เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์โลก => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 26 มี.ค. 03, 16:13



กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มี.ค. 03, 16:13
 อยากชวนคุยเรื่องAnastasia เจ้าฟ้าหญิงรัสเซียที่เป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วยุโรปตั้งแต่ปี 1918  จนถึง 1995
เพราะได้ดูหนังเก่าของยูบีซีเรื่องที่ตรงกับหัวข้อนี้ละค่ะ
มีใครจะเริ่มกล่าว ประเดิม ไหมคะ  


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 27 มี.ค. 03, 00:18
 เยี่ยมๆ มองๆ มาสองรอบ ยังไม่เห็นมีใครมาแจม

ขออนุญาตออกแขกเบิกโรงครับ

เท่าที่ผมทราบจากการดูการ์ตูนบ้าง เก็บเล็กผสมน้อยมาจากที่ต่างๆ บ้าง (และที่ค้นมาคว้าไปก็คงจะมีทั้งที่เป็นเรื่องจริงและเรื่องเกร็ดซึ่งไม่รู้ว่าจะจริงหรือเปล่าด้วย) ได้ความตามที่จำได้ว่า ดังนี้ (ใครเห็นผมเล่าผิดพลาดตรงไหน โปรดเมตตาแก้ไขด้วยครับ จะขอบคุณมาก)

เจ้าหญิงอนาสตาเซียทรงเป็นพระธิดา (องค์สุดท้อง?) ของพระเจ้าจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งรัสเซีย พระเจ้าซาร์ นิโคลาสที่สองแห่งราชวงศ์โรมานอฟ (ซึ่ง ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ดูเหมือนจะเป็นซาร์องค์ที่เคยรับเสด็จพระพุทธเจ้าหลวง ปิยมหาราช ของเรา เมื่อครั้งท่านเสด็จยุโรป ใช่รึเปล่าก็ไม่แน่ใจ หรือจะเป็นพระเจ้าซาร์องค์ถัดท่านขึ้นไปองค์หนึ่งก็ไม่รู้ ... เอ- เห็นจะเป็นองค์ก่อนมากกว่าครับ แต่ดูเหมือนพระเจ้าซาร์โรมานอฟองค์สุดท้ายนี้จะเคยเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวของเรา จะเป็น ร. 5 หรือ ร. 6 ไม่แน่ใจ สมัยเมื่อทรงยังดำรงพระยศเป็นซาเรวิชท์ หรือมกุฏราชกุมารรัสเซีย)

เมื่อเกิดการปฏิวัติใหญ่ในรัสเซีย ปี 1917 อันเรียกกันว่ามหาปฏิวัติเดือนตุลาคม หรือการปฏิวัติบอลเชวิก เปลี่ยนระบอบปกครองของรัสเซียจากระบอบจักรพรรดิราชมาเป็นสาธารณรัฐนั้น พระเจ้าซาร์นิโคลาสที่สองและพระราชวงศ์ก็ถูกพวกปฏิวัติถอดออกจากพระราชสถานะ แล้วส่งไปคุมไว้ที่เมืองหนึ่ง แล้วรัฐบาลใหม่ก็ย้ายท่านกับครอบครัวไปคุมไว้ที่ต่างๆ จนในที่สุด เอาท่านมาขังไว้ที่เมืองเล็กๆ ชื่อ เอคาเตอรินเบิร์ก เสร็จแล้วก็สำเร็จโทษท่านทั้งครอบครัว ทั้งพระเจ้าซาร์ พระมเหสีซารินี พระโอรสหรือมกุฎราชกุมารซาเรวิชท์ (ซึ่งประชวรเป็นพระโรคโลหิตไม่แข็งตัว อันเป็นช่องให้นักบวชกาลีรัสปูตินเข้ามาทำวุ่นในราชสำนักได้ก่อนการปฏิวัติ เพราะว่ากันว่ารัสปูตินมีอำนาจจิตสะกดให้เจ้าชายทรงหายพระโรคได้) และพระธิดาทุกพระองค์ ถูกทหารปฏิวัติยิงสิ้นพระชนม์หมด

แต่พอเวลาผ่านไปสักหลายปี ก็เกิดข่าวลือว่า แท้จริงแล้วทหารปฏิวัติสังหารพระราชวงศ์โรมานอฟไม่หมด เจ้าหญิงอนาสตาเซียรอดมาได้ เกิดมีหญิงสาวคนหนึ่ง ชื่อแอนนา อ้างว่าตัวเองคือเจ้าหญิงที่รอดมานี้ ไปโผล่ที่ยุโรป ดูเหมือนที่กรุงปารีส ซึ่งเป็นแหล่งที่พวกรัสเซียขาวและเจ้านายรัสเซียในระบอบเก่าหนีปฏิวัติไปชุมนุมกันอยู่มาก เป็นข่าวฮือฮามากกันอยู่พักใหญ่ แต่แล้วเท่าที่ผมจำได้ก็มีการพิสูจน์กันได้ว่า สาวน้อยคนนั้นไม่ใช่เจ้าหญิงอนาสตาเซียพระองค์จริง พระองค์จริงถูกยิงสิ้นพระชนม์ไปพร้อมๆ กับพระราชวงศ์นั่นแหละ แต่จำรายละเอียดไม่ได้แล้วครับ

ในการ์ตูนเรื่องอนาสตาเซียที่เพิ่งเอามาทำใหม่ไม่กี่ปีนี้นั้น เขาแต่งให้รัสปูตินเป็นผู้ร้ายชนิดไม่ใช่คนเอาเลย เป็นผีหรือปีศาจคืนชีพหรือพ่อมดอะไรก็ไม่รู้ และเขาแต่งให้เจ้าหญิงอนาสตาเซียรอดมาได้จริงๆ เพื่อจะเอามาเป็นนางเอกของเรื่อง แล้วก็เลยต้องมีตัวการ์ตูนพระเอกด้วย เรื่องจบแฮปปี้เอนดิ้งเมื่อเจ้าหญิงได้ทรงพบสมเด็จย่า คือพระราชวงศ์โรมานอฟองค์หนึ่งที่เหลืออยู่ที่ปารีส แล้วก็ปรับความเข้าใจกับพระเอกได้ด้วย แล้วพระเอกก็ปราบผีรัสปูตินได้อีกด้วย แต่ตามประวัติศาสตร์ที่ผมจำได้ เจ้าหญิงอนาสตาเซียไม่ได้รอดมาจากการสังหารครับ คนที่รอดมาได้นั้น เป็นตัวปลอม

ขอเชิญตาวาริชท์ (แปลว่า สหาย) เอ๊ย -เกสปาดีน (แปลว่า คุณ เพราะคำว่าสหายเดี๋ยวนี้เชยแล้วในรัสเซีย เขาเลิกเป็นคอมมิวนิสต์มานานแล้ว) ทั้งปวง แจมต่อครับ


