เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 04:44



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 04:44
วันนี้ วันที่๒๔มิถุนายน๒๕๕๕ ครบ๘๐ปีประชาธิปไตยไทย

เวลา..ขณะที่ผมกำลังนำเสนอเรื่องนี้ เป็นเวลาประมาณเดียวกับที่สี่ทหารเสือ ผู้ก่อการสายทหารของคณะราษฎร์พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา(พจน์ พหลโยธิน) พันเอกพระยาทรงสุรเดช(เทพ พันธุมเสน) พันเอกพระยาฤทธิ์อัคเนย์(สละ เอมะศิริ) พันโทพระประศาสน์พิทยายุทธ(วัน ชูถิ่น) กำลังช่วยกันหลอกทหารในพระนครให้ออกจากกรมกองมาชุมนุมที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วลักไก่ประกาศปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของสยามจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย

กระทู้นี้ ผมขออุทิศให้แด่ความกล้าหาญของพวกท่าน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 04:46
สองสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อนคนหนึ่งได้นำภาพประวัติศาสตร์๒๔๗๖ คราวเหตุการณ์กบฎบวรเดชมาให้ทางเน็ท ภาพร่วมสองร้อยรูปนั้นเกือบทั้งหมดผมไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งในเวปหรือในหนังสือใดๆ จึงติดตามเข้าไปดูที่ต้นตอ ภาพชุดนี้ มี๒เล่ม Posted by ไตร ใน Nation Blog ผมโยงมาให้แล้ว

http://www.oknation.net/blog/trimemory/2012/01/29/entry-1

และยังมีอีกสองสามเวปที่ลงภาพดังกล่าว ระบุว่านายชีพธรรม คำวิเศษณ์ (น่าจะท่านเดียวกับชื่อสมมติข้างต้น)ได้ทำสำเนามาจากพิพิธภัณฑ์พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ซึ่งอยู่ภายในศูนย์การทหารปืนใหญ่ จังหวัดลพบุรี และนำมาเผยแพร่
ต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งยวดในความมานะพยายามของคุณชีพธรรม และความใจกว้างที่นำมาเผยแพร่ให้คนไทยสมัยนี้ได้รู้ได้เห็นกันอย่างแพร่หลายนะครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 04:51
สมุดภาพส่วนตัวของพลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาฯ นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบกในช่วงเวลานั้น เป็นของที่กรมแผนที่ทหารทำขึ้นเฉพาะเพื่อมอบให้ท่าน เป็นถ่ายเหตุการณ์ที่ทหารของกรมแผนที่ได้ถ่ายไว้ ในคราวที่ติดตามขบวนรถไฟบรรทุกทหารขึ้นไปปราบทหารหัวเมือง ฝ่ายที่เรียกตนเองแต่แรกว่า"คณะกู้บ้านกู้เมือง" ก่อนที่ต้องก้มหน้ารับว่าเป็นฝ่ายกบฏ

สมุดภาพมีอยู่๒เล่ม เล่มแรก เป็นภาพชุดการเคลื่อนทัพไล่ติดตามกองทหารฝ่ายกบฏซึ่งถอยทัพจากทุ่งบางเขน ดอนเมือง ไปสระบุรี โคราช บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ไปสุดทางรถไฟที่อุบลราชธานี ซึ่งมีจุดปะทะจริงๆอยู่ที่สถานีหินลับ จุดตายของพันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม(ดิ่น ท่าราบ) แม่ทัพหน้าของทหารหัวเมือง อดีตเพื่อนนักเรียนนายร้อยไกเซอร์ร่วมน้ำสาบานของพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้ารัฐบาล สุดท้ายเพื่อนต้องล้างเพื่อนเพราะเรื่องการเมือง หลังจากนั้น เป็นภาพที่ขบวนรถก็ต้องหยุดรอเป็นระยะๆเพื่อซ่อมทางที่ถูกฝ่ายกบฏทำลายไว้เพื่อขัดขวางการติดตามไล่ล่า
ตอนท้ายของเล่มแรกนี้  มีภาพวันงานที่ชาวโคราชจัดพิธีปลงศพให้ทหารฝ่ายกบฏ ก่อนที่จะขึ้นเล่มสอง ซึ่งแสดงภาพพิธีประชุมเพลิงศพทหารฝ่ายรัฐบาล ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ที่เมรุกลางเมือง ท้องสนามหลวง อย่างมีนัยยะสำคัญทางการเมือง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 04:58
ผมได้นำภาพที่คุณชีพธรรมหรือคุณไตรถ่ายก๊อปปี้ภาพจริงไว้จากกล้องมือถือ มาตกแต่งใหม่ให้ดูชัดเจนและรวมรูปให้กระชับขึ้น เขียนบรรยายภาพไว้เป็นภาพๆไป โดยจะนำมาลงควบคู่ไปกับเรื่องที่ผมจะเล่าไปด้วยไม่ให้เบื่อ

ในช่วงแรกๆผมจำเป็นต้องเอาภาพในสต๊อกมาลงให้เข้ากับเนื้อเรื่อง แต่จะใช้เป็นสีซีเปียให้แตกต่างกับภาพในอัลบั้ม เรื่องที่นำมาเขียนครั้งนี้ก็เป็นไปตามประวัติศาสตร์การเมืองในแง่มุมที่ผมเข้าใจโดยสุจริต โดยไม่ได้มุ่งกระทบกระเทียบความเห็นอันแตกแยกของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในปัจจุบัน แต่หวังว่าจะทำให้ผู้อ่านเกิดสติ ได้คิดและคิดได้ ว่าควรจะมีส่วนร่วมสร้างปัจจุบันอย่างไรสำหรับประวัติศาสตร์ชาติไทยในอนาคต

เช่นเดิมครับ ผมขอเชิญท่านผู้อ่านเข้ามาให้ความรู้ หรือแสดงความเห็นต่อได้ แต่ขอร้อง อย่าเข้ามาทำให้กระทู้ดีๆต้องเละเทะไปด้วยอคติและการใช้ถ้อยคำสำนวนสาดผู้อื่นนะครับ นี่เป็นห้องวิชาการ ไม่ใช่เวทีข้างถนน

อันที่จริงผมได้เขียนเหตุการณ์ตอนปฏิวัติ๒๔๗๕และกบฏบวรเดชไว้แล้ว รายละเอียดบางตอนผมคงไม่จำเป็นที่จะเอามาเล่าซ้ำซากในกระทู้นี้ให้เยิ่นเยื้อ ท่านที่ติดใจแบบยาว อาจเข้าไปดูเองได้ ผมได้อำนวยความสะดวกไว้ให้แล้วตามข้างล่างนี้ครับ
 
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3363.15
ชะตากรรมของพระยาทรงสุรเดช หนึ่งในสี่ทหารเสือคณะราษฎร์

http://www.reurnthai.com/index.php?PHPSESSID=6056e6b7aed28b92c956780a47d27961&topic=3025.30
ม.ร.ว. นิมิตรมงคล นวรัตน : ชีวิตและงาน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 05:06
มูลเหตุของการก่อกบฏของทหารหัวเมือง

ผมมองว่าการเมืองและผลประโยชน์ คือเรื่องเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติหรือระดับโลก ผู้ใดสามารถแบ่งทรัพยากรส่วนรวมไปเป็นส่วนตนได้มาก ก็พอใจในสถานภาพนั้นและพยายามรักษาไว้  ผู้ที่ได้น้อยไปหรือไม่พอก็ไม่พอใจ ต้องหาทางต่อรองหรือต่อสู้ให้ได้ส่วนแบ่งเพิ่ม การเมืองที่นิ่งคือช่วงที่แต่ละกลุ่มได้รับการจัดสรรผลประโยชน์อย่างลงตัว  เครื่องมือที่แต่ละกลุ่มใช้ต่อรองผลประโยชน์กันก็คืออำนาจ  ทั้งอำนาจที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม แต่อำนาจที่ชัดเจนที่สุดคืออำนาจปืน  ในโลกนี้ ใครมีอาวุธเหนือกว่าย่อมมีเสียงดังกว่า

ในประวัติศาสตร์ของไทยแต่โบร่ำโบราญมา ไม่มีอำนาจทางการเมืองของใครจะอยู่ได้ถ้าไม่มีผู้ถืออาวุธเป็นพวก และการตัดสินใจของผู้ถืออาวุธที่เข้าหนุนใครหรือกลุ่มการเมืองใด ก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์เท่านั้น อุดมการณ์คือข้ออ้าง คนที่ยึดถือและทำตามอุดมการณ์ของตน เป็นคนส่วนน้อย น้อยมากจนถึงน้อยที่สุด

ลองอ่านไปเรื่อยๆก่อนนะครับพี่น้องผองเพื่อน อย่าเพิ่งอัดผมตอนนี้


เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ๒๔มิถุนายน๒๔๗๕สำเร็จได้เพียงเดือนเดียว พันเอกพระยาทรงสุรเดช ผู้ก่อการคนสำคัญซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกฝ่ายยุทธการ เป็นรองก็เฉพาะพระยาพหลผู้บัญชาการเท่านั้น  ก็ได้เรียกประชุมนายทหารเพื่อรับทราบนโยบายเรื่องการปรับลดสายการบังคับบัญชาทหาร จากเดิมที่เสนาธิการทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของทหาร  แล้วถัดลงมาเป็นกองทัพน้อย(ปัจจุบันคือ กองทัพภาค) กองพล กรม และกองพันตามลำดับ  ให้ปรับลดโครงสร้างดังกล่าวเสียใหม่ โดยยุบเลิกกองทัพน้อย  กองพล และกรมเสียทั้งหมด  คงเหลือแต่หน่วยกำลังระดับกองพันขึ้นต่อผู้บัญชาการทหารบกโดยตรง ส่วนยศนายทหารนั้น ชั้นนายพลทั้งหลายให้เลิกหมด โดยยศสูงสุดคือพันเอก เช่นเดียวกับโครงสร้างของกองทัพสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นประเทศเล็กๆเช่นสยาม แต่เข็มแข็งและมีคุณภาพที่ชาติใหญ่ๆยังเกรงขาม

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เคยงัดข้อกันมาแล้วตั้งแต่ก่อนการปฏิวัติ กองทัพเล็กๆนายใหญ่ยศแค่พันเอกมันจะสบายได้อย่างไร งบประมาณประจำปีก็จะน้อยลงตามขนาด พันโทหลวงพิบูลสงคราม ดาวรุ่งพุ่งแรงจึงประท้วงด้วยการวอร์คเอ้าท์จากที่ประชุมผู้ก่อการกลับบ้านไปเฉยๆ ต่อมาปรับความเข้าใจกันแล้วนึกว่าจะเลิก ที่ไหนได้พอปฏิวัติสำเร็จ มีอำนาจในมือพระยาทรงก็รีบดำเนินการ เริ่มด้วยการตั้งคณะกรรมการเลือกผู้บังคับบัญชาขึ้น เท่านั้นเองความวุ่นวายก็เกิด เพราะเท่ากับทำลายระเบียบการปกครองของทหาร ซึ่งส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างยิ่ง ที่เลวร้ายที่สุดคือ  ให้สั่งการโยกย้ายหน่วยทหารอย่างสายฟ้าแลบ เมื่อเข้าไปในกรมกองก็สั่งให้เป่าแตรเรียกแถวฟังคำสั่ง แล้วออกเดินทางไปต่างจังหวัดโดยทันที ครอบครัวให้ตามกันไปเองทีหลัง เรื่องนี้ไม่เฉพาะหลวงพิบูลที่โกรธแต่พอทำใจได้เพราะเข้าใจว่าเป็นการกำจัดทหารที่จงรักภักดีต่อกลุ่มอำนาจเก่า ส่วนทหารที่โดนผลกระทบก็เริ่มเกลียดคณะเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระยาทรงทำไปแล้วก็ต้องระวังตัวเต็มที่ สั่งตั้งบังเกอร์รังปืนกลล้อมรอบวังปารุสก์ที่อยู่และที่ทำงานของผู้ก่อการอย่างแน่นหนา

การเมืองยังคงพลิกผันกระพริบตาเป็นไม่ได้แม้จะเป็นช่วงสั้นๆหลังการปฏิวัติ พระปกเกล้าทรงคัดค้าน“เค้าโครงเศษรฐกิจ”เต็มที่ว่าไปลอกแบบคอมมิวนิสต์รัสเซียมา  มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยรุนแรงขึ้นทุกที จนหลวงประดิษฐ์มนูธรรม(ปรีดี พนมยงค์)ผู้เสนอแผนถูกขอร้องแกมบังคับให้ไปอยู่ปารีสชั่วคราวเพื่อลดความขัดแย้ง นึกว่าจะจบแต่ไม่จบ ผู้ก่อการใหญ่สายทหารที่ได้รับสมญานามว่าสี่เสือไม่พอใจขอลาออกจากสมาชิกสภาเพื่อประท้วง พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรีก็ปรึกษากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เชิญหลวงพิบูลมาปรึกษาแล้วสรุปว่าให้ปล่อยไป แล้วตั้งพลตรีพระยาพิไชยสงคราม(แก็บ สรโยธิน) เป็นผู้บัญชาการทหารบกแทนพระยาพหล และให้พันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม(ดิ่น ท่าราบ)เป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก ส่วนพันโทหลวงพิบูลสงครามจะขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก โดยหลวงพิบูลรับเป็นผู้ไปส่งเทียบเชิญนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยตนเอง พระยาศรีสิทธิสงครามนั้นตกลงรับเพราะเห็นด้วยกับหลวงพิบูลเรื่องการโยกย้ายทหารที่พระยาทรงได้สั่งการไปแล้ว โดยหลวงพิบูลขอให้ช่วยแก้ไข และหาทางป้องกันไม่ให้พระยาทรงกลับเข้ามามีอำนาจอีกได้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 05:15
เพียงเดือนเดียวเท่านั้น พระยาศรีสิทธิสงครามก็มีคำสั่งโยกย้ายนายทหารแบบสายฟ้าแลบ สร้างความปั่นป่วนแก่วงการทหารอีกครั้งหนึ่ง เท่านั้นยังไม่พอ หลวงพิบูลได้รับรายงานจากสายลับว่า คำสั่งชุดใหม่กำลังจะคลอดตามมาอีก ไปแอบดูโผมาแล้วบรรดาสมุนของพวกผู้ก่อการจะถูกย้ายให้พ้นจากสายบังคับบัญชาทั้งหมด เท่านั้นเองหลวงพิบูลก็ควันออกหู ตัดสินใจที่จะปฏิวัติทันที แต่ยั้งคิดว่าตนยังบารมีไม่ถึงขั้นจะเป็นหัวหน้า จึงไปเชิญพระยาพหลมาเป็นผู้นำคณะทหาร ไปสะกิดให้พระยามโนลาออกเสีย ซึ่งท่านก็ยอมลาออกโดยดี และต่อมาก็ได้ลี้ภัยไปปีนังจนถึงแก่อสัญกรรมที่นั่น

ทันทีที่ปฏิวัติเงียบสำเร็จ หลวงพิบูลก็มีคำสั่งปลดพระยาศรีสิทธิสงครามออกกลางอากาศ และส่งสมุนมาขับไล่ไสส่งท่านออกจากห้องทำงานแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว เรื่องนี้สร้างความโกรธแค้นให้แก่พระยาศรีสิทธิสงครามอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นการหยามเกียรติที่เกินกว่าเหตุ

ความวุ่นวายในวงการทหารตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมานี้  เรืออากาศโท ม.ร.ว.นิมิตรมงคล นวรัตน ได้เขียนไว้ใน ความฝันของนักอุดมคติว่า“…ท่านสุภาพบุรุษผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าซื่อสัตย์สุจริตและมีเกียรติยศ แต่ท่านได้เอาความยุ่งเหยิงมาสถิตแทนความมีระเบียบ เอาความแตกก๊กแตกเหล่ามาแทนความสามัคคี การรักษาตัวให้ปลอดภัยโดยตั้งป้อมค่ายขึ้นที่วังปารุสกวัน โดยจัดตำรวจลับออกลาดตระเวนจับคนที่ไม่ยอมเป็นพวกพ้อง โดยโยกย้ายนายทหารจัดรูปกองทัพสำหรับปราบจลาจล โดยบรรจุคนของตนเข้าดำรงตำแหน่งชั้นหัวหน้าอย่างไม่คำนึงถึงวุฒิความสามารถ…” สะท้อนให้เห็นความคิดของนายทหารชั้นผู้น้อยที่ไม่ใช่พวกคณะราษฎร์ในยุคนั้น


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 05:18
สมัยที่พระยามโนยังเป็นนายก ได้มีเจ้านายระดับพระองค์เจ้าและหม่อมเจ้าหลายองค์ร่วมกับกลุ่มขุนนาง ขออนุญาตจัดตั้ง “สมาคมคณะชาติ” ขึ้นบ้าง เพื่อคู่กับ“สมาคมคณะราษฎร”ที่ตั้งขึ้นเพื่อเลี่ยงบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญที่ห้ามมีพรรคการเมือง  แต่ไม่ได้รับอนุญาต
ครั้นเปลี่ยนรัฐบาลใหม่พระยาพหลเป็นนายกและหลวงประดิษฐ์กลับจากปารีสมาเป็นรัฐมนตรี พวกคณะชาติเก่าก็กลายพันธุ์เป็น"คณะกู้บ้านกู้เมือง" มีคนที่เกลียดคณะราษฎร์เข้ากระดูกดำมาตั้งวงถกกันเป็นประจำ และหนึ่งในนั้นคือพระยาศรีสิทธิสงคราม ประเด็นที่คุยออกแนวไปในทางที่จะต้องจัดทัพไล่รัฐบาลบ้าง โดยชูให้พระยาศรีสงครามเป็นแม่ทัพ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มิ.ย. 12, 08:27
ค่อยๆเข้ามานั่งฟังอยู่แถวหลังสุด


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: dotdotdot ที่ 24 มิ.ย. 12, 09:01
มูลเหตุของการก่อกบฏของทหารหัวเมือง

ผมมองว่าการเมืองและผลประโยชน์ คือเรื่องเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติหรือระดับโลก ผู้ใดสามารถแบ่งทรัพยากรส่วนรวมไปเป็นส่วนตนได้มาก ก็พอใจในสถานภาพนั้นและพยายามรักษาไว้  ผู้ที่ได้น้อยไปหรือไม่พอก็ไม่พอใจ ต้องหาทางต่อรองหรือต่อสู้ให้ได้ส่วนแบ่งเพิ่ม การเมืองที่นิ่งคือช่วงที่แต่ละกลุ่มได้รับการจัดสรรผลประโยชน์อย่างลงตัว  เครื่องมือที่แต่ละกลุ่มใช้ต่อรองผลประโยชน์กันก็คืออำนาจ  ทั้งอำนาจที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม แต่อำนาจที่ชัดเจนที่สุดคืออำนาจปืน  ในโลกนี้ ใครมีอาวุธเหนือกว่าย่อมมีเสียงดังกว่า

ในประวัติศาสตร์ของไทยแต่โบร่ำโบราญมา ไม่มีอำนาจทางการเมืองของใครจะอยู่ได้ถ้าไม่มีผู้ถืออาวุธเป็นพวก และการตัดสินใจของผู้ถืออาวุธที่เข้าหนุนใครหรือกลุ่มการเมืองใด ก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์เท่านั้น อุดมการณ์คือข้ออ้าง คนที่ยึดถือและทำตามอุดมการณ์ของตน เป็นคนส่วนน้อย น้อยมากจนถึงน้อยที่สุด

amen! 


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 09:40
อ่านต่อครับอ่านต่อ อย่าเพิ่งจบบทสวด


ครั้นเกิดเหตุการณ์ที่รัฐบาลปล่อยให้คดีหมิ่นประมาท เรื่องเลขานุการสมาคมกรรมกรรถรางฟ้องพระเจ้าอยู่หัวหมิ่นตน ยืดเยื้อจนทำให้เป็นกระทู้ในสภาและส.ส.หลายคนอภิปรายพาดพิงไปถึงสถาบันด้วยถ้อยคำจาบจ้วงรุนแรง เหมือนกุ๊ยด่ากันในซอย ประชาชนส่วนใหญ่ที่ยังคงจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวก็ไม่พอใจคณะราษฎรมากขึ้น พระยาศรีสิทธิสงครามเห็นว่าอารมณ์คนเดือดได้ที่แล้ว ถึงเวลาที่จะกระทำการใหญ่ได้ เมื่อจุดประเด็นกับพวกนายทหารนอกประจำการที่เคยโดนผลกระทบจากการถูกปลดออกใหม่ๆ และระดับคุมกำลังที่เคยโดนโยกย้ายสมัยพระยาทรง ส่วนใหญ่ก็บอกว่าจะเอาด้วย

หลวงพิบูลเองก็ได้รับรายงานจากหลวงอดุล หัวหน้าตำรวจสันติบาลว่ามีการเคลื่อนไหวที่ผิดสังเกตุ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะทำอะไร  จึงร่างสาส์นขึ้นมาฉบับหนึ่ง ความตอนสำคัญมีดังนี้

“…..บัดนี้ปรากฏตามทางสืบสวนว่า ท่านได้มีประชุมและคิดอยู่เสมอในอันที่จะทำให้เกิดความความไม่สงบแก่บ้านเมือง และทำให้รัฐบาลมีกังวล ซึ่งเป็นเหตุให้การบริหารบ้านเมืองไม่ก้าวหน้าดังที่ควรจะเป็น ในฐานะที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ก็ขอเตือนให้ท่านสงบจิตเสีย หากท่านยังขืนจุ้นจ้านอีก คณะผู้ก่อการก็ตกลงจะกระทำการอย่างรุนแรง ที่กล่าวมานี้มิใช่ขู่เข็ญ แต่เป็นการเตือนมาเพื่อความหวังดี….”

จดหมาย“ปราม” นี้ ส่งไปขอแสดงความนับถือยังนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน และหม่อมเจ้าสายราชสกุลสวัสดิวัตน์สองสามองค์ที่ใกล้ชิดกับวังศุโขทัย รวมทั้งพระองค์เจ้าบวรเดชด้วย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 09:47
พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช คือผู้ที่ทรงเคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆมาหลายตำแหน่งตั้งแต่รัชกาลก่อน เช่นทรงเป็นอุปราชมณฑลพายัพ และแม่ทัพใหญ่มณฑลอีสาน ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เลื่อนฐานันดรศักดิ์จากหม่อมเจ้าเป็นพระองค์เจ้า สุดท้ายในตอนต้นรัชกาลที่ ๗  ทรงเป็นถึงเสนาบดีกระทรวงกลาโหม แต่ทรงลาออกจากตำแหน่งหลังจากแพ้มติที่ทรงเสนอให้ขึ้นเงินเดือนทหารในที่ประชุมเสนาบดีสภา  ซึ่งที่ประชุมไม่เห็นด้วยเพราะกำลังเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ มีแต่จะต้องตัดงบประมาณลง ถึงกับมีการทุ่มเถียงกันอย่างรุนแรงกับเจ้านายระดับสูงหลายพระองค์ แถมกระทบกระเทียบไปถึงบรรพบุรุษทางมารดาของท่านเข้าให้ด้วย กระทั่งเข้าหน้ากันไม่ติดหลังจากนั้น
 
ข่าวว่าทรงลาออกเพราะต่อสู้เพื่อลูกน้อง ทำให้พระองค์เจ้าบวรเดชได้ใจจากนายทหารทั้งหลายพอสมควร ทำให้ทรงคิดว่าคนพวกนี้จะเป็นฐานสนับสนุนพระองค์ในอนาคตด้วย ทรงคิดผิด เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ในความเป็นจริงแล้ว คนส่วนใหญ่จะเห็นว่าผลประโยชน์ตรงหน้าสำคัญกว่าบุญคุณในอดีต

ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น นายทหารนักเรียนนอกหัวก้าวหน้ากลุ่มหนึ่งได้ใช้สนามเทนนิสแถวถนนวิทยุเป็นที่สังสรรแลกเปลี่ยนทรรศนะทางการเมืองกัน  เรื่องส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นความไม่พอใจต่อระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่เอื้ออำนวยให้พวกเจ้านายและขุนนางที่ใช้ไม่ได้ มีอำนาจเหนือแผ่นดินแล้วทำกร่างโดยไม่นึกถึงว่าจะกระทบไปถึงพระเจ้าอยู่หัว แปลกที่สโมสรแห่งนี้จะมีเจ้าองค์หนึ่งไปปรากฏร่วมกับเขาด้วยเป็นครั้งคราว คือพระองค์เจ้าบวรเดช วันหนึ่งหลังจากทรงลาออกจากราชการแล้ว พระยาพหลเคยทูลถามเปรยๆทีเล่นทีจริงว่ากรุงเทพฯนี่ถ้าจะยึดให้ได้ง่ายๆ เงียบๆ จะทำอย่างไรดี ทรงรับสั่งตอบทันควัน เหมือนทรงรู้อะไรดีว่านายทหารแถวนี้คิดอะไรกันอยู่ว่า “ยึดกรุงเทพฯได้แล้วเราจะทำอะไรต่อไป จะให้อะไรที่ดีขึ้นแก่ราษฎร และพรรคพวกของเราจะรักษาสัจจะได้แค่ไหน หัวใจมันอยู่ตรงนี้...”

ว่ากันว่า การจับเจ้าบางองค์เป็นตัวประกันก็เป็นแผนที่มาจากการสนทนาทีเล่นทีจริงของเจ้าองค์นี้ด้วย จึงไม่แปลกอะไรที่เช้าวันที่๒๔มิถุนายนนั้น จะมีคนเห็นพระองค์เจ้าบวรเดชทรงชุดกีฬาเทนนิสสีขาว ไปเดินเล่นหน้าพระที่นั่งอนันต์โดยไม่กลัวว่าจะถูกจับเป็นตัวประกันกับเขาเข้าบ้าง แถมยังเลียบๆเคียงๆทหารขอเข้าพบพระยาพหลซะด้วย ผู้ก่อการคนหนึ่งเขียนความทรงจำเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ“ชีวิต๕แผ่นดินของข้าพเจ้า”ว่า ทรงถามพระยาพหลทำไมไม่เอาท่านเป็นหัวหน้า  ซึ่งพระยาพหลทูลตอบว่า ถามคนอื่นแล้ว เขาไม่เอากัน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 10:09
พระองค์บวรเดชเป็นเจ้านายกลุ่มที่อยากให้สยามเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยมาช้านานแล้ว กรมพระนครสวรรค์ซึ่งความจริงก็อยู่ในกลุ่มความคิดเดียวกันจึงรับสั่งถามเมื่อคณะราษฎร์จับพระองค์เป็นตัวประกันว่า ใครเป็นหัวหน้า พระองค์บวรเดชใช่ไหม น่าสงสารเจ้านายหัวนอกองค์นี้ที่ไม่มีใครเชื่อว่าทรงเป็นนักประชาธิปไตย เพราะนิสัยเจ้ายศเจ้าอย่าง ชอบวางองค์ข่มผู้อื่น  เมื่อทรงผิดหวังกับคณะราษฎรที่มองข้ามเศียร จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายที่จะสอดองค์เข้าไปเป็นผู้นำการปฏิวัติแทนพระยาศรีสิทธิสงคราม  โดยไม่ทรงสังหรณ์สักนิดว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของคณะกู้บ้านกู้เมือง แม่ทัพนายกองหลายคนสะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันทีว่าหากทำสำเร็จแล้ว ระบอบราชาธิปไตยจะฟื้นกลับมาอีกโดยมีภาพและฐานันดรศักดิ์ของพระองค์เจ้าบวรเดชหลอนอยู่  ผู้บังคับกองพันในพระนครคนสำคัญๆหลายนายนั้น นอกจากจะไม่เอาด้วย ยังเปลี่ยนใจไปอยู่ข้างรัฐบาลและมารบกับคณะกู้บ้านกู้เมือง ภายหลังจากนั้นอีกไม่นาน

ตอนที่ทรงได้รับจดหมายเตือนจากหลวงพิบูล คนอื่นก็เข้าไปเคลียร์ตนเองหมดขาดแต่พระองค์ที่ทรงมีทิฐิมานะสูงเกิน จะว่าไปแล้ว จดหมายฉบับนี้ เลยทำให้ทรงทราบว่าพวกคณะกู้บ้านกู้เมืองน่าจะกำลังทำอะไรอยู่แน่ๆ และน่าจะขาดอะไรสักอย่างหนึ่งด้วย จึงทรงหาเงิน๒๐๐,๐๐๐ บาทไว้แสดงในระหว่างการเปิดตัว และคงต้องตรัสความนัยอะไรออกไปบ้างจนแกนนำคณะกู้บ้านกู้เมืองยอมรับ ชูพระองค์เป็นแม่ทัพใหญ่แทนพระยาศรีที่ยอมลดตนเองลงมาเป็นรอง

หลังปราบกบฏจบแล้ว รัฐบาลพบหลักฐานว่า เงิน๒๐๐,๐๐๐ บาทนั้น ถูกจ่ายให้พระองค์เจ้าบวรเดชโดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระปกเกล้าฯจึงทรงเป็นเป้าให้พวกแอนตี้เจ้าทั้งหลายโจมตีอย่างสาดเสีย ทั้งๆที่ทรงปฏิเสธว่า ไม่ได้ทรงทราบเรื่องหรือรู้เห็นเป็นใจมาก่อนเลย เมื่อทรงทราบนั้นก็เกินแก้แล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ที่คุมสำนักงานทรัพย์สินฯมีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้โดยไม่จำเป็นต้องกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตทุกครั้งก็คือกรมพระสวัสดิวัตนวิศิษฎ์ พระพระสัสสุระ(พ่อตา)ของพระเจ้าอยู่หัว พวกที่โจมตีก็ทราบอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เจตนาจะมิเอ่ยถึง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: กระต่ายหมายจันทร์ ที่ 24 มิ.ย. 12, 17:30
ลงชื่ออ่านด้วยคนค่ะ กระทู้คุณภาพพลาดไม่ได้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 18:48
ขอบคุณครับ

เดื๋ยวค่ำๆจะมาต่ออีกยก


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 19:45
พระองค์เจ้าบวรเดชเมื่อเข้าไปเป็นใหญ่ก็เปลี่ยนแผนของพระยาศรีสิทธิสงคราม ซึ่งวางกลยุทธไว้ว่าจะใช้วิธีจู่โจมจับคนสำคัญในคณะรัฐบาล ซึ่งขณะนั้นมีที่พักรวมกันอยู่ในวังปารุสกวัน โดยจะใช้ทหารหัวเมืองชั้นในที่อยู่ในคาถาของตนเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน จี้รถไฟมาลงที่สถานีจิตรลดาแล้วตรงเข้ายึดวังปารุสก์  โดยทหารในพระนครอีกส่วนหนึ่งที่คุยๆกันไว้แล้ว อย่างพันตรีหลวงวีรโยธา ผู้บังคับกองพันทหารราบที่๖ (ปัจจุบันคือพล.๑) ซึ่งตั้งอยู่หลังวังปารุสก์นั่นเอง จะเข้าสกัดหากมีฝ่ายรัฐบาลเคลื่อนพลออกมาต่อสู้  แต่พระองค์เจ้าบวรเดชทรงเห็นว่าถ้าบุกเข้าตีรังแตนตรงๆอย่างนั้น คงจะได้มีเลือดตกยางออกแน่ ทรงมีแนวความคิดแค่ให้ระดมกำลังทหารหัวเมืองมาแสดงพลังให้มากที่สุด โดยยึดดอนเมืองเป็นฐาน  เอากำลังพลที่เยอะกว่าขู่ให้ทหารฝ่ายรัฐบาลใจฝ่อ หลังจากนั้นจึงทำการเจรจาบีบให้รัฐบาลถอดใจลาออก จะได้จบกันไปโดยดีแบบไม่มีใครเสียเลือดเนื้อให้พระเจ้าอยู่หัวต้องเสียพระทัย
 
พระยาศรีสิทธิสงครามไม่เห็นด้วยกับแผนที่กลัวๆกล้าๆแต่ตั้งชื่อเสียหรูว่า“แผนล้อมกวาง”นั้นเลย แต่จำเป็นต้องยอมปฏิบัติตาม และในที่สุดก็ลงเอยแบบ "ไอ้เดชหนี ไอ้ศรีตาย" ดังที่ทหารเลวทั้งสองฝ่ายเอามาเมาท์กัน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 20:04
ปฎิบัติการทางทหาร


สรุปยุทธศาสตร์ของคณะกู้บ้านกู้เมืองมีดังนี้

๑) ให้ผู้แม่ทัพเดินทางขึ้นไปอีสานเพื่อรวบรวมกำลังทหาร ทั้งโคราช อุดรและอุบลแล้วยกมาพระนคร ใช้ดอนเมืองเป็นฐานบัญชาการ
๒) ให้พระยาเสนาสงครามไปเกลี้ยกล่อมให้ทหารลพบุรีและนครสวรรค์ ลงมาสมทบกับพระยาศรีสงครามที่จะนำทหารจากอยุธยาเข้ายึดดอนเมืองรอไว้ โดยทหารนักบินบางส่วนจะร่วมมือ และทหารพิษณุโลกจะเป็นกำลังหนุน
๓) ทหารปราจีนบุรีและฉะเชิงเทราจะเข้ามายึดสถานีมักกะสันและสถานีคลองตัน
๔) ทหารราชบุรีและเพชรบุรี จะเข้ามายึดตลิ่งชัน สะพานพระราม๖ และสถานีบางกอกน้อย
๕) ทหารในพระนครจะนิ่งเฉย ขัดขืนคำสั่งรัฐบาล
๖) วันลงมือปฏิบัติการ ๑๐ตุลาคม๒๔๗๖

เข้าใจว่าค่าใช้จ่ายงวดแรกต้องมี และหน่วยที่อยู่ใกล้ๆเจ้ามือคงรับกันไปแล้ว เพราะงบเดินทาง เบี้ยเลี้ยงทหารฯลฯไปขอเบิกจากหลวงไม่ได้เหมือนภาระกิจปกติ ส่วนหน่วยที่อยู่ไกล เงินยังไม่มา งานก็ไม่มี นี่ก็แน่นอน

วันที่๓ตุลาคม๒๔๗๖ แม่ทัพใหญ่พร้อมด้วยทหารใหญ่นอกราชการระดับขุนนาง พระ พระยากันทั้งนั้นก็ได้เล็ดลอดการติดตามของสันติบาล ปลอมตัวนั่งรถไฟชั้น๓มุ่งหน้าสู่นครราชสีมาอันเป็นฐานกำลังของพระองค์เจ้าบวรเดช ที่ทรงเคยมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ในอดีต
สมัยนั้นภาคอีสานตั้งแต่นครราชสีมาขึ้นไปมีกำลังทหารประจำอยู่เพียง๓จังหวัดคือ ที่นครราชสีมามีทหารราบ๒กองพัน จังหวัดอุบลราชธานีมี๑กองพัน และที่จังหวัดอุดรธานีอีก๑ รวมเป็นทหารราบ๔กองพัน ทหารปืนใหญ่ที่นครราชสีมา๒กองพัน ทั้งหมดนี้ยอมเข้าร่วมคณะกู้บ้านกู้เมืองกับพระองค์เจ้าบวรเดช  
ทางใต้ลงมา กองพันทหารม้าที่๔ จังหวัดสระบุรี กับกองพันทหารช่างที่๒จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทหารทั้งสองกองพันนี้ตกลงเข้าร่วมด้วยเพราะผู้บังคับกองพันทั้งสองนาย อดีตเป็นศิษย์รักของพระยาศรีสิทธิสงคราม


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 24 มิ.ย. 12, 20:10
คุณชีพธรรมนี่ ถ้าจำไม่ผิดเป็นนักข่าวช่อง 9 นี่ครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: Phattranit ที่ 24 มิ.ย. 12, 22:16
รายงานตัวเข้าเรียนค่ะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 22:26
อ้างถึง
คุณชีพธรรมนี่ ถ้าจำไม่ผิดเป็นนักข่าวช่อง 9 นี่ครับ
เห็นในบล๊อก บอกว่าเป็นนักข่าว และนักจัดรายการครับ ผมไม่ทราบมากกว่านั้น
.
.
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทายด้วยนะครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 22:31
วันที่๑๐ตุลาคม๒๔๗๖ เวลาประมาณ๐๙.๐๐
นับเป็นเวลา๑ปี กับ๔เดือนเท่านั้นหลังจากคณะราษฎรเปลี่ยนแปลงการปกครองของสยามมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทหารกลุ่มหนึ่งพร้อมอาวุธครบมือก็บุกเข้ายึดที่ทำการเทศาภิบาลจังหวัดนครราชสีมา แล้วคุมตัวผู้รักษาราชการจังหวัด พร้อมกับข้าราชการใหญ่น้อยอีกหลายนายไปกักขังไว้ ในเวลาเดียวกัน พลเอกพระองค์เจ้าบวรเดช พร้อมด้วยพันโทพระปัจนึกพินาศ(แปลก เอมะศิริ)ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกนครราชสีมาและคณะนายทหารติดตามก็ตบเท้าเข้าสู่ศาลา”ร่วมเริงชัย” ในกรมทหารที่ทุกวันนี้คือค่ายสุรนารี แล้วเปิดการประชุมนายทหารและข้าราชการที่ได้รับเชิญมาเพื่อแจ้งว่า ทางพระนครเกิดเหตุร้าย รัฐบาลเอาหลวงประดิษฐ์กลับมาเป็นรัฐมนตรี เพื่อจะเอาระบอบคอมมิวนิสต์มาใช้และยกเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์ คณะกู้บ้านกู้เมืองจึงจำเป็นจะต้องนำทหารเข้าไปปราบปราม ขอให้บรรดาข้าราชการจงปฏิบัติงานไปตามหน้าที่ อย่าได้กระทำการใดเป็นที่ขัดขวางเป็นอันขาด คณะกู้บ้านกู้เมืองได้ยึดนครราชสีมาไว้ในอำนาจแล้ว  หลังจากนั้นก็ได้ประกาศกฎอัยการศึก และเรียกทหารกองหนุนเจ้าประจำการทันที
 
นอกจากกำลังทหารอีสานที่กล่าวไปแล้ว คณะกู้บ้านกู้เมืองยังมีความหวังที่จะได้กำลังทหารราบจากหัวเมือง ครบตามแผนล้อมกวาง ส่วนทหารเรือแม้ว่าทาบทามไปแล้วยังไม่ได้ตอบตกลง แต่ก็มั่นใจว่าจะเข้าร่วมแน่หลังวันดีเดย์เหมือนทหารทางจังหวัดภาคเหนือ  เดิมกำหนดนัดหมายจะเคลื่อนกำลังพลทุกฝ่ายถึงพระนครพร้อมกันในวันที่๑๐ แต่ได้เลื่อนออกเป็นวันที่๑๑ เข้าใจว่าองค์แม่ทัพอยากจะรอทหารจากอุดรที่รับปากว่าจะมาสมทบ แต่ยังมาไม่ทัน เพราะต้องเดินทางมาตามทางเกวียนจนถึงขอนแก่นเพื่อจับรถไฟที่นั่น
การเลื่อนวันนัดหมายออกไปแต่ไม่แจ้งสาเหตุชัดเจนเช่นนั้น ทำให้ทหารปราจีนบุรีและราชบุรีเกิดระแวงขึ้นมาทันที เลยนิ่งเฉยรอดูสถานะการณ์ไม่เข้ากรุงมาตามแผน พอเห็นว่าท่าจะไม่รุ่งแน่ ใครเล่าจะอยากอยู่ข้างผู้แพ้  รีบกลับหลังหันวันทยาวุธไปเข้ากับฝ่ายรัฐบาลดีกว่า

อันที่จริง กำลังพลในเมืองกรุงแม้นับหัวแล้วจะน้อยกว่าแต่ก็ถือว่าไม่เป็นรอง กำลังทหารราบในพระนครมี๘กองพัน แต่ก็มีหน่วยพิเศษสนับสนุน ทั้งรถถัง ปืนใหญ่ และยุทโธปกรณ์ทันสมัยอื่นๆที่มีอำนาจการยิงเหนือกว่าทหารหัวเมืองมาก ซ้ำทหารปืนใหญ่ที่โคกกระเทียมยังจงรักภักดีต่อพระยาพหล  พร้อมจะสกัดกั้นทหารนครสวรรค์และทหารทางภาคเหนือที่จะยกลงมาสมทบได้  เหตุนี้เอง เมื่อพลตรีพระยาเสนาสงครามไปนำทหารนครสวรรค์เข้าพระนครจึงทำไม่ได้ตามแผน  ขบวนรถไฟที่จี้มาต้องหยุดก่อนถึงโคกกระเทียม เพราะปืนใหญ่ที่ทหารฝ่ายรัฐบาลเข็นขึ้นตั้งจังก้าไว้บนรางรถไฟ ตนเองกว่าจะเล็ดลอดลงเรือมาสมทบกับพรรคพวกได้ก็สายเกิน



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 มิ.ย. 12, 22:46
คืนวันที่๑๑ตุลาคม พันเอกพระยาศรีสิทธิสงครามได้นำทหารช่างอยุธยา๒กองพันภายใต้บังคับบัญชาของอดีตศิษย์ก้นกุฏิ ลงเรือโยงใช้เรือกลไฟลากจูงล่องมาขึ้นที่รังสิตกลางดึก แล้วนำทหารเดินตามทางรถไฟมุ่งสู่ดอนเมือง เข้าประตูกรมอากาศยานอย่างสะดวกโยธินตอนตีสี่ของเช้าวันที่๑๒  เพราะนายทหารอากาศชั้นผู้ใหญ่เปิดทางให้ดังที่ตกลงไว้ เมื่อเป่าแตรเรียกประชุมนายทหารเป็นการด่วนหลังพระอาทิตย์ขึ้น ก็ประกาศว่าคณะกู้บ้านเมืองได้ยึดดอนเมืองไว้แล้ว ขอให้ทหารอากาศทุกคนฟังคำสั่งของพระยาศรีสิทธิสงครามต่อไป
เวลานั้น นักบินจากฐานบินอื่นๆหลายสิบคนซึ่งได้รับคำสั่งลวงให้มาแข่งเทนนิสที่ดอนเมือง โดยให้นำเครื่องบินรบประจำตัวมาด้วย ได้รู้ตัวว่าถูกผู้ใหญ่หลอกมาเป็นเครื่องมือเสียแล้ว จึงประกาศวางตนเป็นกลาง ไม่เข้ากับฝ่ายใด ซึ่งพระยาศรีสิทธิสงครามก็มิได้ทำอะไรรุนแรง ได้แต่ส่งทหารช่างอยุธยาส่วนหนึ่ง ขึ้นมายึดสถานีรถไฟบางเขนไว้
 
เหตุการณ์ทางนครราชสีมา เมื่อยึดอำนาจการปกครองจังหวัดและจัดกำลังแล้ว ก็เคลื่อนขบวน”ทัพหลวง” เข้าพระนคร มีกองระวังหน้า๒หมวด ใช้รถไฟขบวนเล็กวิ่งล่วงหน้าไปก่อน ตามด้วยขบวนหลักใช้รถข.ต.(ข้างต่ำ)บรรทุกปืนใหญ่ภูเขาข้างหน้า๒กระบอก หลัง๓กระบอก ประกบรถโดยสารบรรทุกทหารราบ ทหารม้าและทหารปืนใหญ่ทั้ง๕กองพัน และรถกองบัญชาการของแม่ทัพบวรเดชกับฝ่ายเสนาธิการที่หอบหิ้วกันมาจากกรุงเทพ  เริ่มเคลื่อนขบวนสู่พระนครเมื่อเวลาประมาณ๑๗.๐๐น. มีพระสงฆ์สวดชยันโตพร้อมประพรมน้ำพระพุทธมนต์แก่ทหารทุกนาย ชาวโคราชพากันแห่มาส่งทหารคับคั่ง ส่งเสียงไชโยโห่ร้องสนั่นหวั่นไหว ขวัญและกำลังใจของทหารขณะนั้นเป็นเยี่ยม
 
เนื่องจากขบวนรถอันยาวเหยียดไม่อาจใช้ความเร็วตามปกติได้ กองระวังหน้าซึ่งทิ้งระยะห่างจากขบวนกองบัญชาการใหญ่ถึง๑กิโลเมตรต้องจอดแล้วจอดอีกเพื่อรอ  กว่าจะประคองกันถึงสถานีรถไฟปากช่องก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว ตลอดทางที่ผ่านมา ได้หยุดตามสถานีต่างๆเพื่อดูโทรเลขรายงานความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาลอยู่เป็นระยะๆ

ในเวลาไล่เลี่ยกันกับที่ทหารคณะกู้บ้านกู้เมืองเคลื่อนพลเข้าพระนครนั่นเอง ทางฝ่ายรัฐบาลซึ่งทราบรายงานจากสายลับว่าพระองค์เจ้าบวรเดชไปเคลื่อนไหวอยู่ที่โคราชอย่างผิดปกติ ก็ให้พันตำรวจโทพระกล้ากลางสมร(มงคล หงษไกร)นำตำรวจสันติบาลประมาณ๓๐นาย จัดรถไฟด่วนพิเศษไปนครราชสีมาเพื่อบุกเข้าจับกุม พระองค์เจ้าบวรเดชทรงได้รับรายงานทางโทรเลขจากสถานีต่างๆ ก็เตรียมรับมือรถไฟขบวนนี้อยู่ที่สถานีปากช่อง ซึ่งร้อยโทจรูญ ปัทมินทร์ ผู้บังคับหมวดของกองระวังหน้าสั่งตั้งปืนกลเบา ๒กระบอกไว้สองข้างทางรถไฟ  เมื่อส่งสัญญาณสั่งให้รถหยุดแล้วไม่ได้ผล ร้อยโทจรูญจึงสั่งระเบิดกระสุนชุดแรกของสงครามกลางเมืองนี้ไปที่รถโบกี้ที่กำลังจะแล่นผ่านอย่างรวดเร็วนั้น เมื่อถูกยิงกราดพขร.จึงหยุดขบวนรถ ปรากฏว่าตำรวจตาย๒นาย บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ที่เหลือยอมจำนน พระองค์เจ้าบวรเดชก็ให้ควบคุมตัวพระกล้ากลางสมรกับตำรวจทั้งหมดไว้ในขบวนแล้วสั่งเคลื่อนพลต่อ เมื่อขบวนรถผ่านจังหวัดสระบุรีให้เอาศพตำรวจลงไปฝัง ขณะรับกองพันทหารม้าที่๔ซึ่งรออยู่ที่สถานี ขึ้นรถไฟสู่พระนคร

กว่ากองกำลังส่วนใหญ่จากนครราชสีมาจะมาถึงดอนเมืองก็บ่ายคล้อยของวันที่๑๒ตุลาคม พระยาศรีสิทธิสงครามก็รีบส่งทหารม้าสระบุรีซึ่งเป็นหน่วยรบมีอาวุธดีกว่าทหารช่าง ขึ้นไปสับเปลี่ยนกำลังที่สถานีบางเขน ให้ทหารราบนครราชสีมาไปเป็นกองหนุน  เนื่องจากกรุงเทพเดือนตุลาเป็นฤดูน้ำหลาก สองข้างทางรถไฟเจิ่งนองไปด้วยน้ำ ทหารทั้งหมดจึงอยู่ได้แต่บนแนวราง เรียงรายเป็นทางยาวจากสถานีรถไฟบางเขนจนถึงสถานีหลักสี่  ดูแน่นดีดังแผนของพระองค์เจ้าบวรเดชที่ต้องการสร้างภาพไว้ขู่  ก่อนขอเปิดเจรจาความเมืองกับรัฐบาล
ทรงฝันว่าจะจบได้ง่ายๆเพราะสำคัญว่าองค์ท่านเป็นปูชนียบุคคลของทหารทั้งปวง  ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมิใช่เช่นนั้น


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 06:10
วันนั้นเองในฐานะหัวหน้า”คณะกู้บ้านกู้เมือง” พระองค์เจ้าบวรเดชก็ออกแถลงการณ์เป็นใบปลิวโรเนียว ให้นักบินจากโคราชขึ้นเครื่องไปโปรยในพระนครและจังหวัดใกล้เคียง มีข้อความดังนี้


                                                              ประกาศ

จำเดิมแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งพระราชอาณาจักรสยามแล้ว พวกเราทั้งหลายต่างเปี่ยมด้วยความหวังที่จะได้ประสบผลแห่งความจำเริญรุ่งเรืองและความสุขสมบูรณ์ตามทางที่ควรจะเป็นไป แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม เพราะหลวงประดิษฐมนูธรรมและพรรคพวกได้อาศัยรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องกำบัง พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญทางเศรษฐกิจไปในทางลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยวิธีการอันเป็นอุบายในทางอ้อมที่จะบังคับข่มขู่ให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการไปตามความปรารถนาของตน จึงต้องทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปิดสภาผู้แทนราษฎร และให้หลวงประดิษฐมนูธรรมออกไปเสียจากพระราชอาณาจักรแล้วได้ตราพระราชบัญญัติปราบปรามคอมมิวนิสต์ขึ้นไว้ดั่งที่ได้ทราบกันอยู่ทั่วไปแล้ว ต่อมามิช้าพรรคพวกของหลวงประดิษฐมนูธรรมกลับใช้อุบายเข้าทำการยึดอำนาจและเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสมาชิกส่วนมากเป็นพรรคพวกของตนปกครองโดยอาศัยอำนาจกำลังทหารเป็นเครื่องมือกดขี่ข่มขู่ผู้ที่มิได้มีความผิด จัดการให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องจำพระราชหฤทัยพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้เรียกหลวงประดิษฐมนูธรรมกลับเข้าเป็นรัฐมนตรี และทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญโดยปล่อยให้พรรคพวกทำการเผยแพร่ความดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพื่อให้บังเกิดความเกลียดชังและทำลายล้างความเลื่อมใสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้แสดงว่ารัฐบาลของพวกนี้มีความปรารถนาจะแสวงหาอำนาจเพื่อยึดการปกครองไว้ในมือตลอดไป และคิดจะกำจัดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเปิดทางให้ดำเนินการหันเข้าหาลัทธิคอมมิวนิสต์ในภายหน้า

            บัดนี้ข้าราชการทหารและพลเรือนทั่วราชอาณาจักรเล็งเห็นภัยอันจะเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองและประชาชาติไทยในอนาคต โดยน้ำมือพวกที่เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินเหล่านี้ซึ่งมีหลวงประดิษฐมนูธรรม พระยาพหลพลพยุหเสนา หลวงพิบูลสงคราม หลวงศุภชลาศัย เป็นตัวการ จึงพร้อมใจกันที่จะปราบปรามบุคลดังกล่าวนามมาแล้ว และพรรคพวกของบุคคลเหล่านี้เสีย เพื่อกู้ชาติบ้านเมืองไว้ให้รอดพ้นจากความหายนะ และให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการเพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของบ้านเมือง ตามหลักความมุ่งหมายดังต่อไปนี้
 
๑. ต้องจัดการทุกอย่างที่จะอำนวยผลประโยชน์ให้ประเทศสยาม มีพระมหากษัตริย์ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญชั่วกัลปาวสาน
๒.ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญโดยแท้จริง เฉพาะอย่างยิ่งก็คือการตั้งและถอดถอนคณะรัฐบาลต้องเป็นไปตามเสียงหมู่มาก โดยเหตุนี้ต้องยอมให้มีคณะการเมืองที่ชอบด้วยกฎหมาย
๓.ข้าราชการที่อยู่ในตำแหน่งประจำการทั้งทหารและพลเรือนต้องอยู่นอกการเมือง เว้นแต่ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งซึ่งมีหน้าที่อยู่ในการเมืองโดยตรง แต่ความข้างต้นนั้นไม่ตัดสิทธิ์ในการที่ข้าราชการประจำจะนิยมยึดถือลัทธิการเมืองใดๆ ที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ก็ห้ามมิให้ใช้อำนาจหรือโอกาสในตำแหน่งหน้าที่ เพื่อสนับสนุนเผยแพร่ลัทธิที่ตนนิยม หรือเพื่อบังคับขู่เข็ญโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้คนอื่นถือตามลัทธิที่ตนนิยมนั้นเป็นอันขาด ตำแหน่งฝ่ายทหารตั้งแต่ผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารเรือลงไป ต้องไม่ให้มีหน้าที่ทางการเมือง
๔.การแต่งตั้งบุคคลในตำแหน่งราชการ จักต้องถือคุณวุฒิความสามารถเป็นหลัก ไม่ถือเอาความเกี่ยวข้องในทางการเมืองเป็นความชอบ หรือเป็นข้อรังเกียจในการบรรจุหรือเลื่อนตำแหน่ง
๕.การเลือกตั้งผู้แทนราษฎรประเภทที่ ๒ ต้องถวายให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเลือก
๖.การปกครองกองทัพบก จักต้องให้มีหน่วยผสมตามหลักยุทธวิธี เฉลี่ยอาวุธสำคัญแยกกันไปประจำท้องถิ่นมิให้มีกำลังเป็นส่วน
เพราะฉะนั้นจึงขอประกาศแก่ข้าราชการทหารและพลเรือน ตลอดจนประชาราษฎรทั่วไป จงเห็นแก่ชาติบ้านเมืองอันเป็นที่รักของเราทั้งหลาย จงช่วยกันปราบปรามบุคคลที่เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินดังกล่าวมาแล้ว และผู้ที่ทำการขัดขวางช่วยเหลือบุคคลเหล่านั้นเสีย ถ้าผู้ใดไม่อยากเกี่ยวข้องก็ขอให้รักษาความสงบ อย่าได้ออกมาพลุกพล่านเป็นอันขาด

            อนึ่ง ขอประกาศให้ทราบไว้ด้วยว่า บรรดาผู้ที่ทำการครั้งนี้มิได้มีความปรารถนาลาภยศ หรืออำนาจอย่างหนึ่งอย่างใดตั้งใจทำความสงบสุขของบ้านเมืองและปวงประชาราษฎร์เท่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อได้ทำการสำเร็จแล้ว ผู้ที่มิได้อยู่ในประจำการก็จะไม่มุ่งหมายเอาตำแหน่งราชการเป็นเครื่องตอบแทนแต่อย่างใดเลย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 06:31
นอกจากนี้พระองค์เจ้าบวรเดชยังได้ยื่นคำขาดต่อรัฐบาล โดยแต่งตัวแทน ให้นาวาเอกเอกพระแสงสิทธิการ ทหารเรืออดีตนายธงของกรมพระนครสวรรค์ เป็นผู้นำไปยื่นต่อพระยาพหลที่วังปารุสกวัน เพื่อให้ดำเนินการทางการเมืองตามสาระสำคัญ๖ข้อเหมือนในใบปลิว แต่เพิ่มประการสุดท้ายตลกดี  คือ พระองค์เจ้าบวรเดชได้ทรงขอให้รัฐบาลออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมต่อการปฏิบัติทางทหารครั้งนี้ให้ด้วย

 
ผมคิดยังไม่บรรลุว่า ตกลงถ้ารัฐบาลรับปากว่าจะยอมทำ๖ข้อนั่น ท่านก็จะให้เขาเป็นรัฐบาลต่อไปแต่ต้องนิรโทษกรรมให้พวกฉัน แล้วถือว่าเจ๊ากันไป จูบปากปรองดองกันดีกว่าหรือไฉน อ้าว..แล้วต่อมาถ้าเขาเบี้ยว หาเรื่องจับท่านกระทงอื่นทีหลัง ท่านก็เสร็จเขาซิ ทำไหม๋ ถ้ามีโอกาสเขายอมให้แล้ว ท่านไม่เปลี่ยนรัฐบาลไปซะเลย แล้วจึงค่อยขอให้รัฐบาลใหม่ออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้คณะปฏิวัติ
 
ผมว่าท่านแม่ทัพคงจะสับสนหนัก อาจโดนพระยาศรีต่อว่าต่อขานรุนแรงเรื่องผิดนัดเสียแผน แล้วยังมาสายโต่งซะอีกก็ได้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 06:46
ข้อเสนอคณะฝ่ายกู้บ้านเมืองไม่ได้มีน้ำหนักอะไรเลยที่จะทำให้รัฐบาลสะทกสะท้าน พระแสงสิทธิการถูกจับกุมทันทีในข้อหาเป็นกบฏ แผนล้อมกวางของพระองค์เจ้าบวรเดชนั้นออบแบบไว้สำหรับพวกกวางพวกเก้ง แต่ใช้ไม่ได้กับเสือสิงห์กระทิงแรด เวลานั้นในพระนครมีหน่วยรบใหม่ที่เพิ่งตั้งหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ชื่อว่ากรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน มีอาวุธทันสมัยที่สุดของโลกในยุคนั้น ย่อมไม่ต้องกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเพียงแต่แว่วข่าวว่านายทหารนอกราชการเคลื่อนไหวผิดปกติ หลวงพิบูลในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกผู้กุมอำนาจตัวจริง ก็ออกคำสั่งกองพันทหารปืนใหญ่ที่อยู่ในต่างจังหวัดและกองบินต่างๆ(เวลานั้นกรมอากาศยานขึ้นอยู่กับกองทัพบก)ให้ส่งกระสุนปืนใหญ่และลูกระเบิดในคลังทั้งหมดกลับคืนให้กรมช่างแสง อ้างว่าเพื่อตรวจสอบและเปลี่ยนดินปืน ด้วยเหตุนี้กองพันทหารปืนใหญ่ทั้งหลายจึงไม่มีกระสุนจริง คงมีแต่กระสุนซ้อมรบ กองบินทุกแห่งก็ไม่มีระเบิดจริงมีแต่ระเบิดที่หล่อด้วยซีเมนต์ใช้สำหรับฝึก กระสุนปืนเล็กยาวและปืนกลก็มีจำกัด ทหารหัวเมืองจึงได้รับแจกกระสุนมารบเพียงคนละ๖๐นัด ปืนกลบอกละ๑๒๐๐นัด
การที่ฝ่ายรัฐบาลได้เตรียมรับการปฏิวัติซ้อนไว้ล่วงหน้าอย่างรอบคอบเหนือชั้นเช่นนี้  น่าแปลกที่นายทหารยุทธการระดับพระองค์เจ้าบวรเดชและเสนาธิการทั้งหลายช่างไม่ระแคะระคายเลยหรืออย่างไร


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มิ.ย. 12, 10:40
กระทู้กำลังมันส์    แต่ท่านเจ้าของกระทู้อนุญาตให้แยกซอยได้โดยไม่ถือว่าขัดจังหวะ   จึงขอเลี้ยวออกไปแนะนำความเป็นมาของบุคคลสำคัญต่างๆในกระทู้นี้  เผื่อท่านที่ยังไม่ทราบจะได้อ่านต่อเนื่องกันไปเลย

ท่านแรก คือพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดช
พระองค์เจ้าบวรเดช แม้ว่าดำรงพระยศเพียงแค่หม่อมเจ้าเมื่อประสูติ  แต่หม่อมเจ้าองค์นี้ก็ทรงเป็นถึง"หลานปู่" ในรัชกาลที่ ๔      เพราะพระบิดาเป็นพระราชโอรสลำดับที่ ๑๗ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์   ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น หรือกลิ่น

เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นเป็นสตรีทันสมัยไฮเทคในรัชกาลที่ ๔  แหม่มแอนนาสรรเสริญว่าเป็นเจ้าจอมมารดาที่สนใจร่ำเรียนภาษาอังกฤษจนถึงขั้นพยายามแปลเรื่อง ‘Uncle Tom’ s Cabin’ ด้วยตนเอง  ด้วยความซาบซึ้งกับเนื้อเรื่อง ถึงขั้นยอมปล่อยนางทาสในวังให้เป็นอิสระ  เมื่อแหม่มแอนนากลับบ้านกลับเมืองแล้ว เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นยังเขียนจดหมายเป็นภาษาอังกฤษถึงครูของท่านหลายครั้ง
จึงไม่น่าสงสัยที่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์ จะทรงเรียนภาษาอังกฤษเก่งมาแต่ยังทรงพระเยาว์   เมื่อถึงรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เป็นราชทูตประจำกรุงอังกฤษ และสหรัฐอเมริกาควบกัน   เมื่อเสด็จไปประจำอยู่ในอังกฤษก็ทรงนำครอบครัว ทั้งหม่อมและพระโอรส ๔ องค์ เสด็จไปด้วยกัน
พระโอรสทั้งสี่คือ ม.จ.จรูญศักดิกฤดากร (พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร) ม.จ.บวรเดช (พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช    ม.จ.เศรษฐศิริ   และ ม.จ. สิทธิพร 

หม่อมเจ้าบวรเดช กฤดากร ทรงศึกษาวิชาทหารจากเยอรมนี จนสำเร็จกลับมารับราชการทหาร   ทรงเสกสมรสกับ เจ้าหญิงทิพวัน ณ เชียงใหม่ ธิดาของเจ้าเทพดำรงรักษาเขตกับเจ้าแม่พิมพา กนิษฐาของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เมื่อ พ.ศ. 2445 จากนั้นทรงรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นเวลา 3 ปี หม่อมเจ้าบวรเดชได้รับแต่งตั้งให้เป็นอุปราชมณฑลพายัพ ที่เชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2458-2462
ในรัชกาลที่ 7  ทรงดำรงตำแหน่งสำคัญ เป็นถึงเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เมื่อ พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้สถาปนาเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช เมื่อ พ.ศ. 2472

จากนั้นเรื่องก็เป็นอย่างที่ท่านนวรัตนเล่าไว้ตอนต้นกระทู้  ว่าพระองค์เจ้าบวรเดช ทรงลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหมในปลายปี พ.ศ. 2474   รอยร้าวในเรื่องนี้ไม่ได้สร้างรอยแผลให้แต่เฉพาะทหารกับเจ้า ในการปรับงบประมาณเท่านั้น   แต่เจ้ากับเจ้าก็มีรอยร้าวระหว่างกันอยู่ไม่น้อย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มิ.ย. 12, 10:50
พระองค์เจ้าบวรเดชเมื่อเข้าไปเป็นใหญ่ก็เปลี่ยนแผนของพระยาศรีสิทธิสงคราม ซึ่งวางกลยุทธไว้ว่าจะใช้วิธีจู่โจมจับคนสำคัญในคณะรัฐบาล ซึ่งขณะนั้นมีที่พักรวมกันอยู่ในวังปารุสกวัน โดยจะใช้ทหารหัวเมืองชั้นในที่อยู่ในคาถาของตนเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน จี้รถไฟมาลงที่สถานีจิตรลดาแล้วตรงเข้ายึดวังปารุสก์  โดยทหารในพระนครอีกส่วนหนึ่งที่คุยๆกันไว้แล้ว อย่างพันตรีหลวงวีรโยธา ผู้บังคับกองพันทหารราบที่๖ (ปัจจุบันคือพล.๑) ซึ่งตั้งอยู่หลังวังปารุสก์นั่นเอง จะเข้าสกัดหากมีฝ่ายรัฐบาลเคลื่อนพลออกมาต่อสู้  แต่พระองค์เจ้าบวรเดชทรงเห็นว่าถ้าบุกเข้าตีรังแตนตรงๆอย่างนั้น คงจะได้มีเลือดตกยางออกแน่ ทรงมีแนวความคิดแค่ให้ระดมกำลังทหารหัวเมืองมาแสดงพลังให้มากที่สุด โดยยึดดอนเมืองเป็นฐาน  เอากำลังพลที่เยอะกว่าขู่ให้ทหารฝ่ายรัฐบาลใจฝ่อ หลังจากนั้นจึงทำการเจรจาบีบให้รัฐบาลถอดใจลาออก จะได้จบกันไปโดยดีแบบไม่มีใครเสียเลือดเนื้อให้พระเจ้าอยู่หัวต้องเสียพระทัย
 
สมมุตินะคะ  สมมุติว่าคณะกู้บ้านกู้เมืองตกลงทำตามแผนของพระยาศรีสิทธิสงคราม     ซึ่งดูๆก็น่าจะแผนเดียวกับของคณะราษฎร์ที่จู่โจมสายฟ้าแลบ  จับตัวพระบรมวงศานุวงศ์ไปคุมขังไว้เป็นตัวประกัน
เปลี่ยนเป็นว่าคราวนี้  ฝ่ายพระยาศรีฯ ตีรังแตนจับพระยาพหลฯ พระยาทรงสุรเดช พระยามโนปกรณ์ฯ  หลวงพิบูลฯ พระยาฤทธิ์อัคเนย์ และใครต่อใครที่เป็นหัวหอกของคณะราษฎร์ได้สำเร็จเรียบร้อย  เอาไปคุมขังไว้ที่วังปารุสก์กันเป็นทิวแถว
พอได้หัวใจของผู้บริหารประเทศไปอยู่ในกำมือแล้ว ก็ยื่นคำขาดให้รัฐบาลยอมแพ้
อย่างนี้พอจะยึดอำนาจได้สำเร็จไหม?

