพ่อ เพราะคนเยอะมาก

มีอยู่ที่นึงที่น่าสนใจ ไม่ทราบคุณกุ้งแห้งเยอรมันได้ไปมั้ยครับ
จำชื่อเมืองไม่ได้ อยู่ระหว่างเส้นทางจากซัวเถา ไปเมืองแต้จิ๋ว
บัวเอิญวันที่ไปฝนตกหนักมาก เลยยกเลิกไม่ได้แวะ
ทั้งที่ผมพยายามขอร้อง แต่พนักงานขับรถ (หน้าเครียด และดุมาก) ไม่ยอมท่าเดียว
คือ หลุมฝังศพสมเด็จพระเจ้าตากสิน หรือแต้อ้วง (อว่างตี่ชาวแต้จิ๋ว)

ทราบว่าเป็นฮวงซุ๊ยเปล่า มีเครื่องใช้ส่วนพระองค์ฝังอยู่
มีคำจารึกสลักบนแผ่นหิน ใครทราบรายละเอียดมั้ยครับ


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: pipat ที่ 28 มิ.ย. 08, 22:17
เคยไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ระยอง เป็นบ้านทำน้ำปลา
(ไม่ใช่โรงงานนะครับ)

เขาหมักใส่ตุ่มไว้ละลานตา ตุ่มที่ได้รสชาติแล้ว ลองชิมดูจะหวานปะแล่ม ไม่เค็มเหมือนน้ำปลาปลอมในปัจจุบัน
เพื่อนเล่าว่า คนที่ทำต้องรู้จักปลา คือต้องชนิดเดียวเท่านั้น(อาจจะเป็นปลากะตัก) และขนาดเดียวด้วย
ประมาณสี่-ห้านิ้วกระมัง ถ้าจำไม่ผิด
และเคล็ดลับคือต้องมีน้ำตาลช่วยด้วย

เข้าใจว่าสูตรน้ำปลาที่อร่อยเลิศของไทย คงพัฒนาจากในท้องถิ่นนี่เอง
แต่ต้นกำเนิดจะมาจากใหนก็น่าสนใจครับ.......รอฟังเฉลย

พวกซี่อิ๊วอะไรนั่น มาจากหมักถั่ว เป็นอีกแบบหนึ่งไปเลยครับ


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 01 ก.ค. 08, 12:18
ทรายขี้เป็ด

ทรายที่ใช้ในการก่อสร้างนั้น ไม่ใช่ทรายจากทะเล แต่เป็นทรายแม่น้ำ ตามทางริมแม่น้ำเราจะสังเกตเห็นกิจการท่าทราย ที่เป็นแหล่งขนทราย ที่ใช้ในการก่อสร้าง ทรายเหล่านี้สามารถนำมาผสมปูนก่ออิฐเทพื้นได้ ส่วนทรายอีกประเภทหนึ่ง ที่มักจะนำมาใช้ในการถมอัดหน้าดินให้แน่น หรือไว้โรยพื้นสนามก่อนปูหญ้า เราเรียกว่า ทรายขี้เป็ด

ทรายขี้เป็ด เป็นทรายแม่น้ำที่มีส่วนผสมของสารอินทรีย์ ราคาถูก มีสีคลํ้าๆ ออกไปทางดำ รดนํ้าลงไปจะเห็นเศษคราบโคลนลอยแยกตัวขึ้นมา ใช้ผสมปูนในการก่อสร้างไม่ได้ ทรายขี้เป็ดระบายน้ำได้ดี และมีสารอาหารอยู่บ้างแต่ไม่เท่าดิน นิยมนำมาโรยบนหน้าดิน ก่อนทำสนามหญ้า


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 01 ก.ค. 08, 12:24
แต่เดิม ปากน้ำเจ้าพระยาถือเป็นแหล่งทรายคุณภาพ ที่สามารถนำมาผสมปูนก่ออิฐได้ สมัยรัชกาลที่ ๒ ยังมีบันทึกเรื่องการก่อสร้างพระสมุทรเจดีย์ ที่เริ่มต้นเมื่อครั้งพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็น เกาะหาดทราย   ตั้งอยู่ห่างเกาะป้อมผีเสื้อสมุทรที่กำลังก่อสร้างเล็กน้อย จึงโปรดให้กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ กับ เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) เป็นผู้อำนวยการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ บนเกาะแห่งใหม่นี้

