เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: อ๊อฟ ที่ 27 ก.พ. 06, 15:26



กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 27 ก.พ. 06, 15:26
ผมขอแตกกระทู้ออกจากกระทู้ ละครหลังข่าว นะครับ
http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=19&Pid=42937

ผมว่า กระแส แดจังกึม เป็นกระแสที่แรงมาก ทั้งกระแสทางด้านธุรกิจและวัฒนธรรม อย่างไม่น่าเชื่อและคาดไม่ถึง ทำให้หลายคนต้องหยิบยกเรื่องประเด็นหลายๆอย่างมาผูกเข้ากับเรื่องนี้  แม้แต่วิทยาศาสตร์ และการแพทย์ นอกจากเรื่องที่ผมเห็นอยู่ทางทีวีและหน้าหนังสือพิมพ์ (ที่ยกมารวมไว้ข้างล่างนี้) ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมไม่ได้ยิน

โดยส่วนตัว ผมว่า อันนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จทางด้านการเผยแพร่วัฒนธรรมของเกาหลีในบ้านเราเลยทีเดียว
---------------------------
ทางด้านวิทยาศาสตร์ มีการจัดสัมมนาเรื่อง "วิทยาศาสตร์ใน แดจังกึม"

ทางด้านการแพทย์ มี "แดจังกึมกับแพทย์ทางเลือก"

สถาบันภาษา ม.ธรรมศาสตร์ จัดนิทรรศการภาพยนต์เกาหลีและดาราจากละครโทรทัศน์-นักร้องเกาหลี วันที่ 21-28 กพ ที่ห้องสมุดป๋วย - อันนี้ภาพยนต์เกาหลี

วัยรุ่นคลั่งหนัก ต่อแถวรับเรน ที่จะทัวร์คอนเสริต "Rainy Day in Bangkok"  - อันนี้นักร้องเกาหลี

LG ให้นางเอก แดจังกึม เป็น presenter เครื่องปรับอากาศ - อันนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกาหลี

ตัวผมเอง ก็ตกเป็นเหยื่อของกระแสเหมือนกัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมไปทานบุฟเฟต์อาหารเกาหลีที่  ห้องอาหารคองจู โรงแรมปทุมวันปรินเซส (ตามคำโฆษณาท้ายละคร) เป็นครั้งที่ 2 ปรากฏว่า ด้วยความแปลกใจ ราคาต่อหัว เพิ่มขึ้นจากที่เคยทาน ครั้งที่แล้ว จาก 699 บาท เป็น 899 บาท ต่อหัว (สงสัยช่วงนี้หนังใกล้จะอวสาน เลยต้องเพิ่มราคา    อันนี้แซวเล่นนะครับ)


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 27 ก.พ. 06, 18:23
 ตามศูนย์อาหารในศูนย์การค้า
ผมจะมองหาหมูเกาหลี    


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 27 ก.พ. 06, 18:28
 เหมือนกันเลยค่ะ แต่จานนั้นเรียกว่า พอร์คจุน หรือมีทจุน ที่ชุบไข่บางๆ ที่ Times Square
สุขุมวิท มีร้านเกาหลีอยู่ร้านหนึ่งค่ะ ก็ทานดี ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังอยู่หรือเปล่า


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 27 ก.พ. 06, 19:54
 แดจังกึม ไม่ใช่คลื่นลูกแรกของการรุกทางวัฒนธรรมของเกาหลีนะครับ ก่อนหน้านี้ Full House, Winter Love Song ฯลฯ ทั้ง Series และ ภาพยนตร์อีกหลายเรื่องเริ่มบุกมาพักใหญ่แล้วครับ

นอกจากบ้านเราแล้ว จีนเองก็รับเข้าไปเต็มๆ ญี่ปุ่นก็รับเข้าไปไม่น้อย แดจังกึมดังไปทั่วแล้ว

ปลายปีที่แล้วผมมีกิจธุระต้องไปโซล 4-5 วันก็เลยขอรายงานสภาพที่นั่นไว้พอสังเขปดังนี้ โดยจะเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่นที่น่าจะเป็นที่คุ้นเคยกันมากกว่านะครับ

เมืองหลวง"โซล"ของเกาหลีใต้นั้นถ้าอ่านชื่อแบบเกาหลีจริงๆจะอ่านว่า ซออุล ครับ เป็นเมืองบนเนินเขาสลับซับซ้อน กลางเมืองมีแม่น้ำไหลผ่าน ชื่อว่าแม่น้ำฮันกัง (ออกเสียงแบบจีนกลางว่า ฮั่นเจียง) ตอนแรกนึกว่า หานเจียง (หาน = เกาหลี)พอเห็นตัวอักษรจีนก็งงเหมือนกันครับที่มันคือ (ฮั่น = จีน)

ระบบคมนาคมในเมืองสะดวกสบาย มีรถไฟใต้ดินถึง 10 เส้นทาง ราคาก็ไม่แพงเริ่มต้นที่ราวๆ 35-40 บาทต่อเที่ยว การซื้อตั๋วโดยมากจะต้องซื้อที่ counter ขายตั๋วที่มีคุณลุงแก่ๆเป็นคนขาย หลังจากยืนสังเกตสักพักก็พบว่าใช้วิธียื่นเงินเข้าไปพร้อมกับบอกสถานีปลายทาง คุณลุงแต่ละสถานีจะเชี่ยวชาญมาก สามารถส่งตั๋วราคาที่ถูกต้องพร้อมเงินทอนกลับมาได้อย่างรวดเร็วและไม่ผิดพลาดครับ

สภาพรถไฟใต้ดินค่อนข้างโทรมและไม่สะอาดเท่าไหร่ครับ คนสูงอายุจะได้สิทธิ์ขึ้นรถใต้ดินฟรี(โดยการรับตั๋วที่ counter ขายตั๋วของสถานีที่จะขึ้น) บนรถจะกันที่นั่งไว้สำหรับคนสูงอายุและคนพิการ คนเกาหลีจะเคารพกติกาและให้เกียรติผู้สูงอายุมาก ที่นั่งคนสูงอายุนี้จะถูกทิ้งว่างไว้เสมอถ้าไม่มีคนสูงอายุขึ้นมาครับ ลักษณะแบบนี้จะต่างจากญี่ปุ่นที่คนยึดที่นั่งคนแก่กันประจำ

ในรถไฟใต้ดินจะมีเซลส์แมนขึ้นมาขายสินค้ากันเป็นปกติ ผมเดาเอาว่าน่าจะถูกกฎหมายเพราะไม่เคยเห็นว่ามีใครทำท่ารังเกียจอะไร ของที่ขายก็มีตั้งแต่ของเล่น, เครื่องนับก้าวเดินอิเล็คโทรนิคส์ไปจนถึงรายหนึ่งที่ผมเชื่อว่าเขารับทำนามบัตรครับ นับว่าพิลึกเอามากๆ นอกจากนี้ก็ยังมีวณิพกขึ้นมาขอทานบนรถไฟใต้ดินด้วย โดยมากก็เป็นผู้สูงอายุพิการที่ผมเดาเอาว่าน่าจะประสบเคราะห์กรรมมาจากสมัยสงครามเกาหลีครับ