ท่านนวรัตนคิดเห็นอย่างไรคะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 11:17
นั่นก็คือการยึดอำนาจจากผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือขณะนั้น
แต่จะใช้อำนาจที่ได้มาต่ออย่างไรเพื่อบริหารประเทศชาติได้ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง รัฐบาลก็ต้องตั้งใหม่มิใช่เปลี่ยนหัวเอาตัวไว้

ถ้าจับพระยาพหล ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แล้วตั้งข้อหาหนักๆเข้าไป เท่านี้ตำแหน่งนายกก็หลุด คณะรัฐมนตรีก็ต้องเลิกแถวอยู่แล้วครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มิ.ย. 12, 11:32
ถ้าอย่างนั้น แผนตามแบบของพระยาศรีฯ ก็น่าจะรวบรัด กระชับ ฉับไว ใช้คนน้อย สิ้นเปลืองน้อย  และได้ผลกว่ายุทธวิธีล้อมกวางน่ะซีคะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 11:53
ปัญหาคือ กองบัญชาการของคณะราษฎร์สายทหารที่วังปารุสก์มีการวางกองกำลังรักษาความปลอดภัยหนาแน่น ทั้งรถหุ้มเกราะติดปืนกล และรังปืนกลประจำฐานที่มั่น มิได้หละหลวมเหมือนวังบางขุนพรหมครั้งปฏิวัติ๒๔๗๕ นั่นกรมพระนครสวรรค์ท่านมิได้ระแวงว่าใครจะปฎิวัติ เพราะทราบดีกันอยู่แล้วว่าพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานอำนาจบริหารให้เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ติดขัดเพียงเจ้านายและขุนนางแก่ๆบางคนที่ต้องการแก้ร่างธรรมนูญการปกครองโน่นนี่นั่น แต่ไม่นานก็คงอภิวัฒน์เปลี่ยนแปลง

การจู่โจมด้วยอาวุธเบาเข้ายึดวังปารุสก์ของพระยาศรีโดยไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย คงเป็นไปไม่ได้เลย น่าจะรบกันเละ และขึ้นอยู่กับทหารในพระนครด้วยว่าจะเล่นกับฝ่ายใด มันเสี่ยงเหมือนโยนหัวโยนก้อยเหมือนกัน ใครเพลี่ยงพล้ำคงถูกรุมแบบหมาหมู่สู้หมาวัด เอาไม่อยู่แน่ครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 12:25
วันที่๑๒ตุลาคม
เมื่อเกิดสถานการณ์ร้ายขึ้นมาจริงๆ หลวงพิบูลก็สั่งประชุมพลกองกำลังทหารทุกเหล่าในพระนครโดยด่วนที่ลานพระบรมรูปทรงม้าในเช้าวันนั้น และเพื่อความรอบคอบไม่ไว้ใจใครน่าไหนทั้งนั้น จึงให้ผ.บ.ทุกหน่วยขนกระสุนมากองรวมกันไว้ก่อน ทหารทุกกองพันให้สะพายมาแต่ปืนไร้กระสุน  เสร็จสรรพหลังจากนั้นจึงได้เวลาที่พระยาพหล จะประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นวาระด่วนเพื่อแจ้งการตัดสินใจของรัฐบาลว่าจะสู้และมั่นใจในชัยชนะ จากนั้นรัฐบาลก็ประกาศกฎอัยการศึกและส่งโทรเลขไปที่พระราชวังไกลกังวลกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงทราบ แล้วจึงออกแถลงการณ์ทางวิทยุกระจายเสียงให้ประชาชนทั่วประเทศฟัง มีใจความว่า พระองค์เจ้าบวรเดช พระยาศรีสิทธิสงคราม และพระยาเทพสงคราม เป็นกบฏต่อรัฐบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พยายามล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ยกเลิกรัฐธรรมนูญ เพื่อสถาปนาการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ขึ้นมาดังเดิม ซึ่งรัฐบาลจะทำการปราบปรามอย่างถึงที่สุด ซึ่งส่งผลทางจิตวิทยามากกว่าใบปลิวของฝ่ายโน้นมาก

หลวงพิบูลได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพปราบกบฏ  ออกคำสั่งให้เคลื่อนทหารจากลานพระบรมรูปทรงม้าไปยังลานสินค้าของบริษัทปูนซีเมนต์สยามที่สถานีรถไฟบางซื่อ ยันกับทางฝ่ายคณะกู้บ้านเมืองซึ่งยึดสถานีรถไฟบางเขนห่างกันห้ากิโลเมตรเศษๆ แล้วหลวงพิบูลได้สั่งการให้เอาปืนใหญ่ภูเขาแบบ๖๓มาตั้งเรียงรายเป็นตับบนถนนประดิพัทธิ์ ตั้งแต่ถนนเทิดดำริติดทางรถไฟไปถึงสะพานแดงในปัจจุบัน แล้วตนเองลงไปเป็นผู้อำนวยการยิงในฐานะทหารปืนใหญ่จบจากฝรั่งเศส โดยเริ่มยิงตั้งแต่เวลาห้าโมงเย็นไปจนพลบค่ำ ปรากฏว่ายิงไป๔๐นัด กระสุนตกลงในท้องทุ่งท้องนาหมด กุ้งหอยปูปลาตายหลายตัวแต่ทหารหัวเมืองไม่มีใครบาดเจ็บหรือแม้แต่ถลอก ทหารปืนใหญ่ฝ่ายคณะกู้บ้านเมืองก็ไม่ได้ยิงโต้ตอบแม้แต่นัดเดียว เนื่องจากที่ขนมากับรถไฟมีแต่กระสุนซ้อมรบ ถ้าไม่จ่อยิงกันแบบเผาขนก็ไม่มีความหมาย

การรบจริง กะจะเบิกโรงในวันรุ่งขึ้น ซึ่งทางวังปารุสก์จัดคิวไว้ โดยนำคำสั่งไปให้กองทัพเรือเอาเรือหลวงสุโขทัยขึ้นไปที่สะพานพระรามหก แล้วยิงถล่มดอนเมืองที่มั่นของฝ่ายกบฏที่อยู่ห่างออกไป วัดระยะด้วยกูเกิลแมปแล้วประมาณ๑๓กิโลเมตร แล้วให้วิทยุรัฐบาลออกอากาศเตือนราษฎรที่ไม่เกี่ยวข้องให้พยายามไกลๆบ.ก.กรมอากาศยานเอาไว้หน่อย เพราะรัฐบาลจะใช้ปืนเรือรบกวาดล้างฝ่ายกบฏ  ทหารที่ดอนเมืองได้ยินก็คอย่น นี่มันจะเอากันขนาดนี้เชียวรึ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 13:05
๑๓ตุลาคม
เรือปืนสุโขทัยมีปืนที่ขนาดลำกล้อง๖นิ้ว มีอานุภาพการทำลายมากที่สุดในประเทศสมัยนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ นาวาเอกพระยาวิชิตชลธีท่านเลยไม่ยอมทำตามที่วังปารุสก์ต้องการ อ้างว่าปืนใหญ่เรือรบเป็นปืนวิถีราบ ไม่เหมาะจะยิงถล่มระยะๆไกลโดยไม่มีตารางการยิงและแผนที่บอกพิกัด เมื่อวังปารุสก์ยืนยันจะให้ยิงให้ได้ ทหารเรือจึงประกาศตนเป็นกลาง แล้วถอยร.ล.สุโขทัยไปจอดทอดสมอที่สรรพาวุธบางนา


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 13:37
ไผเป็นไผ
ไผไหนเป็นเสือ ไผไหนเป็นกวาง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 13:51
รัฐบาลใช้สื่ออย่างได้ผล หลังจากรัฐบาลได้ออกแถลงการณ์ทางวิทยุกระจายเสียง เอาคำว่ารัฐบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหายไปนานแล้วกลับมาใช้เพื่อประนามพวกที่ยกมาว่าเป็นกบฏต่อแผ่นดิน  วันนี้ทั้งวันประกาศจะไม่เอาโทษต่อพวกกบฏที่จะยอมเข้ามาสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลโดยดี อาศัยช่องทางนี้ กองพันทหารราบที่๙ ปราจีนบุรีนำโดย พันตรีหลวงชำนาญยุทธศาสตร์(ต่อมาคือจอมพลผิน ชุณหวัน พ่อน้าชาตินายกจอมซิ่ง) แต่เดิมก็รับบทจะเล่นตามแผนของคณะกู้บ้านกู้เมืองแล้ว ได้ตัดสินใจรำซิ่งมาต่อแถวฝ่ายรัฐบาลทันที ทหารลำปาง พิษณุโลก ลพบุรี นครสวรรค์ ต่างทะยอยกันโทรเลขมายืนยันความจงรักภักดีต่อรัฐบาล ปิดท้ายแถวก่อนค่ำวันนี้ด้วยทหารจันทบุรี  ไม่ทราบใครเบิกงบค่าใช้จ่ายล่วงหน้าจากเจ้ามือไปแล้วบ้าง

ที่แนวหน้า พันโทหลวงพิบูลสั่งการให้เปิดการรุกตามทางรถไฟทั้งสองราง ซึ่งวางคู่ขนานกันจากสถานีรถไฟบางซื่อ ให้กองพันทหารราบที่๘ นำโดยพันตรีหลวงอำนวยสงคราม ใช้รถข.ต.(ข้างต่ำ)บรรทุกรถถังนำขบวนเคลื่อนที่พร้อมกันบนรางคู่ทั้งสองรางโดยใช้รถจักรดีเซลซึ่งเป็นรถบังคับการด้วยดันไป ต่อจากนั้นจึงเป็นรถบรรทุกทหารที่ได้รับแจกกระสุนปืนแล้ว
ด้านทางปีกซ้ายทิศทิศตะวันตก ต้องลุยน้ำลุยโคลนในทุ่งนา บุกขึ้นไปในแนวขนานกับคลองเปรมประชากร ให้กองพันของพ่อน้าชาติพิสูจน์ความจงรักภักดี(หนักหน่อย) ส่วนปีกขวานั้นให้กองพันทหารม้าที่๑ตรึงกำลังอยู่เฉยๆบนที่ดอนแถวย่านจตุจักรในปัจจุบัน เพราะในนาน้ำท่วมสูงเกินจะรุก  พาหนะใดๆก็ใช้ไม่ได้ เวลานั้นถนนพหลโยธินยังไม่มีเลย ถัดวัดไส้ตัน(ปัจจุบันเพี้ยนเป็นวัดไผ่ตัน)แถวสะพานควายไปแล้วมีแต่นา ไม่มีบ้านเรือนราษฎรเลย
  
ทางฝ่ายคณะกู้บ้านกู้เมือง ซึ่งยึดพื้นที่สถานีรถไฟบางเขนอยู่ ได้ใช้กองร้อยทหารราบนครราชสีมา ซึ่งมีประสบการณ์และยังขวัญกำลังใจดีต้านทางการรุกของฝ่ายรัฐบาลไว้ได้อย่างเข้มแข็ง ถึงจะใช้รถถังนำหน้าขบวนทั้งรางคู่ซ้ายขวาก็รุกคืบหน้าไม่ได้มาก ส่วนปีกซ้าย กองพันทหารราบที่๙ของหลวงชำนาญก็ได้รับการต้านทานหนักเช่นเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายยิงต่อสู้กันทั้งวันจนค่ำฝนได้ตกลงมาอย่างหนักเลยต้องพักรบ เข้าไปหลบฝนใต้รถไฟคุมเชิงกันไปตลอดคืน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 13:55
ดูรูปครับ ดูรูป


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 13:56
 ๑๔ตุลาคม

รุ่งขึ้นเช้าวันนี้ ฝ่ายรัฐบาลเปิดการรุกแต่ข้าวยังไม่เรียงเม็ดหมายจะเผด็จศึก  เสียงปืนของทั้งสองฝ่ายกึกก้องท้องทุ่งบางเขนได้ยินไปถึงเมืองปทุม หลวงอำนวยสงครามผู้บังคับกองพันอยู่บนหัวรถจักรดีเซลหุ้มเกราะ สั่งการให้รุกคืบหน้าไปบนรางรถไฟพร้อมกันทั้งสองราง ด้วยการใช้รถจักรดันหลังรถข.ต.บรรทุกรถถังเคลื่อนที่เข้าหาฝ่ายตรงกันข้าม  ทหารราบอยู่ในรถพ่วงคันหลังคอยฟังคำสั่ง ขบวนเคลื่อนที่ช้าๆออกจากบางซื่อ

รุกเข้าไปสักพักก็ได้รับการต้านทานอย่างหนักด้วยปืนกลของฝ่ายหัวเมือง  สักประเดี๋ยวเดียว ขบวนรถก็ถอยกรูดกลับมาสถานีบางซื่อ เพราะหลวงอำนวยสงครามถูกกระสุนปืนกลที่ยิงเฉียงเข้ามาจากโบสถ์วัดเทวสุนทรเข้าเต็มกกหู ร้อยตรีเผ่า ศรียานนท์(คนนี้ก็ชื่อดัง ต่อมาเป็นอธิบดีตำรวจยุคที่ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้) ตอนนั้นอยู่ในรถบังคับการเห็นเข้า ตกใจร้องไห้เอาศพนายวิ่งเข้าไปรายงานหลวงพิบูล ซึ่งสั่งให้เอาผ้าอาบน้ำมันห่อให้มิดชิดอย่างดีแล้วให้รักษาความลับ ไม่ให้ใครรู้ทั้งนั้น


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 14:53
พอเห็นฝ่ายรัฐบาลถอยไป ทางฝ่ายคณะกู้บ้านเมืองจึงส่งทหารม้ากองพันที่ ๔ สระบุรีขึ้นมาสับเปลี่ยนกำลังทหารราบนครราชสีมา ในตอนบ่าย

หลวงพิบูลโกรธมากที่เสียเพื่อนรัก จึงตัดสินใจแก้เผ็ดด้วยอาวุธใหม่ล่าสุดเมดอินอิงแลนด์ที่เพิ่งได้รับส่งมอบ นั่นคือรถสายพานตีนตะขาบติดตั้งปืนกลต่อสู้อากาศยานอานุภาพร้ายแรงขนาด๔๐ม.ม. ยิงได้นาทีละ๒๐๐นัด เรียกสั้นๆว่ารถปืนป.ต.อ. กองทัพบกสั่งซื้อไป๑๐คัน มาถึงคลองเตยแล้วแต่เพิ่งตรวจสภาพรับมอบมาเพียง๒คัน หลวงพิบูลสั่งการให้เอาคันหนึ่งมาลองประเดิมใช้กับฝ่ายกบฏเลย ในภาพรถปืน ป.ต.อ.ที่ว่ากำลังวิ่งไปรถไฟสู่แนวหน้า

เมื่อนำรถปืน ป.ต.อ. ขึ้นบรรทุกบนรถข.ต.แล้วจึงเคลื่อนขึ้นไปตามทางรถไฟโดยมีรถจักรดันหลัง เมื่อเคลื่อนเลยวัดแคราย(เสมียนนารี)ไปได้หน่อยหนึ่งก็ตกอยู่ในวิถีกระสุนของฝ่ายทหารหัวเมือง แต่ไม่ระคายผิวเพราะรถมีเกราะกำบัง ร.ท.บุศรินทร์ ภักดีกุล ผบ.หน่วยจึงใจเย็นไม่สั่งให้ยิงโต้ตอบ คงเคลื่อนที่ต่อไปช้าๆ จนในที่สุดก็สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่ารังปืนกลของฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่หน้าต่างโบสถ์วัดเทวสุนทร ร.ท.บุศรินทร์จึงเข้าทำหน้าที่พลยิงด้วยตนเอง รัวกระสุนไป ๔ นัดเท่านั้น ทหารหัวเมืองก็ช๊อคเพราะเกิดมาเพิ่งเคยพยเคยเห็นปืนใหญ่ยิงได้รวดเร็วราวกับปืนกลและกระสุนก็แตกระเบิดแม่นยำ อย่ากระนั้นเลย รีบทิ้งปืนแจวอ้าวออกไปจากโบสถ์เห็นจะดีที่สุด

พอฝั่งนี้เงียบ รถปืนป.ต.อ.ก็หันไปยิงเป้าหมายอีกด้านที่สงสัยว่าจะเป็นที่มั่นของฝ่ายกบฏ คือสถานีวิทยุต่างประเทศที่หลักสี่เพื่อขับไล่ทหารที่ซุ่มตัวอยู่ในนั้น แต่เล็งสูงๆจากตัวอาคารไว้เพราะเป็นสถานที่ราชการเดี๋ยวต้องซ่อมหลายตังค์สงสารหลวง เพราะจะทอดผ้าป่าหาเงินมาซ่อมแบบวัดไม่ได้ ลั่นกระสุนไป๕นัดรอสักพักเห็นเงียบก็นำทหารราบรุกคืบหน้าไปโดยไม่มีอะไรให้ยิงอีกเลย เพราะไปติดแหง่กอยู่ที่สะพานซึ่งทหารหัวเมืองทำลายไว้ หน่วยเหนือจึงสั่งให้ถอนรถปืนป.ต.อ.กลับ เล่นมากไปเดี๋ยวเสียของ

กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานถือว่าเป็นพระเอกในวันนั้น


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 25 มิ.ย. 12, 14:55
ปัญหาคือ กองบัญชาการของคณะราษฎร์สายทหารที่วังปารุสก์มีการวางกองกำลังรักษาความปลอดภัยหนาแน่น ทั้งรถหุ้มเกราะติดปืนกล และรังปืนกลประจำฐานที่มั่น มิได้หละหลวมเหมือนวังบางขุนพรหมครั้งปฏิวัติ๒๔๗๕ นั่นกรมพระนครสวรรค์ท่านมิได้ระแวงว่าใครจะปฎิวัติ เพราะทราบดีกันอยู่แล้วว่าพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานอำนาจบริหารให้เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ติดขัดเพียงเจ้านายและขุนนางแก่ๆบางคนที่ต้องการแก้ร่างธรรมนูญการปกครองโน่นนี่นั่น แต่ไม่นานก็คงอภิวัฒน์เปลี่ยนแปลง

การจู่โจมด้วยอาวุธเบาเข้ายึดวังปารุสก์ของพระยาศรีโดยไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย คงเป็นไปไม่ได้เลย น่าจะรบกันเละ และขึ้นอยู่กับทหารในพระนครด้วยว่าจะเล่นกับฝ่ายใด มันเสี่ยงเหมือนโยนหัวโยนก้อยเหมือนกัน ใครเพลี่ยงพล้ำคงถูกรุมแบบหมาหมู่สู้หมาวัด เอาไม่อยู่แน่ครับ

จริง ๆ ไม่ต้องรบก็ได้นะครับ เพราะถ้าท่านเจ้าคุณศรีฯ ออกตัวเป็นหัวหน้าแต่ต้น ผมเชื่อว่าเกมจบไวกว่านี้ครับ อย่างที่ทราบ ๆ กันว่า ทหารหลายนายถอนตัวเพราะ "พระองค์เจ้าบวรเดช" นี่ล่ะครับ


ถ้าถึงเวลานั้น เหลือแค่วังปารุสก์ ไม่ต้องรบก็ได้ แค่ตัดการสื่อสารออกให้หมด แล้วทางฝ่ายเจ้าคุณศรีฯ ไปป่าวประกาศทางวิทยุแทน เจ้าคุณพหลฯ ก็แพ้แบบไม่ต้องสงสัยครับ ล้อมให้อดข้าวสัก 1 อาทิตย์ ไม่ยอมแพ้ให้มันรู้ไปครับ ว่าคนไม่กินข้าวแล้วจะไม่ตาย

เจ้าคุณทรงฯ ตอนนั้นยังอยู่เชียงใหม่ สร้างโรงเรียนรบพิเศษ ไม่มีทางลงมาช่วยทันหรอกครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 25 มิ.ย. 12, 15:06
ขออนุญาต พาออกนอกแนวนิดครับ

ศูนย์การทหารปืนใหญ่ ค่ายพหลโยธินในปัจจุบัน

ถ้าว่ากันตามข้อมูลเดิม ผู้ที่ไปบุกเบิกก็คือ ท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงคราม ร่วมด้วย พลตรีหม่อมเจ้านิลประภัสสร เกษมศรี รวมไปถึง พ.อ. พระอินทรสรศัลย์ (สอาด แพ่งสภา) ซึ่งทั้งหมดเป็น ขเด็ท นายร้อยเยอรมันรุ่นเดียวกับ เจ้าคุณทรงฯ เจ้าคุณพหลฯ นั่นเองครับ

คุณป้าจิ๋ว (แพทย์หญิงโชติศรี ท่าราบ : บุตรีของพระยาศรีสิทธิสงคราม) ก็ว่าชื่อค่ายนี้ควรจะเป็นชื่อของบิดาท่าน

คุณลุงสรศัลย์ แพ่งสภา บุตรของ พระอินทรสรศัลย์ ท่านก็ว่าบิดาของท่าน และ "ท่านนิล" เป็นผู้ไปบุกเบิกศูนย์การทหารปืนใหญ่นี้

งานนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าคุณพหลฯ เลยสักนิด ว่างั้น

แต่จะว่าไป ชื่อค่ายอาจจะมาจากท่านเจ้าคุณพหลฯ ผู้พ่อของพระยาพหลฯ (งงไหมครับ ??) ก็เป็นได้ เพราะท่านเจ้าคุณพหล (กิ่ม พหลโยธิน) เป็นผู้ถูกนับเป็น ผบ.ของศูนย์การทหารปืนใหญ่ ก่อนจะย้ายมาที่โคกกระเทียมในปัจจุบันครับ



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 15:29
^
อ้อ ครับ ขอบคุณครับ มีข้อมูลอะไรดีๆ กรุณาเข้ามาเสริมอีกนะครับ



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 15:35
ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ นักบินชั้นประทวนที่ถูกจำกัดบริเวณอยู่ที่สนามบินดอนเมือง ได้จังหวะนำเครื่องบินรบแบบ “นิเออปอรต์ เดอลาส" ๒เครื่อง หนีไปสวามิภักดิ์รัฐบาลโดยไปวนจะลงสู่สนามหลวงทางด้านทิศใต้ เครื่องหนึ่งผ่านพระบรมมหาราชวังในระดับต่ำมากจนพุ่งเข้าชนมุมชายคาพระที่นั่งองค์หนึ่งในเขตพระราชฐานชั้นใน เครื่องบินตกลงพังพินาศ สิบตรีแฉล้ม นักบินสลบคาที่ใกล้จะหมดลมรอมร่อ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังต้องรีบหามออกไปให้สิ้นใจภายนอกกำแพงวัง เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องทำพิธี“กลบบัตรสุมเพลิง"ณ จุดที่ถึงแก่กรรม ตามประเพณีของราชสำนัก
 
อีกลำหนึ่งสิบตรีเสริม ชุมแสง เป็นนักบิน ลงไปปะทะกิ่งมะขามที่สนามหลวงแต่นักบินปลอดภัย รัฐบาลติดยศร้อยตรีให้ทันทีพร้อมออกวิทยุกระจายข่าวใหญ่โต โฆษณาชักจูงให้นักบินนำเครื่องมาสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลอีก ทำให้นักบินที่เหลือและประกาศวางตนเป็นกลางถูกทหารนครราชสีมากักบริเวณในฐานทัพดอนเมืองอย่างเข้มทันที


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 18:21
เมื่อถอยจากสถานีบางเขนไปหลักสี่  ทหารนครราชสีมาทิ้งปืนใหญ่ไว้ให้ฝ่ายรัฐบาลดูต่างหน้า๓กระบอก ปืนกลหนักปืนกลเบาอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ฝ่ายกู้บ้านกู้เมืองจึงต้องจัดทัพใหม่แต่สับสนเพราะผู้บังคับบัญชาต่างคนต่างสั่ง ไม่มีการประสานกัน พระยาศรีสิทธิสงครามสั่งอย่างนั้น ทางฝ่ายเสนาธิการสั่งอย่างนี้ ผมเองก็งงเพราะอ่านแต่ละสำนวนไม่เห็นจะเขียนตรงกัน มีเวปเดียวที่เขียนว่า เมื่อเห็นทหารถอยทัพมาอย่างไม่เป็นขบวน พระองค์เจ้าบวรเดชทรงเป็นกังวลมาก เสด็จออกมาตรวจแนวรบ แล้วสั่งให้นำปืนใหญ่ภูเขาขึ้นรถข.ต.ทั้งสองราง แล้วใช้หัวรถจักรดุนไปยิงสู้กับฝ่ายรัฐบาลบ้างโดยพระองค์เสด็จไปกับขบวนรถด้วย  รัฐบาลก็เอารถข.ต.ที่บรรทุกปืนใหญ่อย่างเดียวกันขึ้นมายิงใส่กันอย่างดุเดือดอยู่พักใหญ่  ท่านแม่ทัพจึงตรัสสั่งให้ถอยกลับฐานทัพ ผมก็สงสัยไม่สิ้นว่า นี่ยังไม่ทรงทราบอีกหรือว่ากระสุนปืนใหญ่ทางฝ่ายของพระองค์น่ะเป็นกระสุนซ้อมรบ ทางฝ่ายที่ยิงมาเป็นกระสุนจริง แล้วจะทรงแสดงความกล้าไปดวลกับเขาหาพระแสงศาสตราวุธอะไร
อ่านแล้วก็ปลงๆเหมือนดูข่าวปีก่อนโน้น หนังม้วนเดียวกันแท้ๆทีวีสองฝ่ายยังพากษ์ไปคนละเรื่อง

ตอนค่ำ กองทหารปืนใหญ่จากราชบุรีที่ประกาศเข้ากับรัฐบาลล่าสุด โดยการนำของพันโทพระชัยศรแผลง ได้เดินทางโดยรถไฟมาถึงสถานีบางกอกน้อย แต่ก็ต้องถูกส่งกลับในทันทีพร้อมด้วยกำลังผสมจากพระนครอีกจำนวนหนึ่ง เพราะมีข่าวแน่ชัดว่า กองทหารจากเพชรบุรีประกาศเข้ากับฝ่ายคณะกู้บ้านกู้เมือง แล้วได้เคลื่อนกำลังเข้ายึดสถานีรถไฟบ้านเขาย้อยไว้แล้ว เพื่อมิให้ฝ่ายรัฐบาลผ่านไปทางใต้ได้ เพราะต้องการถวายความปลอดภัยต่อพระเจ้าอยู่หัวที่ประทับอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล พระชัยศรแผลงกลับไปจัดวางกำลังปืนใหญ่พร้อมด้วยอาวุธหนักเบา วางแนวป้องกันเมืองราชบุรีไว้ นอกจากนี้ก็ให้ตำรวจบ้านโป่งและกาญจนบุรีได้เตรียมพร้อมหากทหารเพชรบุรีจะบุกไปยึด


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 18:33
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯนั้น ได้ทรงพยายามวางพระองค์เป็นกลางเหนือการเมืองในเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ที่หลวงพิบูลโทรเลขด่วนไปกราบบังคมทูลว่าพระองค์เจ้าบวรเดชยกกองทัพมายื่นคำขาดต่อรัฐบาล  แม้จะทรงรับรองรัฐบาลพระยาพหลว่ายังเป็นรัฐบาลของพระองค์ตามรัฐธรรมนูญ  แต่ก็ไม่สนับสนุนการกระทำของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือยอมทำตามความประสงค์ของทั้งคู่ที่จะเชิญเสด็จกลับพระนครหรือไปประทับที่นครราชสีมา ครั้นทหารเพชรบุรีประกาศเข้ากับทางโน้น รัฐบาลก็เร่งเร้าที่จะให้เสด็จกลับให้ได้ ทั้งส่งทางโทรเลขและส่งตัวแทนเดินทางโดยเรือทะเลไปเฝ้า จึงทรงมีพระราชดำรัสว่าทุกฝ่ายต่างยืนยันว่าจะซื่อตรงต่อพระองค์ แต่เมื่อทรงพูดอย่างไรกลับไม่มีใครเชื่อฟัง ก็เหลือทางเดียวที่พระองค์จะรักษาความเป็นกลางไว้ให้ได้ ต่อไปนี้ไม่ว่าฝ่ายใดมาหัวหิน ทหารรักษาวังจะทำการปลดอาวุธทุกคนไม่ละเว้น
 
สุดท้าย เมื่อทรงทราบว่าในวันนี้ทั้งสองฝ่ายทำศึกปะทะกันอย่างเอาเป็นเอาตายก็สลดพระทัย จึงทรงมีพระอักษรฝากไปถึงทั้งสองฝ่ายว่ามีพระราชประสงค์จะให้มีการหยุดยิงโดยทันทีและหันมาใช้การเจรจากันโดยพระองค์จะประทับเป็นคนกลางให้ พอได้ทราบพระราชกระแสเช่นนั้น พระองค์เจ้าบวรเดชและนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาก็ถึงกับหมดกำลังใจ ไม่เห็นทางสว่างที่จะชนะทั้งทางการเมืองหรือทางทหาร ในขณะที่เสบียงอาหารและกระสุนมีเหลือที่แจกจ่ายให้ทหารอได้อีกแค่๓วันเท่านั้น จึงคิดวางแผนถอยกลับไปปากช่องเพื่อคิดหาหนทางต่อสู้ต่อไป



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 20:08
๑๕ ตุลาคม
เมื่อคืนที่ผ่านมาในกองบัญชาการของคณะกู้บ้านกู้เมือง ได้เกิดการโต้เถียงกันอย่างหนักในระหว่างบรรดานายทัพนายกองถึงความมั่วเมื่อตอนบ่าย และแผนที่จะทำการอย่างไรในอนาคต เป็นเหตุให้นายทหารเสนาธิการที่จบจากฝรั่งเศสคนหนึ่ง ยิงตัวตายเป็นการประท้วง ต้องศพไปฝังไว้ที่วัดดอนเมือง(ซึ่งทางรัฐบาลได้ขุดขึ้นมาให้หนังสือพิมพ์ถ่ายรูปเสมือนประจาน ผมมีรูปนี้อยู่แต่ไม่เห็นควรที่จะเอามาลงซ้ำเติมผู้ตาย) ในที่สุดสรุปว่า วันนี้จะเก็บข้าวเก็บของ ทำลายหลักฐานต่างๆแล้วถอยกลับอิสานบ้านเฮา พระยาศรีสิทธิสงครามได้รับคำสั่งให้รบถ่วงเวลาไว้ เมื่อพร้อมแล้วจะปล่อยอาวุธลับสะกดทัพรัฐบาล เพื่อที่กองบัญชาการและกำลังส่วนใหญ่จะถอนตัวได้อย่างปลอดภัย

วันนี้ฝ่ายรัฐบาลแจกข้าวห่อสำหรับสองมื้อแล้วเปิดการรุกตั้งแต่เช้ามืด ฝ่ายคณะกู้บ้านเมืองซึ่งปักหลักตั้งรับบริเวณวัดหลักสี่ ห่างกันไม่ถึงสองกิโลเมตรอยู่ในวิธีกระสุนด้วยกันทั้งคู่ แม้ทหารในแนวหน้าจะต้องหาอาหารกินกันตามมีตามเกิดเพราะทางดอนเมืองไม่สามารถส่งเสบียงแล้ว ทหารหัวเมืองก็ยังสู้รบเต็มที่ จนถึงเวลา๑๖.๐๐ น.เศษ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลกำลังรุกคืบหน้าใกล้สถานีสถานีหลักสี่เข้ามา จนห่างจากแนวต้านทานของทหารม้าสระบุรีไม่ถึง ๒๐๐ เมตร เห็นจะเอาไม่อยู่แล้ว พระยาศรีสิทธิสงครามจึงกระซิบหม่อมเจ้าสุขปรารภ กมลาสน์ ด้วยภาษาเยอรมัน เพื่อไปบอกให้พระยาเสนาสงครามที่ดอนเมือง สั่งนายอรุณ บุนนาค ขับหัวรถจักรไอน้ำฮาโนแมกซ์ เบอร์๒๗๗ วิ่งฟืดฟาดออกจากสถานีดอนเมืองช้าๆ แล้วสับคันเร่งสุดเกจ์ก่อนกระโดดลง ให้รถวิ่งด้วยความเร็วเต็มฝีจักรผ่านทหารฝ่ายเดียวกันที่สถานีหลักสี่ และแม้จะโดนกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามถึง๔นัด แต่ด้วยโมเมนตั้ม ตอร์ปิโดบกคันนั้นก็พุ่งเข้าชนขบวนรถบรรทุกปืนใหญ่และรถถังของฝ่ายรัฐบาลอย่างรุนแรงจนตกรางและถอยครูดไปกว่าร้อยเมตร แรงกระแทกทำให้ทหารเสียชีวิตทันที ๑๓ นาย บาดเจ็บอีกมากมาย การสู้รบวันนั้นยุติลงในบัดดล


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 20:11
หลังเหตุการณ์ ชาวบ้านพากันมาดู และถ่ายรูปตามธรรมเนียม


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 20:17
฿฿฿฿฿฿฿฿฿


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 20:23
ก่อนไปจากดอนเมือง พระองค์เจ้าบวรเดชได้มีหนังสือฉบับหนึ่งถึงเลขานุการในพระองค์ นำใส่กระบอกเกตุทัศ (กระบอกนำสาร)ให้นักบินคนหนึ่งนำไปทิ้งที่หัวหินในวันรุ่งขึ้น มีข้อความดังนี้

 
                                                                                                            ดอนเมือง
                                                                        วันที่ ๑๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๗๖
ทูล หม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิ์วงศ์ ราชเลขานุการในพระองค์
            ด้วยเดิมหม่อมฉันและพวกพ้อง คือกองทหารหัวเมืองได้รวบรวมกำลังกันนำมาสู่พระนคร เพื่อจะขอร้องให้รัฐบาลปฏิบัติการอันนำเอาความปลอดภัยและสันติสุขมาสู่ประเทศไม่มีการแย่งอำนาจซึ่งกันและกัน แต่รัฐบาลมิได้พิจารณาหลัก ๖ ประการ ที่หม่อมฉันขอร้องและมิได้แถลงให้ทราบแต่อย่างไรเลย กลับใช้อาวุธยิงทหารหัวเมืองก่อนจนกลายเป็นการต่อสู้กันอย่างร้ายแรง หากจะกล่าวถึงกำลังและอาวุธแล้ว กองทหารหัวเมืองอาจรวบรวมคนและใช้อาวุธที่มีอยู่ต่อสู้ไปได้อีก แต่จะเสียชีวิตและเลือดเนื้อคนชาติเดียวกัน เสียทั้งเวลาและทรัพย์สมบัติของรัฐบาล ความยากลำบากตกอยู่แก่พลเมือง
            บัดนี้ได้รับทราบสำเนาลายพระหัตถ์ ถึงนายพันตรีหลวงสรสิทธยานุการว่า มีพระราชประสงค์ที่จะให้มีการต่อสู้นี้สิ้นสุดลงโดยเร็ว จึงเห็นเป็นการสมควรที่จะกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ตามที่หม่อมฉันนำกำลังมาสู่พระนครด้วยพลการนั้น ก็ด้วยความประสงค์อันแรงกล้าที่จะให้บ้านเมืองมีสันติสุข หากแต่จะขอร้องตามทางการก็จะไม่สำเร็จ ถ้าแม้จะเป็นความผิดในครั้งนี้ ก็รับพระราชอาญาพลีชีพด้วยความรักชาติอันสุจริต ขอเพียงให้ตกลงตามหลัก ๖ ประการที่ขอไว้เท่านั้น ส่วนชั้นรองตลอดจนลูกแถว ขอรับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณนิรโทษกรรมด้วย
            หม่อมฉันได้ถอนกำลังทหารออกให้ห่างพระนครไปที่ปากช่องแต่วันนี้ ขอได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
                                                                                    ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
                                                                                         นายพลเอก บวรเดช


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 25 มิ.ย. 12, 21:33
ขอเสริมเหตุการณ์นิดหนึ่งครับ

ทหารพระนครที่เกณฑ์มารบที่ทุ่งบางเขน นอกจากทหารบกแล้ว ก็มีทหารเรือบางส่วนด้วยครับ จากชีวประวัติของอดีตนายทหารเรือท่านหนึ่ง ท่านเล่าว่าโดนเกณฑ์ไปรบเหมือนกัน ตอนที่ไปรบที่ทุ่งบางเขนนั้น ตอน ปตอ. ยิงไป เห็นกระสุนแหวกน้ำที่ท่วมอยู่ในทุ่งนาเป็นทางยาวครับ ท่านเห็นทหารฝ่ายหัวเมืองเสียชีวิตไปหลายศพเหมือนกัน ตัวท่านเองก็เกือบถูกกระสุน ปตอ. ฝ่ายเดียวกัน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 21:38
แหม มีรายละเอียดมากกว่านี้หน่อยก็สวย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 21:40
วันที่ ๑๖ ตุลาคม
หลังจากปล่อยตอปิโดบกแล้ว พระยาศรีสิทธิสงครามได้สั่งการให้ทหารในแนวหน้าค่อยๆถอยจากหลักสี่ไปขึ้นรถไฟที่ดอนเมือง ทิ้งกำลังส่วนน้อย คือทหารในกองพันทหารราบนครราชสีมาและกองพันทหารม้าสระบุรี ที่สู้รบอย่างทรหดตั้งแต่วันแรก ไว้ยันทหารรัฐบาลอยู่จนถึงเที่ยงคืนจึงถอนตัว ทหารหาญเหล่านี้พอกินข้าวเสร็จก็ล้มตัวนอนหลับเป็นตายในโบกี้รถไฟเลยทีเดียวเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการรบประวิงเวลามาทั้งวันทั้งคืน

กว่าจะรวบรวมได้ครบทุกคนก็ใช้เวลานานมาก พระองค์เจ้าบวรเดชท่านไม่ยอมทิ้งทหารให้ตกเป็นเชลยฝ่ายรัฐบาลแม้แต่นายเดียว นอกจากนี้ทหารปืนใหญ่นครราชสีมาทั้งสองกองพันยังได้ขนปืนใหญ่และกระสุนซ้อมยิงที่หล่อซีเมนต์ขึ้นรถขต.กลับไปด้วยทั้งๆที่ทหารบนรถไฟจะกระวนกระวายอยากจะหนีให้พ้นดอนเมืองโดยเร็วที่สุดก็จำเป็นต้องรอ ตีสองรถไฟจึงได้เริ่มออกเดินทาง ทิ้งดอนเมืองให้เป็นอดีตที่ขมขื่น

รุ่งขึ้นทหารฝ่ายรัฐบาลเข้ายึดสถานีหลักสี่  กว่าจะจัดกำลังและให้กองพันทหารราบที่๔ เข้ายึดดอนเมืองได้ก็ล่วงเข้าบ่ายสอง โดยปราศจากการต้านทานใดๆเพราะทหารของพระองค์เจ้าบวรเดชขึ้นรถไฟไปปากช่องหมดแล้ว ได้แต่ยึดเครื่องบินและควบคุมทหารนักบินที่ประกาศเป็นตนกลางไว้ในข้อหาว่าเป็นกบฏ และเพื่อเปิดโอกาสให้กลับใจ จึงให้ทหารนักบินเหล่านั้นขึ้นบินสำรวจว่าพระองค์เจ้าบวรเดชได้หนีไปทางใด สายใต้ สายเหนือ หรือสายอิสาน ถ้าพบให้ทิ้งระเบิดทำลายเสีย ที่สุดก็เจอที่ปากช่อง ส่งเครื่องไปทิ้งระเบิดชุดละ๕ ลูก รวม๒ ชุด แต่ไม่ถูกเป้าหมายสักลูกทั้งๆที่รถไฟทั้งขบวนเป็นเป้าเบ่อเริ่ม ก็ใครจะไปกล้าทิ้งใส่เพื่อนทหารด้วยกันที่มากับเขาตามคำสั่งนาย นายทหารนักบินเหล่านี้ในที่สุดจึงไม่รอดจากคุกบางขวาง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 21:41
.


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 21:49
อีกสายหนึ่ง  รัฐบาลได้ส่งทหารเรือ ร.ล.สุริยมณฑลไปปลดอาวุธและจับกุมนายทหารเมืองอยุธยาได้เรียบร้อย


ส่วนทางจังหวัดเพชรบุรี เมื่อทราบพระราชประสงค์ ทหารที่เข้ายึดสถานีบ้านเขาย้อยก็ถอนกำลังกลับเข้าตัวเมืองเพชรบุรี และสงบอยู่ในที่ตั้ง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: Diwali ที่ 25 มิ.ย. 12, 22:33
มาลงชื่อเข้าเรียน



มาสายไปหน่อย แต่น่าจะยังทันเรียนนะครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 25 มิ.ย. 12, 22:40
^

โฮ้ย ทันแน่นอน นี่เพิ่งไหว้ครูเอง ยังไม่ทันเริ่ม ก เอ๋ย ก ไก่ เลย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มิ.ย. 12, 22:58
ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ นักบินชั้นประทวนที่ถูกจำกัดบริเวณอยู่ที่สนามบินดอนเมือง ได้จังหวะนำเครื่องบินรบแบบ “นิเออปอรต์ เดอลาส" ๒เครื่อง หนีไปสวามิภักดิ์รัฐบาลโดยไปวนจะลงสู่สนามหลวงทางด้านทิศใต้ เครื่องหนึ่งผ่านพระบรมมหาราชวังในระดับต่ำมากจนพุ่งเข้าชนมุมชายคาพระที่นั่งองค์หนึ่งในเขตพระราชฐานชั้นใน เครื่องบินตกลงพังพินาศ สิบตรีแฉล้ม นักบินสลบคาที่ใกล้จะหมดลมรอมร่อ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังต้องรีบหามออกไปให้สิ้นใจภายนอกกำแพงวัง เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องทำพิธี“กลบบัตรสุมเพลิง"ณ จุดที่ถึงแก่กรรม ตามประเพณีของราชสำนัก
 
อีกลำหนึ่งสิบตรีเสริม ชุมแสง เป็นนักบิน ลงไปปะทะกิ่งมะขามที่สนามหลวงแต่นักบินปลอดภัย รัฐบาลติดยศร้อยตรีให้ทันทีพร้อมออกวิทยุกระจายข่าวใหญ่โต โฆษณาชักจูงให้นักบินนำเครื่องมาสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลอีก ทำให้นักบินที่เหลือและประกาศวางตนเป็นกลางถูกทหารนครราชสีมากักบริเวณในฐานทัพดอนเมืองอย่างเข้มทันที


ขอแทรกนิดหนึ่งค่ะ
การรบกันครั้งนี้   ประชาชนผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็อกสั่นขวัญแขวนไปตามๆกัน  ผลกระทบรวมไปถึงเจ้านายฝ่ายในในพระบรมมหาราชวังด้วย  ดังที่บันทึกเอาไว้ในหนังสือ "ดวงแก้วแห่งพระมงกุฎเกล้า" ตอนที่เครื่องบินสิบตรีแฉล้มตกในเขตพระบรมมหาราชวังว่า

“ในกำแพงพระบรมมหาราชวังหาใช่ปลอดภัยอย่างที่คิด    เพราะมีเครื่องบินเล็กลำหนึ่งประสบอุบัติเหตุตกลงบริเวณกำแพงแก้ว   ด้านหลังพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน   ใกล้กับตำหนักที่พระนางสุวัทนาฯ  และสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯประทับอยู่พอดี...ประตูพระบรมมหาราชวังทุกชั้นถูกปิดลั่นดาลหมด    คนในไม่ได้ออก   คนนอกไม่ได้เข้า   เหมือนถูกขังอยู่”

“เหตุการณ์นี้ทำให้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ   ยิ่งทรงปริวิตกถึงสวัสดิภาพของเจ้านายฝ่ายในเป็นอย่างยิ่ง  จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาวรวงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น   อิศรเสนา)   นำเสด็จสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี   พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า    สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเพชรบุรีราชสิรินธร   สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ   พระนางเจ้าสุวัทนาฯ    รวมทั้งเจ้านายฝ่ายในอีกหลายพระองค์ หลีกลี้วิกฤตทางการเมืองในพระนคร   ไปประทับที่ตำหนักเขาน้อย   จังหวัดสงขลา   ซึ่งเคยเป็นตำหนักของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์”


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มิ.ย. 12, 06:17
^

ความจริงแล้วเขามีเขต"ห้ามบิน"ในส่วนที่เป็นหัวใจของชาติ ซึ่งพระบรมมหาราชวังเป็นอันดับแรก แต่หลังปฏิวัติ๒๔๗๕ จะมีเครื่องบินมาโฉบเหนือฟ้าอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อบินมาปฏิบัติภารกิจในกรุง

ในภาพ เป็นยุทโธปกรณ์บางส่วนที่ทหารหัวเมืองทิ้งไว้ หรือที่รัฐบาลอ้างว่ายึดได้ โดยเฉพาะลูกระเบิดสำหรับเครื่องบินนั้น ไม่มีเครื่องบินฝ่ายไหนออกมาแสดงท่าทีคุกคามทหารฝ่ายรัฐบาลเลย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มิ.ย. 12, 06:27
วันที่๑๗ตุลาคม๒๔๗๖

รัฐบาลได้ส่งกองพันทหารราบที่๖ขึ้นมาสมทบกองพันทหารราบที่๔  เพื่อติดตามกวาดล้างฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชต่อไป
 
พันโทพระเริงรุกปัจจามิตร(ทอง รักสงบ)ชาวโคราชเหลนย่าโมของจริง ได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพแทนพันโทหลวงพิบูลสงคราม เพื่อยกกองทัพติดตามโดยทางรถไฟ ไล่ล่าทหารหัวเมือง ซึ่งขณะนั้นกำลังพลร่อยหรอและหมดกำลังใจที่จะสู้รบแล้ว เพราะรัฐบาลประกาศทางวิทยุประณามฝ่ายคณะกู้บ้านกู้เมือง ย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นกบฏ และตั้งสินบนแพงๆนำจับนายทหารคนสำคัญทุกนาย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มิ.ย. 12, 06:35
ช่วงต่อจากนี้ไป ท่านจะได้เห็นภาพจากสมุดภาพของพลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ที่ช่างภาพทหารฝ่ายรัฐบาลถ่ายไว้ครั้งที่ติดตามขบวนรถไฟบรรทุกทหารรัฐบาลขึ้นไปปราบทหารหัวเมือง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มิ.ย. 12, 07:01
ข่าวการถอยทัพของพระองค์เจ้าบวรเดชมาปากช่อง ได้รับการยืนยันที่นครราชสีมาและเริ่มเกิดความวุ่นวาย ทหารที่รักษาเมืองบางส่วนเริ่มไม่แน่ใจสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เช้ามืดวันนั้นพระประยุทธอริยั่น จึงเข้าไปปล่อยตัว พันตำรวจเอกพระขจัดทารุณกรรม ผู้บังคับการตำรวจและพวกออกจากที่คุมขัง พร้อมกับบอกให้รีบหนี แต่พระขจัดพอเป็นอิสระก็กลับนำกำลังเข้ายึดสถานีตำรวจคืนมาจากทหารรักษาการได้อย่างง่ายดาย และใช้เป็นกองบัญชาการต่อไป

๑๐.๐๐ กองพันทหารราบที่ ๑๗ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นกองหนุนของฝ่ายกู้บ้านเมืองที่ตามลงไปพระนครอย่างล่าช้ามีเชิง ถึงดอนเมืองตอนดึกวันที่๑๔ซึ่งเป็นเวลาขณะที่ทหารของพระองค์เจ้าบวรเดชกำลังเตรียมถอยทัพออกจากดอนเมือง พ.ต.หลวงพลเดชวิสัย ผู้บังคับกองพันเห็นท่าไม่ดีจึงไม่ยอมหยุดขบวนรถ ปล่อยให้แล่นเลยสถานีดอนเมืองไปทางหลักสี่แล้วจึงเบรคตัวโก่ง ใส่เกียร์ถอยหลังย้อนผ่านดอนเมืองเต็มฝีจักรเผ่นแน่บกลับมาถึงโคราช  หลวงพลเดชวิสัยได้เข้ามอบตัวกับพระขจัดแล้วบอกว่า ถูกพระองค์เจ้าบวรเดชและพระศรีสิทธิสงครามหลอกให้ไปรบกับรัฐบาล และยังเล่าต่อไปว่า ขณะที่ถอยมาจากปากช่อง ตนได้รื้อรางรถไฟออกเพื่อไม่ให้พระองค์เจ้าบวรเดชตามมายึดนครราชสีมาได้สะดวก
ในตอนบ่ายเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจังหวัดนครราชสีมาได้หารือกับพันตรีหลวงพลเดชแล้วมีมติให้ถอยไปตั้งหลักที่อุบล เพราะเชื่อว่า หากฝ่ายกบฏถอยมาถึงโคราชเมื่อไหร่ กองกำลังที่มีอยู่คงต้านไม่ไหว สู้ไปตั้งมั่นที่เมืองอุบลซึ่งมีกำลังสนับสนุนและอาวุธเพียงพอที่จะสู้กับพวกกบฏได้จะดีกว่า

ส่วนทางด้านจังหวัดราชบุรี ทหารที่นั่นพร้อมกำลังเสริมเป็นทหารกองพันผสมจากพระนคร ได้เคลื่อนพลสู่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งทหารทั้งกองพันก็ยอมให้ปลดอาวุธแต่โดยดี

คืนวันนี้ ขณะที่ประชุมกันในโบกี้กองอำนวยการซึ่งที่ประทับของพระองค์เจ้าบวรเดช นายทหารระดับพันตรีน้องของผู้ที่ยิงตัวตายที่ดอนเมือง ได้เอาปืนจ่อขมับตนเองแล้วลั่นไกตายตามไปอีกคน ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าเป็นเพราะเครียดหนักกับชะตากรรมที่มองเห็นว่ารออยู่ข้างหน้าจนเป็นบ้าไป เห็นพี่ชายของตนมาร้องเรียก ต้องเอาศพลงฝังกันที่จันทึก


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: ravio ที่ 26 มิ.ย. 12, 08:31
Terimakasi ขอบคุณ สำหรับข้อมูลครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 26 มิ.ย. 12, 16:45
ตกลงนายทหารพี่น้องที่ยิงตัวตายนี่เป็นใครหรือครับท่านอาจารย์


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มิ.ย. 12, 20:33
ยินดีต้อนรับคุณravioสู่ห้องสมุดเรือนไทยครับ เข้ามาแล้วอย่าอ่านเฉยๆ ต้องเขียนด้วยเหมือนที่โน่นนะครับ

คำตอบสำหรับคุณประกอบ ท่านที่ยิงตัวตายที่ดอนเมืองคือพันตรีหลวงหาญสงคราม(จิตร อัคนิทัต) ซึ่งครอบครัวของท่านเชื่อว่าตายเพราะโดนทหารฝ่ายรัฐบาลสังหาร ตามนี้ครับ

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jinchaya&month=11-2008&date=17&group=2&gblog=1

ส่วนอีกท่านหนึ่งที่ยิงตัวตายบนรถไฟขณะอยู่แถวสูงเนินชื่อ พันตรีหลวงโหมชิงชัย(เวก สู่ไชย) ผมตรวจสอบข้อมูลอื่นๆหลายฉบับแล้วว่า ขอแก้ว่าท่านมิได้เป็นพี่น้อง(ลูกพี่ลูกน้อง)กัน แต่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนเสนาธิการทหารครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 12, 22:59
ปัญหาคือ กองบัญชาการของคณะราษฎร์สายทหารที่วังปารุสก์มีการวางกองกำลังรักษาความปลอดภัยหนาแน่น ทั้งรถหุ้มเกราะติดปืนกล และรังปืนกลประจำฐานที่มั่น มิได้หละหลวมเหมือนวังบางขุนพรหมครั้งปฏิวัติ๒๔๗๕ นั่นกรมพระนครสวรรค์ท่านมิได้ระแวงว่าใครจะปฎิวัติ เพราะทราบดีกันอยู่แล้วว่าพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานอำนาจบริหารให้เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ติดขัดเพียงเจ้านายและขุนนางแก่ๆบางคนที่ต้องการแก้ร่างธรรมนูญการปกครองโน่นนี่นั่น แต่ไม่นานก็คงอภิวัฒน์เปลี่ยนแปลง

การจู่โจมด้วยอาวุธเบาเข้ายึดวังปารุสก์ของพระยาศรีโดยไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย คงเป็นไปไม่ได้เลย น่าจะรบกันเละ และขึ้นอยู่กับทหารในพระนครด้วยว่าจะเล่นกับฝ่ายใด มันเสี่ยงเหมือนโยนหัวโยนก้อยเหมือนกัน ใครเพลี่ยงพล้ำคงถูกรุมแบบหมาหมู่สู้หมาวัด เอาไม่อยู่แน่ครับ

จริง ๆ ไม่ต้องรบก็ได้นะครับ เพราะถ้าท่านเจ้าคุณศรีฯ ออกตัวเป็นหัวหน้าแต่ต้น ผมเชื่อว่าเกมจบไวกว่านี้ครับ อย่างที่ทราบ ๆ กันว่า ทหารหลายนายถอนตัวเพราะ "พระองค์เจ้าบวรเดช" นี่ล่ะครับ


ถ้าถึงเวลานั้น เหลือแค่วังปารุสก์ ไม่ต้องรบก็ได้ แค่ตัดการสื่อสารออกให้หมด แล้วทางฝ่ายเจ้าคุณศรีฯ ไปป่าวประกาศทางวิทยุแทน เจ้าคุณพหลฯ ก็แพ้แบบไม่ต้องสงสัยครับ ล้อมให้อดข้าวสัก 1 อาทิตย์ ไม่ยอมแพ้ให้มันรู้ไปครับ ว่าคนไม่กินข้าวแล้วจะไม่ตาย

เจ้าคุณทรงฯ ตอนนั้นยังอยู่เชียงใหม่ สร้างโรงเรียนรบพิเศษ ไม่มีทางลงมาช่วยทันหรอกครับ

สังเกตว่ายุทธวิธีจู่โจมเข้าจับบุคคลสำคัญๆของบ้านเมืองเป็นตัวประกัน เพื่อยึดอำนาจ  แทนที่จะใช้กำลังรบเข้าห้ำหั่นทำสงครามกลางเมืองกัน  เป็นเรื่องทำกันมาหลายครั้งในบ้านเมืองเรา นับแต่พ.ศ. 2475
ก็สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง
-ที่สำเร็จ  
คือเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) นำโดยพลเอก สุนทร คงสมพงษ์ ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาล  เมื่อเวลา 11.30 น. พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีถูกจี้ตัวบนเครื่องบินซี 130 ระหว่างเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพื่อนำพลเอก อาทิตย์ กำลังเอก ไปถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
พลเอกชาติชายถูกควบคุมตัวอยู่ 15 วัน จึงได้รับการปล่อยตัวออกมา   รสช.ก็เข้าบริหารประเทศจนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

- ที่ไม่สำเร็จ คือกบฏพลเอกฉลาด หิรัญศิริ”
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2520  พลเอกฉลาด หิรัญศิริ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก นำกำลังทหารส่วนหนึ่งเข้ายึดศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก สวนรื่นฤดี, กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า สนามเสือป่า, กรมประชาสัมพันธ์ และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยควบคุมตัวนายทหารสำคัญคือ พลเอก ประเสริฐ ธรรมศิริ รองผู้บัญชาการทหารบก พลเอก ประลอง วีระปรีย์ เสนาธิการทหารบก และพลตรี อรุณ ทวาทศิน ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 เอาไว้เป็นตัวประกัน   ส่วนพลเอก เสริม ณ นคร ผู้บัญชาการทหารบกเป็นเป้าหมายเหมือนกัน  แต่พลเอกเสริมหลบหนีออกจากบ้านพักไปทันก่อนทหารจะไปจับตัว  เลยรอดไปได้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 12, 06:16
กลุ่มคณะปฏิวัติ อ้างชื่อพลเอกประเสริฐ ธรรมศิริ เป็นหัวหน้า ออกอากาศผ่านทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย  ส่วนรัฐบาลในตอนนั้นพลเรือเอก สงัด ชลออยู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ฮึดสู้ฝ่ายปฏิวัติ ประกาศทางทีวีช่อง 5 ว่ากำลังทหาร 3 เหล่าทัพและตำรวจยังเป็นของรัฐบาล  ส่วนพลเอก ประเสริฐ ธรรมศิริถูกบีบบังคับและแอบอ้างชื่อ

สถานการณ์ทางฝ่ายปฏิวัติเริ่มทรุดหนักเมื่อกองกำลังในกรุงเทพไม่ยอมเข้าร่วมก่อการด้วย ฐานอำนวยการที่สวนรื่นฤดีถูกปิดล้อมจากรถถังของฝ่ายรัฐบาล   การออกอากาศของกลุ่มผู้ก่อการยุติลงเมื่อสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยถูกทางการตัดกระแสไฟฟ้า
ความระส่ำระสายภายในเกิดขึ้นเมื่อพลตรีอรุณ ทวาทศินถูกพลเอกฉลาด หิรัญศิริยิงเสียชีวิต 
ทหารบางส่วนยอมวางอาวุธและมอบตัวกับฝ่ายรัฐบาล  ฝ่ายรัฐบาลมีมือสำคัญอีกท่านหนึ่งคือพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เข้าเจรจากับกลุ่มผู้ก่อการจนได้ข้อยุติในวันเดียว

รัฐบาลออกแถลงการณ์ยินยอมให้หัวหน้าของกลุ่มผู้ก่อการ 5 คนคือ พลเอก ฉลาด หิรัญศิริ พันโท สนั่น ขจรประศาสน์ พันตรี บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ พันตรี วิศิษฐ์ ควรประดิษฐ์ และพันตรี อัศวิน หิรัญศิริ บุตรชายของพลเอกฉลาดลี้ภัยการเมืองออกนอกประเทศได้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวพลเอกประเสริฐ ธรรมศิริ กับพลเอกประลอง วีระปรีย์   การยึดอำนาจก็จบลงโดยไม่เสียเลือดเนื้อทหารและประชาชน

แต่เหตุการณ์พลิกผันไปตอนจบ  ผู้ก่อการทั้ง 5 ไม่ได้ลี้ภัยออกนอกประเทศ แต่ถูกรัฐบาลจับตัวดำเนินคดีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 21 ถอดยศ และประหารชีวิตพลเอกฉลาด หิรัญศิริ และจำคุกตลอดชีวิตผู้ก่อการที่เหลืออีก 4 คน ซึ่งต่อมาได้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตเพิ่มอีก 8 คน รวมเป็น 12 คน นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับโทษลดหลั่นลงมาอีก 11 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีพลเรือนที่พลเอกฉลาดชักชวนมา อาทิ นายพิชัย วาสนาส่ง นายสมพจน์ ปิยะอุย นายวีระ มุสิกพงศ์ ภายหลังทั้งหมดได้รับการนิรโทษกรรมเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2520

สาเหตุที่พลเอกฉลาดถูกประหารชีวิต  มาจากพลตรีอรุณ ในฐานะผู้บัญชาการกองพลที่ 1 ขัดขวางหรือไม่ให้ความร่วมมือไม่ว่าจะในลักษณะใด จึงถูกยิงเสียชีวิต พลเอกฉลาดจึงถูกดำเนินคดีในข้อหา “กบฏและฆ่าคนตาย”


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 07:23
ท่านอาจารย์เทาชมพูเล่าเรื่องนี้ก็ดีแล้ว ความจริงมันดูเหมือนว่าจะเป็นวัฒนธรรมของทหารการเมืองตั้งแต่ยังเป็นสยามมาจนเป็นประเทศไทยที่มักจะไม่ฆ่าล้างผลาญกันจริงๆ แค่เอาอาวุธออกมาประลองกำลังแบบอวดกันหอมปากหอมคอ พอรู้ว่าใครเป็นหมู่ใครเป็นจ่าก็จบ

ปฏิวัติครั้งนั้นเหตุที่พลเอกฉลาด หิรัญศิริถูกประหารชีวิตมันไปเข้าลักษณะความผิดทางคดีอาญาเข้าให้ด้วยเพราะท่านไปใช้ปืนกลมือยิงพลตรีอรุณ ทวาทศินเสียชีวิตอย่างไม่มีเหตุผลเท่าที่ควร แบบว่า ไม่ได้เป็นการตายจากการต่อสู้ในสนามรบ แต่เป็นห้องประชุมกองทัพบก ข่าวว่าท่านรู้ตัวดีอยู่เมื่อทราบว่าเขากำลังนำตัวไปประหารแล้ว เดินเข้าหลักเองอย่างไม่สะทกสะท้านสมชายชาติทหาร

ส่วนคนอื่นๆหลายคนตามชื่อที่ระบุก็ได้ไปใช้ชีวิตในยุโรปชิวๆรอจนมีประกาศนิรโทษกรรม จึงกลับมาเล่นการเมืองใหม่ดังที่เห็นๆกัน จะมีคนหนึ่งก็คุณพิชัย วาสนาส่ง รุ่นพี่สถาปัตย์ของผมที่ท่านไปเอาดีที่กรมประชาสัมพันธ์  เป็นจัดรายการวิทยุเสียงทุ้มน่าฟัง อยู่ดีๆวันนั้นเขาเอาปืนมาจี้ให้อ่านประกาศคณะปฏิวัติออกอากาศเพราะเจ้าเก่าคือคุณอาคม มกรานนท์ผู้ประกาศข่าวหยุดในวันนั้น ท่านก็อ่านไป ไหนได้พอเขาฟัดกันจบ รัฐบาลก็จับไปแจ้งข้อหากบฏเอาตัวไปติดคุก ตั้งแต่นั้นมา พอใครปฏิวัติอีกผู้ที่เผ่นเป็นคนแรกก่อนทหารเข้ายึดสถานีคือผู้ประกาศข่าว ทหารต้องอ่านกันเอง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 12, 07:36
ก็แค่แตกแถวออกจากกระทู้เล็กน้อยค่ะ 
ใครไม่รู้ใช้คำกริยา "เล่น" + การเมือง    มันก็ตรงกับเหตุการณ์ในอดีตจริงๆ ว่าออกมาในรูปของการเล่นมากกว่าทำจริง  คือแสดงกำลังกันนิดหน่อยพอให้ชาวบ้านที่ฟังวิทยุกันอยู่ได้ออกปากว่า "ปฏิวัติกันอีกแล้วหรือ"
จากนั้นก็รอดูว่าที่ทำงานจะหยุดหรือเปล่าวันนี้   ถ้าไม่หยุดก็ออกไปทำงานทำการกันตามปกติ

กลับจากงาน ก็ค่อยดูข่าวทีวีภาคค่ำเพื่อรู้รายละเอียดอีกที  ว่าตอนนี้ใครเป็นผู้บริหารประเทศแทนนายกฯคนที่เห็นหน้ากันอยู่เมื่อวานนี้   

ถ้าทหารยึดอำนาจจากนายกฯพลเรือนมักจะทำได้สำเร็จ     แต่ยึดอำนาจจากนายกฯทหารด้วยกันมักจะยากกว่า  พลเอกเปรมท่านก็เป็นนายกฯคนหนึ่งที่สู้กับรัฐประหารมาหลายครั้ง แล้วรอดไปได้คือชนะทุกครั้ง จนท่านวางมือจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปเอง ด้วยคำว่า "ผมพอแล้ว"

ตอนหลังๆนี้ยึดอำนาจแบบก่อนๆไม่ค่อยมีแล้ว   รูปแบบเริ่มเปลี่ยนแปลงไป  จากรถถังออกมาวิ่งตามถนน กลายมาเป็นเสื้อสีต่างๆกระจายกำลังเต็มพื้นที่ถนน      ที่เคยประกาศต่อสู้กันไปมาเป็นสงครามทางคลื่นกระจายเสียง ก็เปลี่ยนมาเป็นศึกกลางเมือง เผาบ้านเผาเมืองกัน
ยังเดาไม่ได้ว่าต่อไปจะเป็นรูปแบบไหนค่ะ

คืนพื้นที่กระทู้ให้ท่านเจ้าของกระทู้บรรเลงมหากาพย์ต่อไป


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 12, 07:48
ตั้งแต่นั้นมา พอใครปฏิวัติอีกผู้ที่เผ่นเป็นคนแรกก่อนทหารเข้ายึดสถานีคือผู้ประกาศข่าว  ทหารต้องอ่านกันเอง

