NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 150 เมื่อ 04 พ.ย. 17, 11:52
|
|
ทว่า น่าเสียดายครับ ถ้อยคำให้สัภาษณ์ของนายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากรที่หนังสือพิม์ของไทยลง โดยเฉพาะบางกอกโพสต์กับเดอะเนชั่น ได้รับการรายงานโดยสถานทูตเมียนม่าร์ในกรุงเทพส่งตรงไปยังเนปิดอว์ ส่งผลกระทบทันทีกับโครงการ
ขณะที่คณะสงฆ์ไทยและพม่าที่กำลังจะเข้าร่วมพิธีบรรจุพระบรมสาริริกธาตุนั้น ได้รับคำสั่งด่วนโดยผู้ว่าการเมืองอมรปุระให้ระงับโครงการเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีความชัดเจนจากรัฐบาลไทย ทำให้ทั้งพระทั้งคนต้องแยกย้ายกันกลับวัด กลับที่พักด้วยความงุนงง
แม้ในหนังสือจะไม่ระบุเหตุผล แต่ทส.ของผู้ว่าการได้แจ้งด้วยวาจากับหัวหน้าคณะฝ่ายไทยว่า ทางรัฐบาลเมียนมาร์ถือว่าคำสัมภาษณ์ของอธิบดีกรมศิลปากรของไทยได้สร้างความอัปยศ เขาใช้คำว่า disgrace ต่อรัฐบาลพม่า disgrace ต่อนักวิชาการผู้ทรงความรู้และประสบการณ์ชาวพม่า จึงขอให้ระงับความร่วมมือระหว่าสองชาติไว้ก่อน เพื่อรอคำชี้แจงของรัฐบาลไทย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 151 เมื่อ 04 พ.ย. 17, 11:57
|
|
!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 152 เมื่อ 04 พ.ย. 17, 12:01
|
|
จบภาค ๒
พึงรอต่อภาค ๓ ตอนนี้ไปเข้าห้องน้ำห้องท่า ซื้อข้าวโพดคั่วน้ำอัดลมได้ครับ ส่วนผมจะไปกินข้าว แล้วพักยาว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CrazyHOrse
|
ความคิดเห็นที่ 153 เมื่อ 04 พ.ย. 17, 18:08
|
|
ระหว่างรอภาคสาม ขอสลับฉากด้วยเรื่องของ parabike ก่อนครับ parabike เป็นคำภาษาอังกฤษที่ใช้เรียกสมุดแบบพม่า ส่วนมากจะสะกดว่า parabaik หรือบางทีเป็น parabeik ก็มี (แน่นอนว่าออกเสียงว่าพาราไบค์) มีที่มาจากภาษาพม่าตามนี้เลยครับ https://en.wiktionary.org/wiki/%E1%80%95%E1%80%AF%E1%80%9B%E1%80%95%E1%80%AD%E1%80%AF%E1%80%80%E1%80%BA#Burmeseเป็นสมุดแบบโบราณที่เราคนไทยก็รู้จักกันดีเหมือนกัน ฝรั่งเรียกตามพม่าว่า parabaik ไทยเราเรียกว่าสมุดไทยหรือสมุดข่อยครับ เป็นวัฒนธรรมร่วมในภูมิภาคนี้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 154 เมื่อ 05 พ.ย. 17, 07:19
|
|
สำหรับผู้อ่านที่ตามจากเฟซบุคของผมเข้ามาเรือนไทยนะครับ ฉายาของคุณ CrazyHOrse นี้ไม่ได้แปลว่าม้าบ้าตรงตามตัวนะครับ แต่เป็นชื่อหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงคนหนึ่งที่ต่อสู้อย่างทรหดกับคนผิวขาวผู้บุกรุก จนฝรั่งยอมรับความเป็นวีรบุรุษ ท่านเป็นวิศวกรอาวุโสที่มีความสนใจประวัติศาสตร์ เหยียบเข้ามากระทู้ผมคราวใดกระทู้เอียงเหมือนเรือจ้างโดนเหยียบกราบ คนเช่นนี้ก็ประเภทเดียวกับคุณหมอ ทิน หม่อง จี ผู้ชูประเด็นเรื่องพระเจ้าอุทุมพรในพาราไบค์ของพม่าที่อังกฤษยึดไปเก็บไว้ในลอนดอน แล้วโดนนักวิชาการกรมศิลป์ดูถูกว่าเป็นนักประวัติศาสตร์มือสมัครเล่น เพราะไม่ได้จบมหาทลัยมาในภาควิชานั้น
