เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: paganini ที่ 05 ธ.ค. 03, 03:53



กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 05 ธ.ค. 03, 03:53

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของในหลวงของเรา เรามาคุยกันเกี่ยวกับพระอัจฉริยภาพทางดนตรีของพระองค์ท่านดีไหมครับ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 03, 09:21

ฟังเพลงพระราชนิพนธ์มาตั้งแต่เด็ก     ไม่เคยเบื่อ  ถึงขณะนี้ ในfolder My Music ของเครื่องคอมดิฉัน ก็มี folder เพลงพระราชนิพนธ์สิบกว่าเพลงที่ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์  เอาไว้เปิดฟังเกือบทุกวัน
ใครสนใจจะดาวน์โหลดไปฟังบ้าง ก็เปิดเข้าไปที่นี่นะคะ
 http://www.kanchanapisek.or.th/royal-music/index.th.html

เพลงพระราชนิพนธ์แต่ละเพลง  อยู่ในดวงใจทุกเพลง แต่บางเพลงอาจเปิดซ้ำซากมากกว่าเพลงอื่นๆหน่อย ขึ้นอยู่กับอารมณ์และเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นว่าทำให้อยากฟังเพลงไหนบ่อยเป็นพิเศษ
บางอารมณ์ก็อยากฟัง  ใกล้รุ่ง     บางอารมณ์ก็อยากฟัง ลมหนาว  
ตอนนี้ ชอบเปิด เทวาพาคู่ฝัน บ่อยกว่าเพลงอื่นค่ะ

เทวาพาคู่ฝัน

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ


ช่างงามทัศน์ทิวเขตคามงดงามน่าดู
ทั้งมวลล้วนมีเป็นคู่ชิดชูเชยชมรมย์รื่น
แต่ฉันดวงใจผูกพันใฝ่ฝันทุกคืน
เฝ้าปองเคียงครองคู่ชื่นให้รื่นเริงใจ
โลกนั้นดังเมืองสวรรค์เทวัญสร้างไว้
พิศดูเป็นคู่ทุกสิ่งล้วนมีรักจริงยิ่งใหญ่
อันธรรมชาติไซร้
ใช้แรงความรักความใคร่ ย้อมชีวิตให้ยืนยง
อยู่เดียวเปลี่ยวใจหทัยใฝ่ฝัน
เดชกามเทพพันผูกใจให้หลง
แม้เคยทำคุณบุญส่ง
ฟ้าคงปรานีดีอยู่
โปรดจงประทานความเอ็นดู
ให้มียอดชู้เป็นคู่ชูใจ
จวบวันทิวาเฉิดฉันตะวันสดใส
ฟ้าดลบันดาลรักให้สมดังดวงใจมุ่งมั่น
เฝ้าวอนพระทรงเสกพรไหว้วอนทุกวัน
โศกทรวงดวงใจอัดอั้นตื้นตันอุรา
จวบวันราตรีเฉิดฉันดวงจันทร์แจ่มฟ้า
พบความรักดังใจมั่นเหมือนเดือนตะวันกลางหล้า
สมพรจากฟ้า
พระทรงประทานปวงข้าชีวิตในหล้ายืนยง  

เกร็ดน่ารู้
เพลงพระราชนิพนธ์เทวาพาคู่ฝัน: Dream of Love Dream of You เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๙ ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อวันจันทร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๒ ขณะประทับ ณ เมืองดาโวส์เช่นกัน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 05 ธ.ค. 03, 16:25
 เมื่อคืนง่วงไปหน่อยเลยไม่มีแรงพอที่จะเขียน  กลับมาล่ะครับ
จริงๆแล้วผมประทับใจในอัจฉริยภาพของในหลวงเราอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์นั้นเป็นงานชั้นครู เป็นงานที่คนรุ่นหลังต้องศึกษา  
อันเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งหลายนั้นผมได้ยินมาตั้แต่เกิดล่ะครับโดยเฉพาะเมื่อก่อนนี้ที่ช่องเจ็ดชอบเอามาเป็นเพลงพื้นหลังตอนเสนอข่าวในพระราชสำนัก
แต่สิ่งที่ทำให้ผมสะดุดใจและหันมาฟังอย่างจริงจังก็เมื่อผมได้ยินเพลงบรรเลงพระราชนิพนธ์ด้วยกีต้าร์คลาสสิคโดย ฮัคกี้ ไอเคิลมานน์  ที่บรรเลงได้อย่างสวยงามไพเราะ แต่ที่สำคัญคือเรียบเรียงโดย เขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์ ที่เพิ่งจะล่วงลับไปไม่นาน
มานี้ในอนาคตงานชิ่นนี้คงจะติดอยู่คู่กับชื่อของ อ.เขตต์ ไปชั่วลูกชั่วหลานมากกว่าคนรุ่นหลังจะรู้จักชื่อ อ. เขตต์ในฐานะที่เป็นคนแต่งเพลง คู่กัด ให้พี่เบิร์ด
เพลงชุดนี้ก็มี สายฝน ใกล้รุ่ง เทวาพาคู่ฝัน ยามเย็น แผ่นดินของเรา แสงเดือน แสงเทียน ค่ำแล้ว แก้วตาขวัญใจเมื่อโสมส่อง  อัลบั้มชื่อว่า คืนหนึ่ง
นับว่าเป็นอัลบั้มที่คลาสสิค แม้จะเป็นที่รู้จักในหมู่นักดนตรี แต่ไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เป็นส่วนประกอบที่ลงตัวระหว่างวัตถุดิบคือตัวเพลง ผู้เรียบเรียง ที่สอดใส่เทคนิคทั้งทางการเรียบเรียงเสียงประสาน ทั้งเทคนิคทางกีต้าร์คลาสสิค ทั้ง counter point ลงไป  รวมทั้งการบรรเลงโดยยอดนักกีต้าร์อย่างฮัคกี้ที่พูดไทยได้ชัดมาก และทำมาหากินในเมืองไทยจนกระทั่งปัจจุบัน
โดยเหตุที่ว่าเพลงพระราชนิพนธ์นั้นเป็นของที่ทรงรังสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีตบรรจง โดยส่วนตัวผมว่าหลายๆเพลง "ฟังยาก" เนื่องด้วยในหลวงท่านทรงมีความรู้ และความเข้าใจในการดนตรีอย่างลึกซึ้งทรงสอดแทรก เทคนิค หรือ ศิลปะของประองค์ ลงไปในแต่ละเพลงอย่างชาญฉลาด  ดังนั้นการที่เราจะเข้าใจและทราบซึ้งในบทเพลงบางเพลงมิใช่ง่ายๆ
ผมเองอย่างที่บอกคือประทับใจครั้งแรกจากการฟังอัลบั้มคืนหนึ่งนี้
จำได้ว่าพยายามไปหาโน๊ตมาเพื่อเล่นให้ได้ตามเทป(เมื่อก่อนไม่มี CD) พอเล่นได้นิดนึงก็ไปอวดเพื่อนๆ โห เท่ห์มากเลยครับ....555555 เล่าความหลังนิดนึง
หลังจากนั้นเมื่อผมมีโอกาสได้เรียนวิชา composition กับท่านอาจารย์ที่ผมเคารพรัก ท่านมักจะยกเพลงพระราชนิพนธ์มาเป็นตัวอย่างการแต่งทำนอง หรือการเรียบเรียงเสียงประสาน (การใส่คอร์ด หรือการเลือกใช้ harmony นั่นเอง) ผมได้ค้นพบว่ามีอะไรๆหลายๆอย่างที่ลึกซึ้งสวยงามซ่อนไว้ในแต่ละบทเพลงพระราชนิพนธ์เหล่านั้น  ผมเองคุยกับท่านอาจารย์ของผมได้ทั้งวันเกี่ยวกับบทเพลงพระราชนิพนธ์แถมท่านยังมีเกร็ดเล็กๆน้อยๆจากการทำงานของท่านในอดีตมาเล่าให้ฟัง
เมื่อเราเรียนเกี่ยวกับการแต่งดนตรีแบบคลาสสิคท่านก็ยกตัวอย่างจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ เมื่อเราเรียนเกี่ยวกับเพลงบลูส์ท่านก็ยกตัวอย่างจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ เมื่อเราเรียนเกี่ยวกับแจ๊ซท่านก็ยกตัวอย่างจากบทเพลงพระราชนิพนธ์  เมื่อเราเรียนเกี่ยวกับบันได้เสียงโครมาติก (บันไดเสียงที่ใช้ครึ่งเสียงเป็นพื้น เช่นเพลงเมื่อโสมส่อง)ท่านก็ยกตัวอย่างจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ เรียกได้ว่าบทเพลงชุดนี้เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาที่เราจะเสพได้ไม่รู้จักหมดสิ้น


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 05 ธ.ค. 03, 16:35
 เพลงหนึ่งที่อยู่ในใจผมตลอดมาคือเพลงลมหนาวผมไม่รู้ว่าที่มาที่ไปของเนื้อร้องทั้ง 2 แบบคือไทยกับอังกฤษนี่เป็นยังไงว่าเป็นพระราชประสงค์หรือไม่ที่จะให้เนื้อร้อง 2 แบบมีความแตกต่างตรงข้ามกันแบบนี้ทั้งที่ใช้ทำนองเดียวกัน ผมขอ copy เนื้อจากเวปกาจนาภิเษกตามที่คุณเทาชมพูให้ไว้ข้างบนนะครับ(ขอบคุณมากเลยครับอาจารย์ที่ทำให้ผมผมไม่ต้องพิมพ์ใหม่)



ลมหนาว

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา



ยามลมหนาวพัดโบกโบยโชยชื่น

เหล่าสกุณร้องรื่นรมย์

หมู่ดอกไม้ชวนภมรร่อนชม

ช่างสุขสมเพลินตาน่าดูชูใจ

โอ้รักเจ้าเอ๋ย

ยามรักสมดังฤทัย

พิศดูสิ่งใด

ก็แลวิไลแจ่มใสครัน

อันความรักมักจะพาใจฝัน

เมื่อรักนั้นสุขสมจิตปอง

ยามลมฝนพัดโบกโบยกระหน่ำ

หยดหยาดนำน้ำหลั่งนอง

ผึ้งภู่ทั้งวิหคเหงาเศร้าหมอง

เกลื่อนกลาดผองมาลีร่วงโรยลงดิน

เหมือนรักผิดหวัง

เปรียบดังหัวใจพังภินท์

น้ำตาหลั่งริน

และลามไหลเพียงหยาดฝนปราย

อันความรักแม้นไม่เป็นดังหมาย

ตราบวันตาย ชีพขมขื่นเอย  





Love in Spring



Music: H.M.K. Bhumibol Adulyadej

Lyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri



Love in spring sets my heart aflame,

Burning as embers glow.

Everytime when I hear your name,

Then my burning tears begin to flow.

There'll come a day

When skies will be so blue.

May be you'll say

You are in love with me too.

I'll find joy then in everything,

For I find my love in spring

I am longing for love in spring

When the days are so fair.

What supreme happiness it'll bring.

All the red roses bloom everywhere.

Birds in the trees

Will sing a lovely tune.

And in the breeze

We'll watch the bright lovely moon.

I'll find joy then in everything,

for I find my love in spring.

 



เกร็ดน่ารู้

เพลงพระราชนิพนธ์ ลมหนาว: Love in Spring เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๑๙ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๔๙๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาอังกฤษ และได้พระราชทานเพลงนี้ ออกบรรเลงครั้งแรก ในงานประจำปีของสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศสวนลุมพินี เมื่อวันเสาร์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๗ ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา แต่งคำร้องภาษาไทยถวาย


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 05 ธ.ค. 03, 17:01
 ตามอารมณ์ของทำนองแล้วเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงเศร้า ชื่อก็บอกแล้วว่าเมื่อลมหนาวพัดมาทำหัวใจเราๆสั่นไหวกันถ้วนหน้าใครมีรักที่ไม่สมหวังก็จะขื่นขมเป็นพิเศษในช่วงหน้าหนาว อันนี้เป็นความรู้สึกร่วมกันของคนทั่วไป (อีกเพลงที่ทำได้ดีเกี่ยวกับหน้าหนาวคือ เหมันต์รัญจวน ของสุทราภรณ์)
คำร้องไทยของท่านผู้หญิงสมโรจน์สละสลวยและเข้ากับทำนองอย่างยิ่งจนผมอดคิดไม่ได้ว่าเนื้อนี้น่าจะเข้ากับทำนองที่ทรงพระราชนิพนธ์มากกว่า(*** ถามอาจารย์เทาฯ ว่าต้องใช้ว่าทรงนิพนธ์ หรือ ทรงพระนิพนธ์หรือ ทรงพระราชนิพนธ์ครับ***)
ในขณะที่เนื้อภาษาอังกฤษกลับพูดถึงรักในฤดูใบไม้ผลิอันสวยงามเบิกบาน ดอกไม้สวยต้นไม่เขียวขจี
มีเรื่องเล่าที่ยืนยันถึงพระอัจฉริยภาพของในหลวงเรา
อาจารย์ผมเล่าให้ฟังว่าสมัยที่ท่ายังเป็นผู้ควบคุมวงดุริยางค์ทหารบกท่านต้องเรียบเรียงเสียงประสานเพลงพระราชนิพนธ์ให้วง orchestra เล่นประกอบการร้องเพลงปรากฏว่าเมื่อท่านต้องเรียบเรียงเพลงนี้แทนที่จะทำแบบเดียวแต่ใช้กับ 2 เนื้อร้อง ท่านกลับทำแยกกัน โดยเพลงลมหนาวท่านทำให้เป็นเพลงที่ช้าๆ สงบ เศร้า และ harmony หรือ cord ที่ใช้ก็เอาแบบทึมๆได้บรรยากาของลมหนาว แต่เพลง Love in Spring ท่านกับเรียบเเรียงโดยใช่เสียงประสานที่สดใสกว่า รวมไปถึงจังหวะที่จะเร็วขึ้นนิดหน่อย ในสไตล์ของ Viennese Waltz  (ใครนึกไม่ออกก็นึกถึง Blue Danube ของโยฮันน์ สเตร้าท์นะครับ ลักษณะแบบนั้นคือวอล์แบบชาวเมืองเวียนนาล่ะ) ปรากฏว่าในหลวงเมื่อทรงได้ยินได้มีรับสั่งกับอาจารย์ผมว่า "เธอเข้าใจเพลงของฉันดีนี่นา"
แสดงว่าเป็นพระราชประสงค์แต่เดิมที่ต้องการให้เพลงนี้สามารถตีความได้หลายอารมณ์
อาจารย์ผมท่านปลื้มมากๆกับความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างท่านกับในหลวง   สำหรับผมแล้ว ทั้ง 2 ท่านคือศิลปินผู้ยิ่งใหญ่


