Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 31 ธ.ค. 10, 15:29
|
|
การไปเป็นครูที่โรงเรียนราชินีทำให้ท่านผู้หญิงมีสิทธิพิเศษกว่าข้าหลวงอื่นที่ไม่ได้เป็นครู คือไม่ต้องเฝ้าฯ รับใช้
หลัง ๒ ยาม เพราะเกรงจะตื่นไปโรงเรียนไม่ทัน เพราะฉะนั้นถ้าจะมีพระราชเสาวนีย์หรือเกิดโกลาหลอะไรขึ้น ถ้าเกิน ๒ ยามแล้ว
ท่านเป็นไม่รับรู้ทั้งสิ้น หลังกลับจากญี่ปุ่นแล้วท่านก็ยังเกล้าผมแบบญี่ปุ่นอยู่เพราะสมเด็จพระพันปีหลวงโปรด และยังทรงอนุญาต
เป็นพิเศษให้ท่านผู้หญิงเก็บดอกกุหลาบที่ปลูกไว่ในบริเวณพระตำหนักมาปักผมด้วย ตอนนั้นข้างในนิยมผมเกล้าแบบญี่ปุ่นกัน
ท่านก็ได้เกล้าให้เจ้าจอมหลายคน
นอกจากการเป็นครูแล้วเมื่อกลับจากโรงเรียนก็คงรับใช้ในหน้าที่ข้าหลวง แต่เลื่อนขึ้นเป็นข้าหลวงผู้ใหญ่ หน้าที่ต่างๆตามที่ท่านเล่าให้
ท่านผู้หญิงทัศนีย์ บุณยคุปต์ บุตรสาวของท่าน ผู้เขียนความทรงจำนี้ฟัง มีต้องขึ้นเฝ้าฯ เชิญเครื่อง ตั้งเครื่อง รับใช้ขณะเสวย
บางครั้งสมเด็นพระพันปีหลวงก็ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ไปป้อนข้าวหลาน ๆชั้นหม่อมเจ้า ท่านจำได้ว่าเคยป้อนข้าวถวายสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี
ท่านหญิงพิบูลย์เบญจางค์ และท่านหญิงพวงรัตนประไพเป็นต้น บางครั้งก็ช่วยแต่งพระองค์และตามเสด็จ ขณะนั้นเป็นเวลาที่พระบาทสมเด็จ
พระพุทธเจ้าหลวงทรงเริ่มสร้างวังพญาไท ทุกเย็นทั้งสองพระองค์เสด็จมาทรงสำราญ ณ ที่นั้น แต่ไม่ได้เสด็จพร้อมกัน จะเสด็จมาองค์ละที
แลมาประทับเสวยร่วมกัน
ตอนนั้นสมเด็จพระพันปีหลวงโปรดการปลูกข้าว ดำนา บริเวณรอบวังพญาไทสมัยนั้นยังเป็นท้องนาโดยรอบ ท่านจะทรงดำนาจากบนเรือ
มีชาวนาเข็นเรือไปตามแนวที่จะปลูกข้าว และจะมีข้าหลวงถวายพระกรดเดินตามอยู่ในน้ำ ชาวนาเล่าให้ท่านผู้หญิงฟังว่าปลิงชุมระวังให้ดี
ทำให้ท่านกลัวปลิงเกาะเพราะย่ำอยู่ในน้ำกว่าครึ่งน่อง พอรู้สึกว่ามีอะไรผ่านน่องไปก็ร้องด้วยเสียงอันดังด้วยความตกใจมิได้เกรงกลัวพระอาญา
สมเด็จพระพันปีหลวงงตกพระทัย ทรงถามว่าเป็นอะไรจึงร้องดังเช่นนั้น ท่านกราบทูลว่ารู้สึกเหมือนปลิงเกาะ เลยโดนกริ้วว่า
ร้องอะไรตกอกตกใจกันไปหมด ตั้งแต่วันนั้นมาถ้าเลี่ยงการถวายพระกรดและลงน้ำได้ท่านเป็นเลี่ยง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 06:00
|
|
การที่ท่านผู้หญิงไปเป็นครูที่โรงเรียนราชินี เป็นโอกาสให้คุณหลวงอภิบาลบุริมศักดิ์(ยศในเวลานั้นของท่านเจ้าคุณภะรตราชา)
รับราชการในกระทรวงธรรมการ เป็นครูโรงเรียนสวนกุหลาบ และเป็นเลขานุการส่วนตัวของเสนาบดีไปตรวจโรงเรียนต่าง ๆ
ในพระนครไปพบท่านผู้หญิง ต่อมาจึงขอให้มารดา(เอี่ยม ราชดรุณรักษ์) ไปกราบบังคมทูลขอพระราชทานต่อสมเด็จพระพันปีหลวง
