กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 09 มิ.ย. 12, 22:20 ช่วงนี้ผมได้มีโอกาสได้อ่านวรรณคดีหลายๆเรื่อง ก็เพราะได้อานิสงส์มาจากตู้หนังสือเรือนไทย ซึ่งต้องขอขอบพระคุณอย่างมากด้วย
ผมสนใจวรรณคดีอยุธยาอยู่หลายเรื่อง แต่เพราะมีสำนวนและคำหลายคำที่ผมไม่เข้าใจ ทำให้ค่อนข้างจะติดขัด เพราะถึงจะเปิดหาในพจนานุกรมแล้วก็ไม่ได้ความหมายที่ลงกับเนื้อหาเท่าไหร่ จึงขอมารบกวนพื้นที่ตรงนี้ เรียนถามในข้อสงสัยเป็นกรณีไปครับ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 09 มิ.ย. 12, 22:30 คำแรกก็คือ คำว่าชำนันนนทรี
ผมเจอครั้งแรกในโคลงนิราศนครสวรรค์ ของพระศรีมโหสถ แต่ก็หาความหมายไม่ได้ จนไปเจออีกครั้งในลิลิตพระลอ และยังได้เจอในพระสุธนคำฉันท์ด้วย ๏ ชั้นสิงหโสภาคยชั้น ฉานคลี สิงหชำนันนนทรี เถ่อหน้า พิศเพียรพ่างโกษี สุรโลก สมสมภารล้นหน้า เลิศล้ำสากล ฯ กล่าวถึงฉานคลี พระลานในพระราชวังหลง .. ธ ก็เสด็จยังปราสาท ให้หาราชศิลปี มีโองการบังคับ ให้สำหรับพระเมรุ เกณฑ์กำหนดทุกกรม ให้แต่งพนมอัษฐทิศ พิพิธราชวัติฉัตร กลิ้งกลดธวัชบรรฎาก หลายหลากภาคบุษบก กระหนกวิหคเหมหงส์ บรรจงภาพจำเนียม ลางพนมเทียมอัสดร ลางมกรเทียมยยับ ประดับขับเข็นรถ อลงกฎคชสาร อลงการคชสีห์ สารถีสถิตชักรถ ชดกรกระลึงกุมแสง รำจำแทงองอาจ เผ่นผงากขับสารสีห์ เทียมนนทรีชำนรรสึงห์ ดึงไดฉบับจับกัน สรรพ์อสุราสุรครุฑ มนุษย์ภุชงค์คนธรรพ์ บรรเขบ็จภาพเรียงราย พบในตอนท้ายของลิลิตพระลอ เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานพระเมรุ .. • พระลานแลล้ำเภรี ชำนันนนทรี ถงัลคือตนตื่นตา บรรยายถึงพระราชวังของพระราชาแห่งปัญจาลนคร จึงขอเรียนถามเพื่อเป็นความรู้ครับ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 09 มิ.ย. 12, 23:26 ลองดูนะคะใน พจนานุกรมรัตนมาลา หน้า ๒๘๐ ชำนัล(ว.) ต่อด้วย หน้า ๔๔๗ นนทรี(น.) กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 มิ.ย. 12, 20:22 ชำนัน-ชำนรร มาจากภาษาเขมรว่า ชัน แปลว่า เหยียบ
นนทรี เป็นชื่อยักษ์เฝ้าสถานที่ แต่คุณเทาชมพูอธิบายว่าเป็นลิง ??? ในรามเกียรติ์เรียกว่าท้าวอุณาราช มีฤทธิ์มากฆ่าด้วยอาวุธธรรมดาไม่ได้ต้องเอากกแก้วมาเป็นศรแล้วยิงปักอกไว้... ตกลงในถ้ำริมสวนขวัญ.....ตรึงมั่นไว้กับแผ่นผา มิได้ไหวติงกายา...............พระจักราก็ซ้ำสาปไป ให้เกิดไก่แก้วอลงกรณ์.......กับนนทรีถือค้อนเหล็กใหญ่ อยู่รักษาอสุรานี้ไว้.............ให้ได้ถึงแสนโกฎิปี แม้นเห็นกกเลื่อนเคลื่อนคลาด.....จากอกอุณาราชยักษี ไก่นั้นจึงขันขึ้นทันที.........นนทรีเร่งเอาพะเนินรัน นนทรี ในที่นี้เป็นลิงค่ะ ไม่ใช่ปลาหรือต้นไม้ตามศัพท์ในพจนานุกรมของราชบัณฑิตฯ รูปนี้อยู่ที่ วัดถ้ำใหญ่ ทุ่งสง นครศรีธรรมราช (http://nanan-archyshop.blogspot.com/2011/02/blog-post.html) ;D กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 มิ.ย. 12, 20:46 ยักษ์นนทรี (ในรูปอยู่ซ้ายสุด) ที่ วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต (http://61.19.27.150/~library/libra/watchalong.htm)
;D กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 10 มิ.ย. 12, 23:08 ขอบคุณคุณwandee และคุณเพ็ญชมพูมากครับ
เดี๋ยวผมจะลองหาพจนานุกรมมาเปิดตามที่คุณwandee แนะนำอีกทีหนึ่งครับ ส่วนอุณาราชนี้อยู่ในตอนพระรามเดินป่าใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมจะลองไปหาดูว่าจิตรกรรมที่วัดพระแก้วเขาเขียนไว้ยังไง ขอบคุณสำหรับรูปด้วยครับ ;D กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 12, 02:44 นนทรี ในค.ห.เก่าตั้งแต่ปี 01 ที่คุณเพ็ญชมพูไปขุดเอามานั้น มาจากภาพประกอบในหนังสือรามเกียรติ์เล่มใหญ่ วาดเป็นรูปลิง เหาะถือพะเนินจะมาตอกอกท้าวอุณาราช เป็นเหตุการณ์ตอนท้ายๆเรื่องรามเกียรติ์
คุณ virain ไปเช็คกับภาพผนังโบสถ์อีกทีก็ดีค่ะ ว่าศิลปินที่วาดภาพคิดว่าเป็นตัวอะไร กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 11 มิ.ย. 12, 19:52 ตอนนี้ผมหาภาพได้จากหนังสือจิตรกรรม ถ่ายจากที่ระเบียงวัดพระวัดพระแก้วครับ เป็นรูปตอนที่ท้าวอุณาราช ถูกศรกกตรึงไว้กับหินผา
ผมเคยได้อ่านตำนานเกี่ยวกับเขานางจันทร์ของเมืองลพบุรี http://www.oknation.net/blog/print.php?id=185233 เขาก็เล่าเหมือนกับในรามเกียรติ์ เพีงแต่เปลี่ยนจากนนทรีเป็นหนุมาน หากแปลคำว่า ชำนันนนทรี ก็ควรจะหมายถึง อะไรสักอย่างที่เหยียบเจ้าตัวนนทรีนี้อยู่ และจากบทกวีที่ผมอ้างถึง เป็นการบรรยายงานประดับตกแต่งสถาปัตยกรรม เดี๋ยวผมจะลองหาหลักฐานที่เข้าทางดูอีกทีครับ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 11 มิ.ย. 12, 20:24 ๏ ชั้นสิงหโสภาคยชั้น ฉานคลี สิงหชำนันนนทรี เถ่อหน้า พิศเพียรพ่างโกษี สุรโลก สมสมภารล้นหน้า เลิศล้ำสากล ฯ น่าจะหมายความว่า (ฐานปัทม์) ชั้นสิงห์อยู่ข้างบน (เหยียบ) ชั้นยักษ์ กระมั้ง ??? กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 11 มิ.ย. 12, 22:49 เท่าที่ผมหาได้ในตอนนี้มีเพียงรูปปั้นยักษ์แบกที่ฐานไพทีพระปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ
