เรือนไทย

General Category => ชั้นเรียนวรรณกรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: Matoom ที่ 27 ส.ค. 12, 23:40



กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: Matoom ที่ 27 ส.ค. 12, 23:40
ในหนังสือชีวประวัติของหลวงปู่หลุย จันทสาโร ชื่อ "จันทสาโรบูชา" เขียนโดยคุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัต
กล่าวถึงเหตุการณ์ที่หล่มสักใต้ชื่อบท "อดีตที่ฝังรอยมาจากบุพชาติ"  ครั้งนั้น หลวงปู่หลุยซึ่งพ้นพรรษา
ที่ห้าแล้วได้ออกธุดงค์วิเวกมาทาง จ.เลยและเพชรบูรณ์ ท่านแวะที่หล่มสัก รับนิมนต์ไปสวดงานศพที่บ้านหลังหนึ่ง

ระหว่างหยุดพักการสวด เจ้าบ้านก็นำน้ำปานะมาถวายพระแก้คอแห้ง บังเอิญตาท่านชำเลืองมองไปในหมู่แขก
ที่กำลังนั่งฟังสวดมนต์อยู่ เพียงตาสบตา ท่านก็รู้สึกแปล้บเข้าไปในหัวใจ เหมือนสายฟ้าฟาด
แทบจะไม่เป็นสติสมประดี ท่านกล่าวว่า เพียงตาพบตาแว้บเดียว ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ท่านก็เซแทบจะล้ม เผอิญขณะนั้นท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม...สังเกตถึงอาการหรือว่าท่านอาจจะ
กำหนดจิตทราบเหตุการณ์ก็ได้ ท่านจึงเข้ามาประคองไว้ เพราะมิฉะนั้นหลวงปู่คงจะล้มลงจริงๆ
ฝ่ายหญิงที่นั่งอยู่ทางด้านโน้นก็เป็นลมไปเช่นกัน คงจะเป็นอำนาจความเกี่ยวข้องแต่บุพชาติมา
ที่มาบังคับให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้น"
   
"หลวงปู่เล่าภายหลังว่า ท่านรู้สึกเหมือนกับว่าหัวอกแทบจะระเบิด อกกลัดเป็นหนอง แต่ใจหนึ่งก็คิดมุ่งมั่น
ว่าจะต้องบำเพ็ญเพศพรหมจรรย์ต่อไป ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เข้าใจในความรู้สึกของผู้เป็นศิษย์ได้ดี
ท่านจึงควบคุม"นักโทษหัวใจ" ผู้นั้นรีบหนีออกจากหล่มสักโดยเร็วที่สุด เที่ยววิเวกลงมาตามป่าตามเขา
และเร่งทำตบะความเพียรอย่างหนัก"
   
"กุลสตรีท่านนี้เป็นแบบสาวสมัยใหม่ ขี่ม้าเก่ง... สวมกางเกงขี่ม้า ใส่รองเท้าท็อปบู๊ต ต่อมาภายหลัง
หลังจากที่ต้องจากกันแล้ว เมื่อเธอกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานคร เธอก็ได้มามีชื่อเสียงอย่างมาก
และเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผู้ที่รักหนังสือทั้งหลาย เข้าใจว่าผู้ที่มีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไปนั้นจะต้องเคยได้ยิน
ชื่อของเธอมามาก"
   
อ่านเหตุการณ์นี้แล้ว อยากรู้น่ะครับ ลองสืบค้นตามกำลังว่านักเขียนหญิงท่านนี้คือใคร แต่ความรู้ไม่พอ
จึงขอเรียนถามท่านผู้รู้ครับว่าพอจะคาดเดาได้หรือไม่ว่าเธอน่าจะเป็นใคร?   


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: Matoom ที่ 27 ส.ค. 12, 23:49
ข้อมูลเพิ่มเติมครับ

"ฝ่ายหญิงได้ถูกส่งตัวเข้ามารับการศึกษาในพระนครเสียตั้งแต่ยังเด็ก ได้รับการศึกษามาอย่างดี
จบการศึกษาชั้นมัธยมบริบูรณ์จากโรงเรียนสตรีที่มีชื่อทางภาษาต่างประเทศ นานๆ เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้าน
ก็กลับไปแบบหญิงสาวสมัยใหม่ รูปสวย นัยน์ตาโตงาม...แต่งตัวสวย แบบสาวชาวกรุงแท้"


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 28 ส.ค. 12, 07:43
สตรีชาวหล่มสักที่มาเรียนกรุงเทพฯ แล้วรับราชการอยู่กรุงเทพฯ จนเสียชีวิต  เท่าที่นึกออกคือ คุณจุไร  ลียากาศ (ไม่แน่ใจว่าจำชื่อถูกหรือไม่) อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน 
ที่ถึงแก่กรรมไปแล้วโดยมิได้สมรส  ถ้ามีชีวิตอยู่ถึงปัจจุบันก็น่าจะ ๘๐ เศษ แต่ท่านจะเป็นนักเขียนดังหรือไม่ ข้อนี้ไม่ทราบครับ


