เรือนไทย

General Category => ห้องหนังสือ => ข้อความที่เริ่มโดย: chupong ที่ 19 ส.ค. 11, 16:46



กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 19 ส.ค. 11, 16:46
เรียนท่านอาจารย์เทาชมพู และท่านสมาชิกเรือนไทยที่เคารพทุกท่านครับ

   ผมเกิดแรงบันดาลใจในการตั้งกระทู้นี้ขึ้น เมื่อไปรื้อกรุหนังสือเสียงมาฟังครับ หยิบ “ลิลิตภควตี” ของท่านอาจารย์วันเพ็ญ เซ็นตระกูล มาสัมผัสอีกครั้ง หนังสือดังกล่าว ได้รับ “รางวัลวรรณกรรมไทยบัวหลวง” จากธนาคารกรุงเทพ ผมรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่รางวัลดีๆแบบนี้ยกเลิกไปแล้ว เลยมาขออนุญาตบ่นสักเล็กน้อยในตอนต้น แหละเชิญชวนทุกท่านในตอนท้ายครับ

   เท่าที่ผมพอรู้มาบ้าง (อย่างรัวๆรางๆเต็มที) หนังสือที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมไทยบัวหลวงมีหลายเล่ม ล้วนแต่เป็นผลงานอันทรงคุณค่า ธำรงไว้ซึ่งขนบการประพันธ์แม่แบบให้อนุชนได้ศึกษา แต่อนิจจา  อนาถหนอ มิทราบว่าเหตุใด หนังสือประทับตราบัวหลวงจึงถูกจัดพิมพ์ใหม่น้อยเล่มแหละน้อยหนนัก สมัยเมื่อละครฟ้าใหม่ทางช่องเจ็ดสีกำลังบูม สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งก็จัดพิมพ์ฟ้าใหม่ ของท่านศุภร บุนนาค ออกมาเล่มเบ้อเริ่ม ผมแอบหวังในใจว่า อีกมินานคงจะได้อ่าน “ผืนไผทนี้ล้ำ แหล่งคุณ” งานกวีนิพนธ์ที่ท่านศุภรได้รับรางวัลวรรณกรรมไทยบัวหลวง ในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ และแล้วผมก็กินแห้วอกหักครับ เพราะจนป่านนี้ก็ยังไม่พบหนังสือเล่มนั้นเลย

   ผมตามหา “ไตรภาคีคำฉันท์” ของท่านอาจารย์วิทยา ชูพันธุ์ เท่าไรก็ไม่ปะ เฉกเช่นเดียวกับเพียรแสวงงานกวีของท่านอาจารย์บุญเตือน ศรีวรพจน์ อย่าง “ลิลิตพระปฐมสมโพธิกถา”, “คนแจวเรือ”, “มหาชนกคำฉันท์” ซึ่งล้วนได้รับรางวัลบัวหลวงทั้งสิ้นก็มิสมอารมณ์หมาย นี่แหละครับที่ขอบ่น ทำไมนะ หนังสือสวยๆด้วยวรรณศิลป์จึงได้รับความสนใจจากสำนักพิมพ์ หยิบมาปัดฝุ่นน้อยเหลือเกิน นับว่ายังดีอยู่หรอกครับ ที่หนังสือสองเล่มของท่านอาจารย์ศิวกานท์ ปทุมสูติ อันได้รางวัลบัวหลวงชั้นที่หนึ่ง
คือ “สมเด็จพระภัทรมหาราชคำฉันท์” กับ “เพื่อนแก้วคำกาพย์” ผมตามไล่ซื้อทัน  มิทราบว่าปัจจุบันหายากหรือเปล่าก็ไม่รู้ซีครับ

   ผมเคยเข้าเว็บไซต์ของธนาคารกรุงเทพ มุ่งหวังค้นคว้าเรื่องวรรณกรรมไทยบัวหลวงโดยเฉพาะ หากก็มิเจอลิงค์ใดๆให้เข้าถึงข้อมูลต้องประสงค์ (บางที อาจเนื่องด้วยความเขลาในการท่องเว็บของผมก็ได้ครับ) จึงมาขอความกรุณาทุกๆท่านในย่อหน้าท้ายครับ ท่านใดพอจะทราบว่า หนังสือเล่มไหนได้รับรางวัลวรรณกรรมไทยบัวหลวง โปรดสละเวลานำมาโพสต์ไว้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาด้วยเถิดครับ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูงยิ่ง
ชูพงค์ ตรีวัฒน์สุวรรณ