ที่น่าจะเป็นหลักฐานที่เข้าข่ายที่สุดและก็ชัดเจนที่สุด สอดคล้องกับความคิดเห็นของคุณart47 ด้วยครับ ผมขอตั้งสมมุติฐานไว้ก่อนว่า นนทรี หมายถึง ยักษ์หรือลิงที่ทำหน้าที่คอยเฝ้าระวัง ชำนันนนทรี หมายถึง ยักษ์แบก ในกรณีที่ชำนันแปลว่า "ทับ" เช่น วางทับ หรือกดทับ ได้ด้วย กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 12 มิ.ย. 12, 02:02 ในศิลปะสมัยอยุธยา
นอกจากยักษ์แบก ลิงแบก พลแบก สิงห์แบก ฯลฯ แล้วยังมีครุฑแบกอีก ;D ถ้าจำไม่ผิดจะอยู่หลังพระอุโบสถวัดกษัตราธิราช แต่ไม่ถนัดนักว่าเป็นปรางค์ หรือเจดีย์ (กลับบ้านแล้วจะฝากรูปมาให้ชมกัน) กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 12 มิ.ย. 12, 12:09 สหายท่านหนึ่งเอากระทู้นี้มาถามผม ผมก็ว่าไม่รู้สิ ยังไม่เคยค้นดู
แต่เห็นเกี่ยวกับศิลปะแน่ๆ แต่สงสัยว่า สิงห์เหยียบยักษ์ หรือยักษ์เหยียบสิงห์ ค้นดูมีอยู่ทางเหนือที่วัดมหาวัน พอเป็นตัวอย่างได้หรือเปล่าไม่รู้ เพราะไม่ใช่ของเก่าถึงยุคเดียวกับวรรณคดีที่คุณvirain ยกมาเป็นแน่ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 13:09 แต่สงสัยว่า สิงห์เหยียบยักษ์ หรือยักษ์เหยียบสิงห์ ดูแล้วมองได้เป็น ๒ แบบ สิงห์เหยียบยักษ์ หรือยักษ์แบกสิงห์ ;D กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 12 มิ.ย. 12, 13:25 ปกติโดยทั่วไป สิงโตศิลปะพม่า หรือศิลปะล้านนา ช่างจะปั้นให้ยืนขาตรงๆ เชิดหน้าดูเกรงขามมากกว่า ไม่บ่อยนักที่จะเห็นสิงโตเหยียบยักษ์ (หรือยักษ์แบกสิงโต) แบบนี้ กระผมว่าสิงโตที่วัดมหาวันของคุณหลวงนั้น น่าจะได้อิทธิพลมาจากสิงโตหินจีนก็เป็นได้ เพราะสิงโตจีน ชอบที่จะมีลูกสิงโตตัวน้อยๆ หรือลูกบอลเล็กๆ อยู่ใต้อุ้งเท้าเสมอ ไม่เช่นนั้น ก็น่าจะนำมาจากเค้าโครงเรื่องชาดกหรือนิทานพื้นถิ่นตอนใดตอนหนึ่ง มาแปลงเป็นรุปสิงโตเหยียบยักษ์กระมั้ง :o กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 มิ.ย. 12, 13:29 แล้วยังมีครุฑแบกอีก ;D ชำนันครุฑ โคลงทวาทศมาส ตู้หนังสือเรือนไทย (http://www.reurnthai.com/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AA) ๑๖๗ ถนิมเมืองแมนเษกสร้อง เกษมสุข ล้ำเลิศกรุงโกสีย์ หยาดหล้า โขลนทวารตรวจตรีมุข ไรเรข ธารชำนันครุฑหน้า เฉิดโฉม ฯ ครุฑชำนัน พระสุธนคำฉันท์ ของ พระยาอิศรานุภาพ (อ้น) (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4634.msg90162#msg90162) กาพย์ฉบัง ๑๖ ๑๖ • พรายพรายสิหาศน์มลังเมลือง แก้วเก้ากนกเนือง พิสุทธแสงอาภา • อับแสงสุริยรังรจนา ดุจมือแมนมา พิจิตรด้วยแก้วแกมกล • เจ็ดชั้นบันเจิดหาวหน เพรียมพรายอำพล โพยมพยับยับแยง • บานปัทมกระหลับแคลงแคลง รายรัตนเรืองแสง วิโรจโชติชัชวาลย์ • พริ้งพรายเหมหงษพิศดาร คือเห็จเหิรทยาน ยะยาบยย้ายยักยนต์ • สูงส่งฟ้าหล้าสากล ไตรโลกเล็งฉงน ดั่งสับตแสงแสงพัน • กรงนาคมกรเกี้ยวกัน คือเศียรอนัน- ตนาคดูดาลแสดง • บันบดขบวนเขบจชรุแชรง แก้วเก้าฝังแฝง ประกดประกิจยรรยง • ครีบครุธชำนันนิศกลง ฟ้าหล้าลาญหลง คือภาพกระพือโดยถวิล • ขนอบขนองรายรัตนาจิน ดาดาษมณิน มณีดำกลคาคำ ;D กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 12 มิ.ย. 12, 13:30 แต่ในที่นี้ ต้องถือเอาคำว่า ชำนัน เป็นสำคัญด้วย ชำนัน ไม่ได้แปลว่า แบก
ฉะนั้นรูปที่เอามาก็พอจะเทียบกับคำว่า สิงห์ชำนันนนทรี ได้ อย่างไรก็ตาม ชำนันนนทรี และนนทรีชำนัน ต้องพิจารณาความหมายและลักษณะกันต่อไป กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 12 มิ.ย. 12, 13:31 สิงโตเมืองล้านนา
กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 12 มิ.ย. 12, 13:32 สิงโต (แม่) เมืองจีน (เหยียบลูกน้อย)
กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 12 มิ.ย. 12, 17:40 กาพย์ฉบัง ๑๖ ๑๖ • พรายพรายสิหาศน์มลังเมลือง แก้วเก้ากนกเนือง พิสุทธแสงอาภา • อับแสงสุริยรังรจนา ดุจมือแมนมา พิจิตรด้วยแก้วแกมกล • เจ็ดชั้นบันเจิดหาวหน เพรียมพรายอำพล โพยมพยับยับแยง • บานปัทมกระหลับแคลงแคลง รายรัตนเรืองแสง วิโรจโชติชัชวาลย์ • พริ้งพรายเหมหงษพิศดาร คือเห็จเหิรทยาน ยะยาบยย้ายยักยนต์ • สูงส่งฟ้าหล้าสากล ไตรโลกเล็งฉงน ดั่งสับตแสงแสงพัน • กรงนาคมกรเกี้ยวกัน คือเศียรอนัน- ตนาคดูดาลแสดง • บันบดขบวนเขบจชรุแชรง แก้วเก้าฝังแฝง ประกดประกิจยรรยง • ครีบครุธชำนันนิศกลง ฟ้าหล้าลาญหลง คือภาพกระพือโดยถวิล • ขนอบขนองรายรัตนาจิน ดาดาษมณิน มณีดำกลคาคำ[/quote] ;D คำประพันธ์ด้านบนนี้ มีคำศัพท์น่าสนใจหลายคำ อย่าง ปัทมกระหลับ ครีบครุธ นิศกลง เอ คำเหล่านี้ควรจะแปลว่าอะไร และน่าจะเป็นส่วนใดของอาคารสิ่งก่อสร้าง อย่างนี้ต้องขอความช่วยเหลือจากนายช่างสถาปนิกแล้วกระมัง ดูชะรอยว่าจะเป็นเครื่องบนนะเนี่ย กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 12 มิ.