ราคา Taxi เริ่มต้นที่ประมาณ 70-80 บาท ก็ถือว่าไม่แพงนัก นอกจากนี้ยังมีระบบรถเมล์เชื่อมต่อกับเครือข่ายรถใต้ดิน ผมไม่ได้ลองนั่งแต่เท่าที่ทราบราคาก็พอๆกับรถใต้ดินครับ เท่าที่ทราบสามารถใช้ตั๋วต่อโดยคิดตามระยะทางรวมของรถเมล์และรถใต้ดินได้ด้วยครับ

ค่าอาหารในโซลนั้นค่อนข้างแพง ใกล้เคียงกับในญี่ปุ่น หรืออาจจะแพงกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ ราคาอาหารแบบเป็นเรื่องเป็นราวเริ่มต้นที่ประมาณ 250 บาทขึ้นไป แต่ข้างถนนจะมีแผงลอยขายโอเด้งอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะตอนเย็นๆจะออกมากันเยอะมากครับ ราคาก็เริ่มต้นที่ไม้ละประมาณ 40 บาท และแน่นอนว่า ที่ใดมีแผงลอย ความสกปรกก็จะตามมา ทางเท้าในโซลไม่ได้สะอาดไปกว่ากทม.มากนัก เดินไปตามตรอกซอกซอยอาจเจอขยะกองโตอยู่ข้างถนนแบบบ้านเราได้เหมือนกัน อาหารของที่นั่นจะไม่มีเนื้อสัตว์มากนัก เพราะราคาสูงมากครับ หมูย่างเกาหลีไม่ใช่ของถูกเลย ราคาเริ่มต้นที่ ประมาณ 400-500 บาท ถ้าเป็นเนื้อล่ะก็... คูณเข้าไปอีก 3 ครับ แต่รสชาติอร่อยขาดลอยไปเลย อันนี้ใครอยากลองเชิญได้ที่คองจูที่คุณอ๊อฟแนะนำไว้ ใช้ได้ครับ อาหารเกาหลีจะเสิร์ฟมาพร้อมกิมจิเสมอ กระทั่งกินมาม่าข้างถนนยังมีกิมจิถ้วยเล็กๆมาให้เลยครับ คนไทยไปเกาหลีน่าจะพอเอาชีวิตรอดได้เพราะอาหารเกาหลีจะมีรสเปรี้ยวเผ็ด ถึงไม่ดุเดือดเท่าบ้านเราแต่ก็พอไหวครับ

คนเกาหลีมารยาทค่อนข้างแย่เมื่อยึดตามมาตรฐานสากล แต่ก็เป็นเพียงความแตกต่างทางวัฒนธรรม เขาไม่ได้มีเจตนาจะหยาบคาย โดยทั่วไปแล้วก็มีน้ำใจเช่นเดียวกับเราๆท่านๆทั้งหลายนี่แหละครับ ภาษาเกาหลีเองจะมีไวยากรณ์และการออกเสียงคล้ายภาษาญี่ปุ่นแต่รับเอาคำจากจีนไปใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าที่ญี่ปุ่นรับไปจากจีนครับ ที่น่าสังเกตคือคำจีนที่ใช้ สำเนียงส่วนมากจะคล้ายพวกฮกเกี้ยนหรือแต้จิ๋วมากกว่าจีนกลางครับ

ภาษาอังกฤษของคนเกาหลีนั้นเลวร้ายขนาดหนักครับ ญี่ปุ่นที่คนบ่นว่าภาษาอังกฤษแย่จะต้องชิดซ้ายหงายเก๋งไปเลยครับ เพราะญี่ปุ่นที่ว่าแย่ ก็จะแย่คล้ายๆคนไทย คือรู้จักคำศัพท์ แต่ออกเสียงไม่ถูกต้องและเอามารวมเป็นประโยคไม่เป็น แต่เกาหลีที่ว่าแย่คือไม่ค่อยรู้จักศัพท์ภาษาอังกฤษเลย แถมยังออกเสียงได้เลวร้ายขนาดหนัก ผมไปถามทางนักศึกษามหาวิทยาลัย น้องๆเขาพอฟังเข้าใจ แต่ตอบกลับไม่เป็น ก็ยังอุตส่าห์มีน้ำใจมาผมเดินไปจนเห็นจุดหมายแล้วชี้ให้ดู ก่อนจะบอกว่าตรงนั้นเรียกว่า "ไอลุปะ" ผมเดินเข้าไปใกล้ถึงได้เห็นว่าตึกนั้นชื่อ Alpha ครับ พับเผื่อย!

เรื่องที่เหมือนเมืองไทย(และอาจจะทุกๆที่)อย่างหนึ่งคือ คนที่สื่อสารเก่งคือแม่ค้าครับ นักศึกษาพูดไม่ได้เดินหนี แต่แม่ค้าสู้ตาย ศัพท์แสงไวยากรณ์ไม่ต้องสนใจกันล่ะ แต่สื่อสารรู้เรื่องครับ

โรงแรมที่พักที่เกาหลี ราคาถูกกว่าญี่ปุ่นประมาณ 20-30% เรียกว่ายังแพงอยู่ดีเมื่อเทียบกับมาตรฐานคนไทย และที่นี่ไม่มีวัฒนธรรมการทิปหรือถีบใดๆนะครับ ผมไปพักที่โรงแรม ทิปให้ bellboy เขาไม่ยอมรับท่าเดียวครับ สุดท้ายต้องขอบคุณเขาเลย เพราะเขามีน้ำใจมากทีเดียว ยิ่งพบว่าทำโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอย่างนี้ทำให้รู้สึกดีมากจริงๆครับ ส่วน Taxi เขาจะทอนเงินตามมิเตอร์ทุกบาททุกสตางไม่มีขาด ถึงหน้าตา มารยาทจะดูโหดหิน แต่ไม่มีโกงเด็ดขาดครับ

ทีวีเกาหลีเองจะเน้นรายการตลกเบาสมองครับ พวกเกมโชว์ ละครทีวี ทั้งแบบปัจจุบันและ period แต่เกือบทั้งหมดจะต้องมีฮาครับ ฟังไม่ออกสักคำแต่จะมีเสียงฮาประกอบแบบ sit com ของฝรั่งอยู่ตลอดเวลาครับ