มีบันทึกในจดหมายเหตุฉบับหนึ่ง มีเนื้อความอธิบายเกี่ยวกับทรายบนเกาะพระสมุทรเจดีย์ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นหลักฐานการขออนุญาต ก่อสร้างถนนหน้าเมือง ตัดต่อไปถึงศาล (ตั้งแต่หน้าศาลาว่าการเมืองสมุทรปราการ จนถึงศาลจังหวัด) พระสมุทรบุรานุรักษ์ เจ้าเมืองสมุทรปราการ ได้ทำจดหมายขออนุญาต ความตอนหนึ่งว่า

“…..ถนนนี้ยังไม่ได้ทำ เพราะต้องหาเงินสำหรับซื้อปูนขาว ประมาณ ๔๐๐ บาท ก็เห็นจะพอ ด้วยทรายนั้นไม่ต้องซื้อ ข้าพระพุทธเจ้าให้นักโทษไปขุดมาจากหลังพระสมุทรเจดีย์ ในช่วงแล้งนี้…..”

ศาลาว่าการเมืองสมุทรปราการ วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๘


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 01 ก.ค. 08, 12:36
ทรายสะอาด ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป เมื่อใด ไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า นำมาใช้ในงานก่อสร้างไม่ได้อีกแล้ว ทั้งนี้เพราะได้กลายสภาพเป็นทรายคุณภาพต่ำ มีโคลนปน ในขณะที่หากเป็นนักจัดสวนรุ่นเก่า จะให้ความเห็นว่าเป็นทรายสีคล้ำ ที่มักกองอยู่ตามโค้งน้ำ หรือตามฐานเกาะต่างๆ  ไม่ทราบว่า เป็นเพราะเศษธุลีดินที่ถูกเซาะตลอดทางจากเหนือแม่น้ำ หรือเป็นเพราะการเลี้ยงเป็ดกันมากๆ ที่ปากอ่าวไทย จึงทำให้เกิดทรายปนดินโคลนกองอยู่ที่ปากน้ำ จนชาวบ้านเรียก ทรายที่กองอยู่นี้ว่า ทรายขี้เป็ด

ไม่ว่าจะสาเหตุที่มีส่วนผสมของธุลีดิน หรือขี้เป็ด ก็ทำให้ทรายขี้เป็ดมีธาตุอินทรีย์สารปนอยู่ค่อนข้างมาก จึงเหมาะสำหรับการนำไปโรยพื้นสวน ก่อนการปูหญ้าทับอีกที ทั้งยังมีคุณสมบัติในการยึดเกาะคล้ายดินโคลน จึงมีผู้นำมาถมหน้าดินให้แน่นขึ้น ก่อนดำเนินการก่อสร้างบ้านได้อีกด้วย     


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 01 ก.ค. 08, 16:49
แต่เราก็มีทรายขี้เป็ดแท้ๆ ที่มีปุ๋ยชั้นดีผสมจากปากอ่าวไทย ใช้ไม่นานหรอกครับ เพราะในปัจจุบัน ใครที่มีโอกาสโดยสารทางเรือ เที่ยวชมทิวทัศน์ปากแม่น้ำเจ้าพระยา จะแลเห็นพื้นที่สองฝั่งกลายสภาพเป็นดินโคลน เป็นแนวสันดอนดินดำไปหมดแล้ว วิธีการจัดสวนสมัยใหม่ การปลูกหญ้า ก็เปลี่ยนเป็นการใช้ปุ๋ยเคมีทั้งสิ้น พัฒนาการจากสภาพของชายทะเลสมุทรปราการ มีเกาะหาดทราย มีทรายสะอาดใช้ แล้วกลายมาเป็นทรายขี้เป็ดสีคล้ำ สุดท้าย กลายสภาพเป็นสันดอน ดินโคลน ค่อยๆเกิดขึ้นในช่วงร้อยปีที่ผ่านมานี่เอง

ภาพถ่ายจากเกาะป้อมผีเสื้อสมุทร ปี ๒๕๕๑
เกาะที่เคยมีฐานเป็นหาดทราย
 


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 02 ก.ค. 08, 01:37
ตามที่คุณปากน้ำเจ้าพระยา เล่ามา แสดงว่า ทรายขี้เป็ดนี้ คือทรายที่ได้มาจากปากแม่น้ำ (ออกสู่ทะเล) ใช่หรือเปล่าครับ