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 12, 09:01
ช่วยกลับไปเปิดหนังสือดูได้ไหมคะ ว่าเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดในพ.ศ.อะไร   ดิฉันจะได้คำนวณอายุกุลสตรีในเรื่อง

เธอไม่น่าจะใช่คุณจุไร ลียากาศ    ท่านเป็นนักบริหารการศึกษาชั้นผู้ใหญ่ น่าจะจบปริญญาตรีเป็นอย่างน้อยหรืออาจถึงขั้นปริญญาโท  แต่กุลสตรีในคำถามนี้  บอกว่าจบชั้นมัธยมบริบูรณ์  แปลว่าไม่ได้ศึกษาต่อมากกว่านั้น   
จบจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงทางภาษาต่างประเทศเสียด้วย   หมายถึงร.ร.คอนแวนต์ทั้งหลาย  หรือว่าร.ร.ไทยอย่างร.ร.ราชินี  ร.ร.เขมะศิริ ?  ถ้าขี่ม้าเก่ง แต่งตัวสวยเป็นสาวสมัยใหม่   น่าจะจบจากคอนแวนต์

เมื่อกลับมากรุงเทพเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้รักหนังสือ   ก็คงเป็นนักเขียนหรือนักแปล 
นักเขียนสตรีที่เป็นชาวอีสานโดยกำเนิดมีน้อยมาก   เท่าที่รู้ก็ไม่ใช่ชาวหล่มสัก จ. เพชรบูรณ์เลยสักคนเดียวค่ะ  มีร.จันทพิมพะเป็นชาวขอนแก่น  เพ็ญแข วงศ์สง่าเป็นชาวสกลนคร


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ส.ค. 12, 09:48
ช่วยกลับไปเปิดหนังสือดูได้ไหมคะ ว่าเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดในพ.ศ.อะไร   ดิฉันจะได้คำนวณอายุกุลสตรีในเรื่อง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากเสร็จงานพิธีบรรจุอัฐิธาตุท่านพระอาจารย์บุญ ปัญญาวุโธ ในเจดีย์ที่ก่อขึ้นมา ณ บริเวณวัดพระบาทบัวบก ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=26088

 ;D


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 12, 10:02
ประมาณว่า พ.ศ. 2473  กุลสตรีคนนั้นอายุประมาณ 18-20 ปี    คืออยู่ในรัชกาลที่ 7   ต่อมาเป็นนักประพันธ์หญิงที่มีชื่อเสียง ช่วงเวลาน่าจะยุคสงครามโลกครั้งที่สองมาจนถึงหลังสงครามโลก   นักประพันธ์หญิงในสมัยนั้นมีไม่กี่คน ที่มีชื่อเสียงขนาดวงการรู้จักกันดี


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: Matoom ที่ 28 ส.ค. 12, 10:52
หลวงปู่หลุย เกิดปี พ.ศ. 2444  หากเหตุการณ์นี้เกิดในปี พ.ศ. 2473 ดังที่คุณ เพ็ญชมพู กล่าว อายุของหลวงปู่หลุยก็คือ 29 ปีครับ
ท่านมรณภาพปี พ.ศ.2532  แต่มีเล่าไว้ที่ไหนสักแห่ง (ต้องใช้เวลาค้นครับ) ว่ากุลสตรีท่านนี้เสียชีวิตไปก่อนท่านหลายปี จึงไม่น่าจะใช่คุณเพ็ญแข วงศ์สง่า นะครับ

ในย่อหน้าใกล้ๆ ที่เล่าเหตุการณ์นี้ คุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัต เขียนไว้ว่า "...สุดท้ายวันนั้นท่านได้ยกกรณีของท่านขึ้นมาว่า องค์ท่านเองยังแทบเป็นลม ฝ่ายท่านนั้นพระเถระต้องเข้าประคอง ฝ่ายหญิงเป็นลมญาติผู้ใหญ่และมารดาต้องเข้าประคอง ขณะฟังไม่ทราบว่าเพราะอะไรผู้เขียนรู้สึกสว่างวาบขึ้นในใจ เข้าใจนึกถึงชื่อเธอขึ้นมา กราบเรียนท่านโดยเอ่ยชื่อเธอ...ว่าใช่ไหมสุภาพสตรีท่านนั้น หลวงปู่ค่อนข้างจะตกใจที่ทำไมศิษย์เกิดรู้จักขึ้นมาได้แต่ท่านก็อึ้งและยอมรับว่าเข้าใจถูกแล้ว ฉะนั้น การพรรณนารูปร่างลักษณะของเธอ ซึ่งผู้เขียนเผอิญรู้จัก และมีความเคารพนับถือ...นับถือในอัจฉริยะของเธอ จึงเป็นการบรรยายจากผู้เขียนฝ่ายเดียว"