ตอนนี้เกาหลีเองอาศัยละครและภาพยนตร์พวกนี้ทำการตลาดเรียกนักท่องเที่ยวเต็มที่ เมืองไทยดูกระแสได้ที่ BP Pantip ครับ มีคนมาถามกันทุกวัน เท่าที่ทราบทัวร์จีนก็เข้าไปเยอะ คนญี่ปุ่นนี่ไม่ต้องพูดเลย เพราะเป็นนักท่องเที่ยวหลักของเขาอยู่แล้ว

เอาเป็นว่าพอสังเขปเท่านี้ครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้นะที่นี้เพราะเป็นประสบการณ์แบบจิ้มจุ่มเนื่องจากมีเวลาน้อยมากๆ อย่าได้เอาไปใช้อ้างอิงเชิงวิชาการเลย    


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 27 ก.พ. 06, 23:58
 ที่เคยไปกิน คองจู ไม่น่าแพงขนาดนั้น ผมจำได้ว่าเคยไปกินจ่ายไม่ถึงคนละ500
คุณอ๊อฟไปกินอะไรมาครับ    


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: อ๊อฟ ที่ 28 ก.พ. 06, 09:32
 บุฟเฟต์ครับ (ที่ซีกซ้ายเป็นอาหารญี่ปุ่น ซีกขวาเป็นเกาหลีครับ - และทานได้ทั้งสองที่ครับ - หรือผมไปผิดที่หรือปล่าว)


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 01 มี.ค. 06, 00:09
 จำได้ว่ามีอาจารย์ทางคลินิกท่านนึง ที่คลั่งหนังเรื่อง Winter Love Song จนถึงขนาดซื้อทัวร์
เดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลี เพื่อชมสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์เลยนะครับ

แน่นอนว่า ต้องเดินทางโดยสายการบินเกาหลี บริษัททัวร์เป็นของประเทศเกาหลีและอื่นๆ

ผมว่าที่จริงถ้า ททท จะสัมนาเรื่องการท่องเที่ยวไทย ลักษณะนี้บ้างก็คงดีอยู่หรอกครับ


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 01 มี.ค. 06, 14:25
 ขอบคุณคุณ CrazyHOrse มากๆ ครับ
ฟังแล้วอยากลองไปเที่ยวมั้งจังเลย...
แต่ท่าทางต้องพกอาหารสำเร็จจากไปไปเยอะแน่ๆ    


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 01 มี.ค. 06, 18:30
 เอ ความจริงถ้าประเทศไทยทำให้ประเทศเป็นที่รู้จัก
แล้วประสบความสำเร็จอย่างเกาหลี (หรือจากเรื่องแดจังกึม)
ก็คงมีรายได้เข้าประเทศจากการท่องเที่ยวไม่น้อยเลยนะคะ


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: ครูไผ่ ที่ 01 มี.ค. 06, 20:10
สืบเนื่องจากความเห็นที่ 3 ค่ะ
นอกจากแม่น้ำ ฮันกัง  จะใช้อักษรจีนที่อ่านในสำเนียงจีนกลางว่า "ฮั่น" ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อยู่ในบริเวณส่วนกลางของประเทศจีนแล้ว  ชื่อกรุงโซล ซึ่งเขียนด้วยอักษรจีน ก็ยังใช้อักษรที่อ่านเป็นสำเนียงจีนกลางว่า "ฮั่นเฉิง" ด้วย  เฉิงที่แปลว่า กรุง (สำเนียงแต้จิ๋วออกเสียงเฉินว่า "เซี้ย" ใกล้เคียงกับเสียงโซล หรือ เซ อูล)  ฮั่นเฉิง ก็แปลว่า กรุงฮั่น  

ประเทศจีนอันกว้างใหญ่ไพศาลประกอบด้วยชนหลายเผ่า ที่นับได้เป็นเผ่าใหญ่ ๆ มีประมาณ 7 เผ่า ได้แก่
เผ่าฮั่น (อยู่ในดินแดนส่วนกลางของประเทศ ที่เรียกว่า ตงง้วน เผ่าเดียวกับเล่าปี่)  
เผ่าหาน (ประเทศเกาหลีในปัจจุบัน)
เผ่ามองโกล (ซึ่งตั้งราชวงศ์หยวน ที่มีเจงกิสข่านเป็นปฐมกษัตริย์)
เผ่าแมนจู (ซึ่งตั้งราชวงศ์ "ชิง" ราชวงศ์สุดท้ายของจีน)  
เผ่าเงี้ยว  เผ่าแม้ว (อยู่ทางใต้ของตงง้วน)
และเผ่าอื่น ๆ อีกหลายเผ่า จำไม่ได้ค่ะ ใครทราบช่วยเติมต่อให้ด้วย
หลายเผ่าเคยผลัดกันขึ้นเป็นใหญ่ในแผ่นดินจีน
จีนเผ่าที่เราคุ้นเคยคือ เผ่าฮั่น

ในอดีตคนเผ่าหาน (เกาหลี) ใช้อักษรจีนเช่นเดียวกับคนจีนเผ่าอื่น ๆ
แต่เวลาออกเสียงจะออกเสียงต่าง ๆ กันไปในแต่ละท้องที่
ชนกลุ่มที่มีภาษาพูดแตกต่างกันมากมายหลายแบบคือกลุ่มที่อาศัยอยู่ในบริเวณมณฑลกวางตุ้ง  แค่มณฑลกวางตุ้งมณฑลเดียวมีภาษาพูดแตกต่างกันตั้งหลายภาษา  เช่น แต้จิ๋ว แคะ กวางเจา ไห่หนาน ซึ่งแต่ละภาษาฟังกันไม่รู้เรื่องเลย  แต่ใช้อักษรเดียวกัน  ถ้าใช้ตัวอักษรจะสื่อสารได้ตรงกันหมด  เนื่องจากอักษรจีนวิวัฒนาการมาจากภาพ  ไม่ใช่เกิดจากการสะกดคำตามเสียงพูด

เดิมเกาหลีหรือ "หาน" เป็นมณฑลหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนและใช้อักษรจีน  มีแซ่ (นามสกุล) ที่เป็นแซ่ซึ่งเขียนด้วยอักษรจีนเช่นเดียวกับแซ่ที่คนเผ่าฮั่นใช้กัน

เดิมเวียตนามก็ใช้อักษรจีนเช่นเดียวกัน  และปัจจุบันคนเวียตนามก็ยังใช้แซ่ที่เป็นชุดเดียวกับแซ่ที่คนจีนใช้กันอยู่


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: ต้นกล้าเป็นspy ที่ 01 มี.ค. 06, 22:20
 เค้าโครงเรื่องมาจากบันทึกประวัติศาสตร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ
เท่าที่ผมทราบมา จะกล่าวเพียงแต่ว่า แดจังกึมได้ถวายการรักษาพระเจ้าจุงจงเท่านั้น
และเกี่ยวกับการเกิดกบฎ ที่เหลือก็คือการปรุงแต่งมาให้เราคลั่งไคล้กันมากมาย