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 03, 09:35
 ขอถามนอกเรื่องหน่อยนะคะ  เพลง เทวาพาคู่ฝัน เป็นจังหวะอะไรคะ  ถ้าหากว่าไม่ใช่วอลทซ์ มาสามารถทำให้เป็นวอลทซ์ได้ไหมคะ ทำนองเดียวกับ Love in Spring ที่คุณเล่ามาข้างบนนี้น่ะค่ะ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 06 ธ.ค. 03, 16:51
 Waltz ครับ เหมือนกัน คือ 3/4
สังเกตว่าเพลงพระราชนิพนธ์ส่วนใหญ่จะเป็นเพลง Waltz ครับยกเว้นเพลงมาร์ชรึว่าเพลงที่ทรงแต่งให้สถาบัน


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 06 ธ.ค. 03, 17:48
 สงสัยนิดหนึ่งนะครับ
H.H. ย่อมาจากอะไรครับ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 06 ธ.ค. 03, 19:30
 H.H. = His Highness ครับ คุณภูมิ

ผมเองชอบเพลงพระราชนิพนธ์ "ยิ้มสู้" ครับ "โลกจะสุขสบายนั่นเป็นได้หลายทาง..." แต่ว่าที่จริง ชอบทุกเพลง เพลงพระราชนิพนธ์ชุดคืนหนึ่งนั้นผมก็ชอบมากๆ ฟังมาแต่เด็กตั้งแต่เป็นเทปคาสเซท จนป่านนี้จะยืดหมดแล้วมั้ง ยังไม่ได้ไปหาซีดีมาเปลี่ยนครับ

พระราชอัจฉริยภาพในทางดนตรีนี่ เป็นที่รับรองในระดับโลก ทั้งในอเมริกา โดยเบนนี่ กูดแมนราชาแจ๊ส (และศิลปินอเมริกันคนอื่นๆ อีกมาก) และที่เวียนนา นครหลวงของดนตรีของโลก โดยสถาบันการดนตรีแห่งเวียนนาก็ได้รับรองพระราชอัจฉริยภาพนี้ คุณ Paganini ทราบไหมครับว่า ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเพลง Alexsandra พระราชทานเจ้าฟ้าหญิงอเล็กซานดราของอังกฤษในโอกาสที่เจ้าฟ้าองค์นั้นเสด็จเยือนไทย ในระหว่างที่ทรงกำลังรอเครื่องบินพระที่นั่งของเจ้าฟ้าหญิงลงจอด พระราช ... inspiration (เรียกราชาศัพท์ไม่ถูก) ก็ผุดขึ้น ต้องทรงรีบร่างโน้ตเพลงนั้นลงในเศษกระดาษทันที ดูเหมือนจะทรงแต่งเสร็จในไม่เกิน 10 นาที และเพราะมากด้วย ใครทราบรายละเอียดเรื่องนี้ช่วยเล่าหน่อยครับ เพลงนี้ ต่อมาใส่เนื้อไทยเป็นเพลง "ถึงอยู่แคว้นใด ไม่สุขสำราญ เหมือนอยู่บ้านเรา ชื่นฉ่ำค่ำเช้า สุขทวี ..."


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 03, 09:21
 เพลงพระราชนิพนธ์ ที่คุณนิลกังขาว่า  ดูเหมือนภาษาอังกฤษจะชื่อตรงตัวว่า Alexandra
มีเนื้อร้องภาษาอังกฤษด้วยค่ะ แต่ดิฉันจำได้กะท่อนกะแท่นเต็มที  คล้ายๆ welcome to the land of Smile หรืออะไรทำนองนี้  
บางทีคุณ paganini คงเล่าได้ละเอียดและถูกต้องกว่า

เพลงนี้เป็นเพลงแต่งพระราชทานเป็นเกียรติยศแก่เจ้าหญิงอเลกซานดราแห่งอังกฤษ    ต่อมาจึงไม่ค่อยจะได้ฟังกัน  เพราะไม่อยู่ในโอกาสที่จะเล่นเพลงนี้ถวายเจ้าหญิง เว้นแต่ตอนเสด็จมาเยือน
นานทีเดียว ร่วมยี่สิบปี(มั้ง)    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเห็นว่าเพลงนี้น่าจะใส่คำร้องภาษาไทยได้ จึงได้ทูลขอพระราชทานเพลงจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ใส่คำร้องภาษาไทยเป็นชื่อเพลง "แผ่นดินของเรา" เพื่อเตือนใจให้คนไทยนึกถึงชาติบ้านเมือง

ถึงอยู่แคว้นใด
ไม่สุขสำราญ
เหมือนอยู่บ้านเรา
ชื่นฉ่ำค่ำเช้าสุขทวี
ทรัพย์จากผืนดิน
สินจากนที
มีสิทธิ์เสรี
สันติครองเมือง
เรามีป่าไม้อยู่สมบูรณ์
ไร่นาสดใสใต้ฟ้าเรือง
โบราณสถานส่งนามประเทือง
เกียรติเมืองไทยขจรไปทั่วแดนไกล
รักชาติของเรา
ไว้เถิดผองไทย
ผืนแผ่นแหลมทอง
รวมพี่รวมน้องด้วยกัน
รักเกียรติรักวงศ์
เสริมส่งสัมพันธ์
ทูนเทิดเมืองไทยนั้น
ให้ยืนยง.

เป็นเพลงที่จับใจทั้งทำนองและเนื้อร้อง    ดิฉันเคยฟังเพลงนี้ ออกเป็นสปอตสั้นๆทางทีวี   ไม่กี่ปีก่อน    ทุกครั้งจะทั้งดูและฟังไม่เคยเบื่อเลยค่ะ

ส่วนเจ้าหญิงอเลกซานดรา  ไม่ใช่เจ้าฟ้าหญิง เป็นเจ้าหญิงเฉยๆ พระญาติสนิทของควีนเอลิซาเบธ    พระบิดาคือดยุคออฟเค้นท์  เป็นนักบินประสบอุบัติเหตุ สิ้นพระชนม์ระหว่างสงครามโลก  ดัชเชสออฟเค้นท์พระมารดาทรงเลี้ยงพระโอรสธิดาสามพระองค์มาตามลำพัง
เจ้าหญิงสมรสกับลูกชายขุนนางชื่อออนเนอระเบิลแองกัส โอกิลวี่ มีบุตรชายหญิงอย่างละหนึ่ง  เป็นสามัญชนเชื้อสายผู้ดีตามบิดา  ไม่ได้เป็นราชสกุล

เจ้าหญิงอเลกซานดราเคยแบ่งเบาพระราชภารกิจของพระราชินีนาถเอลิซาเบธมาตั้งแต่บรรดาเจ้าฟ้ายังทรงพระเยาว์อยู่     เคยเสด็จเป็นตัวแทนเยือนประเทศต่างๆทั้งตะวันตกและตะวันออก
เมื่อเสด็จมาไทย ก็ทรงสนิทสนมคุ้นเคยเป็นอันดีกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ   เสด็จกี่ครั้งดิฉันจำไม่ได้ แต่ว่าหลายครั้ง ทั้งเป็นทางการในฐานะผู้แทนพระองค์ควีน และเสด็จส่วนพระองค์
กล่าวกันว่าทรงมีพระอัธยาศัยเป็นกันเองดีมาก  ละมุนละม่อม  เป็นที่รักของผู้คนโดยรอบ  และว่ากันว่าเมื่อทรงพระเยาว์กว่านี้(คือตอนสาว)โปรดขนมหวานของไทยเสียด้วย


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 07 ธ.ค. 03, 11:40
 ใช่ครับ เพลงนั้นแหละครับ คุณเทาชมพู ผมจำเกร็ดได้อีกอย่างคือ เนื้อภาษาอังกฤษนั้น อัจฉริยะอีกคนหนึ่งแต่งถวายตามพระบรมราชโองการ คืออาจารย์ มรว. เสนีย์ ปราโมช ซึ่งท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษอย่างหาตัวจับยาก (นอกจากความรู้ความสามารถอื่นๆ) และท่านมีของเล่นของท่านอยู่ คือชอบแต่งโคลงสี่สุภาพใช้ฉันทลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพไทย แต่แต่งในภาษาอังกฤษ ท่านแปลโคลงโลกนิติไว้ในลักษณะนี้ก็หลายบท

อาจารย์เสนีย์ท่านเล่าไว้ทำนองว่า เพลงนี้พระเจ้าอยู่หัวทรงเกิดแรงบันดาลพระทัยค่อนข้างกระทันหันอย่างที่ว่า ก็ทรงแต่งทำนองสดๆ จนเสร็จจบแล้ว พระราชทานทำนองนั้นให้อาจารย์เสนีย์รับสั่งให้ใส่เนื้อถวายให้ เอาในชั่วเวลาก่อนที่เครื่องบินพระที่นั่งเจ้าหญิงอะเล็กซานดรากำลังจะลงจอดนี่แหละ ใครเป็นอาจารย์เสนีย์ตอนนั้นก็คงจะตาเหลือกพอสมควร แต่เป็นพระบรมราชโองการเหนือเกล้าฯ นี่ครับ แล้วผมก็คิดว่าในหลวงท่านทรงรู้ความสามารถของอาจารย์เสนีย์ดีว่าอาจารย์ทำได้แน่ๆ แล้วอาจารย์ก็ทำได้จริงๆ ร่างเนื้อภาษาอังกฤษถวายได้ทันรับเสด็จเจ้าหญิงพอดี หลังจากนั้นอีกหลายปีจึงมีเนื้อไทย

เนื้อภาษาอังกฤษผมก็จำไม่ได้ แต่คล้ายๆ ว่า Alexsandra, welcome to thee, บุ๋งๆๆๆๆๆ .... มีท่อนหนึ่งที่ว่า land of smile อยู่ด้วยตอนหนึ่งอย่างที่คุณเทาชมพูว่า

เป็นเพลงที่เพราะเหลือเกิน เพราะทั้งเนื้อหาและทำนอง เป็นเพลงที่ ตัวผมคนหนึ่งละ เวลาตอนอยู่ที่บ้านเมืองอื่น ชอบมาก เพราะถ่ายทอดความรู้สึกคิดถึง "แผ่นดินของเรา" ออกมาได้จริงๆ โดยเฉพาะท่อนที่ว่า ถึงอยู่แคว้นใด ไม่สุขสำราญ เหมือนอยู่ "บ้านเรา..." เพลงนี้ฟังแล้วก็เห็นใจคนไทยไกลบ้านทุกคน ไม่ว่าคนคนนั้นโดยส่วนตัวจะน่ารักหรือไม่น่ารัก จะรักผมชอบผมหรือโกรธผมหมั่นไส้ผม หรือไม่รู้จักผมเลยก็ตาม เฉพาะในเรื่องนี้คือความรู้สึกร่วมในฐานะคนที่คิดถึงบ้านนั้น ผมคิดว่าผมเข้าใจ เพราะเคยเป็นเองมาก่อน