สองสามปีมานี้   เจอพลตรีประพาส ศกุนตนาคในงานของศิลปินแห่งชาติสาขาดนตรีไทยท่านหนึ่ง   ท่านเกษียณมานานหลายปีแล้วแต่ยังสมาร์ทอยู่    ผู้คนในงานเขาเย้ากันว่าจำเสียงท่านได้มากกว่าเห็นหน้าเสียอีก   เพราะเมื่อใดเสียงหรือหน้าท่านปรากฏหน้าขึ้นมาหน้าจอ ก็เป็นอันรู้ว่าประเทศเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว   
น้ำเสียงทุ้มหนัก ชัดเจน นำมาด้วยคำว่า "ประกาศ..ประกาศ"

นายพลท่านนี้ได้รับฉายาว่าเป็น "โฆษกคณะปฏิวัติ" เนื่องจากทำหน้าที่อ่านประกาศของคณะรัฐประหารหรือคณะปฏิรูป แล้วแต่จะคณะนั้นจะตั้งชื่อตนเองว่าอะไร   เช่น
- เป็นผู้อ่านประกาศของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ในเหตุการณ์รัฐประหาร เมื่อปี พ.ศ. 2534 
- อ่านประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี พ.ศ. 2535
- อ่านประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (คปค.) ในการรัฐประหารเมื่อปี พ.ศ. 2549
   เป็นคนอ่านประกาศได้อย่างปลอดภัยที่สุด   ไม่ต้องเจอเรื่องอะเมซซิ่งอย่างคุณพิชัย วาสนาส่ง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 07:56
กลับไปดูทหารการเมืองปฏิวัติทหารการเมืองครั้งแรกต่อ

วันที่ ๑๘ ตุลาคม
ทหารรัฐบาลถึงชุมทางบ้านพาชีตอน ๔ โมงเย็น แล้วหยุดพัก
พระองค์เจ้าบวรเดชได้ทรงมอบหมายให้พันเอกพระยาศรีสิทธิสงครามนำกำลังทหารรวมทุกเหล่าประมาณ ๓๐๐นาย ทำหน้าที่กองระวังหลัง ทำลายเส้นทางและรบหน่วงเวลา เพื่อให้กำลังส่วนใหญ่ภายใต้บังคับบัญชาของพันโทพระปัจจานึกพินาศไปตั้งหลักได้ที่ปากช่อง ส่วนพระองค์ได้เสด็จไปนครราชสีมาพร้อมพระยาเสนาสงคราม
 
พระยาศรีสิทธิสงครามวางกำลังทหารหน่วยทำลายรางไว้ที่สถานีแก่งคอย  แล้วให้กำลังที่เหลือล่วงหน้ามายึดภูมิประเทศใกล้ผาเสด็จ เหนือแก่งคอยขึ้นไปตรงหลักกิโลเมตรที่ ๑๔๐ ซึ่งทางรถไฟเริ่มคดเคี้ยวและสูงชันขึ้นทีละน้อยไม่สามารถวิ่งเร็วได้ ให้ตั้งรังปืนกลจุดแรกไว้ และตั้งอีก๕จุด ที่กิโลเมตร ๑๔๑, ๑๔๒, ๑๔๓, ๑๔๔  พร้อมทั้งดัดแปลงภูมิประเทศ วางพลซุ่มยิงไว้อีกหลายแนวในช่วง๔กิโลเมตรนี้ ซึ่งฝ่ายรุกต้องเดินเท้าเข้ารบอย่างเดียวไม่สามารถใช้ยานพาหนะใดๆได้เลย ฝ่ายตั้งรับจะได้เปรียบตามหลักยุทธศาสตร์มาก

ส่วนทหารอุดรธานีที่ถ่วงเวลาเดินทัพ จนตกรถไฟวันเคลื่อนพลเข้าพระนครตามนัดของพระองค์เจ้าบวรเดช บัดนี้ทราบข่าวว่าพระองค์เจ้าบวรเดชถอยทัพ ก็กลับคึกคักจะลงมาช่วยฝ่ายรัฐบาลปราบกบฏ รีบจัดทับเดินทางมาขึ้นรถไฟที่ขอนแก่น


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 07:59
วันที่๑๙ตุลาคม
พระองค์เจ้าบวรเดชและพระยาเสนาสงครามคุมกองกำลังเดินทางต่อจากสถานีจันทึก ระยะทางที่เหลือแค่เจ็ดสิบกิโลเมตรใช้เวลาวันหนึ่งเต็มๆ เพราะต้องหยุดซ่อมทางมาตลอด กว่าจะถึงนครราชสีมาเอาตอนสาย และได้รับการต่อต้านจากตำรวจของพระขจัด จึงต้องยิงไปบ้างด้วยอาวุธหนักของทหารที่เหนือชั้นกว่า พระขจัดเห็นทีจะสู้ไม่ได้ก็ต้องถอยไปรวมกันกับพวกที่อุบล

พระองค์เจ้าบวรเดช ทรงแค้นพระทัยที่กองพันทหารราบที่๑๗จากอุบลมากที่มีลูกเล่นจัด แปรพักตร์ไปเข้ากับรัฐบาลไม่พอยังทำลายทางหนีของเพื่อนที่เคยจะร่วมเป็นร่วมตายกัน ก่อนหลบเข้าบ้านที่เมืองอุบล พระองค์จึงให้พระยาเสนาสงครามเตรียมกำลังทหาร๔๐๐คน จะขึ้นไปยึดจังหวัดบุรีรัมย์ไว้เป็นที่มั่นก่อน แล้วหาจังหวะตีเมืองอุบลแก้แค้น

ครั้นได้ข่าวว่าทหารอุดรกำลังจะขึ้นรถไฟจากขอนแก่นมาโจมตี พระองค์เจ้าบวรเดชจึงสั่งให้แบ่งทหารราบเดนตายบางส่วนขึ้นไปสกัด  ทหารอุดรจึงหยุดดูเชิงที่สถานีบ้านไผ่ แล้วรายงานลงมาว่าจะป้องกันไม่ให้พวกกบฏใช้เส้นทางนี้ไปไหน

ทหารรัฐบาลที่มาจากกรุงเทพเริ่มติดตามฝ่ายกบฏใกล้ถึงสถานีแก่งคอยซึ่งตั้งอยู่ทีเชิงเขาหลักกิโลเมตรที่๑๒๔ ก็ต้องหยุดขบวนรถ เพราะถูกหน่วยต่อต้านของพระยาศรีสิทธิสงครามยิงปะทะ พระเริงรุกปัจจามิตรจำเป็นจัดหน่วยรบเป็นหมวดหมู่ ค่อยๆรุกคืบหน้าขึ้นไปตามทางรถไฟ แต่การต้านทานที่หนาแน่นทำให้ไม่คืบหน้าไปเท่าที่ควร
 
ศึกครั้งนี้ รัฐบาลใช้สงครามจิตวิทยานำทัพอย่างได้ผล โดยการใช้ใบปลิวไปทิ้งตามฐานที่มั่นต่างๆเกลี้ยกล่อมให้ทหารโคราชกลับใจ รวมทั้งตั้งสินบนนำจับพระองค์เจ้าบวรเดช๑๐๐๐๐บาท พันเอกคนละ๕๐๐๐ บาท ผบ.พัน คนละ๑๐๐๐บาท และ ผบ.ร้อยคนละ๕๐๐บาท และการที่หลวงพิบูลแต่งตั้งพระเริงรุกเป็นแม่ทัพขึ้นมาโคราชแทนตนนั้น ก็เป็นความฉลาดเลิศ ด้วยเหตุว่าท่านผู้นี้เป็นเชื้อสายของเจ้าเมืองโคราชที่รบชนะทัพลาวของเจ้าอนุ  คนโคราชรู้จักท่านดีและให้ความเคารพนับถือมาก และใจฝ่อหากต้องรบกับท่าน

ดังนั้นแนวรับดงพระยาเย็นที่พระองค์เจ้าบวรเดชวางไว้ที่ปากช่อง ทหารโคราชที่หมดกำลังใจต่อสู้จึงหาโอกาสหลบหนีเข้ามอบตัวต่อฝ่ายรัฐบาลมากขึ้นทุกวัน หรือนำอาวุธประจำกายหนีกลับบ้านไปก็มี จนที่สุดเหลือประมาณ๓๐๐คน รวมทั้งทหารปืนใหญ่ซึ่งมีแต่ปืนที่ไม่มีกระสุนจริงแล้วด้วยเท่านั้น  พันโทพระปัจจานึกทหารเอกพระองค์บวรเดชต้องออกมาคุมแนวรบด้วยตนเองเพื่อสร้างขวัญให้กับผู้ที่เหลือ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 08:11
รูป


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 08:14
วันที่ ๒๐ ตุลาคม
กองพันทหารราบที่๖เข้าโจมตีหน่วยต่อต้านของพระยาศรีสิทธิสงครามแต่เช้า แต่ทหารรัฐบาลถูกยิงบาดเจ็บสองสามนาย โชคดีที่บางตอนสามารถใช้รถข.ต.กำบังทำการรุกคืบไปทีละนิด สุดท้ายสามารถยึดสถานีแก่งคอยได้ พวกกบฏยังอาศัยชัยภูมิที่ดีกว่า ใช้พลจำนวนน้อยรบพลางถอยพลางยันกำลังพลขนาดใหญ่อย่างได้ผล


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 08:16
วันที่ ๒๑ ตุลาคม
หลวงพิบูลมาตรวจแนวรบ ฟังพันตรีหลวงวีระโยธาผู้บังคับกองพันทหารราบที่๖บรรยายสรุป  สั่งเสียข้อราชการแล้วจึงกลับพระนคร

วันนี้ฝ่ายรัฐบาลค่อยรุกคืบคลานได้ทีละน้อย และส่งหน่วยย่อยซึ่งมีทหารเรือมาร่วมด้วยขึ้นไปยังทับกวาง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 08:19
หลวงวีระโยธาผู้นี้ได้รับการอวยตำแหน่งโดยพระยาทรงสุรเดช ให้มาคุมกองพันที่สำคัญที่สุดของพระนคร เพราะตั้งจ่อหลังวังปารุสก์อยู่ ในฐานะที่เป็นเด็กในคาถาเคยใช้ให้ติดตามพระประศาสตร์ไปจับกุมตัวกรมพระนครสวรรค์ที่วังบางขุนพรหมสำเร็จมาแล้ว ทำให้หลวงพิบูลเขม่นมากถือว่าเป็นหอกข้างแคร่ แต่ผลงานที่ทุ่งบางเขนดี ใช้ได้ ครั้งนี้ลองวัดใจอีกครั้งแต่งตั้งให้ได้รับหน้าที่สำคัญ คุมหน่วยรบหลักนำทัพขึ้นลุยดงพระยาเย็น ซึ่งท่านก็ได้พิสูจน์ความเป็น“มืออาชีพ” เสร็จศึกครั้งนี้ได้เป็นเด็กในคาถาของนายคนใหม่ที่ขึ้นมาดับรัศมีนายคนเก่า


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 08:25
วันที่๒๒ ตุลาคม
แนวหน้าของฝ่ายรัฐบาลรุกถึงทับกวาง ได้รับการต่อต้านนิดหน่อย ทหารเจ็บสี่ห้านาย ทางรถไฟจากนั้นไปถูกรื้อหมด ทหารต้องลงเดิน ทำให้เป็นเป้าปืนกลหนักของพวกกบฏได้ง่าย

ทางโคราช พระยาเสนาสงครามคุมกำลังทหารขึ้นไปยึดจังหวัดบุรีรัมย์ได้

ส่วนจังหวัดอุบลส่งกองกำลังผสมทหาร ตำรวจ ข้าราชการและพลเรือนอาสาสมัคร เข้ามาตั้งทัพสกัดกั้นที่สพานข้ามลำเปรี๊ยะ(ลำพระเพลิง)จังหวัดสุรินทร์

ที่จังหวัดขอนแก่น กองทหารอุดรธานีอาศัยความสด บุกเข้าตีฝ่ายกบฏที่ยึดอำเภอพลแตกพ่ายไม่เป็นขบวนเพราะกรอบเกรียมและหมดใจจะสู้รบ
 
ภาคกลาง ทหารฝ่ายรัฐบาลจากปราจีนบุรีส่งกำลังทหารราบ ๑ กองร้อยเข้าคุมสถานการณ์ทางช่องตะโก และทางจังหวัดฉะเชิงเทรา ทหารเรือได้ส่งเรือเร็วไปลอยลำในแม่น้ำบางปะกง เพื่อรักษาการทั่วไป

เย็นวันนั้น แนวหน้าของฝ่ายรัฐบาลเข้ายึดทับกวางได้ในที่สุด ทหารฝ่ายกบฏถอยไปหินลับ ขณะนั้นกองกำลังส่วนหัวหอกของฝ่ายรัฐบาลได้เคลื่อนตัวถึงหลักกิโลเมตรที่ ๑๔๐ ห่างจากหินลับเพียง ๔ กิโลเมตร


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 08:41
วันที่๒๓ ตุลาคม
วันนี้เป็นวันตัดสินโชคชะตา ต่างฝ่ายต่างใช้อาวุธนานาชนิดเข้าโรมรันกันดุเดือดตลอดทั้งวัน โดยฝ่ายรัฐบาลมุ่งจะเข้ายึดหินลับจากฝ่ายกบฏให้ได้ ตอนเช้าหลวงวีระโยธาให้ ร้อยโทซัน นำกองร้อย๑ และหมู่ปืนกลเบาเดินหน้าไปตามทางรถไฟ พอเจอปืนกลหนักของฝ่ายกบฏยิงสกัด ก็ต้องรบพลางหลบพลาง รุกคืบหน้าไปได้ช้ามาก

เลยบ่ายสองไปแล้ว หลวงวีระโยธาให้ว่าที่ร้อยตรีตุ๊ จารุเสถียร นำหมวดไปตีโอบหลังรังปืนกล แต่หลงทางเพราะภูมิประเทศเป็นป่าหาตำแหน่งยาก ห้าโมงเย็นเห็นจะได้ หมวดของว่าที่ร้อยตรีตุ๊มาโผล่ที่ทางรถไฟหน้าทหารของร้อยโทซัน ห่างรังปืนกลหนักที่หลัก๑๔๒ของฝ่ายกบฏไม่ถึง๕๐เมตร ก็เลยสั่งทหารติดดาบปลายปืนหมายตะลุมบอน จ่านายสิบสุข สังขไพรวัลย์ลูกน้องว่าที่ร้อยตรีตุ๊ ยิงนำไปถูกหัวสิบโทน้อย พลปืนกลเลือดสาด พลยิงอีก๔นายของฝ่ายกบฏก็ชูมือยอมจำนน
 
ร้อยโทซัน คุมปืนกลหนักและเชลยกลับฐานเพราะรบมาตั้งแต่เช้าหิวข้าวเต็มที แต่ว่าที่ร้อยตรีตุ๊เพิ่งได้ลั่นกระสุนนิดหน่อยยังไม่สะใจ ขอนำหมวดลุยต่อแล้วเดินข้ามศพทหารกบฏสองสามศพไปข้างหน้าเอาเคล็ด

ใกล้มืดเย็นวันนั้น พระยาศรีสิทธิสงครามกับร้อยตรีบุญรอด เกษสมัย นายทหารคนสนิทออกจากฐานที่ตั้งใกล้สถานีหินลับมาตรวจความพร้อมรบที่วางไว้ตามจุดต่างๆ ซึ่งคาดว่าทหารรัฐบาลจะเข้าโจมตีต่อในตอนกลางคืน  หาทราบไม่ว่ารังปืนกลหนักที่วางเป็นแนวต้านทานไว้ที่หลัก๑๔๒ แตกไปแล้วไม่ถึงชั่วโมง เมื่อมาถึงเสาโทรเลขต้นที่ ๔ ของหลัก๑๔๓ในช่องเขาขาด ซึ่งมีความกว้างเพียงเท่าที่ตัวรถจะผ่านไปได้ หมวดของว่าที่ร้อยตรีตุ๊โผล่มาอีกด้านหนึ่งห่างกันไม่ถึง๒๐เมตรแล้วเปิดฉากยิงทันที กระสุนนัดหนึ่งโดนพระยาศรีสิทธิสงครามเข้าที่สีข้างล้มลง แต่มิได้เสียชีวิตทันที ร้อยตรีบุญรอด ทส.ของท่านรอดตายเพราะชื่อดีถูกจับเป็นเชลย
ครั้นสิ้นแม่ทัพ ทหารฝ่ายกบฏก็หมดกำลังใจที่จะสู้รบต่อไป

กองพันทหารราบที่๖เข้ายึดสถานีหินลับได้สำเร็จในคืนนั้น 
แนวต้านทานอันดับต่อไปของฝ่ายกบฏที่ปากช่องเหลือห่างออกไปแค่๓๕กิโลเมตร 


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 08:46
หลวงพิบูลได้ทราบรายงานนี้ดีใจสุดขีดขนาดเดินทางขึ้นมาทันทีเพื่อดูศพ พอถึงแก่งคอยมาต่อไม่ได้เพราะทางขาดยังซ่อมไม่เรียบร้อย  ต้องนำศพพระยาศรีสิทธิสงครามใส่รถโยกไปให้ดูที่นั่น และท่านก็สลดใจที่เห็นทหารเลวเหยียบศพพระยาศรีสิทธิสงครามมา ถึงกับด่าว่าจะทำอะไรก็ให้ไว้เกียรตินายทหารชั้นผู้ใหญ่กันบ้าง
 
เมื่อว่าที่ร้อยตรีตุ๊นี้ตอนเดินทางกลับมาถึงหัวลำโพงนั้น หลวงพิบูลได้บุกขึ้นไปหาถึงบนรถเพื่อจับมือแสดงความยินดี บอกว่าเธอได้เลื่อนยศเป็นร้อยโทแล้ว และกำลังจะได้ติดเหรียญกล้าหาญด้วย ต่อมาชีวิตราชการทหารของท่านผู้นี้ก็รุ่งโรจน์ถึงระดับยศสูงสุด คน๑๔ตุลารู้จักดีในนามว่าจอมพลประภาส จารุเสถียร


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 08:47
แฮ่ก ๆ ๆ ได้เวลาผมพักรบมั่ง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 27 มิ.ย. 12, 09:30
ยินดีต้อนรับคุณravioสู่ห้องสมุดเรือนไทยครับ เข้ามาแล้วอย่าอ่านเฉยๆ ต้องเขียนด้วยเหมือนที่โน่นนะครับ

คำตอบสำหรับคุณประกอบ ท่านที่ยิงตัวตายที่ดอนเมืองคือพันตรีหลวงหาญสงคราม(จิตร อัคนิทัต) ซึ่งครอบครัวของท่านเชื่อว่าตายเพราะโดนทหารฝ่ายรัฐบาลสังหาร ตามนี้ครับ

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jinchaya&month=11-2008&date=17&group=2&gblog=1

ส่วนอีกท่านหนึ่งที่ยิงตัวตายบนรถไฟขณะอยู่แถวสูงเนินชื่อ พันตรีหลวงโหมชิงชัย(เวก สู่ไชย) ผมตรวจสอบข้อมูลอื่นๆหลายฉบับแล้วว่า ขอแก้ว่าท่านมิได้เป็นพี่น้อง(ลูกพี่ลูกน้อง)กัน แต่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียนเสนาธิการทหารครับ

ขอแทรกนิดนะครับ
พันตรีหลวงหาญสงคราม ผมเคยเห็นรูปภาพท่านในหนังสือเกิดวังปารุสก์ ตอนที่มีการพบศพท่านในหนังสือบอกว่าโดนยิงแล้วถูกฝั้งที่ดอนเมืองครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 27 มิ.ย. 12, 09:35
มาแทรกอีละครับ
ผมเห็นรูปๆหนึ่งในความคิดเห็นที่ 48  ผมปะรูปให้ดูนะครับ มีท่านไดเห็นเหมือนผมบ้างว่าในรูปเป็นกล้องถ่ายวีดีโอใช่หรือไม่ครับ ที่คนเสื้อขาวข้างกลังทหารจับอยู่ ถ้าเป็นการถ่ายด้วยวีดีโอจริงก็คงมีภาพเหตุการณ์จากกล้องหลงเหลือบ้างนะครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 12, 10:00
คั่นโปรแกรมหน้าม่านค่ะ

จากหนังสืออนุสรณ์ 120 ปี พระยาพหลพลพยุหเสนา เล่าไว้ว่าเมื่อครั้งเป็นนายทหารหนุ่ม ไปศึกษาวิชาทหารจากประเทศเยอรมนีเช่นกัน     เจ้าคุณพหลฯมีเพื่อนรักเพื่อนเกลออยู่อีก 2 คน  รวมตัวท่านเองเป็น 3 คน  สองท่านที่ว่าคือพระยาทรงสุรเดช และพระยาศรีสิทธิสงคราม
ความสนิทสนมของทั้ง 3 เป็นที่รู้กันทั่วจนถึงรองเสนาบดีกลาโหมคือพลโท ม.จ.อลงกฏ ( ต่อมาโปรดเกล้าฯสถาปนาขึ้นเป็นพลเอกพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอลงกฏ กรมหมื่นอดิศรอุดมศักดิ์)  ถึงทรงตั้งฉายาแก่ท่านทั้ง 3 ตามตัวละครใน The Three Musketeers ของ Alexandre Dumas ว่า “ทแกล้วทหาร 3 เกลอ” ทรงเรียกพระยาทรงสุรเดชว่า “ดาตาญัง” เรียกพระยาศรีสิทธิสงครามว่า “อาโธส” และเรียกพระยาพหลฯว่า “ปอโธส” ซึ่งเป็นชื่อของสามทหารเสือที่ว่า

คำขวัญประจำใจของสามทหารเสือ ที่ดูมาส์ให้พระเอกพระรองในเรื่องนี้ชูดาบขึ้นประกาศก้องพร้อมกันอย่างเหี้ยมหาญ เวลาจะเข้าลุยศัตรูหรือเวลาจบเรื่อง  ก็คือ "One for all and all for one"  
คำนี้กลายเป็นคำขวัญขึ้นชื่อลือชาในวงวรรณกรรม  เอ่ยขึ้นมาก็รู้ว่ามาจากนิยายเรื่องนี้   และเป็นคำขวัญของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วย
ความหมายของมันก็คือการร่วมแรงร่วมใจไปสู่เป้าหมายเดียวกัน   แปลว่าสามคนนี้จะทำอะไรก็ผนึกกำลังทำด้วยกัน เป็นน้าหนึ่งใจเดียว


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 12, 10:01
แต่สามทหารเสือของสยาม ถูกชะตาชีวิตจับแยกเป้าหมายตั้งแต่ปี 2475

เมื่อร่วมคบคิดกันวางแผนเปลี่ยนแปลงการปกครอง   มีแต่พระยาพหลฯและพระยาทรงฯเท่านั้นที่ตกลงปลงใจเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเข้าร่วมปฏิวัติเจ้านาย    ส่วนพระยาศรีสิทธิสงครามแค่รับทราบ แต่ไม่ขอร่วมด้วย
ในวันที่ 23 ต่อด้วย 24 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันปฏิวัติ เล่ากันว่า พระยาศรีสิทธิสงครามนอนอยู่บ้านพระยาพหลฯ เฝ้าดูอย่างเงียบๆ ในขณะเพื่อนรักยึดอำนาจ  โดยมิได้ขัดขวาง

เมื่อยึดอำนาจการปกครองมาได้แล้ว 1 ปี ทแกล้วทหารสามเกลอ ก็ถึงเวลาแยกทางแบบทางใครทางมัน ไม่อาจร่วมแรงร่วมใจอย่าง The three Musketeers ได้อีก จุดเริ่มต้นคือพระยาทรงสุรเดชไม่พอใจ “เค้าโครงเศรษฐกิจ” ของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) จึงไปเข้าข้างพระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรี  ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับพระยาพหลฯ
ส่วนพระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ) ตัดสินใจไปเข้าข้างพระองค์เจ้าบวรเดช  อย่างที่เราอ่านกันอยู่ในกระทู้นี้
จุดจบของพระยาทรงฯ เป็นที่รู้กันในกระทู้มหากาพย์พระยาทรงสุรเดช ที่คุณ NAVARAT.C เล่าไว้ก่อนหน้านี้แล้วในเรือนไทย  ในนั้นเล่าถึงบั้นปลายชีวิตของพระยาพหลฯไว้เช่นกันค่ะ



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 12, 10:03
มาแทรกอีละครับ
ผมเห็นรูปๆหนึ่งในความคิดเห็นที่ 48  ผมปะรูปให้ดูนะครับ มีท่านไดเห็นเหมือนผมบ้างว่าในรูปเป็นกล้องถ่ายวีดีโอใช่หรือไม่ครับ ที่คนเสื้อขาวข้างกลังทหารจับอยู่ ถ้าเป็นการถ่ายด้วยวีดีโอจริงก็คงมีภาพเหตุการณ์จากกล้องหลงเหลือบ้างนะครับ
กล้องถ่ายภาพยนตร์ค่ะ  ยุคนั้นกล้องวิดีโอยังไม่เกิด
ที่เห็นเป็นม้วนกลมๆสีดำ แพ็คคู่อยู่บนสุดคือฟิล์มภาพยนตร์


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 27 มิ.ย. 12, 10:18
ขอบคุณครับอาจารย์ ผมถามผิดยุคไปนิดครับ กล้องภาพยนต์ไม่ใช่กล้องวีดีโอ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 27 มิ.ย. 12, 10:44
ภาพบรรยากาศการวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ปราบขบถ ที่หลักสี่


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 27 มิ.ย. 12, 10:56
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2475-พ.ส.2555 ระยะเวลา 80 ปี มีการปฏิวัติและการกบฏ หลายครั้งมาก รวมแล้ว 24 ครั้งได้ ส่วนมากมาจากสายทหารทั้งสิ้น

พ.ศ. เหตุการณ์ หัวหน้าก่อการ รัฐบาล
2475 ปฏิวัติ 24 มิถุนายน พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ
2476 รัฐประหาร พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา พระยามโนปกรณ์นิติธาดา
2476 กบฎบวรเดช พล.อ.พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดช พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา
2478 กบฎนายสิบ ส.อ.สวัสดิ์ มหะหมัด พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา
2481 กบฎพระยาสุรเดช พ.อ.พระยาสุรเดช พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา
2490 รัฐประหาร พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ พล.ร.ต.ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
2491 กบฎแบ่งแยกดินแดน ส.ส.อีสานกลุ่มหนึ่ง นายควง อภัยวงศ์
2491 รัฐประหาร คณะนายทหารบก นายควง อภัยวงศ์
2491 กบฏเสนาธิการ พล.ต.สมบูรณ์ ศรานุชิต จอมพล ป. พิบูลสงคราม
2492 กบฎวังหลวง นายปรีดี พนมยงค์ จอมพล ป. พิบูลสงคราม
2494 กบฎแมนฮัตตัน น.อ.อานน บุณฑริกธาดา จอมพล ป. พิบูลสงคราม
2494 รัฐประหาร จอมพล ป. พิบูลสงคราม จอมพล ป. พิบูลสงคราม
2497 กบฎสันติภาพ นายกุหราบ สายประสิทธิ์ จอมพล ป. พิบูลสงคราม
2500 รัฐประหาร จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพล ป. พิบูลสงคราม
2501 รัฐประหาร จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพล ถนอม กิตติขจร
2514 รัฐประหาร จอมพล ถนอม กิตติขจร จอมพล ถนอม กิตติขจร
2516 ปฏิวัติ 14 ตุลาคม ประชาชน จอมพล ถนอม กิตติขจร
2519 รัฐประหาร พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
2520 กบฎ 26 มีนาคม พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร
2520 รัฐประหาร พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร
2524 กบฎ 1 เมษายน พล.อ.สัณห์ จิตรปฏิมา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
2528 การก่อความไม่สงบ 9 กันยายน พ.อ.มนูญ รูปขจร * พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
2534 รัฐประหาร พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
2549   รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มีพล.อ.สนธิ บุญยตกรินทร


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 11:00
อ้างถึง
ขอแทรกนิดนะครับ
พันตรีหลวงหาญสงคราม ผมเคยเห็นรูปภาพท่านในหนังสือเกิดวังปารุสก์ ตอนที่มีการพบศพท่านในหนังสือบอกว่าโดนยิงแล้วถูกฝั้งที่ดอนเมืองครับ
ในหนังสือที่ว่า เอาภาพที่ช่างภาพสงครามของหนังสือพิมพ์ถ่ายไว้แล้วมาลง เป็นศพที่ถูกคนกำลังดึงแขนออกมาจากหลุมเห็นหน้าตาชัดเจน จากหน้าอกลงไปยังอยู่ในดิน บรรยายว่า หลวงหาญสงคราม พวกกบฏยิงตัวตายตามรอยที่มือชี้(ตรงหัวใจ)เพราะรู้ตัวว่าแพ้รัฐบาลแน่ แล้วฝังไว้ที่ดอนเมือง..

ผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นอื่น หากรัฐบาลยิงท่านตายจริง(ตรงหัวใจพอดี) คงไม่ลงทุนเอาศพไปฝังแล้วเรียกหนังสือพิมพ์มาทำข่าวตอนขุดศพขึ้นมาใหม่ในสภาพที่ยังสดๆ
จะประจานศพก็ประจานกันไปตามภาพเลยจะดีกว่ามั้ย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 27 มิ.ย. 12, 11:17
ขอแทรกลักษณะถนนบริเวณทุ่งหลักสี่ครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 12, 11:20
ชะตากรรมของหนึ่งในสามทหารเสือ   คุณ NAVARAT.C เล่าไว้ในกระทู้ชะตากรรมของพระยาทรงสุรเดช  
ยกข้ามมากระทู้นี้สำหรับท่านที่ติดตามอ่านกระทู้ แต่ยังไม่ได้ไปอ่านกระทู้โน้น

พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าใหญ่หมายเลข 1 ของ "คณะราษฎร" ท่านมีอุปนิสัยใจคอโอนอ่อนผ่อนตาม วางเฉยในเกือบทุกกรณีขัดแย้งระหว่างกลุ่ม วางตัวอยู่เหนือปัญหาใดๆ จนไม่สามารถควบคุมสมาชิกรุ่นรอง จนเห็นกันว่าผู้กุมอำนาจแท้จริงนั้นไม่ใช่เจ้าคุณพหลฯ แต่เป็นฝ่ายทหารกลุ่มหนุ่ม มิตรสหายของท่านถูกตีกระจุยไปหมดสิ้น เหลือแต่ตัวท่านโดดเดี่ยว
แต่คณะราษฎรกลุ่มที่หวังอำนาจเด็ดขาดยังต้องพึ่งบารมีพระยาพหลฯอยู่  เผด็จการยังยึดพื้นฐานไม่แน่นพอ แต่ในที่สุดเมื่อทุกอย่างลงตามแผนเต็มที่ รุ่นเด็กครองอำนาจเบ็ดเสร็จ พระยาพหลพลพยุหเสนาก็ถูกสูบลมลอยเคว้งคว้างขึ้นเป็น "เชษฐบุรุษ" หมดอำนาจบังคับบัญชาและอิทธิฤทธิ์ ได้แต่นั่งดูสมาชิกแก่งแย่งชิงดี ละทิ้งสัญญาที่ให้ไว้กับราษฎร บางกลุ่มกอบโกยผลประโยชน์หวังร่ำรวยไปตามกัน มีแต่มิตรสหายของท่านเท่านั้นที่ต่างต้องชะตากรรมระหกระเหิน
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ

สงครามมหาเอเชียบูรพางวดหนัก ฝูงบินสัมพันธมิตรเข้ามาทิ้งระเบิดกรุงเทพฯ ถี่และรุนแรง ชาวกรุงต้องอพยพหนีภัยทางอากาศออกไปอยู่รอบนอก พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ขณะนั้นป่วยเป็นอัมพาตที่ขาบางส่วน ย้ายไปพักอยู่ที่เรือนข้าราชการบริพารในพระราชวังบางปะอิน ผมติดตามท่านผู้ใหญ่ในฐานะพลกรรเชียงเรือจากบางกะสั้น ไปเยี่ยมเจ้าคุณพหลฯ ตอนต้นปี พ.ศ. 2488 ท่านพลเอกหัวหน้าคณะผู้ยึดอำนาจเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองผู้แกร่งกร้าว ได้รับสถาปนาขึ้นเป็น "เชษฐบุรุษ" และขณะนั้นก็ดำรงตำแหน่ง "แม่ทัพใหญ่" อยู่กับท่านผู้หญิงและคนไม่กี่คน เงียบสงบ ไร้บริวารแห่ห้อมเกรียวกราว หลังไหล่ของท่านที่คนอื่นเคยอาศัยเหยียบก้าวผ่านไปสู่อำนาจราชศักดิ์อัครฐาน บัดนี้สิ้นแล้วซึ่งความสำคัญและสิ้นความหมาย"คณะราษฎร"ส่วนที่เสวยอำนาจต่างหันหลังให้โดยสิ้นเชิง
"ขเด็ทพจน์" ชันกายขึ้นนั่งบนเตียงต้อนรับสหายขเด็ทผู้มาเยือน โอบกอดน้ำตาคลอ สหายสนิทที่ต้องห่างเหินไปตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง จากสารทุกข์สุกดิบที่วนมาลงที่ปัญหาบ้านเมือง ตอนหนึ่งท่านน้ำตาไหล
"สอาด ที่เจ้านิลเตือนแต่แรกนั่นน่ะ ถูกทุกอย่าง"
"เจ้านิลว่ากันจะน้ำตาตก ก็ตกจริงๆ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเปลี่ยนการปกครอง แล้วราษฎรไม่ได้อะไรเลย มีแต่ประชาธิปไตยหลอกๆ ถูกข่มเหงมากขึ้น หันไปพึ่งใครก็ไม่ได้
คณะราษฎรเองกลับหาประโยชน์หาอำนาจใส่ตัว แก่งแย่งชิงดีถึงเอาชีวิต คนบริสุทธิ์ผู้หลักผู้ใหญ่ ขุนนางเก่าเดือดร้อนกันเป็นแถว"
"พวกเขาผลักกันออกนอกทาง หมดทางยับยั้งห้ามปรามประชาธิปไตยไม่เห็นแม้แต่เงา เจ้านิลพูดถูก"
.
.
เจ้าคุณพหลถึงแก่อนิจกรรมด้วยเส้นโลหิตในสมองแตก ขณะนอนแช่ในอ่างน้ำอุ่นเพื่อบำบัดอาการอัมพาต อันเป็จกิจวัตรประจำวันของท่าน



ป.ล. เจ้านิล  หมายถึง พลตรี หม่อมเจ้า นิลประภัศร เกษมศรี เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก หรือ "ขเด็ท พริ้นซ์ นิล" ทรงเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของเจ้าคุณพหลฯ
คุณ NAVARAT.C เล่าไว้ว่า  ครั้งสุดท้ายพบปะกันที่วัง หม่อมเจ้า นิลประภัศรฯ สามย่าน ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเกลอก็ทรงเตือนเจ้าคุณพหลฯ ถึงความใจอ่อน คล้อยตามเรื่อง "ไล่ลดปลดทิ้ง" กำลังพลชั้นดีที่เพียงแต่เห็นว่า "ไม่ใช่พวกคณะราษฎร" ระวังจะเป็นเหยื่อให้เด็กหลอกใช้ หรือดีไม่ดีจะเป็นหุ่นให้กลุ่มเด็กเชิดแล้วจะเสียใจไม่รู้จบ
พระยาพหลพลพยุเสนา หัวหน้าคณะราษฎรหมายเลข 1 โกรธ หาว่าท่านนิลฯ ดูหมิ่นเพื่อนฝูงว่าฉลาดไม่ทันเด็ก โน่น - ท่านตีความไปโน่น


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 27 มิ.ย. 12, 11:21
อ้างถึง
ขอแทรกนิดนะครับ
พันตรีหลวงหาญสงคราม ผมเคยเห็นรูปภาพท่านในหนังสือเกิดวังปารุสก์ ตอนที่มีการพบศพท่านในหนังสือบอกว่าโดนยิงแล้วถูกฝั้งที่ดอนเมืองครับ
ในหนังสือที่ว่า เอาภาพที่ช่างภาพสงครามของหนังสือพิมพ์ถ่ายไว้แล้วมาลง เป็นศพที่ถูกคนกำลังดึงแขนออกมาจากหลุมเห็นหน้าตาชัดเจน จากหน้าอกลงไปยังอยู่ในดิน บรรยายว่า หลวงหาญสงคราม พวกกบฏยิงตัวตายตามรอยที่มือชี้(ตรงหัวใจ)เพราะรู้ตัวว่าแพ้รัฐบาลแน่ แล้วฝังไว้ที่ดอนเมือง..

ผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นอื่น หากรัฐบาลยิงท่านตายจริง(ตรงหัวใจพอดี) คงไม่ลงทุนเอาศพไปฝังแล้วเรียกหนังสือพิมพ์มาทำข่าวตอนขุดศพขึ้นมาใหม่ในสภาพที่ยังสดๆ
จะประจานศพก็ประจานกันไปตามภาพเลยจะดีกว่ามั้ย


อ.NAVARAT.C จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะลงภาพดังกล่าว


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 27 มิ.ย. 12, 11:39
อ้างถึง
ขอแทรกนิดนะครับ
พันตรีหลวงหาญสงคราม ผมเคยเห็นรูปภาพท่านในหนังสือเกิดวังปารุสก์ ตอนที่มีการพบศพท่านในหนังสือบอกว่าโดนยิงแล้วถูกฝั้งที่ดอนเมืองครับ
ในหนังสือที่ว่า เอาภาพที่ช่างภาพสงครามของหนังสือพิมพ์ถ่ายไว้แล้วมาลง เป็นศพที่ถูกคนกำลังดึงแขนออกมาจากหลุมเห็นหน้าตาชัดเจน จากหน้าอกลงไปยังอยู่ในดิน บรรยายว่า หลวงหาญสงคราม พวกกบฏยิงตัวตายตามรอยที่มือชี้(ตรงหัวใจ)เพราะรู้ตัวว่าแพ้รัฐบาลแน่ แล้วฝังไว้ที่ดอนเมือง..

ผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นอื่น หากรัฐบาลยิงท่านตายจริง(ตรงหัวใจพอดี) คงไม่ลงทุนเอาศพไปฝังแล้วเรียกหนังสือพิมพ์มาทำข่าวตอนขุดศพขึ้นมาใหม่ในสภาพที่ยังสดๆ
จะประจานศพก็ประจานกันไปตามภาพเลยจะดีกว่ามั้ย

ตามความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โดนเก็บจากพวกเดียวกันเองเพราะว่าอาจจะกลับตัวเข้ากับฝั่งรัฐบาลก็ได้นะครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 11:52
^
อึมม์

อ้างถึง
อ.NAVARAT.C จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะลงภาพดังกล่าว

อ้างถึง
๑๕ ตุลาคม
เมื่อคืนที่ผ่านมาในกองบัญชาการของคณะกู้บ้านกู้เมือง ได้เกิดการโต้เถียงกันอย่างหนักในระหว่างบรรดานายทัพนายกองถึงความมั่วเมื่อตอนบ่าย และแผนที่จะทำการอย่างไรในอนาคต เป็นเหตุให้นายทหารเสนาธิการที่จบจากฝรั่งเศสคนหนึ่ง ยิงตัวตายเป็นการประท้วง ต้องศพไปฝังไว้ที่วัดดอนเมือง(ซึ่งทางรัฐบาลได้ขุดขึ้นมาให้หนังสือพิมพ์ถ่ายรูปเสมือนประจาน ผมมีรูปนี้อยู่แต่ไม่เห็นควรที่จะเอามาลงซ้ำเติมผู้ตาย)

สงสารท่านน่า นะ นะ นะ
ลูกหลานท่านก็ยังอยู่


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 12:13
วันที่ ๒๔ ตุลาคม
ข่าวว่าพระยาศรีสิทธิสงครามถูกยิงเสียชีวิตในที่รบ สร้างความตื่นตระหนกให้แก่เหล่าทหารกบฏที่ปากช่องสุดประมาณ พอทหารรัฐบาลเอารถถังบุกนำหน้าทหารราบเข้าไปตามถนนสู่ตลาด แค่ยิงขู่ไม่กี่นัด ทหารกบฏที่แนวรับดงพระยาเย็นก็แพ้ยะย่าย พ่ายจะแจ

ก่อนหน้านั้นพันโทหลวงจรูญฤทธิไกรเดินทางจากปากช่องมาเฝ้าพระองค์เจ้าบวรเดชที่นครราชสีมาแต่เช้าเพื่อรายงานว่าหินลับแตกแล้ว พระยาศรีสิทธิสงครามหายตัวไป  ไม่นานเกินรอก็ได้ยินวิทยุกระจายเสียงของรัฐบาลประกาศข่าวการเสียชีวิตของท่าน
แม้คณะกู้บ้านกู้เมืองจะล่มสลายกลายเป็นกบฏต่อแผ่นดินอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ยังอุตส่าห์มีผู้เสนอให้พระองค์เจ้าบวรเดชฮึดใช้ตัวเมืองโคราชเป็นฉากกำบังทำการรบยืดเยื้อต่อไป แต่พระองค์ทรงฉลาดแล้ว เงินทองที่เหลืออยู่สู้เอาไปเลี้ยงชีวิตในฐานะผู้ลี้ภัยในอินโดจีนฝรั่งเศส ดีกว่าจะเอามาละลายกับพวกตีสองหน้า ชิวหาสองแฉก ยุให้ทุ่มสุดตัวในการต่อสู้ที่ไม่มีหนทางชนะ และรังแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้ชาวโคราชก่นด่าหนักขึ้นไปอีก ดังนั้น สำหรับนายทหารชั้นผู้น้อยที่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ทรงบอกให้รอมอบตัวต่อฝ่ายรัฐบาลที่กำลังจะมาถึงโดยดี ส่วนนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้หนี ตัวใครตัวมัน

เมื่อตัดสินพระทัยดังนั้นแล้ว พระองค์เจ้าบวรเดชก็ทรงมอบภารกิจให้พลตรีพระยาเสนาสงคราม นายทหารอาวุโสรองลงมาให้เป็นผู้สั่งการต่อ ส่วนพระองค์เองและพระชายาก็รีบเสด็จโดยเครื่องบินเบร์เกต์ออกจากสนามบินทหารนครราชสีมา ให้ร้อยเอกหลวงเวหนเหินเห็จคนสนิทเป็นนักบิน มุ่งสู่พนมเปญเมื่อเวลา๑๓.๓๐น.  


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 12:19
วันที่๒๕ตุลาคม
ตั้งแต่เช้ามืด พลตรีพระยาเสนาสงครามซึ่งนัดนายทหารที่ยังเหลืออยู่ทุกนไปรวมพลอยู่ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์  ได้สั่งการให้ร.อ.หลวงหาญรอนรบ ผู้บังคับกองร้อยทหารม้านำทหารและอาวุธกลับไปนครราชสีมารอมอบตัวกับฝ่ายรัฐบาลที่นั่น

ส่วนนายทหารระดับผู้ก่อการอันได้แก่ พลตรีพระยาเสนาสงคราม พันเอกพระยาไชยเยนต์ฤทธิรงค์ พันเอกพระยาเทพสงคราม พันเอกพระยาศรีสุรศักดิ์ พันโทพระปัจจานึกพินาศ พันโทหลวงจรูญฤทธิไกร พันตรีหลวงลพบาดาล พันตรีหลวงเร้าเร่งพล พันตรีหลวงแผลงสะท้าน ร้อยเอกหลวงไล่พลรบ ร้อยเอกหลวงโหมรอนราญ ร้อยโทขุนสารภีพิชิต ร้อยโทขุนโรจน์วิชัย และอีกหลายคน ใช้ม้าของกองพันทหารม้าที่๓ มีนายสิบคุ้มกันพร้อมปืนกลเบาอีก๔ม้า รวมทั้งหมดกว่า๓๐ม้า ออกเดินทางจากบุรีรัมย์ผ่านช่องเสม็ดเข้าดินแดนเขมร  เพื่อมอบตัวกับรัฐบาลอินโดจีนฝรั่งเศส
.
.
หลังจากนั้นก็แยกย้ายทางใครทางมัน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 12:23
ดูรูปไปพลางๆสงบสติอารมณ์กันหน่อยก่อน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 12:31
ต่อครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 12, 13:15
หินลับในปัจจุบัน

http://www.youtube.com/watch?v=fBHJEMOqP1k


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 13:28
^
แสดงว่า ผาเสด็จ กับช่องเขาขาด ถูกระเบิดทิ้งเพื่อขยายทางแล้วหรือไร?


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 13:31
ในที่สุด กบฏบวรเดชตามที่เรียกกันอย่างเป็นทางการ ได้อุบัติขึ้นและจบลงในเวลา๑๕วัน ถูกบันทึกว่าทหารฝ่ายรัฐบาลเสียชีวิตในการสู้รบ๑๗นาย ฝ่ายกบฏเสียชีวิตจำนวนพอๆกันแต่ไม่ทราบจำนวนแน่ชัด
 
ครับผม….รบกันยิงกันดุเดือดเลือดพล่านกระสุนแทบจะทะลุจอมาโดนคนอ่านอย่างนี้ ทหารตายแค่เนี๊ยะ ท่านที่อ่านมาถึงบันทัดนี้คงจะงงว่า สงครามกลางเมืองที่อื่นเขารบกัน คนตายหลักร้อยหลักพันหลักหมื่น สงครามปราบปราบกบฏครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของสยาม รวมทั้งสองฝ่ายเฉลี่ยแล้วตายวันละ๒คน
นี่ใครหลอกใคร? เขารบกันจริงๆหรือหลอกคนดู???

นายแมคแคลเวย์ บรรณาธิการแผนกภาษาอังกฤษของกรุงเทพเดลิเมล์ที่ไปทำข่าวการรบในสมรภูมิทุ่งบางเขนถึงกับบ่นว่า นี่มันรบอะไรกัน  ถ้าปรินซ์บวรเดชจะไปจ้างพวกเม็กซิกันสักสิบคนมารบ ก็จะทำให้การรบมีรสชาดมากกว่านี้ ซึ่งนายหลุยส์ คีรีวัต บ.ก.ใหญ่ตอบว่าก็เพราะปรินซ์บวรเดชไม่ต้องการเสียเลือดเนื้อทหารไทยด้วยกันนะซี แค่เอากำลังมาขู่ไม่ได้จะรบกันจริงจัง นายหลุยส์เป็นอินไซเดอร์ของฝ่ายกบฏ จบเหตุการณ์แล้วมีธุระไปติดคุกกับเขาด้วย ความเห็นที่ว่าจึงมีน้ำหนัก

ทางฝ่ายรัฐบาลเองก็เถอะ ผมแหม่งๆตั้งแต่ตอนที่อ่านเจอว่าหลวงพิบูลเอาปืนใหญ่เรียงเป็นตับไปโหมโรงก่อนการรบวันแรก ยิงไป๔๐นัด กระสุนลงน้ำลงนาหมด นี่มันไม่ใช่เรื่องไร้ฝีมือแล้ว
 
หนังสือเล่มหนึ่งเล่าว่า ตอนเข้าตีปากช่องที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายกบฏ ผู้พันสั่งมาจากกองบ.ก.ให้รถถังยิงเบิกทางเข้าไป ผู้หมวดตาเหลือกเพราะฝ่ายกบฏกระจายกำลังอยู่ในชุมชน ถ้ายิงไปจริง ราษฎรคงโดนลูกหลงตายเกลื่อน แต่ผู้กองบอกว่าแล้วคุณจะเล็งไปบ้านคนทำไม ยิงไปโน่น บนเขาโน่น พอรถถังปล่อยกระสุนตูมๆ ทหารชั้นผู้น้อยฝ่ายกบฏรอจังหวะอยู่แล้วก็ทิ้งที่มั่นเปิดแน่บ ทหารรัฐบาลแทบจะเดินเซิ้งเข้าไปยึดปากช่อง ทางกองบัญชาการก็ดีใจว่าภารกิจสำเร็จตามเป้าหมายไม่ได้คำนึงว่ายิงข้าศึกตายได้กี่คน นี่คล้ายๆเรื่องที่นักบินได้รับคำสั่งให้ไปทิ้งระเบิด แต่ก็เอาลูกระเบิดไปทิ้งไปขว้างให้ดังตูมๆแต่พอให้ข้าศึกข้างล่างหัวหด


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 13:33
ผมคิดเลยเถิดไปว่า วันแรกที่รัฐบาลสั่งให้ทหารเรือเอาเรือปืนสุโขทัยขึ้นไปยิงดอนเมือง เอาแผนที่ดอนเมืองของคุณหนุ่มสยามมาประกอบ อาคารกรมอากาศยานมีกระจุ๋งเดียว นอกนั้นเป็นท้องไร่ท้องนาหาบ้านน้อยมาก  ถ้าทหารเรือทำแบบทหารปืนใหญ่ป.ต.อ.หรือทหารรถถัง ยิงคล่อมๆเป้าไปพอให้เห็นฤทธิ์กระสุนสักตับสองตับ ศึกอาจจะจบได้เร็วกว่าที่เป็นไป และผู้บัญชาการทหารเรือคงไม่ตกเป็นจำเลย ต้องติดคุกในคดีกบฎ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 27 มิ.ย. 12, 14:02
สำหรับศพของท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงคราม ก็มีอันให้พิศวง งงงวย กันอยู่นาน

อ้างอิงจากหนังสือของคุณลุงสรศัลย์ผู้ล่วงลับท่านบอกไว้ว่า แรกเริ่ม ทางการปิดข่าวและรีบจัดการฌาปนกิจที่วัดมะกอก ข้าง ๆ โรงพยาบาลพระมงกุฏในปัจจุบัน โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นขเด็ทเยอรมันไปกันพอสมควร เพื่อนรักเจ้าคุณศรีฯ อย่าง พระยาศรีพิชัยสงคราม ถึงกับเป็นผู้ขอเปิดดูศพให้แน่ใจว่าเป็นเจ้าคุณศรีสิทธิสงครามจริง ๆ

หลังจากฌาปนกิจแล้ว ก็ไม่รู้ว่าใครกำลังเล่นสงครามจิตวิทยากับใคร เพราะอัฐิเจ้าคุณล่องหนไปอยู่หลายปี บางครั้งก็บอกว่าอยู่ที่นั่นบ้าง พอครอบครัวจะไปขอรับก็ไม่มี

สุดท้ายหลังจากเหตุการณ์สงบไปหลายปี ก็มีหนังสือจากทางราชการบอกมายังครอบครัวท่านเจ้าคุณฯ ว่า ให้ไปรับอัฐิได้ที่วัดน้อยนพคุณ (ถนนเกษะโกมล)

คุณป้าโชติศรีบุตรีท่านเจ้าคุณฯ บอกว่าของใช้ส่วนตัวท่านเจ้าคุณฯ หายไปหลายรายการ ทั้งพระสมเด็จ(น่าจะวัดระฆัง แต่พิมพ์อะไรไม่ทราบนะครับ) แล้วก็อีกหลายรายการ หายแล้วก็หายเลย.....


และจากหนังสือ คนไทยในกองทัพนาซี ของท่านพันเอกวิชา ฐิตวัฒน์ นายร้อยรุ่นน้องที่ไปเรียนต่อเยอรมัน เล่าให้ฟังว่า

หลังจากที่เยอรมันแพ้สงคราม ท่านโดนคุมขังไว้ในค่ายกักกันนาซีไปด้วย ท่านได้ไปเจอเพื่อนร่วมรุ่นสามทหารเสือไทย มีอยู่รายเป็นนายพลอากาศ เป็นเพื่อนสนิทมากของท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงคราม ตั้งแต่ยังอยู่นายร้อยเยอรมันด้วยกัน ยังถามท่านผู้พันวิชาถึงเพื่อนรักว่าเป็นไปอย่างไรบ้าง ท่านวิชาก็เลยบอกไปว่าเสียชีวิตไปแล้ว แล้วก็เล่าเรื่องของท่านอื่น ๆ ให้ฟังด้วย

ถ้าจำไม่ผิด นายพลอากาศผู้นี้ได้สอนวิชาการวางกลยุทธให้ท่านวิชาอีกรอบด้วยนะครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 14:03
คดีกบฏบวรเดชมีผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยทั้งที่มอบตัวและถูกจับกุมเป็นนายทหารและทหารชั้นผู้น้อย รวมทั้งข้าราชการและพลเรือนกว่าห้าร้อยคน ซึ่งมีพวก“ปากพาซวย”ทั้งหลายรวมอยู่ด้วย เช่นนายหรั่งเจ้าของลิเกเจ้าดังในย่านดอนหวายยันดาวคะนอง ที่ร้องออกแขกเอาฮาว่า
 
“เจ้าคุณพหลเป็นต้นเหตุ
พระองค์บวรเดชเป็นต้นเรื่อง
ขับเจ้าเข้าป่า
แล้วเอาหมามานั่งเ มื อ ง ง งงงงงงง  ”  
มีพวกลูกหมาเอาไปรายงานนาย สอบสวนแล้วจำเลยยอมรับ ..งี้ก็เสร็จซิครับ

รัฐบาลตั้งศาลพิเศษขึ้นพิจารณาคดีที่อัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหา๒๕๐คน ใช้เวลาพิจารณาคดี๑ปีเต็มพิพากษาจำเลย ให้ประหารชีวิต ๖ คน จำคุกตลอดชีวิต๖๑คน  จำคุก๒๐ปี๖คน  จำคุก๑๖ปี๑๗คน  จำคุก๑๕ปี๒คน  จำคุก๑๔ปี๑๓คน  จำคุก๑๒ปี๘๙คน  จำคุก๑๐ ปี๙คน  จำคุก๙ปี๓๘คน  จำคุก๕ปี๑คน  จำคุก๓ปี๒คน  จำคุก๒ปี๒คน  จำคุก๑ปี๑คน  จำคุก๖เดือน๒คน  จำคุก๔เดือน๑คน  รวมทั้งสิ้น๒๕๐คน
 
จำเลยที่ต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต ต่อมาสมเด็จพระปกเกล้าฯไม่ทรงยอมลงพระปรมาภิไธย ถึงทรงสละราชสมบัติไปแล้ว ก็ไม่มีผู้สำเร็จราชการแผ่นดินท่านใดยอมลงนามให้ประหารเหมือนกัน รัฐบาลจึงได้ยอมลดโทษลงมาเป็นจำคุกตลอดชีวิต แต่ถูกส่งไป”ปล่อยเกาะ”ที่ตะรูเตา
ห้าปีเศษต่อมา รัฐบาลได้จัดทำการอบรมนักโทษการเมืองที่เป็นนายทหารชั้นผู้น้อย แล้วปลดปล่อยเป็นอิสระ
ยี่สิบสี่ปีหลังจากนั้น เมื่อสงครามโลกครั้งที่๒ยุติลง รัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองทุกยุคทุกสมัย ทำให้บรรดานายทหารและข้าราชการที่ยังต้องโทษอยู่ หรือพ้นโทษไปแล้ว แต่ถูกถอดยศและบรรดาศักดิ์เพราะต้องคำพิพากษาจำคุก เป็นอิสระชนและได้รับพระราชทานยศถาบรรดาศักดิ์คืนทั้งหมดเสมือนไร้ความผิด สิ้นมลทิน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 14:13
อ้างถึง
และจากหนังสือ คนไทยในกองทัพนาซี ของท่านพันเอกวิชา ฐิตวัฒน์ นายร้อยรุ่นน้องที่ไปเรียนต่อเยอรมัน เล่าให้ฟังว่า

หลังจากที่เยอรมันแพ้สงคราม ท่านโดนคุมขังไว้ในค่ายกักกันนาซีไปด้วย ท่านได้ไปเจอเพื่อนร่วมรุ่นสามทหารเสือไทย มีอยู่รายเป็นนายพลอากาศ เป็นเพื่อนสนิทมากของท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงคราม ตั้งแต่ยังอยู่นายร้อยเยอรมันด้วยกัน ยังถามท่านผู้พันวิชาถึงเพื่อนรักว่าเป็นไปอย่างไรบ้าง ท่านวิชาก็เลยบอกไปว่าเสียชีวิตไปแล้ว แล้วก็เล่าเรื่องของท่านอื่น ๆ ให้ฟังด้วย

ถ้าจำไม่ผิด นายพลอากาศผู้นี้ได้สอนวิชาการวางกลยุทธให้ท่านวิชาอีกรอบด้วยนะครับ


คงเล่าจากปากต่อปากจนเพี้ยนจากพระประศาสตร์เป็นนายพลอากาศ

พ.ท.พระประศาสตร์พิทยายุทธ ๑ใน๔ทหารเสือคณะราษฏร์ ได้ถูกนายปรีดี"จัดให้"หนีหลวงพิบูลไปเป็นทูตที่เบอร์ลิน และติดอยู่จนสงครามยุติ กองทัพโซเวียตได้เอาตัวไปขังไว้ในค่ายเชลยในไซบีเรีย(อย่าลืมว่าไทยประกาศร่วมรบกับญี่ปุ่น จึงถูกถือว่าอยู่ในฝ่ายอักษะด้วย) ถึงรอดจากความหนาวเย็นโครตๆๆกลับมาได้ก็เสียศูนย์ ตายอย่างถูกลืม

ในเรื่องพระยาทรงมีความโดยละเอียดครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 27 มิ.ย. 12, 14:43
วันที่๒๕ตุลาคม
ตั้งแต่เช้ามืด พลตรีพระยาเสนาสงครามซึ่งนัดนายทหารที่ยังเหลืออยู่ทุกนไปรวมพลอยู่ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์  ได้สั่งการให้ร.อ.หลวงหาญรอนรบ ผู้บังคับกองร้อยทหารม้านำทหารและอาวุธกลับไปนครราชสีมารอมอบตัวกับฝ่ายรัฐบาลที่นั่น

ส่วนนายทหารระดับผู้ก่อการอันได้แก่ พลตรีพระยาเสนาสงคราม พันเอกพระยาไชยเยนต์ฤทธิรงค์ พันเอกพระยาเทพสงคราม พันเอกพระยาศรีสุรศักดิ์ พันโทพระปัจจานึกพินาศ พันโทหลวงจรูญฤทธิไกร พันตรีหลวงลพบาดาล พันตรีหลวงเร้าเร่งพล พันตรีหลวงแผลงสะท้าน ร้อยเอกหลวงไล่พลรบ ร้อยเอกหลวงโหมรอนราญ ร้อยโทขุนสารภีพิชิต ร้อยโทขุนโรจน์วิชัย และอีกหลายคน ใช้ม้าของกองพันทหารม้าที่๓ มีนายสิบคุ้มกันพร้อมปืนกลเบาอีก๔ม้า รวมทั้งหมดกว่า๓๐ม้า ออกเดินทางจากบุรีรัมย์ผ่านช่องเสม็ดเข้าดินแดนเขมร  เพื่อมอบตัวกับรัฐบาลอินโดจีนฝรั่งเศส
.
.
หลังจากนั้นก็แยกย้ายทางใครทางมัน

ส่วนนายทหารที่ขี่ม้าหนีเข้าเขมรนั้นรอดจากการจับกุมหรือไม่ครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 27 มิ.ย. 12, 15:02

คงเล่าจากปากต่อปากจนเพี้ยนจากพระประศาสตร์เป็นนายพลอากาศ


ต้องขออภัยครับ ผมอาจจะสื่อความไม่ชัดเจน นายพลอากาศที่ท่านผู้พันวิชาไปพบที่ค่ายกักกันนาซีในออสเตรียนั้น เป็นคนเยอรมันครับ และเป็นเพื่อนรักท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงครามครับ

ส่วนคุณพระประศาสตร์ ก็แทบจะหมดตัวครับ เพราะสถานทูตโดนบอมบ์ แถมยังเจอทหารรัสเซียปล้นซ้ำอีกรอบครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 16:22
อ้างถึง
ส่วนนายทหารที่ขี่ม้าหนีเข้าเขมรนั้นรอดจากการจับกุมหรือไม่ครับ

รอดจากรัฐบาลสยามน่ะรอดครับ ฝรั่งเศสเขาไม่ส่งตัวคืนหรอก แต่ต้องอยู่แบบอยู่อย่างอยากและอย่าน่ะครับ อย่าคือห้ามยุ่งกับการเมืองอีก พวกนี้ที่ไม่ใช่เศรษฐีทางบ้านมีเงินส่งไปให้ ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างยากจนหาเช้ากินค่ำ จึงมีบางคนยอมกลับมามอบตัวติดคุกเมืองไทยก็มี
ดูเหมือนในเรื่องพระยาทรงผมจะเขียนเล่าไว้ด้วย ตอนที่พระยาทรงถูกเนรเทศไปที่นั่นและพบกับพวกที่หนีไปอยู่เก่านี้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 17:08
อ้างถึง
ต้องขออภัยครับ ผมอาจจะสื่อความไม่ชัดเจน นายพลอากาศที่ท่านผู้พันวิชาไปพบที่ค่ายกักกันนาซีในออสเตรียนั้น เป็นคนเยอรมันครับ และเป็นเพื่อนรักท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงครามครับ

ส่วนคุณพระประศาสตร์ ก็แทบจะหมดตัวครับ เพราะสถานทูตโดนบอมบ์ แถมยังเจอทหารรัสเซียปล้นซ้ำอีกรอบครับ

อ้อ..ครับ

สงสัยเค้ารบกันดุเดือดเกินโน๊ตบุ๊คของผมพังไปแล้ว นี่ไปขอยิ้มของศรีภรรยามาเปิดดู ตัวอักษรยังเล็กๆไม่ได้ปรับ อ่านที่คุณสมุน007เขียนทหารรัสเซียปล้นอีกรอบเป็นปล้ำอีกรอบ สดุ้งเฮือก พระประศาสตร์น่ะนะโดนทหารรัสเซียปล้ำ? แต่พอขยายขนาดมาแก๊กหนึ่งก็หมดปํญหา

ภาพยังมีอีกเยอะ ผมจะทยอยเอาลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผู้อ่านทุกท่านมีพื้นแล้ว จะเข้ามาแจมก็เชิญช่วงไหนก็ได้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 17:11
ไปเร็วเลย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 17:14
ผ่านบุรีรัมย์ไปแล้ว ไม่มีร่องรอยพวกกบฏเหลืออยู่


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 17:21
ทางจากโคราชไปอุบลราชธานี เป็นฝีมือของทหารกบฏซ้อนกบฏ=ฝ่ายรัฐบาลรื้อเอาไว้เอง กลัวพระองค์บวรเดชจะตามทวงเอาคืนพร้อมดอกเบี้ย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 17:23
จบภารกิจ หายเครียด ได้เวลาชักรูปหมู่


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 17:27
ภาพชุดสุดท้ายก่อนพัก เพราะตาลายแล้ว ตาใสเมื่อไหร่จะมาลงต่อ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 มิ.ย. 12, 18:34
ควันหลงภาพนายทหารกระดูกเหล็กฝ่ายรัฐบาล

๑๕ ตุลาคม

วันนี้ฝ่ายรัฐบาลแจกข้าวห่อสำหรับสองมื้อแล้วเปิดการรุกตั้งแต่เช้ามืด ฝ่ายคณะกู้บ้านเมืองซึ่งปักหลักตั้งรับบริเวณวัดหลักสี่ ห่างกันไม่ถึงสองกิโลเมตรอยู่ในวิธีกระสุนด้วยกันทั้งคู่ แม้ทหารในแนวหน้าจะต้องหาอาหารกินกันตามมีตามเกิดเพราะทางดอนเมืองไม่สามารถส่งเสบียงแล้ว ทหารหัวเมืองก็ยังสู้รบเต็มที่ จนถึงเวลา๑๖.๐๐ น.เศษ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลกำลังรุกคืบหน้าใกล้สถานีสถานีหลักสี่เข้ามา จนห่างจากแนวต้านทานของทหารม้าสระบุรีไม่ถึง ๒๐๐ เมตร เห็นจะเอาไม่อยู่แล้ว พระยาศรีสิทธิสงครามจึงกระซิบหม่อมเจ้าสุขปรารภ กมลาสน์ ด้วยภาษาเยอรมัน เพื่อไปบอกให้พระยาเสนาสงครามที่ดอนเมือง สั่งนายอรุณ บุนนาค ขับหัวรถจักรไอน้ำฮาโนแมกซ์ เบอร์๒๗๗ วิ่งฟืดฟาดออกจากสถานีดอนเมืองช้าๆ แล้วสับคันเร่งสุดเกจ์ก่อนกระโดดลง ให้รถวิ่งด้วยความเร็วเต็มฝีจักรผ่านทหารฝ่ายเดียวกันที่สถานีหลักสี่ และแม้จะโดนกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามถึง๔นัด แต่ด้วยโมเมนตั้ม ตอร์ปิโดบกคันนั้นก็พุ่งเข้าชนขบวนรถบรรทุกปืนใหญ่และรถถังของฝ่ายรัฐบาลอย่างรุนแรงจนตกรางและถอยครูดไปกว่าร้อยเมตร แรงกระแทกทำให้ทหารเสียชีวิตทันที ๑๓ นาย บาดเจ็บอีกมากมาย การสู้รบวันนั้นยุติลงในบัดดล

 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 มิ.ย. 12, 18:51
คุณวิกกี้ (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%88_%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1) บรรยายภาพข้างบนให้ข้อมูลเพิ่มเติมไว้ดังนี้

ในเหตุการณ์กบฏบวรเดช เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ หลวงกาจสงคราม ได้นำกำลังทหารฝ่ายรัฐบาล ขึ้นรถจักรดีเซลที่สถานีรถไฟบางซื่อ เพื่อเดินทางไปกวาดล้างทหารกบฏของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช ที่จังหวัดนครราชสีมา ฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชได้ใช้รถจักรฮาโนแม็ก เบอร์ ๒๗๗ หรือที่เรียกว่า “รถตอปิโดบก” พุ่งชนรถไฟของกองทัพรัฐบาล ทำให้ทหารฝ่ายรัฐบาลบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และทำให้หลวงกาจสงครามได้รับบาดเจ็บ หูแหว่ง จากเหตุการณ์ครั้งนี้ รัฐบาลได้ปูนบำเหน็จและย้ายให้ไปควบคุมกรมอากาศยาน (กองทัพอากาศ) และหลังจากนั้นหลวงกาจสงครามได้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาธิการกองทัพอากาศคนแรก แต่เนื่องด้วยหลวงกาจสงครามมีความขัดแย้งกับนายทหารในกองทัพอากาศ ทำให้รัฐบาลย้ายหลวงกาจสงครามไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากร

 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: art47 ที่ 27 มิ.ย. 12, 19:09
มาแทรกอีละครับ
ผมเห็นรูปๆหนึ่งในความคิดเห็นที่ 48  ผมปะรูปให้ดูนะครับ มีท่านไดเห็นเหมือนผมบ้างว่าในรูปเป็นกล้องถ่ายวีดีโอใช่หรือไม่ครับ ที่คนเสื้อขาวข้างกลังทหารจับอยู่ ถ้าเป็นการถ่ายด้วยวีดีโอจริงก็คงมีภาพเหตุการณ์จากกล้องหลงเหลือบ้างนะครับ

เป็นการบันทึกภาพยนตร์การสู้รบของคณะศรีกรุง
ที่มี หลวงกลการเจนจิต (เภา วสุวัต) กับขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) เป็นผู้รับผิดชอบ
มีความยาว ๗ ม้วน ถ่ายทำระหว่างการสู้รบจริงๆ ในสมรภูมิ

แต่ในปัจจุบันไม่ทราบว่าจะหลงเหลืออยู่หรือไม่  ???