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 12, 11:15

นักเขียนสตรีที่เป็นชาวอีสานโดยกำเนิดมีน้อยมาก   เท่าที่รู้ก็ไม่ใช่ชาวหล่มสัก จ. เพชรบูรณ์เลยสักคนเดียวค่ะ  มีร.จันทพิมพะเป็นชาวขอนแก่น  เพ็ญแข วงศ์สง่าเป็นชาวสกลนคร

ดิฉันเขียนไว้ชัดเจนว่าท่านทั้งสองนี้เป็นชาวจังหวัดอื่นทางอีสาน ไม่ใช่ชาวหล่มสัก   ที่ยกชื่อขึ้นมา เพื่อแสดงเป็นตัวอย่างว่านักเขียนสตรีจากอีสานที่ว่ามีน้อยคนนั้น มีใครบ้าง     ไม่ได้หมายความว่าคุณเพ็ญแขคือกุลสตรีในเรื่อง    ไม่ทราบว่ามีใครอ่านแล้วไปเข้าใจผิดอย่างคุณ matoom หรือเปล่า เลยต้องมาย้ำอีกที  
คุณเพ็ญชมพูทำลิ้งค์มาให้  ก็แสดงว่าประวัติหลวงปู่หลุยในส่วนนี้ บันทึกเผยแพร่เอาไว้เปิดเผย   ไม่ได้เก็บเป็นความลับ เพียงแต่เว้นชื่อบุคคลไว้เท่านั้น
สุภาพสตรีผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม  เราอาจไม่มีวันรู้   แต่อย่างหนึ่งที่อ่านแล้ว  ช่วยยืนยันถึงพระพุทธวัจนะ ใน ธัมมปทัฏฐกถา ภาคที่๒  
ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา
เอวนฺตํ ชายเต เปมํ อุปลํ ว ยโถทเก ฯ

ดอกบัวอุบลจะเกิดในน้ำได้ก็ต่อเมื่ออาศัยเหตุ ๒ ประการ คือ ๑ น้ำ ๒ เปลือกตม ฉันใด ความรักจะเกิดได้ก็อาศัยเหตุ ๒ ประการ คือ ๑ เคยอยู่ร่วมกันมาก่อน    ๒ ต้องเกื้อกูลกันในปัจจุบัน ฉันนั้น

แต่ตัวอย่างจากประวัติหลวงปู่หลุยตอนนี้ก็ทำให้เข้าใจได้อีกเหมือนกันว่า ถ้าใจจะมุ่งสู่การหลุดพ้นจริงๆแล้ว  การผูกพันใดๆที่ท่านกับผู้หญิงคนนั้นเคยมีต่อกันมาในอดีตกาล ก็ไม่มีแรงเหนี่ยวรั้งเอาไว้ได้    
ความผูกพันที่เคยมีต่อกันจบกันไปนับแต่นั้น เพราะไม่มีการต่อเชื้อให้ยืดเยื้อต่อไปอีก


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ส.ค. 12, 11:38
ขอโอกาสครับ

ผมคิดว่าความลับบางอย่างนั้นยังเป็นความลับอยู่ก็ดีแล้ว โดยเฉพาะความลับที่ไม่ก่อประโยชน์อะไรต่อสังคม
ในกรณีย์ชื่อของสุภาพสตรีท่านนี้ หากเราทราบไปก็เท่านั้น และก็ยังเป็นเรื่องตีความช้างเดียวอีก หากท่านยังมีชีวิตอยู่ก็อาจปฏิเสธว่า ไม่ใช่ เข้าใจผิด จะยิ่งแล้วกันไปใหญ่

ผมเคยสงสัยเหมือนกันว่า ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์นั้น เมื่อบวชแล้วท่านก็ปลดปล่อยคู่หมั้นของท่านเหมือนกัน ผู้เขียนประวัติของท่านก็วนๆอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่เอ่ยชื่อฝ่ายหญิงสักที เหมือนยั่วให้อยากรู้

แต่บัดนี้ผมก็ยังไม่รู้ คุณวีหมีไม่ต้องเข้ามาบอกนะครับ เพราะรู้แล้วก็คงไม่ทำให้ผมบรรลุอะไร นอกจากสนองกิเลศได้อีกตัวนึง และทำให้มันขยายพันธุ์ขึ้นมาอีก

ขอโทษนะครับ พอดีเห็นว่าเป็นกระทู้เกี่ยวกับพระ ความเห็นเลยออกมาแนวนี้แต่ไม่ได้ซีเครียดอะไร


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 28 ส.ค. 12, 12:16



ขอแสดงความเคารพความเห็นของคุณ  navarat.ซี  เป็นอย่างยิ่ง

รายละเอียดของสุภาพสตรีผู้นั้น  ไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใด

เอกสารทางประวัติศาสตร์หนาเป็นหลายร้อยหน้าแจกกันว่อน   มีสองฉบับด้วยซ้ำ

บันทึกน่าอ่านเรื่องเด็ก ๆ ของรัฐมนตรีไทยก็เอื้อเฟื้อเจือจานกัน  แต่ไม่มีใครกล้าเปิดเผยเพราะสำนักพิมพ์ใหญ่ถือต้นฉบับอยู้ในมือ