แต่ตอนนี้พอฟังเพลงนี้เมื่อกลับมาเมืองไทยเองแล้ว ได้ความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งว่า แม้เมื่อผมกลับมาอยู่ในเมืองไทยแล้วนี่แหละ แต่ แผ่นดินของเรา ตามที่บรรยายไว้ในเพลงพระราชนิพนธ์นี้กำลังจะค่อยๆ เลือนหายไปรึเปล่า ทั้งป่าไม้ ไร่นา โบราณสถาน วัฒนธรรมอันดีงาม ความสงบสันติ และน้ำใจคนไทย ผมหวังว่าจะไม่ใช่อย่างนั้น ผมเชื่อว่ายังมีความเป็นจริงเหลืออยู่ในเพลงนี้แม้ว่าเราจะต้องตระหนักว่ามีแนวโน้มที่จะทำให้ แผ่นดินของเรา ค่อยเลือนหายไปบ้างก็ตาม และผมว่าเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนรวมตัวผมด้วย ที่จะช่วยกันรักษาแผ่นดินของเราเอาไว้ให้เป็นจริงเช่นที่บรรยายไว้ในเพลง เพื่อว่าลูกหลานของเราจะได้สามารถร้องเพลงนี้ได้ต่อไปไม่มีเสื่อมสูญ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 08 ธ.ค. 03, 00:09
 แหมมาช้าไปหน่อยครับ ขออภัย
เรื่องเกร็ดเพลง Alexandra นี่ผมไม่ถนัดครับต้องให้คุณนิลกังขานั่นแหละครับเล่าได้ดีแล้วครับ ผมรู้แค่ตรงเนื้อหาทางดนตรี
ส่วนเพลงยิ้มสู้นี่ทราบว่าทรงแต่งพระราชทานแก่คนตาบอดครับ  สำหรับเนื้อหาของเพลงที่ดีเยี่ยมนั้นต้องให้เครดิตแก่นักเขียนเนื่อส่วนพระองค์ทั้งหลาย ซึ่งท่านทำได้อย่างสวยงามมาก
ยังมีอีกหลายเพลงที่น่าจะกล่าวถึงแต่จะมาโพสต์วันหลังนะครับ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 08 ธ.ค. 03, 00:56
 อ่านกำลังสนุกเชียวค่ะ  สำหรับเพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจของดิฉัน เป็นเพลงยามเย็น ใกล้รุ่ง และแผ่นดินของเราค่ะ เพลงแผ่นดินของเราฟังแล้วจับใจจริงๆ โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ไกลบ้านเหลือเกินแบบนี้ เหมือนที่คุณนิลกังขาบรรยายไว้เลยค่ะ แล้วอีกเพลงที่เป็นเพลงในดวงใจคงจะเป็นมหาจุฬาลงกรณ์ ทำให้นึกถึงเวลาที่เคยซ้อมร้องร่วมกับเพื่อนๆสมัยเป็นเฟรชชี่ รวมถึงเพลงยูงทองด้วยค่ะ เพราะเราต้องหัดร้องเพลงยูงทองด้วยเหมือนกัน

เสียดายที่เว็บไซต์กาญจนาภิเษกที่คุณเทาชมพูให้ลิงค์ไว้ ไม่มี "แผ่นดินของเรา" ให้ฟัง ดิฉันชอบเพลงยามเย็นและเพลงใกล้รุ่งภาคบรรเลงที่เว็บไซต์กาญจนภิเษกมากค่ะ เวลาที่ได้ฟังเพลงพระราชนิพนธ์ จะทำให้รู้สึกมากขึ้นไปอีกว่า โชคดีจริงๆที่ได้เกิดเป็นคนไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภาร และฟังแล้วอาจจะดูอาจเอื้อมไปนิด ถ้าจะบอกว่าเวลาฟังเพลงพระราชนิพนธ์ในบางครั้ง ทำให้รู้สึกว่าได้อยู่ใกล้เบื้องพระยุคลบาทค่ะ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ธ.ค. 03, 08:17
 เพลง" แผ่นดินของเรา" เป็นเพลงที่เตือนใจได้ดีที่สุดเพลงหนึ่งค่ะ   ทำนองและ เนื้อร้องงดงามหาที่ติมิได้   น่าเสียดายที่หาทำองเพลงในเน็ตไม่เจอ เลยไม่มีโอกาสดาวน์โหลด
ดิฉันยอมรับว่า แผ่นของเราในทุกวันนี้ มีหลายอย่างจางหายไปมาก  เช่น เรามีป่าไม้อยู่สมบูรณ์  คงกลายเป็น เคยมีป่าไม้อยู่สมบูรณ์     แต่ถ้านโยบายปลูกป่าได้ผล  คนรุ่นลูกและหลานก็คงจะทันเห็นป่าไม้อีกครั้ง    วัฒนธรรมที่ดีงามของไทยคือความใจกว้าง เป็นมิตร อัธยาศัยละมุนละม่อมต่อแขกเหรื่อที่มาเยือน  สิ่งเหล่านี้อาจจะยังคงอยู่  ไม่100% ก็เกือบ 100%   แต่ทรัพย์ในดินสินในน้ำ กำลังพร่องไปมากจากการทำลายดินและน้ำกันอย่างเมามันด้วยระบบอุตสาหกรรม   ก็ต้องสะกัดกันเอาไว้ให้อยู่


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 17 ธ.ค. 03, 10:35
 • ลัดดาขอแสดงความจงรักภักดีว่า ในจำนวนเพลงพระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ทั้งสิ้น 44 เพลง เพลงชื่อ ‘LALLABY’ จัดอยู่ในหมู่เพลง ‘กล่อมนอน’ ‘กล่อมนอน”ในความหมาย หมายถึง กล่อมเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธรฯ ที่ต่อมาได้เฉลิมพระนามเป็น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร สยามบรมราชกุมารี เนื่องเพราะเมื่อแรกประสูติกาล ณ วันที่ 2 เมษายน พุทธศักราช 2498 ทรงเป็นทารกน้อยที่ไม่โปรดบรรทม ทรงบรรทมยากอย่างยิ่ง เนื่องเพราะการพระราชทานพระกษิรธาราของสมเด็จแม่เป็นสิ่งจำเป็น ด้วยไม่ทรงสามารถเสวยนมผงที่ใช้เลี้ยงทารกเป็นการเสริมได้เลย กระนั้นพระราชกุมารีน้อย กลับทรงเจริญด้วยพระปัญญาอย่างรวดเร็วน่าพิศวง ทรงรู้ความเกินพระชันษา แม้ไม่กี่เดือนก็ตามที เป็นต้น เมื่อมีพระพี่เลี้ยงท่านหนึ่ง กล่อมพระบรรทมด้วยเพลง ‘ลมพัดชายเขา’ เป็นประจำ หากมีพระพี่เลี้ยงอีกท่านหนึ่งที่เข้าเวรกลับเปลี่ยนเพลงกล่อมบรรทมเป็นเพลงอื่น พระราชกุมารีน้อยทรงจำได้ว่า ผิดตัว ผิดเพลง มักจะทรงพระกันแสง ทว่าหากกลับมาขับร้องเพลง ‘ลมพัดชายเขา’ ก็จะทรงหยุดพระกันแสงอย่างฉับพลันทันที กล่าวสำหรับในหลวงพระองค์ทรงอุ้ม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ไว้ในอ้อมพระกรข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งทรงอิเล็กโทน พระราชนิพนธ์เพลง ‘LALLABY’ กล่อมพระบรรทม แล้วทูลกระหม่อมพระองค์น้อยก็ทรงหลับไป

Note from paganini
เพลงนี้ต้องสะกด Lullaby แปลว่าเพลงกล่อมเด็ก เป็นเพลงไทยชื่อว่าค่ำแล้ว

from
 http://www.manager.co.th/Politics/PoliticsView.asp?NewsID=4696444222330  


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: Ester อันแสนหอม ที่ 26 มี.ค. 05, 22:28
 สวัสดีครับ อยากจะมาตอบด้วยคนน่ะครับ แม้จะข้ามปีหน่อยก็ตาม

เพลงพระราชนิพนธ์ Alexandra นี่ในหลวงพระราชนิพนธ์เสร็จในวันที่เจ้าหญิง Alexandra เสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยครับ ท่านได้พระราชทานทำนองเพลงให้กับ ม.ร.ว. เสนีย์ เพื่อถวายคำร้อง ม.ร.ว.เสนีย์นั้น ได้แต่งเนื้อเพลงนี้เสร็จในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงครับ

เมื่อปี 2515 พระราชินี่ท่านมีพระราชเสาวนีย์ว่าเพลงพระราชนิพนธ์ Alexandra นั้นมีท่วงทำนองที่ไพเราะมาก ควรจะมีเนื้อเป็นภาษาไทย เพลงพระราชนิพนธ์แผ่นดินของเราจึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยผู้บันทึกแผ่นเสียงเป็นท่านแรกนั้น คือคุณจินตนา สุขสถิตย์ ( ศิลปินแห่งชาติปีล่าสุด )

คือต้องขออภัยด้วยนะครับ หากใช้คำราชาศัพท์ที่ผิด เพราะว่าไม่ค่อยมีความสามารถในการใช้คำราชาศัพท์น่ะครับ

ผมจะขอบอกว่าเพลงพระราชนิพนธ์เพลงใด ใครเป็นผู้ขับร้องบันทึกแผ่นเสียงไว้นะครับ รวมถึงแหล่งที่จะสามารถหาซื้อมาฟังได้น่ะครับ อนึ่ง เนื่องจากเป็นเพลงที่เก่ามาก ผมจะขอกล่าวเฉพาะนักร้องที่ผมทราบว่าได้ขับร้องไว้นะครับ เพราะว่าผมก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าเพลงใดมีใครบันทึกเสียงไว้บ้าง และในที่นี้ ผมจะขอกล่าวถึงเพลงพระราชนิพนธ์ที่บันทึกไว้ที่เป็นของเก่า ก็คือการขับร้องโดยวงสุนทราภรณ์และวงดนตรีเก่า ๆ นะครับ ในการบันทึกครั้งหลัง ๆ นั้นมากมายครับ ผมหามาไว้คงจะไม่หมดแน่

1. เพลงพระราชนิพนธ์แสงเทียน
   ผู้ขับร้องท่านแรก สุนทราภรณ์ (  ครูเอื้อ สุนทรสนาน )
   ผู้ขัยร้อง สุเทพ วงศ์คำแหง

2. เพลงพระราชนิพนธ์ใกล้รุ่ง
   ผู้ขับร้อง พันธ์พร วัฒนเรืองไร , จินตนา สุขสถิตย์

3. เพลงพระราชนิพนธ์ลมหนาว
   ผู้ขับร้อง วรนุช อารีย์ , สวลี ผกาพันธ์

4. เพลงพระราชนิพนธ์สายฝน  
   ผู้ขับร้องท่านแรก เพ็ญศรี พุ่มชูศรี
   ผู้ขับร้อง รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส่ , นภา หวังในธรรม , สวลี ผกาพันธ์

5. เพลงพระราชนิพนธ์ยามเย็น
   ผู้ขับร้องท่านแรก ชวลี ช่วงวิทย์
   ผู้ขับร้อง สุนทราภรณ์ ( ครูเอื้อ สุนทรสนาน ) , ศรีสุดา รัชตะวรรณ , สุเทพ วงศ์คำแหง

6. เพลงพระราชนิพนธ์ดวงใจกับความรัก
   ผู้ขับร้องท่านแรก มัณฑนา โมรากุล
   ผู้ขับร้อง เพ็ญศรี พุ่มชูศรี , สวลี ผกาพันธ์

7. เพลงพระราชนิพนธ์แสงเดือน
   ผู้ขับร้องท่านแรก บุษยา รังสี
   ผู้ขับร้อง สวลี ผกาพันธ์

8. เพลงพระราชนิพนธ์ไกลกังวล
   ผู้ขับร้องท่านแรก เลิศ ประสมทรัพย์

9. เพลงพระราชนิพนธ์ชะตาชีวิต
   ผู้ขับร้องท่านแรก วินัย จุลละบุษปะ
   ผู้ขับร้อง ชรินทร์ นั้นทนาคร

10.เพลงพระราชนิพนธ์มหาจุฬาลงกรณ์
    ผู้ขับร้อง เพ็ญศรี พุ่มชูศรี , นภา หวังในธรรม , สวลี ผกาพันธ์ - ชรินทร์ นั้นทนาคร , หมู่สุนทราภรณ์

11.เพลงพระราชนิพนธ์ยูงทอง
    ผู้ขับร้อง บุษยา รังสี , หมู่สุนทราภรณ์

12.เพลงพระราชนิพนธ์เกษตรศาสตร์
    ผู้ขับร้อง หมู่สุนทราภรณ์

13.เพลงพระราชนิพนธ์ยิ้มสู้
   ผู้ขับร้องท่านแรก ชวลี ช่วงวิทย์
   ผู้ขับร้อง สุเทพ วงศ์คำแหง

14.เพลงพระราชนิพนธ์เมื่อโสมส่อง
    ผู้ขับร้อง ชวลี ช่วงวิทย์

15.เพลงพระราชนิพนธ์ความฝันอันสูงสุด
    ผู้ขับร้องทานแรก สุนทราภรณ์ ( ครูเอื้อ สุนทรสนาน )
    ผู้ขับร้อง เพ็ญศรี พุ่มชูศรี , ยรรยงค์ เสลานนท์ , สันติ บุณแผ่

16.เพลงพระราชนิพนธ์อาทิตย์อับแสง
    ผู้ขับร้องท่านแรก เพ็ญศรี พุ่มชูศรี
    ผู้ขับร้อง รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส , จินตนา สุขสถิตย์

17.เพลงพระราชนิพนธ์เทวาพาคู่ฝัน
    ผู้ขับร้องท่านแรก เพ็ญศรี พุ่มชูศรี
    ผู้ขับร้อง มัณฑนา โมรากุล , สวลี ผกาพันธ์

18.เพลงพระราชนิพนธ์แก้วตาขวัญใจ
   ผู้ขับร้องท่านแรก เพ็ญศรี พุ่มชูศรี
   ผู้ขับร้อง ชวลี ช่วงวิทย์ , จินตนา สุขสถิตย์

19.เพลงพระราชนิพนธ์ยามค่ำ
    ผู้ขับร้อง ชวลี ช่วงวิทย์

20.เพลงพระราชนิพนธ์คำหวาน
    ผู้ขับร้องท่านแรก ชวลี ช่วงวิทย์
    ผู้ขับร้อง สวลี ผกาพันธ์