ผมเห็นคำว่า parabeik แว่บๆอยู่ในหนังสือรายงานเหมือนกัน แต่ถูกกลบไปด้วยที่สะกดว่า parabike กรมศิลป์ทั้งกรมจึงต้องอ่านว่าพาราไบเก้ ออกสำเนียงสแกนดิเนเวียนให้ดูประหลาดกว่ารายงานของสมาคมสถาปนิกสยาม ส่วนผม เอาคำว่า parabike ไปใช้อินทรเนตรค้นหารูป ได้ภาพพระพม่ายืนถ่ายกับสมุดข่อย ก็เลยจอดป้ายกับคำๆนี้
ต้องขอขอบคุณนายช่างมากครับที่ได้ช่วยให้เจอคำศัพท์ที่ถูกต้อง ซึ่งผมจะได้ใช้ต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 155 เมื่อ 05 พ.ย. 17, 07:43
|
|
ผมเอาบางความเห็นที่ผู้อ่านเขียนต่อท้ายบทความในเฟซบุคของผมมาให้อ่าน นี่แบบเซนเซอร์ออกไปหลายความเห็นแล้วนะครับ ส่วนผู้อ่านในเรือนไทยที่ยังไม่ค่อยขยับ คงกลัวผมเป่าออฟไซด์ เชิญเลยครับ ถึงตรงนี้ไม่มีเส้นออฟไซด์แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 156 เมื่อ 05 พ.ย. 17, 07:44
|
|
.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 157 เมื่อ 05 พ.ย. 17, 07:44
|
|
.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 158 เมื่อ 05 พ.ย. 17, 07:59
|
|
เมื่อคืนมีผู้บอกผมว่า คราวนั้นอธิบดีพาลูกน้องในกรมศิลป์ไปทัวร์พม่าร่วมหกสิบคน เพื่อตอบแทนก่อนเกษียณในอีกสี่ห้าเดือนข้างหน้า ส่วนเรื่องความเกี่ยวข้องกับพระปรางค์วัดอรุณ ก็ตั้งแต่เป็นรอง ตามข่าวนี้ครับ https://www.thairath.co.th/content/288902
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33593
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 159 เมื่อ 05 พ.ย. 17, 12:56
|
|
เป็นเรื่องที่ตามอ่านด้วยความเหนื่อยมากค่ะ ในความซับซ้อนของกรณี เท่าที่สรุปกับตัวเอง คือปัญหาเกิดจากความเห็นและการสรุปผลที่แตกต่างกันแบบตรงกันข้ามระหว่างราชการและเอกชน เอกชนสนับสนุนด้วยเหตุผล 1 2 3 4 ส่วนราชการค้านด้วยเหตุผล 5 6 7 8 และยังมีรายละเอียดแทรกกลางระหว่างนี้ อีกมาก
เท่าที่รู้สึก ราชการท่านฟันธงว่า "ไม่ใช่ " จากนั้นท่านก็มิได้เอาใจใส่กับโครงการนี้อีกเลย นอกจากไม่เอาใจใส่แล้ว ยังไม่อยากจะได้ชื่อว่าเข้าไปเอี่ยวด้วย เหมือนท่านปักใจว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลังในอะไรบางอย่าง ที่ราชการไม่อยากเกี่ยวข้อง ใครอยากทำอะไรก็ทำไป แต่ฉันไม่เอาด้วย
นี่คือความรู้สึกนะคะ อาจจะผิดก็ได้ ถ้าผิดก็ขอร้องผู้รู้มาช่วยแก้ไขความเข้าใจให้ด้วยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 160 เมื่อ 05 พ.ย. 17, 16:38
|
|