ทรายขี้เป็ด ผมเคยได้ยินตอนเด็กๆ แต่ไม่รู้ว่ามีแหล่งจากไหน แต่รู้ว่าเอามาใช้กับปูนไม่ได้

อันนี้ไม่แน่ใจนะครับ ผมเข้าใจว่าเหตุที่ใช้กับปูนไม่ได้เป็นว่า ทรายขี้เป็ดยังคงมีอนุภาคเกลืออยู่มั้ง ? ซึ่งผมคิดว่าคงเป็นเพราะทรายขี้เป็ดก็คือ "ทรายน้ำกร่อย" นั่นเอง

ทราบมาว่าทรายจากทะเลก็เอามาใช้กับปูนไม่ได้ มีเพียงทรายแม่น้ำ (ทรายน้ำจืด) เท่านั้น ที่ใช้กับปูนได้





กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 02 ก.ค. 08, 11:56
ถ้าเป็นข้อมูลของคนปากน้ำ
ทรายขี้เป็ด เป็นทรายน้ำจืดครับ สามารถนำไปปลูกต้นไม้ได้

ส่วนเรื่องการเป็นทรายน้ำกร่อย ผมก็ว่าเป็นไปได้ครับ
แต่ปากน้ำสมัยที่ยังไม่มีการขุดร่องน้ำให้เรือใหญ่เข้าคลองเตย น้ำไม่เค็มเท่านี้ครับ
ทันทีที่มีการเปิดร่องน้ำให้ลึกถึง ๘.๕๐ เมตร น้ำทะเลเข้ารุนแรงขึ้น น้ำจืดจากทางเหนือก็ไหลออกรุนแรงขึ้น
ทรายที่เคยเกาะตามโค้งแม่น้ำจึงไหลออกหมด
(เราต้องหยุดการทำนา ทำสวน และเลี้ยงเป็ด เคยได้ยินมาว่า สมัยก่อนมะม่วง พันธ์มะม่วงปากน้ำ ก็มีชื่อเสียงด้วยครับ)

เดิมทรายขี้เป็ดราคาถูกกว่าทรายก่อสร้างทั่วไปมาก ถูกกว่าราคาดินถมด้วยซ้ำ  ถือเป็นทรายที่เป็นช่องว่างให้เกิดการทุจริตได้ง่าย อย่างเมื่อครั้งที่มีการตรวจสอบเรื่องการถมพื้นที่สร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ก็มีการตั้งข้อสังเกตุเรื่องการใช้ทรายขี้เป็ด ปัจจุบัน ทรายขี้เป็ดแท้ๆ หายากครับ ราคาจึงเริ่มใกล้เคียงทรายก่อสร้างเข้าไปทุกที


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 03 ก.ค. 08, 11:34
คือ หลุมฝังศพสมเด็จพระเจ้าตากสิน หรือแต้อ้วง (อว่างตี่ชาวแต้จิ๋ว)

ขออนุญาตแก้ไข 2 ประเด็นนะครับ
1. อ่วงตี่ คือคำเดียวกับที่เรารู้จักกันในว่า ฮ่องเต้ (皇帝 - หวางตี้) แปลว่าจักรพรรดิ์ครับ พระมหากษัตริย์ (เช่นพระเจ้ากรุงธนบุรี) จะเรียกว่า อ๊วง (王 - หวาง) ครับ
2. แต่อ๊วง หมายถึงกษัตริย์แซ่แต้ (鄭 หรือ 郑 - เจิ้ง) หนังสือเก่าๆบางที่เคยเห็นว่าพูดถึงพระเจ้ากรุงธนบุรีว่าแซ่แจ้ง ก็เพี้ยนมาจากเจิ้งนี่แหละครับ ส่วนแต้จิ๋ว คำนี้คนไทยออกเสียงเพี้ยน คแต้จิ๋วเองจะออกเสียงว่า เตี่ยจิว (潮州 - เฉาโจว) เป็นสระเีอีย ไม่ใช่สระแอครับ