ย. 12, 20:59 แต่ในที่นี้ ต้องถือเอาคำว่า ชำนัน เป็นสำคัญด้วย ชำนัน ไม่ได้แปลว่า แบก ฉะนั้นรูปที่เอามาก็พอจะเทียบกับคำว่า สิงห์ชำนันนนทรี ได้ อย่างไรก็ตาม ชำนันนนทรี และนนทรีชำนัน ต้องพิจารณาความหมายและลักษณะกันต่อไป ผมหาตัวอย่างสิงห์เหยียบยักษ์มาไม่ได้เลยครับ เพราะแบบแผนในงานสถาปัยกรรมที่ทำสืบต่อกันมา โดยเฉพาะที่ฐานที่เป็นชั้นซ้อนจะเป็นท่าแบกเสียส่วนใหญ่ ผมเลยขอตั้งสมมุติฐานเอาไว้ก่อนว่า ชำนันนนทรีนั้นใกล้เคียงกับท่ายักษ์แบบมากที่สุดเท่าที่ผมหาหลักฐานได้ครับ ส่วนเรื่องสิงห์เหยีบที่คุณluanglek และคุณart47 กล่าวถึง เป็นเรื่องที่น่าสนใจและตรงตามความหมายดีครับ ผมจะลองหาหลักฐานมาเทียบดูก่อน ว่ามีงานลักษณะอย่างที่กล่าวถึงในศิลปะอยุธยาหรือไม่ ขอบคุณมากครับ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 12 มิ.ย. 12, 21:12 ส่วนชำนันครุฑ ที่คุณเพ็ญชมพูนำมาเพิ่มเติม ก็นับเป็นสัตว์ที่อยู่ในกระบวนท่าแบกเหมือนกันครับ
ส่วนใหญ่ที่พบในศิลปะอยุธยานั้นจะมี ครุฑ นรสิงห์ สิงห์ และก็ยักษ์ครับ ผมเลยยังติดใจคำว่าชำนันนี้มากครับ แต่ก็มีตัวอย่างงานชิ้นหนึ่งจากวัดจุฬามณี เป็นส่วนเหงาของหน้าบัน เขาทำเป็นรูปครุฑยุดนาคครับ อันนี้ชำนันจริงๆ พระนารยณ์ชำนันครุฑ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 12 มิ.ย. 12, 22:40 เรียนถาม คุณ virain หน่อยนะครับ
ภาพฐานเสมาวัดสระบัว ที่ คห. 19 นั้น ชั้นบนคือครุฑ แต่ชั้นล่างนั้นคือสัตว์ชนิดใดในหิมพานต์ หน้าตาคล้ายไก่ แต่ร่างกายบึกบึนนัก ;) ปล. ผมเพิ่งจะไปเมืองเพชรพลีมาเมื่อกลางเดือนที่แล้ว ผ่านวัดสระบัวแว้บๆ เห็นถนัดๆ ว่า ทางวัดท่านทำศาลาครอบฐานใบเสมาสิ้นเสียแล้ว บดบังเกือบหมด คงไม่มีทางถ่ายภาพได้งามๆ อย่างเช่นก่อนอีกเลย :'( กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 13 มิ.ย. 12, 09:38 ๏ ชั้นสิงหโสภาคยชั้น ฉานคลี สิงหชำนันนนทรี เถ่อหน้า พิศเพียรพ่างโกษี สุรโลก สมสมภารล้นหน้า เลิศล้ำสากล ฯ ธ ก็เสด็จยังปราสาท ให้หาราชศิลปี มีโองการบังคับ ให้สำหรับพระเมรุ เกณฑ์กำหนดทุกกรม ให้แต่งพนมอัษฐทิศ พิพิธราชวัติฉัตร กลิ้งกลดธวัชบรรฎาก หลายหลากภาคบุษบก กระหนกวิหคเหมหงส์ บรรจงภาพจำเนียม ลางพนมเทียมอัสดร ลางมกรเทียมยยับ ประดับขับเข็นรถ อลงกฎคชสาร อลงการคชสีห์ สารถีสถิตชักรถ ชดกรกระลึงกุมแสง รำจำแทงองอาจ เผ่นผงาดขับสารสีห์ เทียมนนทรีชำนรรสึงห์ ดึงไดฉบับจับกัน สรรพ์อสุราสุรครุฑ มนุษย์ภุชงค์คนธรรพ์ บรรเขบ็จภาพเรียงราย • พระลานแลล้ำเภรี ชำนันนนทรี ถงัลคือตนตื่นตา ตัวอย่างจากโคลงนิราสนครสวรรค์ ผมมาคิดใคร่ครวญดู ต้องพิจารณาการแบ่งคำเวลาอ่านด้วย เพราะการแบ่งคำมีผลต่อการตีความและแปลความหมายด้วย ถ้าในแบ่งอ่านว่า สิงหชำนัน/นนทรี เถ่อหน้า ตีความได้ว่า ที่ชั้นฉานคลีนั้น (คงหมายถึงพื้นยกเป็นลานกว้าง) ประดับด้วยรูปสิงห์ยืน (ไม่ใช่สิงห์นั่ง) และรูปยักษ์นนทรี ตั้งเถ่อหน้า (เถ่อหน้าแปลว่าอะไร แหงนหน้า? เชิดหน้า? ช่วยกันตีความต่อไป) แต่ถ้าแบ่งอ่าน สิงหชำนันนนทรี/ เถ่อหน้า ตีความได้ว่า ที่ชั้นฉานคลีนั้น ประดับด้วยรูปสิงห์เหยียบยักษ์นนทรี ยืนเถ่อหน้า หรือว่า โคลงตรงนี้ ผู้แต่งต้องการใช้ในความหมายว่า ยักษ์นนทรียืนเหยียบสิงห์ เพียงแต่ลักษณะบังคับของโคลงทำให้ผู้แต่งต้องสลับที่คำเพื่อฉันทลักษณ์ ตรงนี้อาจจะมีผู้แย้งว่า ตำแหน่งคำที่ ๒ ในวรรคนี้ ไม่ใช่คำเอกหรือคำตาย ถือว่าผิดฉันทลักษณ์โคลง ก็ขอไขความว่า โคลงโบราณนั้น ท่านถือเอาสระอำ ในคำสองพยางค์ซึ่งส่วนมากเป็นคำแผลงจากคำภาษาเขมร ลงในตำแหน่งคำเอกได้ มีบ้างเหมือนกันที่คนสมัยหลังไม่ทราบ เอาไม้เอกไปใส่ให้ก็มี ด้วยหมายจะให้ถูกตำแหน่งเอก การใช้คำสองพยางค์ที่มีสระอำที่พยางค์หน้าลงในตำแหน่งเอกในโคลง แม้ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ก็ยังเห็นมีใช้อยู่บ้าง เช่นในโคลงนิราศนรินทร์ บทที่ว่า ๑๒๙ ๏ แว่วแว่วเสาวณิตน้อง นางทรง เสียงฤๅ สรวลกระซิกโสตพะวง ว่าเจ้า คล้ายคล้ายดำเนินหงส์ หาพี่ ฤๅแม่ อ้าใช่อรเรียมเศร้า ซบหน้ากันแสง ฯ ๑๓๐ ๏ พวงจาวเจิดแจ่มแก้ว จักรพรรดิ พี่เอย สมเสมอสมรรัตน์ แท่งแท้ จำเริญจำเราสวัสดิ์ สังวาส เล็งเลียบดินฟ้าแพ้ ภพนี้ฤๅหา ฯ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 13 มิ.ย. 12, 09:52 ตัวอย่างในลิลิตพระลอ