ผมชอบมากมายครับ! ขาดไม่ได้ จาสอบก็ยังดู


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 01 มี.ค. 06, 22:42
 อักษรเกาหลีไม่ได้เพิ่งจะถูกสร้างขึ้นไม่กี่สิบปีนี้นะครับครูไผ่

เมื่อก่อนผมก็เคยเข้าใจอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะเมื่อราว 20 กว่าปีที่แล้วเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ผู้เขียนเล่าถึงเกาหลีแล้วเล่าไว้อย่างนี้

เพราะถึงแม้อักษรเกาหลีถูกปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้ แต่ว่าถูกสร้างและใช้งานมาตั้งแต่ค.ศ.1400 เศษโดยกษัตริย์เซจงในยุคโจซอนครับ

หน้าตาของอักษร Hangul นี้ ดูเผินๆนึกว่าเป็นอักษรภาพแบบอักษรจีน แต่แท้จริงแล้วเป็นระบบการผสมคำเหมือนอักษรไทย

ข้อดีของอักษร hangul นี้คืออักษร 1 ตัวแทนหนึ่งพยางค์ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีการสับสนในการอ่าน ซึ่งจะว่าไปแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกและแสดงถึงอิทธิพลของอักษรจีน(ที่เกาหลีเรียกว่าฮันจา(ฮั่นจื้อ))ในการออกแบบอักษร hangul นี้

เพราะภาษาเกาหลีไม่ใช่ภาษาคำโดดแบบจีนครับ

ภาษาเกาหลีไม่มีการใช้วรรณยุกต์ สุ้มเสียงสำเนียง(ที่ฟังโดยคนที่ฟังไม่ออกอย่างผม)ฟังดูคล้ายภาษาญี่ปุ่น ไวยากรณ์พื้นฐานคล้ายญี่ปุ่นเช่นกัน โดยรูปประโยคเป็น ประธาน-กรรม-กริยา

สระเกาหลีจะมีมากกว่าญี่ปุ่น ในขณะที่ญี่ปุ่นมีสระพื้นฐานเป็น อะ-อิ-อุ-เอะ-โอะ ของเกาหลีจะเป็น อะ-อิ-อุ-อึ-เอะ-แอะ-โอะ-เอาะ

การใช้งานในชีวิตประจำวันนั้น ญี่ปุ่นกับเกาหลีค่อนข้างจะต่างกัน ถ้าเปิดหนังสือญี่ปุ่นจะเห็นการใช้อักษรปนเปกันหมดทั้ง Hiragana, Katakana และ kanji แต่ถ้าเปิดหนังสือเกาหลี จะพบแต่ hangul เต็มหน้า

สิ่งที่เหมือนกันระหว่างเกาหลี/ญี่ปุ่นคือ textbooks จะถูกแปลเป็นภาษาเกาหลี/ญี่ปุ่นเยอะมาก ภาษาไม่ใช่อุปสรรคในการเรียนรู้ของคนของเขาครับ

อยากเห็นอย่างนี้ในบ้านเราบ้างนะ


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: ครูไผ่ ที่ 02 มี.ค. 06, 08:04
 ค่ะ  อาจจะเป็นอักษรของชนกลุ่มซึ่งเป็นภาษาถิ่น  
ก่อนที่ฉินสื่อหวังตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้) จะทำการรวบรวมแว่นแคว้นใหญ่น้อยเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันและใช้อักษรเดียวกันนั้น  น่าจะมีอักษรของชนกลุ่มย่อยในเผ่าต่าง ๆ เป็นร้อยแบบเลยก็ได้    

หลังจากที่รวมเป็นอาณาจักรจีน (มาจากคำว่า ฉิน หรือ จิ๋น) แล้ว การบันทึกตำรับตำรา หรือภาษาราชการก็ใช้อักษรจีนกันทุกแว่นแคว้น


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 02 มี.ค. 06, 09:30
 ฉินสื่อหวางตี้รวมแผ่นดินจีนราว 200 B.C.

ฮันกึลถูกสร้างราว 1400-1500 A.D.

timeline มันผิดกันมากนะครับ

ลอง wiki ดูก็ได้ครับ น่าจะมีแน่ๆ    


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: HotChoc ที่ 02 มี.ค. 06, 13:14
 เท่าที่ทราบ อักษรฮันกึลถูกประดิษฐ์ขึ้น์มานานแล้วครับ แต่ไม่นิยมใช้กันเท่าไหร่จนช่วงหลังๆนี่เอง สาเหตุก็คงเหมือนกับที่ญี่ปุ่นไม่ยอมเลิกใช้อักษรจีน(kanji)จนถึงปัจจุบันแหละครับ เพราะอักษรจีนเป็นของสูงทางวัฒนธรรมก็ว่าได้


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 02 มี.ค. 06, 16:28
 เล่าต่อนะครับ

ผู้คนในกรุงโซล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กวัยรุ่นและคนหนุ่มสาว จะบ้าโทรศัพท์มือถือกันมากครับ ในญี่ปุ่นว่าคลั่งกันมากแล้ว ในเกาหลียังเป็นหนักกว่า ขึ้นรถได้ทุกคนจะก้มหน้าก้มตากดอย่างสนุกสนาน

ที่แตกต่างจากญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัดอย่างหนึ่งคือ ไม่ค่อยจะมีพวกเด็กหัวสีครับ ญี่ปุ่นนี่เต็มเมือง แต่เกาหลีหาดูยาก ซึ่งผมก็ว่าดีแล้ว เพราะโดยส่วนตัวรู้สึกว่าหัวสีดูไม่ค่อยจะรับกับใบหน้าคนเอเชียส่วนมาก

ที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ ไม่เห็นกระเทยครับ เ่อ่อ... เอาแบบเป็นข้อเท็จจริงกว่านั้นคือ ไม่เห็นคนตุ้งติ้งมากกว่า ในทีวีก็ไม่มีครับ แต่ในพวก guide book ที่แจกตามสนามบินบ่งบอกว่ามีบาร์เกย์ในโซล

อันนี้ไม่ได้ไปพิสูจน์ทราบด้วยตนเองนะครับ แค่เห็นผ่านตาน่ะ

อดคิดไม่ได้ว่าไข่เกิดก่อนไก่ หรือไข่เกิดก่อนไก่กันแน่  

จะว่าไปแล้ว ถึงแม้คนเกาหลีจะเขียนหนังสือด้วยฮันกึลเป็นหลัก แต่ฮันจา(อักษรจีน ซึ่งอ่านแบบจีนว่า ฮั่นจื้อ หรือที่ญี่ปุ่นออกเสียงว่า Kanji และจีนแต้จิ๋วว่า ฮั่งหยี่)ก็ยังพบได้ทั่วไป โดยเฉพาะบนป้ายชื่อสถานีรถไฟหรือ subway จะเขียนประกบเอาไว้ทั้ง hungul, hunja และอักษรโรมัน(เฉพาะบางสถานี)ครับ ดังนั้นคนรู้ภาษาจีนจะเอาตัวรอดง่ายขึ้น เพราะฮันกึลนั้นจำไม่ได้ง่ายๆเลยแฮะ

