สมเด็จฯทรงเห็นชอบด้วยในการนี้...ก็หมายถึงว่า ท่านนายกได้ทำหน้าที่เป็นทูตไปเจรจา เพราะอาจต้องใช้จิตวิทยาทางการทูตให้มากกว่าธรรมดาที่จะโน้มน้าวให้อดีตพระราชินีทรงยินยอมย้ายจากพระราชวัง
มาประทับอยู่พระตำหนัก..
โดยท่านเชอร์ชิลล์ได้อ้างว่า..เมื่อสิ้นสูญพระเจ้ายอร์จไปแล้วประเทศชาติได้กำลังต้องการพระปรีชาสามารถของพระองค์ให้มาช่วยค้ำจุนมากกว่าแต่ก่อน เห็นทีจะยังยอมให้ทรงเกษียณยังไม่ได้
ควีนมัม..ทรงเกี่ยงเล็กๆว่า..ไม่อยากจากห้องพระบรรทมในพระราชวังไป เพราะชอบเตาผิงไฟหินอ่อนที่มีติดตั้งอยู่ในห้อง
ท่านนายก ก็ว่า..กระหม่อมจะจัดการเคลื่อนย้ายไปให้..
ควีนมัม ทรงเกี่ยงต่อไปว่า..พระองค์ไม่อยากสิ้นเปลืองไปกับการย้ายไปอยู่ในสถานที่หรูหราอย่างนั้น...
ท่านนายกก็ว่า..กระหม่อมจะเพิ่มเงินงบประมาณการใช้จ่ายส่วนพระองค์จาก สองแสนสอง ต่อปี ไปเป็น สามแสนหก รวมทั้งค่าใช้จ่ายของคุณพนักงานอีกสิบห้า
ควีนมัมก็ทรงเกี่ยงต่อไปว่า..แล้วบ้านที่นอกเมืองล่ะ.. (ทั้งๆที่พระองค์เพิ่งทรงซื้อ Castle of Mey ที่ Scotland ไปหมาดๆไม่นานมานี้)
ท่านายกก็ว่า..กระหม่อมได้จัดมอบพระตำหนัก รอยัล ลอดจ์ ที่
วินด์เซอร์ ปาร์ค ใกล้กับพระราชวังวินด์เซอร์ไว้ถวายแล้ว
ท่านนายกเชอร์ชิลล์ ร่ำๆจะหมดความอดทน เกือบหลุดปากไปว่า..ถ้าพระองค์อยากจะได้บิ๊ก เบน กระหม่อมก็จะรื้อมาถวาย...
แต่..เผอิญว่า..ควีนมัมได้ทรงหยุดการเกี่ยงงอนไปแต่แค่นั้น...ท่ามกลางความโล่งใจของทุกๆฝ่าย
ส่วนองค์สมเด็จฯ ทรงตามพระทัยพระมารดาในแทบทุกเรื่อง เนื่องจากทรงเห็นพระทัยในความสูญเสียความหลังแห่งสิบหกปีของความยิ่งใหญ่ ที่เคยทรงมีทุกอย่าง
เพชรนิลจินดา มหามงกุฏ ปราสาทราชวัง ข้าราชบริพาร เพียงแต่สมเด็จฯไม่เคยทรงทราบว่า สิ่งที่พระมารดารู้สึกว่าขาดหายไปนั้น ไม่ใช่สิ่งของ หรือ มหาสมบัติ
หากแต่เป็น..การมีส่วนในความคิดเห็นของการบริหารราชบัลลังค์ต่างหาก ดังพระราชหัตถเลขาที่ได้ส่งให้กับท่านผู้หญิงแอร์ลี่ย์ พระสหายสนิทว่า
"เมเบลที่รัก..ฉันรู้สึกขัดอกขัดใจจริงๆนะ..เพราะเมื่อก่อน..ไม่ว่าเรื่องอะไร พระเจ้าอยู่หัวเป็นต้องมาบอกให้ฉันรู้ก่อนใครๆ"
กระนั้น..ขนาดยังไม่ทันที่จะย้ายที่ประทับ..ควีนมัมก็ได้จัดการสั่งทำกล่องหนังสีแดง (สำหรับหนังสือราชการ) ที่มีตัวอักษรสีทองเขียนไว้เด่นชัดว่า
"HM Queen Elizabeth the Queen Mother"
ตั้งให้ใครต่อใครเห็นเป็นสง่า