ธ ก็เสด็จยังปราสาท ให้หาราชศิลปี มีโองการบังคับ ให้สำหรับพระเมรุ เกณฑ์กำหนดทุกกรม ให้แต่งพนมอัษฐทิศ พิพิธราชวัติฉัตร กลิ้งกลดธวัชบรรฎาก หลายหลากภาคบุษบก กระหนกวิหคเหมหงส์ บรรจงภาพจำเนียม ลางพนมเทียมอัสดร ลางมกรเทียมยยับ ประดับขับเข็นรถ อลงกฎคชสาร อลงการคชสีห์ สารถีสถิตชักรถ ชดกรกระลึงกุมแสง รำจำแทงองอาจ เผ่นผงาดขับสารสีห์ เทียมนนทรีชำนรรสึงห์ ดึงไดฉบับจับกัน สรรพ์อสุราสุรครุฑ มนุษย์ภุชงค์คนธรรพ์ บรรเขบ็จภาพเรียงราย ตรงนี้ น่าพิจารณาว่า คนแต่งสลับคำหรือเปล่า แต่ถ้าพินิจว่า ร่ายมีลักษณะบังคับเพียงจำนวนคำต่อวรรค ๕ คำ ไม่มีบังคับเอกโทอย่างโคลง ก็ไม่มีเหตุอันใดที่คนแต่งลิลิตพระลอจะต้องสลับคำอย่างที่ผู้แต่งโคลงนิราศนครสวรรค์ทำ ดูความหมายแปลได้ว่า รูปสารถีชักรถ(ประดับพระเมรุ) แขนอ่อนมือถืออาวุธ (แสง มาจาก เสง ในภาษามอญแปลว่ามีด หรือของมีคม) ทำท่ารำเงื้อแทงดูองอาจ ขับรถพาหนะเทียมสิงห์เผ่นผงาด ดูดั่ง (เทียม แปลว่า เหมือน) ยักษ์นนทรียืนเหยียบสิงห์... ส่วนจากพระสุธนคำฉันท์ • พระลานแลล้ำเภรี ชำนันนนทรี ถงัลคือตนตื่นตา จะแปลว่าอย่างไร ท่านอื่นน่าจะแปลได้ ผมไม่ขอแปลละกัน กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 มิ.ย. 12, 14:51 (๑๙. กรมพระคชบาล) .................................. พลาย นายชำนันคชกาน ๑ นายชำนาญคชผจง ๑ พัง นายจำนงคชผจอง ๑ นายจำนองคชเลิศ ๑ ชำนัน น่าจะแปลว่า ขี่ ได้ด้วย ;D กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 13 มิ.ย. 12, 16:22 (๑๙. กรมพระคชบาล) .................................. พลาย นายชำนันคชกาน ๑ นายชำนาญคชผจง ๑ พัง นายจำนงคชผจอง ๑ นายจำนองคชเลิศ ๑ ชำนัน น่าจะแปลว่า ขี่ ได้ด้วย ;D อาจจะเป็นไปได้ครับ ถ้าบรรดาศักดิ์ดังกล่าวไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คล้องจองกับนายชำนาญคชผจง แต่เพราะบรรดาศักดิ์นายชำนันคชกานเป็นบรรดาศักดิ์คู่กับนายชำนายคชผจง คำว่าชำนันในราชทินนามดังกล่าว จะถือเอาตามตัวที่เขียนเสียทีเดียวไม่ได้ เพราะคนเขียนอาจจะเขียนหรือคัดลอกตามความเข้าใจหรือตามเสียงอ่าน ทำให้รูปคำเกิดไปพ้องกันเข้า ปกติราชทินนามที่เป็นคู่คล้องจองกัน มักจะมีความหมายล้อกัน คำว่า ชำนัน ใน นายชำนันคชกาน ถ้าพิจารณาเทียบกันราชทินนาม นายชำนายคชผจง ก็สันนิษฐานได้ว่า เดิมน่าจะเขียนว่า นายชำนัญคชการ ชำนัญ คำนี้ แปลว่า รู้ เข้าใจ นัยว่าแผลงมาจาก ชัญ หรือ ชัญญ์ คำว่า ชำนัญ นี้พ้องเสียงกับคำว่า ชำนัน แต่ความหมายต่างกัน อนึ่ง ราชทินนามข้าราชการย่อมไม่ตั้งมาด้วยความหมายดาดๆ มักตั้งให้ความหมายที่แสดงคุณวิเศาของผู้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์นั้น ว่าเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในราชการด้านใด ถ้าตั้งว่านายชำนันคชการ จะแปลว่านายผู้ขี่ช้าง ก็ดูจะไม่ได้แสดงคุณสมบัติอะไร และคำว่า การ ก็ดูจะเกินความจำเป็น แต่ถ้าเป็นนายชำนัญคชการ อาจแปลได้ว่านายผู้มีความรู้เกี่ยวกับการงานอันเกี่ยวกับช้าง ฟังดูดีกว่ามาก ฉะนั้น ลำพังค้นได้คำที่มีรูปเหมือนกับที่ต้องการ แล้วจะทึกทักสันนิษฐานเอาว่า เป็นคำคำเดียวกัน โดยไม่พิจารณาบริบท ก็ย่อมตกม้าตายด้วยประการฉะนี้แล กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 13 มิ.ย. 12, 19:12 ขอบคุณคุณluanglek ครับ ผมพอจะเข้าใจแล้ว
๏ ชั้นสิงหโสภาคยชั้น ฉานคลี สิงหชำนันนนทรี เถ่อหน้า พิศเพียรพ่างโกษี สุรโลก สมสมภารล้นหน้า เลิศล้ำสากล ฯ ถ้าแปลตามที่คุณluanglek แนะนำมาผมก็พอจะมโนภาพออก เพียงพอที่จะนำหลักฐานมาประกอบต่อกันได้ครับ แล้วถ้าเป็นโคลงบทนี้ล่ะครับ ครีบครุธชำนันนิศกลง ฟ้าหล้าลาญหลง คือภาพกระพือโดยถวิล คำว่านิศกลงหมายถึงอะไรครับ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 13 มิ.ย. 12, 19:20 เรียนถาม คุณ virain หน่อยนะครับ ภาพฐานเสมาวัดสระบัว ที่ คห. 19 นั้น ชั้นบนคือครุฑ แต่ชั้นล่างนั้นคือสัตว์ชนิดใดในหิมพานต์ หน้าตาคล้ายไก่ แต่ร่างกายบึกบึนนัก ;) ปล. ผมเพิ่งจะไปเมืองเพชรพลีมาเมื่อกลางเดือนที่แล้ว ผ่านวัดสระบัวแว้บๆ เห็นถนัดๆ ว่า ทางวัดท่านทำศาลาครอบฐานใบเสมาสิ้นเสียแล้ว บดบังเกือบหมด คงไม่มีทางถ่ายภาพได้งามๆ อย่างเช่นก่อนอีกเลย :'( ถ้าให้เดาเล่นๆผมก็มองว่าเป็นกากนาสูรมังครับ แต่งานปูนปั้นเมืองเพชรบุรีแต่งซ่อมได้แนบเนียนดี วัดนี้ผ่านเวลามาเป็นร้อยปีอาจมีการซ่อมไปแบบไม่ตรงรูปรอยเดิม? ตุ๊กตาพวกนี้มีโกลนเป็นดินเผาแล้วมาปั้นปูนพอกครับ เป็นกรรมวิธีที่มีมานมนาน และนิยมกันมากด้วยครับ งานนี้ต้องลองไปพิจารณากันใกล้ๆอย่างจริงจังอีกทีครับ ส่วนเรื่องหลังคาครอบซุ้มเสมา ผมเคยเห็นในภาพถ่ายเก่านะครับ มาบูรณะกันคราวนี้เขาคงตั้งใจจะทำตามภาพถ่ายเก่ามั้งครับ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 13 มิ.