21.เพลงพระราชนิพนธ์พรปีใหม่
    ผู้ขับร้อง สุพรรณิการ์ ฉายาพรรณ , ชรินทร์ นันทนาคร - สวลี ผกาพันธ์

22.เพลงพระราชนิพนธ์สายลม
   ผู้ขับร้อง ชวลี ช่วงวิทย์


เพลงที่ประทับใจผมมาก ๆ คือเพลงยามเย็นที่คุณป้าชวลี ช่วงวิทย์ร้องน่ะครับ เสียงของคุณป้าใสแจ๋ว และสูงมาก ๆ ดนตรีนั้นทำได้อลังการณ์มาก ๆ เลยครับ คุณป้าชวลี ช่วงวิทย์นั้นได้เล่าถึงการขับร้องเพลงนี้ครั้งแรกไว้อย่างน่าตื่นเต้นมากครับ ไว้วันหลังจะนำมาโพสต์น่ะครับ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าเพลงนี้ที่ขับร้องโดยคุณป้าชวลีนั้นหาฟังได้ยากมาก เพราะว่าท่านได้บันทึกเสียงไวตั้งแต่ปี 2492

เพลงพระราชนิพนธ์ศุกร์สัญลักษณ์ก็เพราะมากครับ เป็นเพลงที่ในหลวงพระราชทานให้กับวงดนตรีลายคราม ที่ชื่อ ศุกร์สัญลักษณ์นั้นก็เพราะว่าวงดนตรีนี้จะบรรเลงออกอากาศทางวิทยุ อส วันศุกร์น่ะครับ

เพลงพระราชนิพนธ์พระมหามงคลก็เพราะครับ เป็นเพลงที่ในหลวงพระราชทานใหกับวงดนตรีสุนทราภรณ์ น่ะครับ

บางท่านอาจจะสงสัยว่าวงดนตรี กรมโฆษณาการ/กรมประชาสัมพันธ์ กับวงดนตรีสุนทราภรณ์ แตกต่างกันยังไง ขอกล่าวไว้เลยนะครับว่าต่างกันที่วงกรมฯนั้น บรรเลงในงานราชการเท่านั้น ส่วนวงสุนทราภรณ์ เป็นชื่อวงที่ใช้บรรเลงในงานของราษฎร์ โดยนักร้องก็เป็นชุดเดียวกันนั่นแหละครับ แต่ปัจจุบันนี้ ทั้ง 2 วงได้แยกกันแล้ว ด้วยแหตุผลบางประการครับ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: phoenix ที่ 09 มิ.ย. 05, 21:27
 จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังพระปฏิมา

จาก : ความฝันอันสูงสุด


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: caeruleus ที่ 10 มิ.ย. 05, 17:37
 แผ่นดินของเรา และ ความฝันอันสูงสุดค่ะ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 10 มิ.ย. 05, 21:13
 ผมชอบ Kinari Suit ครับ
น่าจะมี 3 เพลง
1 The Hunter
2 Kinari Waltz
3 ภิรมย์รัก (A Love Story)

เพลงที่ 1 และ 2 ไม่มีคำร้องครับ
ส่วนเพลงที่ 3 ขึ้นต้นว่า"ไร้คนเคียงข้าง โลกอ้างว้าง หมางอารมณ์เศร้า"ครับ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: adithus ที่ 18 มิ.ย. 05, 17:58
 ความฝันอันสูงสุด


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: ALoHA ที่ 04 ก.ค. 05, 20:36
 ชอบเพลงชะตาชีวิตค่ะ
"สักวันบุญมาชะตาคงดี"
เคยเห็นแต่โน้ตกีตาร์คลาสสิค แต่ยังไม่เคยฟังกีตาร์บรรเลง
ตอนนี้กำลังพยายามแกะอยู่ค่ะ
ได้ประมาณครึ่งเพลงแล้ว ยากมากๆเลยค่ะ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: เกาลัดกลมๆ ที่ 25 ก.ย. 05, 16:17
 เพลงยิ้มสู้ค่ะ ยามที่ท้อแท้ก็ฮัมเพลงนี้รู้สึกมีกำลังใจ มีความหวังที่จะสู้ต่อไป รอยยิ้มนี่เป็นยาวิเศษจริงๆ รอยยิ้มสามารถพลิกสถานการณ์ที่เลวร้ายกลับกลายเป็นดีได้ค่ะ

อีกเพลงที่ชอบคือ แผ่นดินของเรา ได้ยินครั้งแรกน้ำตาไหลค่ะ ภูมิใจเหลือเกินที่ได้เกิดมาบนดินแดนไทย

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ


โลกจะสุขสบายนั้นเป็นได้หลายทาง
ต้องหลบสิ่งกีดขวางหนทางให้พ้นไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
สุขและทุกข์อย่างไรเพราะใจตนเอง
ฝ่าลู่ทางชีวิตต้องคิดเฝ้าย้อมใจ
โลกมืดมนเพียงใดหัวใจอย่าคร้ามเกรง
ตั้งหน้าชื่นเอาไว้ย้อมใจด้วยเพลง
ไยนึกกลัวหวาดเกรงยิ้มสู้
คนเป็นคนจะจนหรือมี
ร้ายหรือดีคงมีหวังอยู่
ยามปวงมารมาพาลลบหลู่
ยิ้มละมัยใจสู้หมู่มวลเภทภัย
ใฝ่กระทำความดีให้มีจิตโสภา
สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่นบาน  


เกร็ดน่ารู้
เพลงพระราชนิพนธ์ ยิ้มสู้: smiles เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๑๖ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๔๙๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย เพื่อเป็นการปลอบขวัญ และให้กำลังใจแก่คนตาบอด แล้วพระราชทานให้นำไปบรรเลง ในงานสมาคมช่วยคนตาบอด ในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันเสาร์ที่ ๑ มีนาคม ๒๔๙๕ ส่วนคำร้องภาษาอังกฤษ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทรงนิพนธ์ในปีต่อมา


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 26 ก.ย. 05, 20:04
 ขออภัยทุก ๆ คนในกระทู้ก่อนครับ
เพลงพระราชนิพนธ์ในพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ชื่นชอบที่สุดก็คือเพลงใกล้รุ่งครับ
ความจริงแล้วก็มีพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นที่ทรงพระราชนิพนธ์เพลง เช่น รัชกาลที่ 2(เห็นคุณ V_Mee บอกว่าชื่อเพลงบุหลันลอยเลื่อนครับ) รัชกาลที่ 6 (จำไม่ได้ครับ)และรัชกาลที่ 7(เขมรละออองค์ คลื่นกระทบฝั่งสามชั้น และอีกเพลงหนึ่งครับจำไม่ได้ เห็นว่ามีในเว็ปไซต์ http://www.odi.stou.ac.th/Rama7 ) ครับ(น่าจะมีพระองค์อื่นอีกครับ แต่จำไม่ได้)


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 27 ก.ย. 05, 17:05
 ได้ลองดาวน์โหลดเพลงพระราชนิพนธ์แล้วครับ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบเพลง H.M. Blues ครับ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.ย. 05, 17:21
 เพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 7 อีกเพลงคือ "ราตรีประดับดาว" ค่ะ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 29 พ.ย. 05, 20:33
 ใกล้วันพ่อเข้ามาทุกที นึกถึงเพลงพระราชนิพนธ์ขึ้นมา
ขอถาม จขกท หน่อยคะ
"เพลงมหาจุฬาลงกรณ์"  เป็นจังหวะอะไรค่ะ

(พึ่งทราบว่า...น้ำใจน้องพี่สีชมพู ที่รุ่นพี่บังคับเราร้องตอนปีหนึ่ง เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ ไพเราะมาก)


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: pharmaceutical scientist ที่ 30 พ.ย. 05, 00:24
 เห็นพูดถึงเพลง Alexandra หรือ แผ่นดินของเรา
เลยเอาเนื้อเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษมาฝากครับ

Alexandra
Welcome to thee.
Here in this land of sunshine and of flowers.
May ye be blessed by the blessing,
That has made our country happy.

เนื้อร้องภาษาอังกฤษประพันธ์โดย ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช

สำหรับเพลงพระราชนิพนธ์ที่ชื่นชอบ ก็มีหลายเพลงเหมือนกัน
ที่ชอบมากอยู่เพลงหนึ่งคือเพลง แสงเดือน หรือ magic beams
แต่งคำร้องทั้งไทยและอังกฤษโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ
(ขออนุญาตใช้คำสามัญ เพราะไม่รู้จะใช้ราชาศัพท์อย่างไร)


นวล                 แสงนวลผ่องงามตา
แสงจันทรา         ส่องเรืองฟากฟ้าไกล
งาม                   แสงงามผ่องอำไพ
ย้อมดวงใจ          ให้คงคลั่งไคล้เดือน
ชมแล้วชมเล่า       เฝ้าชะแง้แลดู
เพลินพิศเพลินอยู่  ไม่รู้ลืมเลือน
เดือน                  แสงเดือนผ่องวันเพ็ญ
แสงจันทร์เพ็ญ      เด่นงามใดจะเหมือน
โฉมงามเทียบ       เปรียบเดือนแสงงาม

Bright shines the moon above,
I'm in love, forlorn and lonely
Soft sails the moon on high,
But I sigh, I miss you only,

Come back to me, beloved one.
Come back to me the night is done.

Love, by these magic beams,
My fond dreams have all come true.
You have come.
Now I have you.

นอกจากนี้ก็มีเพลง Oh I say, ไร้จันทร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพลงเร็ว

ปล. สำหรับเพลงมหาจุฬาลงกรณ์ในเวอร์ชั่นประสานเสียงรับฟังได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ครับ
มหาจุฬาลงกรณ์  


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 30 พ.ย. 05, 01:46
 เพลงมหาจุฬาลงกรณ์อยู่ในกระสวนจังหวะ 4/4 ครับ ไม่มีชื่อเรียกจังหวะที่แน่นอน แต่ไม่ใช่ วอลทซ์ บีกิน ชะชะช่า แน่ๆ

คุณ นุช  แหมๆ จะถามผมลงทุนพิมพ์เต็มๆหน่อยไม่ได้หรือ
โหย "จขกท"  ถ้าไม่ได้เรียนสำนักเดียวกับคุณมาคงแปลไม่ออกว่า "เจ้าของกระทู้นะ" ยังไงขอขอบคุณที่รื้อฟื้นกระทู้นี้ขึ้นมา

กระทู้นี้เผลอแป๊บเดียว ก็จะ 2 ปีแล้วเวลาผ่านไปไวดุจปีกบิน กลับมาอ่านสิ่งที่ตัวเองคิดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว  เฮ้อ ชราแล้วเรา ฮ่าๆๆๆ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 30 พ.ย. 05, 12:22
 ขอบคุณเฮีย ช่างมันเถิด อายุเป็นเพียงตัวเลข สุ้มเสียง และความคิดยังหนุ่มอยู่...ใช้ได้


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 30 พ.ย. 05, 13:51
 โห นุชนา พูดถูกใจ

Youth is an ability to see beauty. One who still appreciate beauty never grows old.

ผมรู้สึกว่าตัวเองตอนนี้หนุ่มมากๆ เพราะเห็นความงามของสรรพสิ่งรอบตัว (ล่าสุดพึ่งอ่าน Harry Potter ภาค 5 จบด้วยความทรมาน ก็ยังซาบซึ้งในความแหกต่วยของมัน ฮ่าๆๆๆ)


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 30 พ.ย. 05, 17:21
 ดีแล้ว...อันนามท่านพี่สุมาลี ผู้แปลพอตเตอร์   เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับเรา
ซือเจ๊ อยู่ฟากขะโน้น เราอยู่ฟากเธียรี่ อองรี  

เดือนหน้าข้าพเจ้าจะฝ่าเหมันตร์ไปขอซือเจ๊ซุกหัวนอนที่อิงกั๋ว
จะบอกว่า ซือเฮียพอใจในการแปลนั้นก็หาไม่
บทแปลที่ห่วยแยบยลระบือนาม สมควรต้องทบทวนก่อนฤดูชุนเทียนหน้า


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 01 ธ.ค. 05, 11:33
 ป่าวครับ ไม่ได้แย่ที่คนแปล แต่แย่ที่คนแต่งครับ
JK Rohling มีคุณูปการต่อวงการวรรณกรรมตรงที่แสดงให้เห็นว่างานแย่ๆก็สามารถทำเงินมหาศาลได้ หากมีความสามารถทางการตลาด


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 05, 12:37
 ขอออกนอกกระทู้อีกคน
ดิฉันว่า Harry Potter โครงเรื่องมันคล้ายสูตรของกำลังภายในเลยนะคะ
เริ่มต้นด้วยพระเอก เป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ถูกฆ่าตายด้วยฝีมือเจ้าสำนักฝ่ายมาร มีวิทยายุทธเยี่ยมยอด หากถูกขับไล่จากยุทธจักร
แต่พระเอกรอดมาได้  ถูกข่มเหงมีชีวิตต้อยต่ำดังเด็กรับใช้
วันหนึ่ง   เหล่าจอมยุทธฝ่ายธรรมะเห็นสมควรว่าโตพอแล้ว  พระเอกจึงถูกนำไปฝึกปรือวิทยายุทธ ที่สำนักฝ่ายธรรมะ  
มีเพื่อนรักเป็นจอมยุทธหนุ่มน้อย ชายหญิง  มีคู่แข่งเป็นศิษย์สำนักเดียวกันมั่ง ตามระเบียบ