ท่านผู้หญิงทัศนีย์ บุณยคุปต์ เล่าว่า คุณย่านั้นสมเด็จพระพันปีหลวงทรงรู้จักมักคุ้น เพราะบ้านคุณย่าตั้งกี่ทอผ้าขาย และได้ทอพระภูษาทรง
ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เมื่อนำเข้ามาถวายครั้งใดสมเด็จพระพันปีหลวงจะทรงเลือกด้วยพระองค์เอง คุณย่าจึงได้เฝ้า
อยู่เสมอ ผ้าพื้นของคุณย่านั้นท่านจะย้อมสีและดัดแปลงการผสมสีโดยค้นคว้าประดิษฐ์ขึ้นเอง ทำให้มีผ้าสีแปลก ๆ นอกจากนั้นผ้าพื้น
ของคุณย่ามีขนาดกว้าง เนื้อแน่น และเนื้อดี พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงโปรดผ้าพื้นที่คุณย่าทอ ท่านเคยรับสั่งว่า
ผ้านุ่งของแม่เอี่ยมนุ่งสบายและสีสวย การที่ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ทรงรู้จักคุณย่า และการที่คุณพ่อเป็นข้าราชการในราชสำนัก
รับใช้สนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิด จึงทำให้คุณย่ากล้าเข้าไปเฝ้าฯ ขอพระราชทานข้าหลวง
ของสมเด็จพระพันปีหลวง โดยคิดว่าจะไม่มีอุปสรรคประการใด แต่การหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ สมเด็จพระพันปีหลวงไม่รับสั่งประการใด
ท่านหวงข้าหลวงของท่านเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ที่ท่านได้อุปการะมาตั้งแต่เด็ก ทั้งคงจะโปรดและมีความรู้สึกว่าคุณแม่ยังเด็กอยู่
ซึ่งที่จริงตอนนั้นคุณแม่อายุประมาณ ๒๑ ปี ไม่เป็นเด็กแล้ว ฝ่ายคุณย่าเมื่อเห็นสมเด็จพระพันปีหลวงทรงเฉย
แสดงว่าไม่ทรงเต็มพระทัยจะประทานข้าหลวงของท่านแล้ว ก็ไม่กล้าเข้าเฝ้าฯหรือกราบบังคมทูลเรื่องนั้นอีกต่อไป
อยู่มาวันหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ เสด็จมาเฝ้าฯ สมเด็จพระพันปีหลวงก็รับสั่งฟ้องพระราชโอรสของท่านว่า
ดูสิลูกโต เจ้าหลวงอภิบาลฯ กำเริบมาขอข้าหลวงของแม่ แทนที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ จะทรงคล้อยตามกลับทรงพระสรวลและรับสั่งว่า
เด็กมันก็โตด้วยกันแล้ว สมเด็จแม่น่าจะประทานให้เขาไป แล้วหม่อมฉันจะรับเลี้ยงดูเขาเอง เมื่อทรงได้ยินพระราชโอรสตรัสเช่นนั้นแล้ว
สมเด็จพระพันปีจึงทรงแย้มสรวล และรับสั่งว่าอย่สงนั้นรึลูก เป็นอันว่าท่านทรงอนุญาต
ฝ่ายคุณย่าก็ถูกกริ้วอีกว่า ดูสิแม่เอี่ยมมาขอข้าหลวงของฉันแล้วเงียบหายไป ไม่เห็นมาติดต่อถามข่าวคราวอย่างไรเลย เมื่อคุณย่า
ทราบจึงต้องรีบเข้าเฝ้าฯ เพื่อรับพระราชทานพระเสาวนีย์เกี่ยวกับการสมรสของคุณพ่อและคุณแม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 07:39
|
|
วันแต่งงานคือวันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๕ ในบ่ายวันนั้น ได้มีพระราชเสาวณีย์ให้จัดรถม้าคอยอยู่นอกประตูวัง
เจ้าสาวเดินออกไปขึ้นรถม้า คุณเฒ่าแก่ชื่อคุณช้อยนั่งเคียงไปด้วย ไปที่บ้านคุณย่าที่ถนนพระสุเมรุ ในพิธีสมรสวันนั้น