ย. 12, 22:18 ตัวอย่างในลิลิตพระลอ ธ ก็เสด็จยังปราสาท ให้หาราชศิลปี มีโองการบังคับ ให้สำหรับพระเมรุ เกณฑ์กำหนดทุกกรม ให้แต่งพนมอัษฐทิศ พิพิธราชวัติฉัตร กลิ้งกลดธวัชบรรฎาก หลายหลากภาคบุษบก กระหนกวิหคเหมหงส์ บรรจงภาพจำเนียม ลางพนมเทียมอัสดร ลางมกรเทียมยยับ ประดับขับเข็นรถ อลงกฎคชสาร อลงการคชสีห์ สารถีสถิตชักรถ ชดกรกระลึงกุมแสง รำจำแทงองอาจ เผ่นผงาดขับสารสีห์ เทียมนนทรีชำนรรสึงห์ ดึงไดฉบับจับกัน สรรพ์อสุราสุรครุฑ มนุษย์ภุชงค์คนธรรพ์ บรรเขบ็จภาพเรียงราย ตรงนี้ น่าพิจารณาว่า คนแต่งสลับคำหรือเปล่า แต่ถ้าพินิจว่า ร่ายมีลักษณะบังคับเพียงจำนวนคำต่อวรรค ๕ คำ ไม่มีบังคับเอกโทอย่างโคลง ก็ไม่มีเหตุอันใดที่คนแต่งลิลิตพระลอจะต้องสลับคำอย่างที่ผู้แต่งโคลงนิราศนครสวรรค์ทำ ดูความหมายแปลได้ว่า รูปสารถีชักรถ(ประดับพระเมรุ) แขนอ่อนมือถืออาวุธ (แสง มาจาก เสง ในภาษามอญแปลว่ามีด หรือของมีคม) ทำท่ารำเงื้อแทงดูองอาจ ขับรถพาหนะเทียมสิงห์เผ่นผงาด ดูดั่ง (เทียม แปลว่า เหมือน) ยักษ์นนทรียืนเหยียบสิงห์... น่าจะเทียบได้กับภาพนี้ จิตรกรรมจากหอไตรวัดระฆังครับ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 14 มิ.ย. 12, 08:38 คุณ virain มีความรู้ความชำนาญด้านศิลปะมากกว่าผม
ผมรู้แต่คำและวรรณคดี จำเป็นต้องพึ่งคุณvirain ในการสันนิษฐานความหมายของคำ วรณคดีไทยโบราณนั้น ผู้แต่งจะบรรยายสิ่งก่อสร้างแต่ส่วนอย่างละเอียด รายละเอียดแต่ละส่วนอาจจะไม่ปรากฏหรือกลายรูปร่างไปในศิลปะการก่อสร้างชั้นหลัง ทำให้เทียบเคียงหาความหมายที่แท้จริงไม่ได้ ต้องไปดูสิ่งก่อสร้างหรืองานศิลปะที่ร่วมยุคสมัย กับวรรณคดีเรื่องนั้นๆ บางทีต้องข้ามไปดูศิลปะสิ่งก่อสร้างของประเทศเพื่อนบ้านด้วย รูปยักษ์เหยียบสิงห์นี้ ผมยังสงสัยต่อไปว่า ถ้าว่าตามโคลงนิราศนครสวรรค์ในบทข้างต้น ๏ ชั้นสิงหโสภาคยชั้น ฉานคลี สิงหชำนันนนทรี เถ่อหน้า พิศเพียรพ่างโกษี สุรโลก สมสมภารล้นหน้า เลิศล้ำสากล ฯ ประติมากรรมลักษณะที่ว่าตั้งอยู่อย่างไร อยู่รอบฐานปัทม์ของชั้นฉานคลี? หรืออยู่ตรงสองข้างบันไดทางขึ้นไปบนชั้นฉานคลี เหมือนอย่างทวารบาล ? ตรงนี้หน้าพิจารณา และตกลงแล้ว สิงห์ หรือยักษ์ นั้น ทำท่าแบกอยุ่ด้วยหรือเปล่า อย่างนี้อาจจะต้องลงพื้นที่สำรวจโบราณสถานที่เมืองนครสวรรค์กระมัง ส่วนคำว่า นิศกลง ความหมายนั้นแปลว่า งาม แต่ที่มาของคำยังไม่ได้ลองค้นดูครับ เพราะยังไม่มีเวลา ค้นได้เมื่อไรจะเอามาบอก กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 14 มิ.ย. 12, 08:42 จะว่าไป... ก็ยังไม่เคยเห็นประติมากรรมในสมัยอยุธยารูปสิงห์ยืนเหยียบยักษ์เลย :-[ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 14 มิ.ย. 12, 21:18 จริงอย่างที่คุณluanglekว่าไว้ครับ ว่าเราคงต้องเทียบกับศิลปะอื่นด้วย
แต่ขอบเขตความรู้ผมยังคับแคบอยู่ในแถบภาคกลางเท่านั้นที่พอจะเอามาอ้างตอบกระทู้ได้ครับ ยิ่งถ้าไกลออกไปเนื้อหาความรู้ของผมก็เบาบางลงตามไปเรื่อยๆ แต่ทำไมคุณluanglek ถึงเจาะจงนครสวรรค์ล่ะครับ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 14 มิ.ย. 12, 21:20 จะว่าไป... ก็ยังไม่เคยเห็นประติมากรรมในสมัยอยุธยารูปสิงห์ยืนเหยียบยักษ์เลย :-[ ผมก็กำลังตามอยู่เหมือนกันครับ ๕๕๕ ยังไม่เจอแบบที่สิงห์จะเหยีบยักษ์เป็นจริงเป็นจัง กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 14 มิ.ย. 12, 21:47 เมื่อตอนเย็นๆ ผมได้คุยกับสหายที่จบโบราณคดี ซึ่งหนีเข้าป่าไปประจำอยู่ศรีเทพ เมืองเพชรบูรณ์
เรื่องสิงห์เหยียบยักษ์นี้ สหายของผมคิดใคร่ครวญอยู่ประมาณนาที ก็บอกว่า "เคยเห็นแถววัดมหาวัน ที่อื่นไม่แน่ใจ" ก็เป็นอันจนปัญญาไม่รู้จะหันไปเพิ่งใครได้ แต่ยังดีใจหายที่สหายคนเดิมรับปากว่าจะลองหาทางศิลปะเขมรดู เผื่อเจออะไรดีๆ (หน่อนี้เค้ากำลังเรียนโทด้านศิลปะเขมร) กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 มิ.ย. 12, 15:11 ชำนัน น่าจะแปลว่า ขี่ ได้ด้วย อนิรุทธคำฉันท์ (http://www.reurnthai.com/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C) ของ ศรีปราชญ์ ๏ บัดคชสารคือคชสีห์ เติบสูงคือคิรี ชำนันคิริเมขล ๏ ม้วนงวงแทงธรณีดล งางอนเงยกล คือดั่งจะเสื้องสอยดาว ๏ ถีบฉัดผัดผาผาดสราว ไม้ไล่เหิรหาว ก็ฟุ้งทั้งป่าเปนไฟ ๏ แรงยิ่งแรงแรงเริงไพร ชมแกว่นแม่นไว แลชัยชำนะหลายปาง ๏ ยั่งยั่งมันอาบอ้อมคาง บังหูโก่งหาง ก็ร้องตระแตร้นบมิกลัว ๏ เข้าแทงท้าวท้าวชมวัว ท้าวยิ้มแย้มหัว ก็แสร้งสำแดงมหิมา ๏ ยืนยันต่ช้างง้างงา ออกด้วยสหัสา ก็แกว่งกรลับคือกังหัน ๏ เท้งธรทีเดียวด้วยพลัน ช้างเติบตกมัน ก็ท่าวในท้องธรณี ฯ ;D กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 15 มิ.