ผมไม่เข้าใจว่า ที่ท่านอาจารย์เทาชมพูกล่าวว่า “เอกชนสนับสนุนด้วยเหตุผล 1 2 3 4 ส่วนราชการค้านด้วยเหตุผล 5 6 7 8” นั้นคืออะไร และ “ยังมีรายละเอียดแทรกกลางระหว่างนี้ อีกมาก” รายละเอียดดังกล่าวคืออะไร แต่ผมยอมรับว่า เรื่องนี้ผมมือไม่ถึงที่จะเขียนแบบรวดเดียวให้ผู้อ่านเข้าใจได้ เช่นเดียวกับรายงานของสมาคมสถาปนิกสยาม ที่หาผู้หลักผู้ใหญ่จะอ่านแล้วเข้าใจยาก จึงต้องหันไปถามกรมศิลปากรว่าๆอย่างไร พอทางนั้นบอกสามสี่คำว่า “เชื่อถือไม่ได้” ท่านก็เข้าใจ แล้วปล่อยวาง
ผมคงต้องสรุปอีกที จะว่าให้สั้นอย่างนี้แต่แรกก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะโดนหาว่าไม่มีที่มาที่ไป เอาเป็นว่าใครสงสัยรายละเอียดแทรกกลางใด ก็ย้อนกลับไปอ่านทวนซ้ำได้เลย . . ๒๔๓๗ มีนักประวัติศาสตร์พม่าเคยเขียนเรื่อง พบ “ภาพวาดกษัตริย์อยุธยา” ในสมุดข่อยที่พม่าเรียกว่า parabaik ซึ่งอยู่ในประเทศในอังกฤษ เนื่องจากเวลานั้นไม่มีเครื่องถ่ายเอกสาร จึงได้คัดข้อความมา แต่เรื่องนี้ไม่ได้รับความสนใจสักเท่าใด
๑ มีนาคม ๒๕๓๘ ประมาณร้อยปีต่อมา นายแพทย์ ทิน หม่อง จี สนใจเรื่องดังกล่าว จึงตามไปค้นหาที่อังกฤษ เจอที่ British Commonwealth Library จึงขอถ่ายเอกสารมาแต่คุณภาพไม่ดีนัก และได้นำมาเขียนเรื่องลงนิตยสารชื่อ Today กล่าวว่ากษัตริย์พระองค์นั้นทรงพระนามว่าพระเจ้าอุทุมพร และคาดว่าพระบรมอัฐิของพระองค์ จะอยู่ในพระสถูปทรงโกศ ในสุสานลินซินกอน (Linzingong ) ซึ่งอยู่ที่อมรปุระ
(เรื่องนี้อธิบดีกรมศิลปากรอ้างเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๗ ว่า นายสด แดงเอียด ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี เคยมีบันทึกส่วนตัวเมื่อปี ๒๕๓๐ ครั้งเดินทางไปค้นหาหลักฐานเกี่ยวกับสถูปบรรจุพระบรมอัฐิพระเจ้าอุทุมพร และได้พบพระอินตาคา เจ้าอาวาสวัดข่ามีนเว เมืองสะกาย นำไปสู่การค้นพบหลักศิลาจารึก ซึ่งบ่งบอกว่ามีเจ้านายไทยในสมณะพระภิกษุมรณภาพ มีการจัดพิธีปลงพระศพใหญ่โต แต่กล่าวว่าได้นำพระบรมอัฐิมาบรรจุที่เจดีย์ของวัดข่ามีนเว โดยมีหลักฐานเป็นสำเนาหลักศิลาจารึก ภาษามอญโบราณที่นายสัญชัย หมายมั่น คณะทำงานที่ร่วมเดินทางไปด้วยนำกลับมา ซึ่งกรมศิลปากรจะแปลให้รู้เรื่องภายใน ๑ สัปดาห์ แต่ก็เงียบไปจนบัดนี้)
๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ หนังสือพิมพ์ เดอะอิระวดี ( The Irrawaddy) ได้เสนอรายงานข่าวว่า Siamese King’s Tomb to be Destroyed สุสานพระบรมศพกษัตริย์สยามกำลังจะถูกทำลาย เพราะทางการรัฐมัณฑเลย์จะไถทิ้งสุสานลินซินกอง เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของอมรปุระ โดยกำหนดให้ผู้ที่มีบรรพบุรุษหรือญาติฝังอยู่ที่นั่น ให้จัดการนำศพไปที่อื่นภายในสองเดือน หลังจากนั้นทางการจะเกรดออกเพื่อปรับปรุงพื้นที่ต่อไป สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้งได้รายงานข่าวดังกล่าวกลับมายังกรุงเทพ กระทรวงจึงได้สั่งการให้ท่านทูตขอร้องไปยังรัฐบาลพม่าให้ชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน ซึ่งพม่าก็ตอบว่ายินดีแต่ขอให้ทางราชการไทยรีบไปประสานงานโดยเร็ว
๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ คณะคนไทยที่เชื่อว่า พระบรมอัฐิของพระเจ้าอุทุมพรอยู่ในพระสถูปทรงโกศ ที่สุสานลินซินกอน ได้รวมตัวกันไปขออนุญาตทางทางการรัฐมัณฑเลย์ เพื่อเข้าขุดค้นหาหลักฐานที่อาจจะยังอยู่ในพระสถูป หากเจอก็จะขอนำไปบรรจุในพระสถูปองค์ใหม่ในวัด ซึ่งเจ้าอาวาสวัดที่อยู่ใกล้ๆกันนั้น อนุญาตให้ใช้ที่ดินได้ เมื่อได้รับความเห็นชอบในหลักการจากฝ่ายพม่าแล้ว คณะคนไทยเหล่านั้นจึงได้กลับมาระดมทุน จะจัดหาจิตอาสาไปทำงานนี้ ภายใต้นามของสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
๒๘ กันยายน ๒๕๕๕ คณะของรองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ นายดำรง ใคร่ครวญ ซึ่งได้เดินทางไปพบผู้ว่าการรัฐมัณฑเลย์ ทางโน้นจึงแจ้งให้ทราบว่าทางเอกชนไทย โดยนายวิจิตร ชินาลัยได้มาร้องขอไว้ก่อนแล้ว แต่หากรัฐบาลไทยสนใจในเรื่องนี้ รัฐบาลพม่าก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมกันทำโครงการนี้ในลักษณะทวิภาคี เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้มีหน้าที่ในเรื่องการอนุรักษ์โบราณสถาน จึงรายงานเรื่องดังกล่าวไปยังกระทรวงวัฒนธรรม
เมื่อข่าวปรากฏในหนังสือพิมพ์ของประเทศไทย จึงมีส.ส. ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลในสภา
๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า นายดำรง ใคร่ครวญ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร นักวิชาการ ได้มาหารือกับตนแจ้งว่า หลังจากมีการนำเสนอข่าวสถูปสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรไปแล้ว ได้ประสานไปยังเทศบาลเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งขณะนี้เทศบาลเมืองมัณฑะเลย์แจ้งกลับมาว่า ยินดีชะลอเรื่องไว้ก่อน และนายสมชาย ยังกล่าวไปว่า กระทรวงการต่างประเทศจะได้นำนักวิชาการและเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรลงไปตรวจสอบสถูป และเก็บข้อมูลจากการสอบถาม ตลอดจนหาเอกสารที่ปรากฏเรื่องดังกล่าวที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ของพม่า เพราะปัจจุบันยังมีความเห็นที่แตกต่างและไม่ชัดเจน (แต่ไม่ปรากฏว่าได้มีการกระทำดังว่าแต่อย่างไร แต่เชื่อว่ากรมศิลปากรคงได้แสดงความไม่เห็นด้วยไปแล้ว)
๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ นายสมชาย เสียงหลายปลัดกระทรวงเองได้นั่งเป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงต่างประเทศ และกรมศิลปากร โดยเชิญนายวิจิตร ชินาลัย ในฐานะตัวแทนของสมาคมสถาปนิกสยามเข้าร่วมด้วย เพื่อขอทราบรายละเอียดในงานที่ได้ทำไปแล้ว แต่การที่ฝ่ายพม่าต้องการให้เข้าไปดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็วนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยทำไม่ได้ เพราะติดปัญหาเรื่องงบประมาณ ดังนั้น ในเมื่อสมาคมสถาปนิกสยามพร้อมอยู่ จึงขอร้องให้สมาคมกระทำภารกิจนี้ในนามของรัฐบาลไทยไปเลย ที่ประชุมจึงเป็นพ้องว่าควรจะบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน โดยกำหนดบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศที่จะเป็นผู้ประสานกับรัฐบาลพม่า ตลอดจนอำนวยความสะดวกแก่คณะผู้แทนฝ่ายไทย อันมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณคดีจากกรมศิลปากรและผู้แทนของสมาคมสถาปนิกสยาม ในฐานะผู้ดำเนินการสำรวจและขุดค้น เพื่อหาหลักฐานอันจะเป็นประโยชน์ต่อไป
(แต่หลังจากประชุมเสร็จ กลับไม่มีการสนองต่อมติดังกล่าวจากหน่วยงานราชการใดทั้งสิ้น แต่พ.ศ. ๒๕๕๗ อธิบดีกรมศิลป์ได้ออกมาโจมตีว่าการขุดค้นไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ เนื่องจากไม่มีนักโบราณคดีร่วมอยู่ด้วย) . . เอาเท่านี้ก่อน ก่อนจะไปกันต่อ ไม่ทราบว่าตรงนี้เลยเหตุผล 1 2 3 4 ของเอกชน และเหตุผล 5 6 7 8 ของส่วนราชการหรือยังครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33593
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 161 เมื่อ 05 พ.ย. 17, 17:14
|
|
1 2 3 4 ของเอกชน และ 5 6 7 8 ของราชการ เป็นแบบนี้ค่ะ 1 ของเอกชน คือมีความกระตือรือร้นที่จะดำเนินการ มาตั้งแต่แรกเริ่ม นี่คือ 1 เช่นประสานงานกับฝ่ายพม่าไม่ว่าในระดับรัฐบาลหรือระดับท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความคืบหน้า ส่วนราชการ ไม่ได้บอกว่ากระตือรือร้นหรือไม่กระตือรือร้น แต่บอกว่า ไม่มีงบประมาณ อันเป็นคำตอบคลาสสิคของราชการ ในการปฏิเสธที่จะดำเนินการ จึงไม่ได้ตอบโจทย์ 1 โดยตรง ฝ่ายหนึ่งชูป้าย 1 อีกฝ่ายยกป้ายตอบว่า 5 แบบนี้ละค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33593
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 162 เมื่อ 05 พ.ย. 17, 18:00
|
|
“ยังมีรายละเอียดแทรกกลางระหว่างนี้ อีกมาก” รายละเอียดดังกล่าวคืออะไร ลอกตรงนี้มาให้อ่านค่ะ นายนิติ แสงวัณณ์ นักโบราณคดีเชี่ยวชาญ กรมศิลปากร ตั้งข้อสังเกตว่า ตนลงพื้นที่จริง และได้พิจารณารายงานสรุปผลการปฏิบัติงานด้านโบราณคดีที่สุสานลินซินกง พบว่า เอกสารต่างประเทศ ที่ทางภาคเอกชนไปขุดค้นกล่าวอ้างถึงว่า มีการบันทึกถึง สถูปองค์นี้ว่ามีการบรรจุ พระบรมอัฐิ สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร ซึ่งทั้งที่จริงแล้วเอกสารฉบับดังกล่าว บอกว่ามีหลักฐานที่ถือว่าสำคัญมากชิ้นหนึ่ง คือ ภาชนะ ทำด้วยดินเผาประดับกระจก มาถึงหน้าสุดท้ายกลับมาเรียกภาชนะนี้ว่าบาตรแก้วมรกต ทำไมจึงไม่ใช้ชื่อนี้ตั้งแต่ต้น ถือว่าเป็นการเขียนที่ไม่สุจริต เป็นการโน้มน้าวในข้อมูลอยากให้คนอื่นเข้าใจได้ว่า บาตรนี้เกี่ยวข้องกับเจ้านายที่เป็นพระสงฆ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33593