อาจจะสูญหายเหมือน ภาพยนตร์วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕
หรือ ภาพยนตร์การพระราชทานรัฐธรรมนูญ วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๕
ก็เป็นไปได้  :'(


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 19:44
หลวงกาจ หึหึ หลวงกาจ เอาหนังซ้ำจากจอมพลป2-ไม่ผ่านขึ้นป3มาฉายหน่อย

อ้างถึง
NAVARAT.C:
ไหนๆคุญเพ็ญชมพูก็เอาดีวีดีมาฉายให้ท่านผู้อ่านดูตอนจบของหลวงกาจแล้ว ผมจะขอย้อนไปเก็บตอนต้นมาเล่าให้ฟังเพิ่มอีกสักหน่อย

หลวงกาจสงครามมีชื่อปรากฏในทำเนียบนักการเมืองตั้งแต่สมัยปฏิวัติ2475 ตอนนั้นเป็นนายร้อยเอก เมื่อเกิดกบฏบวรเดช หลวงกาจได้รับคำสั่งให้คุมทหารขึ้นรถไฟไปแนวหน้า พอดีฝ่ายกบฏส่งหัวรถจักรเปล่าๆที่เรียกว่าตอร์ปิโดบกลงมาปะทะขบวนรถทหารรัฐบาลที่วิ่งขึ้นไป ลงเค้เก้ไปข้างทางทหารเสียชีวิต2นาย บาดเจ็บระนาว หลวงกาจกระเด็นตกรถไฟหน้าแหวะต้องตัดหูทิ้งไป1ข้าง จึงได้ฉายาใหม่ว่านายพันหูเดียว เวลาถ่ายรูปจะต้องเอียงข้างหล่อให้ถ่าย

เสร็จศึกได้รางวัลปลอบใจให้ไปเป็นใหญ่ในกรมอากาศยานที่กำลังปรับขึ้นเป็นกองทัพอากาศ เพราะผลจากกบฏบวรเดชทำให้นายทหารอากาศชั้นผู้ใหญ่หลายคนมีอันจะต้องเป็นไป ถูกปลดจากราชการกันระนาว จึงได้เลื่อนยศพรวดๆขึ้นไปเป็นนาวาอากาศเอก ตำแหน่งเสนาธิการกองทัพอากาศ ทำให้เกิดขัดแย้งกับนายทหารอากาศแท้ๆมากมายแต่ก็ทนอยู่ได้ กระทั่งได้คั่วตำแหน่งผู้บัญชาการอยู่แล้ว หลวงกาจก็เอาเครื่องบินทิ้งระเบิดมาร์ตินที่จอมพลป.เห่อมากเพราะสั่งเข้ามาใหม่ๆ ไปตกเสียหายยับเยินข้างรันเวย์ระหว่างร่อนลง หนังสือพิมพ์โจมตีว่าเครื่องบินถูกนำไปใช้ในภารกิจส่วนตัวไม่เป็นที่เปิดเผย หลวงกาจยอมรับและบอกว่าจะให้หักเงินเดือนตนเองใช้หลวงแต่ก็ถูกท่านผู้ชมโห่กันเกรียว เพราะแม้ว่าจะหัก100%ทุกเดือนจนตายก็ยังไม่ได้ครึ่งค่าเครื่องบินลำนั้น หลวงกาจจึงถูกย้ายออกจากกองทัพอากาศ แต่โดยปรานีให้ไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากร

หลวงกาจเป็นที่โปรดปรานของจอมพล.ป ได้เป็นรัฐมนตรีในคณะหลวงพิบูลบ่อยครั้ง และสนิทกับนายปรีดีด้วยจนถึงขั้นร่วมมือกันก่อตั้งขบวนการเสรีไทยสายในประเทศเพื่อต่อต้านญี่ปุ่น ได้ลาออกจากรัฐมนตรีและลักลอบเดินทางไปจีนด้วยเรื่องของเสรีไทยจนจบสงครามจึงได้กลับมาบ้าน

หลวงกาจเป็นคนแรกที่คิดจะทำรัฐประหารในปี2490 ถึงขนาดร่างรัฐธรรมนูญไว้แล้วและซ่อนไว้ใต้ตุ่มแดงดังที่เล่ากันในกระทู้ก่อนๆ เมื่อชวนจอมพลผินกระทำการสำเร็จแล้ว หลวงกาจได้ไปบังคับอธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังขอเบิกเงิน8ล้านบาทเป็นค่าทำรัฐประหาร กลายเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่ไม่มีผู้ใดกล้าออกมาปฏิเสธ ต่อมารัฐบาลควงจำเป็นต้องอนุมัติเงินจำนวนนี้ให้ถูกต้องตามกฏหมายไป หลังรัฐประหาร หลวงกาจได้เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พอหนังสือพิมพ์ขอสัมภาษณ์เรื่องการได้รับเลื่อนยศทีเดียวจากพันเอกเป็นพลโท หลวงกาจก็ประกาศอมตะวาจาด้วยเสียงอันดังฟังชัดว่า “ใครอยากได้เลื่อนยศเร็ว ก็ทำรัฐประหารเอา”

ต่อมาหลวงกาจก็ตกม้าตายเพราะใช้อำนาจเบิกเงินจากกระทรวงการคลังอีก อ้างว่าจะเอาไปใช้จ่ายในกองทัพ แต่หลวงกาจเอาเงินดังกล่าวไปแลกเงินปอนด์กับเงินรูปีในตลาดมืดเสียก่อนที่จะเอาเงินสองสกุลนั้นมาคืนให้กลาโหมในอัตราแลกเปลี่ยนที่รัฐบาลกำหนด ทำให้หลวงกาจได้กำไรไปจากส่วนต่างอันนี้ถึง3,738,030.00บาท เลยโดนวุฒิสมาชิกตั้งกระทู้ถามในสภาและรัฐมนตรีกลาโหมต้องยอมรับว่าเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบจริง ต่อมากระทรวงกลาโหมได้สั่งระงับการแลกเปลี่ยนและสั่งตั้งกรรมการสอบสวน ปรากฏว่ากรรมการมีมติว่าหลวงกาจผิดจริงให้ดำเนินคดี แต่เรื่องไปดองอยู่ที่กรมพระธรรมนูญและกรมอัยการนานและกลับความเห็นว่าไม่สั่งฟ้อง

หลวงกาจเลยรอดคดีอาญาไป
แต่โทษที่โฉ่งฉ่างให้เขาจับได้ ทำความอับอายให้คณะรัฐประหารยังมีอยู่ ไล่เรี่ยกันนั้นหลวงกาจจึงโดนจอมพลป.ปลดออกจากราชการและโดนเนรเทศดังเนื้อความตามกระทู้ก่อนหน้านี้


เพ็ญชมพู:
อ้างถึง
อ้างจาก: NAVARAT.C ที่  10 ส.ค. 10, 09:09

เสร็จศึกได้รางวัลปลอบใจให้ไปเป็นใหญ่ในกรมอากาศยานที่กำลังปรับขึ้นเป็นกองทัพอากาศ เพราะผลจากกบฏบวรเดชทำให้นายทหารอากาศชั้นผู้ใหญ่หลายคนมีอันจะต้องเป็นไป ถูกปลดจากราชการกันระนาว จึงได้เลื่อนยศพรวดๆขึ้นไปเป็นนาวาอากาศเอก ตำแหน่งเสนาธิการกองทัพอากาศ ทำให้เกิดขัดแย้งกับนายทหารอากาศแท้ๆมากมายแต่ก็ทนอยู่ได้ กระทั่งได้คั่วตำแหน่งผู้บัญชาการอยู่แล้ว หลวงกาจก็เอาเครื่องบินทิ้งระเบิดมาร์ตินที่จอมพลป.เห่อมากเพราะสั่งเข้ามาใหม่ๆ ไปตกเสียหายยับเยินข้างรันเวย์ระหว่างร่อนลง หนังสือพิมพ์โจมตีว่าเครื่องบินถูกนำไปใช้ในภารกิจส่วนตัวไม่เป็นที่เปิดเผย หลวงกาจยอมรับและบอกว่าจะให้หักเงินเดือนตนเองใช้หลวงแต่ก็ถูกท่านผู้ชมโห่กันเกรียว เพราะแม้ว่าจะหัก100%ทุกเดือนจนตายก็ยังไม่ได้ครึ่งค่าเครื่องบินลำนั้น หลวงกาจจึงถูกย้ายออกจากกองทัพอากาศ แต่โดยปรานีให้ไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากร

พล.อ.อ. ทวี จุลทรัพย์ ได้เล่าถึงหลวงกาจสงคราม ขณะดำรงตำแหน่งเสนาธิการกองทัพอากาศว่า

วันหนึ่งข้าพเจ้าเป็นนายทหารเวรประจำสนาม เห็นนักบินผู้หนึ่งนำเครื่องฮอว์คสามลงมา เสื้อที่สวมเป็นเสื้อสีเนื้อซึ่งผิดข้อบังคับการบิน ข้าพเจ้าก็เดินรี่เข้าไปข้างเครื่องบินเพื่อจะไปสอบสวนว่าเรื่องอะไรจึงได้อุตริสวมเสื้อสีเนื้อขึ้นไปทำการบิน พอเดินเข้าไปใกล้เครื่องจึงได้ทราบว่านักบินผู้นั้นคือเสนาธิการทหารอากาศ และเสื้อที่ข้าพเจ้าเห็นแต่ไกลว่าเป็นเสื้อสีเนื้อนั้น ความจริงไม่ใช่เสื้อ  แต่เป็นเนื้อจริง ๆ เสนาธิการมิได้สวมเสื้ออะไรเลย บินไปด้วยตัวล่อนจ้อนเช่นนั้นเอง ข้าพเจ้าก็ถามท่านว่า ท่านไม่หนาวดอกหรือ ท่านบอกว่า หนาวก็ต้องทน เพราะท่านจะไปนอกในวันสองวันนี้ ทราบว่าอากาศทางเมืองนอกหนาวมาก ดังนั้นท่านจึงทดลองทำการบินขึ้นไปสูงถึง ๓,๐๐๐ เมตร เพื่อทดลองความต้านทานของร่างกายของท่าน เพราะอากาศในขณะที่บินอยู่สูง ๓,๐๐๐ เมตรนั้นหนาวมาก และเครื่องบินสมัยนั้นเราทำการบินโดยไม่ปิดประทุน ท่านลงจากเครื่องบินน้ำมูกน้ำตาไหล เพราะหนาวมาก เรียกบรั่นดีมาแก้หนาวแล้วก็เดินกลับบ้าน

นี่แหละข้าพเจ้าจึงได้กล่้าวไว้แล้วว่า ท่านเป็นมนุษย์เหล็กจริง ๆ ....

คราวหนึ่งมีจ่าคนหนึ่งนำหมู่แล้วบินต่ำ พาลูกหมู่ขนดินตาย ตัวเองบาดเจ็บสาหัส ท่านไปเยี่ยมและด้วยความเสียดายเครื่องบินซึ่งหาได้ยากในสมัยนั้น ท่านก็บอกว่าบินเสียวินัยอย่างนี้แล้วทำให้คนอื่นตาย และของหลวงเสียหาย ควรจะยิงตัวตายเสียดีกว่าอยู่ จ่าผู้นั้นก็มิได้โต้ตอบประการใดเพราะผิดไปแล้ว ได้แต่ยกมือไหว้ท่านประหลก ๆ  ต่อมาไม่นานมีเหตุร้ายเกิดแก่ตัวท่านเอง โดยขณะที่ท่านทำการบินเครื่องมาร์ตินบอมเบอร์ ท่านได้นำเครื่องลงนอกสนาม เพราะเครื่องยนต์ดับปรากฏว่าเครื่องบินเครื่องนั้นเสียหายใช้การไม่ได้ ตัวท่านบาดเจ็บเล็กน้อย หมอพาไปตรวจที่ห้องพยาบาล เผอิญไปนอนอยู่ใกล้จ่าผู้นั้น จ่าทราบเรื่องเกี่ยวกับท่านนำเครื่องบินลงนอกสนาม ทำให้เครื่องเสียหาย จ่าคนนั้นก็บอกกับท่านว่า

"เสนาธิการครับ ปืนของผมได้เตรียมมาแล้วตามที่เสนาธิการได้สั่งเอาไว้ จะเอาไปใช้ก่อนก็ได้ครับ"

sirinawadee:
อ้างถึง

^
^
ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในห้องเรียนละก็ อยากจะกรี๊ดให้กับจ่าท่านนี้เหลือเกินค่ะ






กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 12, 21:19
ไม่รู้ว่าชะตากรรมของจ่าใจเด็ดหลังพูดประโยคนั้น จะเป็นอย่างไรบ้างนะคะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 27 มิ.ย. 12, 22:02
^
คุณเพ็ญคร้าบ มาตอบหน่อยยยยย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 27 มิ.ย. 12, 23:08
 
ครับผม….รบกันยิงกันดุเดือดเลือดพล่านกระสุนแทบจะทะลุจอมาโดนคนอ่านอย่างนี้ ทหารตายแค่เนี๊ยะ ท่านที่อ่านมาถึงบันทัดนี้คงจะงงว่า สงครามกลางเมืองที่อื่นเขารบกัน คนตายหลักร้อยหลักพันหลักหมื่น สงครามปราบปราบกบฏครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของสยาม รวมทั้งสองฝ่ายเฉลี่ยแล้วตายวันละ๒คน
นี่ใครหลอกใคร? เขารบกันจริงๆหรือหลอกคนดู???

ทางฝ่ายรัฐบาลเองก็เถอะ ผมแหม่งๆตั้งแต่ตอนที่อ่านเจอว่าหลวงพิบูลเอาปืนใหญ่เรียงเป็นตับไปโหมโรงก่อนการรบวันแรก ยิงไป๔๐นัด กระสุนลงน้ำลงนาหมด นี่มันไม่ใช่เรื่องไร้ฝีมือแล้ว
 
หนังสือเล่มหนึ่งเล่าว่า ตอนเข้าตีปากช่องที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายกบฏ ผู้พันสั่งมาจากกองบ.ก.ให้รถถังยิงเบิกทางเข้าไป ผู้หมวดตาเหลือกเพราะฝ่ายกบฏกระจายกำลังอยู่ในชุมชน ถ้ายิงไปจริง ราษฎรคงโดนลูกหลงตายเกลื่อน แต่ผู้กองบอกว่าแล้วคุณจะเล็งไปบ้านคนทำไม ยิงไปโน่น บนเขาโน่น


ผมไม่คิดว่าท่านจอมพล ป ที่รักยิ่งของผมจะเป็นห่วงชีวิตพี่น้องทหารไม่ว่าจะฝั่งไหนทั้งนั้น จนแกล้งให้ยิงปืนใหญ่พลาดลงน้ำหมด 40 นัดหรอกครับ มองแบบนั้นน่าจะมองโลกในแง่ดีกับท่านจอมพลมากไปหน่อย เพราะผลงานทั้งหมดในชีวิต ผมยังไม่เคยเห็นว่าท่านจอมพลของผมจะเคยห่วงใยชีวิตคนอื่นมากไปกว่าอำนาจของตัวซักครั้งเลยนะเนี่ย

ดังนั้นที่ยิงกันพลาด น่าจะเพราะแม้จะเป็นทหารปืนใหญ่ มีดีกรีนักเรียนฝรั่งเศส  แต่ภารกิจแต่ละวันท่านพันโท(ยศขณะนั้น)คงไม่ได้ใช้เวลาฝึกฝนวิชาการทหารหรอกกระมังครับ  น่าจะหมดไปกับการเล่นการเมือง วางฐานอำนาจ หมดเวลาไปกับเหล่าบริวารคนแวดล้อมมากกว่า  ดังนั้นพอจะถึงเวลาต้องโชว์ออฟ  มันเลยไม่มีอะไรจะโชว์กลายเป็นไอ้เสือปืนฝืดไปซะงั้น

ขอแจมซะหน่อยมิให้เงียบเหงา


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 01:51
พันโทหลวงพิบูลสงครามท่านก็บู๊ดุเดือดเป็นเหมือนกันนะคะ คุณประกอบ  ลองอ่านดู

เมื่อคณะกู้บ้านกู้เมืองเปิดฉากถล่มฝ่ายรัฐบาลด้วย "ตอร์ปิโดบก"  ที่ทุ่งบางเขน  ก็ได้ผล  ฝ่ายพระนครระส่ำระสายกันตลอดแนวรบ  หลวงพิบูลฯผู้ซึ่งเป็นแม่ทัพฝ่ายรัฐบาล จึงรีบเร่งจัดทหารเป็นกองหนุนขึ้นไปเสริมกำลังแนวหน้ากันอุตลุด  แต่มีทหารกองหนึ่งของพันเอกพระสิทธิเรืองเดชพล (แสง พันธุประภาส)   ขึ้นตรงกับคำสั่งของนาย ยืนยันกับหลวงพิบูลฯว่าได้รับคำสั่งจากพระสิทธิ์ฯให้ไปประจำรักษาปีก
พอหลวงพิบูลฯได้ฟังก็ยัวะขึ้นมาสุดขีด   หาว่าพระสิทธิ์ฯไม่ร่วมมือ ซ้ำขัดคำสั่งของตน จึงวิ่งปราดเข้าเข้าหาพระสิทธิ์ฯ  และยกปืนขึ้นจะยิง   เคราะห์ดีที่มีนายทหารช่วยกันยึดมือไว้ทัน  ไม่งั้นคุณพระท่านก็คงเสียชีวิตอยู่ตรงนั้นแล้ว   เรื่องนี้ เป็นข่าวที่โจษขานกันมาก  การที่หลวงพิบูลฯเกิดโมโหโทโสรุนแรงถึงขนาดนั้น  ก็เพราะมีความระแวงแคลงใจว่า พระสิทธิ์ฯเอาใจฝักใฝ่เข้าข้างทหารฝ่ายหัวเมือง  เพราะเป็นพรรคพวกของพระยาทรงสุรเดชมาก่อน

ถ้าถามว่าเรื่องอะไรพระสิทธิ์ฯ  ผู้มียศเป็นนายพันเอก แต่กลับต้องมารับคำสั่งนายพันโท หลวงพิบูลสงคราม ก็เพราะเมื่อเกิดกบฏบวรเดช   พระยาพหลฯได้แต่งตั้งให้พระสิทธิ์ฯทำหน้าที่เป็นผู้รักษาพระนคร  และให้หลวงพิบูลฯ เป็นผู้บัญชาการกองทหารผสมในการปราบกบฏ   หลวงพิบูลจึงออกไปปฏิบัติการอยู่แนวหน้า  ครั้นเมื่อหลวงพิบูลฯขอนายทหารผู้ใหญ่ไปเป็นผู้ช่วย  พระยาพหลฯ ก็ตั้งพระสิทธิ์ฯขึ้นไปช่วย 

ขณะนั้นหลวงพิบูลฯ ไม่ได้ตั้งแนวรักษาปีกตามหลักยุทธวิธี  พระสิทธิ์ฯจึงสั่งถอนทหารจากแนวหลังขึ้นไประวังรักษาปีก  ก็พอดีกับเวลาที่หลวงพิบูลฯต้องการจะส่งทหารเป็นกองหนุนขึ้นไปเสริมกำลังแนวหน้า  หลวงพิบูลฯจึงสั่งทหารหน่วยที่กำลังเคลื่อนย้ายจะไปรักษาปีกให้ไปอยู่แนวหน้า  ครั้นได้รับคำตอบว่าไปไม่ได้ เพราะพระสิทธิ์ฯท่านสั่งให้ไปรักษาปีก    หลวงพิบูลฯก็เดือดดาล  ถึงกับชักปืนจะยิง...อย่างไรก็ตามต่อมาในวันเดียว กันนั้น  หลวงพิบูลฯได้ขออภัยโทษต่อพระสิทธิ์ฯว่าเข้าใจผิด  จึงได้แสดงกิริยาไม่สมควรดังนั้น 

แต่บุคคลทั้งสองก็ไม่ได้จบลงแฮปปี้เอนดิ้งอยู่ดี ทั้งๆปราบกบฏได้สำเร็จ   อีกไม่กี่ปีต่อมา  พระสิทธิ์ฯก็ถูกศาลพิเศษตัดสินประหารชีวิต  ในยุคที่หลวงพิบูลฯขึ้นสู่อำนาจสูงสุดทั้งทางทหารและการเมือง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 03:44
ขอเล่าเกร็ดแทรกอีกเรื่องหนึ่ง ถึงนายทหารฝ่ายพระยาศรีสิทธิฯ ที่น่าจะเรียกได้ว่า "เอาจริง" กับศึกครั้งนี้   ไม่ใช่เล่นๆ อย่างที่ท่านนวรัตนตั้งข้อสังเกตไว้
คือคนอื่นๆจะเอาเล่น หรืออะไรก็ตามแต่  แต่ท่านนี้ถือเป็นเรื่องจริงจังขั้นเอาเป็นเอาตาย
ท่านผู้นี้คือพ.ต. หลวงสรสิทธยานุการ  (สิทธิ์ แสงชูโต)  ผู้บังคับการกองพันทหารล่างแห่งจ.เพชรบุรี

หลวงสรสิทธยานุการสำเร็จวิชาทหารจากประเทศญี่ปุ่น เป็นฝ่ายเข้าร่วมกับพระยาศรีสิทธิสงครามแต่แรก  มุ่งมั่นชิงชัยมาแต่แรก   พอทัพของพระองค์เจ้าบวรเดชยกจากอีสานมาถึงกรุงเทพ  ทางใต้หลวงสรสิทธ ฯ ก็ประกาศยึดอำนาจการปกครองในจังหวัดเพชรบุรี ประกาศกฏอัยการศึก  และระดมพลใหญ่เรียกทหารกองหนุนกลับเข้าประจำการทันที   เพื่อให้เพชรบุรีเป็นเมืองสนับสนุนคณะกู้บ้านกู้เมืองเต็มตัว

ความจริงใจของหลวงสรสิทธฯยังดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง   เห็นได้จากส่งโทรเลขกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ทรงทราบว่ากองพันทหารเพชรบุรีได้ประกาศตนเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อรัฐบาลกรุงเทพฯ  และขอมอบกายถวายชีวิตด้วยความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็พระเจ้าอยู่หัว 

แต่หลวงสรสิทธฯก็รอบคอบพอที่จะไม่สาธยายรายละเอียดหมดทุกเรื่อง  คือมิได้กราบบังคมทูลว่าทหารเพชรบุรีจะสู้รบกับรัฐบาล  เพื่อสนับสนุนฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช     เพราะไม่ต้องการจะเอาโทรเลขนี้เป็นหลักฐานผูกมัดว่า ตัวเองได้โยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาให้รับรู้การพยายามยึดอำนาจจากรัฐบาล  ซึ่งถ้ายังทำไม่สำเร็จก็เป็นกบฏชนิด 100 %  โทษขั้นประหารชีวิต


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 03:53
    เมื่อโทรเลขเสร็จ  หลวงสรสิทธฯ  ก็รุกคืบหน้าสายฟ้าแลบ ส่งกำลังทหารไปยึดสถานีบ้านน้อยซึ่งติดกับราชบุรีเอาไว้ทันที  เพราะรู้ว่ากองทหารราชบุรีได้ประกาศตัวเป็นฝ่ายรัฐบาลแล้ว    กองพันทหารเพชรบุรีของหลวงสรสิทธฯจึงต้องสกัดกั้น ตรึงทหารราชบุรีไว้ มิให้มีเคลื่อนไหวใดๆ  ที่จะเป็นการขัดขวางทหารเพชรบุรี หรือส่งกำลังไปหนุนทหารรัฐบาลในกรุงเทพ

     ในตอนต้น  ผลงานของหลวงสรสิทธฯคืบหน้าไปด้วยดี  เพราะมีบุคคลสำคัญของจังหวัดเข้าร่วมมือด้วยเต็มที่  คือนายพันเอก พระยาสุรพันธ์เสนีย์(อิ้น  บุนนาค) สมุหเทศาภิบาล  และที่สำคัญยิ่งก็คือพระยาวิเศษฦาชัย (ม.ล.เจริญ  อิศรางกูร)  เจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี 
     พระยาทั้งสองท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเพชรบุรีเคารพนับถือกันมาก    เมื่อท่านประกาศแข็งข้อกับรัฐบาล  ชาวบ้านชาวเมืองก็เฮโลกันเข้ามาสนับสนุน   เห็นได้จากเมื่อระดมพลใหญ่  ก็มีทหารกองหนุนรีบรุดมารายงานตัวเข้าประจำการมากมาย  จนเกินจำนวนที่ต้องการ

     ขณะที่ทุกอย่างทางเพชรบุรีกำลังดำเนินไปด้วยความคึกคักเข้มแข็ง    หลวงสรสิทธฯก็เหมือนกับเจอฟ้าผ่าลงมาบนหัวอย่างจัง  เมื่อมีพระราชโทรเลขจากหัวหินตอบมาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ไม่ทรงพอพระทัยในการกระทำของ หลวงสรสิทธฯ เพราะไม่มีพระราชประสงค์จะให้เกิดการรบราฆ่าฟันให้เสียชีวิตเลือดเนื้อของคนไทยด้วยกัน  แต่เมื่อไม่สามารถจะทรงห้ามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้แล้ว  ก็จำต้องตั้งพระองค์เป็นกลางไม่ยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายใดทั้งสิ้น   นอกจากนี้ทรงห้ามมิให้ทหารของฝ่ายใดล่วงล้ำเข้าเขตหัวหิน  ถ้ามีการฝ่าฝืนดังกล่าวจะถูกจับปลดอาวุธโดยทันที       



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 04:04
     การตัดสินพระทัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะไม่ทรงเข้าข้างฝ่ายใด และไม่ประสงค์จะให้คนไทยต้องเสียเลือดเนื้อระหว่างกัน  มีผลต่อการตัดสินพระทัยของพระองค์เจ้าบวรเดชเช่นกัน   
    เมื่อยึดกรุงเทพไม่ได้ ซ้ำทหารรัฐบาลโต้ตอบอย่างแข็งกร้าว   ก็ทรงเรียกประชุมบรรดาผู้บังคับกองพันทหารเหล่าต่างๆในตอนย่ำค่ำ(14 ตุลาคม) ทรงแถลงผลของการปฏิวัติ "งานใหญ่"  ครั้งนี้ว่าฝ่ายทหารหัวเมืองกำลังเสียเปรียบทุกประตู  เพราะการรบมิได้เป็นไปตามแผน  ทหารหลายหน่วยไม่ร่วมมือด้วย  รัฐบาลทำการรบได้เปรียบ  เพราะมีรถไฟดุนรถ ข.ต.บุกเข้าโจมตี  และมีรถถังระดมยิง  จนฝ่ายหัวเมืองจำต้องล่าถอยจากแนวหน้าอยู่เรื่อยๆ ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้  องค์แม่ทัพจึงตัดสินพระทัยให้ถอยทัพตามพระราชประสงค์ของขององค์พระประมุขแห่งชาติ  ทรงได้จัดเครื่องบินนำหนังสือไปกราบบังคมทูลเรื่องการถอยทัพนี้ด้วยแล้ว

     กองทหารฝ่ายหัวเมืองจึงถอนกำลังจากดอนเมืองเมื่อตอนดึกสงัดของคืนวันที่ 15 หรือ 3 นาฬิกาของเช้าวันที่ 16 ตุลาคม  โดย
พระยาศรีสิทธิสงครามไปตรึงกำลังตั้งรับอย่าง"สู้ตาย"  อยู่ที่ตำบลหินลับ  กลางดงพระยาเย็น   รัฐบาลไม่รอช้ารีบออกข่าววิทยุทันทีว่ากบฎถอยหนี  ทหารรัฐบาลยึดดอนเมืองกลับคืนมาได้แล้ว     นอกจากนี้ทหารหน่วยต่างๆที่เป็นฝ่ายกบฏก็วางอาวุธยอมจำนนกับรัฐบาลกันระลอกแล้วระลอกเล่า จนเกือบจะไม่มีเหลือฝ่ายกบฏอีกแล้ว
     แถลงการณ์ของรัฐบาลออกอากาศมาถึงเพชรบุรี    เราก็คงเดาได้ว่าหลวงสรสิทธิฯ คงแทบกระอักเลือด  เพราะแผนเดิมที่จะช่วยตีกระหนาบหลัง  ในขณะที่กองทัพพระองค์บวรบุกเข้าโจมตีกรุงเทพด้านเหนือ กลายเป็นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง  กำลังรบฝ่ายเพชรบุรีมีเพียงกองพันเดียวจะเข้าสู้รบกับกองทหารกรุงเทพฯ  ก็เท่ากับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ   
     กองพันทหารเพชรบุรี จึงจำต้องยอมแพ้ต่อรัฐบาลในวันที่ 17 ตุลาคม 2476   พ.ต. หลวงสรสิทธฯกล่าวกับพันโทหลวงพิบูลสงครามว่า
     " ผมแพ้แล้ว โปรดนำตัวไปประหารชีวิต"


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 04:08
แต่หลวงสรสิทธฯก็ไม่ได้รับโทษถึงประหารชีวิต  แต่ว่าต้องรับโทษจำคุกในฐานะนักโทษการเมืองอยู่หลายปี
ขออภัยที่ไม่มีหนังสืออยู่ใกล้ตัวในตอนนี้  หาในกูเกิ้ลก็ไม่เจอ  จึงขอท่านที่มีรายละเอียดชีวิตช่วงนี้กรุณาเติมให้ครบถ้วนด้วยค่ะ

รู้แต่ว่าคุณหลวงสรสิทธฯ เป็นบิดาของนักแปลชื่อดัง  คุณ"นิดา" หรือปราศรัย (แสงชูโต)รัชไชยบุญ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 07:55
^
ของฝากของท่านอาจารย์เทาชมพู เดี๋ยวผมจะต้องไปรื้อตู้หนังสือหาก่อนครับ แล้วจะกลับมาต่อให้

ส่วนคุณประกอบ ผมยินดีที่ได้อ่านความเห็นข้างบนนะครับ หลายเรื่องเกี่ยวกับจอมพลป. ผมได้วิจารณ์มามากแล้วในกระทู้ต่างๆที่เคยเขียน
แต่อยากให้ลองพิจารณาการอำนวยการยิงปืนใหญ่ของท่านตามผังที่ผมเขียนขึ้นนี้อีกครั้งหนึ่ง  เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่นายทหารปืนใหญ่ไม่ว่าจะเรื้อเวทีขนาดไหน จะสั่งตั้งจุดยิงในแนวเฉียงเป้าหมาย ถ้าสามารถจะตั้งในแนวตรงได้ คนเรียนมาแค่ร.ด.ยังรู้เลย

ทางรถไฟตรงเป๊ะอย่างนั้น กลุ่มเป้าหมายใหญ่เบ่อเร่อเรียงกันไปบนทางรถไฟยาวหลายกิโลเมตร เอาปืนใหญ่มาวางคล่อมทางรถไฟ เล็งไปตรงๆแล้วหลับหูหลับตายิงไป มันต้องโดนใครต่อใครบาดเจ็บล้มตายบ้าง  แต่นี่ไปยิงจากมุมเฉียง กระสุนมันตกยาวไปบ้างสั้นไปบ้าง ก็คล่อมเป้าได้ทั้งหมด

ฉะนั้น เจตนาจริงๆของทหารการเมืองผู้นี้คืออะไร ลองคิดดูเป็นการบ้านก่อน เรามิได้รีบจะจบกระทู้ ผมไม่ได้ยัดเยียดความคิดให้เชื่อตามผม เอาเป็นว่า เรามาช่วยกันคิดวิเคราะห์พร้อมๆกันไป ไม่รีบสรุป  เอากรณีรวันดาที่คุณศึกษามาเปรียบเทียบด้วยก็ดี
 
ไม่แน่ เราอาจได้คำตอบที่เชื่อถือได้สำหรับคำถามที่ผมนำมาตั้งเป็นหัวข้อกระทู้นี้ก็ได้นะครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 08:35
        ในตอนต้น  ผลงานของหลวงสรสิทธฯคืบหน้าไปด้วยดี  เพราะมีบุคคลสำคัญของจังหวัดเข้าร่วมมือด้วยเต็มที่  คือนายพันเอก พระยาสุรพันธ์เสนีย์(อิ้น  บุนนาค) สมุหเทศาภิบาล  และที่สำคัญยิ่งก็คือพระยาวิเศษฦาชัย (ม.ล.เจริญ  อิศรางกูร)  เจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี  
     พระยาทั้งสองท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเพชรบุรีเคารพนับถือกันมาก    เมื่อท่านประกาศแข็งข้อกับรัฐบาล  ชาวบ้านชาวเมืองก็เฮโลกันเข้ามาสนับสนุน   เห็นได้จากเมื่อระดมพลใหญ่  ก็มีทหารกองหนุนรีบรุดมารายงานตัวเข้าประจำการมากมาย  จนเกินจำนวนที่ต้องการ

บางตอนจากบันทึกของนายพันเอก พระยาสุรพันธ์เสนี (อิ้น  บุนนาค) สมุหเทศาภิบาลมณฑลราชบุรีในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพของท่านเอง

หน้า ๑๕

"ในขณะที่ข้าพเจ้าอยู่ในราชการ และดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลราชบุรีอยู่นั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จแปรพระราชฐานประทับร้อนที่สถานตากอากาศหัวหิน ณ ที่พระราชวังไกลกังวล การเสด็จแปรพระราชฐานครั้นนี้อยู่ในความรับผิดชอบของข้าพเจ้า ตามประเพณีเดิมมาหรือจะเรียกว่าตามหน้าที่ก็ว่าได้ ในเวลานั้นเองได้มีกองทหารจังหวัดนครราชสีมาลุกขึ้นแข็งอำนาจ ภายใต้การนำของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช เพื่อต่อสู้กับรัฐบาล"

หน้า ๑๗, ๑๙, ๒๑

"แม้ข้าพเจ้าไม่มีความประสงค์ที่จะยกกำลังทหารทั้งราชบุรีและเพชรบุรีไปต่อสู้กับทหารของรัฐบาล ข้าพเจ้ามีความประสงค์อยู่อย่างเดียวเท่านั้น คือ จะป้องกันและรักษาความปลอดภัยของพระมหากษัตริย์ตามหน้าที่ของข้าพเจ้าเท่านั้น"

"ในวันที่ ๑๒ สื่งที่สำคัญที่สุด ก็คือได้กำชับไปว่า เราไม่ได้ระดมทหารครั้งนี้เพื่อไปรบราฆ่าฟันกับใตร เพียงแต่เราต้องการกำลังทหารมาเพื่อป้องกันและถวายความปลอดภัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราเท่านั้น"

"ข้าพเจ้าเป็นทหารตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ ก็ได้ยินแต่คำว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มันจับเข้าไปในสายเลือดแล้ว ละลายอยู่ในนั้น ในสายเลือดของข้าพเจ้า"

"เราเริ่มจ่ายทหารออกประจำอยู่ตามจุดสำคัญ ๆ หลายแห่ง เพื่อป้องกันมิให้ทหารฝ่ายใดก็ตามไม่ว่าจะฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช หรือทหารฝ่ายรัฐบาล ไม่ให้ล่วงล้ำเลยจังหวัดเพชรบุรีลงไปทางใต้ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อจะถวายความปลอดภัยแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ตั้ง

 ;D



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 09:16
มีหลายท่านยังคาใจสงสัยเรื่องของหลวงกาจสงคราม

คราวหนึ่งมีจ่าคนหนึ่งนำหมู่แล้วบินต่ำ พาลูกหมู่ขนดินตาย ตัวเองบาดเจ็บสาหัส ท่านไปเยี่ยมและด้วยความเสียดายเครื่องบินซึ่งหาได้ยากในสมัยนั้น ท่านก็บอกว่าบินเสียวินัยอย่างนี้แล้วทำให้คนอื่นตาย และของหลวงเสียหาย ควรจะยิงตัวตายเสียดีกว่าอยู่ จ่าผู้นั้นก็มิได้โต้ตอบประการใดเพราะผิดไปแล้ว ได้แต่ยกมือไหว้ท่านประหลก ๆ  ต่อมาไม่นานมีเหตุร้ายเกิดแก่ตัวท่านเอง โดยขณะที่ท่านทำการบินเครื่องมาร์ตินบอมเบอร์ ท่านได้นำเครื่องลงนอกสนาม เพราะเครื่องยนต์ดับปรากฏว่าเครื่องบินเครื่องนั้นเสียหายใช้การไม่ได้ ตัวท่านบาดเจ็บเล็กน้อย หมอพาไปตรวจที่ห้องพยาบาล เผอิญไปนอนอยู่ใกล้จ่าผู้นั้น จ่าทราบเรื่องเกี่ยวกับท่านนำเครื่องบินลงนอกสนาม ทำให้เครื่องเสียหาย จ่าคนนั้นก็บอกกับท่านว่า

"เสนาธิการครับ ปืนของผมได้เตรียมมาแล้วตามที่เสนาธิการได้สั่งเอาไว้ จะเอาไปใช้ก่อนก็ได้ครับ"

;D  ;D  ;D

มีหลายท่านชื่นชอบคำพูดตอนท้ายของเรื่องของคุณจ่าคนนี้

^
^
ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในห้องเรียนละก็ อยากจะกรี๊ดให้กับจ่าท่านนี้เหลือเกินค่ะ ;)

^
^
อนุญาตให้กรี๊ดได้ครับ ผมจะได้ถือโอกาสกระทืบเท้าเป่าปากพร้อมๆกันไปด้วย

พลันก็มีข้อสงสัยถึงชะตากรรมของคุณจ่าคนนี้ตามมา

ไม่รู้ว่าชะตากรรมของจ่าใจเด็ดหลังพูดประโยคนั้น จะเป็นอย่างไรบ้างนะคะ

^
คุณเพ็ญคร้าบ มาตอบหน่อยยยยย

พล.อ.อ. ทวี จุลละทรัพย์ ได้เล่าถึงตอนจบของเรื่องนี้ไว้ว่า

ท่านพลโท หลวงกาจสงคราม (ขณะนั้นเป็นนาวาอากาศเอก) มิได้โต้ตอบสักคำเดียว ลุกจากเตียงคนไข้ได้ก็เดินออกไปจากโรงพยาบาลทันที พวกเรานีกว่าท่านคงจะออกไปเขียน กร. สั่งขังจ่าคนนั้น หรือไปออกคำสั่งไล่จ่าคนนั้นออก แต่ตรงกันข้าม ท่านไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า ท่านไม่ผูกใจอาฆาตผู้ใดเลย

 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 09:43

ทางรถไฟตรงเป๊ะอย่างนั้น กลุ่มเป้าหมายใหญ่เบ่อเร่อเรียงกันไปบนทางรถไฟยาวหลายกิโลเมตร เอาปืนใหญ่มาวางคล่อมทางรถไฟ เล็งไปตรงๆแล้วหลับหูหลับตายิงไป มันต้องโดนใครต่อใครบาดเจ็บล้มตายบ้าง  แต่นี่ไปยิงจากมุมเฉียง กระสุนมันตกยาวไปบ้างสั้นไปบ้าง ก็คล่อมเป้าได้ทั้งหมด

ฉะนั้น เจตนาจริงๆของทหารการเมืองผู้นี้คืออะไร ลองคิดดูเป็นการบ้านก่อน


การบ้านข้อนี้ ในเมื่อไม่มีโอกาสเรียนร.ด. ก็เลยจนปัญญา  เห็นจะต้องรอคุณประกอบ คุณ samun007 หรือคุณเพ็ญชมพูมาตอบแทน



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 09:44

"เราเริ่มจ่ายทหารออกประจำอยู่ตามจุดสำคัญ ๆ หลายแห่ง เพื่อป้องกันมิให้ทหารฝ่ายใดก็ตามไม่ว่าจะฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช หรือทหารฝ่ายรัฐบาล ไม่ให้ล่วงล้ำเลยจังหวัดเพชรบุรีลงไปทางใต้ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อจะถวายความปลอดภัยแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ตั้ง

ถามคุณเพ็ญชมพู
ถ้าทหารไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช จะไปถึงหัวหินให้ได้ โดยไม่ผ่านเพชรบุรี  ทำได้ไหม?


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 09:49
อ้างถึง
ท่านพลโท หลวงกาจสงคราม (ขณะนั้นเป็นนาวาอากาศเอก) มิได้โต้ตอบสักคำเดียว ลุกจากเตียงคนไข้ได้ก็เดินออกไปจากโรงพยาบาลทันที พวกเรานีกว่าท่านคงจะออกไปเขียน กร. สั่งขังจ่าคนนั้น หรือไปออกคำสั่งไล่จ่าคนนั้นออก แต่ตรงกันข้าม ท่านไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า ท่านไม่ผูกใจอาฆาตผู้ใดเลย

โอ้..พระเจ้าจอร์จ ท่าน^ช่างเป็นคนดีเจง เจง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 09:54
อ้างถึง
ถามคุณเพ็ญชมพู
ถ้าทหารไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช จะไปถึงหัวหินให้ได้ โดยไม่ผ่านเพชรบุรี  ทำได้ไหม?

โห ลำเอียงแท้ ทีคำถามง่ายๆท่านให้คุณเพ็ญตอบ

ไปทางเรือซีครับ ไปเยอะๆก็ได้
หรือทางอากาศ ทั้งรัฐบาลและพระองค์เจ้าบวรเดชก็ใช้วิธีนี้ส่งสาส์นมาในวังบ่อยๆ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 09:59
ตอบไม่ทันคุณนวรัตน

คำตอบเดียวกัน ทางเรือและทางอากาศ

 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 28 มิ.ย. 12, 10:13
^

ทางรถไฟตรงเป๊ะอย่างนั้น กลุ่มเป้าหมายใหญ่เบ่อเร่อเรียงกันไปบนทางรถไฟยาวหลายกิโลเมตร เอาปืนใหญ่มาวางคล่อมทางรถไฟ เล็งไปตรงๆแล้วหลับหูหลับตายิงไป มันต้องโดนใครต่อใครบาดเจ็บล้มตายบ้าง  แต่นี่ไปยิงจากมุมเฉียง กระสุนมันตกยาวไปบ้างสั้นไปบ้าง ก็คล่อมเป้าได้ทั้งหมด

ฉะนั้น เจตนาจริงๆของทหารการเมืองผู้นี้คืออะไร ลองคิดดูเป็นการบ้านก่อน เรามิได้รีบจะจบกระทู้ ผมไม่ได้ยัดเยียดความคิดให้เชื่อตามผม เอาเป็นว่า เรามาช่วยกันคิดวิเคราะห์พร้อมๆกันไป ไม่รีบสรุป  เอากรณีรวันดาที่คุณศึกษามาเปรียบเทียบด้วยก็ดี
 
ไม่แน่ เราอาจได้คำตอบที่เชื่อถือได้สำหรับคำถามที่ผมนำมาตั้งเป็นหัวข้อกระทู้นี้ก็ได้นะครับ


ตามความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้ายิงโดนจะล้มตายกันไปมากและความเสียหายทั้งรถไฟและรางรถไฟ อีกอย่างนายทหารที่ยิงหรือสั่งยิงยังมีความรักพี่น้องทหารด้วยกันอยู่มากๆ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 10:16
เชิยคุยกันไปก่อนนะครับ  ผมขอเวลาไปทำอย่างอื่นสักสองสามชั่วโมง แล้วจะมาร่วมด้วยครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 28 มิ.ย. 12, 10:21
พันเอกพระยาสุรพันธเสนี (อิ้น บุนนาค)
เทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑล ดูแล 8 จังหวัดภาคตะวันตกตั้งแต่ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบฯ ได้ถูกจับเป็นกบฏและถูกโทษประหารชีวิตจำคุกบางขวาง และถูกปล่อยเกาะตะรุเตา แต่หนีรอดไปอยู่มาเลเซียและ สิงคโปร์ ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากถึง 12 ปี หลังจากหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2488 ได้มีการนิรโทษกรรม
นักโทษทางการเมือง จึงได้หลุดพ้นความเป็นกบฏ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 10:26
พระยาสุรพันธ์เสนี (อิ้น บุนนาค) ถูกรัฐบาล พ.อ.พระยาพหลพยุหเสนาออกหมายจับข้อหากบฏ พระยาสุรพันธ์เสนีต้องหนีเข้าป่ากะเหรี่ยงเพื่อข้ามเขตแดนไปยังฝั่งพม่าด้านตำบลสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี แต่ก็ต้องถูกจับกุมได้ในที่สุด แล้วถูกส่งตัวไปจำคุกบางขวางในฐานะนักโทษการเมือง ภายหลังถูกส่งไปยังที่เกาะตะรุเตา

พระยาสุรพันธ์เสนีถูกจองจำนับแต่ปลาย พ.ศ. ๒๔๗๖ ถึง พ.ศ. ๒๔๘๒ รวมเวลาประมาณ ๖ ปี สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่ดีขึ้นขณะจองจำบนเกาะนรกตะรุเตา พระยาสุรพันธ์เสนีและพวกนักโทษการเมืองกลุ่มหนึ่ง หนีออกจากเกาะนรกได้เพราะโชคช่วยและได้ไปลี้ภัยอยู่เมืองอลอสตาร์ ไทรบุรี และประเทศสิงคโปร์ กระทั่งปลาย พ.ศ.๒๔๘๘ ก็ได้รับอิสรภาพเดินทางกลับเข้าสู่ดินแดนบ้านเกิดเมืองนอนได้ในที่สุด

(http://www.bunnag.in.th/images/story/Ning_Bunnag/03-2.jpg)  (http://www.bunnag.in.th/images/story/Ning_Bunnag/03-3.jpg)

หลังจากพลัดบ้านพลัดถิ่นไปนานก็ได้กลับมาสมัครเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบุรี โดยชนะการเลือกตั้งอย่างเป็นประวัติการณ์ โดยได้คะแนนเสียงถึง ๕๒,๖๐๐ คะแนน ใน พ.ศ. ๒๔๘๙ และในปีเดียวกันนั้นเองก็ได้ถูกทาบทามให้เข้าร่วมรัฐบาลในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตำแหน่งสุดท้ายคือสมาชิกวุฒิสภา

(http://www.bunnag.in.th/images/story/Ning_Bunnag/03-4.jpg)

ข้อมูลจาก เว็บสกุลบุนนาค (http://www.bunnag.in.th/story-04-3.html) และหนังสือ "ย้อนรอยเจ้าจอมก๊กออในรัชกาลที่ ๕" โดย ดร. กัณฑาทิพย์ สิงหะเนิต

 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 10:32

"เราเริ่มจ่ายทหารออกประจำอยู่ตามจุดสำคัญ ๆ หลายแห่ง เพื่อป้องกันมิให้ทหารฝ่ายใดก็ตามไม่ว่าจะฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช หรือทหารฝ่ายรัฐบาล ไม่ให้ล่วงล้ำเลยจังหวัดเพชรบุรีลงไปทางใต้ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อจะถวายความปลอดภัยแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ตั้ง

ถามคุณเพ็ญชมพู
ถ้าทหารไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช จะไปถึงหัวหินให้ได้ โดยไม่ผ่านเพชรบุรี  ทำได้ไหม?


อ้างถึง
ถามคุณเพ็ญชมพู
ถ้าทหารไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช จะไปถึงหัวหินให้ได้ โดยไม่ผ่านเพชรบุรี  ทำได้ไหม?

โห ลำเอียงแท้ ทีคำถามง่ายๆท่านให้คุณเพ็ญตอบ

ไปทางเรือซีครับ ไปเยอะๆก็ได้
หรือทางอากาศ ทั้งรัฐบาลและพระองค์เจ้าบวรเดชก็ใช้วิธีนี้ส่งสาส์นมาในวังบ่อยๆ
ตอบไม่ทันคุณนวรัตน

คำตอบเดียวกัน ทางเรือและทางอากาศ

 ;D

ก็อยากได้ยินคำตอบนี้ละค่ะ    ช่วยย้อนกลับไปอ่านคำตอบของเจ้าคุณสุรพันธ์เสนีอีกทีซีคะ  นึกหรือว่าท่านจะไม่รู้ข้อนี้
แต่อะไรเขียนได้ท่านก็เขียน  อะไรไม่ควรเขียนท่านก็คงไม่เขียน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 11:45
พระยาสุรพันธ์เสนีต้องหนีเข้าป่ากะเหรี่ยงเพื่อข้ามเขตแดนไปยังฝั่งพม่าด้านตำบลสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี แต่ก็ต้องถูกจับกุมได้ในที่สุด แล้วถูกส่งตัวไปจำคุกบางขวางในฐานะนักโทษการเมือง ภายหลังถูกส่งไปยังที่เกาะตะรุเตา

คนที่ให้เบาะแสกับตำรวจที่ตามจับพระยาสุรพันธ์เสนีคือกำนันตาไม้ ผู้นำกระเหรี่ยงสวนผึ้ง

คุณ karen หลานของกำนันตาไม้เล่าไว้ในกระทู้พระยาทรงสุรเดช

เกริ่นนำ  พันเอก พระยาสุรพันธ์เสนีย์  อิ้น  บุนนาค เทศาภิบาลมณฑลราชบุรี
 สายตระกูลบุนนาค เมืองเพชรบุรี  พ่อตาของ  มนัส  ยรรยงค์
            มนัส  ยรรยงค์  ได้เขียน ประวัติในหนังสือชื่อ   " ฝันร้ายในชีวิตจริงของข้าพเจ้า " ( ถูกพิมพ์ในหนังสือเครือต่วยตูน)
ตอนหนึ่งกล่าวถึง  พระยาสุรพันธ์ หนีฝ่ายรัฐ หวังจะออกไปพม่า ทาง ทวาย ไปทางหมู่บ้านกะเหรี่ยงสวนผึ้ง ราชบุรี 
เพราะรู้จักคุ้นเคยกับผู้นำกะเหรี่ยงสวนผึ้ง คือ  กำนัน ตาไม้  และ ลูกชาย ระเอิน  บุญเลิศ ( ท่านแรกคือ ปู่ ท่านที่ 2 คือ พ่อ ผมครับ)
วันที่ท่านพระยาสุรพันธ์หนีมาถึงสวนผึ้ง    อาผมคือ  โสภา  แต่งงานพอดี คนที่พระยาสุรพันธ์ รับไปเลี้ยง หวังจะให้คนป่า เป็นคนเมือง ที่จวนราชบุรี

                                    ....................................ฯลฯ............................

วันที่ตำรวจโรงพัก จอมบึง มาขู่บังคับ ให้  ตาไม้ ตามจับ พระยาสุรพันธ์   
ช่วงเวลาที่ พระยาสุรพันธ์ "จนตรอก"
วันเวลาที่กะเหรี่ยงสวนผึ้ง สยายเส้นผม ล้างเท้า พระยาสุรพันธ์ ด้วยผงขมิ้นและน้ำส้มป่อย
สุดท้าย  กำนัน กะเหรี่ยง สวนผึ้งที่ชื่อ ตาไม้   ถูกหาว่าทรยศ ต่อ เพื่อนและผู้บังคับบัญชา ( พระยาสุรพันธ์ )

  เรื่องราวเหล่านี้ ยังคงถูกเล่าต่อปากต่อปาก  ส่งต่อจากคนรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง
  กาลเวลา  ย่อมกลืนกินสรรพสิ่ง  อีกไม่นาน  ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เรื่องราวของ " คนใน" คงจะลบเลือน
  ดังคำกล่าวของคนกะเหรี่ยงสวนผึ้งที่ว่า

          ...เส้นทางเดิน  ถ้าไม่มีคนใช้  อีกไม่นานก็จะลบเลือน
             ญาติพี่น้อง    ถ้าไม่ไปมาหาสู่กัน  อีกไม่นานก็ไม่รู้จักกัน
             เรื่องเก่าๆ  ถ้าไม่นำมาเล่า  อีกไม่นานก็จะหลงลืม.."

                    karen suanphung



 :(


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 14:20
เรื่องราวของพันตรี หลวงสรสิทธยานุการ(สิทธิ์ แสง-ชูโต)หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ผมตามเจอเพียงเล่มเดียวที่เอ่ยถึงท่านขณะต้องโทษจำคุกอยู่ที่บางขวาง ตามที่สำเนามาลงไว้ข้างท้าย

และหนังสือเล่มนี้มิได้เอ่ยชื่อท่านอีกเลย แม้เมื่อกล่าวถึงตะรูเตาและเกาะเต่าซึ่งรัฐบาลเอานักโทษการเมืองครั้งกบฏบวรเดชที่มีโทษสูงกว่า๑๕ปีไปกักขังไว้ มีการเอ่ยชื่อนักโทษหลายต่อหลายคน แต่ไม่ปรากฏชื่อท่าน แต่ก็มิได้แปลว่าท่านมิได้อยู่ที่นั่น เพราะผู้ที่มีโทษผิดคล้ายๆกันคือ นาวาเอกพระวิชิตชลธี ผู้บัญชาการทหารเรือ ศาลพิเศษ๒๔๗๕ ยังได้ระบุโทษถึงจำคุกตลอดชีวิต แต่ท่านหลังนี้โชคดีกว่า หลังจากอยู่บางขวางเพียง๘เดือนก็มีเหตุที่ทำให้หลุดคดีออกมาได้อย่างอัศจรรย์

ต้องเล่าซะหน่อยแล้ว

เมื่อท่านไม่ยอมนำเรือหลวงสุโขทัยขึ้นไปยิงถล่มดอนเมืองตามบัญชาของวังปารุสก์ อันหมายถึงพระยาพหลคนดีนายกรัฐมนตรีนั่นแหละ ก็สั่งให้เรือรบทุกลำ"ไปบางนา"เมื่อ๑๓ตุลาคม๒๔๗๖ ขณะเคลื่อนขบวนเรือในแม่น้ำ นาวาตรี หลวงศุภชลาศัย(บุง ศุภชลาศัย) ผู้ก่อการคนหนึ่งของคณะราษฏร์ก็นำรถรบจากวังปารุสก์ไปสกัดกั้นที่สะพานพระพุทธยอดฟ้า โดยสั่งให้ปิดสะพาน แต่ไม่ทัน จึงยิงสกัดไปที่เรือจูงบรรทุกนาวิกโยธิน แต่ถูกยิงสวนจนพลประจำรถตาย  เรือหลวงพาลีรั้งทวีป เรือหลวงสุริยมณฑล ทราบเหตุการณ์ปะทะจึงขออนุญาตไม่ร่วมขบวน เพราะเกรงจะถูกสกัดมิให้ผ่านไปได้  ต่อมา เห็นอนาคตสดใสก็อาสาไปช่วยรัฐบาลปราบกบฏ ทั้งที่อยุธยาและที่หินลับ ดังภาพที่ผมนำลงไปแล้ว

เมื่อจอดเติมเสบียงที่บางนาแล้ว ตัวผู้บัญชาการทหารเรือก็ลงหลวงสุโขทัยออกทะเลไปกับเรือหลวงเจ้าพระยาเพื่อตรวจอ่าวตามแผนเดิมที่มีอยู่แล้ว ครั้นมาถึงสงขลา ขณะทอดสมออยู่นอกฝั่งมีเรือเล็กวิ่งเข้าเทียบ ปรากฏว่าเป็นสมุหราชองครักษ์มาเพื่อแจ้งว่า ขณะนั้นพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับอยู่ที่สงขลาพร้อมเจ้านายฝ่ายในสูงพระชนมายุหลายพระองค์ ขออย่าให้ส่งทหารเรือขึ้นบกให้เป็นที่ตกพระทัย ท่านจึงตามไปเฝ้ากราบบังคมทูลว่ามิได้มาตามคำสั่งของรัฐบาล ทรงทราบทราบเช่นนั้นจึงขอให้ท่านอยู่ถวายอารักขาซึ่งท่านก็เต็มใจ แต่ขอให้ทรงแจ้งให้ทางฝ่ายรัฐบาลทราบพระราชประสงค์นี้ด้วย จึงทรงโทรเลขถึงวังปารุสก์แล้วพระราชทานสำเนาให้พระยาพระวิชิตชลธีเก็บไว้

เหตุดังกล่าวทำให้รัฐบาลไม่พอใจพระยาพระวิชิตชลธียิ่งขึ้น แม้ฝ่ายกบฏจะพ่ายไปแล้วแต่ยังคงไม่เสด็จกลับพระนครอีกหลายเดือน ความแตกแยกในวงการทหารเรือจึงได้ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน มีการยุยงให้ทหารในเรือหลวงสุโขทัยและเรือหลวงเจ้าพระยาแข็งข้อต่อผู้บังคับบัญชาของตน จะให้นำเรือกลับโดยกล่าวหาว่าท่านเป็นกบฏ แต่พระยาวิชิตชลธี ก็สามารถระงับเหตุการณ์และจับพันจ่าโท จำรัส บุญญะสูต ตัวหัวหน้ากักขังไว้ เมื่อตามเสด็จกลับมาถึงฐานก็ส่งตัวเข้าเรือนจำทหารเรือ สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มของหลวงศุภชลาศัยเป็นอย่างมาก เรือเอกประเสริฐ ศุขสมัย ผู้บังคับกองร้อยคนหนึ่งได้นำทหารนาวิกโยธินหมวดตนเข้ายึดที่ทำการกองบังคับการกองทัพเรืออย่างอุกอาจ เมื่อ๙มกราคม๒๔๗๗  หลังสอบสวน เรือเอกประเสริฐซัดทอดหลวงศุภชลาศัยว่าอยู่เบื้องหลัง พระยาพหลจึงมีคำสั่งย้ายนายทหารเรือหัวรุนแรงคนนี้ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษา ส่วนนาวาเอกพระยาวิชิตชลธี สุภาพบุรุษแห่งราชนาวี แม้ลาออกจากราชการไปเพื่อให้ยุติเหตุร้าวฉานในกองทัพเรือ ก็ยังถูกจับในข้อหากบฏเมื่อ๒มีนาคม๒๔๗๗  และถูกจองจำทีบางขวาง ทุกครั้งที่มีการพิจารณาคดี เจ้าหน้าที่จะนำผู้ต้องหาใส่กุญแจมือลงเรือจากเมืองนนท์มาขึ้นที่ท่าช้าง ผ่านเรือรบลำใด จ่ายามจะเป่านกหวีดและทหารในเรือทุกคนจะยืนรายกราบแสดงความเคารพในขณะที่เรือบรรทุกนักโทษผ่านไป เพราะเรือลำนั้นมีอดีตผู้บังคับบัญชาผู้เสียสละตนเพื่อคนส่วนใหญ่ของพวกเขาอยู่ด้วย การกระทำนี้มาถึงหูของรัฐบาลเนืองๆ แต่จะหาเรื่องเอาผิดกับใครก็ไม่ได้

เมื่อใกล้พิพากษา วังปารุสก์เอาโผมาดูเห็นว่านักโทษรายพระยาวิชิตชลธีนี่ อยู่ในบัญชีที่ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ขณะนั้นคดีความของเรือเอกประเสริฐ ศุขสมัยยังค้างอยู่ที่ศาลทหารเรือเหมือนกันและทำท่าจะลามมาถึงหลวงศุภชลาศัย ดังนั้นเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม จึงอ้างเหตุเพื่อความปรองดองของทหารเรือ ตัดจำหน่ายคดีเรือเอกประเสริฐ ศุขสมัย และเพื่อให้เจ๊ากันไป จึงเรียกอัยการศาลพิเศษมาถอนฟ้องพระยาวิชิตชลธีด้วย เมื่อ๑๘ ธันวาคม ๒๔๗๗

อ้อ หลวงสรสิทธยานุการ(สิทธิ์ แสง-ชูโต) มีชื่ออยู่ในรายนามวุฒิสภาชุดที่๒ พ.ศ.๒๔๘๙ ซึ่งเป็นรัฐบาลหลังสงครามโลกครั้งที๒เมื่อสิ้นอำนาจของรัฐบาลเผด็จการหลวงพิบูล แสดงว่าท่านหนังเหนียว รอดช่วงชีวิตอันขมขื่นมาได้อย่างอยู่ในสภาพดี 
อดีตนักโทษการเมืองครั้งกบฏบวรเดชลงมาเล่นการเมืองฉลองรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันมาก และชนะการเลือกตั้งเข้าสภากันแบบยกทีม แต่ไม่นาน สภาก็ล่มอีก ไม่รู้เป็นอะไรสิน่า การเมืองไทย
 




กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 14:58
อ้างจาก: NAVARAT.C
อ้างถึง
อ้างถึง
ถามคุณเพ็ญชมพู
ถ้าทหารไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช จะไปถึงหัวหินให้ได้ โดยไม่ผ่านเพชรบุรี ทำได้ไหม?