ย. 12, 18:46 จะว่าไป... ก็ยังไม่เคยเห็นประติมากรรมในสมัยอยุธยารูปสิงห์ยืนเหยียบยักษ์เลย :-[ แล้วถ้าเป็นยักษ์เหยียบสิงห์ พนายพอจะผ่านตามาบ้างไหม ยิ่งถ้าได้ที่เป็นทวารบาลด้วยจะเหมาะมาก จริงอย่างที่คุณluanglekว่าไว้ครับ ว่าเราคงต้องเทียบกับศิลปะอื่นด้วย แต่ขอบเขตความรู้ผมยังคับแคบอยู่ในแถบภาคกลางเท่านั้นที่พอจะเอามาอ้างตอบกระทู้ได้ครับ ยิ่งถ้าไกลออกไปเนื้อหาความรู้ของผมก็เบาบางลงตามไปเรื่อยๆ แต่ทำไมคุณluanglek ถึงเจาะจงนครสวรรค์ล่ะครับ โทษที ผมเขียนเพลินไป ต้องพูดว่า ต้องไปดูที่กรุงเก่า เพราะโคลงบทนี้ พรรณนาเขตพระบรมมหาราชวังที่กรุงศรีอยุธยา คนเราชอบไม่เหมือนกันครับ ฉะนั้นต่างคนต่างก็มีความรู้และข้อมูลมากในบางเรื่อง ผมอ่านวรรณคดีโบราณบางเรื่อง พอถึงตรงที่บรรยายเรื่องศิลปะบางอย่าง ก็ต้องอาศัยความรู้เรื่องศิลปะสมัยที่เป็นนักเรียนมัธยมปลายสายศิลป์เข้ามาช่วย แต่ไม่พอ ก็ต้องไปหาหนังสือมาอ่านให้กระจ่าง ครั้งหนึ่งผมอ่านโคลงกำสรวล ผมสงสัยโคลงที่บรรยายความตอนต้นๆ ที่ว่า ๒ พรายพรายพระธาตุเจ้า จยรจนนทร แจ่มแฮ ไตรโลกยเลงคือโคม ค่ำเช้า พิหารรเบียงบรร รุจิเรข เรืองแฮ ทุกแห่งห้องพระเจ้า น่งงเนือง ฯ ๓ ศาลาอเนขสร้าง แสนเสา โสดแฮ ธรรมาศจูงใจเมือง สู่ฟ้า พิหารย่อมฉลักเฉลา ฉลุแผ่น ไส่นา ศป.ว่า ไส้นา พระมาศเลื่อมเลื่อมหล้า หล่อแสง ฯ ๔ ตระการหน้าวัดแหว้น วงงพระ บำบวงหญิงชายแชรง ชื่นไหว้ ศป.ว่า แซรง บูรรพาท่านสรรคสระ สรงโสรด ดวงดอกไม้ไม้แก้ว แบ่งบาล ฯ ๕ กุฎีดูโชติช้อย อาศํร เต็มร่ำสวรรคฤาปาง แผ่นเผ้า ศป.ว่า ปาน เรือนรัตนพิรํยปราง สูรยปราสาท แสนยอดแย้มแก้วเก้า เฉกโฉม ฯ ๖ สนํสนวนสอาดต้งง ตรีมุข อร่ามเรืองเสาโสรม มาศไล้ เรือนทองเทพแปลงปลุก ยินยาก ยยวฟ้ากู้ไซ้ ช่วยดิน ฯ ศป.ว่า เยียวว่าฟ้ากู้ไซร้ ผมสงสัยว่า เอ คนแต่งแต่งบรรยายความขนาดนี้ ย่อมไม่ใช่สถานที่ทั่วไป แต่เป็นสถานที่สำคัยมาก ที่มีสิ่งก่อสร้างตามที่บรรยาย ครั้นพิจารณาดูแล้ว สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ มีอยู่ที่อื่นไม่ได้ นอกจากในพระราชวังกรุงเก่า คนแต่งเดินผ่านจากที่ไหนก็บรรยายไปตามลำดับ แน่นอนว่า ศรีปราชญ์ตามความเชื่อ ย่อมไม่มีเหตุอะไรที่เข้าไปเดินเล่นไหว้พระที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ แล้วเดินออกมาทางฉนวนเพื่อลงไปที่ท่าน้ำ เพื่อลงเรือ คนที่จะทำอย่างนี้ได้ ก็มีแต่พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ (เน้นฝ่ายใน) ศรีปราชญ์คนธรรมดา ที่ว่าเป็นนักโทษเนรเทศ ไปเดินตรงนั้นย่อมไม่เหมาะควร ส่วนคุณเพ็ญฯ กาพย์ฉบัง หรือฉันทฉบัง ที่คุณเพ็ญฯ ยกมา เอาเฉพาะบทแรก ถ้าจะแปลเป็นร้อยแก้วให้ได้ความ ควรจะแปลว่าอย่างไร อย่ายกมาเฉยๆ โดยไม่แปล เพราะถ้าแปลว่าขี่ จะแปลกาพย์บทแรกให้สละสลวยได้ว่าอย่างไร กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 15 มิ.ย. 12, 20:15 แต่ยังดีใจหายที่สหายคนเดิมรับปากว่าจะลองหาทางศิลปะเขมรดู เผื่อเจออะไรดีๆ ใจผมก็คิดหาเขมรเหมือนกันครับ รบกวนเพื่อนคุณart47 ด้วยแล้วกันครับ ส่วนเรื่องยักษ์เหยีบสิงห์ที่เป็นทวารบาล พบมากในงานตกแต่งบานประตูหน้าต่างนะครับ ออกไปทางแนวยักษ์แบกฐานทวารบาลบ้าง ลิงแบกบ้าง สิงห์แบบกบ้าง หรือแม้แต่เหยียบกันจริงๆจังเลยก็มี ตอนนี้ผมลองหาภาพดูแล้ว เลยเอามาเสนอสักสองสามภาพแล้วกันครับ ภาพนี้พอดีเขาวางเครื่องไหว้บังเอาไว้น่ะครับ เลยถ่ายมาได้แค่นี้ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 15 มิ.ย. 12, 20:19 จะว่าไป... ก็ยังไม่เคยเห็นประติมากรรมในสมัยอยุธยารูปสิงห์ยืนเหยียบยักษ์เลย :-[ แล้วถ้าเป็นยักษ์เหยียบสิงห์ พนายพอจะผ่านตามาบ้างไหม ยิ่งถ้าได้ที่เป็นทวารบาลด้วยจะเหมาะมาก ผ่านขอรับผ่าน ทั้งยักษ์ ทั้งเทพ ทั้งเซี่ยวกาง ยังนึกเล่นๆ อยู่ ว่าเคยเห็นนางฟ้านางสวรรค์เหยียบสิงห์บ้างไหมหนอ ??? แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นทวารบาลแล้ว จะเป็นตามบานประตูมากกว่า ที่เห็นเป็นรูปปั้นลอยตัวไม่ค่อยมี (ไม่รวมศิลปะเขมรนะจ๊ะ) กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 15 มิ.ย. 12, 20:20 ทวารบาลที่วัดใหญ่ เมืองสองแควนี้ เป็นศิลปะยุคใดหรือครับ คุณ virain
ร่วมสมัยกับเรือนแก้วองค์พระพุทธชินราชหรือไม่ ??? กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 16 มิ.ย. 12, 01:06 บานประตูน้อยที่รั้วล้อมพระพุทธชินราชนั้น ตามความเห็นผม น่าจะประมาณราชวงศ์บ้านพลูหลวงครับ
แต่ถ้าอ้างตามความคิดเห็นของสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์แล้ว ท่าทรงสันนิษฐานว่าอาจจะใหม่กว่านั้นก็เป็นได้ ส่วนเรือนแก้วขององค์พระนั้น ผมคิดเห็นว่าน่าจะสร้างราวอยุธยาตอนกลางครับ ภาพที่แนบมาด้วยนี้เป็นลายเขียนที่บานประตูพระอุโบสถของวัดสระบัว ซึ่งภาพยักษ์แบกฐานนี้จะงามเป็นพิเศษ เลยอยากจะเอามาร่วมวงอวดฝีมือช่างไว้ด้วยครับ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 16 มิ.ย. 12, 01:10 ส่วนเรื่องโคลงกำสรวลสมุทร ผมเคยได้ยินคุณสุจิตต์ วงษ์เทศ บอกว่า(ไปแอบฟัง) น่าจะแต่งในสมัยพระนครินทร์ เพราะเนื้อหาโคลงมีสำนวนเก่ามาก