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: Matoom ที่ 28 ส.ค. 12, 12:25
อ.เทาชมพู ขอบคุณครับที่ช่วยตอบคำถามเรื่องนี้ อ.เขียนชัดเจนครับ ผมก็เข้าใจตามนั้น แต่เพราะใจคิดไปว่าเรื่องถิ่นเกิดอาจคลาดเคลื่อนได้ เช่นเกิดที่อื่นแต่ไปโตที่นั่น หรือผู้เล่าอาจเล่าโดยไม่ต้องตามรายละเอียดนัก เพราะท่านรู้แล้วว่าเป็นใคร ผมจึงยกการเสียชีวิตของกุลสตรีท่านนั้นขึ้นมาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่คุณเพ็ญแข วงศ์สง่า แน่นอน (ขออภัยครับหากไม่เหมาะสมด้วยประการใด)

ส่วน ร.จันทพิมพะ เกิด ปี พ.ศ.2452 ดังนั้นใน พ.ศ. 2473 ท่านจึงมีอายุ 21 ปี เริ่มทำงานเขียนพ.ศ. 2483 และมีชื่อเสียงตั้งแต่นั้น อ.อาจจะรู้จักท่านมากจนพอนึกถึงประเด็นที่จะยืนยันได้ว่าไม่ใช่ท่าน  ...ก็ อ.ยกชื่อท่านขึ้นมานี่นา...

แต่ที่จริง ทางที่ง่ายกว่า อาจเป็นการกระซิบถาม "ชาววัด" ใกล้คุณหญิงสุรีพันธ์ซึ่งอาจจะทราบกันดีแล้วก็เป็นได้ พอดีผมไม่อยู่ในแวดวงนั้นน่ะครับ

คุณ NAVARAT.C รับฟังด้วยความเคารพครับ ผมอ่านประวัติหลวงปู่หลุยแล้วเกิดความเข้าใจใหม่ๆ ในเรื่องการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นเพราะมักได้อ่านชีวประวัติแบบที่ลูกศิษย์ลูกหาเล่ายกย่องเทิดทูน แต่เรื่องนี้ประทับใจเพราะเห็นความเป็นมนุษย์ที่ต้องต่อสู้กับใจตัว เพื่อมุ่งมั่นกับทางที่เลือกต่อไปให้ได้ เรื่องที่พอจะรู้ได้ก็อยากรู้ให้สุดๆ น่ะครับ


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 12, 12:44
ถ้าหากว่าสุภาพสตรีผู้นั้นไม่ใช่คนที่มีผลงานต่อสาธารณชน   ชีวิตส่วนตัวของเธอก็ไม่มีประโยชน์กับใครอื่น      แต่ถ้าเธอมีผลงานต่อสาธารณชนอย่างที่คุณหญิงสุรีพันธุ์แย้มๆไว้ ก็อย่าเพิ่งมองข้ามไปง่ายๆ       
เรื่องส่วนตัวของศิลปินหรือกวีมักเป็นแรงบันดาลใจต่อผลงาน   ดังนั้นการศึกษาศิลปะหรือวรรณกรรมจึงต้องศึกษาชีวประวัติของผู้สร้างสรรค์ควบคู่กันไป  เพื่อจะเข้าใจถึงทัศนคติเฉพาะตัวบางอย่าง    ว่าอาจมีที่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ได้  จะนำไปสู่การวิเคราะห์วิจารณ์ซึ่งเป็นการศึกษาวรรณคดีวิจารณ์โดยตรง

อย่างไรก็ตาม   ในกรณีนี้  เมื่อคุณ NAVARAT.C ให้ความเห็นอย่างนี้  ดิฉันก็เคารพต่อความเห็นของท่าน     คงจะยุติเอาไว้แค่นี้  ต่อให้รู้ชื่อก็คงไม่มาบอกหน้าไมค์   ใครสนใจก็ไปค้นคว้าต่อกันเองดีกว่านะคะ


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: Matoom ที่ 28 ส.ค. 12, 16:58
ผมสนใจไปค้นคว้าต่อแล้วครับ ทั้งนี้โดยเดินไปตามทางที่ อ.เทาชมพู ชี้ไว้ให้
ไปพบปริญญานิพนธ์เข้าเล่มหนึ่ง
ฝากลิงค์ไว้เผื่อผู้สนใจเข้าไปโหลดอ่าน พอจะเป็นคำตอบรึเปล่าครับ?

http://kb.tsu.ac.th/jspui/handle/123456789/372






กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 ส.ค. 12, 20:04
ด้วยเหตุและผลเห็นด้วยกับท่านอาจารย์นวรัตนครับ ว่ารู้ไปก็เท่านั้น