เจ้าสำนักฝ่ายมาร ซุ่มตัวลึกลับ   ส่งมือกระบี่ฝ่ายมาร คนแล้วคนเล่า
เข้ามาหวังทำลายพระเอก
แต่ก็ไม่สำเร็จ  จนแล้วจนรอด
ล่าสุดพ่อบุญธรรมของพระเอก ถูกปลิดชีวิต
เจ้าสำนักธรรมะ ตาย  แต่มีเงื่อนงำว่าอาจเป็นการซ้อนกล

รอฉากสุดท้ายเล่ม 7  เจ้าสำนักมาร จะปรากฏตัวมาประลองกับพระเอก
ใครอยู่ใครไปก็รู้กัน
ถ้าพระเอกชนะ จะออกไปทำไรไถนาอยู่นอกด่าน หรือเปล่านะเนี่ย

สูตรหนังกำลังภายในชนะใจคนดูเอเชียอย่างล้นหลามมายี่สิบสามสิบปีแล้ว   ถ้ามันจะชนะใจคนอ่านฝรั่งก็ไม่แปลกละค่ะ
แสดงว่า โก อินเตอร์ ของจริง


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 01 ธ.ค. 05, 15:00
 ขออภัยที่ออกนอกกระทู้ไปหน่อย แต่เลยตามเลยครับ หึหึหึ

อาจารย์วิเคราะห์ได้ชัดเจนมากเลยครับ
แต่ผมว่า หนังกำลังภายในแม้พลอตเรื่องค่อนข้างซ้ำแต่กลวิธีในการสร้างตัวละคร การดำเนินเรื่อง ปมปริศนา รวมไปถึงสาระ ความคิดที่ผู้แต่งนำเสนอมักจะแตกต่างกันไป งานของกิมย้ง โก้วเล้งเหนือกว่าของคนอื่นตรงนี้แหละครับ

ส่วนหนังสือแฮรรี่ พอตเตอร์ มันเหมือนกับกึ่งๆกลางๆยังไงก็ไม่ทราบ พยามทำพลอตให้ซับซ้อน แต่หาความแยบยลไม่ได้ ช่องโหว่เยอะ ความเป็นเหตุเป็นผลก็ไม่มี ทุกอย่างเป็นเพื่อให้มันลงเอยอย่างที่ผู้แต่งต้องการเท่านั้น ตัวพระเอกเองไม่เคยแสดงให้เห็นว่ามีอะไรพิเศษที่เหนือกว่าคนอื่น ทุกอย่างที่รอดได้เพราะคนอื่นช่วยประคบประหงมมาตลอด เรียกได้ว่าเจเค ได้สร้างแฮรรี่ขึ้นมาให้เป็นเด็กธรรมดาแต่มีบุญญาธิการ มีสิ่งพิเศษติดตัวมาโดยไม่ต้องพยายามเลย

หากจะบอกว่าเป็นหนังสือเด็กก็ไม่เชิงเท่าไหร่ เนื้อหาและความหนามากกว่าเด็กวัยเล็กและกลางจะอ่านได้ จินตนาการรึก็ไม่เห็นจะวิลิศมาหราสมคำคุย หนังสือเด็กที่เกี่ยวกับพ่อมดแม่มดที่ผมอ่านและดูหนังแล้วรู้สึกว่าเยี่ยม ฝีมือดีกว่า JK เยอะก็ยกตัวอย่างเช่น Mathilda ของ Roald Dalh

ผมอ่านแฮร์รี่เล่มแรกๆยังพอรู้สึกสนุกบ้าง แต่หลังๆเหมือนคนเขียนหมดมุข โดยเฉพาะเล่ม 5  หนาเตอะเยิ่นเย้อ ไม่มีอะไรใหม่เลย


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: particle-in-a-box ที่ 01 ธ.ค. 05, 15:16
 ขอแจมด้วยคนค่ะ
       ชอบเพลง เกาะในฝัน ค่ะ ตอนอยู่ม.5 ฟังเพลงนี้ครั้งแระ ไพเราะมากค่ะ

เกาะในฝัน

ฉันสุดปลื้ม
ไม่ลืมเกาะงามที่เคยฝัน
หลงเพ้อคำมั่น
รำพันถึงความรักชื่นฉ่ำ

แสงจันทร์ผ่อง
ส่องเป็นประกายบนผืนน้ำ
เสียงสายลมพร่ำ
คร่ำครวญเหมือนมนตรา

หาดทรายขาว
หมู่ดาวพร่างพราวนภา
รูปเงาเพราพริ้งตา
ไยด่วนลาเลือนมลาย

ฝันสุดสิ้น
ไม่ยลไม่ยินน่าใจหาย
ฝันถึงไม่หน่าย
ไม่คลายร้างรักเธอ


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 01 ธ.ค. 05, 15:52
 คุณอนุภาคในกล่อง เคยฟังที่อาจารย์ฮัคกี้ ไอเคิลมานน์เล่นเพลงนี้โดยกีต้ารคลาสสิคมั้ยครับ เพราะดีเหมือนกัน ได้บรรยากาศอโลฮา ฮาวายเลยครับ แต่ในหลวงท่านยังทรงสอดแทรกสำเนียงไทยๆลงไปในเพลงนี้ด้วย
เสียดายจังที่ตรงนี้โพสต์ไฟล์เสียงให้ฟังไม่ได้


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 02 ธ.ค. 05, 01:33
 มีพอตเตอร์อยู่ 4 เล่ม อ่านอย่างไรก็ได้ไม่เกิน 10 หน้า


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 02 ธ.ค. 05, 03:58
 คุณนุชครับ ผมนะ ไม่มีซักเล่ม อาศัยยืมชาวบ้านอ่าน อ่านมาแล้ว 5 เล่มดูหนังมาแล้ว 4 ตอน เหมือนๆว่าจะเป็นแฟนตัวจริงเลย  ป่าววครับ เป็น "ขาประจำ"ต่างหาก  ผมสงสัยว่าทำไมถึงมี Harry Potter Phenomenon ได้ ทำไมถึงได้ฮิตขนาดนี้ อ่าน+ดูขนาดนี้แล้วก็ยังสงสัยอยู่ว่ามัน ป๊อปปูล่าร์ขนาดนี้เป็นเพราะอะไรกันแน่

แต่ผมก็ไม่เสียดายเวลาและความมานะในการอ่านหนังสือชุดนี้นะครับ เพราะอะไรเหรอครับ เพราะมันจะเป็นพื้นฐานให้เรารู้ว่าหนังสือที่ดีควรจะเป็นยังไง ไงครับ

ผมได้ความคิดจากวันก่อนที่ไปดูคอนเสิร์ทวงซิมโฟนี่แห่งชาติจากจีน ที่ศูนย์วัฒนธรรม วงเขาเล่นได้แน่นเปรี๊ยะ แม้เพลงที่ฟังไม่เพราะ แต่พอฟังเสียงอันกระหึ่ม ชัดเจน มันก็ได้อรรถรสของเสียง (ไม่ใช่ของดนตรี) เรียกว่าขนลุกใจเต้นทีเดียว เลยมานึกว่าเราเคยฟัง orchertra เต็มวงในเมืองไทยมาหลายครั้งแล้ว ก็รู้สึกดีพอสมควร พอมาฟังวงระดับโลกแบบนี้เลยรู้ว่าของดีจริงๆเป็นอย่างไร นั่นเป็นเพราะว่าผมได้ฝึกหูว่าถ้าเป็นวงที่อ่อนกว่าจะฟังดูแบบนี้ ถ้าวงดีกว่าจะฟังดูแบบนั้น

อย่างที่เพลงเขาว่าไง
"หากไม่รู้จักเจ็บปวด ก็คงไม่ซึ้งถึงความอุ่นใจ"
(ฤดูที่แตกต่าง บอย โกสิยพงศ์)

ปล. อยากเล่าให้คุณนุช ฟังถึงเพื่อนผมคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือมากๆ แต่คิดเยอะ เป็นนักคณิตศาสตร์ เก่งทีเดียว เพราะเขารู้สึกว่าการอ่านทำให้เขาไม่ได้คิด เลยไม่ค่อยลงทุนลงแรงในการอ่านนิยาย วรรณกรรมเท่าไหร่นักแม้ว่าเขาจะสนใจและอยากอ่าน  รู้มั้ยครับว่าเขาทำยังไง
เขาเอาหนังสือที่อยากอ่านมาโยนให้ผม แล้วบอกว่า "อ่านให้ที แล้วมาเล่าให้ฟังด้วย"
ฉะนั้นการอ่านมากก็เป็นฉะนี้แล เป็นหนอนหนังสือ ที่ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรมากมายนัก


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 02 ธ.ค. 05, 04:18
 วันนี้นอนที่ทำงานอีกแย้ว งานมันไม่เสร็จนะ

"อ่านให้ที แล้วมาเล่าให้ฟังด้วย"
มุกนี้เราใช้ประจำ กับรูมเมทน่ะ ต้องตกลงกันต้น semester ก่อน ห้ามเบี้ยวด้วย
รู้จักไหม The Great Expectation by C D


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: ayjung ที่ 05 ธ.ค. 05, 12:34
 พระปรีชาสามารถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นั้นพสกนิกรชาไทยต่างทราบ ซึ้งกันดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปกครอง การแก้ไขปัญหาดูแลทุกข์สุขของประชาชน การกีฬา ศิลปะ และการดนตรี

      ในด้านการดนตรีนั้น พระองค์ท่านทรงพระปรีชาสามารถเทียบเท่ากับศิลปินเอก  ทางด้านดนตรีของโลก  บทเพลงพระราชนิพนธ์ เพลงแล้วเพลงเล่า ที่พระองค์ท่านพระราชทานให้กับพสกนิกรทั่วทุกภูมิภาค   มีทั้งความไพเราะ  ลึกซึ้งกินใจ เตือนสติคนไทยให้หันหน้าเข้าหากันมีความสามัคคี  หรือบางบทเพลงที่ให้  ความสนุกสนานทรงทำออกมาได้อย่างลึกซึ้ง พระปรีชาสามารถทางการดนตรีเช่นนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจอะไร ที่พสกนิกรคนไทยทั่วหน้าจะถวายให้พระองค์ท่านเป็น"คีตราชัน"
 
      พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ  ทรงสนพระทัยในเรื่องดนตรี  ตั้งแต่ครั้นทรงพระเยาว์  ขณะที่ทรงศึกษา  ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์  พร้อมพระเชษฐา  พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล  รัชกาลที่  8  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ฯ  ทรงโปรดเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าลมลิ้นไม้ไผ่ หรือ WOODWIND เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเครื่องดนตรีในตระกูล แซกโซโฟน และคาริเนท

      พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ฯ  ทรงศึกษา และฝึกฝนทางด้านดนตรีตามแบบฉบับการศึกษาวิชาดนตรี อย่างแท้จริง   โดยการฝึกตามโน้ตและการบรรเลงแบบคลาสสิค  ทั้ง ๆ  ที่พระองค์มีพระราชหฤทัยโปรดที่ จะทรงดนตรีในแบบแจซซ์ (JAZZ) มากกว่า  แต่ก็ต้องทรงฝึกตามหลักวิชาการอย่างเข้มงวดและจริงจังตลอดระยะเวลา 2 ปี โดยมีพระอาจารย์ชาวอังกฤษ  คอยถวายคำแนะนำอย่างใกล้ชิด

      เมื่อทรง ศึกษาเรียนรู้ และฝึกฝนดนตรีขั้นพื้นฐานจนมีความชำนาญดีแล้ว จึงเริ่มศึกษา และทรงดนตรีในแนวที่ โปรดปราน คือแจซซ์อย่างจริงจัง โดยมีพระเชษฐา คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรเมนทรมหา อานันทมหิดล ซึ่งสนพระทัยในดนตรีแนวบลูส์ (BLUES) คอยให้คำแนะนำอยู่ตลอดเวลา (ดนตรี JAZZ กับ BLUES เป็นดนตรีคนละประเภท แต่มี "แนว" หรือ "ไลน์" ที่ใกล้ เคียงกัน ไม่ใช่เป็นดน ตรี ประเภทเดียวกัน...ผู้เขียน)


 
      เมื่อพระองค์หันมาฝึกฝนดนตรี JAZZ อย่างจริงจังจนมีความสามารถ เข้าร่วมสมทบกับวงดนตรีได้ เครื่องดนตรีที่ทรงโปรดปรานมากที่สุดคือ โซพราโน แซกโซโฟน (SOPRANO SAXOPHONE) และทรงเล่นเครื่องดนตรีชิ้นนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งนี้ก็เพราะว่า พระองค์ทรงฝึกฝน โซพราโน แซกโซโฟน โดยการเป่าสอดแทรกแบบอิสระ (หรือที่นักดนตรีรุ่นเก่าเรียกกันว่า "บายฮาร์ท" หรือทาง แจซซ์เรียกว่า "อิมโพรไวศ์") กับแผ่นเสียงของ ซิดนีย์ บาเชท์ (SYDNEY BACHET) นักเป่า โซพราโน แซกโซ โฟน ที่มีชื่อเสียงของโลก จึงไม่น่าแปลกใจอะไรเลย ที่ทรงดนตรี ชิ้นนี้ได้อย่างยอด เยี่ยม จนนักดนตรี แจซซ์ระดับโลกอย่าง เบนนี กูดแมน (BENNY GOODMAN) นักเป่าคาริเนท และหลุยส์ อาร์มสตรอง (LOUIS ARM-STRONG) นักเป่าทรัมเพท ที่เคยร่วมแสดงดนตรีกับพระ องค์ท่าน ถึงกับกล่าวยกย่องว่าถ้าพระองค์เป็นสามัญชนธรรมดา พระองค์จะเป็นนักดนตรีแจซซ์ ที่มีชื่อ เสียงก้องโลกทีเดียว !  