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มี.ค. 03, 10:47
 พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สอง เมื่อครั้งเป็นซาเรวิชหรือมกุฎราชกุมารรัสเซียเคยเสด็จประพาสตะวันออกไกล   แล้วมาถึงสยาม  เป็นพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวค่ะ  รับเสด็จกันที่บางปะอิน เป็นงานใหญ่มาก
จนเรื่องงานเลี้ยงอะไรที่ใหญ่ๆในพระบรมมหาราชวัง  ถูกชาววังสมัยแม่พลอย ยกเป็นสำนวนว่า "ราวกับรับเสด็จซาเรวิช"

ซาร์องค์นี้  เมื่อพระเจ้าอยู่หัวของเราเสด็จประพาสยุโรป   ก็ฉายพระรูปคู่กัน  เพราะตอนนั้นพระพันปีหรือสมเด็จรีเยนต์ส่งข่าวไปถวายว่ามีมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ทำท่าไม่ชอบมาพากล  มาตั้งยุ้งฉางเสบียงอยู่ชายแดนไทย  ทำท่าเหมือนจะก่อเรื่อง
เมื่อซาร์ทรงทราบก็โปรดให้ฉายพระรูปคู่กัน  ลงนสพ.ให้รู้กันทั่วยุโรปว่า รัสเซียเป็นฝ่ายสยาม   เหตุไม่ชอบมาพากลที่ชายแดนก็สลายไป

นอกจากนี้ทรงขอว่า ถ้าจะส่งเจ้าชายสยามไปเรียนวิชาที่รัสเซีย ก็จะทรงรับเลี้ยงอย่างดี  ถือเป็นพระราชโอรสบุญธรรม
พระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ  กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ จึงได้ไปศึกษาวิชาทหารต่อที่รัสเซีย จนจบกลับมา สร้างตำนานรักกับหญิงสาวชาวรัสเซียจนกลายเป็นหนังสือเรื่อง แคทยากับเจ้าฟ้าสยาม

เรื่องราวของพระเจ้าซาร์ พระราชินีและพระราชโอรสธิดาจบลงอย่างน่าเศร้าสลดอย่างที่คุณนกข.บอกมาละค่ะ   ด้วยฝีมือกบฎบอลเชิวิค   เลนินเป็นผู้นำ  โค่นระบบกษัตริย์และราชวงศ์โรมานอฟลงได้

ส่วนเรื่องหญิงที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าฟ้าหญิงผู้รอดจากการสังหารหมู่มาได้  ในตอนหลังเธอย้ายไปอยู่อเมริกา  ใช้ชื่อว่าแอนนา  แอนเดอร์สัน   ตายไปเมื่อ 1994
มีสามีและลูกหลานซึ่งเชื่อแน่นแฟ้นว่าเธอคืออนาสตาเซีย
แต่มีการพิสูจน์ผลดีเอ็นเอภายหลังเธอตายไปแล้ว   ว่าไม่ใช่
ผลกลับกลายเป็นว่า เธอน่าจะเป็นคนงานหญิงชื่อฟรานซิสก้า ชาวโปล  ซึ่งถูกแจ้งความว่าหายตัวไปในวันที่อนาสตาเซียปรากฏตัวขึ้นมา
แต่ทำไม ฟรานซิสก้าถึงเหมือนอนาสตาเชียจนพระญาติและผู้รู้จักบางคนเชื่อว่าเป็นตัวจริง  มีตำหนิบนร่างกายตรงกัน  และยังรู้เรื่องส่วนตัวเล็กๆน้อยๆใกล้ชิดได้มาก
ดิฉันยังหาคำตอบไม่ได้ในเน็ตค่ะ  พยายามค้นดูก็ยังไม่เจอ


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: จดิษฐ์ มหันปรเมตรพงษ์ ที่ 27 มี.ค. 03, 16:40
 ในเวลาที่ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ยังทรงเป็นมกุฏราชกุมารแห่งรัสเซีย และเสด็จฯ State Visit  ประเทศไทยนั้น  เป็นช่วงเวลาที่ กาฬโรคได้ระบาดหนักยิ่งในกรุงเทพฯ จนทำให้พระเจ้าซาร์พระองค์นั้นรำๆจะยกเลิกการเสด็จฯในครั้งนั้นแล้ว  เมื่อความทราบถึงล้นเกล้าฯร.5 พระองค์ทรงกังวลยิ่ง ถึงกับโปรดฯให้ กรมพระยาดำรงฯเสด็จไปเฝ้าฯที่เรือพระที่นั่ง ณ เกาะสิงคโปร์เพื่อทูลแถลงไขข้อความจริง ทำให้การเสด็จฯครั้งนั้นสำเร็จลงได้  และมกุฏราชกุมารพระองค์นี้เองเมื่อได้ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พระเจ้าซาร์พระองค์สุดท้ายแห้งรัสเซีย ก็ได้มีโอกาสเฝ้าฯรับเสด็จ ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 5 เมื่อคราว State Visit ยุโรปครั้งแรกตลอดจนครั้งที่ 2 ด้วย



สำหรับพระราชพิธีรับเสด็จ State Visit  มกุฏราชกุมาร               ซาเรวิชนั้น  ยิ่งใหญ่มาก มากกว่าที่เคยจัดรับเสด็จเจ้านายต่างชาติครั้งใดๆในประวัติศาสตร์ชาติสยามทีเดียว เห็นจะเป็นเพราะในเวลานั้นรัสเซียเองก็เป็นชาติใหญ่มากชาติหนึ่งในยุโรป(แม้จะเป็นยักษ์หลับไปบ้างก็ตาม) และอาจจะเป็นได้ว่า ราชสำนักสยามไม่เคยต้อนรับเจ้านายต่างประเทศ(ตะวันตก)อย่างใกล้ชิด และสนิทสนมยิ่งเช่นนี้มาก่อน จึงทำให้ราชสำนักสยาม "เห่อ" เป็นพิเศษ (เฉกเช่นที่เป็นตามปกติอยู่แล้ว สำหรับนิสัยคนไทยกับของใหม่ๆ)
ส่วนพระราชโอรสพระองค์แรกและพระองค์สุดท้ายของพระเจ้าซาร์คือ เจ้าชายซาร์วิท อเลกซิส ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องรัสปูติน กล่าวว่า เจ้าชายพระองค์นี้ต่างหากที่ทรงเป็นเจ้านายเพียงพระองค์เดียวที่ทรงรอดจากการปลงพระชนม์ มิใช่เจ้าหญิงอนาสเทเชีย  อย่างไรก็ตามเจ้าชายพระองค์นี้ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวและเป็นโรคเกี่ยวกับเลือด ทำนองว่าเลือดไหลไม่หยุด  

เรื่องราวของราชวงศ์โรมานนอฟในช่วงเวลานั้นยังมีบุคคลและเหตุการ์สำคัญเกี่ยวข้องอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นรัสปูติน  คำสาปแช่งของเขาต่อราชวงศ์  ข่าวลือการคบชู้ของพระนางซารินา อเล็กซานดรากับรุสปูติน และเหตุการณ์ปลงพระชนม์พระราชวงศ์โรมานนอฟ


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 28 มี.ค. 03, 01:18
 ผมก็ว่าแล้ว ว่าตำแหน่งมเหสีพระเจ้าซาร์ของผมนั้น มีอะไรแปลกๆ ตะหงิดๆ อยู่ในใจแต่นึกไม่ออก

เห็นจะเป็นเพราะใจนึกถึงภาษาบาลีมากไปหน่อย

ซาร์ คือพระจักรพรรดิ
ซาเรวิช คือมกุฏราชกุมาร พระโอรสของพระเจ้าจักรพรรดิ
ส่วนมเหสี หรือจักรพรรดินีนั้น คือซารินา ครับ ไม่ใช่ซารินี ขออภัย...