อ้างถึง
โห ลำเอียงแท้ ทีคำถามง่ายๆท่านให้คุณเพ็ญตอบ

ไปทางเรือซีครับ ไปเยอะๆก็ได้
หรือทางอากาศ ทั้งรัฐบาลและพระองค์เจ้าบวรเดชก็ใช้วิธีนี้ส่งสาส์นมาในวังบ่อยๆ


อ้างจาก: เพ็ญชมพู
อ้างถึง
ตอบไม่ทันคุณนวรัตน

คำตอบเดียวกัน ทางเรือและทางอากาศ


อ้างถึง
ก็อยากได้ยินคำตอบนี้ละค่ะ ช่วยย้อนกลับไปอ่านคำตอบของเจ้าคุณสุรพันธ์เสนีอีกทีซีคะ นึกหรือว่าท่านจะไม่รู้ข้อนี้
แต่อะไรเขียนได้ท่านก็เขียน อะไรไม่ควรเขียนท่านก็คงไม่เขียน

หน้า ๑๗, ๑๙, ๒๑

"แม้ข้าพเจ้าไม่มีความประสงค์ที่จะยกกำลังทหารทั้งราชบุรีและเพชรบุรีไปต่อสู้กับทหารของรัฐบาล ข้าพเจ้ามีความประสงค์อยู่อย่างเดียวเท่านั้น คือ จะป้องกันและรักษาความปลอดภัยของพระมหากษัตริย์ตามหน้าที่ของข้าพเจ้าเท่านั้น"

"ในวันที่ ๑๒ สื่งที่สำคัญที่สุด ก็คือได้กำชับไปว่า เราไม่ได้ระดมทหารครั้งนี้เพื่อไปรบราฆ่าฟันกับใตร เพียงแต่เราต้องการกำลังทหารมาเพื่อป้องกันและถวายความปลอดภัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราเท่านั้น"

"ข้าพเจ้าเป็นทหารตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ ก็ได้ยินแต่คำว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มันจับเข้าไปในสายเลือดแล้ว ละลายอยู่ในนั้น ในสายเลือดของข้าพเจ้า"

"เราเริ่มจ่ายทหารออกประจำอยู่ตามจุดสำคัญ ๆ หลายแห่ง เพื่อป้องกันมิให้ทหารฝ่ายใดก็ตามไม่ว่าจะฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช หรือทหารฝ่ายรัฐบาล ไม่ให้ล่วงล้ำเลยจังหวัดเพชรบุรีลงไปทางใต้ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อจะถวายความปลอดภัยแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ตั้ง

พิโธ่เอ๋ย ท่านขุดหลุมดักคุณเพ็ญ พ๋มก็ทะเล่อทะล่าพุงหลาวลงไปซะก่อน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 19:51
ต่อภาพอีกชุดหนึ่ง เป็นวันทำขวัญเมืองหลังจากเกิดเหตุการณ์กบฏไปแล้ว โดยทหารพระนครที่ตามไปถึงอุบลราชธานีได้ถอยมาตั้งกองบัญชาการรักษาความสงบที่โคราชต่อ และตามธรรมเนียมต้องมีการสวนสนามประกาศชัยชนะ จึงได้กระทำในวันที่๑๗พฤศจิกายน๒๔๗๖


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 19:55
สงสัยข้าวยากหมากแพงหรือไงไม่ทราบ บนโต๊ะเครื่องเซ่นสังเวยที่ศาลหลักเมืองจึงรู้สึกจะน้อยๆไปหน่อย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 19:57
เริ่มการสวนสนาม


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 19:59
เคลื่อนขบวน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 20:04
ไม่รู้สินะ ผมดูรูปวงโยธะวาฑิตทั้งสองวงนี้แล้ว ดูจะงานวัดๆชอบกล วงทหารเรือไม่ทราบว่าได้กรึ๊บกันแต่เช้าหรือเปล่า ส่วนวงลูกเสือก็น่าสงสารมาก บางคนถุงเท้ารองเท้ายังไม่มีใส่เลย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 20:07
จุดหลักอยู่ที่หน้าประตูชุมพล ตอนนั้นยังไม่ได้สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 20:10
กำลังรบทั้งหมด เดินทัพสวนสนามผ่านประตูชุมพล เป็นอันเสร็จพิธี


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 21:10
เรื่องราวของพันตรี หลวงสรสิทธยานุการ(สิทธิ์ แสง-ชูโต)หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ผมตามเจอเพียงเล่มเดียวที่เอ่ยถึงท่านขณะต้องโทษจำคุกอยู่ที่บางขวาง ตามที่สำเนามาลงไว้ข้างท้าย

อ้อ หลวงสรสิทธยานุการ(สิทธิ์ แสง-ชูโต) มีชื่ออยู่ในรายนามวุฒิสภาชุดที่๒ พ.ศ.๒๔๘๙ ซึ่งเป็นรัฐบาลหลังสงครามโลกครั้งที๒เมื่อสิ้นอำนาจของรัฐบาลเผด็จการหลวงพิบูล แสดงว่าท่านหนังเหนียว รอดช่วงชีวิตอันขมขื่นมาได้อย่างอยู่ในสภาพดี 
อดีตนักโทษการเมืองครั้งกบฏบวรเดชลงมาเล่นการเมืองฉลองรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันมาก และชนะการเลือกตั้งเข้าสภากันแบบยกทีม แต่ไม่นาน สภาก็ล่มอีก ไม่รู้เป็นอะไรสิน่า การเมืองไทย

ดิฉันก็จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าคุณหลวงสรสิทธฯกลายเป็นนักโทษการเมือง แต่ไม่แน่ใจว่าที่ตะรุเตาหรือที่ไหน   ท่านรอดชีวิตมาได้ เข้าใจว่ากลับมาอยู่กับบุตรภรรยาและถึงแก่กรรมในวัยชรา
ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 21:17

พิโธ่เอ๋ย ท่านขุดหลุมดักคุณเพ็ญ พ๋มก็ทะเล่อทะล่าพุงหลาวลงไปซะก่อน

หย่อนเบ็ดครั้งเดียว  ได้ปลาตัวโตติดมาอีกตัวนึง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 21:24
^


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 22:02
อ้าว อย่าเพิ่งโยนคอมซีคะ  กระทู้มหากาพย์ยังอีกยาว   :o

เคยอ่านพบในอินทรเนตรนี่ละค่ะว่า พระยาศรีสิทธิสงคราม มีอนุสรณ์ที่ระลึกในการเสียชีวิตของท่านอยู่ที่ไหนสักแห่ง   แต่หาไม่พบว่าตรงไหน
ไม่ได้หมายถึงอนุสาวรีย์ปราบกบฏที่รัฐบาลสร้างขึ้นมาเป็นหลักฐานของชัยชนะในครั้งนี้นะคะ

ใครพอจำได้บ้าง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 22:06
หลังเหตุการณ์สู้รบจบลง ข้าราชการพลเรือนและทหารของจังหวัดนครราชสีมาจำนวนมากถูกสอบสวนและลงโทษฐานร่วมมือกับฝ่ายกบฏ โดยเฉพาะผู้นำเมืองนครราชสีมาคืออำมาตย์เอกพระยานายกนรชน (เจริญ ปริยานนท์) สมุหเทศาภิบาล มณฑลนครราชสีมา ซึ่งขณะเกิดเหตุได้ให้ความร่วมือกับฝ่ายกบฏ แม้ว่าพระยานายกนรชนจะเปลี่ยนใจหันมาสวามิภักดิ์ต่อฝ่ายรัฐบาลเมื่อเห็นว่าฝ่ายกบฏถูกปราบปรามจนเกือบจะพ่ายแพ้แล้ว ถึงกับเดินทางมาต้อนรับกองรบฝ่ายรัฐบาลที่สถานีรถไฟสูงเนินเมื่อว้นที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ เพื่อรายงานให้ทราบว่าบรรดานายทหารที่เข้ากับฝ่ายกบฏพร้อมที่จะกลับมาสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาล แต่ก็ไม่ทำให้พระยานายกนรชนรอดพ้นจากการถูกลงโทษได้ ศาลพิพากษาให้จำคุกพระยานายกนรชน ๒๐ ปี แล้วกระทรวงมหาดไทยยังมีคำสั่งให้ถอดยศและบรรดาศักดิ์ตลอดจนเรียกเครื่องราชอิสริยาภรณ์และสัญญาบัตรยศต่าง ๆ ที่เคยได้รับกลับคืนอีกด้วย

ผู้นำสำคัญของเมืองนครราชสีมาอีกคนหนึ่งคือพันเอกพระประยุทธอริยั่น (เชื้อ มโหตตระ) ผู้บังคับการทหารบกนครราชสีมา ถูกนำตัวขึ้นศาลพิเศษในข้อหา "ซ่องสุมผู้คนและสรรพศาสตราวุธโดยเจตนาเพื่อทำลายล้มล้างรัฐบาล เพื่อเปลี่ยนการปกครองของประเทศสยามตามระบอบรัฐธรรมนูญให้เป็นอย่างอื่น" ศาลพิพากษาให้ประหารชีวิต ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงให้จำคุกไว้มีกำหนด ๑๖ ปี

นอกจากนี้ยังมีทหาร ข้าราชการ และประชาชนถูกจับในฐานะร่วมมือกับฝ่ายกบฏ ๒๓๕ คน

รัฐบาลมีคำสั่งให้พระยากำธรพายัพทิศ (ดิศ อินทโสฬศ) ปลัดมณฑลประจำจังหวัดลำปาง มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและทำการแทนสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครราชสีมาตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๖ และะให้พันโทพระเริงรุกปัจจามิตร (ทอง รักสงบ) ซึ่งขณะเหตุการณ์กบฏปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับการกองรบของฝ่ายรัฐบาลและมีตำแหน่งรองจากหลวงพิบูลสงครามมารักษาการตำแหน่งผู้บังคับการจังหวัดนครราชสีมาแทนพันเอกประยุทธอริยั่น ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการจังหวัดทหารบกนครราชสีมาตั้งแต่วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ อีกยี่สิบวันต่อมายังได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการมณฑลทหารบกที่ ๓

 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 22:10
พระยาศรีสิทธิสงครามมีลูกสาว 3 คน  ลูกชาย 1 คน  คนโตเรียนจบแพทย์ ชื่อพญ.โชติศรี ท่าราบ
  
เธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล (มหาวิทยาลัยมหิดลในปัจจุบัน) เมื่อปี 2487 แต่ด้วยความที่ถูกประทับตราว่าเป็นลูกกบฏ  ราชการไม่รับเข้าทำงาน   จึงเป็นแพทย์คนเดียวที่ไม่ต้องใช้ทุนราชการ  แต่ได้ไปทำงานกับเอกชนที่ร้านวิทยาศรม ถนนราชดำเนิน จนเกษียณอายุ
เธอก็ได้ใช้วิชาแพทย์ที่ร่ำเรียนมารักษาคนไข้  สร้างคุณประโยชน์ให้ประชาชนไม่น้อยไปกว่าแพทย์คนอื่นๆ

นอกจากนี้  คุณหมอโชติศรีมีฝีมือทางการประพันธ์  เขียนเรื่องสั้น ลงพิมพ์ใน "สยามนิกรวันอาทิจ" และเริ่มงานเขียนวิจารณ์ดนตรีคลาสสิก ชื่อคอลัมน์ "กลางกรุง" ในนิตยสาร "ชาวกรุง" โดยใช้นามปากกาว่า "จิ๋ว บางซื่อ"  คนอ่านนึกว่าเป็นผู้ชาย  ไม่มีใครรู้ว่าเป็นแพทย์หญิง
นอกจากนี้ยังมีนามปากกา     "ณ เพ็ชรภูมิ" เขียนเรื่องสั้น
    "เนือง" วิจารณ์ละคร และวิจารณ์การใช้ภาษาไทย
    "หนูเหน็ง" วิจารณ์หนังสือ
    "แกลตา" วิจารณ์ภาพยนตร์

   ได้รับการเชิดชูเกียรติ รางวัลนราธิป ประจำปี พ.ศ. 2544 และได้รับการเชิดชูเกียรติ "รางวัลเกียรติคุณแห่งความสำเร็จ รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง ประจำปี พ.ศ. 2549" เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550

   หนังสือที่เธอเขียนถึงพ่อ  เล่าชีวิตในวัยเยาว์ และชีวิตเมื่อขาดพ่อแล้ว เป็นหนังสือที่เขียนได้สะเทือนใจอย่างยิ่งเล่มหนึ่ง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 22:13

ผู้นำสำคัญของเมืองนครราชสีมาอีกคนหนึ่งคือพันเอกพระประยุทธอริยั่น (เชื้อ มโหตตร) ผู้บังคับการทหารบกนครราชสีมา ถูกนำตัวขึ้นศาลพิเศษในข้อหา "ซ่องสุมผู้คนและสรรพศาสตราวุธโดยเจตนาเพื่อทำลายล้มล้างรัฐบาล เพื่อเปลี่ยนการปกครองของประเทศสยามตามระบอบรัฐธรรมนูญให้เป็นอย่างอื่น" ศาลพิพากษาให้ประหารชีวิต ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงให้จำคุกไว้มีกำหนด ๑๖ ปี

นกจากนี้ยังมีทหาร ข้าราชการ และประชาชนถูกจับในฐานะร่วมมือกับฝ่ายกบฏ ๒๓๕ คน
น่าจะเป็น  มโหตตระ   ถ้าตัดสระ ะ ออก  คงต้องอ่านว่า มะโหดตอน   :)


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 22:19
อยู่ในระหว่างพิสูจน์อักษร แลขอบพระคุณที่กรุณาชี้แนะ

แก้ไขเรียบร้อยแล้ว

 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 22:38
เพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างส่วนกลางกับนครราชสีมา คำแถลงของรัฐบาลจึงหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวหาชาวนครราชสีมาว่าเป็น "กบฏ" และเพื่อเป็นการปลอดขวัญ รัฐบาลจึงจัดให้มีการเผาศพทหารชาวนครราชสีมาที่เสียชีวิตในที่รบ โดยในวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ทำการขุดศพทหารนครราชสีมาที่ฝังยังที่ต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อไปจัดการเผาในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๖ อีกทั้งยังจัดให้วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็นวันทำขวัญเมืองด้วย

การจัดงานที่จังหวัดนครราชสีมาครั้งนี้ พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีเป็นธุระสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนระดมกำลังตระเตรียมถนนหนทาง สถานที่สำคัญเกี่ยวกับการพิธีอันมีศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ของเก่าอยู่ที่วัดกลางหรือวัดพระนารายณ์มหาราช เป็นสถูปเจดีย์) ประตูชุมพล และโรงมหรสพต่าง ๆ

ยังมีการออกประกาศเชิญชวนให้ประชาชนร่วมทำบุญในงานเผาศพทหารนครราชสีมาโดยดำริว่า "....ถ้ามีเงินเหลือพอก็จะได้จัดการทำอนุศาวรีย์ไว้เป็นที่รฤกต่อไป"

อนุสาวรีย์ที่คิดจะสร้างนี้ก็คืออนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีแบบปัจจุบันนั่นเอง

 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 22:46
^
ก่อนที่ผมจะต่อด้วยภาพชุดวันเผาศพ ขอตอบท่านอาจารย์เทาชมพูว่าศาลของพระยาสิทธิสงครามคงไม่มี รัฐบาลคงจะยอมให้มีไม่ได้ นอกจากป้ายนี้ซึ่งอยู่ที่ช่องเขาใกล้สถานีหินลับ ระบุว่าเป็นที่ซึ่งท่านเสียชีวิต


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 22:48
^

ทางรถไฟตรงเป๊ะอย่างนั้น กลุ่มเป้าหมายใหญ่เบ่อเร่อเรียงกันไปบนทางรถไฟยาวหลายกิโลเมตร เอาปืนใหญ่มาวางคล่อมทางรถไฟ เล็งไปตรงๆแล้วหลับหูหลับตายิงไป มันต้องโดนใครต่อใครบาดเจ็บล้มตายบ้าง  แต่นี่ไปยิงจากมุมเฉียง กระสุนมันตกยาวไปบ้างสั้นไปบ้าง ก็คล่อมเป้าได้ทั้งหมด

ฉะนั้น เจตนาจริงๆของทหารการเมืองผู้นี้คืออะไร ลองคิดดูเป็นการบ้านก่อน เรามิได้รีบจะจบกระทู้ ผมไม่ได้ยัดเยียดความคิดให้เชื่อตามผม เอาเป็นว่า เรามาช่วยกันคิดวิเคราะห์พร้อมๆกันไป ไม่รีบสรุป  เอากรณีรวันดาที่คุณศึกษามาเปรียบเทียบด้วยก็ดี
 
ไม่แน่ เราอาจได้คำตอบที่เชื่อถือได้สำหรับคำถามที่ผมนำมาตั้งเป็นหัวข้อกระทู้นี้ก็ได้นะครับ


ตามความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้ายิงโดนจะล้มตายกันไปมากและความเสียหายทั้งรถไฟและรางรถไฟ อีกอย่างนายทหารที่ยิงหรือสั่งยิงยังมีความรักพี่น้องทหารด้วยกันอยู่มากๆ

ท่าน NAVARAT ยังไม่เข้ามาเฉลย  ก็เลยย้อนกลับมาค.ห.นี้อีกครั้ง
เห็นคล้ายๆคุณ werachaisubhong ว่า
1 เครื่องจักรเครื่องกลมันแพง  สงวนเอาไว้ได้ก็ดี  จะทำลายต่อเมื่อไม่มีทางอื่น
2 ทหารกับทหารไม่อยากฆ่ากันโดยไม่จำเป็น

รอคำตอบค่ะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 22:50
^
ก่อนที่ผมจะต่อด้วยภาพชุดวันเผาศพ ขอตอบท่านอาจารย์เทาชมพูว่าศาลของพระยาสิทธิสงครามคงไม่มี รัฐบาลคงจะยอมให้มีไม่ได้ นอกจากป้ายนี้ซึ่งอยู่ที่ช่องเขาใกล้สถานีหินลับ ระบุว่าเป็นที่ซึ่งท่านเสียชีวิต


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 22:52
ภาพนั้นผมถ่ายมาจากหลังปกหนังสือที่คุณหมอโชติศรีเขียน ผมพยายามหาภาพที่ชัดและใหม่กว่านี้ทางอินเทอร์เน็ทแต่ไม่มีเลย ได้แต่ภาพสถานีหินลับ

คงอาจจะมีใครเอาป้ายที่ว่าออกไปแล้วก็ได้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 23:00
อ้างถึง
ท่าน NAVARAT ยังไม่เข้ามาเฉลย  ก็เลยย้อนกลับมาค.ห.นี้อีกครั้ง
เห็นคล้ายๆคุณ werachaisubhong ว่า
1 เครื่องจักรเครื่องกลมันแพง  สงวนเอาไว้ได้ก็ดี  จะทำลายต่อเมื่อไม่มีทางอื่น
2 ทหารกับทหารไม่อยากฆ่ากันโดยไม่จำเป็น

รอคำตอบค่ะ

ผมชวนพวกเราช่วยวิเคราะห์อยู่ไงครับ คุณวีก็แสดงความเห็น คุณประกอบก็แสดงความเห็น คุณสมุน007ก็แสดงความเห็น(แหม น่าจะชวนนายหัวออกความเห็นด้วย) ผมก็ตรองตรึกตามไป อย่าลืมว่าผมเป็นคนตั้งคำถามนะครับ ไม่ใช่ทราบคำตอบแล้วมาตั้งคำถาม


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 23:06
อ้างถึง
เพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างส่วนกลางกับนครราชสีมา คำแถลงของรัฐบาลจึงหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวหาชาวนครราชสีมาว่าเป็น "กบฏ" และเพื่อเป็นการปลอดขวัญ รัฐบาลจึงจัดให้มีการเผาศพทหารชาวนครราชสีมาที่เสียชีวิตในที่รบ โดยในวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ทำการขุดศพทหารนครราชสีมาที่ฝังยังที่ต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อไปจัดการเผาในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๗๖ อีกทั้งยังจัดให้วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๑๕๗๖ เป็นวันทำขวัญเมืองด้วย

การจัดงานที่จังหวัดนครราชสีมาครั้งนี้ พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีเป็นธุระสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนระดมกำลังตระเตรียมถนนหนทาง สถานที่สำคัญเกี่ยวกับการพิธีอันมีศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ของเก่าอยู่ที่วัดกลางหรือวัดพระนารายณ์มหาราช เป็นสถูปเจดีย์) ประตูชุมพล และโรงมหรสพต่าง ๆ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 28 มิ.ย. 12, 23:11
ถึงจะเป็นงานที่รัฐบาลจัด แต่คนที่ไปร่วมพิธีส่วนใหญ่ก็เกณฑ์กันมา นอกนั้น ถ้าไม่ใช่ญาติสนิทในครอบครัวของผู้ตายก็ไม่มีใครอยากปรากฏ เพราะสายลับของสันติบาลคอยปะปนเข้ามาสอดส่องเพื่อรายงานนายอยู่ตลอดเวลา


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 23:23
ขอแยกซอยเล็กออกไปหน่อยนะคะ

สังเกตการแต่งกายของชาวบ้านสมัยพ.ศ. 2476  แม้แต่ในหัวเมืองไกลๆอย่างโคราชและอุบลฯ   ก็แต่งแบบตะวันตกคือผู้ชายนุ่งกางเกงขายาวแบบฝรั่งกันแล้ว   ส่วนผู้หญิงนุ่งซิ่นยาวและเสื้อแบบฝรั่งสมัย 1930s คือเป็นเสื้อแขนกุด คอสี่เหลี่ยมหรือคอกลมเรียบๆไม่มีปก  ตัวยาวเลยเอวลงมาถึงสะโพก  นักเรียนหญิงมีเครื่องแบบคือหมวกแบบแหม่มสมัย 1920s  ด้วย
แต่ในงานเผาศพ   ข้าราชการพลเรือนในจังหวัดไม่ได้แต่งกายแบบสากล  แต่ย้อนกลับไปสวมเสื้อราชปะแตนนุ่งผ้าม่วงดำ พันแขนทุกข์  ถือเป็นชุดสุภาพใช้ในงานศพ    ธรรมเนียมนี้น่าจะใช้กันมาจนถึงต้นสงครามโลกครั้งที่ 2  ก่อนจะถูกกลืนหายไปในเครื่องแต่งกายแบบ "วัธนธัม" ของจอมพลป.


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 มิ.ย. 12, 23:40
รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่จากกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปเตรียมงาน โดยให้จัดเตรียมอุปรณ์ที่จะใช้ในการปลงศพทหารและการแสดงมหรสพต่าง ๆ ซึ่งการนำมหรสพไปแสดงนั้นเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและเอกชน

ฝ่ายรัฐบาลนั้น พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ติดต่อมหรสพที่มีชื่อเสียงจากกรุงเทพฯไปแสดง ได้แก่ โขนนั่งราวจากสำนักพระราชวัง มีพระยานัฎกานุรักษ์เป็นผู้ควบคุม โขนของพระยาบำเรอภักดี โขนและละครของเจ้าพระยาวรพงศ์ จำอวดคณะสีสมิง กองแตรวงของทหารเรือ กองแตรวงคณะลูกเสือโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย การแสดงจำอวดของนายสนิธ เกษธนัง

ฝ่ายเอกชนนั้น นายแป้น รัตนสาส์น นายเฮง ศรีสมเคราะห์ และนายแช่ม เพ็ชร์พล ได้ขอนำการแสดงของตนไปสมทบด้วยคือ ละครรำ ระบำจำอวด แจ๊สแบนด์ ซึ่งรวมกันเป็นโรงเดียวในนามของคณะ "นารีสยาม" และวงปี่พาทย์ของนายพยอม เกิดไพโรจน์ นอกเหนือจากการแสดงแล้วยังมีผู้บริจาคหมากสำเร็จให้แก่รัฐบาลจำนวน ๑๐,๐๐๐ ห่อ เพื่อนำไปแจกให้ชาวนครราชสีมา  ส่วนชาวนครราชสีมาได้จัดการแสดงพื้นเมืองมาร่วมด้วย คือเพลงโคราช ภาพยนตร์ ลิเก และการต่อยมวย เป็นต้น

เพื่อให้งานครั้งนี้มีความยิ่งใหญ่มีผู้ไปร่วมงานมาก ๆ รัฐบาลจึงให้กรมรถไฟหลวงลดค่าโดยสารจากกรุงเทพฯถึงนครราชสีมาเป็นพิเศษแก่ผู้ที่จะไปร่วมงานปลงศพทหารและทำขวัญเมืองนครราชสีมา อีกทั้งจัดรถโดยสารให้กับครอบครัวนายทหารในกองรบและนายทหารที่จะไปนครราชสีมา

รัฐมนตรีที่เดินทางไปร่วมงานครั้งนี้ได้แก่ พระยาประเสริฐสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลวงนฤเบศร์มานิต หลวงสิริราชไมตรี หลวงสินธุสงครามชัย และหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ส่วนหลวงพิบูลสงครามไม่ได้ไปเนื่องจากป่วย

ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นครราชสีมาหลังการสู้รบสิ้นสุดนำมาจาก หนังสือ "การเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี" ของคุณสายพิน แก้วงามประเสริฐ

 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 00:46
สรุปผลการสูญเสียในกบฏบวรเดช  ฝ่ายรัฐบาลเสียชีวิต ๑๕ คน รวมทั้งพันตรีหลวงอำนวยสงคราม (ถม เกษโกมล) ผู้นำคนหนึ่งของคณะราษฎร ส่วนฝ่ายกบฏเท่าที่ทราบจำนวนเสียชีวิต ๘ คน รวมทั้งพันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ) และพันตรีหลวงพลหาญสงคราม (จิตร อัคนิทัต)

ความเสียหายฝ่ายประชาชนในบางเขนและดอนเมือง คือราษฎรตาย ๑ คน พระภิกษุมรณภาพ ๑ รูป ราษฎรที่บาดเจ็บสาหัสมี ๑ คน
อาคารบ้านเรือนที่พักอาศัยเสียหาย รวม ๔๘ รายการ รัฐบาลตั้งงบพิเศษสำหรับค่าใช้จ่ายไว้ ๑๐๐,๐๐๐ บาทจากกระทรวงการคลัง และได้รับบริจาคจากราษฎรอีก ๑๗๑,๖๕๙.๒๕ บาท
ส่วนฝ่ายกบฏเบิกจ่ายออกจากที่ตั้งรวมแล้วเป็นจำนวน ๕๙,๘๓๔.๐๓ บาท

นับเป็นการสูญเสียชีวิต และสิ้นเปลืองเงินทองงบประมาณที่น้อยมาก     จนท่านนวรัตนต้องมาถามว่าทหารเล่นการเมืองอะไรกัน
แต่ผลที่ตามมาจากนั้นนับว่ามหาศาลที่สุดในประวัติศาสตร์รัฐประหารของไทย    

ทั้งๆที่พระองค์เจ้าบวรเดชมิได้ตั้งพระทัย และอาจเรียกว่ามิได้ทรงนึกฝันก็ได้   เหตุของกบฏครั้งนี้ก็นำไปสู่ผลที่คล้ายคลึงกับทรงตั้งพระทัยไว้  นั่นคือการเข้าสู่จุดอับแสงของคณะผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองอย่างรวดเร็ว จนแม้แต่คณะผู้ก่อการฯเองก็ไม่นึกว่าจะต้องลงจากเวทีเร็วขนาดนี้
ผู่ที่ก้าวสู่อำนาจแทนคือหลวงพิบูลสงคราม  
จากนั้น  ถึงรายการ"เช็คบิลล์"    ผู้เกี่ยวข้องกับการกบฏไม่ว่ามากหรือน้อยก็ติดร่างแหกันระนาว   เป็นความสูญเสียที่ยืดเยื้อต่อไปอีกหลายปี


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 01:45
ผมชวนพวกเราช่วยวิเคราะห์อยู่ไงครับ คุณวีก็แสดงความเห็น คุณประกอบก็แสดงความเห็น คุณสมุน007ก็แสดงความเห็น(แหม น่าจะชวนนายหัวออกความเห็นด้วย) ผมก็ตรองตรึกตามไป อย่าลืมว่าผมเป็นคนตั้งคำถามนะครับ ไม่ใช่ทราบคำตอบแล้วมาตั้งคำถาม

งั้นมาปั่นเรตติ้งค่ะ
มองในแง่ดีก็คือพันโทหลวงพิบูลฯ อ่านเกมส์ออกแต่แรกว่าฝ่ายกบฏไม่มีทางชนะ   จึงไม่อยากให้เปลืองชีวิตผู้คนและทรัพย์สินราชการ (เช่นรางรถไฟและขบวนรถ)มากมายเกินจำเป็น   อะไรรักษาเอาไว้ได้ก็รักษาไว้ก่อน   ไม่ต้องหางบประมาณมาจ่ายซ่อมแซมกันกระเป๋าฉีกทีหลัง
ยกแรกจึงยิงตูมๆไปให้เฉียดแบบยิงขู่  เปลืองแต่กระสุน ไม่เท่าไหร่   แต่ทรัพย์สินราชการราคาแพงทั้งรถและรางยังอยู่ครบ   เผื่อฝ่ายโน้นฝ่อลงไป  ก็จะยุติกันได้แบบไม่เสียเลือดเนื้อ

เหมือนรัฐประหาร หรือรักษาความสงบในยุคหลังๆ ก็มีรถถังออกมาโชว์ตัวตามถนนหนทางอยู่เสมอ   แต่รถถังเหล่านั้นไม่เคยสาดกระสุนเข้าใส่อาคารบ้านเรือนหรือขบวนผู้ต่อต้าน   แค่แสดงแสนยานุภาพเท่านั้นว่าฝ่ายที่ออกมารัฐประหารมีกำลังพลเป็นที่น่าครั่นคร้ามขนาดไหน
จำได้ว่าในรัฐประหารครั้งหนึ่ง(ครั้งไหนไม่รู้  มันเยอะ) เขายึดอำนาจกันเสร็จแล้วยังมีรถถังวิ่งโครมครามให้ประชาชนตื่นเต้นตกใจออกมายืนดูข้างถนน ว่าจะเกิดรัฐประหารซ้อนหรือไร    
เปล่าค่ะ  รถถังคันนั้นหลงทาง กลับกองพลไม่ถูก   เพราะถนนในกรุงเทพมันซับซ้อนเหลือเกิน   คนขับโผล่หัวขึ้นมาถามทางชาวบ้าน
รู้ทางแล้วก็กลับที่ตั้งได้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 01:54
ย้อนกลับมาเรื่องกบฏบวรเดช
ยุทธวิธีล้อมกวาง หรืออาจเรียกได้ว่าใช้กำลังขู่ให้อีกฝ่ายยอมจำนน  น่าจะเป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ชอบใช้กันในหมู่ทหารไทย  นอกเหนือจากจี้จับตัวประกัน    ในเมื่อพระองค์เจ้าบวรเดชทรงใช้เป็น  หลวงพิบูลก็ย่อมใช้เป็นเหมือนกัน
ต่อเมื่อขู่ไม่ได้ผลถึงจะใช้กำลังปราบปรามขั้นเด็ดขาด  

กบฎบวรเดชนี้เท่าที่อ่านจากท่านนวรัตนนำมาเล่าไว้    มีนายทหารที่ตัดสินใจทุ่มสุดตัวในสมรภูมิตั้งแต่ยกแรกไม่กี่คน   นอกจากพระยาศรีสิทธืสงคราม  ก็มีหลวงสรสิทธฯคนหนึ่งที่เห็นชัดๆ    ส่วนคนอื่นๆเหมือนกับคุมเชิงอยู่รอบนอกมากกว่าจะลงลุยเอง   สาเหตุท่านนวรัตนก็เฉลยไว้แล้วคือส่วนใหญ่แม้ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล แต่ก็ไม่เต็มใจจะกลับไปสู่ระบอบเจ้าอีก  จึงไม่อยากจะเดินตามพระองค์เจ้าบวรเดช  เผื่อท่านรัฐประหารสำเร็จท่านก็หยิบชิ้นปลามันไป     พวกนายทหารก็อด  ทุกอย่างก็เดินกลับไปสู่สภาพก่อนปี 2475 ซึ่งทหารไม่ต้องการ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 02:06
บางทีพันโทหลวงพิบูลสงครามอาจจะอ่านเกมนี้ออก   จึงคิดว่าไม่ควรจะฆ่าฟันกันให้เลือดท่วมท้องช้าง   สู้ใช้สงครามจิตวิทยาผสมเข้าไปตามจังหวะดีกว่า   เกลี้ยกล่อมให้นายทหารที่ใจคอยังรวนๆเรๆ เหยียบเรือสองแคมอยู่ ให้กลับมาเหยียบแคมเรือรัฐบาล      เพราะถ้าปราบปรามรุนแรงไม่หยุดยั้ง   พวกที่รวนเรก็เลิกรวนเร หันมาสู้รัฐบาลสุดชีวิต  ทำให้ปราบยากหนักขึ้น   ดีไม่ดีรัฐบาลจะปราบไม่ไหว

จึงเห็นว่ามีหลายครั้งที่รัฐบาลใช้ไม้โอ๋  อ้าแขนยินดีต้อนรับผู้กลับใจ อย่างนายสิบนักบินที่พาเครื่องบินหนีจากฝ่ายตัวเองมาฝ่ายรัฐบาล ก็ได้รับปูนบำเหน็จเลื่อนยศ   เพื่อจูงใจให้คนอื่นๆทำกันบ้าง
แต่เมื่อกบฏบวรเดชสิ้นสุดลง   ก็ใช่ว่าผู้กลับใจหรือผู้ยอมแพ้จะได้รับการอภัยโทษอย่างที่หวัง   จากไม้อ่อน หลวงพิบูลฯเปลี่ยนมาใช้ไม้หน้าสามลงโทษฝ่ายตรงข้ามไม่เว้นหน้า  เป็นโทษที่แม้ไม่ถึงกับประหารชีวิต แต่ก็ทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าถูกประหารรู้แล้วรู้รอดเสียอีก

ทั้งหมดข้างบนนี้เดาเอาล้วนๆนะคะ     ห้ามอ้างอิง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 06:49
ตรงใจกับที่ผมคิดเลยครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 06:58
^
อะฮ่า...กลับบ้านเมื่อไรจะไปซื้อลอตเตอรี่ 
คราวนี้คงถูกกะเขาบ้าง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 07:59
^
ดีใจอะไรกัน

ประชาชนน่ะ ถูกเขาหลอกวันยังค่ำ ป่านฉนี้ยังเชื่อว่า พวกกบฏบวรเดชเป็นพวกเจ้าที่ต้องการจะทำลายประชาธิปไตย แล้วเอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชกลับมา เพราะนักการเมืองเขาปรุงให้เชื่อเช่นนั้น

นักการเมืองที่ผมว่ามีหลายระดับ ขอยืมสำนวนแบบปกรณ์ ปิ่นเฉลียวมาใช้หน่อย คือมีระดับตีน ระดับมือ ระดับหัวใจ และระดับสมอง พวกตีนพวกมือผมไม่ต้องอธิบาย พวกหัวใจคือพวกอุดมคติ แต่พวกสมองนี่อันตราย เพราะสมองมนุษย์ถูกจิตที่มีกิเลศครอบงำ เป็นธรรมชาติทุกระดับชนชั้น  ลึกๆแล้วส่วนใหญ่ระบอบไหนๆก็บริหาร(เล่น)การเมืองเพราะคำนึงถึงประโยชน์ของฝ่ายตน โดยมีตนเป็นศูนย์กลาง การเมืองทุกระบอบจึงใช้ไม่ได้ทั้งนั้นถ้าพวกสมองนิยมเผด็จการ

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เผด็จการเมื่อก่อนต้องเป็นทหาร เพราะมีอาวุธ แต่สมัยนี้เขาสามารถใช้เงินเป็นอาวุธก็ได้ เลือกตั้งทีก็ขน“กระสุน”ไปยิงแถวบ้านนอกกันเป็นวัฒนธรรม คนที่มีเงินมากก็มีอำนาจมาก เพราะกระสุนกระดาษซื้อได้แม้ทหาร

ฉะนั้น พวกที่ประชาชนกลัว ก็ควรจะเป็นพวกเผด็จการ และต้องอย่ายอมโดนเขาหลอกเป็นขี้มือขี้ตีนของเขาง่ายๆ

สยามเป็นประชาธิปไตยเพราะนักการเมืองระดับหัวใจทั้งในเครื่องแบบและสวมสูทได้เสี่ยงชีวิตนำมามอบให้ไม่ทันถึงปี เผด็จการระดับสมองก็เอาปืนมาจี้ชิงอำนาจที่ควรจะเป็นของปวงชนไป จนพวกคณะกู้บ้านกู้เมืองทนไม่ได้ ต้องการที่จะชิงอำนาจนั้น อ้างว่าเพื่อจะคืนให้ประชาชนดังเดิม สมกับที่พระราชปฏิภาณของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯที่ทรงสละพระราชอำนาจเพื่อมอบให้ประชาชน ไม่ใช่คนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดโดยเฉพาะ  แล้วทำตนเป็นกษัตริย์ที่ไม่สวมมงกุฏแทน แย่ยิ่งกว่าระบอบราชาธิปไตยที่เคยก่นด่าเสียอีก

เพราะพระนามของพระองค์เจ้าบวรเดชแท้ๆที่บดบังอุดมการณ์ของคณะกู้บ้านกู้เมือง นอกจากจะทำให้คนกลุ่มนี้จะพ่ายแพ้แล้ว ประชาธิปไตยยังตกเป็นเครื่องมือที่เผด็จการเอาไปอ้างใช้อีกสิบปีเศษ กว่าจะตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยที่เป็นพลเรือนได้ แต่รากของเผด็จการที่ยังฝังอยู่ในนักการเมืองระดับตีนระดับมือ ไม่นานเผด็จการจึงกลับมาอีก ในยุคต่อๆมาจนปัจจุบัน ปวงชนชาวไทยไม่เคยได้เสพย์ประชาธิปไตยเต็มอิ่มเสียที แต่เวลาเขารบกัน ก็ออกไปถือหางกับเขาด้วย ไม่ได้รู้หรอกว่า ระดับสมองนั้น เขาไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร บางครั้งก็ออกมาเอ๊กเซอไซด์กันนิดหน่อยพอให้รู้หมู่รู้จ่า แล้วก็เปิดทางให้หลบ ฝ่ายตรงข้ามที่เป็นระดับหัวใจนั่นแหละที่ต้องกำจัด ส่วนพวกตีนพวกมือ โยนเศษอาหารให้นิดๆหน่อยๆ เดี๋ยวมันก็แปรพักตร์ พวกขี้ตีนขี้มือนั้นเล่า จะตายก็ตายไป ถ้าโวยหนักเดี๋ยวจัดให้ก็เงียบ

ประวัติศาสตร์มันเป็นมาอย่างนี้ ปัจจุบันมันจะเป็นอย่างไร? ประชาชนต้องรู้ ต้องคิด และต้องเข้าใจ

โปรดอย่าย้อนกลับมาถามผมนะครับ ว่าประชาชนควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ผมไม่ได้ฉลาดถึงขนาดจะตอบท่านได้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 08:45
^
ดีใจอะไรกัน

อ้าว  ท่านอาจารย์เสียงเขียวขึ้นมาหรือนี่
ที่ดีใจ ไม่ได้ดีใจเรื่องรัฐบาลพระยาพหลฯหรือพระองค์เจ้าบวรเดช  แต่ดีใจว่าได้ like เป็นคำตอบ  นึกว่าจะปล่อยไก่ออกมาทั้งฝูง ให้คุณเพ็ญชมพูช่วยกวาดต้อนไปกระทู้สัตว์ประหลาดเสียแล้วต่างหากล่ะคะ

อ้างถึง
โปรดอย่าย้อนกลับมาถามผมนะครับ ว่าประชาชนควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ผมไม่ได้ฉลาดถึงขนาดจะตอบท่านได้

วันหนึ่งข้างหน้า  เมื่อคุณนวรัตนกับดิฉัน และอาจจะรวมสมาชิกเรือนไทยหนุ่มๆสาวๆ อีกหลายท่านไปเกิดใหม่กันเรียบร้อยแล้ว   ไทยอาจจะมีระบอบการปกครองที่ถูกต้อง ตรงตามความประสงค์ และจริตของคนไทยทั้งชาติก็ได้ค่ะ  อย่าเพิ่งละทิ้งความหวัง

แต่ตอนนี้...ไม่มีคำตอบเหมือนกัน

http://www.youtube.com/watch?v=bDFYbtp8h_w



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 08:54
อ้างถึง
อ้างถึง
อ้างจาก: NAVARAT.C ที่ วันนี้ เวลา 07:59

^
ดีใจอะไรกัน


อ้าว  ท่านอาจารย์เสียงเขียวขึ้นมาหรือนี่
ที่ดีใจ ไม่ได้ดีใจเรื่องรัฐบาลพระยาพหลฯหรือพระองค์เจ้าบวรเดช  แต่ดีใจว่าได้ like เป็นคำตอบ  นึกว่าจะปล่อยไก่ออกมาทั้งฝูง ให้คุณเพ็ญชมพูช่วยกวาดต้อนไปกระทู้สัตว์ประหลาดเสียแล้วต่างหากล่ะ

เข้าใจอยู่ละครับ เข้าใจอยู่ ไม่ได้เสียงเขียวด้วย เสียงไม่มี



มาดูคนสมัยโน้นเขียนไว้สักแปดสิบปีแล้ว
ตัดตอนมาจาก “ชีวิตแห่งการกบฏสองครั้ง”


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 09:16
ชอบตอนนี้ด้วยค่ะ

"แกอาจยังไม่รู้ว่า พวกเจ้าหรือพวกขุนนาง ก็คือกษัตริย์ ซึ่งสืบเชื้อสายจากพวกพเนจร ในยุคต้นประวัติศาสตร์ พวกพเนจรนี้ ได้เข้าแย่งดินแดนของพวกกสิกร แล้วเลยทึกทักเอาว่า ตนเป็นเจ้าของแผ่นดิน และพวกกสิกรเป็นข้าทาสบริวาร ตรงไหนล่ะ เป็นความสูงของพวกกษัตริย์ ควรหรือที่เราจะนับถือฝีมือในการต่อสู้ว่าเป็นความสูง เดี๋ยวนี้ ขอให้เรานับถือกษัตริย์แห่งปรัชญา และเลิกนับถือกษัตริย์แห่งสงครามเสียที เดี๋ยวนี้ พวกกษัตริย์แห่งสงคราม ก็ยังกุมอำนาจบริหารอยู่ โดยเป็นข้าราชการตามกระทรวงต่างๆ รัฐจึงกลายเป็นองคาพยพแห่งสงคราม"


เดี๋ยวนี้ พวกกษัตริย์แห่งสงครามก็ยังกุมอำนาจบริหารอยู่    โดยเป็นข้าราชการตามกระทรวงต่างๆ รัฐจึงกลายเป็น องคาพยพแห่งสงคราม"

หลังจากที่ท่านเจ้าของบทประพันธ์เขียนมากว่า 60 ปีแล้ว ก็ยังเห็นภาพเหล่านี้อยู่


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 10:18
ถ้าท่านเจ้าของเรื่อง "“ชีวิตแห่งการกบฏสองครั้ง” มีชีวิตยืนยาวมาถึงปัจจุบัน  ท่านอาจจะบอกได้ว่าการเมืองปัจจุบันก็ไม่ได้ผิดแปลกไปจากสมัยของท่านกี่มากน้อย  เพียงแต่บุคคลชุดเก่าล่วงลับไป  ชุดใหม่ก็เข้ามาแทนที่  ประชาธิปไตยที่เป็นความฝันของคนหนุ่มในสมัยพ.ศ. 2475  ผ่านไป 80 ปีแล้วก็ยังเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์อยู่

บางที คุณชายนิมิตรมงคลอาจจะเห็นด้วยว่า สยามก็จะพัฒนาไปตามรูปแบบของตัวเอง  จนได้ระบอบการปกครองที่เหมาะสมกับตัวเองในที่สุด
อย่าลืมว่าในอาณาจักรต่างๆที่เราเคยมีมาบนดินแดนขวานทอง ร่วมพันปีแล้ว   ไม่เคยมีอาณาจักรไหนปกครองด้วยระบอบการโหวตจากคนหมู่มากเลย    เราใช้ระบบผู้นำทั้งสิ้น
การรุกรานจากเจ้าอาณานิคมในศตวรรษที่ 19 ทำให้สยามต้องขวนขวายให้ตัวเองเป็นประเทศศิวิลัยซ์ เพื่อการอยู่รอด   ส่งนักเรียนไทยไปเรียนวิทยาการต่างๆจากเจ้าอาณานิคมพวกนั้นก็เพื่อให้รู้เท่าทันเขา  ไม่ใช่ไปลอกเลียนเขา    แต่ผลกลับมาเป็นยังไงไม่ต้องพูดซ้ำดีกว่า  เดี๋ยวกระทู้นี้จะออกทะเลไปอีก


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 29 มิ.ย. 12, 10:32
สยามเราได้มีการ ขอพระราชทานรัฐธรรมนูญจากพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่ สมัย รัชกาลที่ 5 มาแล้วครั้งหนึ่ง ถือเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ จุดเริ่มต้นจาก “เจ้านาย” พระองค์แรกที่ “กล้า” เสนอให้เปลี่ยนแปลงการปกครองโดยมี “ธรรมนูญ” คือ “พระองค์เจ้ากฤษฎางค์” เอกอัคราชฑูต ณ กรุงปารีส โดยในเวลาน้ันตรงกับช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ ๕
ครั้งที่สองจึงเกิดเป็นกบฏ ร.ศ. 130 เกิดขึ้นก่อนการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 นานถึง 24 ปี โดยเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 2455 (ร.ศ. 130) เมื่อนายทหารและปัญญาชนกลุ่มหนึ่ง วางแผนปฏิบัติการโดยหมายให้พระมหากษัตริย์ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญให้ และเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่แผนการแตกเสียก่อน จึงมีการจับกุมผู้คิดก่อการหลายคนไว้ได้ มีการพิจารณาตัดสินลงโทษให้จำคุกและประหารชีวิต แต่ท้ายที่สุดได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ด้วยทรงเห็นว่าผู้ก่อการมิได้คิดประทุษร้ายแก่พระองค์
ครั้งที่สามคณะราษฎรกลุ่มบุคคลที่ดำเนินการการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศสยาม จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ คณะราษฎรประกอบด้วยกลุ่มบุคคลผู้ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนและนักเรียนทหารที่ศึกษาและทำงานอยู่ในทวีปยุโรป ได้ทำการประชุมครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 ณ หอพัก Rue du summerard ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และได้ตกลงที่จะทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมาย โดยตกลงที่ใช้วิธีการ "ยึดอำนาจโดยฉับพลัน"
ผมสังเกตุดูทุกท่านและทั้งสามเหตุการณ์ที่คิดจะเปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยนั้นส่วนมากจะเป็นนักเรียนนอกสายประเทศฝรั่งเศสเกือบทั้งสิ้นไม่ทราบว่าสมัยนั้นเขามีการเรียนการสอนในเรื่องประชาธิปไตรกันอย่างไรพวกท่านๆทั้งหลายจึงมีแนวคิดเปลี่ยนแปลงกันแบบแรงกล้า หรือว่าร้อนวิชาที่เรียนมา


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 10:59
ไม่เคยเรียนที่ฝรั่งเศสเสียด้วย   อยากจะเชิญสมาชิกเรือนไทยที่เคยเรียนที่ฝรั่งเศสมาออกความเห็นบ้างค่ะ 

โดยส่วนตัวคิดว่า นักเรียนสยามที่ถูกส่งตัวไปเรียน  ราชการก็ต้องคัดเลือกกันแต่หัวกะทิ   (ไม่รวมพวกที่พ่อแม่รวยส่งไปเรียน อย่างลูกๆของแม่พลอย)  นักเรียนเก่งหัวดีพวกนี้ ไม่ว่าทหารหรือพลเรือน ประทับใจในประเทศสาธารณรัฐที่ศรีวิไลไปทุกซอกทุกมุม  มีการปกครองที่นักเรียนชาวสยามไม่เคยเห็นมาก่อน คือสาธารณรัฐ  เปิดโอกาสให้สามัญชนแสดงฝีมือจนขึ้นเป็นผู้นำประเทศได้   มีเลือกตั้ง มีรัฐสภา  ซึ่งเอื้อให้คนสามัญมีสิทธิ์มีเสียงปกครองประเทศ
นอกจากนี้  วิชาการเมืองของฝรั่งเศสก็มีนักคิดนักเขียนต่างๆที่มีความคิดเข้มข้นทางการเมือง เช่นรุสโซ ส่งเสริมให้เห็นว่าระบอบนี้เป็นระบอบดีกว่าระบอบโบร่ำโบราณที่สืบทอดผู้นำกันมาตามตระกูล    ระบอบใหม่เปิดโอกาสให้คนเก่งอย่างพวกเขาได้โอกาสที่เมื่อก่อนอยู่ในมือคนกลุ่มอื่น    เขาจะไม่เลื่อมใสระบอบใหม่ละหรือ
ทั้งหมดนี้อาจจุดประกายให้นักเรียนชาวสยามคิดก่อความเปลี่ยนแปลงขึ้นมา เพื่อให้สยามก้าวไกลอย่างฝรั่งเศสบ้าง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 11:49
นี๊ดเดียวเท่านั้นแหละครับคุณวี อยากให้เข้าไปดูเรื่อง “ชีวิตดั่งนิยาย-พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ กระดูกสันหลังพระปิยะมหาราช?” ตามลิงค์นี้หน่อย
 
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/07/K8075368/K8075368.html

จะเข้าใจว่าพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๕ ไม่ได้ทรงกริ้วว่า ท่านบังอาจเสนอให้สยามมีธรรมนูญการปกครองดิน หากทรงแป่กพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ที่เอาเรื่องที่ทรงปรึกษามาเป็นการส่วนพระองค์ไปตีแผ่ แล้วลงชื่อกันมาเป็นบัญชีหางว่าว คนสำคัญที่ทรงเป็นธุระร่างธรรมนูญที่ว่านี้ คือนักเรียนกฏหมายในลอนดอนพระนามว่าพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ  ท่านพระองค์นี้และอื่นๆที่ปรากฏพระนามและนามท้ายหนังสือกราบบังคมทูลเจริญดีทุกคน
 
การปฏิวัติโดยประชาชนเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์ที่เกิดเป็นแฟชั่นระบาดขึ้นในโลกนั้น เจ้านายในพระราชวงศ์จักรีท่านทรงหวั่นไหวมากขอให้เชื่อเถอะ ทรงแก้ไขจุดอ่อนของระบอบมาตลอด เช่น การปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในสมัยรัชกาลที่๕ การปูพื้นการปกครองแบบประชาธิปไตยในรัชกาลที่๖ และการเตรียมพระราชทานธรรมนูญการปกครองแผ่นดินโดยรัชกาลที่๗ คือความพยายามให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แต่ไม่เป็นที่ทันใจของพระเดชพระคุณส่วนหนึ่ง จึงได้เกิดกบฏในรัชกาลที่๖จนถึงการปฏิวัติ๒๔๗๕ขึ้น

และปัญหาที่พวกเจ้านายรั้งรอไว้เพราะเกรงว่าจะเกิด ก็เกิดกับคณะปฏิวัติเอง แปร๊บเดียวเท่านั้นก็ถูกปฏิวัติซ้อนโดยพวกเดียวกันที่มีอุดมการณ์ต่างกัน  คนไทยไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตย จึงยอมให้นักการเมืองเอาพระราชอำนาจไปใช้แบบเผด็จการ พวกนี้ไม่ได้ทำอะไรให้ชาติมีพัฒนาการทางการเมืองขึ้นเลย คนทั่วไปยังกราบทั่นหัวถลา เหมือนที่เคยกราบเจ้านาย เมียๆก็ได้เป็นคุณหญิงท่านผู้หญิงกันสลอน ทุกวันนี้ยังไม่มีใครทำลายสถิติท่านผู้หญิงอายุน้อยที่สุดที่ตั้งกันขึ้นมาสมัยประชาธิปไตยจอมปลอมเลย ตอนนั้นทั่นอยากจะได้อะไรเอาอะไร ก็สั่งให้คณะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ซึ่งกระทำภายใต้พระปรมาภิไธยจัดให้  แล้วยังใจร้าย ทำตัวเป็นกษัตริย์แล้วยังป้ายสีสถาบันกษัตริย์ตลอด ประชาชนบางส่วนก็เชื่อตามเค้า

ผมไม่รู้ว่าที่เมืองนอกเขาสอนวิชารัฐศาสตร์กันอย่างนี้หรือเปล่า หรือมันมากลายพันธุ์ในประเทศของเราเอง





กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 29 มิ.ย. 12, 14:02
พระยาศรีสิทธิสงครามมีลูกสาว 3 คน  ลูกชาย 1 คน  คนโตเรียนจบแพทย์ ชื่อพญ.โชติศรี ท่าราบ
  


ถ้าจำไม่ผิด คุณป้าโชติศรี ท่านเป็นบุตรีคนที่ ๒ นะครับ ส่วนพี่สาวของท่านคือมารดาของ ท่านสุรยุทธ์ จุลานนท์ ครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 29 มิ.ย. 12, 14:09
ภาพนั้นผมถ่ายมาจากหลังปกหนังสือที่คุณหมอโชติศรีเขียน ผมพยายามหาภาพที่ชัดและใหม่กว่านี้ทางอินเทอร์เน็ทแต่ไม่มีเลย ได้แต่ภาพสถานีหินลับ

คงอาจจะมีใครเอาป้ายที่ว่าออกไปแล้วก็ได้


ในหนังสือของคุณลุงสรศัลย์ แพ่งสภา ระบุไว้ว่า ทุก ๆ วันที่ (จำไม่ได้แล้ว) ทางการรถไฟจะต้องมีพิธีกรรมเพื่อระลึกถึงท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงคราม โดยการยิงสลุต โดยจะให้ผู้บังคับรถไฟที่วิ่งผ่านบริเวณเนินที่เป็นจุดเสียชีวิตของท่านเจ้าคุณฯ เป็นผู้ยิงครับ นอกจากนี้คุณลุงสรศัลย์ ก็ยังบอกอีกว่าชาวบ้านแถวนั้นก็รู้จักเขาลูกที่ท่านเจ้าคุณฯ เสียชีวิตว่า "เขาพระยาศรีฯ"

แต่ทั้งนี้ ผมไม่แน่ใจว่าประเพณียิงสลุตให้ และชื่อเขาพระยาศรีฯ จะเลือนหายไปตามกาลเวลาหรือไม่นะครับ

ส่วนป้ายจารึกนั้น ผมว่ายังไม่น่าจะหายไป เพราะผู้เสียชีวิตก็เป็นถึงคุณตาของท่านองคมนตรี เมื่อไม่นานมานี้ ราว ๆ ปี พ.ศ. ๒๕๔๖  ทางโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ก็ยังได้สร้างสะพานข้ามคลอง โดยตั้งชื่อว่า "สะพานศรีสิทธิสงคราม" ด้วยครับ

ถ้าท่านใดขับรถผ่านทางยกระดับ มุ่งหน้าไปยังงามวงศ์วาน ก่อนจะสุดอาณาบริเวณของโรงพยาบาลพระมงกุฎ ให้สังเกตด้านซ้ายมือจะเห็นชื่อสะพานนี้ชัดเจนครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 15:04
^
^
อ่านเพิ่มเติมที่ พันทิป (http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/05/K9198935/K9198935.html)

 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 29 มิ.ย. 12, 16:04
สี่พระยาที่หนีอยู่สิงคโปร์
เรามีสมัครพรรคพวกที่เป็นพระยาด้วยกันถึง 4 คน คือ พล ต.พระยาเสนาสงคราม พ.อ.พระยาฤทธิอัคเนย์ นาวาเอกพระยาศราภัยพิพัฒน์ และตัวข้าพเจ้าเอง พ.อ.พระยาสุรพันธเสนี เราทั้ง คนได้พากันเที่ยวไปรอบๆเกาะสิงคโปร์เกือบทุกวันเพื่อทัศนาจรหรือศึกษาภูมิประเทศก็ตามแต่จะเรียก ในเวลากลางวันวันหนึ่ง เราได้แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง ในขณะที่รับประทานกันอยู่นั้น เจ้าคุณศราภัยฯได้ปลงอนิจจังตัวเองออกมาว่า โลกเรานี้ช่างไม่เที่ยงแท้และชีวิตคนเรานี่ก็ช่างไม่แน่นอนเสียจริงๆ เมื่อ 7 ปีก่อนนั้น (เวลานั้น 2473) พล ต.พระยาเสนาสงครามเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และเป็นผู้บังคับบัญชาของ พ.อ.พระยาฤทธิอัคเนย์ แต่ในที่สุดเมื่อ พ.อ.พระยาฤทธิอัคเนย์เข้าร่วมมือเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ.2475 ก็เป็นคนหนึ่งใน 4 ทหารเสือ แล้วผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยนั้นก็เล่นงานพระยาเสนาสงครามเสียเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด โดยท่านถูกยิงและถูกตีด้วยพานท้ายปืน พระยาศราภัยพิพัฒน์เป็นนายนาวาเอก เป็นผู้ช่วยปลัดทูลฉลองกระทรวงกลาโหม และ พ.อ.พระยาสุรพันธเสนีเป็นสมุหเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลราชบุรี เมื่อเกิดการกบฎกันขึ้นและตั้งศาลพิเศษ พระยาฤทธิอัคเนย์เป็นกรรมการศาลพิเศษและได้พิพากษาให้ประหารชีวิตพระยาสุรพันธเสนี และในขณะที่พวกเราติดคุกกันอยู่ในบางขวาง และพระยาฤทธิอัคเนย์ก็เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นนายของพวกเรา แต่ทว่ามาบัดนี้ เจ้าคุณศราภัยฯกล่าวต่อไปอีกว่า“มาบัดนี้เจ้าคุณฤทธิฯก็ตกอยู่ในสภาพของผู้ลี้ภัยการเมืองอย่างพวกเรา และได้มาร่วมโต๊ะรับประทานอาการร่วมกันกับเราอยู่เดี๋ยวนี้” แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างครื้นเครง
นี่ก็เป็นบทเรียนของชีวิต ความเปลี่ยนแปลงผันแปรที่ปราศจากความแน่นอน เป็นแบบฉบับที่คนเราควรจะคิดถึงไว้มากๆ”


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 มิ.ย. 12, 17:05

โปรดอย่าย้อนกลับมาถามผมนะครับ ว่าประชาชนควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ผมไม่ได้ฉลาดถึงขนาดจะตอบท่านได้


มองในระยะอีก 10 ปีข้างหน้า  ต้องบอกว่าไม่มีหวังครับ  จริงๆ ผมว่าอีก 30 ปีข้างหน้าด้วยซ้ำ
ระบบเส้นสาย เอื้อพวกพ้อง  มันหยั่งรากลึกมากๆ  ในทุกระดับของสังคม มากกว่าสำนึกความถูกผิด หรือความกล้าหาญทางจริยธรรม
แถมเราชั่งนำหนักกันไม่ค่อยเป็น  เกลียดฝั่งไหนก็รักอีกฝั่งอย่างไม่ค่อยลืมหูลืมตา ผม add facebook อ. ส คนที่เกลียดเจ้าไว้ ก็เห็นแกด่าเจ้าอย่างเดียว แต่พออีกฝั่งนี่แกวิจารณ์อย่างกระมิดกระเมี้ยนเต็มทน นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งให้เห็นว่าความรักชอบ ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยชั่งน้ำหนักเหตุผล มองข้อดีข้อเสียไม่ค่อยได้กัน
ยิ่งสำหรับคนรุ่นใหม่  โดยเฉพาะนักการเมือง จะหวังอุดมการณ์จากคนเหล่านี้ ยิ่งเป็นไปได้ยาก ขนาดนั่งดูรูปโป๊ในสภา พรรคพวกยังออกมาปกป้องกันใหญ่  นี่ขนาด ส.ส. รุ่นใหม่แล้วนะ

ตอนนี้ถ้าอยากรุ่งเรื่องในระบบการเมืองไทย  ต้องมีความสามารถเด่นๆ คือ

1.  ต้องเลือกข้างให้ถูก  แต่จริงๆ แล้วจะเลือกข้างไหนก็ได้ เพราะยังไงเค้าก็ผลัดกันมีอำนาจ เพียงแต่ถ้าเลือกผิดข้าง อาจจะอดอยากปากแห้ง ต้องรอนานหน่อย แต่ไม่ว่าข้างไหน ก็ได้เป็นอภิสิทธิ์ชนทั้งคู่ แกล้งทะเลาะตบตีกันไปตามบทบาท

2. ต้องไม่มีหิริโอตัปปะ  เพราะต้องแกล้งหลับตา หรือแม้แต่ลงไปเกลือกกลั้วกับความชั่วร้ายต่างๆ เอง ทุกรูปแบบ  แถมเวลามีอำนาจแล้ว มันดลบันดาลสิ่งใดๆ ก็ง่าย ผลประโยชน์มาง่ายๆ มามัวเป็นคนดี ก็โดนคนเลวอื่นๆ ที่รอเสียบอยู่สอยอีก  ต้านยากครับ ดังนั้นไหนๆ ก็ไหนๆ  เลยเลวซะเองไปหมด

3. ฝีปากต้องเป็นเอก พูดเก่ง ชักจูงเก่ง ปลุกเร้าอารมณ์ผู้คนได้ดี มีจังหวะจะโคน  เสนาบดี อำมาตย์ตัวเอ้ๆ ที่เห็นๆ ตอนนี้ที่ดังๆ เป็นที่รู้จัก  ลองไปดูประวัติสิครับ  บางคนกว่าจะจบราม 8 ปีแบบร่อแร่ๆ บอกคุณภาพได้เป็นอย่างดี  บ้างก็จบ ม เอกชนมา  ได้จ่อคิวรอเป็น รมต กันแล้ว บ้างก็เป็นอำมาตย์ใหญ่ระดับพระยาพานทองแล้ว คนเหล่านี้ถ้าฝีปากไม่เป็นเอก ระดับความสามารถขนาดนี้ ถ้าทำงานเอกชนน่าจะเป็นพนักงานทั่วไปดาดๆ เท่านั้น  พูดดีเป็นศรีแก่ตัวจริงๆ


ต่อไประดับการเล่นการเมือง เกมส์อำนาจ มีแต่จะเนียนขึ้น ซับซ้อนขึ้น หวังแต่เพียงว่าเมืองไทยคงไม่มีการนำระบบเกตโต้ หรือกูลักมาใช้แบบสมัยสงครามโลก สงครามเย็น ไม่งั้นหวยออกที่นายประกอบได้ไปเป็นนักโทษการเมืองแหงมๆ เพราะเวลาการเมืองแรงๆ  ไม่เคยมีที่ดีๆ สำหรับคนสายกลางหรือพวกที่รู้ทันทั้งสองฝ่ายครับ เยอรมัน รวันดา เป็นตัวอย่างที่ดี สายกลางก็ต้องโดนกำจัด ไม่เลือกข้างไม่ได้


บ่นเสร็จ กลับมาเรื่องท่านจอมพลที่รักยิ่งของผม  ผมว่าท่านอาจารย์เทากับ อ. นวรัตน์ มองท่านจอมพลของผมดีไปหรือเปล่าครับ  ผมว่าท่านจอมพลของผมแกไม่แคร์เรื่องชีวิตหรือความเสียหายของทรัพย์สินคนอื่นหรอกนะครับ   เพียงแต่ที่ยิงกันไม่ค่อยโดนเพราะ

1. ฝีไม้ลายมือทางการรบของพวกเรากันเองมันไม่ได้เรื่องจริงๆ  โดยเฉพาะท่านจอมพลสมัยเป็นพันโทนั่นแหละ เล็งจริงแล้วแต่มันไม่โดน  เพราะหลังกลับจากฝรั่งเศสอาจจะรื้อตำรา  ฝึกมั่งไม่ฝึกมั่ง   พอเวลาเอาจริงเลยฝืดก็เป็นได้  เพราะยิงตั้ง 40 นัด สำหรับปืนใหญ่นี่ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะครับ  ถ้าจะขู่ๆ 5 นัด 10 นัดเฉียดๆ ก็เพียงพอแล้วยิงไปปรับระยะไป แถมจะให้เรือรบเอาปืนใหญ่มาถล่มดอนเมือง   ถ้าคิดถึงชีวิตทรัพย์สินผู้คน คำสั่งสั่วๆ แบบนี้ต้องไม่ออกมา    ยิ่งผลงานหลังๆ จนตลอดชีวิต ผมไม่สามารถเชื่อได้ว่าคนอย่างท่านจอมพลที่รักของผมเห็นชีวิตคนอื่น หรือทรัพย์สินรัฐบาล สำคัญกว่าอำนาจของตัวไปได้เลยนะเนี่ย  เห็นแกพร้อมจะสังเวยใครก็ตาม เพื่ออำนาจตัวเองได้ตลอดแหละ


2. ระดับรองๆ เค้าไม่ฆ่ากันเอง จงใจเปิดช่องกันไว้  นายสั่งก็ยิง แต่แกล้งหลับหูหลับตา โดนมั่งไม่โดนมั่ง ทั้งสองฝั่ง  พวกแกนนำตัวเบ้งๆ หนะเอาจริงหวังสร้างผลงานทั้งนั้น แต่ระดับลูกกระจ๊อกก็อย่างว่า เสี่ยงมากไปก็แค่นั้น ความดีความชอบนายๆ รับไปหมดตามธรรมเนียม  เลยสู้พลางถอยพลาง มองทางหนีทีไล่ไว้ดีกว่าทั้งสองฝ่าย   นายสั่งทีต่อหน้านายก็ทำขึงขังไปตามบทบาทเท่านั้น เค้าให้ยิงก็ยิง เล็งบ้างไม่เล็งบ้าง


3. เรื่องเปิดทางให้พวกที่ยังสองจิตสองใจแทงกั๊กนั้นมีแน่ ผมว่าทหารส่วนใหญ่ก็จะแทงกั๊กทั้งนั้น รอดูท่าทีก่อนว่าใครจะชนะ  พวกที่ขึงขังเดินหน้าชนอุดมการณ์แรงกล้านั้นมีไม่เท่าไหร่  แกนนำแต่ละฝ่ายก็คงพอรู้ๆ  โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาล เลยเปิดช่องไว้ แต่ก็รอเช็คบิลไว้ตอนหลังเหมือนกัน แต่ใครสู้ตายถวายชีวิต  ก็ปูนบำเหน็จก้อนใหญ่ไปตามๆ กัน ใครแทงกั๊ก ก็อาจจะแค่ไม่เอาผิดเท่านั้น

บ๊ะ รู้สึกความเห็นนี้การเมืองสุดๆ อีกแล้ว เตรียมเก็บเสื้อผ้า รอย้ายไปอยู่ในกูลักดีกว่า


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 มิ.ย. 12, 17:36
นักเรียนเก่งหัวดีพวกนี้ ไม่ว่าทหารหรือพลเรือน ประทับใจในประเทศสาธารณรัฐที่ศรีวิไลไปทุกซอกทุกมุม  มีการปกครองที่นักเรียนชาวสยามไม่เคยเห็นมาก่อน คือสาธารณรัฐ  เปิดโอกาสให้สามัญชนแสดงฝีมือจนขึ้นเป็นผู้นำประเทศได้   มีเลือกตั้ง มีรัฐสภา  ซึ่งเอื้อให้คนสามัญมีสิทธิ์มีเสียงปกครองประเทศ
นอกจากนี้  วิชาการเมืองของฝรั่งเศสก็มีนักคิดนักเขียนต่างๆที่มีความคิดเข้มข้นทางการเมือง เช่นรุสโซ ส่งเสริมให้เห็นว่าระบอบนี้เป็นระบอบดีกว่าระบอบโบร่ำโบราณที่สืบทอดผู้นำกันมาตามตระกูล    ระบอบใหม่เปิดโอกาสให้คนเก่งอย่างพวกเขาได้โอกาสที่เมื่อก่อนอยู่ในมือคนกลุ่มอื่น    เขาจะไม่เลื่อมใสระบอบใหม่ละหรือ
ทั้งหมดนี้อาจจุดประกายให้นักเรียนชาวสยามคิดก่อความเปลี่ยนแปลงขึ้นมา

อันนี้ผมเห็นด้วยครับว่าเมื่อนักเรียนได้มีโอกาสออกไปเห็นระบบการเมืองการปกครองที่ดีกว่า ทำให้อยากเปลี่ยนแปลงให้บ้านเมืองพัฒนาแบบเค้าบ้าง

แต่นั่นคืออุดมการณ์ของคนหนุ่ม ในวัย วัน และเวลาที่ตัวยังไม่มีอำนาจ ไม่ได้มีคนมาพะเน้าพะนอ ไม่ได้สัมผัสอภิสิทธิ์ต่างๆ ที่จะได้รับเมื่อก้าวขึ้นมามีอำนาจ
ดังนั้นคนกลุ่มนี้ เมื่อแรกแม้จะมีอดมการณ์  แต่เมื่อเข้าสู่วังวนอำนาจ มันช่างหอมหวลยิ่งนัก  อุดมการณ์ที่เคยมีก็สูญสลายกันไปหมด   ท่านจอมพลของผมเป็นตัวอย่างอันดีของคนที่เคยมีอุดมการณ์ แล้วเกิดอาการเสพติดอำนาจ   สุดท้ายอาการหนักหนาสาหัสยิ่งกว่ากลุ่มเจ้าที่ตัวเองก่นด่าเสียอีก ช่วงรัฐนิยมเป็นช่วงที่อำนาจพุ่งถึงจุดสูงสุด และได้เห็นความไม่ได้เรื่องบ้าบอมากที่สุดด้วย

บ้างที่ยังมีอุดมการณ์ เช่นท่านปรีดี  วันที่มีอำนาจก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอที่จะเข้าใจโลก เข้าใจวิถีชีวิต ข้อจำกัดของผู้คน  ที่สำคัญเข้าใจกิเลสของคนได้เพียงพอ เลยมุ่งเน้นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดโดยไม่มองถึงพื้นฐานความเป็นจริงในสังคม สุดท้ายก็ล้มเหลว  พอโตพอก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว   จริงๆ ท่านปรีดีนี่ก็มีอาการเสพติดอำนาจเช่นกัน เพียงแต่ไม่สาหัสเท่าท่านจอมพล



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 17:57
บ้างที่ยังมีอุดมการณ์ เช่นท่านปรีดี  วันที่มีอำนาจก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอที่จะเข้าใจโลก เข้าใจวิถีชีวิต ข้อจำกัดของผู้คน  ที่สำคัญเข้าใจกิเลสของคนได้เพียงพอ เลยมุ่งเน้นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดโดยไม่มองถึงพื้นฐานความเป็นจริงในสังคม สุดท้ายก็ล้มเหลว  พอโตพอก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว   จริงๆ ท่านปรีดีนี่ก็มีอาการเสพติดอำนาจเช่นกัน เพียงแต่ไม่สาหัสเท่าท่านจอมพล

ในปี ค.ศ. ๑๙๒๕ เมื่อเราเริ่มจัดตั้งกลุ่มแกนของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุเพียง ๒๕ ปีเท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดความจัดเจน แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้วและได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี ข้าพเจ้าไม่มีความจัดเจน และโดยปราศจากความจัดเจน บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา ข้าพเจ้าไม่ได้นำความเป็นจริง ในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นความรู้ตามหนังสือ ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์ มาคำนึงด้วยให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี

ในปี ค.ศ. ๑๙๓๒ ข้าพเจ้าอายุ ๓๒ ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่ข้าพเจ้าก็ขาดความจัดเจน และครั้นข้าพเจ้ามีความจัดเจนมากขึ้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ

 
คุณปรีดี พนมยงค์ ให้สัมภาษณ์เอเชียวีค ๒๘ ธันวาคม ๒๕๒๓

 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 18:45
^
นั่นน่ะซีครับ เสียดาย เสียดายโอกาสและอนาคตของประเทศชาติ



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 19:02
ประกอบ
อ้างถึง
ผมว่าท่านอาจารย์เทากับ อ. นวรัตน์ มองท่านจอมพลของผมดีไปหรือเปล่า….