      ไม่เพียงแต่โซพราโน แซกเท่านั้นที่ทรงเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เครื่องดนตรีในตระกูล แซกโซโฟนอื่นๆ ก็ ทรงเล่นได้หมด ไม่ว่าจะเป็น บาริโทน อัลโต หรือคาริเนท รวมไปถึงเครื่องเป่าทองเหลืองอย่าง ทรัม เพท ก็ทรงได้อย่างดีเยี่ยม
      เรมอนด์ ซีกรารา นักดนตรีชาวโปรตุเกสซึ่งต่อมาได้รับ พระราชทานนาม จากพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวว่า แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ ซึ่งเคยเป็นนักดนตรีในวง "ลายคราม" และวง "อส.วันศุกร์ "  
      ซึ่งเป็น วงดนตรีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งขึ้นมาได้ให้สัมภาษณ์ ในรายการทีวีรายการหนึ่ง ถึงพระปรีชา สามารถของพระองค์ท่านในการทรงดนตรีว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง นักดนตรีตำแหน่งทรัมเพทของวงอส. วันศุกร์ หรือ อัมพรสถานวันศุกร์ (เมื่อก่อน วงอส. วันศุกร์ จะเล่นออกอากาศทางสถานี อส. ในทุกเย็นวันศุกร์) ได้ขาดหายไป ลูกวงก็ไม่มีใครเล่นทรัมเพทได้ พระองค์ก็เลยต้องทรงทรัมเพทแทน ซึ่งก็ทำให้ลูกวงต่างก็งงไปตามๆ กัน เพราะองค์ ทรงทรัมเพท ได้ดีกว่านักดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรีชิ้นนี้เสียอีก  
      เมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเพียโน และ กีตาร์เพิ่มขึ้น เพื่อใช้ประ กอบในการพระราชนิพนธ์เพลง ซึ่งในส่วนของการพระราชนิพนธ์เพลงนั้น พระองค์ทรงมีเค้าที่จะทรง พระราชนิพนธ์เพลงขึ้นมา เป็นท่อนเป็นตอนแล้วแต่ยังไม่จบสมบูรณ์ ครั้นเมื่อเสด็จทรงพระราชดำเนิน ตามสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวปรเมนทรมหาอานันทมหิดลเสด็จนิวัตพระนครในปี พศ. 2488 ก็ได้ทรงพระ กรุณาโปรด เกล้า ฯ ให้เชิญนักดนตรีสมัครเล่น ผลัดกันเข้าไปร่วมบรรเลงกับพระองค์ท่าน เช่น มล. อุดม สนิทวงศ์ คณะของมรว.เสนีย์ ปราโมช และคณะของนายวิลาส บุนนาค
      เมื่อเสด็จนิวัตประเทศไทย และทรงทราบว่า มจ. จักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ ทรงเป็นนักแต่งเพลงสมัคร เล่นท่านหนึ่ง ที่มีความสามารถ ประกอบกับ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และพระ เจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบัน ทรงสนพระทัยการพระราชนิพนธ์อยู่บ้างแล้ว จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้เข้า เฝ้า และให้นำเพลงที่ทรงแต่งไปถวายเป็นตัวอย่างด้วย เมื่ออยู่ต่อหน้าพระที่นั่ง ทรงมีพระราชดำรัส ถามถึงการแต่งเพลงว่า มีปัญหาอะไรบ้าง ซึ่ง มจ. จักรพันธุ์ ฯ หรือ "ท่านจักร" ได้กราบบังคมทูลว่าเพลง ทั่วๆ ไปไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นเพลงบลูส์ ยังไม่สามารถที่จะแต่งได้  
      สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรเมนทรมหาอานันทมหิดล จึงทรงสาธิตด้วย เพียโน และโปรดเกล้า ฯ ให้ พระ อนุชาทรงเป็นผู้บรรยาย ท่านจักรจึงถวายข้อคิดเห็นว่า โดยที่มีพื้นฐานทางด้านดนตรี มาเป็นอย่างดี น่าจะทรงพระราชนิพนธ์ด้วยพระองค์เอง แต่พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำรัสว่า พระอนุชาควรจะ ทรงพระราชนิพนธ์ต่อ เพราะทรงได้ดีมาเป็นท่อนเป็นตอน แต่ยังไม่จบเพลงเท่านั้นดังนั้นพระบาท สมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 จึงทรงสรุปพระราชทาน ให้ท่านจักร ไปทรงแต่งเพลง บลูส์ ตามที่ให้พระราชทานคำแนะนำไป โดยพระองค์เองก็จะทรงพระราชนิพนธ์ ด้วยภายหลังประมาณ ต้นปี พศ. 2489 ซึ่งขณะนั้นยังทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช อยู่ เมื่อได้ ทรงพระราชนิพนธ์เสร็จแล้ว จึงได้ทรงนัดหมายให้ท่านจักรเข้าเฝ้า และให้ทรงแต่ง คำร้องด้วยตั้ง แต่นั้นเป็นต้นมา จึงทรงมีการ พระราชนิพนธ์เพลงขึ้น และได้โปรดเกล้า ฯ พระราชทานไปยังวงดน ตรีต่างๆ ในสมัยนั้น เช่นวงดนตรี สุนทราภรณ์ วงดนตรีดุริยโยธิน รวมทั้งวงดนตรีประจำมหา วิทยาลัยต่างๆ ในโอกาสต่อมาด้วย นอกจากจะทรงมีพระปรีชาสามารถทางศิลปการดนตรีแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงมีพระ ปรีชาสามารถในทางด้านศิลปการละครอีกด้วย โดยได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงชุดแสงเดือนขึ้นเป็นเพลง พระราชนิพนธ์ที่ใช้ประกอบลีลาแสดงระบำปลายเท้า (บัลเลท์) ซึ่งได้เปิดการแสดง ณ เวทีลีลาศสวน อัมพรปรากฏเป็นที่นิยมของประชาชนโดยทั่วกัน และอยู่ในความทรงจำทุกวันนี้นอกจากเพลงแสงเดือน แล้ว พระองค์ยังได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงประกอบการแสดงอีกชุด คือมโนราห์ (KINARI SUITE) โดยทรงแยก และเรียบเรียงเสียงประสานด้วยพระองค์เอง และได้มีการบรรเลงประกอบการแสดงด้วย ซึ่งเพลงพระราชนิพนธ์ดังกล่าวพิสูจน์ได้ชัดว่า ทรงมีพระปรีชาสามารถในการพระราชนิพนธ์เพลงประ กอบ POP LIGHT MUSIC และ CLASSIC ได้เป็น อย่างดีอีกด้วย  
         ก็ดังที่ได้กล่าวไว้กล่าวไว้ในข้างต้นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระปรีชาสามารถย่างยิ่งในการทรงดนตรี มจ. จักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ ทรงเล่าว่าระหว่างที่ทรงพระประชวรอยู่ที่ประเทศสวิส เซอร์แลนด์ และ ระยะที่ทรงพักฟื้นอยู่นั้น คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาได้ห้ามมิให้พระองค์ท่านทรงเครื่องเป่าทุกชนิด แต่ด้วยความสนพระทัยในเรื่องดนตรีอย่างแท้จริง ในวันหนึ่งได้โปรดเกล้า ฯ ให้ มจ. จักรพันธุ์ ฯ ทรงเป่าแซกโซโฟน ถวายให้ออกเสียงเพียงอย่างเดียว โดย มจ. จักรพันธุ์ ฯ ประทับ กับพื้นและพระองค์ท่านทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปคร่อม แล้วทรงใช้นิ้วพระหัตถ์กดลงบนแป้นตัวโนทของแซกโซโฟน เสียงที่ออกมามีความไพเราะมาก ทำให้เสด็จพระราชชนนี ซึ่งประทับอยู่อีกห้องหนึ่ง ตกพระทัยรีบเสด็จเข้าไปทอดพระเนตร พร้อมด้วยคณะแพทย์ และข้าราชบริพารที่ตกใจรีบเข้าเฝ้าเป็นการใหญ่ เมื่อไปถึงก็กลายเป็นเรื่องที่น่า แปลกใจอย่างยิ่ง ที่ว่า มจ. จักรพันธุ์ ฯ ทรงเป็นผู้เป่าให้ออกเสียงถวาย แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใช้นิ้วพระหัตถ์กดแป้นโนทบรรเลงออกมา ได้อย่างไพเราะ

      พระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน ในทางด้านการดนตรีไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจให้แก่ พสกนิกรชาวไทยเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญ และเป็นที่ชื่นชมของชาวเวียนนา นครแห่งดนตรี อีกด้วย  
      เรื่องนี้ พอ. ชาติชาย ชุณหวัณ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเวียนนา (ยศ และตำแหน่งใน ขณะนั้น) เคยเล่าว่าครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชินีนาถเสด็จกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย และได้ เสด็จไปทอดพระเนตรการแสดงดนตรี ของวงนีเดอร์ เอิสดอร์ไรซ์ โทนคึนสเลอร์ออร์เครสตรา (N.Q. TONKUNSTLER ORCRESTRA) ควบคุมวงโดย ไฮน์ วัลเบอร์ก ณ มิวสิค ฮอลล์ ประจำกรุง เวียนนา เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมพศ. 2507 ทางวงได้อัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ชุด มโนราห์ สายฝน ยามเย็น มาร์ชราชนาวิกโยธิน และมาร์ชราชวัลลภ ไปบรรเลงพร้อมกันนี้ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงของรัฐบาลออสเตรีย ได้เสนอ ข่าวนี้ และทำการถ่ายทอดการแสดงไปทั่วประเทศ ในการแสดงดนตรีนั้น ทุกครั้งที่ทางวง N.Q. TONKUNSTLER ORCRESTRA บรรเลงเพลง พระราชนิพนธ์จบลง ผู้ชมภายในมิวสิคฮอลล์ จะลุกขึ้นยืนปรบมือถวายพระเกียรติเป็น เวลาที่ยาวนานมาก และเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เพลงพระราชนิพนธ์ถูกบรรเลงจบลง นับเป็นครั้งที่พระมหากษัตริย์แห่งทวีปเอเชียได้ทรงเข้าไปมีบทบาทอันสำคัญยิ่งในนครดนตรีแห่งนี้

      เมื่อการแสดงดนตรีจบลง และถัดมาอีกสองวัน คือวันที่ 5 ตุลาคม 2507 ทางรัฐบาลออสเตรีย ได้ถวาย สมาชิกภาพกิตติมศักดิ์หมายเลขที่ 23 แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ. สถาบันการดนตรี และศิลปะ แห่งกรุงเวียนนา หรือที่มีชื่อว่า (THE INSITUTE OF MUSIC AND ART OF CHY OF VIENNA) ดังที่ปรากฏ พระนามอยู่บนแผ่นหินสลักของสถาบัน ทั้งๆ ที่สถาบันแห่งนี้ ก่อกำเนิดมาเป็น เวลาที่ช้านานแล้ว แต่พระองค์เป็นชาวเอเชีย แต่เพียงพระองค์เดียวที่ทรงได้รับการถวายพระเกียรติให้ ทรงเป็นสมาชิก ภาพกิตติมศักดิ์นี้ นับเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของพสกนิกรชาวไทยทุกคนด้วยอย่างยิ่ง

      สถาบันการดนตรี และศิลปะแห่งกรุงเวียนนา หรือ THE INSITUTE OF MUSIC AND ARTS OF THE CHY OF VIENNA ก่อตั้งขึ้นมา เมื่อปีคศ. 1817 โดย IGNOZ V. MOSEL ในระยะเริ่มแรกของการก่อตั้ง จะเป็นเพียงโรงเรียนสอนการขับร้องเพลงธรรมดา ต่อมาได้ทำการปรับปรุงตามลำดับ เมื่อเกิดสงคราม โลกครั้งที่ 1 ชื่อของสถาบันแห่งนี้ก็ถูกลืมไป จวบจนกระทั่งปี คศ. 1923 JOSEPH MARX ซึ่งถือ เป็นประธานคนแรก ของสถาบันแห่งนี้ มีความคิดที่จะขยายงานของสถาบันให้แพร่ขยายออกไป ดังนั้น สถาบันแห่งนี้จึงได้รับการปรับปรุง และพัฒนาเปลี่ยนแปลงให้ดียิ่งขึ้น จนกระทั่งในปี คศ. 1949 สถาบัน แห่งนี้จึงเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่า เป็นสถาบันชั้นสูงทางวิชาการด้านศิลปะต่างๆ โดยเฉพาะทางด้าน การดนตรี ในปี คศ. 1964 ทางรัฐบาลออสเตรีย ได้ถวายปริญญากิตติศักดิ์หมายเลขที่ 23 ของสถาบัน แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