ตามที่รู้มางูงูปลาปลา ไวยกรณ์ข้อเดียวกันนี้ใช้กับชื่อคนรัสเซียสามัญด้วย
เช่น ตัวเราชื่อวลาดีเมียร์ พ่อเราชื่ออเล็กซานเดอร์ นามสกุลเชคอฟ
เวลาเราเขียนชื่อ ธรรมเนียมรัสเซียเขาจะเปิดช่องให้ล้อชื่อพ่อได้สบายมาก เพราะชื่อกลางของเขาจะเอาชื่อพ่อมาใส่ เป็น วลาดิเมียร์ อเล็กซานเดรอีวิช โรมานอฟ - อเล็กซานเดรอี"วิช" ก็แปลว่าเป็นลูกชองอเล็กซานดอร์ครับ
น้องสาวเราเป็นผู้หญิง สมมติว่าชื่อแอนนา นามสกุลเชคอฟ แต่เป็นผู้หญิง ก็ต้องเปลี่ยนตัวลงท้ายไปแล้ว เป็น เชคอฟว่า
เชคอฟ"ว่า" แปลว่าเป็นเชคอฟหญิงครับ


พระโรคของมกุฏราชกุมารรัสเซียนั้นเป็นพระโรคทางพันธุกรรม ผมคิดว่าคือโรคฮีโมฟิเลีย และจำได้ว่าเจ้านายชายในราชวงศ์ยุโรปเป็นกันหลายองค์ เพราะราชวงศ์ต่างๆ ในยุโรปสมัยนั้นท่านเกี่ยวดองเป็นญาติกันไปหมด (ซารินาเองเดิมก็ทรงเป็นเจ้าหญิงเยอรมัน หรืออสเตรียอะไรนี่แหละ) จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า สมเด็จพระบรมราชินีนาถวิคตอเรียของอังกฤษท่านทรงมีพระญาติเกี่ยวดองกับท่านเป็นเจ้านายแทบจะหมดทวีปยุโรป แล้วดูเหมือนท่านเองจะทรงเป็นพาหะหรือผู้ส่งต่อพันธุกรรมนี้ด้วย โรคนี้ ผู้หญิงไม่เป็น คือเป็นแต่ตัวส่งต่อให้ทายาท แต่ไม่แสดงอาการ อาการจะไปปรากฏในทายาทผู้ชาย ใครอยากรู้ละเอียดคงต้องถามหมอหรือนักพันธุกรรมศาสตร์ครับ

ขอโทษครับ ไถลออกมาไกลจากเรื่องของแอนนาไปหน่อย


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มี.ค. 03, 11:46
 โรคฮีโมฟีเลียหรือเลือดไม่แข็งตัว กล่าวกันว่าเริ่มตั้งแต่ควีนวิกตอเรีย   แต่ดิฉันเคยอ่านหนังสือ  เขาพบว่าน่าจะมาจากพระสวามี คือเจ้าชายอัลเบิตมากกว่า
เพราะกล่าวกันว่าในพระราชวงศ์ฝ่ายเจ้าชาย มีผู้ป่วยเป็นโรคนี้มาก่อน   เมื่อเจ้าชายมาอภิเษกสมรสกับพระราชินี   โรคนี้ก็ตกทอดไปถึงเชื้อสายฝ่ายชายรุ่นหลังบางคน เช่นซาเรวิช   แต่ตัวเจ้าชายเองไม่ยักเป็น    จะจริงเท็จยังไงไม่ทราบค่ะ

ย้อนกลับมาเรื่องอนาสตาเชีย ไปค้นมาเพิ่มเติม ได้ความว่า
หลังจากพระเจ้าซาร์ พระราชินีและพระราชโอรสธิดาหายสาบสูญไป   เมื่อค.ศ. 1918   สตรีผู้หนึ่ง กระโดดน้ำตายในกรุงเบอร์ลิน     เมื่อช่วยขึ้นมาได้เธอความจำเลอะเลือน    จึงถูกส่งตัวไปสถานบำบัดผู้ป่วยทางจิตอยู่ 2 ปี
เธอไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นใคร   แต่คนไข้ด้วยกันอีกคนเห็นแล้วบอกว่าเหมือนเจ้าฟ้าหญิงแห่งราชวงศ์โรมานอฟ    ถ้าไม่ใช่ทาเทียน่าก็ต้องเป็นอนาสตาเชีย
เธอจึงรับว่าเป็นอนาสตาเชีย   แล้วเล่าเหตุการณ์ว่าทั้งครอบครัวถูกทหารปฏิวัติยิงกระหน่ำอย่างทารุณ    เธอถูกกระสุนเข้าที่สำคัญแต่ไม่ตาย แค่บาดเจ็บสาหัส
ทหารหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่ม ชื่ออเลกซานเดอร์  ไชคอฟสกี้   ลักลอบพาเธอหนีไปได้    ไปอยู่กันที่โรมาเนียจนกำเนิดบุตรคนหนึ่ง  ต่อมาสามีถูกฆ่าตาย  บุตรถูกพรากไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า   อนาสตาเชียเดินทางมาเบอร์ลิน   ไม่มีทางไปก็ฆ่าตัวตาย แต่รอดมาได้
คนที่เชื่อว่านี่คืออนาสตาเชียตัวจริง ก็มีมาก   แต่คนไม่เชื่อก็เยอะ   โดยเฉพาะพระญาติพระวงศ์และข้าราชบริพารที่รอดตายหนีออกนอกประเทศได้    เห็นหน้าแล้วบอกไม่ใช่
แต่บางคนก็ลังเล   เดี๋ยวเชื่อเดี๋ยวไม่เชื่อ  อะไรทำนองนี้  เพราะบอกว่าหน้าเหมือนกันมาก
ตอนจบก็อย่างที่รู้ๆกันค่ะ ว่าพิสูจน์ดีเอ็นเอ แล้วไม่ใช่


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 30 มี.ค. 03, 01:59
 เพิ่มครับ  เคยอ่านเจอว่า DNA ที่ตรวจได้มาจากเส้นผมของแอนนา แอนเดอร์สัน  ซึ่งเสียชีวิตไปตั้งแต่ปลายปี 70กว่าๆถึงต้น 80  ผมจำไม่ได้   และเอาไปเปรียบเทียบกับ DNA ของเจ้าชาย ฟิลิป ซึ่งเป็นพระสวามีของควีนเอลิซาเบธแห่ง GB นั่นแหละครับ  ไม่น่าเชื่อว่าราชวงศ์ยุโรปนี่ดองกันไปทั่วเลย


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: Orpheus ที่ 21 ก.ค. 03, 01:24
 อุ...
มีบางอย่างเข้าทางผมซะแล้วปรกติได้แต่ รับความรู้จากนักปราชญ์ที่นี่อย่างเดียวเลยครับ(ไม่ค่อยได้ตอบแต่อ่านตลอดเลยครับ)