* เสียงที่กำกับในวงเล็บเป็นสำเนียงจีนกลางครับ


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 03 ก.ค. 08, 11:37
เรื่องการเปลี่ยนแปลงของปากน้ำ นอกจากเรื่องการขุดร่องน้ำแล้ว เป็นไปได้หรือเปล่าครับว่าเป็นผลมาจากการสร้างเขื่อนเจ้าพระยา เพราะเคยอ่านเจอว่าหลังการสร้างเขื่อนมีปัญหาเรื่องดินเค็มมากจนปลูกข้าวไม่ได้ ต้องมาทำสวนส้มแทน


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 03 ก.ค. 08, 12:41
ผมเข้าใจผิดระหว่างคำ หวาง กับ หวางตี้ จริงๆ ครับ
ภาษาจีนท้องถิ่น กับภาษาจีนกลาง ที่อ่านออกเสียงต่างกัน ก็ทำให้เข้าใจไขว่เขว
เคยอ่านพบชื่อแซ่ของพระเจ้ากรุงธนบุรี แตกต่างกันหลายที่ ก็ยังสงสัยอยู่ครับ
ว่าเป็นชื่อแซ่ (แต้) หรือเป็นแหล่งกำเนิด (เตี่ยจิว)

ยังมีชาวจีนที่เคยมีอิทธิพลในเมืองไทย คือ จีนฮกเกี้ยน
ทราบว่าเป็นภาษาที่คล้ายภาษาแต้จิ๋วมาก บางครั้งก็ทำให้ตำราออกมาสับสนจากผู้แปลภาษาที่มาจากต่างพื้นที่กัน
ไม่ทราบว่า คุณ CrazyHOrse มีข้อมูลชาวฮกเกี้ยนในเมืองไทยมั้ยครับ

(ภาษาฮกเกี้ยน นับเลขเหมือนแต้จิ๋วทุกอย่าง ยกเว้นคำว่า หนึ่ง กลับแปลว่า สอง ผมเคยนั่งรอเพื่อนชาวไต้หวันผิดเวลาไปหนึ่งชั่วโมง ก็เพราะเค้านัดเป็นภาษาไทยปนฮกเกี้ยนว่า หนึ่งเตี้ยมเจอกัน)
 
 


กระทู้: เป็ดปากน้ำ ไข่เค็มท้ายบ้าน ปลาเป็ด ทรายขี้เป็ด
เริ่มกระทู้โดย: ปากน้ำเจ้าพระยา ที่ 03 ก.ค. 08, 13:38
เรื่องการสร้างเขื่อนทางเหนือแม่น้ำ

ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ คนปัจจุบัน เคยบรรยายให้ฟังเหมือนกันครับ ท่านเป็นคนปากน้ำโพ
ท่านบอกว่า เด็กนครสวรรค์รุ่นใหม่ไม่รู้จัก กรวด ที่เคยไหลลงมาจากทางเหนือแล้วครับ
สันดอนที่เกิดจากผงดินทางเหนือ มากองอยู่ที่ปากน้ำก็ลดลง ก็เนื่องจากถูกเขื่อนกักเอาไว้

สันดอน มีประโยชน์กับเรามากครับ
ช่วยกั้นน้ำทะเลไม่ให้ไหลเข้าแม่น้ำรุนแรงเกินไป
ช่วยกักน้ำจืดจากแม่น้ำ ไม่ให้ไหลออกอ่าวไทยรวดเร็วเช่นเดียวกัน
เป็นแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ ปู ปลา จระเข้ ตามแนวสันดอนจะตัวโตกว่าปรกติ

ผมเชื่อว่า ถ้าพวกฝรั่งเอากองเรือบุกเข้ามาทางปากน้ำเจ้าพระยายืดเยื้อ จะถูกปิดประตูตีแมวด้วยแนวสันดอน เวลาน้ำลง
แต่โบราณ เค้าจึงทำได้แค่การปิดปากอ่าว แม้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ อเมริกาก็ทำได้แค่ทิ้งทุ่นระเบิดปิดปากน้ำ
มีคนตั้งข้อสงสัยว่า การขุดสันดอนตามคำแนะนำของฝรั่ง เป็นการถูกหลอกให้เปิดปากแม่น้ำ

(สังเกตุภาพ ตามความเห็นที่ ๒๔ มีเรือสีฟ้าติดแนวสันดอน ทำอะไรไม่ได้แล้วครับ)