แต่ด้วยกิเลสส่วนตัว  ทั้งที่ไม่มีประโยชน์อันใด กลับยิ่งอยากรู้ว่าสตรีท่านนั้นคือใคร แล้วชีวิตของเธอหลังจากนั้นเป็นเช่นไร ได้แต่งงานแต่งการ มีลูกมีหลานไหม หรือครองตัวเป็นโสดตลอดชีวิต เพราะอ่านจากเรื่องราวเธอก็คงมีความเกี่ยวข้องกับหลวงปู่มาแต่กาลก่อนจริง แม้ผมไม่เชื่อเรื่องภุมเทวาระดับกลางสายวิทยาธรกึ่งยักษ์ แต่เรื่องกรรม ภพชาติ  วาสนาบารมี การเวียนว่ายตายเกิดและนิพพานนี่ผมเชื่อครับ

อีกประโยชน์หนึ่งของกระทู้นี้ คือทำให้ผมเกิดความสนใจได้ไปตามหาประวัติหลวงปู่หลุยฉบับที่ว่ามาอ่านบ้าง หาได้แล้วกำลังอ่านอยู่  ต้องขอขอบพระท่านผู้ตั้งกระทู้ด้วยตรงจุดนี้ครับ


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 ส.ค. 12, 20:52
อ้างถึง
แม้ผมไม่เชื่อเรื่องภุมเทวาระดับกลางสายวิทยาธรกึ่งยักษ์ แต่เรื่องกรรม ภพชาติ  วาสนาบารมี การเวียนว่ายตายเกิดและนิพพานนี่ผมเชื่อครับ

เกือบเนียนแล้วครับ อีกนี๊ดเดียวจริงๆ


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 28 ส.ค. 12, 21:34
แม้ผมไม่เชื่อเรื่องภุมเทวาระดับกลางสายวิทยาธรกึ่งยักษ์


ภุมมเทวดา นี่ไม่น่าจะเป็นวิทยาธรหรือกึ่งยักษ์ไปได้นะครับ เพราะไม่ได้สังกัดในกองกำลังทั้ง ๔ ของท้าวจตุโลกบาลเลย

แล้วยิ่งเป็นประเภทลูกผสมด้วย ยิ่งไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกันครับ ปกติเป็นเหล่าใดก็เป็นเหล่านั้นไปเลย


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: Matoom ที่ 30 ส.ค. 12, 14:32
ขอขอบคุณ อ.เทาชมพู เป็นอย่างยิ่งครับ ปริศนาคาใจหลายปี ได้รับการชี้นำจาก อ. ทำให้ไขได้ภายในไม่ถึง 24 ชั่วโมง ยืนยันความจริงของมงคลข้อ 2 ของมงคล 38 ประการ  และวจนะ "Ask, and it will be given to you; seek, and you will find; knock, and it will be opened to you." (Matthew 7:7)

ขอบคุณ อ.เพ็ญศิริ ด้วยครับ ตามอ่านความเห็นของ อ.เสมอๆ ในกระทู้ต่างๆ อ. "ปราดเปรียว" มากครับ ไม่แปลกใจเลยว่าถ้าแต่ก่อน อ. ก็จะ "ขี่ม้าเก่ง... สวมกางเกงขี่ม้า ใส่รองเท้าท็อปบู๊ต"

ขอถือโอกาสนี้ขอบพระคุณท่านผู้รู้อื่นๆ ในเรือนไทยด้วยครับ ผมไม่รู้จักท่านนอกเหนือไปจากนามแฝงที่ท่านใช้ (ยกเว้น อ.เทาชมพู ซึ่งก็รู้จักในฐานะนักอ่านคนหนึ่ง) แต่คาดว่าแต่ละท่านจะสูงด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ จึงกราบขออภัยหากไม่ได้เรียกท่านตามฐานะอันควร แต่เวลาอ่านความเห็นที่แต่ละท่านตอบในเรื่องต่างๆ แล้ว รู้สึกขอบคุณอยู่ในใจทุกครั้งว่าสิ่งเหล่านี้ท่านจะเก็บไว้กับตัวก็ได้ แต่ท่านก็กรุณาแบ่งปันให้คนรุ่นหลัง เข้าใจว่าหลายๆ คนที่ตามอ่านเว็บเรือนไทยคงจะรู้สำนึกในพระคุณของพวกท่านเช่นกันครับ

ตั้งดอกไม้ธูปเทียนไหว้ครูครับ ต่อไปถ้าผมมีคำถามหรือร่วมแสดงความเห็นเรื่องใด ช่วยเจือจานความรู้และเอ็นดูด้วยนะครับ


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: Matoom ที่ 30 ส.ค. 12, 14:35
คุณประกอบครับ ยินดีครับที่กระทู้ที่ตั้งเป็นเหตุให้ท่านได้อ่านชีวิตของหลวงปู่หลุย  ผมขอเล่าต่ออีกหน่อยครับ เพราะหลายเรื่องถ้านักอ่านประวัติพระธุดงค์กรรมฐานบ่อยๆ ก็พอจะทราบครับ เช่น ใน "จันทสาโรบูชา" ที่คุณหญิงสุรีรัตน์ กล่าวถึงเหตุการณ์นี้