โรคฮีโมฟีเลียไม่สามารถสืบมาทางสายของเจ้าชายอัลเบิต อย่างเด็ดขาดครับ
เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคทางกรรมพันธุ์ซึ่งตัวยีนของโรคนี้จะอยู่ที่โครโมโซม X เท่านั้นครับ ดังนั้นโรคนี้จะถ่ายทอดได้จากแม่สู่ลูกเท่านั้นครับหรือภาษาหมอๆเค้าเรียกว่า X-linked recessive ครับ

โดยที่โรคที่เป็น X-linked recessive จะแสดงออกทันทีในกรณีที่เป็ฯผู้ชาและมียีนนี้อยู่กับตัว(ก็มีXตัวเดียวอะครับ) ส่วนผู้หญิงจะสามารถเป็นพาหะในกรณีที่ได้รับยีนนี้มาจากแม่ และมีโอกาส50%ที่จะแสดงอาการโรคนี้เลยก็ได้ถ้าแม่ที่เป็นพาหะของโรคแต่งานกับพ่อที่เป็นโรค

ขอเท้าความนิดหน่อยเกี่ยวกับโครโมโซมเพศนะครับ เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า โครโมโซมเพศชายนั้นเป็นXY ส่วนของผู้หญิงเป็น XX ในการแบ่งเซลสืบพันธุ์โดยปรกตินั้น ในที่สุดเราจะได้ไข่(Oocyte) กับสเปิม(spermatocyte) ที่มีเพียงโครโมโซมเพศ X หรือ Y เท่านั้น

ในส่วนของผู้หญิงนั้น ไข่ออกมาจะมีได้เพียงโครโมโซมเพศ X อย่างเดียวเท่านั้นเนื่องจากผู้หญิงไม่มีโครโมโซมเพศ Y ครับ
ในส่วนของผู้ชายจะได้สเปิมที่มีได้ทั้งโครโมโซมเพศ X และโครโมโซมเพศ Y

ในตอนที่จะปฏิสนธินั้น ถ้าสเปิม X เข้าผสมกับไข่จะได้เป็นลูกผู้หญิงและถ้าเป็น Y ก็จะได้ผู้ชายด้วยประการะฉะนี้...

คราวนี้ในกรณีที่ฝ่ายชายเป็นโรคนี้นะครับและฝ่ายหญิงไม่ได้เป็นพาหะของโรคด้วย เมื่อสเปิมแบ่งออกมาแล้วจะได้เป็น โครโมโซมเพศ X ที่มียีนนี้อยู่ และโครโมโซม Y ฝ่ายหญิงเมื่อมีการสร้างไข่ออกมาก็จะได้ โครโมโซมเพศ X ที่ปรกติครับ ดังนั้นถ้าสามีและภรรยาคู่นี้มีลูก... ในกรณีลูกชายจะได้ X ปรกติจากแม่และ Y จากพ่อผลคือลูกชายปลอดภัยไร้โรค(นี้) อย่างแน่นอนครับ ในกรณีได้ลูกสาวตัวลูกสาวจะได้รับ X ปรกติจากแม่และ X ที่มียีนที่มีโรคจากพ่อ ผลที่ได้คือลูกสาวเป็นพาหะอย่างแน่นอนครับ

ในกรณีที่ฝ่ายชายปรกตินี้นะครับและฝ่ายหญิงเป็นพาหะของโรคด้วย เมื่อสเปิมแบ่งออกมาแล้วจะได้เป็น โครโมโซมเพศ X ที่ปรกติ และโครโมโซม Y ฝ่ายหญิงเมื่อมีการสร้างไข่ออกมาก็จะได้ โครโมโซมเพศ X ที่ปรกติและ โครโมโซม X ที่มียีนของโรคครับ และถ้าสามีและภรรยาคู่นี้มีลูก... ในกรณีลูกชายจะได้ X ปรกติหรือโครโมโซม X ที่มียีนของโรคจากแม่และ Y จากพ่อผลคือลูกชายมีโอกาศที่จะแสดงอาการของโรค50%ครับ ในกรณีได้ลูกสาวตัวลูกสาวจะได้รับ X ปรกติหรือโครโมโซม X ที่มียีนของโรคจากแม่และ X ที่ปรกติจากพ่อ ผลที่ได้คือลูกสาวเป็นพาหะอย่างแน่นอนครับ

และในกรณีที่ฝ่ายชายเป็นโรคนี้นะครับและฝ่ายหญิงเป็นพาหะของโรคด้วย เมื่อสเปิมแบ่งออกมาแล้วจะได้เป็น โครโมโซมเพศ X ที่มียีนนี้อยู่ และโครโมโซม Y ฝ่ายหญิงเมื่อมีการสร้างไข่ออกมาก็จะได้ โครโมโซมเพศ X ที่ปรกติและ โครโมโซม X ที่มียีนของโรคครับ และถ้าสามีและภรรยาคู่นี้มีลูก... ในกรณีลูกชายจะได้ X ปรกติหรือโครโมโซม X ที่มียีนของโรคจากแม่และ Y จากพ่อผลคือลูกชายมีโอกาศที่จะแสดงอาการของโรค50%ครับ ในกรณีได้ลูกสาวตัวลูกสาวจะได้รับ X ปรกติหรือโครโมโซม X ที่มียีนของโรคจากแม่และ X ที่X ที่มียีนของโรคจากพ่อ ผลที่ได้คือลูกสาวเป็นพาหะหรือแสดงอาการของโรค50%ครับ

ง่า...ในกรณีของทั้งพ่อทั้งแม่เป็นโรคทั้งลูกสาวและลูกชายเป็นโรคแน่นอนครับ

มึนเล็กน้อย... ก็ตามที่ว่ามาจะเห็นได้ว่าโรคนี้ไม่สามารถติดต่อจากพ่อสู่ลูกชายได้อย่างเด็ดขาดครับ

เข้ามาถกกันต่อด้วยนะครับผมจะได้อาศัยใบบุณรู้ไปด้วยขอบคุณมากครับ


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: หม่อมจุมพฏเพ็ชรกล้า ที่ 24 ก.ค. 05, 19:54
 ซาร์นิโคลัสที่2สมรสกับหลานสาวสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียคือ ซารีน่าอเล็กซานดรา มีพระราชโอรส-ธิดาดังนี้
1.แกรนด์ ดัชเชส โอลก้า
2.แกรนด์ ดัชเชส ทาเทียน่า
3.แกรนด์ ดัชเชส มาเรีย
4.แกรนด์ ดัชเชส อนาสตาเซีย
5.ซาเรวิทช์ อเล็กซิส

โอรส-ธิดา ธรรมดา ชายใช้ แกรนด์ ดุ๊ก หญิง ใช้ แกรนด์ ดัชเชส
ส่วนที่เป็นมกุฎราชกุมาร หรือ มกุฎราชกุมารีใช้ ซาเรวิทช์ หรือ ซาเรฟน่า

ราชวงศ์โรมานอฟปกครองรัสเซียมานานกว่า300ปี
ราชวงศ์แรกที่ปกครองรัสเซียคือ ราชวงศ์รูริค


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: หม่อมจุมพฏเพ็ชรกล้า ที่ 24 ก.ค. 05, 19:55

พระราชฉายาลักษณ์ครอบครัวของซาร์นิโคลัสที่2


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: HotChoc ที่ 18 ธ.ค. 05, 06:34
 รู้สึกว่าผมจะดูจากช่อง History Channel ไม่ก็ NG เร็วๆนี้เอง เขาบอกว่าได้มีการตรวจDNA ศพของครอบครัวซาร์นิโคลัสที่2 (หลังรัสเซียเปิดประเทศ) พบว่าเป็นครอบครัวเดียวกันห้าคน หายไปสอง


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: Andreas ที่ 20 ธ.ค. 05, 07:29
 More information on X Linked Recessive Gene kharb...
So sorry that I cannot type Thai.  