ผมมองว่าท่านเป็นทหารการเมืองที่ทะเยอทะยาน ไว้ใจไม่ได้ มีวาระซ่อนเร้นตลอด

ส่วนเรื่องอื่นๆที่คุณเขียน เป็นข้อโต้แย้งที่มีคุณภาพ ผมยินดีที่รับฟังความเห็นครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 19:16
สลับฉากด้วยภาพชุดทหารเดินทางกลับจากโคราช


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 19:19
ทหารส่วนที่๒ กลับก่อนนะครับ ส่วนที่๑กลับเที่ยว๒
ครั้งนี้ พวกชนะไหนเฮนั่นได้ข่าว เลยมารับกันคึกคักกว่าครั้งแรก


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 19:22
ผู้ชนะย่อมยินดี


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 19:25
กลับกรมกอง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 19:30

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5194.0;attach=33546;image)

อีกภาพหนึ่ง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 20:24
^
ของคุณเพ็ญน่าจะเป็นภาพวันแรก


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 มิ.ย. 12, 20:42
ประกอบ
อ้างถึง
ผมว่าท่านอาจารย์เทากับ อ. นวรัตน์ มองท่านจอมพลของผมดีไปหรือเปล่า….

ผมมองว่าท่านเป็นทหารการเมืองที่ทะเยอทะยาน ไว้ใจไม่ได้ มีวาระซ่อนเร้นตลอด


แห่ะๆ ผมรู้มานแล้วหละครับว่าท่านอาจารย์รักใคร่ท่านจอมพลไม่น้อยกว่าผมแหงมๆ    :-*   เพราะอ่านกระทู้ท่านอาจารย์มากนี่แหละ ผมเลยนิยมชมชอบท่านจอมพลท่านนี้เป็นพิเศษ

อ้อ  ถ้าจำไม่ผิด เคยอ่านที่ไหนจำไม่ได้แล้วนานมาแล้วครับ เป็นบันทึกของท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เล่าว่านายสิบสองคนที่ขับเครื่องบินมาลงสนามหลวงนั้น ได้ปูนบำเน็จเป็นนายทหารทั้งคู่ เลยต้องไปเรียนหนังสือกับนักเรียนนายร้อยหรือนักเรียนนายทหารที่ไหนซักที่นึง ได้ร่วมชั้นเรียนกับท่านผู้เล่าไว้  แต่ทั้งสองก็อายุสั้น ไม่ทันได้เป็นใหญ่เป็นโตมากนักก็มาถึงแก่กรรมกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งคู่นี่แหละ แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าเสียชีวิตจากการรบหรือเพราะป่วยไข้ประการใด

คราวนี้ก็ได้เวลาหลบไปหลังห้องต่อหละครับ แว้บบบบ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 21:24


ข้อความโดย: NAVARAT.C
อ้างถึง ความคิดเห็นที่ 39   
อ้างถึง
ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ นักบินชั้นประทวนที่ถูกจำกัดบริเวณอยู่ที่สนามบินดอนเมือง ได้จังหวะนำเครื่องบินรบแบบ “นิเออปอรต์ เดอลาส" ๒เครื่อง หนีไปสวามิภักดิ์รัฐบาลโดยไปวนจะลงสู่สนามหลวงทางด้านทิศใต้ เครื่องหนึ่งผ่านพระบรมมหาราชวังในระดับต่ำมากจนพุ่งเข้าชนมุมชายคาพระที่นั่งองค์หนึ่งในเขตพระราชฐานชั้นใน เครื่องบินตกลงพังพินาศ สิบตรีแฉล้ม นักบินสลบคาที่ใกล้จะหมดลมรอมร่อ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังต้องรีบหามออกไปให้สิ้นใจภายนอกกำแพงวัง เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องทำพิธี“กลบบัตรสุมเพลิง"ณ จุดที่ถึงแก่กรรม ตามประเพณีของราชสำนัก
 
อีกลำหนึ่งสิบตรีเสริม ชุมแสง เป็นนักบิน ลงไปปะทะกิ่งมะขามที่สนามหลวงแต่นักบินปลอดภัย รัฐบาลติดยศร้อยตรีให้ทันทีพร้อมออกวิทยุกระจายข่าวใหญ่โต โฆษณาชักจูงให้นักบินนำเครื่องมาสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลอีก ทำให้นักบินที่เหลือและประกาศวางตนเป็นกลางถูกทหารนครราชสีมากักบริเวณในฐานทัพดอนเมืองอย่างเข้มทันที

สงสัยช่วงที่ผมเลคเช่อร์ถึงตอนนี้ คุณประกอบคงแวบเข้าห้องน้ำ จึงไม่ทราบเรื่องข้างต้น
ลองกลับไปดูสิครับ มีรูปยืนยันด้วย

ส่วนว่าหลังจากนั้น ร้อยตรีเสริมจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ผมหาไม่เจอ อาจจะเปลี่ยนชื่อก็ได้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 มิ.ย. 12, 21:35

สงสัยช่วงที่ผมเลคเช่อร์ถึงตอนนี้ คุณประกอบคงแวบเข้าห้องน้ำ จึงไม่ทราบเรื่องข้างต้น
ลองกลับไปดูสิครับ มีรูปยืนยันด้วย

ส่วนว่าหลังจากนั้น ร้อยตรีเสริมจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ผมหาไม่เจอ อาจจะเปลี่ยนชื่อก็ได้

แห่ะๆ  ไม่ได้ไปห้องน้ำครับ กระทู้ห้องน้ำเงียบๆ ไปแล้ว หนีออกมาแล้วครับ    มาเล่าเสริมหนะครับ  ว่าทั้งสองพอขับเครื่องบินมาลงสนามหลวง ได้ปูนบำเน็จติดร้อยตรีแล้ว  ยังต้องไปลงเรียนหนังสือกับทหารเด็กๆ หนะครับ เป็นโรงเรียนนายร้อย หรือโรงเรียนนายทหารชั้นต้นผมก็จำไม่ได้  ที่ต้องไปเรียนน่าจะเพราะแม้จะเป็นนายทหาร แต่ความรู้อาจจะยังไม่ถึงขั้น เพราะเดิมมีพื้นแค่ชั้นประทวน ทั้งคู่จึงต้องไปเรียนหนังสือเพิ่มเติม    ผมจำไม่ได้ว่าตอนนั้นผมอ่านบันทึกของท่านผู้ใด  ซึ่งผู้บันทึกได้บอกต่อว่า ภายหลังทั้งสองก็อายุสั้นจากไปก่อนเวลาอันควร  ไม่ทันได้มีความก้าวหน้าทางราชการ  ที่จริงดูเหมือนท่านเล่าไว้ด้วยว่าตายอย่างไร  แต่ผมนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 21:45
บ้างที่ยังมีอุดมการณ์ เช่นท่านปรีดี  วันที่มีอำนาจก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอที่จะเข้าใจโลก เข้าใจวิถีชีวิต ข้อจำกัดของผู้คน  ที่สำคัญเข้าใจกิเลสของคนได้เพียงพอ เลยมุ่งเน้นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดโดยไม่มองถึงพื้นฐานความเป็นจริงในสังคม สุดท้ายก็ล้มเหลว  พอโตพอก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว   จริงๆ ท่านปรีดีนี่ก็มีอาการเสพติดอำนาจเช่นกัน เพียงแต่ไม่สาหัสเท่าท่านจอมพล

ในปี ค.ศ. ๑๙๒๕ เมื่อเราเริ่มจัดตั้งกลุ่มแกนของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุเพียง ๒๕ ปีเท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดความจัดเจน แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้วและได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี ข้าพเจ้าไม่มีความจัดเจน และโดยปราศจากความจัดเจน บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา ข้าพเจ้าไม่ได้นำความเป็นจริง ในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นความรู้ตามหนังสือ ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์ มาคำนึงด้วยให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี

ในปี ค.ศ. ๑๙๓๒ ข้าพเจ้าอายุ ๓๒ ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่ข้าพเจ้าก็ขาดความจัดเจน และครั้นข้าพเจ้ามีความจัดเจนมากขึ้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ

 
คุณปรีดี พนมยงค์ ให้สัมภาษณ์เอเชียวีค ๒๘ ธันวาคม ๒๕๒๓

 ;D


อยากเห็นคำว่า อำนาจของปัจเจกบุคคล ไม่สำคัญเท่าอำนาจของประชาชนส่วนรวม
เพราะนั่นคือความหมายของประชาธิปไตยมิใช่หรือ 



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 21:49
ถ้าจำไม่ผิด คุณป้าโชติศรี ท่านเป็นบุตรีคนที่ ๒ นะครับ ส่วนพี่สาวของท่านคือมารดาของ ท่านสุรยุทธ์ จุลานนท์ ครับ
ถูกของคุณสมุน007 ค่ะ  บุตรีคนโตคือคุณอัมโภช จุลานนท์


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 21:57
อ้างถึง
แห่ะๆ  ไม่ได้ไปห้องน้ำครับ กระทู้ห้องน้ำเงียบๆ ไปแล้ว หนีออกมาแล้วครับ    มาเล่าเสริมหนะครับ  ว่าทั้งสองพอขับเครื่องบินมาลงสนามหลวง ได้ปูนบำเน็จติดร้อยตรีแล้ว  ยังต้องไปลงเรียนหนังสือกับทหารเด็กๆ หนะครับ เป็นโรงเรียนนายร้อย หรือโรงเรียนนายทหารชั้นต้นผมก็จำไม่ได้  ที่ต้องไปเรียนน่าจะเพราะแม้จะเป็นนายทหาร แต่ความรู้อาจจะยังไม่ถึงขั้น เพราะเดิมมีพื้นแค่ชั้นประทวน ทั้งคู่จึงต้องไปเรียนหนังสือเพิ่มเติม    ผมจำไม่ได้ว่าตอนนั้นผมอ่านบันทึกของท่านผู้ใด  ซึ่งผู้บันทึกได้บอกต่อว่า ภายหลังทั้งสองก็อายุสั้นจากไปก่อนเวลาอันควร  ไม่ทันได้มีความก้าวหน้าทางราชการ  ที่จริงดูเหมือนท่านเล่าไว้ด้วยว่าตายอย่างไร  แต่ผมนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

คุณประกอบครับ คุณประกอบ

ทั้งสองน่ะ ตอนที่เครื่องตกเขาหามออกมาตายนอกวังซะหนึ่ง เหลือหนึ่งเดียว ถ้าไปเรียนโรงเรียนนายทหารด้วยกันทั้งคู่ อาจารย์จะไม่เผ่นหนีหมดหรือครับ

เอ๋ แวบไปหลังห้องนี่ ไปแอบกรึ๊บกันรึเปล่า


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 มิ.ย. 12, 22:16
ไอ้กรึ๊บหนะไม่มีแน่ๆ ครับ ผมเด็กดี เหล้าไม่กิน บุหรีไม่สูบ การพนันไม่เล่น เรื่องเจ้าชู้นี่ก็ไม่มี  มีแค่นอนหลับกับโกหกเก่งอย่างเดียว 


อ้า เพิ่งรู้ว่านักบินตายคนนึงด้วย    นึกว่าคนที่โดนหามออกไปนอกวังกะให้ไปตายนอกวังรอดตายด้วยซะอีก    งั้นผมอาจจะจำผิดครับ สงสัยนอนมากไปหน่อย ความจำเลอะเลือน  แต่อย่างน้อยคนนึงหละต้องไปนั่งเรียนหนังสือแน่ๆ ครับ แล้วจากนั้นค่อยไปตายตอนหลัง ไม่ทันได้ก้าวหน้า


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 12, 22:21
ค่อยยังชั่วหน่อย งั้นก็แล้วไป


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 22:37
เอ  รึว่าคนแรกที่ร่อแร่ ถูกหามออกมานอกพระบรมมหาราชวังจะดวงดี ถึงมือหมอเสียก่อนเลยรอดไปเป็นทหารสัญญาบัตรได้?

การเมืองไทยไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรสำหรับนักการเมืองอาชีพ  เห็นด้วยค่ะ  อย่าว่าแต่การเมืองเลย  วงการอะไรที่ต้องแข่งขันกันสูงด้วย แต่ก็ต้องร่วมมืออะลุ้มอล่วยกันด้วย อย่างวงการธุรกิจ  วงการนักบริหาร(ทั้งภาครัฐและเอกชน) ก็ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรเช่นกัน

ว่าแล้วก็กลับมาเรื่องกระทู้ดีกว่า

ยังติดใจค.ห.ของท่านนวรัตน


ประชาชนน่ะ ถูกเขาหลอกวันยังค่ำ ป่านฉนี้ยังเชื่อว่า พวกกบฏบวรเดชเป็นพวกเจ้าที่ต้องการจะทำลายประชาธิปไตย แล้วเอาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชกลับมา เพราะนักการเมืองเขาปรุงให้เชื่อเช่นนั้น
....................

สยามเป็นประชาธิปไตยเพราะนักการเมืองระดับหัวใจทั้งในเครื่องแบบและสวมสูทได้เสี่ยงชีวิตนำมามอบให้ไม่ทันถึงปี เผด็จการระดับสมองก็เอาปืนมาจี้ชิงอำนาจที่ควรจะเป็นของปวงชนไป จนพวกคณะกู้บ้านกู้เมืองทนไม่ได้ ต้องการที่จะชิงอำนาจนั้น อ้างว่าเพื่อจะคืนให้ประชาชนดังเดิม สมกับที่พระราชปฏิภาณของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯที่ทรงสละพระราชอำนาจเพื่อมอบให้ประชาชน ไม่ใช่คนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดโดยเฉพาะ  แล้วทำตนเป็นกษัตริย์ที่ไม่สวมมงกุฏแทน แย่ยิ่งกว่าระบอบราชาธิปไตยที่เคยก่นด่าเสียอีก

เพราะพระนามของพระองค์เจ้าบวรเดชแท้ๆที่บดบังอุดมการณ์ของคณะกู้บ้านกู้เมือง นอกจากจะทำให้คนกลุ่มนี้จะพ่ายแพ้แล้ว ประชาธิปไตยยังตกเป็นเครื่องมือที่เผด็จการเอาไปอ้างใช้อีกสิบปีเศษ กว่าจะตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยที่เป็นพลเรือนได้ แต่รากของเผด็จการที่ยังฝังอยู่ในนักการเมืองระดับตีนระดับมือ ไม่นานเผด็จการจึงกลับมาอีก ในยุคต่อๆมาจนปัจจุบัน ปวงชนชาวไทยไม่เคยได้เสพย์ประชาธิปไตยเต็มอิ่มเสียที

เคยนึกเล่นๆว่า ถ้าพระองค์เจ้าบวรเดชเป็นฝ่ายชนะ เหตุการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป
ไม่รู้ว่ามองในแง่ร้ายหรือเปล่า    มองยังไงก็มองว่าถึงคณะกู้บ้านกู้เมืองชนะ ก็คงเกิดรัฐประหารขึ้นมาอีกจนได้   ไม่มีทางจะจบแฮปปี้เอนดิ้ง แบบอำนาจอธิปไตยก็ถึงมือประชาชน   มีรัฐสภา มีผู้แทนจากการเลือกตั้ง  มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งมาบริหารประเทศอย่างสงบเรียบร้อย ทำงานเพื่ออุดมการณ์แท้จริง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 22:44
ที่คิดอย่างนี้ ก็มีเหตุผลรองรับนะคะ    
เพราะใครก็ตามที่ขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้บริหารประเทศในยุคนั้น    อย่างแรกคือจะต้องระวังเก้าอี้ของตัวเองให้มั่นคง  สอง ต้องแบ่งปันปูนบำเหน็จเพื่อนฝูงลูกน้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาอย่างทั่วถึง   ไม่ให้น้อยใจกันขึ้นมาได้ว่าช่วยรบแทบตายแต่ไม่ได้ดีเท่าอีกคน    สาม ต้องปรามฝ่ายตรงข้ามซึ่งมีอยู่แน่ๆ ไม่ให้หือขึ้นมา
แค่นี้ก็มองเห็นแล้วว่า หัวใจของการปกครองนั้นคืออำนาจ  ไม่ใช่ประชาชน  ซึ่งถ้าคนที่ไม่ใช่เผด็จการโดยกำเนิดแล้ว จะรักษายากมาก ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมมีหลายขั้วอำนาจแบบนี้

หากพระองค์เจ้าบวรเดชกลายเป็นนายกรัฐมนตรี    อย่างหนึ่งที่ท่านน่าจะทำก็คือแสดงออกว่าเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ตามเดิม  เพราะถึงอย่างไรท่านก็เป็นเจ้า มีพระญาติพระวงศ์มากมาย ลูบหน้าปะจมูกกันอยู่      ข้อนี้จะกลายมาเป็นจุดอ่อนของท่าน   เพราะทหารจำนวนมากรู้สึกว่ากระแสน้ำราชาธิปไตยนั้นไหลเลยลงทะเลไปแล้วตั้งแต่คณะราษฎร์ยึดอำนาจ   ทำไมจะไปฝืนกระแสให้ไหลทวนขึ้นมาอีก
การเคารพต่อสมเด็จพระปกเกล้าฯ ก็คือถวายพระราชอำนาจคืนโดยนัยยะนั่นเอง     แม้ว่าสมเด็จพระปกเกล้าฯ เต็มพระทัยจะสละพระราชอำนาจให้   แต่นายกรัฐมนตรีที่เป็น 'เจ้า' ยังไงก็ถูกมองว่าเป็นฝ่ายเดียวกัน  ต่อให้ทั้งคู่ไม่ได้ลงรอยกันไปทุกเรื่องก็เถอะ
ความไม่พอใจของกลุ่มทหารและพลเรือนที่ไม่นิยมเจ้าก็จะคุกรุ่น แบบเดียวกับรู้สึกกับพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ว่าอะลุ้มอล่วยอ่อนข้อให้เจ้านายมากไป    พระยามโนฯ จึงอยู่ไม่ได้นานเพราะเหตุนี้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 12, 22:56
ในยุคสมัยนั้น  ความนิยมในระบอบเจ้าเสื่อมไปแล้วจากยุโรป ซึ่งสยามถือเป็นแม่แบบของความศิวิลัยซ์     ระบอบที่คนหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ในยุโรป เชิดชูคือระบอบผู้นำ เช่นฮิตเลอร์และมุสโสลินี   เพราะมันตอบสนองความฝันของพวกเขาที่จะทำให้ประเทศเป็นมหาอำนาจใหม่ขึ้นมา    (ความรู้สึกนี้บันทึกเอาไว้ในหนังสือ เมืองนิมิตร ความฝันของนักอุดมคติ)  ระบอบปกครองแบบเก่าถูกมองว่าเสื่อมถอยไปแล้ว  อย่างดีก็ย่ำซ้ำที่เดิม  ไม่สามารถทำให้ประเทศก้าวหน้ากว่านี้ได้

ดิฉันจึงวาดภาพต่อไปว่ารัฐบาลของพระองค์เจ้าบวรเดชอาจจะอยู่ได้ไม่นาน  เพราะถูกมองว่าเป็น " ระบอบเก่า" ยังไงเสีย  ฝ่ายตรงข้ามก็จะมีบรรดาผู้นำรุ่นใหม่ หรือตัวแทนระบอบใหม่ขึ้นมาแทนที่จนได้ในเวลาไม่นาน
กลุ่มคนรุ่นใหม่ล้วนเป็นคนหัวกะทิ  ความรู้ดี  พูดเก่ง จิตวิทยาเก่ง  ผู้ใหญ่เชื่อถือและผู้น้อยก็คล้อยตาม    สร้างความหวังให้ประชาชนเชื่อได้ว่าสยามจะศรีวิไลแบบประเทศมหาอำนาจในยุโรป     พร้อมกันนั้นก็ปลูกฝังให้ประชาชนเชื่อได้เช่นกันว่า ระบอบเก่านั้นควรถูกกวาดล้างให้สิ้นซากไป ด้วยเหตุผลอะไรก็ได้ร้อยแปด   จริงเท็จไม่สำคัญ
กลุ่มหัวกะทิเหล่านี้จะชิงอำนาจกันเอง   ใครเก่งสุด ชั้นเชิงมากที่สุด  คนนั้นก็ได้อำนาจไป   คนที่เก่งสู้ไม่ได้ก็ตกเวทีไป เท่านั้นเอง

จินตนาการมาจนจบ  ก็พบว่ามันเลี้ยวมาใกล้ๆความจริงยังไงก็ไม่รู้ละค่ะ  เอวัง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 07:47
^
ท่านอาจารย์เทาชมพูท่านว่าได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ผมไม่มีอะไรจะเสริมให้รุงรัง ขอเข้าสู่ตอนจบเลย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 07:53
เมื่อเป็นฝ่ายชนะอย่างเด็ดขาดแล้ว รัฐบาลเผด็จการคณะราษฎร์ก็กระทำการตัดไม้ข่มนาม เพื่อจะกวาดล้างพวกนิยมกษัตริย์ต่อไป โดยใช้พวกเจ้าบางองค์มาช่วยเสริมบารมี ผู้ใดไม่ยอมก้มหัวให้ก็อย่าหวังจะได้เป็นสุขอยู่อย่างอิสระชน

งานปลงศพทหารฝ่ายหัวเมือง คุณเพ็ญชมพูได้คัดโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลมาให้อ่านแล้วเหมือนจะจัดแบบยิ่งใหญ่ แต่ค้านกับรูปที่เห็นผู้คนไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนและข้าราชการ ผมอ่านหนังสือที่ทหารฝ่ายรัฐบาลบันทึกไว้ คราวไปพักทัพอยู่ที่โคราช ตำรวจยังตามจับผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝ่ายกบฏอยู่ตลอดเวลา กำลังคุยกันอยู่ดีๆก็ถูกลากตัวไปเสียแล้วจนผู้เขียนยังนึกสมเพช


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 07:58
คราวนี้มาดูที่รัฐบาลจัดพิธีให้กับทหารในกรุงเทพบ้าง ทุกขั้นตอนจะแฝงความหมายให้เป็นที่เข้าใจว่า บัดนี้ บ้านเมืองเป็นของใคร ขอประทานโทษ ที่บอกว่า เป็นของราษฎรทุกคนน่ะ เขาก็ว่าไปอย่างนั้นแหละอย่าไปเชื่อง่ายๆ ลองคิดดูดีๆ ตัวท่านมีสิทธิ์ไปแหยมกับพวกเขาได้ง่ายๆหรือ

พิธีศพเริ่มด้วยการเคลื่อนย้ายศพจากไหนไม่ระบุ นำหีบขึ้นตั้งบนรถปืนป.ต.อ.แล้วสวนสนามเข้าสู่ลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อประกอบพิธีกรรม สดุดีและประดับเหรียญกล้าหาญแด่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เสียชีวิตในครั้งนี้ หลังจากนั้น ก็ให้เจ้าองค์หนึ่งขึ้นมากล่าวยกย่องวีรกรรมของทหารที่พลีชีพปกป้องประชาธิปไตย ให้อยู่ในมือของเผด็จการต่อไป ประโยคหลังนี้เจ้าไม่ได้พูด ผมพูดเอง

หลังจากนั้น ต้องนำศพไปเก็บไว้รอวันเผาที่วัดราชาธิวาส  ทำไมต้องวัดราชาฯ ทั้งๆที่อยู่ถนนสามเสนนอกเส้นทางออกไป และต้องเข้าตรอกแคบๆ วัดใกล้ๆถนนราชดำเนินทั้งวัดมกุฏฯวัดโสมฯ ไม่เอาไปไว้ ผมไม่สามารถแปลเจตนาเป็นอื่นไปได้นอกจากเพราะชื่อของวัด


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 08:01
-


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 08:52
หลังจากนั้นก็เป็นข่าวว่ารัฐบาลกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่ว่าจะสร้างเมรุกลางเมืองเผาศพทหารที่ท้องสนามหลวง เป็นธรรมดาที่พระองค์จะไม่ทรงเห็นด้วย เพราะที่นั่นใช้สำหรับการออกพระเมรุของเจ้านายระดับเจ้าฟ้าขึ้นไปเท่านั้น แต่รัฐบาลก็ดึงดัน ก็ฟ้าเดียวกัน ทำไมคนนั้นได้คนนี้จะไม่ได้

เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดทางการเมืองที่หนักขึ้นเรื่อยๆ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯจึงทรงถือโอกาสเสด็จไปรักษาพระเนตรที่ประเทศอังกฤษพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี เมื่อวันที่๑๒มกราคม พ.ศ.๒๔๗๗ โดยโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัติวงศ์ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาลกระทำดังเจตนาได้ เพราะสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์นี้ท่านพระทัยอ่อนและทรงชราภาพมากเกินจะต้านทานเขา


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 08:58
๑๗กุมภาพันธุ์๒๔๗๗ 
รัฐบาลจัดกระบวนแห่ศพทหารจากวัดราชาฯไปไปทุ่งพระเมรุอย่างยิ่งใหญ่ เสมือนงานพระศพเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน นำรถสงครามทุกชนิดมาเข้าขบวนประหนึ่งงานสวนสนามแสดงแสนยานุภาพประกาศชัยชนะ เชิญคณะทูตานุทูตแขกบ้านแขกเมืองมาร่วมพิธี และให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เสด็จขึ้นเมรุเพื่อพระราชทานเพลิงศพ


๒มีนาคม๒๔๗๗ ระหว่างประทับพักฟื้นพระองค์อยู่ที่อังกฤษ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯก็ทรงประกาศสละพระราชสมบัติ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 09:01
-


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 09:03
-


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 09:05
จบงานวันแรก


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 09:07
วันพระราชทานเพลิงศพ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 09:09
ผู้มาร่วมงาน ขึ้นเผา


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 09:11
รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง เป็นวันสุดท้ายของพิธีอันยิ่งใหญ่นี้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 12, 09:20
เมื่อเป็นฝ่ายชนะอย่างเด็ดขาดแล้ว รัฐบาลเผด็จการคณะราษฎร์ก็กระทำการตัดไม้ข่มนาม เพื่อจะกวาดล้างพวกนิยมกษัตริย์ต่อไป โดยใช้พวกเจ้าบางองค์มาช่วยเสริมบารมี     ผู้ใดไม่ยอมก้มหัวให้ก็อย่าหวังจะได้เป็นสุขอยู่อย่างอิสระชน

สมาชิกเก่า  คุณ dotdotdot ที่กรุณาบ่ายหน้ากลับมาเรือนไทยหลังจากหายไปนาน  เพื่อมาเข้าชั้นเรียนวิชานี้โดยเฉพาะ  จะต้องเจอ จุดจุดจุด ให้กลุ้มใจอีกไหมเนี่ย ว่าเจ้าบางองค์ ที่เราต้อง...จุดจุดจุด นั้นคือองค์ไหน

ที่จริงก็พอจะรู้ๆกันอยู่ ไม่ใช่ความลับในประวัติศาสตร์ว่า  การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475  เจ้าบางองค์ก็มิได้ทรงแอนตี้   บางองค์อาจจะมีข้อจำกัดว่าแข็งขืนไม่ได้   ก็ต้องทำองค์เป็นต้นอ้อลู่ลมไปทั้งๆไม่ได้เต็มพระทัย   บางองค์ก็วางองค์เป็นคนนอกคือไม่เกลียดไม่รัก    แต่บางองค์นั้นดูเหมือนจะเห็นดีเห็นงามไปด้วยทีเดียว
จุดจุดจุด ทั้งหมดค่ะ  ;)


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 12, 09:27
^
ท่านอาจารย์เทาชมพูท่านว่าได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ผมไม่มีอะไรจะเสริมให้รุงรัง ขอเข้าสู่ตอนจบเลย

ถ้าเห็นในแนวทางเดียวกันหมดก็ไม่สนุกซิคะ  เชิญคุณประกอบ คุณสมุน007 คุณวีระชัย คุณเพ็ญชมพู  และท่านอื่นๆที่เข้ามาอ่านช่วยกันค้านหน่อย  ได้ช่วยกันต่อกระทู้ให้ยาวต่อไปอีก


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 09:35
ผมหาไม่เจอว่าสถูปชั่วคราวนั้นเขาไปทำไว้ที่ไหน แต่สถูปถาวรที่เรียกว่าอนุสาวรีย์ปราบกบฏนี้ ยังมีคนไทยส่วนหนึ่งหลงว่าเป็นสัญญลักษณ์สำคัญในการที่คณะราษฎร์สามารถปกป้องรักษาประชาธิปไตย ไม่ให้ถูกยึดคืนกลับไปสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชอีก

เปล่าเลย มันเป็นอนุสรณ์สถานอัปยศที่ทหารของชาติส่วนหนึ่งต้องตายจากฝีมือของคนไทยด้วยกัน ตามคำสั่งของนักการเมืองที่ต้องการรักษาสถานภาพของตนเองและพรรคพวกให้เป็นใหญ่ในแผ่นดินต่อไป แล้วไม่คำนึงถึงรัฐธรรมนูญและอำนาจของปวงชนที่เคยเรียกร้องเอาจากพระมหากษัตริย์

ระวังนะครับ นักการเมืองระดับสมองฉลาดในการใช้สื่อสารพัด มีวิธีทางการตลาดในการที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริง และสร้างข้อมูลมาล้างสมองให้พวกเราเชื่อในสิ่งที่เขาต้องการให้เชื่อ เพื่อที่พวกเขาจะได้เสวยอำนาจและผลประโยชน์แบบเผด็จการที่ประกาศว่าเป็นประชาธิปไตย

 


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 10:01
เรียนประวัติศาสตร์ เพื่อฉลาดสำหรับปัจจุบัน นะครับ รุ่นน้องเพื่อนพ้องทั้งหลาย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 30 มิ.ย. 12, 11:03
กราบสวัสดีครับ อจ นวรัตน์
ตามมาจากกระทู้พระยาทรงสุรเดชครับ มาลงเรียนวิชานี้อีกคน  ตอนนี้แค่เริ่มอ่านครับ แต่ขอลงชื่อไว้ก่อน รูปเก่าๆ น่าสนใจเยอะดีครับ
( ผมข้ามอีกหลายๆกระทู้ไปก่อน(กระทู้หลวงอดุลฯ จอมพลป2-3 ฯลฯ) เพื่อความต่อเนื่องในเนื้อหา และทันยุคทันสมัย ) 


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 11:11
สวัสดีครับ คุณปากานีนี ผมเคยฟังคอนเสริตเพลงที่คุณแต่งด้วย

ค่อยๆอ่านไปนะครับ เนื้อๆทั้งนั้น อ่านเร็วเดี๋ยวจะย่อยไม่ทัน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 12, 11:28
ดิฉันไปทำลิ้งค์ให้คุณผกานินีเอาไว้หลายลิ้งค์ด้วยกัน     หวังจะให้ทำ 2 อย่างคืออ่านกระทู้เก่าและเข้ามาคุยในกระทู้ใหม่    สร้างสีสันให้กระทู้เหมือนเมื่อหลายปีก่อน
ดีใจจริงๆที่เห็นสมาชิกเก่ากลับมาอีกค่ะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 30 มิ.ย. 12, 11:53
ขอบพระคุณครับท่านอาจารย์ทั้งสองครับ

แหมท่าน อจ นวรัตน์  แซวผมยังงี้เดี๋ยวคนอื่นเขาคงนึกว่าผมเป็นนักแต่งเพลงตัวจริงหรอก ฮ่าๆ  ผมแค่บังอาจไปยืมชื่อท่านมาเป็นนามปากกาเท่านั้น ด้วยความชื่นชอบ ซึ่งจะว่าก็ละอายใจเหมือนกัน แต่ทำไงได้ ชื่อมันติดตลาดไปแล้ว  แถม ท่าน อจ เทาชมพูยังแผลงเป็น ผกานินี ไปซะอีก ฮ่าๆๆ

ท่าน อจ เทาชมพู เรือนไทยหลังนี้สำหรับผมอบอุ่นเสมอเลยครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 12, 21:36
^
 ;D

ยังไม่อยากให้กระทู้จบห้วนๆแค่นี้   ขอเชิญท่านนวร้ตนมาเล่าต่อถึงบั้นปลายของพระองค์เจ้าบวรเดช เพื่อจบสมบูรณ์ค่ะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 22:33
^


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 12, 22:34
.


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 12, 22:37
^


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 12, 22:49
 :'(


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 08:02
อ่ะ..ก็ได้ครับ

เดี๋ยว...จะรีบทำให้เลย  ณ  บั ด น  า   ว...


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 12, 10:06
 :D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: dotdotdot ที่ 01 ก.ค. 12, 11:30
เมื่อเป็นฝ่ายชนะอย่างเด็ดขาดแล้ว รัฐบาลเผด็จการคณะราษฎร์ก็กระทำการตัดไม้ข่มนาม เพื่อจะกวาดล้างพวกนิยมกษัตริย์ต่อไป โดยใช้พวกเจ้าบางองค์มาช่วยเสริมบารมี     ผู้ใดไม่ยอมก้มหัวให้ก็อย่าหวังจะได้เป็นสุขอยู่อย่างอิสระชน

สมาชิกเก่า  คุณ dotdotdot ที่กรุณาบ่ายหน้ากลับมาเรือนไทยหลังจากหายไปนาน  เพื่อมาเข้าชั้นเรียนวิชานี้โดยเฉพาะ  จะต้องเจอ จุดจุดจุด ให้กลุ้มใจอีกไหมเนี่ย ว่าเจ้าบางองค์ ที่เราต้อง...จุดจุดจุด นั้นคือองค์ไหน

ที่จริงก็พอจะรู้ๆกันอยู่ ไม่ใช่ความลับในประวัติศาสตร์ว่า  การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475  เจ้าบางองค์ก็มิได้ทรงแอนตี้   บางองค์อาจจะมีข้อจำกัดว่าแข็งขืนไม่ได้   ก็ต้องทำองค์เป็นต้นอ้อลู่ลมไปทั้งๆไม่ได้เต็มพระทัย   บางองค์ก็วางองค์เป็นคนนอกคือไม่เกลียดไม่รัก    แต่บางองค์นั้นดูเหมือนจะเห็นดีเห็นงามไปด้วยทีเดียว
จุดจุดจุด ทั้งหมดค่ะ  ;)

ไม่ครับ ผมตาม อจ นวรัตน์ มาเรื่อยๆ มาเจอคำอธิบาย "ประชาธิปไตย" ได้สะใจก็เลยต้อง สาธุ หน่อย จะพิมพ์มากกว่านั้นก็กลัวจะสกดผิดครับ นี่ผมตอบ อจ เทาชมพู แล้วขอลาพักด้วยครับ ต้องเดินทางกลับ คงจะอีกนานกว่าจะเข้าห้องเรียนครับ

...



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 16:07
แล้วที่ซึ่งคุณ. . .จะกลับไปนี่ ไม่มีอินทรเนตรหรือครับ ?


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ก.ค. 12, 20:10
ก่อนที่คุณนวรัตนจะเลกเชอร์วิชาประชาธิปไตย ๑๐๑ ตอนบั้นปลายของพระองค์เจ้าบวรเดช

ขออนุญาตเสนอเกร็ดบางตอนของเรื่องกบฏบวรเดชจากบทความของนักเขียน ๒ ท่าน

๑. คุณจุลลดา ภักดีภูมินทร์ เขียนไว้ในนิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ ๒๔๖๗ ปีที่ ๔๘ ประจำวันอังคารที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๕    

พระองค์เจ้าบวรเดช ท่านเป็น พระองค์เจ้าชั้นพระวรวงศ์เธอ คือชั้นพระราชนัดดาในพระเจ้าแผ่นดิน  เรียกกันอย่างสามัญว่า พระองค์เจ้าตั้ง มิใช่พระองค์เจ้าโดยสิทธิกำเนิด ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงพระราชนิพนธ์ใช้ว่า ‘by right’

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อครั้งเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นประชาธิปไตย พ.ศ.๒๔๗๕ ครั้งนั้นทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองได้เพียง ๑ ปี ๓ เดือน ในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๖ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช เป็นแม่ทัพยกทหารมาจากโคราช มายึดดอนเมือง เกิดสู้รบกับทหารกรุงเทพฯที่บางเขน ทางการสมัยนั้นจึงเรียกเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า ‘กบฏบวรเดช’ แต่องค์แม่ทัพและพวกนายทหารผู้ใหญ่ ผู้น้อยที่ร่วมด้วยเรียกพวกของตนว่า คณะกู้บ้านกู้เมือง ทว่าเมื่อฝ่ายที่ยกมาพ่ายแพ้จนองค์แม่ทัพต้องเสด็จหนีไปเขมร จึงต้องเป็น ‘กบฏบวรเดช’ อยู่หลายสิบปี ทางการครั้งนั้นได้สร้างอนุสาวรีย์ไว้ตรงหลักสี่ให้เรียกว่า ‘อนุสาวรีย์ปราบกบฏ’ เวลานี้อนุสาวรีย์ก็ยังมีอยู่ แต่เรียกกันใหม่ว่า ‘อนุสาวรีย์หลักสี่’

ในการปะทะกันครั้งนั้น มีผู้เขียนเรื่องราวและเหตุแห่งการที่ต้องสู้รบกันหลาย ‘ปาก’ แล้วแต่ว่าจะมองในด้านใด และผู้เขียนเป็นฝ่ายใด   แต่ที่น่าเชื่อเห็นจะเป็นเรื่องในประวัติของหม่อมในหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร ผู้เป็นเจ้าน้องของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช คือ หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา ความว่า

“เมื่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่คณะราษฎร์สัญญาว่าจะหยิบยื่นให้ประชาราษฎร ด้วยการชิงสุกก่อนห่ามมาแต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ มีทีท่าว่าจะเป็นเผด็จการยิ่งขึ้นทุกทีแล้วนั้น พระองค์เจ้าบวรเดชจึงทรงคิดการนำทหารหัวเมืองมาบังคับให้รัฐบาลลาออก ให้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ในการนี้หม่อมเจ้าสิทธิพรได้ร่วมเป็น ‘กบฎ’ ด้วย โดยเป็นทำนองเสนาธิการฝ่ายพลเรือนเคลื่อนขบวนมากับเจ้าพี่ของท่านแต่โคราช สั่งสอนอบรมประชาธิปไตยให้แก่ราษฎร ตามระยะทางเรื่อยมา...”

และหม่อมศรีพรหมา เล่าจากปากของท่านว่า

“เมื่อพระองค์เจ้าบวรเดชมาทรงชวนท่านให้ร่วมงานด้วยนั้น ท่านทรงปรึกษาฉัน ฉันทูลท่านว่า ถ้าท่านจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองแล้ว แม้จะเสี่ยงสักเพียงไรฉันก็เห็นด้วยและสนับสนุนท่านเต็มที่”

‘ท่าน’ คือ หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร

เมื่อเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช ทรงลี้ภัยไปเขมร หม่อมเจ้าสิทธิพร ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ท่านโดนจำคุกอยู่ ๑๑ ปีเต็ม ก็ได้พระราชทานนิรโทษกรรมออกมา

๒. คุณนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ เขียนไว้ในหนังสือ "ความคิด ความรู้และอำนาจการเมืองในการปฏิวัติสยาม ๒๔๗๕" จัดพิมพ์โดยสถาบันสยามศึกษา สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๓๓

จากการสู้รบเกือบสองสัปดาห์ ฝ่ายรัฐบาลเสียชีวิต ๑๕ คน รวมทั้งพันตรีหลวงอำนวยสงคราม (ถม เกษโกมล) ผู้นำคนหนึ่งของคณะราษฎร ส่วนฝ่ายกบฏเท่าที่ทราบจำนวนเสียชีวิต ๘ คน รวมทั้งพันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ) และพันตรีหลวงพลหาญสงคราม (จิตร อัคนิทัต)

นักข่าวต่างประเทศได้กล่าวว่า

"…นี่มันรบอะไรกัน..ถ้าปริ๊นซ์บวรเดชจะไปจ้างชาวเม็กซิกันสัก ๑๐ คนมารบ ก็น่าจะได้เห็นการรบที่มีรสชาติกว่านี้"

ความเสียหายของราษฎรในบางเขนและดอนเมือง จากการสำรวจของรัฐบาลเพื่อที่จะให้เงินทดแทนนั้น มีราษฎรตาย ๑ คน และพระภิกษุมรณภาพ ๑ รูป ราษฎรที่บาดเจ็บสาหัสมี ๑ คน และมีอาคารบ้านเรือนที่พักอาศัยเสียหาย รวม ๔๘ รายการ รัฐบาลตั้งงบพิเศษสำหรับค่าใช้จ่ายไว้ ๑๐๐,๐๐๐ บาทจากกระทรวงการคลัง และได้รับบริจาคจากราษฎรอีก ๑๗๑,๖๕๙.๒๕ บาท ส่วนฝ่ายกบฏนั้นได้เบิกจ่ายออกจากที่ตั้งรวมแล้วเป็นจำนวน ๕๙,๘๓๔.๐๓ บาท

ผลที่ตามมาที่ต้องกล่าวถึง คือ การตั้งศาลพิเศษของรัฐบาล ซึ่งในสายตาของผู้พัวพันกับกบฏ เห็นว่าไม่ยุติธรรม และต่อมากลายเป็นข้อโจมตีของคณะราษฎรเสมอ ถ้าหากพิจารณาในสภาพแวดล้อมทางประวัติศาสตร์ กล่าวคือ ฝ่ายพลเรือนต้องการให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกโดยเร็ว ซึ่งยกเลิกได้เมื่อ ๒๙ ตุลาคม ๒๔๗๖ ส่วนการใช้กฎอัยการศึกกับพวกกบฏนั้นรัฐบาลเห็นว่ารุนแรงเกินไป และจะใช้ศาลปกติก็ดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จึงมีการตั้งศาลพิเศษขึ้น ผู้ที่เกี่ยวข้องมี ๖๐๐ คน ถูกฟ้องศาล ๘๑ คดี จำเลย ๓๑๘ คน ในจำนวนนี้ถูกพิพากษาลงโทษ ๒๓๐ คน ต่อมาได้มีการพระราชทานและอภัยโทษจากประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิต และจากจำคุกตลอดชีวิตถูกเนรเทศไปเกาะตะรุเตา

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับผลสะเทือนเป็นอย่างมากด้วย ในระหว่างมีเหตุการณ์สู้รบ พระองค์เสด็จโดยเรือเร็วขนาดเล็กจากหัวหินลงไปสงขลา เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเข้าใจผิดว่าอยู่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด มีพระราชกระแสเตือนรัฐบาลเกี่ยวกับการดำเนินการปราบกบฏ และผู้ต้องสงสัยเสมอ และในวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๔๗๖ ทรงมีพระราชกระแสถึงรัฐบาลให้ยุติการจลาจลอย่างละมุนละม่อม ทรงกล่าวว่า

"เป็นการสมควรที่รัฐบาลจะประกาศอภัยโทษ ให้แก่ผู้ที่ร่วมก่อการจลาจล ตลอดทั้งนายทหารและบุคคลที่ไม่ใช่เป็นหัวหน้าหรือคนสำคัญในการกระทำครั้งนี้เสียโดยเร็ว"

แต่รัฐบาลปฏิเสธพระราชกระแสนั้น ด้วยหลักการที่ว่าต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดก่อน จึงจะพิจารณาให้อภัยโทษ

เมื่อมีการจับกุมผู้ที่พัวพันกับกบฏ นายทหารรักษาพระราชวัง คือ พันโทหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท พันตรีจมื่นรณภพพิชิต และร้อยเอกหลวงศรสุรกาน ก็ถูกจับกุมตัวด้วย ราชเลขาธิการในพระองค์ คือ หม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิ์วงศ์ ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ ราชเลขาธิการในพระองค์คนใหม่คือ พระองค์เจ้าอาทิพย์ทิพอาภา เป็นเจ้านายเอียงไปทางคณะราษฎร หลังจากนั้นมีข้อขัดแย้งกับรัฐบาลอีกเรื่องคือ พระราชบัญญัติอากรมรดก คือทรงยับยั้ง แต่สภาลงมติลับยืนยันร่างเดิม และทรงไม่ลงพระปรมาภิไธยในร่างพระราชบัญญัติแก้วิธีลงโทษประหารชีวิต รวม ๓ ฉบับ ทางสภาก็จัดวางแบบประกาศใช้พระราชบัญญัติที่พระมหากษัตริย์ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยขึ้น ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สามัญ) ครั้งที่ ๖ พ.ศ. ๒๔๗๗ สภาผู้แทนได้พิจารณาพระราชบันทึกรวม ๖ ข้อของพระองค์ และลงมติว่า "ตามที่รัฐบาลได้ปฏิบัตินั้น เป็นการชอบแล้ว" และในท้ายที่สุดทรงสละราชสมบัติ เมื่อวันที่  ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๗

 :(  


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 20:13
ขอบคุณมากครับคุณเพ็ญชมพู

เรื่องของพระองค์เจ้าบวรเดชนอกเหนือจากการเป็นหัวหน้ากบฏแล้ว มีให้ศึกษาค้นคว้าน้อยมาก ตั้งแต่ใจอ่อนตกปากรับคำเจ้าของวิกท่านแล้ว ผมได้ใช้ทั้งอินทรเนตรและไอถ่างเนตรหาข้อมูลตามหนังสือต่างๆที่มีตั้งลังสองลัง ก็หามาได้เพียงนิดหน่อย เอามาลงพอแก้กระษัยได้แต่คงไม่เต็มอิ่ม

อ้างถึงเทาชมพู
ความคิดเห็นที่ 24    
อ้างถึง
พระองค์เจ้าบวรเดช แม้ว่าดำรงพระยศเพียงแค่หม่อมเจ้าเมื่อประสูติ แต่หม่อมเจ้าองค์นี้ก็ทรงเป็นถึง"หลานปู่" ในรัชกาลที่ ๔ เพราะพระบิดาเป็นพระราชโอรสลำดับที่ ๑๗ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์ ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น หรือกลิ่น

เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นเป็นสตรีทันสมัยไฮเทคในรัชกาลที่ ๔ แหม่มแอนนาสรรเสริญว่าเป็นเจ้าจอมมารดาที่สนใจร่ำเรียนภาษาอังกฤษจนถึงขั้นพยายามแปลเรื่อง ‘Uncle Tom’ s Cabin’ ด้วยตนเอง ด้วยความซาบซึ้งกับเนื้อเรื่อง ถึงขั้นยอมปล่อยนางทาสในวังให้เป็นอิสระ เมื่อแหม่มแอนนากลับบ้านกลับเมืองแล้ว เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่นยังเขียนจดหมายเป็นภาษาอังกฤษถึงครูของท่านหลายครั้ง
จึงไม่น่าสงสัยที่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์ จะทรงเรียนภาษาอังกฤษเก่งมาแต่ยังทรงพระเยาว์ เมื่อถึงรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เป็นราชทูตประจำกรุงอังกฤษ และสหรัฐอเมริกาควบกัน เมื่อเสด็จไปประจำอยู่ในอังกฤษก็ทรงนำครอบครัว ทั้งหม่อมและพระโอรส ๔ องค์ เสด็จไปด้วยกัน
พระโอรสทั้งสี่คือ ม.จ.จรูญศักดิกฤดากร (พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร) ม.จ.บวรเดช (พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช ม.จ.เศรษฐศิริ และ ม.จ. สิทธิพร

หม่อมเจ้าบวรเดช กฤดากร ทรงศึกษาวิชาทหารจากเยอรมนี จนสำเร็จกลับมารับราชการทหาร ทรงเสกสมรสกับ เจ้าหญิงทิพวัน ณ เชียงใหม่ ธิดาของเจ้าเทพดำรงรักษาเขตกับเจ้าแม่พิมพา กนิษฐาของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เมื่อ พ.ศ. 2445 จากนั้นทรงรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นเวลา 3 ปี หม่อมเจ้าบวรเดชได้รับแต่งตั้งให้เป็นอุปราชมณฑลพายัพ ที่เชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2458-2462
 
ในรัชกาลที่ 7 ทรงดำรงตำแหน่งสำคัญ เป็นถึงเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เมื่อ พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้สถาปนาเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช เมื่อ พ.ศ. 2472

ผมขอขยายความต่อจากข้างบนนี้เลยนะครับ

พ.ศ. ๒๔๔๕ขณะนั้นดำรงพระยศเป็นร้อยตรี พระองค์เจ้าบวรเดชได้ทรงเสกสมรสครั้งแรกกับเจ้าทิพวัน ณ เชียงใหม่ โดยได้รับการสนับสนุนจากพระราชชายาเจ้าดารารัศมี งานนี้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุ์ ทรงเป็นองค์ประธานในพิธี ทั้งสองมีพระธิดาด้วยกันองค์หนึ่งแต่สิ้นขณะคลอด
ต่อมาทรงได้เจ้าบัวนวล ณ เชียงใหม่ พระขนิษฐาของเจ้าหญิงทิพวัน เป็นพระชายาคนที่สอง มีพระโอรส๑คน
 
พ.ศ.๒๔๔๖ได้ย้ายไปทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก มณฑลนครราชสีมา

พ.ศ. ๒๕๕๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯโปรดให้ไปทรงรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส เป็นเวลาสามปี และได้มีโอกาสสนองพระเดชพระคุณถวายพระอภิบาลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าประชาธิปก เเละเจ้านายอื่นๆที่เสด็จไปทรงศึกษาวิชาอยู่ในยุโรปในเวลานั้นหลายพระองค์
 
พ.ศ. ๒๔๕๕หลังเสด็จจากกลับจากกรุงปารีส เข้ารับราชการในกองทัพบกดังเดิม

พ.ศ. ๒๔๕๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯทรงพระกรุณาโปรดให้เป็นอุปราช และสมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพตามลำดับ
 
 พ.ศ. ๒๔๖๕ ทรงลาออกจากราชการทั้งที่อยู่ในตำแหน่งนี้ เพื่อประกอบอาชีพส่วนตัวในฐานะกสิกร  ทรงตั้งหลักแหล่งอยู่ ณ บ้านแม่หนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่

ถ้าคุณวีหมีเข้ามาอ่านตรงนี้ โปรดช่วยขยายความหน่อยเถิดครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 20:18
หลังจากปฏิวัติซ้อนไม่สำเร็จแล้วกลายเป็นกบฏ พลเอกพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช ถูกยำใหญ่ในทุกสื่อจนทำให้ภาพพจน์ของท่านย่ำแย่ ไม่ได้เป็นฮีโร่ทั้งฝ่ายผู้แพ้ผู้ชนะ และฝ่ายเป็นกลาง อย่างไรก็ดี พลตรีพระยาทรงอักษร (บิดาคุณหญิงพรรณชื่น รื่นสิริ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา)ท่านได้เขียนถึงเจ้านายองค์นี้ไว้ คุณเปลว สีเงินได้นำมาเรียบเรียงในคอลัมน์ประจำ ผมเจอเข้าก็ลอกบางตอนมาผัดๆๆใส่เครื่องปรุงเพิ่ม แล้วเอาผักชีโรยหน้ามาเสนอท่านอีกที

"ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรับใช้จอมพลพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครชัยศรีสุรเดชโดยใกล้ชิด จึงได้ทราบว่าพระองค์ท่านโปรดปรานพลเอกพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดชมาก ทรงเรียกพระนามว่าบ๊อบบี้(เอ ชื่อนี้ท่านอากาศทรงยืมไปใช้ในละครแห่งชีวิตหรือเปล่าน๊อ)...ทรงเชื่อพระปรีชาสามารถของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดชอยู่มากด้วย…………

….ในสมัยรัชกาลที่๗ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พลเอกพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดชกลับเข้ารับราชการเป็นผู้ช่วยเสนาบดีกระทรวงกลาโหม แล้วได้ดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบก เมื่อวันที่๕สิงหาคม๒๔๖๙ ..จนกระทั่งทรงรับตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม …แต่…พระองค์ท่านต้องประสบอุปสรรคในความหวังดีต่อประเทศชาติ จนไม่สามารถทรงทนรับราชการอยู่ได้

….โดยที่ข้าพเจ้าคนหนึ่งที่ทรงโปรดปราน พระองค์ท่านจึงพอพระหฤทัยสนทนากับข้าพเจ้าในเรื่องต่างๆ...ข้าพเจ้าได้ทราบพระอัธยาศัยอย่างแน่ชัดว่า พระองค์ท่านทรงนิยมลัทธิประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และเพราะเหตุที่พระองค์ได้ทรงสนับสนุนในการที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริจะพระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ประเทศไทย มาตั้งแต่ก่อนสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองนั่นเอง ทำให้ผู้ไม่เห็นพ้องด้วยเพิ่มความไม่พอใจในพระองค์ท่านยิ่งขึ้น

วันหนึ่งข้าพเจ้าได้ถวายความเห็นว่า ในวันเฉลิมพระนครครบ๑๕๐ปีนั้น มีกำหนดการที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานกระแสพระราชดำรัสแก่ประชาชนที่ท้องสนามหลวง สมควรจะมีข้อความในพระราชดำรัสไว้เสียด้วยว่าจะพระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ประเทศไทย เมื่อได้มีพระราชดำรัสแก่ประชาชนไว้เช่นนั้นแล้วก็คงจะไม่มีใครขัดขวางต่อไป พระองค์ท่านพอพระหฤทัยและได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา แต่อาจเนื่องจากข้อความที่จะมีพระราชดำรัสแก่ประชาชนในครั้งนั้นต้องผ่านอภิรัฐมนตรีก่อน ข้อความที่มีพระราชประสงค์จะพระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ประเทศไทย จึงถูกงดเสีย

พลเอกพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดช...เมื่อทรงเห็นว่าจะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติไม่ได้เต็มที่ ก็กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งสำคัญๆถึง๒ ครั้ง โดยไม่ทรงอาลัยในลาภยศ…
...ส่วนพระอัธยาศัยของพระองค์ท่านนั้น ผู้ที่ไม่เคยเข้าถึงโดยใกล้ชิดมักจะคิดไปว่าทรงถือพระองค์ และทรงเกรี้ยวกราด แต่ผู้ที่เข้าถึงโดยใกล้ชิดย่อมจะทราบได้ดีว่า พระองค์ท่านทรงเป็นสุภาพชนอย่างแท้จริง...

..ทรงเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดีที่สุดที่ข้าพเจ้าได้เคยประสบมา ทรงแนะนำสั่งสอนผู้ใต้บังคับบัญชาให้เกิดความรู้ความคิดโดยกว้างขวาง ทรงสั่งงานแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทรงถือเหตุผลและฟังความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา ทรงมีพระหฤทัยหนักแน่น ห่วงใยให้ความร่มเย็นและความเป็นธรรมแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่เกรี้ยวกราดเหยียดหยามผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใดเลย

ครับ นี่คือใจความในบทบันทึกของพลตรีพระยาทรงอักษรที่ทำให้เห็นภาพอีกด้านหนึ่งของพระองค์เจ้าบวรเดช  ในแง่ความนิยมประชาธิปไตยของพระองค์


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 20:20
ส่วนอีกภาพหนึ่งที่ชัดเจนมากก็คือบทสนทนาระหว่างพระองค์กับพระยาพหล ซึ่งอยู่ในหนังสือเรื่อง“สายลับพระปกเกล้า” ผมไม่กล้าลงในกระทู้เป็นตัวพิพม์ เดี๋ยวบางท่านอาจจะมาสงสัยว่าผมใส่ไข่แถมไปด้วย สแกนมาให้อ่านสดๆดีกว่


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 20:31
^
เมื่อผมเขียนในตอนต้นๆกระทู้ถึงเหตุการณ์ตอนนี้ก็ไม่กล้าใส่บทสนทนาของท่านทั้งสองลงไป เพราะมันเหมือนนวนิยายไปหน่อยแม้อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 20:32
พระองค์เจ้าบวรเดชทรงเสกสมรสอีกครั้งหนึ่งกับหม่อมเจ้าผจงรจิตร กฤดากร ธิดาองค์เล็กในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ พระขนิษฐาต่างมารดาของพระองค์เอง และมีพระธิดาด้วยกัน๓คน พระชายาองค์นี้เองที่หอบหิ้วกันไปตกทุกข์ได้ยากกับพระองค์ในต่างด้าวต่างแดน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 20:39
ขณะประทับลี้ภัยการเมืองอยู่ในไซ่ง่อนนั้น ไม่มีใครเขียนถึงพระองค์มากนัก หนังสือทั้งหมดที่ผมเอาออกมาค้น ปรากฏเพียงสองเล่มเท่านั้นที่เอ่ยถึงท่านไว้ไม่กี่บรรทัด

พลโทประยูร ภมรมนตรีเขียนประวัติชีวิตของตนเองเมื่อต้องไปเป็นกงสุลใหญ่สยามประจำฮานอยไว้ว่า ก่อนไปหลวงอดุลเดชจรัสอธิบดีกรมตำรวจฝากงานให้ไปติดตามสืบข้อมูลพวกกบฏที่หนีไปอยู่ที่นั่นให้หน่อย มีค่าใช้จ่ายสมนาคุณให้ด้วยก้อนหนึ่ง พลโทประยูรรับจ๊อบมาแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพราะตำรวจฝรั่งเศสปรามๆทั้งสองฝ่ายไว้ไม่ให้มาเล่นสงครามการเมืองกันต่อในบ้านเมืองเค้า

บังเอิญวันหนึ่งพลโทประยูรไปหาหมอตรวจประสาทหัวใจ(โรคอะไรนั่น?) เปิดประตูคลินิกผางเข้าไป เจอพระองค์เจ้าบวรเดชประทับอยู่ก่อนแล้วแบบสองต่อสอง พลโทประยูรเขียนว่าพอทอดพระเนตรเห็นก็ทรงสะดุ้ง ผมคิดว่าคงสะดุ้งทั้งคู่นั่นแหละแต่คนเขียนไม่เห็นตัวเอง เมื่อรีบไหว้โดยพลัน พร้อมกับทูลว่าตนมาที่นี่เพราะเป็นคนไข้เหมือนกัน(ไม่ได้มาอุ้มไปนั่งยาง) และออกตัวว่าในฐานะกงสุลสยาม ตนมีหน้าที่รักษาประโยชน์และเกียรติของคนไทยเท่านั้น ขออย่าได้ทรงหวาดระแวง ซึ่งพระองค์เจ้าบวรเดชก็ทรงยิ้มและตอบขอบใจ พอกำลังจะสนทนาเรื่องอื่นๆ หมอก็ออกมาเชิญเสด็จเข้าไปในห้องตรวจโรค


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 20:44
อีกเล่มหนึ่งคือเรื่อง"ชีวิตพระยาทรงในต่างแดน"
ความจริงผมก็เคยเขียนไว้แล้ว ผู้เขียนหนังสือดังกล่าวได้เล่าว่า พวกกบฏที่ลี้ภัยสมัย๒๔๗๖มีความเป็นอยู่อย่างยากจนแร้นแค้น ต่างกันมากกับชีวิตนายทหารที่เคยกับชีวิตความเป็นอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ผมเดาเอาเองว่า ก่อนแยกย้ายจากกันพระองค์เจ้าบวรเดชน่าจะประทานเงินให้คนละจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นทุนรอนในการเอาชีวิตรอด ก่อนที่จะ“ตัวใครตัวมัน” บัดนี้บางคนหมดเนื้อหมดตัว เพราะค้าขายไม่เป็น ขาดทุนยับสู้คนจีนคนญวนเจ้าถิ่นไม่ได้  ต้องไปเป็นกรรมกรรับจ้างแรงงาน เป็นยามเฝ้าโกดังยามค่ำคืน ผู้ที่มีงานทำดีที่สุดคือรับจ้างฝนพลอย
 
พระองค์เจ้าบวรเดชกับพระยาทรงสุรเดชนั้น ถือว่าอยู่คนละขั้วสุดๆ อยู่ที่นั่นหลายปีทั้งสองเคยเดินสวนกันบนถนนหน้าตลาดกลางกรุงไซง่อนครั้งเดียวจริงๆ และครั้งนั้นหลังจากที่สบสายตากันโดยบังเอิญ ไม่มีใครสะดุ้ง ไม่มีใครทักใคร ต่างฝ่ายต่างเดินผ่านเหมือนคนไม่รู้จักกัน

ในขณะที่บ้านพระยาทรงทำขนมกล้วยขายหารายได้มายาไส้ พระองค์เจ้าบวรเดชดำรงพระองค์ที่นั่นอย่างไร คนภายนอกตระกูลคงจะยากที่จะได้ทราบ นอกจากที่หลุดๆมาว่า สมัยที่ทรงลี้ภัยอยู่ในเวียดนาม ได้ดำรงพระชนม์ชีพโดยการรับย้อมผ้ามาก่อน เมื่อเสด็จกลับเมืองไทยจึงได้นำความชำนาญทางนี้ มาเปิดโรงงานเล็กๆเพื่อพิมพ์ลายบนผ้าขาวจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่ไปหัวหิน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ก.ค. 12, 20:50
ในขณะที่บ้านพระยาทรงทำขนมกล้วยขายหารายได้มายาไส้ พระองค์เจ้าบวรเดชดำรงพระองค์ที่นั่นอย่างไร คนภายนอกตระกูลคงจะยากที่จะได้ทราบ นอกจากที่หลุดๆมาว่า สมัยที่ทรงลี้ภัยอยู่ในเวียดนาม ได้ดำรงพระชนม์ชีพโดยการรับย้อมผ้ามาก่อน เมื่อเสด็จกลับเมืองไทยจึงได้นำความชำนาญทางนี้ มาเปิดโรงงานเล็กๆเพื่อพิมพ์ลายบนผ้าขาวจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่ไปหัวหิน

โขมพัสตร์อาภรณ์ทรงคุณค่าทุกยุคสมัย  

เราเดินทางมาพบกับอีกบทหนึ่งของความทรงจำจากอดีต ร้านโขมพัสตร์ ร้านจำหน่ายผ้าฝ้ายพิมพ์ลายไทยที่รุ่งเรืองมาพร้อมๆ กับเมืองหัวหิน คำว่า โขมพัสตร์ แปลว่า ผ้าขาว หมายถึง ผ้าขาวที่นำมาพิมพ์ลาย เป็นผ้าพิมพ์ลายไทยแท้ๆ แบบโบราณ ซึ่งเขียนลายด้วยมือและพิมพ์ด้วยมือเรียกว่าเป็นงานปราณีตจากฝีมือคนล้วนๆ ไม่ใช้เครื่องจักรแต่อย่างใด
 
 จุดกำเนิดของร้านโขมพัสตร์เริ่มขึ้นในปีพ.ศ. 2492 เมื่อพลเอกพระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าบวรเดช และหม่อมเจ้าหญิงผจงจิตร กฤดากร เสด็จลี้ภัยการเมืองไปประทับอยู่ที่เมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม ณ ที่นั่นทรงตั้งโรงย้อมผ้าแพรแบบคนญวน แต่พอสงครามเลิกทั้งสองก็เสด็จกลับประเทศไทย และเนื่องจากทรงมีที่ดินที่หัวหิน จึงโปรดให้สร้างโรงย้อมและพิมพ์ผ้าย้อมๆ เช่นเดียวกับที่ไซ่ง่อนขึ้นที่นี่ เพื่อให้คนในท้องถิ่นมีรายได้ และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น


 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 20:52
^อะโห เสือปืนไวจริงๆ นับถือ นับถือ

ก่อนหน้าที่จะเสด็จกลับ สงครามโลกครั้งที่๒อุบัติขึ้นใหม่ๆ ญี่ปุ่นยกทัพเข้าอินโดจีน ทรงเห็นว่าอยู่ไซ่ง่อนคงจะไม่ปลอดภัยแล้วจึงอพยพมาอยู่ที่กรุงพนมเปญจวบจนสงครามยุติ แล้วเมื่อเมืองไทยเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ จอมพลป.พิบูลสงครามหมดอำนาจแถมยังเป็นจำเลยในคดีอาชญากรสงครามด้วย  และรัฐบาลนายควงได้ประกาศนิรโทษกรรมต่อผู้ที่ต้องคดีทางการเมืองทั้งหมดทุกยุคทุกสมัย  พ.ศ.๒๔๘๙บรรดาผู้ที่ลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศต่างก็ทยอยกันกลับบ้านเกิดเมืองนอน แต่พระองค์เจ้าบวรเดชยังคงมิได้เสด็จกลับจนกระทั่งปี๒๔๙๑ นับเป็นเวลาถึง๑๕ปีที่เสด็จอยู่ต่างประเทศ

ในปี๒๔๙๒ พระองค์เจ้าบวรเดชได้ทรงเปิดโรงงาน“โขมพัสตร์”ตามที่คุณเพ็ญชมพูนำมาลงไว้ข้างบน ธุรกิจของพระองค์ไปได้ด้วยดี และยังยืนยงคงกระพันมาจนทุกวันนี้ สมัยผมยังเด็กๆ ไปหัวหินทีไรผู้ใหญ่ต้องพาไปแกร่วที่ร้านโขมพัสตร์ เซ็งแทบแย่ ไม่ทราบว่าร้านท่านยังอยู่ในซอยฝั่งตรงข้ามกับตลาด ข้างๆมีร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดชื่อดัง คนแน่น แต่ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่เจ้านั้นหรือเปล่า
 
พระองค์เจ้าบวรเดชสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่๑๖พฤศจิกายน๒๔๙๖ ทรงพระชนมายุยืนถึง๗๖ปี๗เดือน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 01 ก.ค. 12, 20:57
เรื่องพระองค์เจ้าบวรเดช  จำได้ว่า เจ้านายสตรีองค์หนึ่งทรงบันทึกไว้พอสมควร
ทั้งเรื่องก่อนก่อการและหลังก่อการ  ถ้าจะเอามาเล่าในเรือนไทยเห็นต้องทำ...ไว้จนอ่านไม่รู้เรื่อง
เพราะในฉบับพิมพ์ท่านไม่ได้ลงไว้  

ในหนังสืองานพระศพเขียนไว้ว่า  เมื่อเสด็จกลับมาเมืองไทย
ได้ทรงตั้งกิจการพิมพ์ผ้าลายที่ไหนสักแห่ง   ไม่แน่ใจว่ากิจการนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แต่คงไปได้ด้วยดี

ตอนที่พระองค์เจ้าบวรเดชจะทรงก่อการ  พลตรี หลวงจบกระบวนยุทธ ได้เล่าไว้ด้วยว่า
ท่านถูกเอาชื่อเข้าไปเกี่ยวกับคณะก่อการครั้งนั้นด้วย  คุณหลวงพลอยถูกนายทหารคณะราษฎรบางคน
ไม่ไว้วางใจและใส่ความด้วย   เพราะคุณหลวงเป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยทั้งสองฝ่าย

เข้ามาเยี่ยมกระทู้แต่เท่านี้  คงไม่รบกวนกระทู้ให้เสียอรรถรสนะครับ ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 21:12
ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ เจ้านายสตรีที่ว่า คุณหลวงหมายถึงหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย และหนังสือเรื่องความทรงจำ*หรือเปล่า
...ที่ทรงเขียนถึงพระองค์เจ้าบวรเดชนั้น คนจุดอย่าจุดเสียดีกว่า ไม่ต้องเดาก็ทราบว่าหมายถึงใคร

เรื่องใส่ความ ตอนนั้นสนุกเขาละ อยากให้ใครโดนแป่กก็ใส่ความเข้าไว้ก่อน หลวงอดุลแกบ้าจี้ ใครถูกรายงานแกก็ไปหิ้วเขามาหมด รักนายเหลือเกิน

หมายถึง"สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น "*


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 01 ก.ค. 12, 21:24
ว่ากันว่า  ตอนที่พระองค์เจ้าบวรเดชจะก่อการนั้น  ได้ไปทรงชักชวนเจ้านายหลายคนแม้แต่รัชกาลที่ ๗
แต่ไม่มีพระองค์ใดทรงร่วมมือด้วย  เพราะทุกพระองค์ทรงทราบว่าพระองค์เจ้าบวรเดชเป็นคนเช่นไร
ที่ทรงพระดำริจะก่อการนั้น เขาว่ามี hidden agenda ไม่ลงรอยกับคณะราษฎร  แต่เอาเรื่อง...มาเป็นประเด็นหลัก

อันที่จริงเรื่องกบฏบวรเดชนี่  เอกสารที่หอจดหมายเหตุมีหนาเป็นร้อยๆ หน้า 
อ่านดูก็สนุกดีเหมือนกัน   เอ  จำได้ว่า มีหนังสือที่มีภาพถ่ายตอนปราบกบกบวรเดชด้วยนี่ครับ
ถ้าคุณนวรัตน เอามาลงประกอบกระทู้ด้วยสักเล็กน้อยคงจะเพิ่มอรรถรสในกระทู้ได้มาก


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 21:32
^
จะให้เอาเอกสาร หรือเอารูปมาประกอบครับ

ถ้าเอกสาร ผมไม่เคยเข้าไปค้นในหอจดหมายเหตุ
แต่รูปนี่ คุณเอนก นาวิกมูลไปเอามาตีพิมพ์หมดแล้ว ผมก็เอาลงไปครบแล้วนี่ครับ ยังมีที่ไม่ได้อยู่ในกระทู้นี้อีกเหรอ?


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 12, 21:39
ขอบคุณคุณนวรัตนมาก ที่ค้นคว้ามาให้ตามคำขอค่ะ     รวมคุณเพ็ญชมพูที่มาร่วมหาข้อมูลให้ด้วย  ทำให้กระทู้นี้มองเห็นตอนจบของกบฏบวรเดชได้ครบถ้วน    ถ้าขาดบั้นปลายของพระองค์เจ้าบวรเดชเสียก็เหมือนหนังขาดท่อนจบท้ายสุด    ผู้ที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้อาจจะไม่รู้ว่าทรงหนีไปแล้วเป็นตายร้ายดีอย่างไร

จะว่าไปก็นับว่าพระองค์เจ้าบวรเดชทรงดวงดีกว่านายทหารที่ร่วมรบฝ่ายเดียวกัน   แม้ว่าทรงระหกระเหินไปอยู่ต่างถิ่นยาวนานถึง ๑๕ ปี  แต่ก็ยังดำรงพระชนม์อยู่ได้ปลอดภัย  มีอาชีพเลี้ยงองค์   ประคององค์มาได้จนถึงช่วงเวลาได้รับนิรโทษกรรม  ในวัยชราก็ทรงอยู่ในประเทศได้อย่างสงบ   กิจการผ้าโขมพัสตร์ก็เจริญรุ่งเรืองดี   ท่านน่าจะเป็นคนเดียวในกบฏบวรเดชที่พอจะเรียกได้ว่าจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้งตามอัตภาพ
จากพระนิพนธ์ "สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น "ของม.จ. พูนพิสมัย  ดูเหมือนจะไม่ทรงให้เครดิตพระองค์เจ้าบวรเดชเอาเลย เกี่ยวกับเรื่องส่วนพระองค์บางเรื่อง   ข้อนี้น่าจะสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ได้เช่นกัน

คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี หลานสาวคุณหลวงจบกระบวนยุทธเล่าถึงคุณตาไว้ในหนังสือ กังหันต้องลม   จำได้คร่าวๆว่าคุณหลวงโดนมรสุมหลายอย่างทั้งการงานและส่วนตัว   แม้หันไปทำธุรกิจก็ไม่วายโดนกลั่นแกล้ง  
มรณกรรมของคุณหลวงทำให้จอมพลถนอม กิตติขจรตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยมาร่วมงานศพ แล้วบานปลายเป็นเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๑๙  


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 01 ก.ค. 12, 22:02
^
จะให้เอาเอกสาร หรือเอารูปมาประกอบครับ

ถ้าเอกสาร ผมไม่เคยเข้าไปค้นในหอจดหมายเหตุ
แต่รูปนี่ คุณเอนก นาวิกมูลไปเอามาตีพิมพ์หมดแล้ว ผมก็เอาลงไปครบแล้วนี่ครับ ยังมีที่ไม่ได้อยู่ในกระทู้นี้อีกเหรอ?


คุณนวรัตนลองไปอ่านเอกสารที่หอจดหมายเหตุดูสิครับ
เอกสารชุดนี้  จำได้ว่ายืมต้นฉบับเอกสารอ่านได้  ไม่ต้องอ่านจากไมโครฟิล์มให้ปวดนัยน์ตา

ส่วนรูปนั้น  ผมเคยเห็นจากหนังสืองานศพเล่มหนึ่ง  รูปซ้ำกับที่เคยเห็นบ้าง
ไม่เคยเห็นบ้าง และมีเรื่องเล่าอีกไม่กี่สิบหน้ากระดาษ เสียดายว่าไปกับน้ำเสียแล้ว 
แต่คงไม่จำเป็นแล้วกระมัง   เพราะที่คุณนวรัตนเอามาลงนี่ ก็น่าจะสมบูรณ์แล้ว

อันที่จริง  อยากอ่านความเห็นของแหล่งข้อมูลนอกประเทศไทยบ้าง
ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทยในครั้งนั้น


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 12, 22:30
ขอบคุณสำหรับข้อมูลและข้อแนะนำครับ

หนังสือศิลปวัฒนธรรมประจำเดือนมิถุนายน หน้าปกเป็นเรื่องปฏิวัติ๒๔๗๕ ได้ลงบทความของหนังสือพิมพ์ฝรั่งที่รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคำแปล ผมอ่านแล้วเห็นว่าฝรั่งเขียนได้ดี เป็นกลาง และใกล้เคียงความจริงที่สุด เมื่อเทียบกับที่คนไทยเขียนในเล่มนั้น

พอดีหนังสือไม่ได้อยู่ตรงนี้ ผมจำรายละเอียดไม่ได้ ต้องหาโอกาสอ่านเอาเองนะครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 12, 22:31

อันที่จริง  อยากอ่านความเห็นของแหล่งข้อมูลนอกประเทศไทยบ้าง
ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทยในครั้งนั้น

เข้าไปอ่านได้ที่นี่  แต่ถ้าอยากอ่านให้จบต้องสมัครสมาชิกเองค่ะ
http://www.time.com/time/magazine/article/0,9171,753959,00.html

SIAM: Not Without Blood
Monday, Oct. 23, 1933

Not many monarchs can take a revolution with the bland aplomb of Siam's spunky little King Prajadhipok who, having been through three in the past two years, last week faced his fourth.

When the shooting started His Majesty asked with interest who was leading the rebels. "Sire," he was told, "they are led by Prince Bavaradej. He has captured the Royal Airdrome and is marching on Bangkok." "What? Prince Bavaradej!" cried King Prajadhipok. "Inform the populace at once of my deep regret that a member of the Royal Family should be...

To read the entire article, you must be a TIME subscriber.


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 12, 22:39
http://www.unz.org/Pub/LiteraryDigest-1933nov04-00014a02?View=PDF


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 01 ก.ค. 12, 22:51
หนังสือพิมพ์ที่สิงคโปร์และมลายาลงข่าวนี้ น่าสนใจเหมือนกัน ;D
แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงแหล่งข้อมูลนี้  ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้ๆ เมืองไทยแท้ๆ  ???


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 12, 07:14
ผมเจอข่าวเล็กๆ  ลงในหนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ของสิงคโปร ช่วงหลังสงคราม ที่สะท้อนให้เห็นถึงความความสัมพันธ์ของพระองค์เจ้าบวรเดชและอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา

เรื่องของผู้ก่อการกบฏชาวสยามคนหนึ่ง

ปัจจุบันรัฐบาลยุคใหม่ของสยามกำลังจะลืมเรื่องที่เคยเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว อดีตผู้ก่อการกบฏบางคนที่ถูกขับไล่ไปนอกประเทศจึงได้กลับบ้านและมาเล่าเรื่องของตน
หนึ่งในนั้น นายสารภี บุญยมัติ (อดีตร้อยโทขุนสารภีพิชิต)ผู้ซึ่งหนีไปอินโดจีนหลังการปฏิวัติล้มเหลว บัดนี้อยู่ในกรุงเทพแล้ว
ระหว่างสถานการณ์อันแสนสาหัส เขาต้องอยู่อีกทางหนึ่งกับภรรยา ผู้ซึ่งกลัวว่าสามีคงจะตายไปแล้วหรือไม่ก็ถูกจับตัวอยู่ในคุกแห่งใดแห่งหนึ่ง

ภรรยาผู้กล้าหาญ

เขาเขียนจดหมายจากไซ่ง่อนฉบับหนึ่งถึงภรรยา แต่ไม่ถึงมือเพราะได้ออกจากเขตทหารไปแล้ว เธอได้พยายามทุกหนทางที่จะหาข่าวของสามี ด้วยการเดินทางไปตามโรงพยาบาลสนาม และเข้ากรุงเทพเพื่อเยี่ยมคุกขังพวกก่อการกบฏที่กระทรวงกลาโหมและที่เรือนจำมหันตโทษ
กว่าเจ็ดเดือนต่อมา เธอจึงได้ทราบว่าสามียังไม่ตายและอยู่อย่างปลอดภัยในไซ่ง่อน

พระอาคันตุกะ
ถึงทางการจะไม่ออกหนังสือเดินทางให้ครอบครัวของผู้ก่อการกบฏ แต่เธอก็มีความกล้าหาญที่จะเดินทางไปอุดรกับลูกน้อย เพื่อลงเรือกลไฟล่องไปตามแม่น้ำโขง จนในที่สุดก็ถึงไซ่ง่อน
ในวันที่ได้มาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหนึ่งนั้น ทั้งหมดได้รับอนุญาตให้พักยังที่ประทับของพระองค์เจ้า แต่ต่อมาพวกเขาก็ต้องไปจากที่นั่น
เงินทองค่อยๆหมดลง และท้ายที่สุดนายสารภีจึงตัดสินใจเดินทางกลับสยาม




กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 02 ก.ค. 12, 09:06
ที่ นายพลตรีพระยาทรงอักษร (บิดาคุณหญิงพรรณชื่น รื่นสิริ)ท่านได้เขียนถึงพระองค์เจ้าบวรเดชไว้ว่า จอมพล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครชัยศรีสุรเดช
โปรดปราน พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช มาก ทรงเรียกพระนามว่าบ๊อบบี้นั้น คงจะเป็นจริง
เพราะกล่าวกันว่า พระองค์เจ้าบวรเดชทรงเป็นนายทหารที่นิยมการรักษาวินัยแบบตึงเป๊ะ ตามแบบทหารเยอรมัน เช่นเดียวกับเสด็จในกรมเสนาบดีกลาโหม
มีเรื่องเล่ากันอีกว่า ความที่ทรงถือพระองค์ว้่เป็น "เจ้า" จึงทำให้ไม่ค่อยจะทรงเป็นที่นิยมในหมู่นายทหารด้วยกัน  จึงทรงถูกย้ายไปเป็นทูตที่ปารีสเสียหลายปี
จนถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร ทรงมีปัญหากับตุลาการจนเกิดการเฉื่อยงานไปทั้งกระทรวงยุติธรรม
จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร ออกไปเป็นทูตที่ฝรั่งเศส  จนไปมีเรื่องวิวาทกับนายปรีดี  พนมยงค์ อันเป็นชนวนให้เกิดการปฏิวัติ ๒๔๗๕
แล้วทรงเรียกพระองค์เจ้าบวรเดชซึ่งเวลานั้นยังทรงเป็นหม่อมเจ้ากลับเข้ามาเป็น จเรทหารปืนใหญ่ สมัยนี้คงเป็นผู้บัญชาการศูนย์การทหารปืนใหญ่ 
แต่เมื่อเสด๋จในกรมเสนาบดีกลาโหมสิ้นพระชนม์ลงใน พ.ศ. ๒๔๕๗ แล้ว  ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๕๘ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์ (เชย  กัลยาณมิตร)
อุปราชมณฑลภาคพายัพ  ลงมาเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย  จึงได้โปรดให้โอนย้ายหม่อมเจ้าบวรเดชไปเป็นอุปราชมณฑลภาคพายัพ  ขาดจากราชการทหารไปอีกคราว
ในระหว่างที่ทรงรับราชการเป็นอุปราชมณฑลภาคพายัพนั้น  มีเจ้านายผู้ใหญ่หลายพระองค์เสด๋จตรวจราชการคือ
พ.ศ. ๒๔๕๘ นายพลเอก สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ  เสนาธิการทหารบก  และพระรัชทายาท และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์
พ.ศ. ๒๔๕๙  จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช  จเรทหารทั่วไป
พ.ศ. ๒๔๖๓ นายพลตรี สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสีมา  ผู้บัญชาการกองพลที่ ๑ รักษาพระองค์  และพระรัชทายาท
พ.ศ. ๒๔๖๕  จอมพล สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต  เสนาธิการทหารบก
(พระอิสริยยศในขณะนั้น)

ค้นดูรายงานการเสด็จตรวจราชการของเจ้านายทั้ง ๔ พระองค์แล้ว  มีรายละเอียดเฉพาะแต่ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสีมา ที่กราบบังคมทูลล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ว่า
พระองค์เจ้าบงรเดช อุปราชมณฑลภาคพายัพนั้นมักจะเสด็จไปประทับที่ตำหนักบนดอยสุเทพ  ไม่ค่อยจะเสด็จมาทรงทรงงานที่ศาลารัฐบาล  เวลามีราชการด่วนก็ใช้โทรศัพท์
ขึ้นไปทูลให้ทรงวินิจฉัย  เอกสารราชการต่างๆ ก็ต้องนำไปถวายให้ทรงงานที่ตำหนักบนดอยสุเทพ 

อาจจะเป็นเพราะคำกราบบังคมทูลรายงานของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสีมาเมื่อปลาย พ.ศ. ๒๔๖๓  ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๖๕ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้
นายพลโท พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช ออกจากราชการ (ในราชกิจจานุเบกษาลงว่า ทรงลาออกจากราชการ)  แล้วโปรดเกล้าฯ ให้
พระยาสุรบดินทรสุรินทรฦาชัย (พร  จารุจินดา - ต่อมาเป็น เจ้าพระยาสุรบดินทรสุริรนทรฦาชัย) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญงานปกครองออกไปเป็นอุปราชมณฑลภาคพายัพแทน

ที่หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย  ดิศกุล ทรงนิพนธ์ไว้ในสิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็นก็คงจะมิใช่สิ่งที่เกินเลย  เพราะเมื่อพระองค์เจ้าบวรเดชกลับเข้ามารับราชการทหารในรัชกาลที่ ๗
ก็ทรงมีเหตุวิวาทกับกับในกรมกำแพงเพชรฯ  จนถึงในกรมฯ ทรงประชดว่า จะส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดที่หงสาวดี


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 12, 10:55
ขอบคุณคุณวีหมีมากที่เข้ามาให้ความรู้

ต้องรบกวนต่ออีกนิด
อ้างถึง
จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร ออกไปเป็นทูตที่ฝรั่งเศส  จนไปมีเรื่องวิวาทกับนายปรีดี  พนมยงค์ อันเป็นชนวนให้เกิดการปฏิวัติ ๒๔๗๕
^
ช่วยขยายความหน่อยเถิดครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 02 ก.ค. 12, 13:42
เรื่องพระองค์เจ้าจรูญศักดิ์ กับหลวงประดิษฐ์มนูธรรมนี้  ได้ยินผู้ใหญ่ท่านเล่าให้ฟังนานแล้วครับเลยออกจะเลือนๆ สักหน่อย
จำได้เลาๆ ว่า เป็นเพราะพระองค์เจ้าจรูญฯ นั้นท่านเป็นคนฉุนเฉียว  เวลานักเรียนไทยในปารีสไปที่สถานทูตก็ไม่ค่อยจะทรงต้อนรับ
ต่างจากนักเรียนไทยในอังกฤษ  เมื่อไปที่สถานทูตท่านเจ้าคุณภะรตราชา ท่านจะดูแลต้อนรับและเลี้ยงอาหารเป็นอย่างดี 
ถ้าท่านรู้ว่าใครไม่มีเงิน ท่านเจ้าคุณก็จะมีอุบายใช้ให้ล้างรถหรือทำงานเล็กๆ น้อยเพื่อให้ค่าตอบแทน  แต่ที่ปารีสนั้นตรงกันข้าม 
นักเรียนไทยมักจะมีปัญหาเวลาไปเบิกเงินเบี้ยเลี้ยงที่สถานทูต  ประกอบกับท่านทูตมักจะวางองค์เป็น "เจ้า"  เลยทำให้นักเรียน
ที่ได้รับความคิดเสรีนิยมแบบฝรั่งเศสพากันไม่พอใจ  เลยคบคิดที่จะจัดการกับเจ้า  แล้วเลยลามมาถึงความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครอง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 02 ก.ค. 12, 14:07
จากบันทึกของ ประยูร ภมรมนตรี ตรงที่ อจ นวรัตน์ท่านได้สแกนมาลงไว้ในกระทู้พระยาทรงฯ  ผมรับรู้ได้ถึงอาการอย่างที่ว่าเลยครับคุณวีหมี ว่าเจ้าบางองค์ในยุคนั้นเขามีความคิดและการปฏิบัติต่อสามัญชนในแบบที่ยอมรับได้ยากอยู่เหมือนกัน 

ยังคิดเล่นๆ(อีกแล้ว) ว่าคณะราษฏร์ส่วนหนึ่งเป็นคนที่ใกล้ชิดเจ้ามาแต่ก่อน ดังนั้นเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงก็ยังถ้อยทีถ้อยอาศัย เกรงอกเกรงใจ อย่างมากสุดก็แค่เนรเทศ  หากทอดเวลายาวนานกว่านั้น ความกดดันเพิ่มพลังสถานการณ์สุกงอมกว่านั้น ความโกรธแค้นความชิงชังอาจจะนำไปสู่ชะตากรรมที่น่าสะพรึงกลัวมากกว่าที่เกิดขึ้น

หลายๆคนมักจะบอกว่าการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นการชิงสุกก่อห่าม และประนามคณะราษฎร์ไว้หลายประการ แต่คิดอีกแง่มุมถ้าคณะราษฏร์ไม่ทำ หลังจากนั้นก็จะมีคณะอื่นมาทำอยู่ดี และไม่มีหลักประกันอะไรเลยที่จะบอกว่าคณะอื่นๆนั้นจะนิ่มนวลละมุนละม่อมได้แบบคณะราษฏร์


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 02 ก.ค. 12, 16:51

หลายๆคนมักจะบอกว่าการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นการชิงสุกก่อห่าม และประนามคณะราษฎร์ไว้หลายประการ แต่คิดอีกแง่มุมถ้าคณะราษฏร์ไม่ทำ หลังจากนั้นก็จะมีคณะอื่นมาทำอยู่ดี และไม่มีหลักประกันอะไรเลยที่จะบอกว่าคณะอื่นๆนั้นจะนิ่มนวลละมุนละม่อมได้แบบคณะราษฏร์


ส่วนตัวคิดว่า การประเมินว่าจะทำได้ละมุนละม่อมหรือไม่ ปัจจัยมีมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้นำมาประกอบครับ

ผู้มีอำนาจในตอนนั้นเลือกที่จะไม่ทำอะไรคณะราษฏร์เลย ทางเลยสะดวก กลับกัน ถ้าผู้มีอำนาจเห็นชอบตามแนะนำของท่านเจ้าคุณอธิกรณ์ประกาศ อะไรจะเกิดขึ้น ?  แล้วคนในคณะราษฏร์จะอยู่เฉยหรือ ?  โดยเฉพาะท่านพจน์ ซึ่งพร้อมจะลุยตลอดเวลา

หรือแม้แต่ในขณะที่ทำการอยู่ เกิดมีทหาร หรือ ประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้านในวันที่  ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ เลย คณะราษฏร์ จะแก้ปัญหานี้อย่างไร ?

เพราะผมเชื่อว่า คงไม่มีการใช้กระสุนยาง หรือ แก๊สน้ำตา แน่ ๆ ครับ




กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: werachaisubhong ที่ 02 ก.ค. 12, 17:01
เรื่องพระองค์เจ้าจรูญศักดิ์ กับหลวงประดิษฐ์มนูธรรม
เกิดเหตุการณ์กระตุ้นความรุ้สึกที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองยิ่งขึ้นคือได้เกิดความขัดแย้งระหว่างนักเรียนไทยในฝรั่งเศสกับพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากรเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศฝรั่งเศสและผู้ดูแลนักเรียนไทยในฝรั่งเศส อันเนื่องมาจากพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากรมีคำสั่งห้ามนักเรียนไทยในฝรั่งเศสไปร่วมประชุมสมาคมนักเรียนไทยในอังกฤษและไม่ออกหนังสือเดินทางให้นักเรียนไทยในฝรั่งเศสเหล่านั้นก็ได้ขัดขืนคำสั่งด้วยการส่ง ร้อยโท ประยูร ภมรมนตรีไปร่วมประชุมโดยร่วมกันเรี่ยไรค่าเดินทางและค่าที่พักให้และใช้วิธีหลบเลี่ยงคำสั่งที่ห้ามอกหนังสือเดินทางไปประเทศอังกฤษโดยใช้วิธีของหนังสือเดินทางไปประเทศเบลเยี่ยมก่อนแล้วขอวีซ่าจากประเทศเบลเยี่ยมเข้าประเทศอังกฤษการเดินทางไปประเทศอังกฤษของ ร้อยโทประยูร ภมรมนตรี ครั้งนี้เป็นที่สังเกตของหน่วยข่าวกรองทางการเมืองของอังกฤษประจำเนเธอร์แลนด์ (Dutch indian Political Intelligence) ซึ่งได้รายงานความเคลื่อนไหวว่า ร้อยโท ประยูร ภมรมนตรีเป็นสมาชิกของกลุ่มเอเซียติก (Asiatic Bloc) กลุ่มเอเซียติกมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างการปฏิวัติทางปัญญาให้แก่นักเรียนจากประเทศทางตะวันออกสถานทูตอังกฤษในประเทศไทยจึงติดต่อกับรัฐบาลไทยในเรื่องนี้จึงเป็นเหตุให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากรไม่พอพระทัยในการกระทำของนักเรียนไทยเหล่านี้เป็นอย่างมากประกอบกับได้มีความขัดแย้งในเรื่องค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุนรัฐบาลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเดิมอัตราแลกเปลี่ยน 1 ปอนด์ เท่ากับ 60-70 แฟรงค์เมื่อค่าเงินลดต่ำลง 1 ปอนด์ มีค่าถึง 140-170 แฟรงค์ ค่าครองชีพในฝรั่งเศสสูงขึ้นนักเรียนไทยจึงเข้าชื่อกันทำหนังสือไปยังสถานทูตของรับเป็นเงินปอนด์แทน นายปรีดีพนมยงค์ ประธานนักเรียนไทยเป็นผู้ยื่นหนังสือเรื่องนี้เอกอัครราชทูตรทรงเห็นว่านักเรียนไทยที่ร่วมกันเขียนหนังสือร้องเรียนมีหัวรุนแรงจึงให้มีคำกราบบังคมทูลมายังพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวขอให้เรียกตัวนายปรีดี พนมยงค์ กลับประเทศไทยด้วยเหตุว่า “ เป็นหัวหน้าชักนำนักเรียนไทยขัดคำสั่งฑูต เป็นหัวหน้าสหบาล Syndicate ฝักใฝ่ในระบอบประชาธิปไตยอันจะเป็นภัยต่อพระราชบัลลังก์” ในเวลาเดียวกัน นายปรีดีพนมยงค์ ได้โทรเลขกราบบังคมทูลกล่าวหาว่าพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากรเป็นการถวายฏีกามาเช่นกัน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยให้ นายปรีดี พนมยงค์กลับประเทศไทยทันที แต่บิดนายปรีดีพนมยงค์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฏีกาขอให้เลื่อนเวลาเรียกตัวนายปรีดีกลับประเทศไทยเป็นหลังการสอบไล่ปริญญาดุษฏีบัณฑิตทางกฏหมายให้สำเร็จเรียบร้อยประกอบกับเจ้าพระยามราช (ปั้น สุขุม) ได้กราบบังคมทูลให้เลื่อนเวลาเรียกตัวนายปรีดี กลับเช่นกันพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายปรีดีพนมยงค์ศึกษาต่อจนจบ โดยมีเงื่อนไขว่า นายปรีดี พนมยงค์จะต้องทำหนังสือขอขมาต่อพระวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากรและให้สัญญาว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของเอกอัครราชทูตด้วย


ที่มาครับ http://writer.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=360631&chapter=1


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 02 ก.ค. 12, 18:20
อ่านที่คุณ paganini  แสดงความเห็นเรื่องของเจ้าในสมัยรัชกาลที่ ๗ แล้ว  ขออนุญาตขยายความเพิ่มเติมครับ

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อสยามถูกคุกคามอย่างหนักโดยลัทธิล่าอาณานิคมในสมัยรัชกาลที่ ๕  จึงทำให้เกิดแนวพระราชดำริในการปฏิรูประบบราชการ
ซึ่งในการปฏิรูประบบราชการครั้งนั้นมีพระราชบันทึกแนวพระราชดำริเป็นหลักฐานอยู่ที่กรมราชเลขาธิการ
เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ เสด็จกลับมาจากยุโรปแล้ว  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงเรียนรู้ราชการในกรมราชเลขาธิการ
ได้ทรงอ่านแนวพระราชดำริในการจัดการปกครองบ้านเมืองดังกล่าว  ประกอบกับล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ทรงอำนวยการฝึกหัด
การบริหารราชการด้วยพระองค์เอง  การดำเนินพระบรมราโชบายในช่วงรัชกาลที่ ๔ - ๕ - ๖  จึงเป็นการส่งต่อกันมาเหมือนทีมวิ่งผลัด

ในสมัยรัชกลที่ ๖ ก็ทรงเตรียมสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ  และสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าฯ
กรมหลวงนครราชสีมา  ตามแนวทางที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ทรฝึกพระองค์มา  แต่เป็นชะตากรรมของประเทศไทยที่ทั้งสองพระองค์
เสด็จทิวงคตไปก่อนที่จะทรงรับรัชทายาท  เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสีมาทิวงคตแล้ว  จึงโปรดให้เจ้าพระยามหิธรส่ง
พระราชบันทึกในรัชกาลที่ ๕ ไปถวายล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ ซึ่งทรงอยู่ในฐานะพระรัชทายาทเพื่อทรงศึกษา  แต่ระยะเวลาที่
ทรงเตรียมพระองค์นั้นราว ๑ ปีเท่านั้น  ไม่ทันได้ทรงเรียนรู้หลักราชการจากล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖  ก็ประจวบล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖
เสด็จสวรรคต  ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ ซึ่งเพิ่งเริ่มเรียนรู้ราชการแผ่นดินจึงได้รับรัชทายาท  เมื่อทรงรับรัชทายาทนั้นมีพระราชดำรัสกับ
เจ้าพระยามหิธรว่า ทรงเลื่อมใสในแนวพระราชดำริในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ที่ทรงปฏิรูปการปกครองในครั้งนั้นมาก

แต่ช่วงเวลาจากการปฏิรูปการปกครองมาถึงเวลาที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ นั้นผ่านไปเป็นเวลาร่วม ๔๐ ปี  สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลง
ไปจนไม่อาจเทียบได้กับยุคสมัยปฏิรูปการปกครอง  ที่เมื่อแรกเริ่มปฏิรูปการปกครองนั้นยังไม่มีคนสามัญที่มีความรู้ความสามารถพอที่จะทำ
หน้าที่บริหารบ้านเมืองได้  จึงต้องใชเจ้าเป็นกำลังหลัก  แต่เมื่อสิ้นรัชกาลที่ ๖ นั้น  เจ้าถูกลดบทบาทลงจนเกือบจะไม่มีบทบาทในราชการ
ที่คงอยู่ในราชการบางพระองค์ก็ต้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเสนาบดีที่เป็นสามัญชน  เช่นในกรมกำแพงเพชร ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง
ต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาเจ้าพระยาวงศานุประพัทธ เสนาบดีกระทรวงคมนาคม

แต่พอผลัดแผ่นดินเป็นรัชกาลที่ ๗  ด้วยความที่ทรงเลื่อมใสในแนวทางการปฏิรูปการปกครองของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕  เสนาบดีที่เป็น
สามัญชน ๗ ใน ๑๐ คนจึงต้องออกจากราชการ  และเปลี่ยนให้เจ้ากลับขึ้นมาเป็นเสนาบดี  ซึ่งเสนาบดีใหม่บางพระองค์ก็ไม่สามารถ
ปฏิบัติราชการได้จึงต้องมีการเปลี่ยนตัวเสนาบดีกันวุ่นวาย  แต่ที่สำคัญคือ การที่เจ้ากลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง  และบางพระองค์
ก็ทรงใช้อำนาจบาตรใหญ่จนเป็นที่ระอาของเจ้านายและประชาชน  จึงเป็นอีกชนวนหนึ่งที่คณะราษฎรหยิบยกขึ้นมาก่อการ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 12, 20:54
เข้ามาอ่านความเห็นของทุกท่านครับ ขอบคุณมาก บางเรื่องเป็นความรู้ใหม่ของผมทีเดียว


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 02 ก.ค. 12, 23:59
คุณครูเยอะ นักเรียนอย่างเราสบายไป  8)  ขอบพระคุณคุณครูทุกท่านนะคร๊าบบบ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 ก.ค. 12, 08:23
เรื่องของพระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กับนายปรีดีที่เกิดเหตุในปารีสนั้น พลโทประยูรบันทึกไว้สั้นๆเพียงเท่าที่นำมาให้อ่านนี้เท่านั้น

อย่างไรก็ดี เมื่อประมวลกับความเห็นบนๆแล้ว ความโกรธซึ่งกลายมาเป็นความเกลียดของนายปรีดีก็น่าจะเป็นที่เข้าใจได้ และเข้าใจลึกไปถึงสัจธรรมคู่กับโลกย์ที่ว่าทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดจากเหตุ การที่พวกเจ้าในสมัยนั้นถูกเกลียดชังจนกระทบกระเทือนไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ก็เพราะการกระทำของพวกเจ้าเอง

ผมไม่ได้สรุปว่าพวกเจ้าไม่ดีนะครับ พวกเจ้าก็เป็นมนุษย์ที่มีทั้งคนดีและคนไม่ดีเช่นเดียวกับกลุ่มคนทั้งหลาย ดังคำเปรียบเปรยว่าปลาเน่าตัวเดียวก็ทำให้ปลาเป็นเหม็นไปทั้งข้อง

ประวัติศาสตร์ก็บอกเราอีกว่า ครั้นพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่เสด็จนิวัติพระนครระหว่างหยุดภาคการศึกษา ราษฎรพากันไปเฝ้าเสด็จอย่างล้นหลามด้วยใบหน้าอันเต็มไปด้วยความปิติสุข และไม่อยากให้พระองค์เสด็จไปไหนอีก ทำไมหรือครับ ก็เพราะเขาเลี่ยนเต็มทีกับพวกนักการเมืองที่อ้างว่ากระทำเพื่อประชาชน ซึ่งเขาเห็นแล้วว่ามันไม่จริง เพียงแต่เอาบาทาของพวกเจ้าออกไปแล้วเหยียบประชาชนต่อด้วยตีนของตนแทนเท่านั้น

ผมก็ไม่ได้ว่านักการเมืองยุคประชาธิปไตยทุกคนนะครับ แต่ท่านโชคร้ายที่อยู่ไปร่วมข้องกับปลาเน่าหลายตัวหน่อย เบ้งๆทั้งนั้นด้วย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.ค. 12, 04:35
การปฏิรูปการปกครองของรัชกาลที่ ๕ เมื่อต้นรัชกาล  ดิฉันเข้าใจว่าเป็นการผลัดเปลี่ยนอำนาจเก่ากับอำนาจใหม่   มากกว่าจะเป็นเรื่องของเจ้า vs สามัญชน
อำนาจเก่าก็คืออำนาจของสมเด็จเจ้าพระยาและขุนนางที่เห็นอย่างเดียวกับท่าน    สืบทอดธรรมเนียมปฏิบัติมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๔   แต่อิทธิพลตะวันตกที่แรงขึ้นทุกทีในรัชกาลที่ ๕ ก็ทำให้สยามต้องปรับตัวให้หนักกว่าในรัชกาลที่ ๔   คนรุ่นใหม่จึงต้องเข้ามามีบทบาทแทนคนรุ่นเก่าให้ได้  เพื่อจะก้าวตามฝรั่งให้เร็วหนักขึ้นไปอีก

คนรุ่นใหม่ในต้นรัชกาลที่ ๕  ที่จะทันฝรั่งก็คือเจ้านายที่ทรงศึกษาแบบฝรั่งกันมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์     ทุกพระองค์เป็นพระอนุชาที่พร้อมจะโดยเสด็จตามพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงเป็น "พี่ใหญ่"  มีความเลื่อมใสเคารพบูชากันมา     เมื่ออำนาจเปลี่ยนมือจากอำนาจเก่ามาสู่ใหม่ได้โดยไม่เสียเลือดเนื้อ   คนรุ่นใหม่ที่เป็นเจ้าก็ก้าวเข้าสู่การปฏิรูปได้อย่างเต็มตัว  บ้านเมืองก็พุ่งไปข้างหน้าในทางเดียวกัน เพราะการบริหารสอดคล้องไปในทางเดียวกัน

แต่..ในรัชกาลที่ ๗  ไม่เป็นเช่นนั้น
" เจ้า" ที่เคยเป็นกลุ่มคนหนุ่มไฟแรงในต้นรัชกาลที่ ๕ ต่างเสด็จไปสวรรค์กันเกือบหมดแล้ว     ที่เหลืออยู่ก็คือสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ที่ไม่ทรงมีสิทธิ์มีเสียงอะไรอีก     "เจ้า"ที่มีอำนาจมากที่สุดในรัชกาลที่ ๗ ไม่ใช่คนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้า แต่เป็นคนรุ่นเก่าที่พอใจกับการมีอำนาจในมือ   ลังเลที่จะปล่อยอำนาจไปสู่คนรุ่นใหม่ที่ไม่ใช่ลูกหลานตัวเอง เพราะเดาไม่ได้ว่าบ้านเมืองเปลี่ยนมือไปแล้วจะเป็นอย่างไร   เจ้าจะกระทบกระเทือนหรือไม่
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ ก็ทรงเกรงพระทัยเจ้ารุ่นเก่าอยู่มาก   ส่วนคนรุ่นใหม่ที่ทรงพระเมตตาอย่างนายปรีดี พนมยงค์ ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเปลี่ยนระบอบการปกครองให้ได้   ความคิดของเขาเป็นอย่างไรอ่านได้จากประกาศคณะราษฎร์

จะว่าไปคนรุ่นใหม่ก็ชนะในรัชกาลที่ ๕   ต่อมาในรัชกาลที่ ๗ ก็ไม่แปลกที่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย คือคนรุ่นใหม่ก็ชนะอีก   แต่ว่าผลจากชัยชนะของคนรุ่นใหม่ทั้งสองยุคนั้นแตกต่างกัน    การปฏิรูปในรัชกาลที่ ๕ ทำให้บ้านเมืองสมัยใหม่แบบตะวันตกได้อย่างรวดเร็ว  แต่การปฏิรูปการปกครองในรัชกาลที่ ๗ ทำให้ประชาธิปไตยไทยยังไม่เหมือนประชาธิปไตยตะวันตกจนบัดนี้  เป็นได้ก็ประชาธิปไดยแบบไทยๆ

มาดูกันดีกว่าในยุคมิลเลนเนี่ยม  เรามีคนรุ่นใหม่ที่จะปฏิรูปบ้านเมืองไปในทางไหน  และจะประสบความสำเร็จเหมือนรุ่นพี่ๆหรือไม่


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 05 ก.ค. 12, 07:59
ขอบคุณทุกท่านที่มาเสริมและตอบข้อสงสัยของผมในรายละเอียด  ได้ความรู้ใหม่มากๆเลยครับ  เรือนไทยจะกลายเป็นเรือนมยุรา  กระทู้นี้มีอายุสองปีเข้าไปแล้ว แต่ความเข้มข้นมิได้ลดลงไปเลย

ไอ้กระผมก็ขี้สงสัย ก็ขอสงสัยต่อว่าการที่เจ้านาย ชนชั้นปกครองสมัยก่อนต้องมีลักษณะที่กดขี่ข่มเหง เพราะเขาสอนกันมาเป็นทอดๆหรือเปล่าว่าต้องทำอย่างนี้ ไม่งั้นเดี๋ยวลูกน้องไม่เกรง เดี๋ยวจะเสียการปกครอง  เจ้านาย ขุนนางบางท่านอาจจะไม่ได้มีจิตใจที่ข่มเหงผู้ต่ำต้อยกว่าเป็นพื้นฐานก็ได้ แต่ประเพณีนิยม การวางตัวตามที่สั่งสอนกันมา เลยออกมาในรูปแบบนี้?

เพียงแต่ว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีวัฒนธรรมของเสรีชนสักเท่าไหร่เพราะพึ่งฟื้นจากสังคมที่มีทาสมาไม่กี่สิบปี  ถึงไม่ใช่ทาสก็เป็นไพร่ ความคิดที่จะพึ่งพาผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เลยยังไม่หายไปไหน (แม้กระทั่งปัจจุบัน)   แต่พวกนักเรียนนอก ไปเห็นวัฒนธรรมเสรีชนที่ต่างประเทศก็เลยเริ่มได้คิดกัน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 05 ก.ค. 12, 09:05
คุณ paganini ยกข้อความหนึ่งที่มักจะได้ยินนักวิชาการสมัยใหม่หยิบยกขึนมากรอกลูกศิษย์ว่า
"เจ้านาย ชนชั้นปกครองสมัยก่อนต้องมีลักษณะที่กดขี่ข่มเหง เพราะเขาสอนกันมาเป็นทอดๆหรือเปล่าว่าต้องทำอย่างนี้ ไม่งั้นเดี๋ยวลูกน้องไม่เกรง เดี๋ยวจะเสียการปกครอง"

คำตอบสำหรับคำถามนี้คงจะตอบด้วยตัวเองไม่ได้  ขอยกความตอนหนึ่งในพระราชหัตถเลขาที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ กราบบังคมทูลล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ เมื่อคราวเสด็จเลียบมณฑลพายัพมาให้พิจารณาครับ

" “...ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกราบบังคมทูลสรุปทั่วไป  ในส่วนการปกครองเห็นด้วยเกล้า ฯ ว่า  การเลือกข้าราชการขึ้นไปนั้นจะต้องกระทำโดยระวังมาก  ถ้าจะเลือกแต่เฉพาะผู้มีความสามารถในทางราชการทางใดทางหนึ่งเท่านั้น  เห็นด้วยเกล้า ฯ ว่าไม่พอ  จำจะต้องหาผู้มีความคิดกว้างขวางรู้จักผ่อนผันในทางการปกครอง  ถ้าจะทำไปให้สำเร็จจำจะต้องอาไศรยพวกเจ้านายและผู้เป็นใหญ่ในพื้นเมือง  คนไทยถึงแม้จะมีความสามารถปานใดถ้าไปเกิดเหตุให้เป็นที่บาดหมางหรือไม่ปรองดองกับคนในพื้นเมือง  ถึงแม้คนในพื้นเมืองนั้นจะไม่ขัดข้องก็คงยังลำบาก  เพราะที่ไหนเลยคนไทยที่ขึ้นไปจากเมืองได้จะทราบเหตุการณ์  และนิสัยใจคอของพลเมืองเท่าคนในพื้นเมืองเอง  เพราะฉะนั้นถ้าคนในเมืองไม่ช่วย  แม้การจะทำสำเร็จก็คงจะเป็นไปได้ชั่วคราว  ไม่ยั่งยืน  เห็นด้วยเกล้า ฯ ว่าข้อสำคัญคือ  ต้องพยายามที่จะกระทำให้ชาวเมืองเข้ากลมเกลียวกับเราได้  อย่าให้รู้สึกว่าพวกเราไม่ไว้ใจหรือตั้งใจไปกดขี่เอาแต่ตามอำเภอใจเรา   ผู้ที่เคยได้รับความนับถือในเมืองตนเองแล้ว  แม้มีผู้ใดประพฤติกิริยาอาการที่จะแสดงให้เห็นได้ว่าหมิ่นประมาทและไม่เห็นเป็นคนเท่ากันเช่นนั้น  ย่อมจะทำให้เจ็บใจหรืออย่างน้อยก็เพียงขุ่น ๆ เห็นด้วยเกล้า ฯ ว่าการที่ทำดีต่อไว้นั้นไม่มีที่เสียเลย  ในทางนี้พระยาสุรสีห์วิสิทธิศักดิ์เข้าใจดี  และความประพฤติของพระยาสุรสีห์ต่อพวกเจ้านายในเมืองลาวนั้นไม่มีที่ติ  ไปมีที่ผู้น้อยบ้างบางนาย  ที่ถือทิษฐิแข่งลาวแข่งไทยไม่รู้จักจบสิ้น  คนเหล่านี้ทำให้เป็นที่เดือดร้อนแก่ผู้ที่แลเห็นทางถูกแล้วเป็นอันมาก  การที่คนเหล่านั้นประพฤติเช่นที่กราบบังคมทูลมาแล้ว  เห็นด้วยเกล้า ฯ จะเป็นไปด้วยความเข้าใจผิด  คือเข้าใจว่าถ้าจะให้พวกลาวยำเกรงจำจะต้องไว้ยศ  ถือตัวไว้เสมอ ๆ  จำจะต้องให้รู้สึกว่าตนเป็นไทยเป็นนายลาว  ข้อนี้ถ้าจะนึกดูถึงใจชาวพายัพบ้าง  ก็พอจะแลเห็นได้ว่ามีสิ่งที่สะกิดใจทำให้ขุ่นอยู่สมอ  พอที่จะเชื่องได้ก็มาติดข้อที่กราบบังคมทูลนี้  ยังอีกประการหนึ่งคือข้าราชการผู้น้อยเหล่านี้เองที่ตั้งใจจะแสดงตนดีกว่าลาวนั้น  หาได้ทำไปให้ตลอดไม่  คือความประพฤติในส่วนตัวควรจะกระทำให้เป็นเยี่ยงอย่างแห่งทางดี  ก็แลประสงค์จะให้ลาวนับถือไทย  ควรจะต้องประพฤติให้เสมอต้นเสมอปลายจึ่งจะน่านับถือจริง...”
(ที่มา ; หอจดหมายเหตุแห่งชาติ.  ร.๕ ม๕๘/๔๔  เรื่อง รายงานราชการในมณฑลพายัพ (๑๑ กุมภาพันธ์ ๑๒๐ – ๑๐ กันยายน ๑๒๙).) 


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 05 ก.ค. 12, 09:12
อีกฉบับเป็นพระราชหัตถเลขาที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตอบลายพระหัตถ์ที่ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ กราบบังคมทูลรายงานการตรวจราชการ
ในมณฑลพายัพ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘  ๑๐ ปี หลังจากเสด็จประพาสมณฑลพายัพ

"รายงานว่าด้วยการต่าง ๆ ในมณฑลภาคพายัพ   ตามที่ได้ออกไปตรวจราชการทหารมานั้น  ได้รับแล้ว  ได้ความพิสดารดีมาก  น่าประหลาดใจที่เรื่องถือตัวของข้าราชการกรุงเทพ ฯ ยังไม่หมดลงได้  เพราะฉันได้เปนผู้ทักท้วงขึ้นเอง  ตั้งแต่ครั้งไปตรวจมณฑลภาคพายัพ  และได้คอยเขี่ยกันอยู่เสมอ  แต่ก็เปนจริงที่เปนนิสัยคนไทยมักฟังเข้าหู ๑  ออกอีกหู ๑  เพราะฉะนั้นจะได้กำชับอุปราชคนใหม่ ให้เอาใจใส่ในเรื่องนี้ยิ่งขึ้น"
ที่มา : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ.  สบ.๐๐๑/๑๕, ๑๓.  รื่อง รายงานตรวจราชการมณฑลนครราชสีมา, อุบล, และมณฑลภาคพายัพ. พ.ศ. ๒๔๕๘.)

สรุปแล้วผู้ที่กดขี่ราษฎรนั้น คือ ข้าราชการระดับล่างๆ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเป็นกันอยู่  ส่วนเจ้านายนั้นก็มีบ้างเป็นบางพระองค์ซึ่งก็มักจะไม่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้มีบทบาทในราชการนัก



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.ค. 12, 10:50
ขอบคุณทุกท่านที่มาเสริมและตอบข้อสงสัยของผมในรายละเอียด  ได้ความรู้ใหม่มากๆเลยครับ  เรือนไทยจะกลายเป็นเรือนมยุรา  กระทู้นี้มีอายุสองปีเข้าไปแล้ว   แต่ความเข้มข้นมิได้ลดลงไปเลย

คุณปากานินิกำลังอยู่ในเรือนมยุรา ซึ่งเดินหน้าไปอยู่ในอนาคตจากเวลานี้ ๒ ปี   ???   ;)


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 06 ก.ค. 12, 00:52
ขอบคุณครับคุณ V_Mee  แสดงว่าที่ผมถามนี่ตรงกับนักวิชาการสมัยใหม่เขาคิดกันเหรอครับเนี่ย? 
จริงๆไม่ได้ฟังมาจากใครนะครับ เพียงแต่ผมได้ยินได้ฟังคนรอบข้างตั้งแต่เด็กๆ อบรมต่อๆกันมาด้วยความคิดลักษณะนี้ พอมาเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์เลยเอามันมาหลอมรวมกับพฤติการณ์บางส่วนของเจ้านายหรือข้าราชการในอดีต สรุปว่าพฤติการณ์เช่นนี้ไม่ได้มีเฉพาะเจ้า แต่สามัญชนก็เป็นกันเยอะ

คุณเพ็ญชมพูครับ  เขินเลย ฮ่าๆๆๆ เอะใจย้อนกลับไปดู อันนี้กระทู้ใหม่นี่นาาาาาาาาาาา  หน้าแตกเลย

ผมอ่านหลายกระทู้ไปพร้อมๆกันน่ะครับ เพราะมันเยอะมาก ผมนี่หลบหน้าไปจากเรือนไทยแห่งนี้ซะหลายปี ไปเพลิดเพลินกับเวปบอร์ดดนตรีหรือไม่ก็เฟซบุ๊ค กลับมาอีกทีก็เข้าห้องเรียนเรียนตามเพื่อนไม่ค่อยจะทัน  เลยสับสนว่ากำลังอ่านกระทู้เก่าหรือใหม่กันแน่


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ค. 12, 01:39
 เมื่อดิฉันเกิดมา ระบบเจ้าขุนมูลนายก็จบไปเกือบ 20 ปีแล้ว. ตอนเล็กๆบ้านของยายที่เลี้ยงมา อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตรงบางยี่ขันติิดกับวังแห่งหนึ่ง. ที่เรียกว่าวังเพราะเจ้าของท่านเป็นหม่อมเจ้า. แต่ความจริงก็คือเรือนไทยหลังย่อมๆมีนอกชานและท่าน้ำเล็กๆ ไม่ต่างจากบ้านของยาย และบ้านชาวบ้านอื่นๆแถวนั้น
ตัวท่านเจ้าของวังเป็นชายชราร่างผอมๆ ใจดี มีหม่อมวัยเดียวกัน.  มีลูกๆเป็นม.ร.ว. ที่มีลูกเต้าเป็นม.ล. เล็กๆวัยเดียวกับดิฉัน โดดน้ำเล่นตูมๆ. ดิฉันก็เลยไปเล่นที่นั่นบ่อยๆ
ไปกินข้าวกินขนม. เรียกท่านตาหม่อมยายตามหลานๆ. ท่านก็นับญาติด้วยดี. ไม่เห็นมีใครมาพูดว่าเราเป็นไพร่ ท่านเป็นเจ้า แบ่งชนชั้นวรรณะกัน  จนโตแยกย้ายกันไป.  ลูกหลานท่านซึ่งรับราชการก็เคยมาเยี่ยมพ่อแม่ดิฉัน. ตอนนั้นท่านตาท่านสิ้นไปนานแล้ว ก็ไม่เห็นว่าลูกหลานซึ่งมีคำนำหน้านั้นจะมีอภิสิทธิ์ใดๆเหนือกว่าคนอื่นในสังคม.  พวกเขาก็วางตัวสุภาพเรียบร้อยดีทุกอย่าง

ดิฉันเรียนจบ ทำงาน มีธุระปะปังต้องไปติดต่อหน่วยราชการต่างๆทั้งในเมืองหลวงและต่างจังหวัด   หลายครั้งทีเดียวพอรู้ว่าจะต้องไปติดต่องานก็ใจแป้วล่วงหน้าไว้ได้เลย.  เพราะท่านที่อยู่บนที่ทำการนั้น เจ้าประคุณเอ๋ย. เข้าถึงได้ยากเย็นอะไรยังงั้นก็ไม่รู้.    ปะเหมาะเคราะห์ร้ายท่านอาจจะทะเลาะกับคู่สมรสมาตั้งแต่เช้า. พอเห็นประชาชนเข้าก็เลยตาเขียวตาคว่ำ. ตวาดแว้ดว่าหลักฐานไม่ครบ ให้ไปหามาใหม่. เซ็นใหม่. ยื่นใหม่ ฯลฯ
ขนาดเป็นข้าราชการด้วยกันแท้ๆ ดูกันออกยังหนักขนาดนี้. แล้วตาสีตาสาที่งกๆเงิ่นๆมากับลูกหลานจะขนาดไหน.  บางครั้งได้ยินเสียงแหวๆเอ็ดลุงป้าว่ายังงั้นใช้ไม่ได้ ยังงี้ใช้ไม่ได้.   นึกสงสารจับใจ.   ถึงผ่านมานานหลายปีแล้วก็เถอะ
ดูชื่อของแต่ละท่านบนป้ายที่โต๊ะหรือผนังห้อง.   ก็เห็นเป็นสามัญชนเหมือนเราๆกันทุกคน. ไม่เห็นมีใครมีไตเติ้ลพิเศษมาแต่กำเนิด
ก็เลยสรุปจากประสบการณ์ว่าไม่ใช่เรื่องเจ้ากับข้า.   ไพร่หรืออำมาตย์ แต่เป็นอะไรขอเว้นวรรคให้สมาชิกเรือนไทยเติมคำกันเองค่ะ
 


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 06 ก.ค. 12, 07:33
ขออนุญาตเล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวบ้างครับ
โรงเรียนที่ผมเคยเรียนนั้นใครๆ ก็มองว่าเป็นโรงเรียนโรงเรียนนาย  ส่วนผมนนั้นเป็นเด็กชายมาต่างจังหวัด
เมื่อมาเรียนที่โรงเรียนนี้มีเพื่อรุ่นเดียวกันเป็น หม่อมราชวงศ์ ๒  หม่อมหลวง ๒ 
แต่บรรดาราชนิกุลที่เป็นเพื่อนทั้ง ๔ นี้  ไม่เคยถือตนว่าเป็นเจ้า  อีกทั้งเพื่อนยังช่วยกันเปลี่ยนคำนำหน้านาม
ให้เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ  ซึ่งทั้ง ๔ คนก็น้อมรับคำนำหน้าชื่อใหม่นั้นด้วยความยินดีจนบางคนตายจากกันไปแล้ว
ก็ไม่เคยมีสถานะเป็น "คุณชาย" ของเพื่อนๆ เลย  คงเป็น..... ของเพื่อนๆ ตลอดมา

ซ้ำร้ายเมื่อได้พบกับ "ท่านพ่อ" บิดาของคุณชายคนหนึ่ง  ซึ่งก็เป็นนักเเรียนเก่าโรงเรียนเดียวกับลูกชายท่าน
ท่านก็พ่อก็มักจะเรียกผมซึ่งเป็นเพื่อนของลูกไปนั่งคุยกับท่านเสมอๆ  เข้าไปกราบท่านแล้วก็เตรียมจะนั่งกับพื้น
เพราะท่านประทับเก้าอี้  ท่านชายก็จะลากตัวผมขึ้นไปนั้งบนโซฟาเสมอกับท่านทุกครั้ง  ยิ่งบางคราวที่ได้พบ
ท่านชายพร้อมเพื่อนๆ ของท่านที่เคยเรียนหนังสือด้วยกันมา  ท่านเหล่านั้นก็จะคุยกับท่านชายด้วยภาษาพ่อขุน
ไม่เคยเห็นใครใช้ราชาศัพท์กับท่านชายเลยสักคน  ยิ่งสรรพนามที่ใช้เรียกท่านชายด้วยแล้ว  ถ้าคนไม่รู้จักท่านชาย
มาก่อนจะไม่ทราบเลยว่า ท่านเป็นถึงหม่อมเจ้า  และหม่อมเจ้าที่ผมรู้จักอีกหลายองค์  ทุกองค์ท่านก็ถอดยศ
เจ้าของท่านทิ้งไว้ที่วังจนหมด  คงเป็น "...เจ้า" ของเพื่อนๆ ไปทุกองค์ 


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 06 ก.ค. 12, 21:56
ส่งเสียงเสียหน่อยนึงว่า แอบเข้ามาทางหลังห้องเรียนตั้งแต่แรก นั่งฟังอยู่เงียบๆครับ

คุณปู่ของผม เป็นคลังมณฑลโคราชในช่วงเหตุการณ์นั้น (เข้าใจว่าเป็นตำแหน่งนี้) แล้วก็ต้องโทษติดคุกด้วยเหตุการณ์นั้นช่วงสั้นๆจนได้รับอภัยโทษต่อมา
 
เคยไปดูสถานที่เสียชีวิตของพระยาศรีสิทธิสงคราม ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีหินลับเพียงเล็กน้อย เพื่อดูจุดที่แน่นอนก่อนที่จะมีการตั้งศาล ได้เห็นบริเวณโขดหินและช่องเขาที่เป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์สำหรับการตั้งรับสกัดและการสู้รบ เห็นแล้วก็ทำให้เห็นภาพของการสู้รบและการนำร่างของพระยาศร๊ฯไปแก่งคอยตามคำบรรยายที่ปรากฏในหนังสือที่เคยอ่าน

ขอบคุณคุณนวรัตน์ที่ได้ทำให้ผมได้ทราบถึงความตื้นลึกหนาบางของกรณีความขัดแย้งนี้เพิ่มขึ้นอีกมากครับ

 


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ค. 12, 22:09
ศาลพระยาศรีสิทธิสงคราม ยังมีอยู่จนถึงปัจจุบันหรือเปล่าคะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 07 ก.ค. 12, 18:11
ยังมีอยู่ครับ เจ้าหน้าที่การรถไฟที่ทำงานอยู่บนเส้นทางรถไฟสายนี้ยังให้ความเคารพสักการะกันอยู่จนในปัจจุบัน ได้รับการบูรณะซ่อมแซมโดยเจ้าหน้าที่เหล่านี้ตลอดมาเท่าที่จะพอมีกำลัง

โดยตำแหน่งทางภูมิประเทศของสถานที่นี้ หากเดินตามทางรถไฟไปในทิศทางสู่แก่งคอยนิดเดียว ทางรถไฟจะโค้งไปทางขวาเข้าช่องเขาและลาดเทลงไปสู่ระดับต่ำ จัดเป็นเป็นจุดอันตรายของการเดินรถทั้งขาขึ้นและขาล่องในอดีตและปัจจุบัน

ก็คงเป็นเพราะด้วยสองสาเหตุนี้ผนวกกัน จึงยังคงมีการให้ความเคารพต่อศาลและสถานที่นี้อยู่ครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ก.ค. 12, 18:50

ดูกูเกิลเอริธแล้ว ไปไม่ยาก

คุณตั้งไปเที่ยวที่นั่นกับผมสักวันไหม


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ค. 12, 19:04
ถ้าสองท่านสองเกลอไปถึงที่นั่นแล้ว  กรุณาถ่ายรูปกลับมาฝากในกระทู้นี้จะเป็นพระคุณยิ่ง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 07 ก.ค. 12, 19:22
ดูกูเกิลเอริธแล้ว ไปไม่ยาก
คุณตั้งไปเที่ยวที่นั่นกับผมสักวันไหม

ได้ครับ ค่อยคุยกันหลังไมค์
อาจจะไม่แม่นเส้นทางเข้าแล้วนะครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: พวงแก้ว ที่ 08 ก.ค. 12, 22:13
รอชมรูปเช่นกันคะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ค. 12, 09:54
มีเกร็ดนิดหน่อย เกี่ยวกับพระยาศรีสิทธิสงคราม
http://www.thaioctober.com/forum/index.php?action=printpage;topic=575.0
กุหลาบ  สายประดิษฐ์
เขียนถึงพระยาศรีสิทธิสงคราม
(ดิ่น  ท่าราบ)
วันที่  ๑๗  พฤษภาคม  ๒๔๘๔
.