แต่ผมไม่เก่งเรื่องภาษาเท่าไหร่ เคยอ่านแล้วแปลไม่ค่อยได้ มีคำศัพท์แปลกๆเยอะมาก ผมเลยพอเลียบๆไปได้เฉพาะเรื่องที่พอคุ้นศัพท์เท่านั้นครับ ถ้าสมมุติว่าโคลงนี้แต่งในสมัยสมเด็จพระนครินทร์กษัตริย์ในสมัยอยุธยาตอนต้น ตอนนั้นก็ยังไม่มีวัดพระศรีสรรเพชญ์ ผมจึงขออธิบายโคลงตามความเข้าใจของผมให้ลองพิจารณาดูครับ พรายพรายพระธาตุเจ้า จยรจนนทร แจ่มแฮ ไตรโลกยเลงคือโคม ค่ำเช้า พิหารรเบียงบรร รุจิเรข เรืองแฮ ทุกแห่งห้องพระเจ้า น่งงเนือง ฯ ผมคิดว่าบทนี้อาจจะหมายถึงพระมหาธาตุของเมือง ไม่ใช่ที่วัดมหาธาตุก็น่าจะเป็นวัดพระราม อธิบายว่าพระมหาธาตุแวววาวเหมือนพระจันทร์ ดุจดังโคมที่ส่องทั้งสามโลก มีพระระเบียงคด มีพระพุทธรูปนั่งเรียงรายอยู่ในระเบียงคด ตระการหน้าวัดแหว้น วงงพระ บำบวงหญิงชายแชรง ชื่นไหว้ บูรรพาท่านสรรคสระ สรงโสรด ดวงดอกไม้ไม้แก้ว แบ่งบาล ฯ บทนี้ทำให้ผมคิดว่ากวีน่าจะหมายถึงวัดพระราม เพราะหน้าวัดมหาธาตุเป็นคลอง แต่หน้าวัดพระรามมีบึงน้ำใหญ่อยู่ทางทิศตะวันออก ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าคงมีการขุด เอาดินในหนองโสนไปถมที่สร้างวังหรือวัด จนกลายเป็นบึงกว้างขวางเรียกว่าบึงหน้าวัดพระราม หรือบึงพระรามนั่นเอง กุฎีดูโชติช้อย อาศํร เต็มร่ำสวรรคฤาปาง แผ่นเผ้า เรือนรัตนพิรํยปราง สูรยปราสาท แสนยอดแย้มแก้วเก้า เฉกโฉม ฯ วรรคนี้ผมแปลได้หมด เพียงแต่ผมนึกถึงพระปรางค์ที่หุ้มแผ่นทองแดงหรือทองเหลืองแล้วปิดทองทับจนอร่ามสะท้อนแสงแดด เทคนิคการสร้างเช่นนี้มีหลักฐานอยู่จริงในกรุงศรีอยุธยาครับ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 16 มิ.ย. 12, 01:13 ก่อนไปนอนผมขอฝากภาพนี้ไว้อีกสักภาพครับ
กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 16 มิ.ย. 12, 04:02 คุณ virain แปลโคลงกำสรวลได้ดี แต่ผมมีที่แปลต่างออกไปดังนี้
๒ พรายพรายพระธาตุเจ้า จยรจนนทร แจ่มแฮ ไตรโลกยเลงคือโคม ค่ำเช้า พิหารรเบียงบรร รุจิเรข เรืองแฮ ทุกแห่งห้องพระเจ้า น่งงเนือง ฯ ผมแปลว่า แสงพรายจากพระธาตุเจดีย์ของเจ้า (เจ้าในที่นี้ น่าจะเป็นเจ้านายหรือพระเจ้าแผ่นดิน) เสมอด้วยดวงจันทร์แจ่มกระจ่าง ทั้งสามโลกเล็งแลพระธาตุเจดีย์นั้น เป็นดั่งโคม ทุกค่ำเช้า มีพิหารและระเบียงที่เขียนลวดลายงดงามรุ่งเรือง หรือจะแปลสั้นๆ ว่างามเรืองรองก็ได้ ทุกแห่งห้องพิหารและระเบียงมีพระเจ้า คือ พระพุทธรูปประทับนั่งอยู่มากมาย หรือ เรียงราย บทนี้ ขอให้สังเกตว่า คนแต่งพรรณนาพระธาตุเจดีย์ก่อน แสดงว่าพระอารามนั้น มีพระธาตุเจดีย์เป็นหลักประธานของแผนผังพระอาราม ในอยุธยาอาจจะมีหลายวัดที่มีพระธาตุเจดีย์เป็นหลักประธานของวัด แต่คำว่าพระธาตุเจ้า อาจจะไม่ใช่พระบรมสารีริกธาตุ หรือพระอัฐิธาตุพระพุทธสาวก แต่หมายถึงพระอัฐิธาตุของพระโพธิสัตว์เจ้าที่อยู่ในรูปของสมมติเทพอย่างพระมหากษัตริย์ คตินี้มีมานานนาน พระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นสมมติเทพในฝ่ายศาสนาพราหมณ์และเป็นพระโพธิสัตว์ในฝ่ายพุทธ จากนั้น ผู้แต่งพรรณนาถึงพิหารและระเบียงที่มีพระพุทธรูปนั่งอยู่เรียงราย ในอยุธยามีไม่กี่วัดหรอกครับที่มีลักษณะเช่นนี้ ๓ ศาลาอเนขสร้าง แสนเสา โสดแฮ ธรรมาศจูงใจเมือง สู่ฟ้า พิหารย่อมฉลักเฉลา ฉลุแผ่น ไส่นา ศป.ว่า ไส้นา พระมาศเลื่อมเลื่อมหล้า หล่อแสง ฯ ผมแปล มีศาลามากมายสร้างไว้นับได้แสนเสาทีเดียว (หมายเอาว่ามีศาลาหลายหลังในบริเวณนั้น ที่ศาลาเหล่านั้น มีธรรมาสน์ตั้งสำหรับพระสงฆ์ขึ้นเทศน์ธรรมเพื่อชักจูงใจชาวเมืองอยุธยาไปสู่สวรรค์ชั้นฟ้า (สุขคติภูมิ) พิหารนั้นมีการสลักเสลาฉลุแผ่น (แผ่นไม้แผ่นเงินแผ่นทอง) ประดับประดา มีพระพุทธรูปทองส่องแสงเลื่อมๆ ดูประหนึ่งดังว่าเขาหล่อพระพุทธรูปนั้นด้วยแสง สถานที่ที่มีศาลามากขนาดนั้น ย่อมไม่ใช่วัดธรรมดาสามัญ หรือวัดขนาดเล็ก ต้องเป็นวัดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ที่สามารถปลูกสร้างศาลาไว้ให้คนมาประชุมฟังธรรมได้ทีละมากๆ ผู้แต่งย้อนไปพรรณนาพิหารและพระพุทธรูปอีก แสดงว่า ศาลาและพิหารแลฃะที่ประดิษฐานพระพุทธรูปน่าจะอยู่ใกล้ศาลา ๔ ตระการหน้าวัดแหว้น วงงพระ บำบวงหญิงชายแชรง ชื่นไหว้ ศป.ว่า แซรง บูรรพาท่านสรรคสระ สรงโสรด ดวงดอกไม้ไม้แก้ว แบ่งบาล ฯ ผมแปล ที่หน้าวัดแห่งนี้ เป็นบริเวณวังพระ (พระภิกษุ?) มีหญิงชายเบียดเสียดกันเพื่อกราบไหว้สักการะด้วยความชื่ชมยินดี ด้านทิศตะวันออกของวัดนี้ ท่าน (ผู้มีอำนาจราชศักดิ์ หรือบรรพบุรุษ ได้สร้างสระสำหรับให้พระภิกษุใช้สรง มีดอกไม้ (ดอกบัว) เบ่งบาน แสดงว่า วัดนี้ แยกเขตที่พระสงฆ์อยู่ต่างหากเขตพุทธาวาส โดยให้เขตสังฆาวาสอยู่หน้าวัดด้านทิศตะวันออก และมีสระน้ะที่ให้พระสรงน้ำอยู่ด้วย ๕ กุฎีดูโชติช้อย อาศํร เต็มร่ำสวรรคฤาปาง แผ่นเผ้า ศป.