Inheritance of X-Linked Recessive Genetic Diseases

These genetic diseases are diseases caused by an error in a single DNA gene. X-linked means the error occurs on the X chromosome which is the 23rd sex-linked X chromosome. Such diseases are sometimes called "sex-linked" rather than X-linked.

Some examples of X-linked recessive disorders are Hemophilia and Duchenne muscular dystrophy. These occurs only in boys, which is what we expected from an X-linked recessive disorder, as discussed below. For a list of this type of disorders, see x-linked recessive disorders.

Recessive means that disease only occurs when a person has two copies of the bad gene. For autosomal recessive diseases, this usually means they must inherit the disease from both parents, but this is not the case for X-linked recessive diseases. Men have only a single X chromosome, so they have only one copy of any gene on the X chromosome. Thus, a gene error on X definitely caused disease in men (who are XY), but women are XX, and have two copies of the gene. X-linked recessive disorders are more likely to occur than autosomal recessive disorders, because men have only one X chromasome, whereas all people have 2 copies of each autosome.

Recessive diseases often occur in genes that produce an enzyme. In a carrier, who has only one bad copy, there is often no disease, because the second gene can pull up the slack, and maintain health. In some recessive diseases, a carrier gets a mild form of the disease. For example, in X-linked recessive hemophilia, a female carrier has one bad gene on chromosome X, but the good gene on the other X chromosome produces enough of the good clotting enzyme to maintain health. The recessive disease only arises when the male has no good gene on the other chromosome (because they get a Y instead of a second good X).


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: Andreas ที่ 20 ธ.ค. 05, 07:30
 X-linked recessive inheritance: These diseases arise from an error on the X chromasome, which causes disease only when there is no corresponding paired X chromasome with a good gene. However, since men are XY a man with the bad gene on the X chromasome must get the disease, because there is no second X chromasome. Since women are XX, they usually have a second good X chromasome which suppresses the bad X gene, leaving them disease-free, but as carriers. The following patterns of inheritance are typical:

Gender bias: Typically, males are the ones who get the disease, whereas females are carriers. Men cannot be carriers because they cannot have a bad X chromasome gene without getting the disease. Women cannot get the disease, because they typically have a second good X chromasome. However, in the rare case of a daughter of an affected father and a carrier mother, then the daughter might have two bad X genes and get the disease itself (like an autosomal recessive disease).
Father to son transmission: 0% chance of disease and 100% chance of disease-free unless the mother is also a carrier (males always get their single X from the mother not father and cannot get a bad gene from the father), 0% chance of carrier (males cannot be carriers).
Father to daughter transmission: 0% chance of disease (females can only be carriers), 100% chance the female child is a carrier (because the father gives a bad X gene as there is only the bad one to give). If the mother is also a carrier, the female can be fully afflicted with the rare double-recessive female version of the disease.
Mother (carrier) to son transmission: 50% chance of disease, 50% chance disease-free, 0% chance of carrier (males cannot be carriers).
Mother to daughter:: 0% chance of disease (females can only be carriers), 50% chance of female carrier, 50% chance neither affected nor carrier.
Other children: If a couple has one (male) child with the disease, what are the odds for another child having it. Usually this means the mother is a carrier, because the father cannot transmit the disease to a child (and the father would probably have noticable disease). So the risk for a second child of the same couple is probably the mother-to-son transmission risk, 50% chance of disease, and a female child cannot have the disease but has a 50% chance of being a carrier.
Mild disease in female carriers: Female carriers can have a mild form of disease, because they have a bad gene on one of their two X chromasomes, and a good gene on the other. If the disease is not totally recessive, a partial disease can result even though the woman has one good gene. In other words, if the second gene copy is not a good enough "backup", a partial level of mild disease can still result in carriers. However, most X-linked recessive diseases have symptom-free female carriers.

Sporadic cases: A genetic disease that occurs when neither parent has any genetic defect is called a sporadic genetic disease. These cases arise via random genetic mutations in the DNA. A sporadic mutation can be the cause of an x-linked recessive disease (whereas it is unlikely for an autosomal recessive disorder) because only a single mutation is required (in males) to cause the disease. Females can also become carriers owing to random mutations.

source: http://www.wrongdiagnosis.com/genetics/xrec.htm  


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 27 มี.ค. 06, 16:14
 ขออนุญาตขุดกระทู้เก่าครับ พอดีเจอเรื่องสะดุดใจเรื่องหนึ่ง
จากความเห็นที่ 11 พิสูจน์ได้ว่า โครงกระดูกที่พบในเหมืองเดอะโฟร์ บราเธอร์ มีสมาชิกในราชวงศ์หายไป 2 พระองค์ครับ
คือ มกุฏราชกุมารอเล็กซิส และแกรนด์ดัชเชสมาเรียครับ
เชื่อว่า คงจะกลายเป็นอัฐิไปแล้วครับ

แต่ ศิลปวัฒนธรรมฉบับเดือน มี.ค. 2549 คุณไกรฤกษ์ นานาพบหลักฐานชิ้นหนึ่งที่ระบุว่า มกุฎราชกุมารอเล็กซิส รอดจากการปลงพระชนม์หมู่ ครับ
รายละเอียดจะนำมาเพิ่มเติมทีหลังครับ เพราะเรื่องนี้เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่งครับ


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 27 มี.ค. 06, 18:29
 บทความในศิลปวัฒนธรรมฉบับเดือนมีนาคมครับ

 http://www.matichon.co.th/art/art.php?srctag=0603010349&srcday=2006/03/01&search=no  


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มี.ค. 06, 20:17
แกะคำอธิบายของคุณ Andreas จนตาลาย   อ่านไม่เจอว่าโรคฮีโมฟีเลียนี้หายได้ไหม เลยขอถามข้อข้องใจค่ะ

ถ้าซาเรวิชองค์น้อยนี้ไม่หายจากโรคนี้ (เห็นได้จากรัสปูตินถูกตามเข้าไปในวังหลวงหลายครั้งเพื่อรักษา แสดงว่าคงไม่หายขาดแม้ว่ารัสปูตินทำให้เลือดหยุดได้ในแต่ละครั้ง)   พระองค์ก็ต้องสะบักสะบอมหนีเอาชีวิตรอดจากทหาร    
น่าจะมีรอยแผลในการหนีตั้งแต่คืนแรกแล้ว อย่างน้อยก็รอยขูดขีด เลือดออกซึ่งจะทำให้เลือดไหลไม่หยุด