"ท่านก็เลยเล่าว่า ครั้งหนึ่งหลวงปู่อีกองค์หนึ่งก็เช่นกัน ระหว่างที่มากรุงเทพฯ เดินบิณฑบาตอยู่แถววัดสระปทุม ได้พบสตรีคนหนึ่งนั่งรถสามล้อผ่านไป (สมัยนั้นในกรุงเทพฯ มีรถสามล้อเป็นยานพาหนะด้วย - ผู้เขียน) ท่านบอก เพียงตาสบตาเท่านั้น ความรู้สึกมันปล๊าบไปทั้งตัว แทบจะวิ่งตามเขาไป คราวนั้นพระเถระผู้ใหญ่ต้องให้สติและขังท่านไว้ในโบสถ์ พิจารณาดับความรู้สึกกันอยู่นาน ด้วยการเจริญอสุภะจึงสำเร็จ คราวนั้นหลวงปู่องค์นั้นท่านก็เล่าว่า ไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นมาก่อน แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ เขาจะไปที่ไหน อย่างไร ก็ไม่ทราบ แต่ใจมันวิ่งเตลิดตามเขาไป พิจารณาแล้วก็ได้ความเช่นกัน ว่าเป็นคู่ที่เคยมีบุพเพสันนิวาสกันมาแต่ชาติก่อน อำนาจกรรมนั้นจึงมาประจักษ์ แต่หากว่าบุญบารมียังมีในเพศพรหมจรรย์ ท่านจึงปลอดภัยไปจากกรรมนี้ได้"

หลวงปู่ท่านนั้นคือ "อาจารย์ของอาจารย์" หลวงปู่มั่น น่ะเอง

"ท่านพ่อลี" ก็เคยติดตาต้องใจสตรีเพศอย่างนี้ ท่านปีนขึ้นนั่งบนที่สูงมุมเจดีย์ พิจารณาว่าถ้าสึกออกไปอยู่กับสตรีท่านนั้นคงจะต้องทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเมีย...ถ้าเมียตายก็ต้องหาพี่เลี้ยง...ฯลฯ สุดท้ายท่านก็คิดตก ใจเลิกติด

หลวงพ่อชาก็เคยเจอ "น้องมากับแม่" แม่พาใส่บาตรทำบุญที่วัดบ่อยๆ ท่านต่อสู้กับจิตใจตัวเองหลายวัน ที่สุด เลือกวิธีหนี ปลุกผ้าขาวตื่นกลางดึก หนีออกจากหมู่บ้านนั้นทั้งกลางคืนเลย

ส่วนอีกท่าน (ขอไม่บอกชื่อ) ติดใจสาว อาจารย์แนะว่าให้แก้ด้วยการบริกรรม ท่องพุทโธๆ  ท่านก็ทำตาม แต่ท่องไปท่องมา กลายเป็น พุททองๆ (ชื่อของสาวคือทอง)


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ส.ค. 12, 17:53

ขอบคุณ อ.เพ็ญศิริ ด้วยครับ ตามอ่านความเห็นของ อ.เสมอๆ ในกระทู้ต่างๆ อ. "ปราดเปรียว" มากครับ ไม่แปลกใจเลยว่าถ้าแต่ก่อน อ. ก็จะ "ขี่ม้าเก่ง... สวมกางเกงขี่ม้า ใส่รองเท้าท็อปบู๊ต"

ตั้งดอกไม้ธูปเทียนไหว้ครูครับ ต่อไปถ้าผมมีคำถามหรือร่วมแสดงความเห็นเรื่องใด ช่วยเจือจานความรู้และเอ็นดูด้วยนะครับ

ขอเชิญคุณ Matoom  มาร่วมวงได้ตามสบายในกระทู้ต่างๆค่ะ    ไม่ต้องมีคำถาม มีคำตอบมาร่วมได้ หรือไม่มีทั้งคำถามและคำตอบแต่อยากจะเพิ่มเรตติ้งให้กระทู้ก็เข้ามาส่งเสียงได้เช่นกัน
ว่าแต่ อ.เพ็ญศิรินี่คือใครคะ   อยากรู้จักคนปราดเปรียว   :)


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ส.ค. 12, 18:00
นั่นน่ะซี

กุลสตรีคนนั้นคือใคร ?

 ;D


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ส.ค. 12, 19:23
ดิฉันชอบอ่านประวัติของพระสงฆ์ ที่เขียนแบบให้เห็นว่า เดิมท่านก็เริ่มต้นชีวิตอย่างปุถุชน    ก่อนบวชก็มีวัยเยาว์อย่างเด็กๆทั่วไป  เมื่อบวชแล้วก็ใช่ว่าจะบรรลุธรรมเลยทันตาเห็น     ท่านก็ต้องฝ่าฟันกับกิเลสตัณหาเช่นเดียวกับมนุษย์ทั้งหลาย    ไม่ว่ารักโลภโกรธหลง หรือเกลียดกลัว     แต่ท่านต่างจากเราๆตรงที่ว่าท่านฝ่าฟันจนชนะมากกว่าแพ้  ก็เลยผ่านไปได้ทีละขั้นตอน  จนบรรลุถึงเส้นทางธรรมในที่สุด