.............................

พระยาศรีสิทธิสงคราม

   เมื่อได้กล่าวขวัญถึงพระยาศรีสิทธิสงครามในตอนนี้แล้ว  ผู้เขียนก็ใคร่จะบรรยายข้อความเกี่ยวกบพระยาศรีสิทธิสงครามสักเล็กน้อย  ตามที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า  พอพระยาศรีสิทธิสงครามได้ทราบข่าวในตอนเช้าวันที่  ๒๔  มิถุนายนว่า  คณะนายทหารได้ก่อการปฏิวัติขึ้น  ก็ได้รีบออกจากบ้านตรงไปยังบ้าพระยาพหลฯนั้น  ก็ด้วยหมายใจจะไปปรึกษาทางหนีทีไล่กับปิยมิตรของตน  โดยที่นับแต่พระยาศรีฯได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมมือในการปฏิวัติ  และพระยาศรีฯมิได้ตอบตกลงปลงใจไปประการใด  ทั้งต่อมาพระยาพหลฯก็มิได้เอ่ยเรื่องนี้อีกเลย  เหตุนั้นเองพระยาศรีฯจึงไม่คาดคิดว่า  พระยาพหลฯจะเข้าร่วมการปฏิวัติเสียเอง
   เมื่อพระยาศรีฯ มาที่บ้านพระยาพหลฯในเช้าวันนั้น และไม่พบพระยาพหลฯ  ทั้งไต่ถามเรื่องราวจากภริยาของท่านนายพันเอกก็ไม่ได้ความว่าพระยาพหลฯพระยาพหลฯไปไหน  พระยาศรีฯจึงร้อนใจใคร่จะพบปรึกษาหารือกับพระยาพหลฯ  จนกระทั่งบ่ายจึงได้ทราบข่าวว่า พระยาพหลฯเป็นผู้นำในการปฏิวัติ  พระยาศรีฯจึงค่อยคลายใจจวบจนเวลาเย็นพระยาศรีฯจึงได้กลับไปสู่บ้าน
   ฝ่ายทางพระยาพหลฯนั้น  เมื่อยึดอำนาจการปกครองได้เรียบร้อยแล้ว  ก็สั่งให้คนไปตามพระยาศรีสิทธิสงคราม  ผู้ได้รับคำสั่งได้ติดตามทั้งที่บ้านและที่ทำงานก็ไม่ได้ตัว  เพราะว่าในระหว่างนั้น พระยาศรีฯไปอยู่เสียที่บ้านพระยาพหลฯ ซึ่งพระยาพหลฯก็คาดไม่ถึง การที่พระยาพหลฯให้คนไปตามพระยาศรีฯเป็นครั้งสุดท้าย  ถ้าพระยาศรีฯรับว่าจะร่วมมือบริหารราชการบ้านเมืองตามระบอบใหม่แล้ว  ก็ได้เสนอให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนฯในชุดเริ่มสถาปนาระบอบใหม่คนหนึ่ง  และจะได้ขอให้ชวยราชการต่อไป  แต่เมื่อตามตัวไม่พบแล้ว พระยาพหลฯก็มิได้เสนอนามพระยาศรีฯจเต็มใจร่วมมือหรือไม่
   อยู่ต่อมาอีก ๒ – ๓ วัน  ภายหลังที่ได้แต่งตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว  พระยาศรีฯได้ขอให้ภริยาหัวหน้าคณะราษฎรนำตัวมาพบกับท่านหัวหน้าคณะราษฎรที่พระที่นั่งอนันตสมาคม  เมื่อได้สนทนปราศรัยและซ้อมความเข้าใจกันดีแล้ว  พระยาศรีฯก็กลับไป  ภายหลังพระยาศรีฯได้ถูกย้ายจากตำแหน่งราชการทหารมารับตำแหน่งราชการทางกระทรวงธรรมการ  อยู่มาจนกระทั่งพระยาพหลฯ พร้อมด้วยนายทหารอีก ๓ นายลาออกจากคณะรัฐบาล  เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๔๗๖ ด้วยมีเรื่องขัดใจกับพระยามโนฯ  พระยามโนฯหวังจะเอาพระยาศรีฯเป็นกำลังต่อไป  จึงได้แต่งตั้งพระยาศรีฯดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบก  ในวันที่พระยาศรีฯจะไปรับมอบหมายงานที่กระทรวงกลาโหมนั่นเอง  พระยาพหลฯก็นำคณะยึดอำนาจการปกครองจกพระยามโนฯเป็นคำรบสอง  เมื่อวันที่ ๒๐  มิถุนายน  พระยาศรีฯจึงไม่ได้รับตำแหน่งนั้น
   อย่างไรก็ดี พระยาพหลฯและหัวหน้าบางคนในคณะของท่านก็ใคร่จะได้พระยาศรีฯปช่วยราชการเหมือนกัน  พระยาพหลฯจึงได้ทำความเข้าใจกับพระยาศรีฯ ว่าการที่ไมได้จัดการให้พระยาศรีฯได้รับตำแหน่งทางการทหารในเวลานั้นก็เป็นด้วย เมื่อได้ผลัดเปลี่ยนรัฐบาลใหม่และเป็นในยามมืดมนอนธการเช่นนี้   เพื่อให้คนทั้งปวงมีความเชื่อมั่นในความสงบของบ้านเมือง  ตำแหน่งสำคัญ ๆ ทางราชการทหาร  จำต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงไปด้วย  ขอให้พระยาศรีฯอยู่ในความสงบไปพลางก่อน  ต่อผ่านระยะแห่งความยุ่งยากไปแล้วก็จะได้จัดการให้พระยาศรีฯ ได้รับตำแหน่งในราชการทหารสืบไป  ทั้งนี้มีความรู้สึกฉันมิตรอันจริงใจของพระยาพหลฯและนายทหารชั้นหัวหน้าของคณะผู้ก่อการบางคนที่มีต่อพระยาศรีสิทธิสงคราม
   อย่างไรก็ดี  พระยาศรีฯ คงมีความเข้าใจผิดคิดว่าปิยมิตรไม่ไว้วางใจในตนเสียแล้ว  ก็คงจะมีความโทมนัสใจ  และประกอบกับคงจะมีความข้าใจผิดในคติการเมืองของคณะราษฎรในบางปะการ  จึงเป็นเหตุบันดาลให้พระยาศรีฯไปร่วมมือกับพระองค์เจ้าบวรเดช  ก่อการกบฏต่อรัฐบาลคณะราษฎรขึ้น  จนถึงได้นำทหารหัวเมืองมาทำยุทธการกับเหล่าทหารของรัฐบาลคณะราษฎรขึ้น  ในที่สุดฉากแห่งชีวิตของท่านนายพันเอกผู้นี้ปิดลงด้วยการสู้รบจนถึงแก่ความตายในสมรภูมิสมเยี่ยงชาติทหาร


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ก.ค. 12, 05:49
เมื่อวันวานถือเป็นฤกษ์สะดวกที่ผมกับคุณตั้งจะไปตามรอยพระยาศรีสิทธิสงครามกันโดยมีหลานตาของท่านร่วมเดินทางไปด้วย

ก่อนไปผมทำการบ้านโดยศึกษาแผนที่ของตำแหน่งที่ตั้งสถานีรถไฟหินลับไปแล้ว ปากทางเข้าแยกจากถนนมิตรภาพบริเวณเดียวกับทางเข้าของบริษัทพีทีไอโพลีน ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่เป็นที่สังเกตุได้ชัด ถนนสาธารณะจะแยกซ้ายไปสู่สถานีรถไฟผาเสด็จ แยกขวาไปสถานีหินลับ โดยอ้อมเลาะตะเข็บรั้วของโรงงานไปจนเจอทางรถไฟ แล้วจึงวิ่งเลียบไปตามทางรถไฟ ประมาณสองสามกิโลเมตรเห็นจะได้


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ก.ค. 12, 05:50
ปากทางแยกนี้อยู่ระหว่างหลักกม.ที่๑๓๒ และ๑๓๓ มีป้ายปักไว้ สังเกตุได้ไม่ยาก


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ก.ค. 12, 06:04
สถาพของทางช่วงแรกก็ดีหน่อย หลังจากนั้น ลึกเข้าไปจะเป็นถนนลูกรังวิ่งไปสู่ทางรถไฟ แล้วจึงเลี้ยวโค้งขวาขนานทางรถไฟไปเรื่อยๆ สภาพถนนรถเก๋งก็พอวิ่งได้ แต่อย่าซิ่งมากก็แล้วกัน



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ก.ค. 12, 06:11
สักอึดใจเดียวถนนจะพาเราผ่านตำแหน่งของอนุสรณ์สถานที่เรามุ่งหน้าไปหาในวันนี้

ป้ายเหมือนในรูปที่ผมเอามาลงให้ดูไปแล้วนั้น อยู่ระหว่างเสาโทรเลข๑๔๓/๑และ๑๔๒/๒


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ก.ค. 12, 06:23
ที่ทางมีร่องรอยของการดูแลรักษา ไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้รกรุงรังแต่อย่างใด
บริเวณก้อนหินเหนือป้ายนั้น มีบันไดคอ-นก-รีตเล็กๆนำไปสู่แผ่นหินอ่อนสลักตัวอักษรติดอยู่เป็นข้อความเดียวกัน  แต่ก่อนบนนั้นมีศาลเล็กๆคล้ายศาลเจ้าที่ที่คนนำไปวางไว้ บัดนี้ผุพังสลายสิ้นไปหมดแล้วตามกาลเวลา

หากสังเกตุจากทรากพวงมาลัยดอกไม้ก้านธูปรอยเทียน แสดงว่ามีคนขึ้นไปสักการะท่านเจ้าคุณที่ป้ายนี้เนืองๆ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ก.ค. 12, 06:32
หลานสาวของท่านเจ้าคุณศรีขึ้นไปพิจารณาสถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ลูกหลานเจ้าคุณศรีเคยมากันเป็นคณะใหญ่ หลังจากทราบข่าวจากคนรู้จักกันว่าได้พบศาลของท่าน

มาคราวนี้ได้นำหลานเขยไปจุดธูปจุดเทียนเอาพวงมาลัยไปไหว้คุณตาด้วย



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ก.ค. 12, 06:40
หลังจากนั้น เราขับรถเลยเข้าไปอีกนิดเดียวก็ถึงสถานีหินลับ ซึ่งกลายเป็นสถานีสำคัญของบริษัทพีทีไอจะนำสินค้าหรือวัตถุดิบมาขนถ่ายกันที่นี่ จนต้องขยายพื้นที่วางรางออกไปเพื่อให้จอดรถได้หลายขนวน

เสียดายนายสถานีไม่อยู่ ลาราชการเข้ากรุงเทพหลายวัน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ก.ค. 12, 06:44
ได้ทราบจากคนเก่าแก่ที่นั่น อยู่มาสามสิบกว่าปีแล้วว่า เมื่อก่อนบริเวณที่ท่านเสียชีวิตนั้นเป็นช่องเขา ซึ่งปัจจุบันได้ถูกเบิกจนกว้างออกตามสภาพที่เห็นเพื่อวางรางอีกสองแนวขนานกับแนวรางเดิม

บริเวณที่ตั้งป้ายของพระยาศรีสิทธิสงครามนั้นทางบริษัทพีทีไอส่งตนมาดูแล และมีคนนับถือมากราบไหว้ไม่ขาด(คงขอหวยนั่นแหละ)เขาว่าท่านเฮี้ยนพอสมควรอยู่


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ก.ค. 12, 06:48
สำหรับพิธีกรรมที่นายสถานีเคยทำเป็นประเพณีดังที่ผมนำข้อมูลจากคุณสรศัลย์ แพ่งสภามาเขียนไว้ดังนี้

อ้างถึง
กระทู้: ชะตากรรมของพระยาทรงสุรเดช หนึ่งในสี่ทหารเสือคณะราษฎร์
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มิ.ย. 10, 09:55
________________________________________
ส่วนพระยาศรีสิทธิสงคราม(ดิ่น ท่าราบ)นั้น ผมก็ยังเชื่อว่าท่านเป็นนักรบระดับแนวหน้าที่ผมใช้คำว่าhardcore แต่ไม่ถึงขนาดsuper hardcoreไปควงปืนท้าดวลกับผบ.หน้ากรมทหาร ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็เชื่ออีกเหมือนกันว่าคงไม่มีใครเลือกให้เป็นแม่ทัพ พระยาเสนาท่านกระเปิ๊บกระป๊าบดังว่า จึงไปปฏิบัติการนำทหารปืนใหญ่จากนครสวรรค์ลงมากรุงเทพไม่สำเร็จ

ที่น่านับถือพระยาศรีอย่างยิ่ง แม้จะผิดแผนไปหมด แต่การที่ท่านไม่ยอมพ่ายหนีอย่างขี้ขลาดตาขาว ก็คือการถอยมาอยู่ที่ช่องหินลับอย่างมีชั้นเชิง อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่กำหนดไว้ว่า หากเพลี่ยงพล้ำฝ่ายรัฐบาล ก็จะใช้จุดยุทธศาสตร์นี้ยันทัพที่ติดตามตีได้ และท่านได้อยู่บัญชาการรบเอง ไม่ได้สั่งให้ลูกน้องว่าเอ็งอยู่ กูจะไป แม้นโชคชะตาจะกำหนดให้ท่านต้องเสียชีวิตทั้งๆที่การรบยังไม่ถึงขั้นแตกหัก เพราะออกมาเดินตรวจแนวรบให้กำลังใจทหารในคืนที่มืดมิดโดยมีปืนพกกระบอกเดียว
แต่การเสียชีวิตของท่านก็ได้รับการยอมรับจากสังคมว่าเป็นการตายที่สมศักด์ศรีชายชาติทหาร พนักงานกรมรถไฟยังได้จัดพิธีรำลึกวันพระยาศรีขึ้นในทุกปีของวันที่23 ตุลาคม ณ ตำแหน่งที่เป็นที่เคยเป็นมั่นสุดท้ายของท่าน นายสถานีหินลับจะเป็นผู้ทำพิธีที่เรียบง่าย ด้วยการนำคนรถไฟ ชาวบ้าน และเด็กๆ ทยอยนำดอกไม้มาวางที่ป้าย ซึ่งการรถไฟจัดทำไว้ ไม่มีศาลให้คนมาขอหวยรกรุงรัง  ป้ายนั้นมีข้อความว่า

        ที่มั่นสุดท้าย-ที่ตาย
                 ของ
       พระยาศรีสิทธิสงคราม
            (ดิ่น ท่าราบ)
         คราวกบฏบวรเดช

เมื่อขบวนรถผ่านมาในเวลานั้น จะต้องชลอความเร็วตามปกติเพราะเป็นทางโค้งและแคบ นายสถานีจะกระโดดขึ้นไปบนรถข้างพนักงานขับ แล้วยิงปืน 18 นัด สลุตให้แก่ท่าน เป็นเกียรติยศเทียบเท่าเสนาบดี

พิธีดังกล่าวกระทำตามคำสั่งของนายพันเอกพระยาสฤษดิการบรรจง(สมาน ปันยารชุน) ผู้ว่าการการรถไฟในสมัยนั้น ซึ่งถูกให้ออกจากราชการเพราะการท้าทายอำนาจรัฐอย่างโจ่งแจ้งในเรื่องนี้ แต่ก็น่านับถือคนรถไฟ ผู้ว่าการคนต่อๆมาไม่มีใครยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และยังคงถือปฏิบัติต่อมาจนปัจจุบัน



นายคนดังกล่าวที่อยู่มาสามสิบกว่าปีแล้วนั้นไม่เคยทราบเรื่อง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ค. 12, 07:24
^
ขอคารวะดวงวิญญาณของพันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม

อ้างถึง
นายคนดังกล่าวที่อยู่มาสามสิบกว่าปีแล้วนั้นไม่เคยทราบเรื่อง

"ซื่อ เฟ่ย เฉิน ป้าย จ่วน โถ คง"
"ผิด ถูก สำเร็จ ล้มเหลว กาลเวลาผ่านไปก็หายไปหมดแล้ว"
-ลู่เซิน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ก.ค. 12, 10:48
นายคนดังกล่าวที่อยู่มาสามสิบกว่าปีแล้วนั้นไม่เคยทราบเรื่อง

เรื่องนี้มีผู้สงสัยสอบถามใน เว็บรถไฟไฟไทย (http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4655) แต่ยังไม่มีคำตอบ

ในเว็บข้างบนนั้นเขาเรียกคุณนวรัตนว่า "นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น" ด้วย  ;)

 ;D



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ค. 12, 11:09
อ้าว ท่านนักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น  ดังใหญ่แล้วค่ะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 13 ก.ค. 12, 17:36
ผมเห็นมาสักระยะนึงแล้วละครับ
เอ้า ท้องถิ่นก็ท้องถิ่น   

เอ๋ ลงสมัครสมาชิกอ.บ.ต.ได้ไหมเนี่ย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: พวงแก้ว ที่ 13 ก.ค. 12, 18:18
ขอบคุณคุณนวรัตน์สำหรับภาพที่มั่นสุดท้ายของพระยาศรีสิทธิ์ฯ เป็นภาพที่ชัดเจนมากกว่าทุกภาพที่เคยเห็นมาคะ

ขอบคุณหลานสาวและหลานเขยพระยาศรีฯ ด้วยคะ ทุกท่านยอมเหนื่อยเพื่อให้เราได้เห็นภาพจริง ในสถานที่จริง

และข้อมูลเท่าที่จะหาได้ ขอคารวะทุกท่านคะ




กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ค. 12, 18:23

เอ๋ ลงสมัครสมาชิกอ.บ.ต.ได้ไหมเนี่ย

เป็นนายก อ.บ.ต.เลยค่ะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.ค. 12, 06:15
ถ้าหากว่ากระทู้นี้จะมีส่วนทำให้เกิดศาลพระยาศรีสิทธิสงครามขึ้นมาแทนศาลเดิมที่ผุพังไปแล้ว   และมีการรื้อฟื้นประเพณีคารวะท่านดังเดิม   ก็จะเป็นที่น่ายินดี


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 14 ก.ค. 12, 07:24
^
ถ้าจะให้เป็นอย่างที่ว่า

สงสัยต้องให้ผมเป็นนายกอ.บ.ต.ที่นั่นซะก่อน


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.ค. 12, 07:46
จัดแคมเปญให้ค่ะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 14 ก.ค. 12, 08:05
โหว หุ่นทั้งนั้น!!! ผมจะต้องจ่ายสีละเท่าไหร่เนี่ย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 14 ก.ค. 12, 08:12
กระทู้ยังไม่จบนะครับ แต่จวนเละแล้ว

ขอเอาภาพตัวอย่างตอนหน้ามาฉายให้ดูเฉยๆ

แหม อยากได้คนปากช่องมาช่วยกันหาตรงแถวบริเวณนั้นหน่อย ภูมิประเทศตามภาพถ่ายโบราณที่เห็นยังมีเหลือหรือเปล่า ผมอยากวิเคราะห์จริงๆว่า คนตั้งป้ายอนุสรณ์ท่านเจ้าคุณศรีมั่ว หรือคนถ่ายภาพ(และเขียนบรรยายไว้ด้วย)จะมั่ว ทั้งๆที่ไปกับขบวนรถที่ขึ้นไปปะทะกันคราวนั้นแหละ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.ค. 12, 08:38
น่าจะเป็นคนละแห่งกันนะคะ    ดูไม่เหมือนกันเลย
อาจเป็นได้ว่าศาลที่ท่านนวรัตนไปเจอ  สร้างขึ้นในภายหลังต่อมาอีกหลายปี    ส่วนป้ายก็ยิ่งหลังอีกมากๆ  อาจจะสร้างไว้ในที่สะดวกแก่การมองเห็น  ไม่ใช่ที่เดิมซึ่งลับตาคน
รอความเห็นผู้รู้ค่ะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 18 ก.ค. 12, 09:36
ผมได้มีโอกาสย้อนกลับไปอ่านเอกสารเก่าๆเรื่องการเมืองไทยสมัยต้นยุคประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง ในหนังสือของกรมโฆษณาการเรื่อง คำพิพากษาศาลพิเศษ ๒๔๘๖ เรื่องกบฏ ศาลได้อ่านนำต้นคำพิพากษาไว้ตอนหนึ่งว่า


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 18 ก.ค. 12, 09:42
จะเห็นว่า เรื่องเดียวกันนี้ ฝ่ายหนึ่งจะบันทึกอย่าง อีกฝ่ายก็บันทึกอีกอย่าง เป็นเช่นนี้ทุกยุคทุกสมัย อย่างไรก็ตาม ความเห็นของศาลพิเศษในคดีนี้ ถือว่าได้ฉายความนึกคิดของฝ่ายหลวงพิบูลออกมาทั้งระบบ เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ อนุชนรุ่นหลังเช่นเราก็พอจะเห็นภาพได้ว่า ฝ่่ายไหนเล่นอะไร และเพื่ออะไร


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.ค. 12, 12:52
อ่านจากคำพิพากษาข้างบนนี้   ใน 3 คนที่ถูกเอ่ยถึง    แล้วได้ความรู้สึกว่า

- พระองค์เจ้าบวรเดชรับไปเต็มๆทุกเรื่อง  ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏต่อแผ่นดินมาตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเลยทีเดียว
- พระยาพหลฯถูกกำหนดให้รับบทนักเผด็จการ ใช้กำลังลูกเดียว ไม่เอาวิธีอื่น
- พระยาศรีสิทธิสงคราม แทบไม่มีความผิด  เพราะท่านแทบไม่ได้ออกความเห็นอะไร


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 26 ก.ค. 12, 14:35
อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไรกับกระทู้นี้ แต่ไม่ทราบว่า มีท่านใดพอจะทราบบ้านเดิมที่จังหวัดเพชรบุรีของท่านเจ้าคุณศรีสิทธิสงครามบ้างไหมครับ เนื่องจากนามสกุลของท่านคือ ท่าราบ ที่ปัจจุบันเป็นตำบลหนึ่งในเขตอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรีครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ก.ค. 12, 14:55
ถาม คุณวิกกี้ (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1_(%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99_%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9A)) ได้ความดังนี้

พันเอก พระยาศรีสิทธิสงคราม อดีตนายทหารบก ผู้เป็นแกนหลักในเหตุการณ์กบฏบวรเดชเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๖ พระยาศรีสิทธิสงคราม มีชื่อเดิมว่า ดิ่น ท่าราบ เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๔ ในครอบครัวคหบดีชาวสวน ที่ตำบลท่าราบ อำเภอคลองกระแชง (ปัจจุบัน คือ อำเภอเมืองเพชรบุรี) จังหวัดเพชรบุรี

 ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 27 ก.ค. 12, 09:58
ถาม คุณวิกกี้ (http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1_(%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99_%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9A)) ได้ความดังนี้

พันเอก พระยาศรีสิทธิสงคราม อดีตนายทหารบก ผู้เป็นแกนหลักในเหตุการณ์กบฏบวรเดชเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๖ พระยาศรีสิทธิสงคราม มีชื่อเดิมว่า ดิ่น ท่าราบ เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๔ ในครอบครัวคหบดีชาวสวน ที่ตำบลท่าราบ อำเภอคลองกระแชง (ปัจจุบัน คือ อำเภอเมืองเพชรบุรี) จังหวัดเพชรบุรี

 ;D

ขอบพระคุณครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: cutenail ที่ 06 ก.ย. 12, 09:11
กระทู้ยังไม่จบนะครับ แต่จวนเละแล้ว

ขอเอาภาพตัวอย่างตอนหน้ามาฉายให้ดูเฉยๆ

แหม อยากได้คนปากช่องมาช่วยกันหาตรงแถวบริเวณนั้นหน่อย ภูมิประเทศตามภาพถ่ายโบราณที่เห็นยังมีเหลือหรือเปล่า ผมอยากวิเคราะห์จริงๆว่า คนตั้งป้ายอนุสรณ์ท่านเจ้าคุณศรีมั่ว หรือคนถ่ายภาพ(และเขียนบรรยายไว้ด้วย)จะมั่ว ทั้งๆที่ไปกับขบวนรถที่ขึ้นไปปะทะกันคราวนั้นแหละ

หลังจาก ติดตาม เรื่องราวที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาเกือบเดือนครับ ตั้งแต่ ป2 ป3 ต้องขอบคุณท่านผู้รู้หลาย ๆ ท่าน ที่ทำให้อนุชนรุ่นหลังอย่างผมได้รับรู้ความเป็นไป ของการเมืองไทยตั้งแต่เริ่มเปลี่ยนแปลงการปกครอง

ขออนุญาต เพิ่มเติมนะครับ รูปที่เป็นช่องเขานี่น่าจะอยู่ระหว่าง สถานีผาเสด็จ กับสถานีหินลับ จะอยู่ตรงที่ ตามเส้นทางที่ไปจากถนนมิตรภาพ เมื่อเข้าไปจะเจอแยกตัว Y ถ้า แยกทางขวาจะไปสถานีหินลับ ถ้าแยกซ้ายจะไปสถานีผาเสด็จ

ถ้าแยกเข้าไปทางซ้ายไปทางผาเสด็จ จะไปเจอทางรถไฟขวางหน้าอยู่ จากนั้นถ้าไปตามทางดินลูกรังทางซ้ายขนานไปกับทางรถไฟ จะไปถึงผาเสด็จ

ตรงที่ทางรถไฟขวางหน้าถ้าตรงไปจะเหมือน เป็นตึกหลายตึก เหมือนศาล หรือที่วิปัสสนาอะไรบางอย่าง (ไม่แน่ใจครับ) ถ้าหันไปมองทางขวา ทางทิศตะวันตกตามทางรถไฟจะเห็นช่องเขาตามที่ว่านี้ล่ะครับ บนยอดเขาฝั่งซ้ายจะมีการสร้างรูปปั้นพระ หรือรูปบูชา (อันนี้จำไม่ได้) 

สำหรับเส้นทางที่ไปสถานีหินลับ จะสามารถทะลุไปออก มวกเหล็ก หรือย้อนกลับไปแก่งคอยได้ หรือจะเข้าวังม่วงไปลพบุรี หรือจะไปปากช่อง ชัยภูมิได้ เส้นทางนี้ เป็นเส้นทางหลบการจราจรในช่วงเทศกาลได้ แต่ต้องเป็นเวลากลางวัน และชำนาญเส้นทาง

สำหรับสะพานที่มีการทำขบวนรถตกรางที่มวกเหล็ก เพื่อกีดขวางฝ่ายรัฐบาลนั้น สะพานนี้ยังอยู่ ตอนผมเด็ก ๆ แถวนั้นเรียกกันว่า สะพานดำ เป็นสะพานเหล็กสีดำ สร้างข้ามคลองมวกเหล็ก แบ่งเขตระหว่าง สระบุรี กับ นครราชสีมา


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 12, 10:04
แหม วันหลังคุณcutenailว่างๆจะช่วยไปถ่ายรูปช่องเขาขาดที่ว่ามาชมกันหน่อยก็ดีนะครับ

ขอบคุณล่วงหน้่า (ซะเลย)


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 17 ม.ค. 16, 09:11
ไม่ได้ขุดกระทู้มาทำอะไรแต่อย่างใดนะครับ ปลายปีก่อนผมได้อ่านเหตุการณ์กบฏบวรเดช ที่คุณ NAVARAT.C เขียนจนจบ แล้วจึงได้นำข้อมูลบางส่วนไปใช้อ้างอิงในบล๊อกที่ผมเขียนสนุกๆตามนี้ครับ

http://thaimilitary.blogspot.com/2015/12/1933-thai-army-vehicles.html (http://thaimilitary.blogspot.com/2015/12/1933-thai-army-vehicles.html)


ตอนนี้ได้สมัครสมาชิกที่นี่แล้ว เลยมาขออนุญาติคุณ NAVARAT.C อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งครับ ในบทความผมใส่ลิงค์ต้นฉบับไว้หมดทุกอันที่อ้างอิงแล้วนะครับ นอกจากอันที่มันอาจตกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่แน่ใจว่าได้ทำอะไรไม่เหมาะสมไปหรือเปล่าน่ะครับ  :D



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 17 ม.ค. 16, 09:44
ด้วยความยินดีครับ และขอขอบคุณที่จะช่วยนำผลงานการค้นคว้าของผมไปเผยแพร่ต่อให้กว้างขวางออกไปด้วยครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 18 ม.ค. 16, 08:55
เอ๊ะ คุณ Superboy จาก Thaifighter นี่นา สวัสดีครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 18 ม.ค. 16, 09:04
เจี๊ยก! สวัสดีครับคุณ Naris  มีคนจำได้เขินจัง  ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 18 ม.ค. 16, 11:14
อินเทอเน็ตนั้น เสมือนโลกกว้างแต่ทางแคบ ในสายเดียวกันนั้นเราอาจเจอะเจอกันได้เสมอๆ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ธ.ค. 18, 09:24
ขออนุญาตอัปเดตเรื่องอนุสาวรีย์

คุณจุลลดา ภักดีภูมินทร์ เขียนไว้ในนิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ ๒๔๖๗ ปีที่ ๔๘ ประจำวันอังคารที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๕    

พระองค์เจ้าบวรเดช ท่านเป็น พระองค์เจ้าชั้นพระวรวงศ์เธอ คือชั้นพระราชนัดดาในพระเจ้าแผ่นดิน  เรียกกันอย่างสามัญว่า พระองค์เจ้าตั้ง มิใช่พระองค์เจ้าโดยสิทธิกำเนิด ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงพระราชนิพนธ์ใช้ว่า ‘by right’

เรื่องเกิดขึ้นเมื่อครั้งเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นประชาธิปไตย พ.ศ.๒๔๗๕ ครั้งนั้นทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองได้เพียง ๑ ปี ๓ เดือน ในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๖ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช เป็นแม่ทัพยกทหารมาจากโคราช มายึดดอนเมือง เกิดสู้รบกับทหารกรุงเทพฯที่บางเขน ทางการสมัยนั้นจึงเรียกเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า ‘กบฏบวรเดช’ แต่องค์แม่ทัพและพวกนายทหารผู้ใหญ่ ผู้น้อยที่ร่วมด้วยเรียกพวกของตนว่า คณะกู้บ้านกู้เมือง ทว่าเมื่อฝ่ายที่ยกมาพ่ายแพ้จนองค์แม่ทัพต้องเสด็จหนีไปเขมร จึงต้องเป็น ‘กบฏบวรเดช’ อยู่หลายสิบปี ทางการครั้งนั้นได้สร้างอนุสาวรีย์ไว้ตรงหลักสี่ให้เรียกว่า ‘อนุสาวรีย์ปราบกบฏ’ เวลานี้อนุสาวรีย์ก็ยังมีอยู่ แต่เรียกกันใหม่ว่า ‘อนุสาวรีย์หลักสี่’

ความจริงชื่ออย่างเป็นทางการของอนุสาวรีย์นี้คือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ" คุณศักดิ์ชัย บุญมา ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานครให้ข้อมูลว่า

"จริง ๆ (อนุสาวรีย์นี้) ก็ย้ายมาหลายครั้งแล้ว ก่อนหน้านี้อยู่กลางวงเวียน พอสร้างอุโมงค์ ก็ย้ายไปมุมตรงข้ามกับ สน.บางเขน แล้วพอสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ก็ย้ายมาอีกมุมหนึ่ง"

ล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ อนุสาวรีย์นี้ก็ถูกย้ายอีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้ยังไม่ทราบว่าย้ายไปอยู่ที่ใด


https://prachatai.com/journal/2018/12/80289


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 ธ.ค. 18, 16:10
อนุสาวรีย์นี้มีชื่อเป็นทางการโดยผู้สร้างว่าอนุสาวรีย์ปราบกบฏ ตรงไปตรงมาดี เพราะเป็นการต่อสู้แย่งอำนาจกันระหว่างทหารต่อทหาร แต่ภายในมาเปลี่ยนชื่อออกไปในแนวบิดเบือนว่า "อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ" โดยผู้ใดสมัยไหน ผมยังหาไม่เจอ

ทั้งนี้เพื่อให้ชนรุ่นหลังเข้าใจไขว้เขวไปประมาณว่าศึกครั้งนี้ รัฐธรรมนูญถูกพิทักษ์ไว้ได้จากฝ่ายเจ้าที่ยกกองกำลังมารบกับฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อจะนำประเทศกลับไปสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งไม่จริง ทหารพื้นเมืองทั้งหมดที่ยกมาก็เพื่อต้องการกำหลาบรัฐบาลที่พวกเขาเรียกว่า "รัฐบาลคณาธิปไตย"เท่านั้น

 



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ธ.ค. 18, 08:48
ชื่อ "อนุสสาวรีย์ทหารปราบกบฏ" ปรากฏครั้งแรกใน "พระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น เพื่อขยายและตัดถนนเชื่อมคมนาคมกรุงเทพ พระมหานครกับดอนเมือง และเพื่อสร้างอนุสาวรีย์ทหารปรากบฎ พุทธศักราช ๒๔๗๖" ประกาศเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๖

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2476/A/950.PDF


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ธ.ค. 18, 08:49
ชื่อ "พิทักษ์รัฐธรรมนูญ" ปรากฏใน "พระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช ๒๔๗๖" ประกาศเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ซึ่งน่าจะใช้เป็นชื่ออนุสาวรีย์นี้ในเวลาต่อมา

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2476/A/806.PDF


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: ราชปักษา ที่ 31 ธ.ค. 18, 09:43
ป่านฉะนี้ คนที่เคยรับเหรียญนี้มาคงโยนทิ้งหมดละมั้งขอรับ อาจารย์หญฺิง


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ธ.ค. 18, 10:08
แพงขนาดนี้ คงไม่ทิ้งกันง่าย ๆ กระมัง  ;D

จาก http://uauction4.uamulet.com/AuctionDetail.aspx?bid=248&qid=56018


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 31 ธ.ค. 18, 12:52
คุณหมอเพ็ญชมพูของผมกลายเป็นอาจารย์หญิงไปแล้วหรือครับเนี่ย


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 31 ธ.ค. 18, 13:47
จากความจำของผมนะครับ
สมัยเด็กๆเมื่อเดินทางไปสนามบินดอนเมืองเพื่อส่งญาติผู้ใหญ่ไปเมืองนอก ซึ่งสมัยโน้นคนไทยนิยมแห่แหนกันไปทั้งตระกูลแล้วเอาพวงมาลัยไปคล้องคอถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก จะต้องนั่งรถไปตามถนนพหลโยธิน เมื่อถึงวัดพระศรีมหาธาตุแล้วจนสุดหัวมุม จะมีถนนเลี้ยวซ้ายจากวงเวียนเล็กๆเรียกว่าวงเวียนหลักสี่ แยกไปเข้าสนามบินทางทิศตะวันตกด้านทางรถไฟ สนามกลางวงเวียนจะมีแทงคอนกรีตทื่อๆตั้งอยู่ ผู้ใหญ่บอกว่านั่นเป็นอนุสาวรีย์ปราบกบฏ ไม่เคยได้ยินว่าเป็นชื่ออื่นเลย

ผมมาได้ยินคำว่าอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญนี่ก็เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เผลอๆอาจจะช่วงหลัง ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ นี่เอง หวังว่าคุณหมอเพ็ญคงจะค้นหาได้ในที่สุดนะครับ

วงเวียนหลักสี่สมัยโน้นจะกลมหรือจะรีๆเป็นรูปไข่ก็จำไม่ได้ ทราบแต่ว่ามันเปลี่ยนโฉมไปเรื่อยๆ แล้วอีกไม่นานจะมีสภาพดังที่เห็น


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ธ.ค. 18, 14:50
"จริง ๆ (อนุสาวรีย์นี้) ก็ย้ายมาหลายครั้งแล้ว ก่อนหน้านี้อยู่กลางวงเวียน พอสร้างอุโมงค์ ก็ย้ายไปมุมตรงข้ามกับ สน.บางเขน แล้วพอสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ก็ย้ายมาอีกมุมหนึ่ง"

ล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ อนุสาวรีย์นี้ก็ถูกย้ายอีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้ยังไม่ทราบว่าย้ายไปอยู่ที่ใด

จากแผนที่ฉบับคุณกุ๊ก  ;D


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 25 มิ.ย. 19, 14:33
กลับมาอ่านใหม่ก็สนุกสนานได้ความรู้เช่นเคย
แถมพบว่าตัวเองเคยร่วมวงสนทนากับท่านอาจารย์ทั้งหลายด้วย ขำความคิดตัวเองเมื่อ 7 ปีที่แล้วเล็กน้อย 5555


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 26 มิ.ย. 20, 14:33
วันก่อนเพิ่งไปลองรถไฟฟ้าสถานีวัดพระศรีมหาธาตุมาค่ะ เลยเข้ามากระทู้นี้รำลึกอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญที่หายไปแล้วเรียบร้อย
ไม่ขอตัดสินว่าการย้ายเหมาะหรือไม่เหมาะ แต่สวนที่กำลังสร้างสวยดีค่ะ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 มิ.ย. 20, 16:13
ในที่สุดก็หายไป

หากกองทัพบกยังจำได้ ในวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๔๗๙ ได้มีพิธีเปิดอนุสาวรีย์ปราบกบฏหรืออนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญขึ้นที่บริเวณหลักสี่ บางเขน...แต่วันนี้อนุสาวรีย์หายไปไหน ❓

The answer, my friend, is blowin' in the wind. ‼️

https://youtu.be/NJBd4P4NsSo


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 20, 16:38
ทบ.รำลึกถึทบ.จัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพล.อ.พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และบำเพ็ญกุศลแก่พันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม ซึ่งในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ถือว่าอยู่ตรงข้ามกับกลุ่มคณะราษฎรและยกเป็นแบบอย่างความจงรักภักดี

วันนี้(24มิ.ย.63) พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก มอบหมายให้พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก บำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย พลเอกพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และบำเพ็ญกุศลแก่พันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม ซึ่งกองทัพบกยกย่องให้เป็นนายทหารที่มีวีรกรรมความกล้าหาญ และจงรักภักดีต่อสถาบัน เนื่องจากหลังเหตุการณ์คณะราษฎร เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย

โดยพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ปรับปรุง พิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ พร้อมใช้ชื่ออาคารที่เชื่อมต่อกันว่าอาคารศรีสิทธิสงคราม มีห้องรับรองอเนกประสงค์ที่ตั้งชื่อว่าห้องบวรเดช และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาเปิดอาคารระหว่างการตรวจเยี่ยมกองทัพบกเมื่อปีที่แล้ว
https://news.thaipbs.or.th/content/293971



กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 มิ.ย. 20, 08:48
ตุลาคม ๒๔๗๖ สมศักดิ์ เด่นชัย  ราษฎรหัวก้าวหน้า ยืนอยู่ข้างการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ ที่เรียกว่า “ระบอบประชาธิปไตย” และมีความเห็นว่าฝ่ายตรงข้าม คือกองกำลังของพระองค์เจ้าบวรเดชเป็นฝ่ายที่อยู่ข้าง “ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง” ได้อาสาสมัครเป็นทหารเข้าร่วมต่อสู้

สมศักดิ์ถูกลูกกระสุนปืนของฝ่ายกบฏล้มล้างรัฐธรรมนูญ มาพักรักษาอยู่ที่กองเสนารักษ์ พญาไท ก่อนเสียชีวิต เขากล่าวกับฤดี ภริยาผู้มาเฝ้าอาการว่า

"ฉันภูมิใจแล้วที่ฉันได้ตายในโอกาสเช่นนี้ ถ้าเขาเอาศพของฉันไปเผาที่ท้องสนามหลวงพร้อมกับศพของวีรชนอื่น ๆ และถ้าประชาชนจะพากันไปแสดงความอาลัยในผู้ซึ่งได้อุทิศชีวิตเพื่อความสันติสุขของประชาชาติไทย และเพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญอันศักดิ์สิทธิ์ ฉันก็ได้ตายด้วยความอิ่มใจอย่างที่สุด"

ชายหนุ่มผู้กล้าหาญได้เปล่งวาจาครั้งสุดท้ายก่อนจะขาดใจว่า

"ลาก่อนยอดรัก ลาก่อนรัฐธรรมนูญ"

สมศักดิ์ เด่นชัย ราษฎรหัวก้าวหน้าผู้กล้าหาญ อยู่ในเรื่องสั้นชื่อ ลาก่อนรัฐธรรมนูญ ของ ศรีบูรพา พิมพ์ครั้งแรกในหนังสือชื่อ เทอดรัฐธรรมนูญ ธันวาคม ๒๔๗๖ ในตอนต้นเรื่องเขียนว่า "อุทิศแด่วีรชน ๑๗ นาย ซึ่งได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อความสันติสุขของประชาชาติไทย"

หากดวงวิญญาณของสมศักดิ์ เด่นชัย ยังดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน คงเสียใจว่า มิอาจพิทักษ์รัฐธรรมนูญได้ดังประสงค์  :'(  


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 20, 15:58
จาก Facebook ของ Fuangrabil Narisroj

เด็กรุ่นใหม่ที่ถูกคณะส้มเน่าล้างสมองด้วยเรื่อง 2475 ให้ยึดเป็นสรณะในสมองเพียง “มิติเดียว” ราวกับว่าคณะราษฎร์นั้นคือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกกระทำ

แต่ในอีกมุมนึงนั้น ตอนที่คณะราษฎร์เรืองอำนาจ ก็ได้กระทำย่ำยีบีทาคนที่เห็นต่างไว้อย่างทารุณเช่นกัน ซึ่งเป็นอีก “มิติ” ที่เด็กรุ่นใหม่จำนวนมากไม่เคยรู้ !!!

ถ้าไม่นับกรณีที่พระบรมวงศานุวงศ์ที่ถูกข่มขู่สารพัดจนต้องเสด็จฯหนีไปลี้ภัยในต่างประเทศแล้ว

คนทั่วไปที่มิได้เป็นเจ้าก็โดนคณะราษฎร์ใช้อำนาจริดรอนเสรีภาพเช่นกัน ตรงนี้ต้องการนำเสนอเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่แต่หัวใจ 2475 อ่านเป็นข้อมูลเพื่อชั่งตวงวัดเปรียบเทียบให้เห็นด้วยว่า คณะราษฎร์นั้นก็มีมุมมืดเช่นกัน

คนที่ต้องหนีลี้ภัยไปต่างประเทศไม่ได้มีแค่ คนที่หนี คสช. หรือ ม.112 เฉพาะในยุคนี้ แต่มันมีมาก่อนแล้วโดยผู้กระทำคือ คณะราษฎร์นั่นเอง !!!!

เนื้อหาที่ยกมาให้อ่านนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของ พระยาศราภัยพิพัฒ ที่โดนกระทำโดยคณะราษฎร์ เรื่องราวเป็นอย่างไรเชิญอ่าน (เนื้อหาเต็มหาอ่านจากวิกิพีเดีย) //

“พระยาศราภัยพิพัฒ ได้รับราชการเป็นนายเวรวิเศษ เลขาประจำตัวของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นเจ้ากรมเสมียนตรา และปลัดทูลฉลอง กระทรวงกลาโหม

ถูกปลดออกจากราชการหลังการปฏิวัติ พ.ศ. 2475 พร้อมกับทำงานด้านหนังสือพิมพ์กรุงเทพเดลิเมล์ ไปพร้อมกับนายหลุย คีรีวัต นายสอ เศรษฐบุตร เป็นต้น

หนังสือพิมพ์กรุงเทพเดลิเมล์ที่พระยาศราภัยพิพัฒ นั้นได้ถูกเพ่งเล็งจากฝ่ายรัฐบาล (คณะราษฎร์) ว่าเป็นสื่อที่สนับสนุนการปกครองแบบเก่า

หลังเหตุการณ์กบฏบวรเดช ในปี พ.ศ. 2476 และพระยาศราภัยพิพัฒเขียนบทความชื่อ "ฟ้องในหลวง" โจมตี กรณีนายถวัติ ฤทธิ์เดช ยื่นฟ้องพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อศาลอาญา

อีกทั้งยังเดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ที่ปีนัง

พระยาศราภัยพิพัฒและพวกถูกหมายจับในข้อหาแจกใบปลิวเถื่อนและปลุกระดมการกบฏ จึงหลบหนีด้วยการลงเรือตังเกหนีลงทะเล แต่ถูกจับได้ที่อ่าวไทย

หลังจากนั้นจึงถูกส่งไปจำคุกในฐานะนักโทษการเมือง ที่เกาะตะรุเตา พร้อมกับนักโทษคนสำคัญอีกหลายคน

จนกระทั่งในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2482 เวลาประมาณ 23.00 น. พระยาศราภัยพิพัฒ พร้อมกับเพื่อนนักโทษอีก 4 คน คือ พระยาสุรพันธ์เสนี, ขุนอัศนีรัถการ, นายหลุย คีรีวัต และ นายแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์ ได้หลบหนีจากที่คุมขังเกาะตะรุเตา ในคืนเดือนหงาย พร้อมกับพกมีดชายธงคนละเล่ม ซ่อนตัวในแหเรือตังเก ไปยังเกาะลังกาวีของมาเลเซีย พร้อมกับได้ขอลี้ภัยการเมือง ณ ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งขณะนั้นยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ ซึ่งทั้งหมดได้สาบานกันว่าจะสู้ตายหากถูกจับได้

บุตรชายของพระยาศราภัยพิพัฒ ชื่อ เลอพงษ์ ศราภัยวานิช เป็นนิสิตคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เดินทางไปเยี่ยมบิดาระหว่างปิดภาคเรียน และเขียนบทความชื่อ "เยี่ยมพ่อ" ตีพิมพ์ในวารสารของมหาวิทยาลัย เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2484

ต่อมาได้ถูกคำสั่งของ พันเอกประยูร ภมรมนตรี (หนึ่งในสมาชิกคณะราษฎร์) รองอธิการบดีมหาวิทยาลัย ให้คัดชื่อออกจากการเป็นนักศึกษา “

นี่แค่เป็นตัวอย่างหนึ่งของผู้ที่ถูกคณะราษฎร์ ริดรอนสิทธิเสรีภาพ ยังมีตัวอย่างคนที่ “ถูกกระทำ” อย่างไม่เป็นธรรมจากคณะราษฎร์อีกมากมาย เช่น นายทุเรียนที่วิพากษ์วิจารณ์คณะราษฎร์ และถูกนำไปต้องขัง หรือ ลูกหลานคนในราชสกุลเทพหัสดินทร์ฯ 2 คน ที่คณะราษฎร์เอาไปประหารชีวิตเพราะ พ่อของเป็นฝ่ายระบอบเก่า เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะเล่าให้ฟังอีก !

https://www.facebook.com/nickfuang


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ก.ค. 22, 10:35
ทบ.รำลึกถึงทบ.จัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพล.อ.พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และบำเพ็ญกุศลแก่พันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม ซึ่งในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ถือว่าอยู่ตรงข้ามกับกลุ่มคณะราษฎรและยกเป็นแบบอย่างความจงรักภักดี

โดยพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ปรับปรุง พิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ พร้อมใช้ชื่ออาคารที่เชื่อมต่อกันว่าอาคารศรีสิทธิสงคราม มีห้องรับรองอเนกประสงค์ที่ตั้งชื่อว่าห้องบวรเดช

ปฏิบัติการลบเลือนประวัติศาสตร์คณะราษฏรยังคงดำรงอยู่ :o

ป้ายชื่อ "สะพานพิบูลสงคราม" ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๔ บนถนนประชาราษฎร์สาย ๑ ใกล้แยกเกียกกาย เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "สะพานท่าราบ"* แล้วใน พ.ศ. ๒๕๖๕

* ท่าราบ คือ นามสกุลของพันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ)


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ค. 22, 10:51
 :)


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ก.ค. 22, 15:35
ความจริงปรากฏว่าป้ายชื่อ "สะพานท่าราบ" เป็นเพียงป้ายอะคริลิก นำมาติดกาวปิดทับป้ายชื่อเดิม ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร สั่งให้รื้อทิ้ง โดยใช้ค้อนและชะแลงงัดแงะออกมา ทำให้ป้ายเดิมได้รับความเสียหาย เศษปูนหลุดลอกตามป้ายออกมาเป็นจุด ๆ และได้แจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป

จะสามารถหาชื่อผู้สั่งงานปฏิบัติการนี้ได้ไหมหนอ ⁉️


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ค. 22, 15:36
อ้าว พลิกล็อค
ปฏิบัติการลบเลือนน่าจะมี   แต่เป้าหมายไม่ใช่ประวัติศาสตร์คณะราษฏรซะแล้ว


ฮือฮา! เปลี่ยนชื่อสะพานพิบูลสงคราม เป็นสะพานท่าราบ กทม.โวยมือดีกลั่นแกล้ง

โลกโซเชียลฯ ฮือฮา เปลี่ยนชื่อสะพานข้ามคลองบางซื่อ จากเดิม "สะพานพิบูลสงคราม" เป็น "สะพานท่าราบ" ด้าน สำนักการโยธา กทม. ระบุเป็นการกลั่นแกล้ง สั่งรื้อออกและแจ้งความแล้ว

วันนี้ (2 ก.ค.) ในโลกโซเชียลฯ วิจารณ์กรณีที่มีการเปลี่ยนชื่อสะพานข้ามคลองบางซื่อ บนถนนประชาราษฎร์ สาย 1 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ซึ่งรับผิดชอบโดยสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร จากเดิมมีชื่อว่า "สะพานพิบูลสงคราม" ระบุเลข พ.ศ. 2514 เป็น "สะพานท่าราบ" พร้อมระบุเลข พ.ศ. 2565

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบพบว่าเป็นป้ายอะคริลิกข้อความ สะพานท่าราบ มาติดทับชื่อสะพานพิบูลสงคราม ซึ่งเป็นชื่อเดิม เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้ง จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ศูนย์ก่อสร้างและบูรณะ ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางโพ รวมทั้งรื้อป้ายดังกล่าวออกเรียบร้อยแล้ว

อ่านรายละเอียดได้ที่
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000062930


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ค. 22, 08:58
จาก FB ของคุณ  Nitipat Bhandhumachinda

เหตุการณ์เมื่อวานที่มีคนมือบอนเอาป้ายปลอมไปปิดทับป้ายจริงชื่อสะพาน จนมีคนออกมาโวยวายดิ้นกันว่า เป็นการ"ทำลายประวัติศาสตร์"นั้น
จริงๆแล้วชื่อสะพานพิบูลสงครามเอง ก็ไม่ได้มีประวัติศาสตร์อะไร นอกจากตั้งชื่อนี้เพราะ เป็นสะพานที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงานเก่าของท่านจอมพลฯ คือกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน
ส่วนความพยายามที่จะนำนามสกุล ท่าราบ ของท่านพระยาศรีสิทธิสงคราม หรือ ดิ่น ท่าราบ มาโยงว่า เป็นกบฏฝ่ายขวาต่อต้าน รัฐบาลของกลุ่ม คณะราษฎร เพื่อจะลากต่อไปว่า เป็นการพยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์ ของฝ่ายรักสถาบันนั้น
นอกจากจะปลอมมากแล้ว ยังเป็นการกระทำของคนที่สักแต่จะอ้างชื่อคนในประวัติศาสตร์ โดยมิได้ศึกษาหาความรู้ใดๆในหน้าประวัติศาสตร์เลย
พระยาศรีสิทธิสงคราม หรือท่านดิ่น ท่าราบนั้น จริงๆแล้วเป็นสหายสนิทของ พระยาพหลพลพยุหเสนา  และพระยาทรงสุรเดช เพราะไปศึกษาวิชาทหารที่เยอรมันนีด้วยกัน และตัวท่านเองนั้น ก็เป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่มีมุมมองว่า ระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้นล้าสมัย และต้องหาแนวทางสันติที่จะเปลี่ยนแปลงให้เป็นระบอบประชาธิปไตย
ครั้นมีการวางแผนจะปฏิวัติล้มล้างระบบการปกครองนั้น ก็มีการทาบทามท่านดิ่น โดยคนของคณะราษฎรอยู่หลายครั้ง จนมีการตกปากรับคำแล้วด้วย แต่มาถอนตัวเมื่อทราบว่า สหายสนิทของท่านทั้งสองนายนั้น เป็นผู้นำการปฏิวัติ
แต่ทั้งนี้ ท่านก็ไมไ่ด้ต่อต้านการปฏิวัติอะไรใดๆ และแม้จะทราบข้อมูลรายละเอียดในการจะปฏิวัติ ก็ไม่ได้นำความลับไปบอกกล่าวกับใครที่ไหน
และวันที่ทำการปฏิวัติกันนั้น ท่านก็นั่งฟังรายงานข่าวอยู่ที่เรือนท่านพระยาทรงฯ สหายของท่านนั่นเอง
หลังจากมีการปฏิวัติสำเร็จแล้ว อาชีพการงานของท่านก็เจอมรสุมจากความขัดแย้งกันของบุคลากรในคณะราษฎร ที่เมื่อมีอำนาจแล้วก็แย่งชิงกันจนแตกแยกเป็นก๊ก เป็นขั้ว จนเมื่อเกิดความไม่พอใจมากๆ ท่านก็ไปเข้าร่วมกับคณะของ พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช ก่อการรัฐประหาร ที่ไม่สำเร็จ และจบด้วยการเสียชีวิตของท่านเอง ในเหตุการณ์ที่เรียกกันในปัจจุบันนี้ว่า "กบฏบวรเดช"
 ส่วนท่านบวรเดช ผู้นำก่อการกบฏ นั้น จริงๆก็ไมไ่ด้เป็นขวาจัดเทิดทูนสถาบันฯ เพราะแท้จริงแล้วก็แสดงท่าทีต่อต้าน ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่หก และก็เคยได้รับการเชิญชวนให้เข้าร่วมคณะราษฎร และได้พูดคุยเสนอแนะให้กับคณะราษฎรมาก่อนการปฏิวัติด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อปฏิวัติสำเร็จ และตัวท่านบวรเดช ที่แม้จะไม่ได้ถูกควบคุมตัวเหมือนเชื่อพระวงศ์พระองค์อื่นๆ แต่ก็ถูกคัดค้าน จนไม่ได้รับตำแหน่งใดๆทางการเมือง อีกทั้ง ยังถูกเฝ้าระวังจากกลุ่มคณะราษฎร ด้วยความระแวงในอิทธิพลของท่านในกองทัพ จึงนำไปสู่ความอัดอั้นจน นำมาสู่การพยายามจะทำรัฐประหารในที่สุด
สรุปง่ายๆว่า ทั้งท่านบวรเดช และท่านดิ่น ท่าราบนั้น แม้จะก่อกบฏต่อต้านรัฐบาลของคณะราษฎร แต่ก็ไม่ได้ เกิดจากความต้องการจะฟื้นฟูระบอบสถาบันฯโดยตรง
แต่มาจาก ความขัดแย้งแย่งชิงอำนาจและการระแวงกัน ของบุคลากรในคณะราษฎรนั้นเอง เป็นมูลเหตุหลัก
ในยุคสมัยที่ บุคลากรหลายท่าน ในหน้าประวัติศาสตร์ ต่างใช้ชีวิตอยู่กลางความขัดแย้ง แบบ ชีวิตสีเทาๆ แต่คนยุคใหม่ ที่ได้รับข้อมูลเพียงครึ่งกลางๆ แต่พยายามยัดเยียด ให้บุคคลเหล่านั้น ไม่เป็น สีขาว ก็เป็น สีดำ เพื่อจะหยิบยกขึ้นมา สร้างความขัดแย้งกันเองอย่างนี้
จึงไม่ใช่แนวทางที่ฉลาด ถูกต้อง หรือเป็นธรรมอะไรใดๆ อีกทั้งเป็นการเพิ่มความขัดแย้งอย่างไร้ประโยชน์ใดๆต่อสังคมไทยในปัจจุบันนะครับ


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ก.ค. 22, 17:35
จะสามารถหาชื่อผู้สั่งงานปฏิบัติการนี้ได้ไหมหนอ ⁉️

ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนที่รับผิดชอบได้ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวจนทราบว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุอยู่ระหว่างคืนวันที่ ๓๐ มิถุนายน ต่อเนื่องวันที่ ๑ กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมี ชาย ๒ คน ผมสั้นเตียน ใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า สวมเสื้อคลุมแขนยาว ขับรถกระบะสีเลือดหมู มุ่งหน้ามาจากถนนสามเสน ผ่านแยกเกียกกายมาบริเวณดังกล่าว ก่อนนำป้าย ๔ แผ่นติดบริเวณดังกล่าว โดยใช้เวลาประมาณ ๑๗ นาที เนื่องจากออกไปช่วงเวลาประมาณ ๐๐.๒๒ น.

ก่อนที่จะออกจากบริเวณดังกล่าวได้ใช้เส้นทางกลับรถไปยังถนนสามเสน ตรงมาเลี้ยวซ้ายแยกบางกระบือ ก่อนวนอยู่บริเวณดังกล่าว จนกระทั่งตรวจสอบพบว่าใช้เส้นทางถนนสวรรคโลกแล้วหายไปจากบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยังมีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ป้ายดังกล่าวมีการจัดทำมาค่อนข้างดี เนื่องจากขนาดพอดีกับป้ายชื่อสะพาน เหมือนมีการวัดขนาดมาเป็นอย่างดี และตั้งใจจะให้ติดอยู่บริเวณสะพานดังกล่าวแบบถาวรโดยใช้กาวร้อนติดทับ

จาก ข่าวสด (https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7142081)

ได้ข้อมูลผู้ปฏิบัติงานแล้ว แต่จะสาวถึงผู้สั่งการคงยาก ‼️


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ค. 22, 18:25
น่าตีผู้สั่งการสัก ๒-๓ ผัวะ   
อุตส่าห์วางแผนให้ลูกน้องสวมเสื้อมิดชิด สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า   แต่ไม่ยอมให้สวมหมวกแก๊ป  ปล่อยทรงผมที่ไม่เหมือนชาวบ้านได้โชว์ในกล้องวงจรปิดกันเต็มตา
เท่านั้นยังไม่พอ  ยังเลือกสีรถกระบะที่ไปซ้ำกับสีหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งด้วย
เพื่อชี้เป้าให้เห็นทั่วกันว่า..นั่นไง ฝีมือพวกตัดผมสั้นแน่ๆ  หลักฐานเห็นชัดๆ    ถ้าเป็นก๊วนกวนเมืองยังไงก็ต้องผมยาว ผมรองทรง  ไม่มีวันตัดผมทรงนี้ได้หรอก 
อีกอย่าง ก๊วนอื่นไม่มีวันหารถกระบะธรรมดาๆมาใช้  ต้องใช้กระบะสีนี้แหละ 


กระทู้: กบฎบวรเดช นี่ทหารการเมืองเขาเล่นอะไรกัน?
เริ่มกระทู้โดย: ทิพยุทธ ที่ 09 ก.ค. 23, 18:19
ทั้งหมดมาจากความขัดแย้งของสองฝ่ายระหว่างอนุรักษ์นิยมกับสังคมยุคใหม่​ ไม่ใช่แค่ที่ประเทศไทย​ แต่ทุกประเทศจะมีวัฒนธรรมการเมืองการปกครองในรูปแบบศักดินา​ แทบทุกประเทศตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณมาจนปัจจุบัน​ ฝ่ายนึงใช้ความยึดมั่น​ อีกฝ่ายใช้อาวุธที่ทันสมัยพร้อมด้วย​ แผนการเมืองในแบบใหม่​ มีประชาธิปไตย​ ความเท่าเทียม​ มีการเรียน​ การรักษาโรคที่ทันสมัย​ โลกในยุคใหม่นี้ที่ดูเหมือนอะไรก็น่าจะดีกว่าของเดิม​ แต่นี่คือสิ่งที่ทำให้โลกเราเกิดสงครามไม่จบสิ้น​ ทุกคนแย่งชิงโอกาสที่จะเหนือกว่าคนอื่น​ ตั้งแต่เด็กเรายกย่องคนที่สอบได้ที่หนึ่งว่าเป็นเด็กดี​ ส่วนคนที่ไม่อ่านหนังสือสอบไม่ผ่านถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กไม่ดี​ เราถูกสอนให้แข่งขันแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันมาตั้งแต่เราเกิด​ คนเราถึงพยายามทำทุกทางเพื่อให้เหนือกว่าคนอื่น​ แต่กลับไม่รู้ว่าสิ่งนี้แหละคือต้นเหตุแห่งกลียุคนี้​ ผู้คนทำสงครามกันฆ่ากันได้แม้กระทั่งไม่รู้จักกันมาก่อน​ เพราะโลกเราทุกวันนี้ทุกคนถูกสอนให้ไร้ความเมตตา​ ถูกสอนให้แต่เอาชนะ​ ถึงสามารถมองเห็นเด็กที่อดอยากกำลังหิวตายได้โดยไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งน่าเสียดายในความได้เกิดเป็นมนุษย์เรา​ เรียนเก่งชนะคนอื่นได้เป็นหมอได้เป็นครู​ เรียนไม่เก่งก็รับราชการทำงานเอกชน​ แต่ก็ยังไม่พ้นแย่งชิงดีชิงเด่นชิงตำแหน่งกัน​ เลยพยายามทำทุกทางเพื่อให้ได้มา​ วันนี้สงครามไม่ได้เคยจบเลย​ เหมือนสเก็ดไฟที่อยู่ในกองฟาง​ รอวันประทุขึ้นมาใหม่​ เพียงแค่ครั้งนี้​ อาจเป็นครั้งที่หนักหนาที่สุดของไทยเรา​ ไม่ว่าที่ผ่านมาการเมืองไทยจะเป็นยังไงเราก็ยังสามารถรักษาความเป็นไทยมาได้จนถึงวันนี้​ บางทีก็เหมือนโชคช่วยในหลายๆสถานะการณ์ในประวัติศาสตร์​ แต่ผมเชื่อมั่นว่าโชคอย่างเดียวไม่เพียงพอให้เรามีชาติเรามาได้ถึงทุกวันนี้​ เรามีสิ่งศักสิทธิ์คู่บ้านเมือง​ และ​ สิ่งศักสิทธิ์นี้จะต้องคุ้มครองไทยให้เป็นไทยอยู่ดี​
ขออภัยที่นอกเรื่องไปหน่อยครับ​ เหตุการณ์บวรเดช​ผมก็เพิ่งมาสนใจครับ​ ทราบแค่ว่าคุณตาผมอยู่ฝ่ายนึง​ คุณแม่อยู่อีกฝ่ายนึง​ ผมยังแอบหยอกท่านเล่นๆว่าตอนพ่อแม่ผมแต่งงานกัน​ผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อกับแม่เขาจะรู้ไหมนี่​ ว่าลุงของแม่เป็นฝ่ายยิงพ่อของน้าของพ่อ  แล้วลุงแม่ก็ต้องหนีออกไปพม่า​