ทำไมถึงไม่มีการเอ่ยถึงสุขภาพของเด็กชายที่สวมรอยเป็นเด็กชาวบ้าน   ว่าพ่อแม่บุญธรรมต้องประคับประคองแค่ไหน  ขนาดในวังยังประคองกันแทบไม่รอด   พ่อแม่ชาวบ้านหรือจะดูแลได้
แต่นี่ดูๆเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปที่แข็งแรงดี

สรุปว่าไม่เชื่อมากกว่าเชื่อค่ะ


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: nuttav ที่ 28 มี.ค. 06, 01:20
 หาก คนที่บอกว่าเป็นซาเรวิช ไม่ใช่ซาเรวิช ทั้งๆที่มีการตรวจดีเอ็นเอแล้ว??? จะทำได้ยังไง.... แสดงว่า ใครซักคนที่มีอำนาจต้องการบิดเบือนข้อมูลที่แท้จริง
แล้วที่บอกว่าอีกศพนึงหายไป ซึ่งไม่ใช่เจ้าหญิงอนาสเตเชียอย่างแน่นอน แต่น่าจะเปนเจ้าหญิงองค์อื่น ความเป็นไปได้ที่เจ้าหญิงองค์นั้นจะรอดก็คงน้อยเช่นกัน แต่ที่สำคัญคือ ศพของพระองค์อยู่ที่ไหน???


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: Andreas ที่ 28 มี.ค. 06, 01:54
 Dear Khun PinkandGrey

According to what I have read, Hemophilia cannot be completely cured or eliminated from patients since it is genetically involved-disease. As long as persons has this X-link recessive gene expressed Hemophilia, he/she will have bleeding problem for the entire life. Although, thanks to the medical treatment; the persons with Hemophilia can be treated by injecting purified clotting factors to prevent bleeding episodes.

Anyway, concerning your curiosity…I have gone to read the article from the link kindly posted by Khun CH. Personally I kind of believe the DNA testing. Since the article revealed that DAN testing had been performed using Mr. Vasily Filatov’s remain also organs. However, only question I want to ask is “whose original DNA sequence is used to compare with Mr. Filatov’s sequence. If the comparing DNA sequence surely derives from His Imperial Majesty Tsar Nicholas II, then there is no doubt that Mr. Filatov is one of Tsar family members. Additionally I would like to point out that I used “one of family members”…….. I don’t want to use “Son of Tsar” since I have not seen any result of DNA comparison yet…..I need to read more information. Too bad that the book referring to this article has been written in Russia….I can’t read it….

Regards
Andreas


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: Andreas ที่ 28 มี.ค. 06, 02:47
 The more I search the better I understand…….



It is very interesting that the following quote is extremely different from what I found out from my search.



“ สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือ "ผลสรุป" ทางนิติวิทยาศาสตร์ ภายหลังการทดสอบของผู้เชี่ยวชาญชาวฟินแลนด์และรัสเซีย โดยการตรวจดีเอ็นเอจากเลือดของบุตรและธิดาของวาสิลี ฟิลาตอฟ ในปี ค.ศ. ๑๙๙๖ แสดงผลว่าพวกเขาเป็นผู้สืบสายโลหิตมาจากราชวงศ์โรมานอฟจริง แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นและเป็นไคลแมกซ์ของเรื่อง คือการที่ครอบครัวฟิลาตอฟร้องขอความเป็นธรรมไปยังศาลโลก ณ กรุงเฮกให้เข้าแทรกแซงในขั้นตอนการพิสูจน์ ในที่สุดรัฐบาลรัสเซียจึงอนุญาตในปี ค.ศ. ๑๙๙๗ ให้มีการตรวจดีเอ็นเอจากชิ้นส่วนอวัยวะของนายวาสิลี ฟิลาตอฟ ผู้วายชนม์ จากกระดูก เส้นผม ฟัน และเล็บ ตามระบบนิติเวชวิทยา รวมถึงการคำนวณส่วนประกอบของใบหน้า ตามอายุขัยในวัยต่างๆ ด้วยระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผลปรากฏว่า วาสิลี ฟิลาตอฟ คือบุคคลเดียวกันกับมกุฎราชกุมารอเล็กเซย์ โรมานอฟ(๒)”



Anyway what I found out from at least 2 sites, they said that the genetic testing is not done yet since the Russia Gov. still denies the request to perform Tsar Nicholas II’s DNA testing.  So in this case, there is no original DNA sequence to be compared with Mr. Filatov.



According to a book review by Laurie Edwards (08/26/2002), she pointed out variety of interesting ideas; however the most interesting one is quoted as following



“There's a simple test available now that could identify with near-perfect accuracy whether the decendants of Vasily Filatov are related to the Romanovs. It's what finally proved the illegitimacy of Anna Anderson's claim, after all; we know genetic testing works. This test would prove or disprove Filatov's blood relationship to the unfortunate Royal Family, though it wouldn't necessarily prove Filatov was the Czarevitch Alexei. Petrov weakly blames the Russian government's secretive nature for the failure of Filatov's children and grandchildren to take the tests. That may or may not have been a reasonable excuse before the fall of the Soviet Union; it's no longer a consideration. Still the tests haven't been performed—or at least, the results haven't been disclosed. I can't buy into any of this until there's proof, and this book doesn't provide any.” (http://www.toxicuniverse.com/review.php?rid=10003735)



Also another book review from Mary Schaeffer Conroy, she also pointed out the same thing…. that there is no DNA testing as to compare Tsar Nicholas II and Mr. Filatov.



“Shanfield worked with Gill and Ivanov in identifying the remains of the Romanov rulers, their three servants and their physician, Dr. Botkin, reburied last summer in the Peter and Paul fortress church in St. Petersburg. Shanfield asserts that there is sufficient material for the Y chromosome test. "The Escape of Alexei'' refers to Gill and Ivanov, but in a recent interview, Oleg said he cannot take the test without permission from the Russian government. In the relatively permissive post-Soviet era, this excuse raises a red flag for me.” (http://extras.denverpost.com/books/book445.htm)



Marry also stated that it is quite interesting for Mr. Filatov, who claimed to be Alexei, could live until the age of 84. Most of persons living with hemophilia have short life especially in the past decades.



By the way, what I wanna say is….. there is data conflicting between Article written in Thai and the book reviews…..which one should I believe so?