แม่น้ำฮั่น หรือ ฮันกัง จะไหลผ่านกลางกรุงโซลในแนวตะวันออก-ตะวันตก น่าสนใจว่าย่านหนึ่งในด้านใต้ของแม่น้ำฮั่นถูกเรียกว่า กังนำ หรือที่จีนกลางว่า เจียงหนาน และแต้จิ๋วว่า กังน้ำ ชื่อพ้องกับเจียงหนานในประเทศจีน เพียงแต่ว่าเจียงของจีนนั้นใหญ่กว่ามาก(คือฉางเจียง-หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนามแม่น้ำแยงซี) และพลอยทำให้ดินแดนกังน้ำของจีนนั้นใหญ่กว่าของเกาหลีอย่างมากด้วยครับ

แม่น้ำฮันกังนี้มีขนาดประมาณด้วยสายตาดูแล้วกว้างกว่าแม้น้ำเจ้าพระยาช่วงกว้างๆเล็กน้อยหรืออาจใกล้เคียงกัน ตลิ่งริมแม่น้ำชันกว่าแม่น้ำเจ้าพระยามาก บางส่วนถึงกับเป็นเนินเขาที่มีการสร้างบ้านเรือนไล่กันเป็นระดับดูแปลกตาสำหรับคนไทย ริมฮันกังช่วงหนึ่งมีทางด่วนสร้างคร่อมบนน้ำลัดเลาะเลียบริมชายฝั่งดูขัดหูขัดตาทีเดียว เข้าใจว่าคงทำเพื่อเลี่ยงการเวนคืนที่ดิน ในโซลจะเห็นแฟลตจำนวนมากหน้าตาพิมพ์เดียวกัน ก่อสร้างอย่างไม่ค่อยมีการตกแต่งอะไร หน้าตาถือว่าน่าเกลียดทีเดียว เท่าที่ทราบค่าเช่าบ้านในโซลหนักหนาสาหัสทีเดียว ได้ยินว่า cashier ตามห้างมีรายได้เดือนละประมาณ 50,000 บาท ผมลองคิดคร่าวๆ ค่าเช่าบ้าน 15,000-20,000 ค่าเดินทาง 5,000 ค่าอาหาร 15,000-20,000 ไหนจะค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก คงอยู่อย่างไม่ง่ายนัก

รถในโซลนั้นก็ติดขัดคล้ายๆบ้านเรา และที่ไม่น่าเชื่อ ผมว่าคนที่นี่ขับรถแย่ยิ่งกว่าบ้านเราอีก คิดจะกลับรถตรงไหนก็กลับ ไม่ค่อยเคารพกติกาจราจรกัน ส่วนตำรวจไม่ทราบอยู่ไหน ไม่ค่อยจะได้เห็นตัวเป็นๆเลย(เรื่องนี้น่าคิด ไปที่ไหนก็ไม่ค่อยเจอตำรวจมากอย่างบ้านเรา ยิ่งถ้าดูแค่บนถนน พาลนึกว่าประเทศไทยมีตำรวจมากที่สุดในโลกไปนู่นเลย   ) แต่เข้าใจว่าอาชญากรรมมีน้อยนะครับ

ถือเป็นเมืองหนึ่งที่พอจะเดินได้อย่างสบายใจทีเดียวถ้าไม่ติดว่าเป็นเนินเขาต้องเดินขึ้นลงตลอด

เมื่อยน่ะครับ    


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: Dr Yu ที่ 03 มี.ค. 06, 13:51
 รัฐบาลเกาหลีนี่เขาเอาอุตสาหกรรมภาพยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหัวหอกของประเทศเลยนะครับ กฎหมายของประเทศเค๊าคือหนังที่ฉายในโรงหนังต้องเป็นหนังเกาหลีอย่างย้อย 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตอนอเมริกาจะเปิด FTA กับเกาหลีก็จะให้เกาหลีเปิดอุตสาหกรรมหนังด้วย ปรากฎว่าประชาชนทั่วไป ดาราสวยๆ หล่อๆ รวมทั้งผู้กำกับออกมาประท้วงกันยกใหญ่ แสดงถึงการพิทักษ์ผลประโยชน์ของคนในชาติ เพราะเค๊ารู้ว่าอุตสาหกรรมภาพยนต์ของประเทศอยู่ในช่วงกำลังเริ่มจะแข็งแรง ขืนเปิดตอนนี้ก็ลำบาก ต้องขอเวลาฟิตซ้อมอีกปีสองปีครับ

หนังเรื่องแดจังกึมก็คือการสร้าง content หรือเนื้อหา ซึ่งก็คือทรัพย์สินทางปัญญาที่ทำเงินได้มหาศาลทั้งทางตรง และทำเงินทางอ้อมเข้าประเทศคือการท่องเที่ยว

คุณผู้ชายบางบ้านยังจะเปลี่ยนมาใช้แอร์ยี่ห้อ LG เพราะนางเอกแดจังกึมคือ ลียองเอ เป็น presenter และทะเลาะกับคุณแม่บ้านก็เรื่องแอร์นี่แหละครับ


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 04 มี.ค. 06, 17:25
 ตะแง่ว ตะแง่ว
ขอนอกเรื่อง
ขนาดเว็บแต่งตัวตุ๊กตาของเกาหลี่ยังเป็นที่นิยมเลยนะค่ะ
การีนเล่นจนไม่เป็นอันอ่านหนังสือสอบ
จะร้องไห้ตั้งสองครั้ง กับสองวิชา
ลองคลายเครียดด้วยการแต่งตัวตุ๊กตาย้อนวัยกันดีไหมค่ะ..
อิ อิ

*สร้างบ้าน แต่งห้อง ก็มีนะค่ะ
 http://elouai.com/doll-makers/new-dollmaker.php

นอกเรื่องไปไหมนี่ 555+  


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มี.ค. 06, 20:48
ลองสร้างตุ๊กตาดูบ้าง คลายเครียด


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 05 มี.ค. 06, 12:48
ไปมีตติ้งกันอยู่ใช่ไหมค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้าง...
มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะค่ะ


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: ครู...ชิต ที่ 05 มี.ค. 06, 17:03