      ในส่วนของบทเพลงพระราชนิพนธ์นั้น ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักดนตรี นักประพันธ์เพลง และนักแยก และเรียบเรียงเสียงประสานที่ทรงมีพระ ปรีชาสามารถอย่างสูง เพราะเพลงพระราชนิพนธ์ทุกเพลง ไม่เพียงแต่จะสร้างความซาบซึ้งประทับใจ กินใจผู้ฟังเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นสื่อสร้างความดีงาม และความคิดสร้างสรรค์ให้กับผู้ฟังได้อย่าง เต็มเปี่ยม  
       เพลงพระราชนิพนธ์ เพลงแรกของพระองค์ท่านคือเพลง "แสงเทียน" ซึ่งเป็นเพลงบลูส์ ที่มีท่วงทำนองที่ไพเราะมาก พระองค์โปรดเกล้า ให้ มจ. จักรพันธุ์ ฯ ทรงแต่งคำร้องถวาย แต่เนื่องจากมีพระราชประสงค์ที่จะทรงแก้ไขให้ดีกว่าเดิม จึงยังไม่โปรดเกล้า ฯ พระราชทานให้นำออกมาบรรเลง แต่โปรดเกล้า ฯ พระราชทานเพลง "ยามเย็น" และเพลง"สายฝน" ออกมาบรรเลงก่อนตามลำดับ จึงทำให้ คนส่วนมากเข้าใจว่าเพลง "ยามเย็น" เป็นเพลง พระราชนิพนธ์เพลงแรก เพลงยาม "ยามเย็น" เป็นพระราชนิพนธ์เพลงที่สองซึ่งทรง พระราชนิพนธ์ขึ้นขณะยังทรงเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช และโปรดเกล้า ฯ ให้ มจ. จักรพันธุ์ ฯ ทรงแต่งคำร้องภาษาไทย และให้คุณหญิงนพคุณ ทองใหญ่ ฯ แต่งคำร้องภาษาอังกฤษ และใช้ชื่อเพลงว่า LOVE AT SUNDOWN ถ้าใครได้ฟังเพลงนี้ ที่ร้องโดย DIANE SCHUR นักร้องแจซซ์ชื่อก้องโลกนัยน์ตาพิการ และบรรเลงโดยวงดนตรีบริทิชเคาท์ซี "คอนแจซซ์" จะต้องยอมรับว่า นี่คือเพลงแจซซ์ที่ดี เพลงหนึ่งของโลก ดนตรี แจซซ ์ทีเดียว

       เพลง "สายฝน" เป็นพระราชนิพนธ์เพลงที่ 3 ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้นำออก บรรเลงเป็นเพลงที่สองต่อ จากเพลง "ยามเย็น" ณ เวทีลีลาศสวนอัมพรประพันธ์เนื้อร้องภาษาไทยโดย มจ. จักรพันธุ์ ฯ และประ พันธ์เนื้อร้องภาษาอังกฤษ (FALLING RAIN) โดย มจ. จักรพันธุ์ ฯ และ คุณหญิงนพคุณ ทองใหญ่ ฯ มีข้อสังเกตในการพระราชนิพนธ์ ในระยะเริ่มแรกทรงแปรรูปการพระราชนิพนธ์หลายๆ จังหวะ เริ่มต้นด้วย BLUES คือเพลงแสงเทียน ต่อมาเป็น FOXTROT ในเพลงยามเย็น และเป็น WALZ ในเพลงสายฝน อีกทั้งยังทรงแปรรูปลีลาของสำเนียง และเมโลดี เช่นแบบแจซซ์มาเป็นแบบ POP JAZZ ในลีลาแบบไทยๆ รวมทั้งการเปลี่ยนไปใช้คอร์ดต่างๆ และริเริ่มในคอร์ดที่แปลกๆ ใหม่ๆ อีกด้วย  
      "ใกล้รุ่ง" เป็นเพลงพระราชนิพนธ์อันดับที่ 4 คำร้องภาษาไทยแต่งโดย ดร. ประเสริฐ ณ นคร สำหรับ คำร้องภาษาอังกฤษ (NEAR DAWN) โปรดเกล้า ฯ ให้คุณหญิงนพคุณ ทองใหญ่ ฯ เป็นผู้ประพันธ์ และโปรดเกล้านำออกบรรเลงครั้งแรกในงานของสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในวันที่ 4 มิถุนายน 2489 โดยวงดนตรี สุนทราภรณ์

H.M. BLUES หรือเพลง "ชะตาชีวิต" เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในแนว BLUES อีกเพลงหนึ่งที่ ถือว่า ยอดเยี่ยมมากทั้งเนื้อร้อง และทำนอง HOWARD ROBERTS นักกีตาร์ JAZZ ของสังกัด GRP PRODUCTION         ที่มีผลงานให้กับ DAVE GRUSIN และ DIANE SCHUUR กล่าวว่าครั้งแรก ที่ได้ยินเพลงนี้เขาไม่เชื่อว่านี่คือผลงานการประพันธ์ของพระมหากษัตริย์ไทย หรือ ชาวเอเชีย เพราะเพลงนี้คือเพลง BLUES ของคนผิวดำอย่างแท้จริง คนที่ทำได้ถึงขนาดนี้น่าจะเป็น คนดำ เจ้าตำรับ BLUES เท่านั้น ! เพลงชะตาชีวิตในภาคภาษาอังกฤษมีเนื้อหาดังน ี้

WE'VE GOT THE HUNGRY MEN'S BLUES. YOU'LL BE HUNGRY TOO IF YOU' RE IN THIS BAND. DON'T YOU THINK THAT OUR MUSIC IS GRAND ? WE'VE GOT THE HUNGRY MEN'S BLUES. WE'D LIKE TO EAT WITH YOU TOO, THAT'S WHY WE'VE GOT THE H.M. BLUES.        เพลงนี้พระราชนิพนธ์หลังจากเสวยราชสมบัติแล้ว และเสด็จแปรพระราชฐานไปประเทศ สวิสเซอร์ แลนด์ พระองค์ได้ทรงดนตรีในงานรื่นเริง ที่ได้ทรงเชิญข้าราชบริพารไปร่วมงานเป็นการส่วนพระองค์ และได้โปรดเกล้า ฯ ให้ มจ. จักรพันธุ์ ฯ ทรงแต่งคำร้องภาษาอังกฤษใส่ในทำนองที่ทรงพระราชนิพนธ์ ขึ้นมา โดยให้ชื่อเพลงว่า H.M. BLUES เพื่อเป็นปริศนาว่า H.M. แปลว่าอะไร และส่วนใหญ่มีความ เห็นว่าหมายถึง HIS MAJESTY BLUES แต่แท้ที่จริงแปลว่า HUNGRY MEN'S BLUES เพราะเหตุ ว่าทรงบรรเลง ตั้งครึ่งคืนในงานนั้น โดยมิได้เสวย อะไรเลย แต่ในขณะเดียวกัน ข้าราชบริพารที่มาร่วมในงานต่างไดรับพระราชทานอาหารอย่างอิ่มหนำ สำราญ สำหรับคำร้องภาษาไทยได้โปรดเกล้า ฯ ให้ ดร. ประเสริฐ ณ นคร เป็นผู้แต่งคำร้องแต่เนื่อง จากในเวลานั้นเนื้อเพลงภาษาอังกฤษ และโน้ตเพลงอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ ดร. ประเสริฐไม่ทราบความ หมาย จึงใส่คำร้องภาษาไทยที่มีความหมายออกมาคนละแบบ


      เพลง "ดวงใจกับความรัก" เป็นเพลงที่พระราชนิพนธ์ขึ้นมาในช่วงเวลาที่เสด็จขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ใน ต้นปีพศ. 2489 และในปีนี้เอง ได้เสด็จพระราชดำเนินไปศึกษาต่อ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิสเซอร์ แลนด์ และขณะที่ทรงศึกษาอยู่นั้น ได้ทรงดนตรีกับวงดนตรี "กระป๋อง" โดยโปรดเกล้า ฯ ว่าถ้าใครไม่ อายก็ให้เข้ามา ร่วมบรรเลงได้ เพลงนี้โปรดเกล้า ฯ ให้ มจ. จักพันธุ์ ฯ ใส่เนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ และ ทรงให้ชื่อว่า NEVER MIND THE HUNGRY MEN'S BLUES เป็นเพลงที่พระราชทาน ให้หลังจากเสวยพระกระยาหารในงานรื่นเริงส่วนพระองค์ เป็นการตอบปริศนาของ คำว่า H.M. BLUES ด้วย BLUES DAY หรือ "อาทิตย์อับแสง" เป็นเพลงที่ พระราชนิพนธ์ ขณะที่เสด็จประทับแรมบนเขาใน เมือง DAVOS เพลงนี้โปรดเกล้า ฯ ให้ มจ. จักพันธุ์ ฯ ทรงแต่งคำร้องภาษาไทยด้วย และได้โปรดเกล้า ฯ ให้ MICHEL TODD PRODUCTION นำออกแสดงในกรุงนิวยอร์คร่วมกับเพลง สายฝนด้วย เพลงพระราชนิพนธ์ในช่วงแรกๆ นั้นจะเป็นเพลงทั่วๆ ไปที่มีความไพเราะ และซาบซึ้งเป็นที่ประทับใจ ของพสกนิกรเป็นอย่างมาก ต่อมาทางมหาวิทยาลัยต่างๆ จึงได้ขอพระราชทานเพลงประจำมหาวิทยาลัย โดยเริ่มจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ขอพระราชทานก่อน โดย มรว. สุมนชาติ สวัสดิกุล เป็นผู้ขอ พระราชทาน เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ทำนอง และโปรดเกล้า ฯ พระราช ทานให้แล้วทางจุฬา ฯ ได้ขอพระราชทาน คำร้องอีกซึ่งได้โปรดเกล้า ฯ ให้ทางจุฬาประพันธ์คำร้องเอง เนื่องจากเพลงพระราชนิพนธ์ในระยะแรก ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่ทรงใช้ SCALE แบบสิบสองห้องหรือ CROMATIC SCALS ที่ใช้คอร์ดสลับซับซ้อน และพัฒนาออกไปไกลมากเลย ทำให้เป็นเพลงที่จำยาก ซึ่งต่อมาพระองค์ได้ปรารภว่า แม้แต่เพลงที่ใช้เสียงเพียง 5 เสียง หรือ PENTATONIC SCALE ก็สามารถแต่งให้มีความไพเราะได้เช่นกัน จึงโปรดเกล้า ฯ ให้มจ. จักพันธุ์ ฯ เริ่มวรรคแรก โดยใช้ SCALE 5 เสียงก่อน จากนั้นพระองค์จึงทรงต่อจนจบเพลง และเมื่อ ทางจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ได้ขอพระราชทานเพลง ประจำมหาวิทยาลัยมา จึงได้โปรดเกล้า ฯ พระ ราชทานทำนองเพลงแบบใช้ PENTATONIC SCALE คือ 5 เสียงซึ่งได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ ก่อนแล้วให้ทางจุฬา ฯ นำไปใส่คำร้องเองภายหลัง คุณหญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา และนายสุพร ผลชีวิน ได้ประพันธ์ คำร้องขึ้นถวายในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ระหว่างปี พศ. 2494-2495 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์จะพระราชทานพรให้แก่พสกนิกร โดยใช้บทเพลงแทนการพระราชทานพร

      จึงโปรดให้ผู้ใกล้ชิดร่วมแต่งเพลง "พรปีใหม่" ขึ้น และได้โปรดเกล้าให ้มจ.จักรพันธ์ ฯ ทรงเป่าแซกโซโฟนในช่วงแรก และช่วงที่สามโดยพระองค์จะทรงเป่าในช่วงที่สอง และสี่สลับไปจนครบทำนองเป็นเพลง แล้วแต่งคำอวยพรในบทเพลงตอนนั้นเลย ซึ่งเสร็จภายในครึ่งชั่วโมง เนื่องจากในคืนนั้นมีจำนวนจำกัด จึงโปรดเกล้า ฯ พระราชทานให้แก่วงดนตรี เพียงสองวงเท่านั้น คือวงดนตรีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงสุนทราภรณ์ ซึ่งกำลังแสดงอยู่ที่โรงหนังศาลาเฉลิมไทย เพลง "พรปีใหม่" นี้คงบรรเลงกัน เรื่อยมาทุกๆ ปี จนถึงปัจจุบันนี้ เพลง "ลมหนาว" ก็เป็นพระราชนิพนธ์อีกเพลงหนึ่ง ที่มีทำนองที่ไพเราะมาก เพลงนี้พระราชนิพนธ์ขึ้น มาหลังจากเสด็จนิวัตพระนครเป็นการถาวรแล้ว โดยที่ได้พระราชทานเพลงนี้ในงานประจำปี ของนัก เรียนเก่าอังกฤษ "LOVE IS SPRING" และทรงแต่งคำร้องภาษาไทยชื่อ "ลมหนาว" ต่อมาในภาย หลังด้วย

      LAY KRAM GOES DIXIE หรือเพลง "ศุกร์สัญลักษณ์" เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ที่ทรงขึ้นสำ หรับการบรรเลงเปิด และปิดของวงดนตรี "ลายคราม" ซึ่งถือเป็นเพลงประจำวง เช่นเดียวกับเพลง "ไกลกังวล" (WHEN) เพลงประจำของวงอส. วันศุกร์ เพลง "ศุกร์สัญลักษณ์" นี้ ท่วงทำนอง และ จังหวะ เป็น JAZZ ในแบบ DIXIELAND ที่สนุกสนานมาก เพลงนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ มรว. เสนีย์ ปราโมช ซึ่งขณะนั้นเป็นลูกวงประจำวงดนตรี "ลายคราม" เป็นผู้แต่งคำร้องถวาย