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มี.ค. 06, 07:55
 ดิฉันเชื่อบทความภาษาอังกฤษค่ะ
คงมีความเข้าใจผิดบางประการในการแปล  
หรือมิฉะนั้นผู้แปลก็อ้างอิงจากเอกสารอื่นที่ระบุว่ามีการตรวจสอบแล้ว

แต่ดิฉันไม่เชื่อว่ามีการตรวจสอบแล้ว  ด้วยเหตุผลง่ายๆว่าข่าวนี้เงียบเหลือประมาณ
ถ้ามีการยืนยันว่าซาเรวิชรอดตายไปได้ อยู่มาจนแก่   ป่านนี้ข่าวCNN  BBC  รอยเตอร์ ฯลฯ ประโคมข่าวสนั่นหวั่นไหวไปทั่วโลก
มีสารคดี เรื่องราวเบื้อหลัง หลั่งไหลออกมาไม่ขาดสายแล้วละค่ะ

ดิฉันเชื่อว่าเป็นการอ้างของลูกหลานนายอะไรคนนั้น    กรณีแบบนี้มีบ่อย   แล้วก็เงียบไปไม่มีใครสนใจอีก


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: Andreas ที่ 28 มี.ค. 06, 08:15
 ต้องรีบมาขยายความครับ....เมื่อตอนกลางวันผมใช้คอมพ์ที่ที่ทำงานเลยไม่สามารถตอบเป็นภาษาไทยได้ครับ



คุยถึงเรื่องการตรวจ DNA คุณ HotChoc เคยบอกไว้ตั้งแต่ความเห็นต้นๆแล้วครับ แต่ผมจะมาขยายความต่ออีกนิดหน่อยว่า มันแตกต่างจากกรณีของ Alexis ครับ



เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อประมาณปี 1990 ทีมนักวิจัยชาวรัสเซียได้ทำการตรวจ Mitochondrial DNA ที่สกัดได้จากโครงกระดูกของกลุ่มคนที่ถูกฝังพร้อมกัน 9 คนที่สุสานแห่งหนึ่ง ผลการตรวจ Mitochondrial DNA พบว่า โครงกระดูกที่เป็นเพศหญิงทั้งสี่ มีความเชื่อมโยงกับ Great Britain's Prince Philip ซึ่งเกี่ยวพันกับราชินี Alexandra อีกที



พูดง่ายๆ ก็คือ เราจะได้รับ Mitochondria มาจากไข่ของแม่ซึ่งเป็นโครโมโซม X ดังนั้นเมื่อเราตรวจ DNA จากไมโตคอนเดรีย เราจะสามารถหาความเชื่อมโยงของโครโมโซม X ได้ครับ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นักวิทยาศาสตร์สรุปว่า สี่ในเก้าศพนั้น คือ ราชีนี Alexandra และลูกสาวอีกสามคน .....คงสงสัยว่าแล้วเค้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นราชินี Alexandra คำตอบก็คือ เค้าเปรียบเทียบ Mitochodrial DNA กับเจ้าชาย Phillip อีกทีหนึ่ง (อันนี้ผมไม่ทราบว่าเจ้าชายเป็นอะไรกับราชินีอเลกซานดร้า..เดาว่าน่าจะเป็นพี่ชาย หรือน้องชาย หรืออะไรก็ได้ที่สืบสายจากแม่หรือยายคนเดียวกัน)



ด้วยหลักการเดียวกันนักวิทยาศาสตร์ก็นำเอา Mitochodrial DNA ของศพที่คาดว่าเป็นซาร์นิโคลัส ไปเปรียบเทียบกับน้องชายของซาร์เอง ด้วยความที่มี mutation เดียวกันซึ่งค่อนข้างจะพิเศษจึงสรุปได้ว่าเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นศพนั้นจึงเป็นซาร์แน่นอน (ผมเดาว่าน่าจะเป็นส่วนที่มี sequence of Hemophilia อยู่ด้วย)



ด้วยเหตุผลที่ผมกล่าวมาข้างต้น นักวิทยาศาสตร์ จึงสรุปได้ว่า ศพทั้งเก้าที่พบในสุสาน ประกอบด้วย ซาร์นิโคลัส ราชีนีอเลกซานดร้า ลูกสาวอีกสามคน อีกสี่คนน่าจะเป็นหมอหลวงและคนรับใช้....ส่วน อนาสเตเชีย และ อเลกซิส หายสาบสูญไปครับ



วกมาที่ประเด็น Alexis นะครับ การที่ผมบอกในตอนกลางวันว่า ยังไม่มีการตรวจ DNA ของพระเจ้าซาร์นิโคลัสเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นพ่อของคนที่แอบอ้างเป็น Alexis อันนี้ผมอ้างมาจากหลักฐานที่เอามาให้อ่านครับ ซึ่งผมค่อนข้างจะเห็นด้วยครับ เพราะการจะตรวจดูว่าใครเป็นพ่อลูกกันนั้น ต้องตรวจที่โครโมโซม Y ครับ พูดง่ายๆ ว่าจะต้องขุดศพพระเจ้าซาร์ขึ้นมาใหม่ และตรวจหาโครโมโซม Y แล้วเปรียบเทียบกับ นาย Filatov ดูว่ามีความสัมพันธ์กันในระดับไหน อย่างนี้ถึงจะพูดได้เต็มปากครับ ว่าเป็นพ่อลูกกันหรือไม่ ประเด็นนี้ผมค่อนข้างเชื่อว่ายังไม่มีการตรวจ Y-DNA ของซาร์นิโคลัสแน่นอนครับ เพราะอย่างที่บอกดูเหมือนรัฐบาลจะไม่อนุญาตครับ



ยังมีนักวิทยาศาสตร์อีกหลายท่านพยายามยื่นข้อเสนอว่าน่าจะตรวจ DNA แบบอ้อมๆ โดยใช้สมาชิกในครอบครัวของนาย Filatov นั้นแหละครับ....ใครพอจะเดาได้ม้ยครับ ว่าเค้าจะเชื่อมโยงผลลัพธ์กันอย่างไร และใช้โครโมโซม X หรือ Y เป็นหลัก.... ลองเดาดูนะครับ แล้วผมจะมาเฉลยให้ฟัง


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 28 มี.ค. 06, 08:21
 ยังไม่มีการตรวจ Y-DNA ของซาร์นิโคลัสแน่นอนครับ เพราะอย่างที่บอกดูเหมือนรัฐบาลจะไม่อนุญาตครับ
...................................
เรื่องนี้ก็ต้องรอดูต่อไปครับ
ผมเห็นด้วยกับคุณ Andreas เพราะถ้ารัฐบาลรัสเซียยินยอม จะเกิดผลเสียต่อรัฐบาลเองครับ
ขอบพระคุณทุก ๆ ความเห็นครับ


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: Andreas ที่ 28 มี.ค. 06, 08:54
 ลืมอ้างแหล่งที่มาของข้อมูลครับ..เอามาให้แล้วครับ
เรื่องการตรวจ mitochondrial DNA
1) http://www.wired.com/news/medtech/0,1286,62529,00.html

2)http://www.westinghousenuclear.com/pdf/E3e_Weedn.pdf

เวปข้างล่าง (3) บอกว่ามีการตรวจ DNA ครั้งที่สอง เพื่อพิสูจน์เป็นพระศพของพระเจ้าซาร์และครอบครัวจริงหรือไม่ หลังจากสรุปว่าใช่ รัฐบาลจึงประกาศยอมรับ ในวันที่ 27th February 1998 และกำหนดพระราชพิธีฝังศพอย่างเป็นทางการ .....(ไม่มีการอ้างถึงการตรวจ DNA เพื่อเปรียบเทียบกับนาย Filatov ตามที่เอกสารภาษาไทยบอกแต่อย่างใด....ขอฟันธงว่าแปลมาผิดได้มั้ยนี่ครับ.....)