ภาพดาราผู้แสดงนำ แด จัง กึม
แด จัง กึม ให้แง่คิดทั้ง ประเพณี อาหาร วิทยาศาสตร์ แพทย์ ความยุติธรรม การแต่งกาย ฯลฯ หรือ ถ้าจะเรียกให้ดูดีหน่อยก็เป็นภูมิปัญญาเกาหลี ก็น่าจะคล้ายกับภูมิปัญญาไทยแต่น่าเสียดายที่คนไทยบางท่านมองไม่เห็นแม้กระทั้งความเป็นไทย การใช้ชวิตแบบไทย กินอย่างไทย อยู่อย่างไทยโดยผสมผสานระหว่างความเป็นไทย ตะวันออก และตะวันตกก็ได้ ควรพิจารณารับสิ่งที่ดี ให้ประโยชน์ มีความเหมาะสมกับคนไทย บางท่านกายเป็นไทยแต่ใจตะวันตกทุกอย่าง ผมอยากให้หลายท่านมาสัมผัสชีวิตของชาวตะวันตกที่ได้ภรรยาที่เป็นคนไทยเขาบอกว่าส่วนหนึ่งเพราะความมีน้ำใจของคนไทยครับ  


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 05 มี.ค. 06, 17:06
 ยายหนูมาจารีน

พี่ๆอุตส่าห์ส่งบัตรเทียบเชิญ หรือ sms ไปบอก หัดเปิดเมล์ดูบ้างสิจ๊ะ


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 05 มี.ค. 06, 21:00
 แป่ว......บอกหนูหรือเปล่านี่...ขอโทษค่ะ
หนูไม่เคยเปิดเมล์สักครั้งเลย
ยกเว้นวันแรกที่สมัครสมาชิกค่ะ


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 09 มี.ค. 06, 18:01
 มาขอคุยเรื่อง แดจังกึม และจิปาถะครับ
สมัยนี้ หลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อละครเรื่องนี้ (จะจบวันเสาร์นี้แล้ว) รวมทั้งผมด้วย
ในห้องเรียน ก็มีพวกที่ชอบพูดแต่เรื่องนี้
กระทั่งวิชาการจุดคอม ก็ยังมีกระทู้เกี่ยวกับแดจังกึม(เดี๋ยวผมจะหามาให้ครับ)
และผม ก็เป็นอีกคนที่(จำต้อง)ดูแดจังกึมไปกับเขาด้วยครับ แต่ก็ได้หลาย ๆ อย่างที่แฝงในนี้
ขอบพระคุณคุณม้าคลั่ง-อาชาผยองครับ ที่นำเที่ยวเกาหลี(แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน)ครับ
.........................................................................................................
ถึงคุณครูไผ่ครับ เผ่าอุยกูร์(ในเขตมณฑลซินเจียงติดกับเอเชียกลาง ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เคยเสด็จฯเยือน ณ ที่แห่งนี้ครับ)
และเผ่าจ้วง (ภาษาที่ใช้บังเอิญคล้ายภาษาไทย อยู่แถบมณฑลยูนนาน )
นอกจากนี้ ชนกลุ่มน้อยตามเขตชายแดนไทย-พม่า ก็อพยพมาจากจีนหลายเผ่าครับ เช่น อาข่า(อีก้อ) ลารู(มูเซอ) กะเหรี่ยง(ปกาเกอญอ)
ชาวสิบสองปันนา(ซึ่งใช้ภาษาคล้ายกับภาคเหนือของเรา) ที่อยู่ในมณฑลยูนนาน
ก็เป็นชนกลุ่มน้อยของจีน
..............................................................................................................
ว่าด้วยอักษร Hiragana, Katakana และ kanji
Hiragana ใช้กับการเขียนทั่วๆ ไป Katakana ใช้เขียนชื่อ(และเขียนภาษาต่างประเทศได้ด้วย)
kanji ใช้เช่นเดียวกับ Hiragana แต่  1 ตัวคันจิ อาจมีหลายพยางค์เช่นเดียวกับฮิรางานะ
หากใครอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาญี่ปุ่น ต้องมีความรู้เรื่องตัวคันจิเป็นอย่างดีครับ(แต่ผม ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นซักกะตัว)
แต่...ตัวคันจิกับอักษรจีน เหมือนหรือต่างกันตรงไหนอีกครับ


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 09 มี.ค. 06, 18:38
 เรื่องระบบตัวอักษรของญี่ปุ่นนะครับ

แต่เดิมคนญี่ปุ่นไม่มีตัวอักษรใช้ เมื่อติดต่อกับจีน จึงยืมเอาตัวอักษรจีนมาเขียนภาษาญี่ปุ่น ชื่อเรียกที่ว่า kanji (คันจิ หรือ คันหยิ) ก็มาจากภาษาจีนว่า ฮั่นจื้อ (แต้จิ๋วอ่านว่า ฮั่งหยี่) แปลตรงๆเลยว่า อักษรฮั่น

การนำเอาคันจิมาใช้นั้นจะเขียนตามความหมายอย่างเดียวไม่สนใจการออกเสียงครับ
อย่าเช่น น้ำ ญี่ปุ่นว่า มิซึ ก็จะเขียนโดยใช้ตัวอักษรจีนว่า สุ่ย
แต่เวลาอ่าน จะอ่านว่า มิซึ(แบบญี่ปุ่น) หรืออาจจะอ่านว่า ซึอิ(หรือ ซุอิ อ่านเร็วๆว่า ซุย) แบบจีนก็ได้

หรืออีกตัวอย่างคำว่า (น้ำ)ใส ญี่ปุ่นว่า คิโยะ ก็จะยืมอักษรจีน ชิง มาใช้ เวลาอ่านก็อ่าน คิโยะ หรือจะอ่านว่า ชิน(แบบจีน) ก็ได้

มีชื่อวัดสำคัญในเกียวโตวัดหนึ่งชื่อ คิโยมิซึเดระ แปลว่าวัดน้ำใส เดระเป็นคำญี่ปุ่นแปลว่าวัด ซึ่งยืมคำ ซื่อ มาจากภาษาจีน คำๆนี้ญี่ปุ่นจะอ่านแบบจีนว่า จิ(หรือ หยิ) ซึ่งพ้องกับสำเนียงจีนแต้จิ่วว่า หยี่ (แบบวัดเหล่งเหน่ยหยี่ ที่คนไทยเรียกว่า เล่งเน่ยยี่)

การจะอ่านแบบจีนหรืออ่านแบบญี่ปุ่นนั้นอยู่ที่เจตนาของผู้ตั้งชื่อ ในเกียวโต ชื่อวัดส่วนมากจะอ่านแบบจีน คิโยะมิซึเดระ ก็เลยดูกวนๆชอบกล(สำหรับผม) ถ้าสมมติว่าคนญี่ปุ่นอ่านเขาอาจจะไม่แน่ใจว่าจะอ่านยังไง เพราะสามารถอ่านแบบจีนได้ว่า ชินซุยจิ หรือถ้าจะอ่านครึ่งบกครึ่งน้ำอย่างเช่น ชินมิซึจิ ผมก็เดาว่าไม่น่าจะผิดกติกาแต่อย่างใด