สมเด็จพระเจ้าน้องเธอ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถทรงสวมมงคลและประทานน้ำสังข์แก่คู่บ่าวสาว พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานเงิน ๑๐๐ ชั่ง
เมื่อแต่งงานแล้วท่านผู้หญิงก็ยังไปสอนที่โรงเรียนราชินีอยู่จนกระทั่งตั้งครรภ์ลูกคนโต จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณ
ให้หยุดสอนเพื่อที่จะได้ปฏิบัติหน้าที่ทางครอบครัวอย่างเต็มที่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 08:24
|
|
ช่วยหาภาพมาประกอบเรื่องครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 08:53
|
|
ตอนนั้นสมเด็จพระพันปีหลวงโปรดการปลูกข้าว ดำนา บริเวณรอบวังพญาไทสมัยนั้นยังเป็นท้องนาโดยรอบ ท่านจะทรงดำนาจากบนเรือ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 10:50
|
|
ขอบคุณคุณ Navarat.C ค่ะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 11:05
|
|
ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล เขียนคำอาลัยท่านผู้หญิงขจรภะรตราชาไว้ว่า
เป็นผู้มีพระคุณ เป็นครูคนแรกที่โรงเรียนราชินี
ท่านอุ้มเด็กอายุ ๓ ขวบกว่าไปอาบน้ำประแป้งวันละสองครั้งและป้อนข้าว
ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลารับว่าท่านดื้อและเอาแต่ใจตนเองอยู่เสมอจนมารดาสู้ไม่ไหว ท่านว่าท่านซนที่สุดในโรงเรียนด้วย
ท่านผู้หญิงขจรภะรตราชากำลังสาวและสวยมาก ไว้ผมดอกกระทุ่ม ใส่เสื้อคอตั้ง ใบหน้างามอิ่มเอิบ สวยงามน่ารัก
ท่านอาจารย์เจ้าคุณภะรตราชาได้เคี่ยวเข็ญ ให้ท่านผู้หญิงแต่งเพลงให้โรงเรียนวชิราวุธ และท่านผู้หญิงดุษฎีมาลาเกรงบารมี
จึงพยายามแต่งออกมา ๑๐ เพลง บทเพลงมหาวชิราวุธราชสดุดี เป็นที่ชื่นชมมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 11:48
|
|
สวัสดีปีใหม่ครับ คุณพี่วันดี
ท่านเจ้าคุณภะรต(อ่านว่าพะ-รดนะครับ ไม่ใช่ภา-ระ-ตะ) ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย พระเอกในเรื่องของคุณวันดีนี้ ท่านเป็นบูรพาจารย์ของกระผมเอง ภาพที่นำเสนอนี้เป็นปางใจดี ซึ่งหาได้ยากมากๆ ส่วนใหญ่พวกเราจะเจอแต่ปางหน้าดุ เพียงแค่โดนท่านจ้อง เข่าก็อ่อนแล้ว
ตอนที่เข้าไปเป็นศิษย์ของท่าน ดูเหมือนท่านจะ๗๓เข้าไปแล้ว รูปตอนหนุ่มๆยังหาไม่เจอครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 11:52
|
|
คุณหญิงอุบล หุวะนันท์ เขียน ระลึกถึงพระคุณท่านผู้หญิงไว้ว่า
คุณหญิงเล่าว่า ท่านเป็นญาติปลายอ้อปลายแถว ครอบครัวและตัวคุณหญิงได้รับความอุปการะจากครอบครัวของท่านเจ้าคุณมาถึง ๓ ชั่วอายุคน
บิดาและป้าเป็นกำพร้าแต่ยังน้อย คุณยายของท่านเจ้าคุณคืออาแท้ ๆ รับมาเลี้ยงไว้ มารดาท่านเจ้าคุณคือป้าของคุณหญิงอุบล
รูปสมบัติของท่านผู้หญิงขจรประกอบด้วยบุคลิกงดงาม จะพูดตามคำชาวบ้านก็เรียกว่า ท่านทั้งสวยและงาม จะดูเป็นแหม่มก็ได้ เป็นญี่ปุ่นก็ดี