ดิฉันไม่ค่อยอยากอ่านชีวประวัติที่เน้นเฉพาะธรรมวิเศษของท่านเหล่านั้น   เพราะเป็นสิ่งที่เหนือกว่าชาวบ้านธรรมดาๆอย่างดิฉันจะเอื้อมถึง     การรับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้นอกจากทำให้เลื่อมใสแล้วก็ไม่รู้สึกว่าได้อะไรอีก  อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้ดิฉันพลอยได้ความวิเศษเหล่านั้นไปด้วย     เพราะการบรรลุธรรมขั้นต่างๆต้องลงมือปฏิบัติเองถึงจะได้เอง   แค่ได้ยินได้ฟังไม่ช่วยให้ได้ผลขึ้นไปได้   
ก็เลยขอบคุณคุณมะตูมที่นำเรื่องนี้มาถามค่ะ  ทำให้มีโอกาสอ่านประวัติของท่านได้ยาวทีเดียว


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: Matoom ที่ 30 ส.ค. 12, 21:52
เวลาปล่อยไก่ไปแล้ว ผมแนะเพื่อนว่าให้ทำหน้านิ่งเฉย ไม่รู้ไม่ชี้
ตอนนี้ก็ทำหน้าอย่างนั้นอยู่ครับ แต่มันออกร้อนๆ ไปด้วย...อายครับ

ขอโทษ อ.เพ็ญชมพู ผมหมายถึง อ. น่ะเองครับ  แอบเป็นแฟน อ. อยู่ห่างๆ
ชอบความทันสมัย ปราดเปรียว เผ็ด คม ไม่ยอมแพ้ แต่ไม่ก้าวร้าว
ใส่ใจรายละเอียด มีความเห็นอกเห็นใจ ...

ที่กล่าวมาทั้งหมดมีหลักฐานอ้างอิงครับ!


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: Matoom ที่ 30 ส.ค. 12, 21:59
ผมดีใจครับที่เป็นเหตุให้ อ.เทาชมพูได้อ่านประวัติหลวงปู่หลุย (ท่านคงได้รับ baptized เป็นคริสต์ และได้รับชื่อนักบุญอุปถัมภ์ว่า Saint Luis กษัตริย์ฝรั่งเศสที่เป็นนักบุญ มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสนำมาตั้งเป็นชื่อโรงพยาบาล โรงเรียนและโบสถ์หลายแห่ง) ชีวิตท่านและสหธรรมิกโลดโผนด้วยอภินิหารตามวาสนาที่สะสม แต่ทุกวันนี้ การบรรลุธรรมหรือ "ตื่นรู้" ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาๆ และมีมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ และการจะอยู่หรือไม่อยู่ในสมณะเพศก็ดูจะไม่ใช่องค์ประกอบสำคัญ ผมสังเกตจากการอ่านประสบการณ์ของ Eckhart Tolle,Krishnamurti, Ken Wilber, Osho, ท่านเชอเกียม ตรุงปะ และประสบการณ์ของคนไทยเอง ทั้งพระสงฆ์และฆราวาสชายหญิง ซึ่งเรื่องนี้มีผู้อธิบายว่าเป็นไปตาม "วิวัฒนาการของจิต" ของมนุษยชาติ

ขออนุญาตแบ่งปันครับว่าจากการติดตามอ่านเรื่องของหลวงพ่อเทียน และ อ.โกวิท (เขมานันทะ) และ อ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล (งานช่วงหลังของท่าน) รวมทั้งฆราวาสหญิงที่เป็นแม่บ้านธรรมดาอย่าง อ.ศุภวรรณ กรีน เปลี่ยนทัศนะผมเรื่องธรรมะอย่างมากเลย คือการลุธรรมหรือตื่นรู้นี้เป็นภาวะธรรมชาติของมนุษย์ที่ "ปรกติธรรมดาที่สุด" แต่ถูกลืมและหลงไป เรื่องธรรมดาเลยกลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดา และใครที่จะคิดและพูดแบบนี้ได้โดยไม่อ้างตำราหรือคนอื่น ก็คงจะเป็นผู้ลุถึงความธรรมดานั้นแล้วและรู้ด้วยตัวเองไม่ต้องการการยืนยันจากใครอีก

มีบทสัมภาษณ์ อ.โกวิท เรื่อง "หลวงพ่อเทียนที่ข้าพเจ้ารู้จัก" อ่านแล้วมีกำลังใจและความหวังครับ
http://www.fungdham.com/download/book/article/tien/010.pdf

แก้ไขชื่อบางท่านครับ สะกดผิด


กระทู้: กุลสตรีคนนั้นคือใคร?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ส.ค. 12, 22:08
มีบทความเรื่องพระสงฆ์กับสตรีมาเสนอ คิดว่าเข้ากับกระทู้ดี

พระควรเกี่ยวข้องกับมาตุคามอย่างไร??