3) http://www.serfes.org/royal/burial.htm  


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: pharmaceutical scientist ที่ 28 มี.ค. 06, 19:09
 เำิ่พิ่งได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ครับ ไม่คิดว่าจะพูดถึงโรค hemophilia กัน
การถ่ายทอดทางพันธุกรรมของโรคนี้ผมอธิบายในกระทู้นี้ด้วยแผนภาพครับ
http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=20&Pid=48805
ซึ่งการถ่ายทอดโรคนี้ฝ่ายชายจะไม่มียีนแฝงครับ ถ้าจะถ่ายทอดได้คือพ่อต้องเป็น hemophilia เท่านั้น นั่นคือพระสวามีของราชินีวิคทอเรียจะต้องเป็นโรค ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นการถ่ายทอดโรคลงมาในลูกหลานของราชินีวิคทอเรียเองนั้นต้องผ่านมาทางพระนางเองซึ่งมียีนแฝง


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: pharmaceutical scientist ที่ 28 มี.ค. 06, 19:26
 ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง ก็อาจเป็นเรื่องน่าแปลกที่คนที่เป็นโรค hemophilia ยังสามารถอยู่รอดและสืบลูกหลานได้ โดยที่ลูกหลานไม่ได้เป็นโรคนี้แต่อย่างใด (อันนี้คิดเอาเองเพราะในข่าวไม่พูดถึงกรณีนี้) เพราะการเอาชีวิตหนีรอดมาได้และอยู่ด้วยความแร้นแค้นยากลำบาก การแพทย์ที่ยังไม่ทันสมัย โดยไม่ทำให้ตัวเองเกิดบาดแผลนับว่าน่าทึ่งมาก
สรุปแล้วผมก็ยังไม่เชื่อเรื่องนี้ว่าจะเป็นความจริงอยู่ดี เพราะดูแค่รูปการณ์นี้โดยไม่ต้องพิสูจน์ด้วยการตรวจ mitochondrial DNA ก็น่าสืบสายกันได้บ้างแล้ว


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 28 มี.ค. 06, 21:35
 น่าสงสัยว่าจีนฮีโมฟีเลียนี้มีข้อดีอะไรหรือไม่ครับ

ที่สงสัยเพราะเคยได้ยินว่าจีนธาลัสซีเมียนั้น ทำให้ทนต่อมาลาเรียมากขึ้นน่ะครับ


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 28 มี.ค. 06, 22:49
 เท่าที่เข้าใจ ยีนส์ธาลัสซีเมียที่คุณ CrazyHOrse พูดถึง ไม่ได้หมายถึงทุกคนนะครับ
เพราะในทวีปอาฟริกา ผู้คนจำนวนหนึ่งเป็นโรคมาลาเรีย เนื่องจากมียุงซึ่งเป็นพาหะนำโรคเป็นจำนวนมาก และการสาธารณสุขไม่ดีนัก
แต่ผู้ที่เป็นพาหะของโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งมีเม็ดเลือดแดงรูปร่างแปลกออกไปอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้แสดงอาการของโรค จะสามารถทนต่อโรคมาลาเรียได้

ส่วนผู้ที่เป็นธาลัสซีเมียโดยกำเนิด หรือไม่ได้เป็นพาหะของโรคจนติดโรคมาลาเรียก็จะเสียชีวิตไปในที่สุด
แต่สำหรับคนในเขตที่การสาธารณสุขมูลฐานยังไม่เจริญนัก เด็กที่เสียชีวิตตั้งแต่คลอด หรือเสียชีวิตขณะยังเป็นเด็ก ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ

ถ้านึกไม่ออกว่าเขารับสภาพนั้นกันได้อย่างไร ลองนึกย้อนไปถึงในรั้ววังสมัย รัชกาลที่ ๕ ดูก็ได้ครับ
ว่าเจ้าฟ้า หรือพระองค์เจ้า กี่พระองค์ ที่สิ้นพระชนท์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ หรือยังไม่ทันจะลืมพระเนตรดูโลกด้วยซ้ำไป
พระราชบิดา หรือพระมารดาทั้งหลาย ซึ่งเป็นถึงเจ้าจอมหม่อมห้าม และพระภรรยาเจ้า ก็ทรงรับสภาพและความเป็นไปเช่นนั้นได้ เพราะเป็นเรื่องปกติของสังคมไงครับ



ภาพจาก http://www.med-ed.virginia.edu/courses/path/innes/images/rcdjpegs/rcd%20S%20Bthal.JPEG  ครับ


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 30 มี.ค. 06, 13:23
 ผมเห็นว่า นายวาสิลี น่าจะมีเชื้อสายราชวงศ์โรมานอฟ
แต่ติดปัญหาเรื่องการตรวจโครโมโซมวาย จึงชี้ขาดไม่ได้ว่าใช่มกุฏราชกุมารอเล็กซิสหรือไม่
ถ้าไม่ใช่ แล้วเขาเป็นใครกันแน่?
ป.ล. ขอถามครับว่า โปเจียมที่สืบมาแต่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 จะหาอ่านได้ที่ไหนครับ
เพราะเท่าที่ค้นดูในเอกสารภาษาไทย มักจะไม่กล่าวถึงครับ


กระทู้: Anastasia:the Mystery of Anna
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 30 มี.ค. 06, 18:04
 อ่านเงียบๆ อยู่พักใหญ่ นี้เป็นความเห็นแรกครับ

ขอพูดถึง Anastasia ในแง่ภาพเคลื่อนไหว จากความทรงจำที่หากมีอะไรผิดพลาดไป ขออภัยไว้ก่อน

        นานหลายทศวรรษก่อน มีผู้นำเข้าภาพยนตร์คุณภาพได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัล เรื่อง Nicholas and Alexandra แต่ไม่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ จึงไม่ได้ออกฉายตามโรงในไทย
บางคนจึงต้องอาศัยดูจาก VDO
        soundtrack จากภาพยนตร์เรื่องนี้ คือท่วงทำนองไพเราะของเพลง Too Beautiful To Last จากเสียงของนักร้องดังวันวาน Engelbert Humperdinck

       Anastasia แรกเริ่มเดิมดัง เป็นภาพยนตร์นำแสดงโดยดารามีชื่อในยุคนั้น คือ Ingrid Bergman และ Yul Brynner เคยผ่านตาทางทีวี เมื่อนานโขแล้ว

        Anastasia: The Mystery of Anna เป็นมินิ ซีรีส์ ที่คิดว่าเคยได้ติดตามดู ทางฟรีทีวี เมื่อนานมากพอสมควรแล้ว  ยังจำได้
ถึงภาพนางเอก ในเสื้อผ้าชุดเก่ามอมแมม สูญเสียความทรงจำ
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร และ

         Anastasia  แบบการ์ตูน เปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องให้เป็น
เจ้าหญิง มีรัสปูตินเป็นตัวร้ายที่ต้องตายตกไปตอนท้ายเรื่อง แล้วเจ้าหญิงกับเจ้าชายก็ได้คู่กัน  
 
          พอเพียงเท่านี้ก่อนครับ สำหรับความเห็นแรก  พบกันใหม่ ในโอกาสหน้า