       ในยุคสมัยที่ภาวะบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีน้ำพระทัยเต็มเปี่ยม ไปด้วยความห่วงใย ความเสียสละเพื่อพสกนิกร เราจะเห็นได้ว่าพระองค์ท่านเริ่มทรงพระราชนิพนธ์ เพลงปลุกใจเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ประชาชน เสียสละเพื่อส่วนรวม และเพื่อให้พสกนิกรร่วมแรง ร่วมใจ กัน พัฒนาบ้านเมือง

      "เกิดเป็นไทย ตายเพื่อไทย" เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ ซึ่งทรงขึ้นและโปรดเกล้า ฯ ให้เป็นเพลง ประจำวงอส. วันศุกร์อีกเพลง ต่อมาภายหลังสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทูลขอพระราชทานให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค แต่งคำร้องภาษาไทย เนื้อร้องมีความหมาย เตือนใจให้คนไทยคิดถึง ชาติบ้านเมือง เพลง "ความฝัน อันสูงสุด" เกิดขึ้นมาเนื่องจากสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมี พระราชเสาวนีย์ ให ้ท่านผู้หญิง มณีรัตน์ บุนนาค เขียนคำกลอนเตือนใจ แล้วพิมพ์แจกข้าราชการทหาร พลเรือนมิให้ท้อถอย ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อประ เทศชาติ ต่อมาภายหลังสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้กราบทูลขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง ใส่ทำนองเพราะฉะนั้นเพลง "ความฝันอันสูงสุด" เป็นพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่เขียนคำร้องก่อน แล้วใส่ทำนองทีหลัง "เราสู้" เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ที่ทรงจากคำร้อง แล้วใส่ทำนองทีหลัง เป็นเพลงที่สองต่อจากเพลง "ความฝันอันสูงสุด" คำร้องเป็นพระราชดำรัสที่พระราชทานต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติ ซึ่งได้เข้าเฝ้า ณ พระตำหนักจิตรลดา ต่อมาอาจารย์สมภพ จันทรประภา ได้ขอพระราชทานดำรัสนี้ มาเขียนเป็นโคลง กลอนถวาย และมาทรงใส่ทำนองในตอนหลัง และได้พระราชทานเพลงนี้ เป็นของขวัญปีใหม่แก่ทหาร และตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อพระราชนิพนธ์เพลงนี้เสร็จใหม่ๆ ได้พระราชทานให้วง อส. วันศุกร์ นำไปบรรเลงก่อน ต่อมาได้นำกลับมาแก้ไข และเรียบเรียงใหม่ เพลงในรุ่นหลังๆ นี้ มีพระราช ประสงค์ ให้นักดนตรีทุกคนมีส่วนเข้าร่วมแก้ไขปรับปรุงทำนองด้วย และทรงมีพระราชดำรัสแบบติด ตลกว่า "การแต่งแบบนี้เรียกว่าการแต่งแบบสหกรณ์"

      "แสงเดือน" เป็นเพลงที่ทรงขึ้น เมื่อเสด็จกลับมาประทับในเมืองไทยเป็นการถาวรในภายหลังได้ ทรง นำเพลงนี้ไปแสดงประกอบลีลาในงานพระราชกุศล เป็นฉากการแสดงลีลา และลำนำที่สวยงามประทับ ใจมาก นับเป็น ROYAL PRODUCTION ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงโดย ใช้เพลงพระราชนิพนธ์ บทนี้

      "มาร์ชราชนาวิกโยธิน" เพลงนี้ พล รต. สนอง นิสาลักษณ์ ผู้บัญชาการกรมนาวิกโยธินขณะนั้น ได้กราบ บังคมทูลขอพระราชทานเพลงประจำกรมนาวิกโยธิน ซึ่งได้โปรดเกล้า ฯ พระราชทาน ให้เมื่อ วันที่ 28 มิถุนายน 2502 ในโอกาสที่นาวิกโยธินอเมริกันประจำกองเรือรบที่ 7 ของสหรัฐอเมริกา เดินทางมาเยือน ประเทศไทย เพลงนี้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วพระราชทานให้แก่กรมนาวิกโยธินนำ ออกมาบรรเลงต้อนรับนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกัน ได้ทันพอดี

      A LOVE STORY (KINARI SUITE) เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ที่ทรงแต่งขึ้นประกอบการแสดง ระบำปลาย เท้าชุด "มโนราห์" โดยทรงเรียบเรียงเสียงประสานด้วยพระองค์เอง ต่อมาภายหลัง ท่านผู้ หญิงมณีรัตน์ ฯ และมล. ประพันธ์ สนิทวงศ์ ได้แต่งคำร้องภาษาไทยนำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายชื่อเพลง "ภิรมย์รัก" ALEXANDRA เป็นพระราชนิพนธ์ ที่ได้ทรงขึ้นเฉพาะการรับเสด็จ เจ้าหญิง อเลกซานดรา แห่งเคนท์ ซึ่ง เสด็จมาเยือนไทย เป็นการส่วนพระองค์เนื้อร้องมีดังนี้



ALEXANDRA WELCOME TO THEE HERE IN THIS LAND OF SUNSHINE AND OF FLOWERS MAY YE BE BLESSED BY THE BLESSING THAT HAS MADE OUR COUNTRY HAPPY


      เพลงนี้นำออกมาใช้เพียงครั้งเดียว และไม่ได้ใช้อีกเลย ต่อมาสมเด็จพระบรมราชินีนาถโปรดเพลงปลุกใจให้รักบ้านเมือง ทรงเห็นว่าเพลงนี้น่าจะใส่คำร้องภาษาไทยได้จึงได้ทูลขอราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ใส่เนื้อร้องภาษาไทยชื่อเพลง "แผ่นดินของเรา"STILL ON MY MIND เป็นพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่ทรงเขียนคำร้องเป็นภาษาอังกฤษด้วย พระองค์เอง ส่วนคำร้องภาษาไทยชื่อเพลง"ในดวงใจนิรันดร์" ได้โปรดเกล้า ฯ ให้ ดร. ประเสริฐ ณ นคร เป็นผู้แต่ง โดยแปลจากคำร้องภาษาอังกฤษวรรคต่อวรรค เพื่อให้ได้ความหมายเดิม ของพระราชนิพนธ์ไว้ด้วยECHO เป็นเพลงที่ได้ทรงพระราชนิพนธ์คำร้องภาษาอังกฤษด้วยพระองค์เอง และได้โปรดเกล้า ฯ ให้ ดร. ประเสริฐ ณ นคร แต่งคำร้องภาษาไทย และให้ชื่อภาษาไทยว่า "แว่ว" ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ เพลงที่ 40 และได้โปรดเกล้า ฯ ให้นำ ออกบรรเลงครั้งแรกในงานสังคีตมงคล เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2509 ตรงกับปีที่มีพระชนม์ ครบ 40 พรรษาพอดี โอกาสนี้ขออัญเชิญคำร้องภาษาอังกฤษพร้อมโนท ซึ่งเป็น ลายพระหัตถ์ของพระองค์ท่านเอง มาเสนอพร้อมกัน ณ ที่นี้ด้วย

      ดร. ประเสริฐ ณ นคร เคยเล่าถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่านว่า มีอยู่คราวหนึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ พระองค์ท่านทรงเป็นเหมือนนักประพันธ์เพลง หรือปราชญ์ของ โลก คือเวลาที่ทรงเกิด แรงบันดาลใจ ขึ้นมาจะทรงหยิบฉวยเศษกระดาษหรือซองจดหมายขึ้นมา แล้วตีเส้นโนท 5 เส้น แล้วทรงพระราช นิพนธ์ ทำนองเพลงออกมาได้โดยฉับพลัน

      พระปรีชาสามารถอีกอย่างหนึ่งของพระองค์ท่านคือ การนำโนทดนตรี ของเครื่อง ดนตรีชนิดหนึ่ง มาทรงกับ เครื่องดนตรีอีกชนิดหนึ่ง อาจารย์แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ เคยเล่าให้ฟังว่ามีนักดนตรีวง "ลายคราม" นำ โนทดนตรีที่เล่นกับเครื่องเป่าทรัทเพท มาถวาย พระองค์ท่านนำโนตดนตรีนั้น มาทรงเล่นกับ เพียโน ได้ โดยไม่ผิดเพี้ยน ทั้งทำนองและจังหวะ

      เป็นที่น่าเสียดายว่า ในระยะหลังพระองค์ท่านมีพระราชกรณียกิจมากมายนานับ ประการ โดยเฉพาะ ความห่วงใยในทุกข์สุขของพสกนิกรของพระองค์ท่านเอง ทำให้พระองค์ท่านไม่มีเวลาพอที่จะทรง ดนตรี หรือพระราชนิพนธ์เพลงใหม่ๆ ที่มีคุณค่าออกมา เพลงสุดท้ายที่พระองค์ท่านพระราชนิพนธ์ ออกมาน่าจะเป็นเพลง "เมนไข่" ซึ่งเป็นเพลง JAZZ ในแนว B-BOB ที่สนุกสนานทรงพระราชนิพนธ์ เนื้อร้อง โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ซึ่งพอจะหาฟังกันได้ ทางสถานีวิทยุ จส. 100 ที่นำมาเปิดอยู่เป็นประจำ





      คำว่า "คีตราชัน" ที่พสกนิกรทั่วประเทศ ถวายให้กับพระองค์ท่านนั้น ยิ่งใหญ่มโหฬารควรคู่กับพระ ปรีชา สามารถทางด้านศิลปการดนตรี ของพระองค์ท่าน เพลงพระราชนิพนธ์ทุกเพลง ถือเป็นเพลง BLUES และ JAZZ ที่มีความเป็นสากลอยู่ทุกตัวโนท ถ้าใครได้ชมวงบริทิช เคาน์ซี ที่อัญเชิญเพลง พระราชนิพนธ์ มาอเรนจ์ในรูปแบบ JAZZ ที่สมบูรณ์ ในท่วงท่าของดิกซีแบนด์ นิวออร์ลีน แจซซ์ บี-บอบ หรือบิกแบนด์ และขับร้องโดยศิลปิน JAZZ ระดับปรมาจารย์อย่าง DIANE SCHUR รับรอง ว่าจะไม่มีใครเชื่อว่านี่ คือ เพลงที่ประพันธ์โดยคนไทย น่าจะเป็นฝีมือของศิลปิน JAZZ ระดับโลกมาก กว่า

      แต่ทั้งหมดก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นี่คือพระราชนิพนธ์ของมหากษัตริย์ไทย ที่ BENNY GOODMAN และ LOUIS ARMSTRONG ถวายพระเกียรติให้พระองค์ท่านเป็นนักดนตรี JAZZ เอกของโลก...สำหรับ พสกนิกรชาวไทยแล้ว พระองค์ท่านคือ " คี ต ร า ชั น " อย่างแท้จริง


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: คำฝอย ที่ 05 ธ.ค. 05, 21:08
 หาย เฮด ไปนาน ได้ฤกษ์แวะมาเสียที ขอตอบด้วยคนนะคะ ดิฉันชอบเพลง แสงเทียนค่ะ ถ้าได้ผู้ร้องเป็นสตรีที่เสียงทุ้มๆ ท่าจะไพเราะดีอีกเพลงก็แผ่นดินของเราค่ะ คิดถึงบ้าน


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: เจอรี่ ที่ 08 ธ.ค. 05, 18:44
 ชอบเพลงอาทิตย์อับแสงกับเพลงความฝันอันสูงสุดมากค่ะ
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ


เคยชม
ร่วมภิรมย์ใจ
ด้วยความรักจริงยิ่งใหญ่
ผูกพันหัวใจเรามั่น
รักเอย
เคยอยู่เคียงกัน
ร่มเย็นมิเว้นวายวัน
ด้วยความสัมพันธ์ยืนยง
ทิวางาม
ยามอยู่เคียงคง
สุริยาแสงส่ง
ปวงชีวิตในโลกดำรงเริงใจ
ร้างกัน
วันห่างไปไกล
มืดมนหมองมัวปานใด
เยือกเย็นเข็ญใจรัญจวน
ไกลกัน
พาพรั่นใจครวญ
ร่างกายทรุดโทรมทุกส่วน
จิตใจร้อนรวนแรงอ่อน
รักเอย
เลยกลับอาวรณ์
ค่ำคืนฝืนใจไปนอน
ยิ่งดูเหมือนฟอนไฟลน
ทิวาทราม
ยามห่างดวงกมล
สุริยาหมองหม่น
ปวงชีวิตในโลกอับจนเสื่อมทราม
หวังคอย
คอยเฝ้าโมงยาม
จวบจนทิวาเรืองงาม
สบความรักยามคืนคง  


เกร็ดน่ารู้
เพลงพระราชนิพนธ์ อาทิตย์อับแสง: Blue Day เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๘ ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อวันพุธที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๒ ขณะประทับแรมบนภูเขาในเมืองดาโวส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต่อมา ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 08 ธ.ค. 05, 20:20

.


กระทู้: เพลงพระราชนิพนธ์ในดวงใจ
เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 11 ธ.ค. 05, 14:42

ทรงกีตาร์