มารยาทก็แช่มช้อยเพราะอยู่ในวังมาตั้งแต่เด็ก สำเนียงที่พูดจาก็นิ่มนวล บอกลักษณะของผู้มีอารมณ์อ่อนโยน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 11:59
|
|
จำได้ว่าคุณ Navarat เคยเขียนเรื่องโรงเรียนวชิราวุธ และท่านผู้บังคับการไว้
ดิฉันมีหนังสืออนุสรณ์ของท่านด้วยค่ะ คงหาประเด็นที่น่าสนใจมาลงไว้
ยังไม่ลืมที่จะค้นหารูปที่ต้องการค่ะ
นักสะสมริชาร์ด ใจสิงห์บอกว่ามีรูปวังหน้าอยู่บ้าง แต่ไม่ทราบใครเป็นใคร และจะค้นมาให้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 12:31
|
|
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
และขอถือโอกาสเอารูปท่านผู้บังคับการพิมพ์นิยม ปางหน้าดุ มาลงไว้ใช้ชมด้วย จะได้อ่านเรื่องท่านผู้หญิงของท่านออกรสยิ่งขึ้น สมัยผมเป็นนักเรียน ท่านยังเป็นคุณหญิงครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 13:16
|
|
ได้มาแล้วครับ
พระยาและคุณหญิงภะรตราชา ถ่ายภาพพร้อมบุตรธิดา ระหว่างท่านเจ้าคุณไปดำรงตำแหน่งผู้ดูแลนักเรียนไทยในอังกฤษคนแรก ในพ.ศ.๒๔๖๔ - ๒๔๖๙
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 13:24
|
|
หลังจากกลับจากอังกฤษ ท่านเจ้าคุณได้เป็นเลขานุการเสนาบดีกระทรวงศึกษาธิการ แล้วจึงย้ายไปเป็นคณบดีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๐ และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในอีกสองปีต่อมาควบคู่กับตำแหน่งหน้าที่เดิม จนออกจากราชการเมื่อวันที่๑สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๕
ในภาพเป็นครอบครัวของท่านหลังกลับจากอังกฤษ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 13:55
|
|
เมื่อออกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พระยาภะรตราชาได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดเทศบาลนครกรุงเทพคนแรกในสมัยที่พลเอก เจ้าพระยารามราฆพ (ม.ล.เฟื้อ พึ่งบุญ) เป็นนายกเทศมนตรี ต่อมาได้เป็นเทศมนตรีหลายสมัยและเป็นสมาชิกวุฒิสภาสองสมัย ระหว่างนั้น ท่านได้มาเป็นครูพิเศษสอนในวชิราวุธวิทยาลัยด้วย
ต่อมาได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย ในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๖ และคงอยู่ในตำแหน่งนี้เกือบ๓๒ปี ขาดไปไม่กี่วันเท่านั้น ท่านถึงอนิจกรรมโดยสงบที่บ้านพักของท่านในโรงเรียนนั่นเอง คืนนั้นเป็นคืนวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๘ สิริอายุรวม ๘๙ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 02 ม.ค. 11, 14:00
|
|
ขอเชิญคุณพี่วันดีนำท่านผู้อ่านกลับไปที่เรื่องของท่านผู้หญิงต่อด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|