พระอานนท์พุทธอนุชากราบทูลถามข้อหนึ่งว่า "ข้าพระองค์ (ภิกษุทั้งปวง) จะพึงปฏิบัติตนต่อสตรีอย่างไร"

พระองค์ตรัสว่า "ไม่เห็นเป็นดีที่สุด อานนท์"

"ถ้าจำต้องเห็นล่ะ พึงปฏิบัติอย่างไร พระเจ้าข้า"

"ไม่เจรจาด้วย"

"ถ้าจำเป็นจะต้องเจรจา จะพึงปฏิบัติอย่างไร พระเจ้าข้า"

"ถึงตั้งสติไว้ อานนท์"

พระอานนท์นั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่รอบคอบที่สุดรูปหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าท่านเป็นเอตทัคคะ (มีความเป็นเลิศ) หลายด้าน เช่น เป็นพหูสูต เป็นผู้มีสติรอบคอบ เป็นผู้มีธิติ (ความเพียร) เป็นผู้มีคติ (มีวิธีจำพุทธวจนะอย่างเยี่ยม)

ครั้งหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลนิมนต์พระสงฆ์ไปฉันภัตตาหารเป็นประจำในวัง พระก็ไปฉันติดต่อกันมา แต่ต่อมาภายหลังพระเจ้าแผ่นดินทรงมีภารกิจอย่างอื่นมากมาย ทรงลืมสั่งให้ตระเตรียมภัตตาหารภวายพระ พระสงฆ์อื่น ๆ โดนเข้าครั้งสองครั้งก็ไม่ไปอีก คงมีแต่พระอานนท์รูปเดียวไปอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งพระเจ้าปเสนทิโกศลรำลึกขึ้นมาได้ และทรงขอโทษพระอานนท์ พระเจ้าปเสนทิโกศลกราบทูลเรื่องนี้ให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า "อานนท์เธอเป็น "การณวสิก" (เป็นคนมองการณ์ไกล, เป็นคนหนักในเหตุในผล)"

ในเมื่อท่านเป็นคนมีสติรอบคอบ มองการณ์ไกล ท่านจึงพยายามทูลถามแนวปฏิบัติต่างๆจากพระพุทธองค์เท่าที่มีเวลาให้ เพราะอีกไม่นานก็จะไม่มีโอกาสแล้ว ข้อซักถามหลายต่อหลายเรื่องท่านมิได้ถามเพื่อตัวท่านเอง หากถามเพื่อพระสงฆ์และพุทธบริษัททุกหมู่เหล่า

ดังคำถามเกี่ยวกับสตรีนี้ ก็ถามเพื่อเป็นแนวปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์ทั้งปวง พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่ควรเห็น แต่ถ้าต้องเห็น ก็ไม่ควรเจรจา ถ้าจำเป็นต้องเจรจาก็ให้เจรจาด้วยสติ

นี้มิได้หมายความว่าเป็นการ "ดูหมิ่น" สตรี ดังที่บางคนอาจเข้าใจ เราต้องเข้าใจว่า "พรหมจรรย์" คือการงดเว้นเมถุนธรรม บุรุษที่ประพฤติพรหมจรรย์ก็ต้องระวังมิให้เกี่ยวข้องกับสตรี สตรีที่ประพฤติพรหมจรรย์ก็ต้องระวังมิให้เกี่ยวข้องกับบุรุษ "เกี่ยวข้อง" ในที่นี้หมายถึง ไม่พึงคลุกคลีจนเกินพอดี เกินงาม เพราะอะไร?

เพราะจะทำให้พรหมจรรย์มัวหมองไป และอาจทำให้เสียพรหมจรรย์ในที่สุด เป็นธรรมดาอยู่แล้วมิใช่หรือ "ผาณิตผิชิดมด ฤๅจะอดกระไรไหว" บุรุษกับสตรีใกล้ชิดกันบ่อยและนานเข้า ไม่ว่าหน้าไหนท้ายที่สุดก็ "ไฟฟ้าชอร์ต" เข้าจนได้

เมื่อบวชเข้ามา ตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์แล้ว ไม่ว่าหญิงหรือบุรุษ ก็พึงปลีกตนห่างเพศตรงข้ามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้ามีเหตุจะเจรจาด้วยก็ให้มีสติ

ประเภทที่บวชมาแล้วยินดีคลุกคลีกับสีกา ไปไหนมาไหนมีคาราวานสตรีล้วน ทั้งสาวแก่แม่ม่ายไฮโซ ฯ ขี้เหงาล้อมหน้าล้อมหลังนั้น มิใช่ปฏิปทาของสาวกพระพุทธเจ้า

เขาเรียกว่าปฏิปทาของ "ฉัพพัคคีย์" (แก๊ง ๖ คน) ทุมมังกุไร้ยางอาย วิญญูชนเห็นก็พยากรณ์ได้ทันทีว่า ปฏิปทาอย่างนี้ไปไม่รอด ในที่สุดก็จะวิบัติฉิบหาย "ตกหล่น" จากพระศาสนา เรียกว่า "เน่าตั้งแต่ยังไม่ตาย"

แหงแซะ แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง พระเดชพระคุณเอ๋ย

จาก หนังสือ วาระสุดท้ายของพระพุทธองค์ โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

 ;D