ด้วยเหตุนี้บางทีคนญี่ปุ่นยื่นนามบัตรให้กัน เห็นตัวหนังสือ(ซึ่งเป็น kanji) อาจจะต้องถามว่าชื่อคุณอ่านอย่างไร

จะเห็นได้ว่าการนำเอา kanji มาใช้เขียนภาษาญี่ปุ่นตอบสนองเรื่องการบันทึกหรือสื่อสารกันระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีข้อจำกัด

ณ เวลาหนึ่งเวลาใดผมก็ไม่รู้(ใครรู้กรุณามาเล่าให้ผมฟังบ้าง) คนญี่ปุ่นก็ดัดแปลงตัวอักษรจีน ลดรูปให้เขียนง่ายขึ้น แล้วกำหนดให้แทนเสียงในภาษาญี่ปุ่น

อักษรที่ว่านี้จะมี 2 แบบ แบบแรกเรียกว่า hiragana (ฮิระงะนะ) ใช้เขียนคำภาษาญี่ปุ่น แบบที่สองเรียกว่า katakana (คะตะคะนะ) ใช้เขียนคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ(ทั่วโลก)

ระบบอักษรทั้งสองแบบนี้จะแทนเสียง อะ อิ อุ เอะ โอะ คะ คิ คุ เคะ โคะ ฯลฯ

ข้อให้สังเกตว่าสระญี่ปุ่นมีน้อยมาก อย่างเช่น เสียง อุ และ อึ ญี่ปุ่นไม่สามารถแยกจากกันได้ ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้หากคนญี่ปุ่นเดินทางมาเที่ยวภาคอีสานบ้านเฮา  

นอกจากนี้ kanji ถึงแม้ว่ามาจากอักษรจีน แต่เวลาผ่านไปญี่ปุ่นเองก็ดัดแปลงสร้างอักษรใหม่ขึ้นมาด้วย อักษรพวกนี้หน้าตาคล้ายๆอักษรจีน แต่คนจีนไม่รู้จัก อ่านไม่ออก และแปลไม่ได้

ในหนังสือ ตัวอักษร kanji ยากๆจะมีเขียนกำกับการออกเสียงด้วย hiragana หรือ katakana ไว้ด้วย

เป็นอันจบที่มาของอักษรญี่ปุ่นฉบับมวยวัดไว้พอสังเขปดังนี้แลฯ


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 11 มี.ค. 06, 10:17
 ขอเพิ่มเติมความเห็นที่ 9 ครับ
ภาษาเวียดนามจริง ๆ ไม่มีตัวอักษรเขียน
คนเวียดนามใช้ตัวอักษรจีนหลังจากตกเป็นเมืองขึ้นของจีน(แต่ตอนที่เป็นอิสระนั้น จะใช้ตัวอักษรอืนใดไม่อาจทราบ) และยังนิยมใช้อยู่แม้จะประกาศเอกราชต่อจีนก็ตาม
ต่อมา เมื่อเวียดนามเป็นรัฐอารักขาของฝรั่งเศส จึงใช้ตัวอักษรโรมันแทน และยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน

"สิ่งที่เหมือนกันระหว่างเกาหลี/ญี่ปุ่นคือ textbooks จะถูกแปลเป็นภาษาเกาหลี/ญี่ปุ่นเยอะมาก"

ตั้งแต่ผมเกิดมา ยังไม่เคยเห็นเท็กซ์บุ๊ค(ที่แปลเป็น)ภาษาไทยเลยครับ
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด
ผมว่า ถ้าแปลเป็นภาษาไทยแล้ว จะช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ของเยาวชนได้เป็นอย่างดี
ถ้าอยากให้ทราบและเข้าใจศัพท์เฉพาะ(ในหนังสือ) ก็น่าจะมีวงเล็บกำกับศัพท์เหล่านั้น
แต่ปัญหาของเท็กซ์บุ๊คส์ มีอยู่อย่างหนึ่ง คือ ข้อมูลอาจไม่ทันสมัย
ถ้าแปลไป อาจมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ หรือแปลช้าก็มีข้อมูลเพิ่มมาใหม่
หรือว่า ตลาดหนังสือบ้านเรามีที่ให้เฉพาะหนังสือสำเริงคดี ?
อนึ่ง ผมไม่ปฏิเสธครับว่า สองชาติดังกล่าวขึ้นชื่อเรื่องหนอนหนังสือ
เนื่องด้วย ทั้งสองชาติได้รับการปลูกฝังเกี่ยวกับการอ่าน(มาก ๆ)
เคยอ่านคอลัมน์ของคุณนิติภูมิ มีตอนหนึ่งระบุว่า
นิยายที่ขายดีของชาวเกาหลี ไม่ใช่นิยายรักปานจะเลี่ยน แต่เป็นนิยายชาตินิยมครับ
มองดูก็เป็นผลดีที่ทำให้คนรักชาติ แต่ข้อเสียก็คือ ทำให้ความขัดแย้งระหว่างสองชาติไม่มีที่สิ้นสุด
มูลเหตุความขัดแย้ง ก็คือ การเข้ายึดครองเกาหลีของจักรวรรดิญี่ปุ่น
แม้เกาหลีจะได้รับเอกราช (และถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนโดยสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต)
แต่ความขัดแย้งก็ยังไม่หมด
ป.ล. ขอบคุณความเห็นที่ 23 ครับ


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 11 มี.ค. 06, 10:32
 ลิงค์ที่พูดถึงแดจังกึม (ในวิชาการจุดคอม)
 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=65&Pid=43441
http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=61&Pid=43654
http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=64&Pid=38765
http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=64&Pid=44002  


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: นิรนารี ที่ 11 มี.ค. 06, 15:40
 ขอบคุณทุกความรู้ทั่วไปจากเกาหลี(อิทธิพล แด จัง กึม)
กลับบ้านหนนี้เสาร์-อาทิตย์ ได้ดู แดจังกึม ด้วย

หลานสาวอายุเกือบสามขวบ
เล่นหั่นผักยิก ๆๆ เป็นจังกึมทุกทีเวลาอารมณ์ดี

ชอบที่สุดตรงเนื้อหา
ตอนนี้หมอหญิงได้ตำแหน่งศักดินาในวังเป็นคนแรกของประวัติศาสตร์

เท่ห์ตรงมีสิทธิสตรี ...
แทรกในเรื่องอย่างเหมาะสม

อาหารเกาหลี
ไม่เด่นในตลาดสากลได้ ขนาดอาหารจีนยังถูกอาหารไทยแย่งArea
(แม้เขาจะพยามยามโปรโมทย์สุดฤทธิ์ในภาพยนต์เรื่องนี้)