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 163 เมื่อ 05 พ.ย. 17, 18:04
|
|
ส่วน parabaike หรือสมุดข่อย จะออกเสียงว่าพาราไบค์หรือพาราไบเก ดิฉันไม่ค่อยจะติดใจนัก แต่มาติดใจตรงนี้
นักโบราณคดีเชียวชาญ (หมายถึงคุณนิติ แสงวัณณ์)กล่าวอีกว่า รายงานฉบับนี้ นักโบราณคดีทั่วโลกไม่ถือเป็นรายงานทางโบราณคดี เพราะไม่มีการอ้างอิงกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ เช่น ไม่บอกกำหนดอ้างอิง ไม่บอกพิกัดที่ตั้ง ไม่บอกลักษณะการขุด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการรายงานถึงการอ้างอิงเอกสารว่า เอกสารที่เกี่ยวเนื่องกับสมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพร นั้น มาจากเอกสารโบราณพม่า ชื่อ พาราไบเก เอกสารพาราไบเกเก็บไว้ที่ ห้องสมุดลอนดอน ชิ้นที่ 99 /288 บันทึกถึงที่ตั้งพระสถูป ตนขอยืนยันว่า ข้อความนี้ไม่มีบรรจุไว้ในเอกสารพาราไบเก ไม่มีระบุขนาดนั้น
ติดใจว่า เอกสารที่ว่าไม่ได้บันทึกถึงที่ตั้งพระสถูป จริงหรือเปล่า และถ้าไม่ได้ระบุขนาดนั้น ระบุขนาดไหน ข่าวนี้ไม่ได้บอกเสียด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33593
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 164 เมื่อ 05 พ.ย. 17, 18:20
|
|
https://www.dailynews.co.th/education/220465ด้านนายนิติ แสงวัณณ์ นักโบราณคดีเชียวชาญ กล่าวว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่และได้พิจารณารายงานสรุปผลการปฏิบัติงานด้านโบราณคดีที่สุสานลินซินกง พบว่าเอกสารฉบับดังกล่าว ไม่ได้บอกรายละเอียดที่ชัดเจน เช่นกำหนดอ้างอิง พิกัดที่ตั้ง และลักษณะการขุด ดังนั้นจึงถือว่ารายงานฉบับนี้ไม่เป็นรายงานทางโบราณคดี และไม่มีบรรจุไว้ในเอกสารโบราณชื่อ พาราไบเก ที่อ้างว่าอยู่ที่ห้องสมุดกรุงลอนดอน ชิ้นที่ 99 /288 ด้วย ดังนั้นจึงไม่อยากให้มีการสรุป เพราะจะทำให้คนไทยหรือเจ้านายชั้นผู้ใหญ่มาเคารพสักการะโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นอัฐิของใคร... อ่านบรรทัดสุดท้ายแล้วก็คิดว่า ข้อนี้น่าจะเป็นความกลัวของกรมศิลปากร ว่าถ้าไม่มีหลักฐานจนยืนยันได้ชัดๆเจ๋งเป้ง ว่านี่คือสถูปของพระเจ้าอุทุมพร กรมศิลปากรจะไม่เอาหลักฐานจากสภาพแวดล้อมหรือข้อสันนิษฐานของเอกชนมาเป็นข้อสรุป เพราะถ้าเกิดพบว่าผิดพลาดขึ้นมาภายหลัง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกรมนั่นแหละจะลำบาก ชีวิตราชการหน้าที่การงานต่างๆก็จะกระทบกระเทือนกันหมด ก็เลยเพลย์เซฟไว้ก่อน ข้อนี้ ใครเป็นข้าราชการตามกระทรวงทบวงกรมก็คงจะพอเข้าใจ ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่ก็เป็นสิทธิส่วนตัวของแต่ละท่านค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|