ว่า ปาน เรือนรัตนพิรํยปราง สูรยปราสาท แสนยอดแย้มแก้วเก้า เฉกโฉม ฯ ผมแปลให้รับกับโคลงบทก่อนหน้า ว่า มีกุฏิที่งามชดช้อยดูประหนึ่งอาศรม (ที่สงบ) ของผู้บำเพ็ญพรต เต็มร่ำรำพันสวรรค์ที่ว่างดงวามแล้ว ก้ไม่ปานเปรียบกับแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาบนพื้นโลกแห่งนี้ (ปาน ไม่ใช่ปาง เพราะต้องรับสัมผัสกับ แบ่งบาน จากโคลงบทก่อน) มีเรือนแก้วอันน่าอภิรมย์ ซึ่งมียอดเป็นปรางค์ปราสาท (สูรย อาจจะเป็นศูล (นภศูล) ทียอดปรางค์ก้ได้ มียอดปรางค์มากมายส่่องแสงเป็นประกายดุจประดับด้วยแก้วเก้าประการที่แต่ละยอด ตรงนี้ น่าสังเกตว่า ปรางค์นี้พรรณนาเมื่อกล่าวถึงเรือน ซึ่งหมายถึงที่อยู่ ไม่ใช่พระเจดีย์ยอดปรางค์ ยอดปรางค์เมื่อประกอบกับเรือน ก็เห็นจะเป็นที่อื่นไปไม่ได้ จากปราสาทราชมณเฑียรสถาน ซึ่งอยู่ใกล้หรือติดกับพระอารามกล่าวมาข้างต้น ถ้านิราศนี้เป็นนิราศจริง กวีไปไหว้พระที่พระอาราม เมื่อไหว้เสร็จก็เป็นเวลาเริ่มออกเดินทาง เมื่อออกจากสถานที่ที่ไปไหว้พระแล้วย่อมพรรณนาพระอาราม อันเป็นจุดเริ่มของการเดินทาง แล้วจึงเดินไปทางหมู่พระราชมณเฑียรสถาน เป็นพระราชประเพณีปกิบัติมาแต่ครั้งโบรารว่า พระมหากษัตริย์ตลอดจนเจ้านายเชื้อพระวงศ์ เมื่อจะเสด็จฯ หรือเสด็จไปทรงรอนแรมสู่หัวเมืองไกลนอกเขตพระนคร ต้องเสด็จมาทรงสักการะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเขตพระราชฐานเพื่อความเป็นสวัสดิมงคลแก่ผุ้เดินทาง ธรรมเนียมนี้ในสมัยรัชกาลปัจจุบัน ก็ยังได้ทรงกระทำอยู่ ๖ สนํสนวนสอาดต้งง ตรีมุข อร่ามเรืองเสาโสรม มาศไล้ เรือนทองเทพแปลงปลุก ยินยาก ยยวฟ้ากู้ไซ้ ช่วยดิน ฯ ศป.ว่า เยียวว่าฟ้ากู้ไซร้ เมื่อเดินเข้าจะเข้าเขตพระราชฐานซึ่งติดต่อกับพระอารามนี้ ผู้เดินทาง(คนแต่ง) เดินเข้าสู่สนมสนวน (สนม แปลว่ารักษาความปลอดภัย ไม่ใช่ทางเดินสำหรับฝ่าย มีอุทาหรณ์ ในชื่อกรมของกระทรวงวังว่า กรมสนมพลเรือน กรมสนมทหาร เป็นต้น คงไม่มีใครอุตริแปลว่า กรมที่มีพลเรือนเป็นสนม และกรมที่ทหารเป็นสนม ) สนวนสนมนี้นี้สะอาด ตั้งอยู่ตรงตรีมุข (พระที่นั่งตรีมุข?) พระที่นั่งตรีมุขนี้ อร่ามเรืองรองที่เสาเพราะทองทาไว้ อันว่าเรือนทองหลังนี้ หากบอกว่าเทพมาแปลง (แปง - สร้าง) ปลูกไว้ ก็ได้ยินหรือเชื่อยาก ชะรอยว่าเทพจากสวรรค์มาช่วยชาวโลกสร้างกระมัง ผมแปลอย่างนี้ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 16 มิ.ย. 12, 21:30 กุฎีดูโชติช้อย อาศํร เต็มร่ำสวรรคฤาปาง แผ่นเผ้า เรือนรัตนพิรํยปราง สูรยปราสาท แสนยอดแย้มแก้วเก้า เฉกโฉม ฯ วรรคนี้ผมแปลได้หมด เพียงแต่ผมนึกถึงพระปรางค์ที่หุ้มแผ่นทองแดงหรือทองเหลืองแล้วปิดทองทับจนอร่ามสะท้อนแสงแดด เทคนิคการสร้างเช่นนี้มีหลักฐานอยู่จริงในกรุงศรีอยุธยาครับ ขออภัยด้วยครับ ที่จริงผมจะพิมพ์ว่าได้ไม่หมด แต่พลาดตกหล่นไป ข้อคำแปลของคุณluanglek ผมต้องรับไว้เป็นความรู้ครับ เพระผมเองยังไม่ชำนาญพอเรื่องการแปลบทกวี ขอเรียนถามนะครับ บทที่ว่า เรือนรัตนพิรํยปราง คำว่าพิรัยในที่นี้หมายถึงอะไรหรือครับ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 18 มิ.ย. 12, 11:09 ขอเรียนถามนะครับ บทที่ว่า เรือนรัตนพิรํยปราง คำว่าพิรัยในที่นี้หมายถึงอะไรหรือครับ พิรํย เป็นการเขียนแบบโบราณ ที่ใช้ นิตหิต (-ํ) แทนตัว ม สะกด ในดคลงกำสรวลฉบับที่กรมศิลปากรชำระและเอามาพิมพ์ สังเกตว่าใช้นิคหิตแทน ม สะกด หลายคำ สันนิษฐานว่า โคลงกำสรวลฉบับดังกล่าวน่าจะเก่ามาก หากเป็นฉบับคัดลอกจากฉบับเดิมมา ก็น่าจะเป็นฉบับที่คัดลอกมาจากฉบับที่เก่ามาก พิรํย คือ พิรมย เขียนอย่างปัจจุบัน คือ ภิรมย์ (คำเดิม อภิรมย์) กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 18 มิ.ย. 12, 22:10 บังเอิญได้ไล่ดูบันทึกกับรูปภาพตอนไปเที่ยวทางภาคเหนือ เมื่อปลายปี53
เลยได้เจอภาพนี้ครับ สิงห์ชำนันช้าง..แนวมากครับ จากวัดเจดีย์สี่ห้องสุโขทัย เข้าใจได้ว่าสิงห์ชำนันยักษ์ อสูรหรือลิง น่าจะมีอยู่จริงในอดีตครับ กระทู้: เรียนถามถึงคำศัพท์ที่ผมหาความหมายไม่ได้ เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 18 มิ.ย. 12, 22:13 พิรํย เป็นการเขียนแบบโบราณ ที่ใช้ นิตหิต (-ํ) แทนตัว ม สะกด ในดคลงกำสรวลฉบับที่กรมศิลปากรชำระและเอามาพิมพ์ สังเกตว่าใช้นิคหิตแทน ม สะกด หลายคำ สันนิษฐานว่า โคลงกำสรวลฉบับดังกล่าวน่าจะเก่ามาก หากเป็นฉบับคัดลอกจากฉบับเดิมมา ก็น่าจะเป็นฉบับที่คัดลอกมาจากฉบับที่เก่ามาก พิรํย คือ พิรมย เขียนอย่างปัจจุบัน คือ ภิรมย์ (คำเดิม อภิรมย์) ผมไม่ทราบมาก่อนเลยครับ ต้องขอขอบคุณจริงๆ แบบนี้ผมก็คงอ่านโคลงพวกนี้ได้เข้าใจมากขึ้น แต่ก่อนอ่านแล้วก็ถอดใจไปเลย |