สีสัน ศิลปะ ในการปรุง
ละเมียด พีเรียดสู้สีสันรสชาดไทยไม่ได้

ต้มยำกุ้ง ต้มข่าไก่ ฯลฯ แม้จะด้อยการโปรโมทย์จากทางการ
(ส่วนมาก คนต่างชาติรู้จักเพราะเมียฝรั่งทำให้ทานก่อน)

กระนั้นก็ติดปาก ติดใจชาวสากล
ด้วยธรรมชาติ สีสัน และเป็นที่รู้จักอย่างดี


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: ครูไผ่ ที่ 12 มี.ค. 06, 10:39
 " ... ในห้องเรียน ก็มีพวกที่ชอบพูดแต่เรื่องนี้... "

จากข้อความนี้ และชื่อโรงเรียนที่คุณศรีปิงเวียงให้ไว้ในข้อมูลส่วนตัว  คาดว่า คุณศรีปิงเวียง ยังเป็นนักเรียนอยู่ (ถ้าคาดผิดขออภัยด้วย)

ต้องขอชื่นชมคุณศรีปิงเวียง ที่มีความรู้รอบตัวและความรู้ทางประวัติศาสตร์มาก ๆ  อย่างที่ไม่ค่อยมีในคนวัยเดียวกัน หรือแม้กระทั่งในคนรุ่นใหญ่

ขอบคุณสำหรับชื่อชนเผ่าที่ให้เพิ่มเติมมาค่ะ


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 13 มี.ค. 06, 17:53
 แจมครับ
ไม่ได้แจมเรื่องแดจังกึมหรอก เพราะไม่ได้ติดตามดู ดูผ่านๆ เพียงสามสี่ตอนไม่ต่อเนื่องกัน เวลาที่มาฉายเป็นเวลาที่ไม่ตรงกับที่ผมว่างดูหนังได้เท่าไหร่ครับ แต่ขนาดผมไม่ได้ตามดูยังรู้เลยว่าแฟนๆ คลั่งไคล้กันมาก

ขอแจมเรื่องอุยกูร์ครับ เผ่านี้อยู่ทางมณฑลซินเจียง แถวๆ ทะเลทรายโกบี เป็นพวกมุสลิม คนจีนเรียกในภาษาจีนกลางว่า เผ่าเววูเอ๋อร์

ตำราภาษาไทยไม่ถึงกับไม่มีเอาเลยหรอกครับ แต่อาจจะไม่มากเท่าที่ทางญี่ปุ่นเกาหลีมีเท่านั้น ตั้งแต่ผมเกิดมาก็เห็นหลายเล่ม เคยมีมูลนิธิโครงการตำรา แปลตำราวิชาการออกมา เท่าที่ผมรู้ก็สาขาสังคมศาสตร์ และเชื่อว่ามีสาขาวิทยาศาสตร์และมนุษยศาสตร์ด้วย แต่ผมก็ไม่ได้ยินข่าวโครงการตำราหลายปีแล้วเหมือนกัน ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรแล้ว

ผมเคยไปเกาหลีใต้และเกาหลีเหนืออย่างละ 1 หน เกาหลีเหนือไปนานหน่อย เกือบอาทิตย์หนึ่ง เกาหลีใต้ไปอยู่สั้นมาก ราว 1 คืนเท่านั้น แวะเปลี่ยนเครื่องบิน ตอนนั้นก็หลายปีมาแล้วจะสิบปีกว่าได้แล้วมั้ง ขณะนั้นเกาหลีใต้เขายังไม่เจริญมากอย่างเดี๋ยวนี้ เห็นสนามบินคิมโปในตอนนั้นแล้ว ผมไม่ประทับใจเท่าไหร่เลย เดี๋ยวนี้คงจะเปลี่ยนไปมากแล้ว


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 13 มี.ค. 06, 21:27
 ตอนนี้กิมโปกลายเป็นสนามบินสำหรับ domestic flight แล้วครับพี่นิลฯ เพราะอินชอนเสร็จได้หลายปีแล้ว แต่ทางรถไฟเชื่อมระหว่างอินชอนกับโซลยังไม่เสร็จครับ จากสนามบินเข้าเมืองต้องใช้ taxi หรือจะให้ดีก็ Bus เพราะประหยัดกว่าและมีเส้นทางมากมาย

ค่ารถบัสเข้าโซลก็ราวๆ 400-500 บาทได้ครับ นั่งรถเกือบชั่วโมงเห็นจะได้

ดูแล้วเป็นลักษณะบริการมากกว่า เพราะตอนผมไปนั่งกันไปทั้งคันมีผู้โดยสาร 3 คนเท่านั้นเอง ขาดทุนป่นปี้แน่นอนไหนจะค่ารถค่าคนขับค่าน้ำมันค่าทางด่วน

แต่รู้สึกว่าทางรถไฟน่าจะใกล้เสร็จแล้วครับ

คิดถึงสุวรรณภูมิบ้านเรา ไม่รู้ระบบขนส่งมวลชนจะเสร็จเมื่อไหร่ เพราะสนามบินอยู่ไกลมาก


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 14 มี.ค. 06, 16:22
 ขอขอบพระคุณคุณครูไผ่ ท่าน นกข. และคุณ CrazyHOrse มา ณ ที่นี้ครับ
ก็น่าเสียดายครับ ถ้าโครงการแปลตำราหยุดอยู่แค่นั้น
โครงการความรู้ดี ๆ หลาย ๆ คนไม่รู้จัก เพราะขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดี หรือขาดความคืบหน้า
อย่างเช่น สารานุกรมฉบับราชบัณฑิตฯ (ที่ทำมาประมาณ 50-60 ปี) มี 25 เล่ม ถึงหมวด ล
บางคนอาจไม่ทราบเลยว่า มีสารานุกรมที่ออกโดยราชบัณฑิตฯ
ที่เราพูดอยู่นี้ ดูเหมือนจะเกี่ยวกับเกาหลีใต้ เกาหลีเหนือแทบไม่มี
ป.ล. ขอแก้ความเห็นที่ 25 ครับ
ขอบคุณความเห็นที่ 23 แก้เป็น ขอบคุณความเห็นที่ 24


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: Malagao ที่ 30 ก.ย. 06, 17:16
 แดจังกึม ภาคภาษาไทย
สู้เขาได้ไหม


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: Malagao ที่ 30 ก.ย. 06, 17:37
 ทำมายรูปไม่ขึ้นล่ะ


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: Malagao ที่ 08 ต.ค. 06, 18:13

รูปที่ 1


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: Malagao ที่ 08 ต.ค. 06, 18:13

รูปที่2


กระทู้: แด จัง กึม (อีกแล้ว) กับความสำเร็จที่คาดไม่ถึง
เริ่มกระทู้โดย: Malagao ที่ 08 ต.ค. 06, 18:14

รูปที่3