 


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ส.ค. 11, 17:51
ถ้าหารายชื่อก็พอหาจากกูเกิ้ลได้   แต่เนื้อหา ถ้านำมาลงทั้งหมด   เกรงว่าจะมีปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ค่ะ
นอกเสียจากว่า มีลงอยู่ในเว็บอื่นแล้วโดยเจ้าของวรรณกรรมอนุญาต    อย่างนั้นก็นำลงได้


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 20 ส.ค. 11, 07:36
กราบขอบพระคุณในคำแนะนำของท่านอาจารย์เทาชมพูครับ ขั้นตอนต่อไปที่ผมจะต้องกระทำ คือ พึ่งคุณ google รวบรวมรายชื่อหนังสือวรรณกรรมไทยบัวหลวงเท่าที่ได้แล้วตระเวนสำเนาเอกสารตามหอสมุดต่างๆครับผม



กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ส.ค. 11, 17:38
ดิฉันหาหนังสือที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมบัวหลวงมาให้คุณชูพงศ์     ไม่ได้เรียงลำดับปี หรือประเภทของวรรณกรรม
เรียกว่าเจอเล่มไหนก็เอามาลงให้อ่านกัน  เผื่อคุณชูพงศ์จะไปหาอ่านได้ง่ายขึ้น

คำอ้าย  นวนิยายรางวัลวรรณกรรมบัวหลวง ประจำปี 2532  ผู้แต่ง ยงค์ ยโสธร  หรือประยงค์ มูลสาร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

เป็นชีวิตของชาวอีสาน แสดงให้เห็นผ่านเด็กชายคำอ้าย  ลูกชายคนโตของครอบครัวชาวนายากจน ต้องรับภาระช่วยพ่อแม่ทำงานตั้งแต่ยังเด็กและเด็กหญิงจันจ้อย เพื่อนบ้าน
ถ้าคุณชูพงศ์ชอบชีวิตท้องไร่ท้องนา กลิ่นไอของท้องทุ่ง และวัฒนธรรมธรรมแบบอีสาน  เช่นประเพณีบุญบั้งไฟ ประเพณีลงข่วง ผู้สาวเข็นฝ้าย ผู้ชายเป่าแคน
ก็คงจะชอบเรื่องนี้



กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 23 ส.ค. 11, 15:34
เรียนท่านอาจารย์เทาชมพูครับ

   คุณพ่อผมท่านเป็นคนจังหวัดอุดรธานีครับอาจารย์ ผมขึ้นไปอุดร เพื่อกราบคุณพ่อคุณแม่ เยี่ยมพี่ๆน้องๆเป็นครั้งคราว แต่ก็ขลุกอยู่ในอำเภอเมืองเสียส่วนใหญ่ ไม่มีโอกาสไปเรียนรู้ประเพณีวิถีชีวิตคนอีสาน เนื่องจากช่วงนั้นยังเด็ก มัวระเริงอยู่กับการเล่น พี่เลี้ยงคนอำเภอบ้านผือ (ซึ่งปัจจุบันแต่งงานไปแล้ว) เล่าอะไรๆให้ฟังตั้งหลายอย่างก็มิได้สนใจจำ ผมเพิ่งจะมาเพลิดเพลินม่วนซื่นกับวัฒนธรรมแห่งที่ราบสูงครั้งแรกก็จากนวนิยาย “ลูกอีสาน” ของท่านคำพูน บุญทวี ครับ ฉะนั้น การอ่าน “คำอ้าย” ดังที่ท่านอาจารย์กรุณาแนะนำ จึงเป็นวิธีต่อยอดความรู้ให้งอกเงยแหละงอกงาม อันเป็นสิ่งชื่นชอบของผมในเวลานี้ยิ่งยวดครับ
   


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 11, 15:55
เจออีกเล่มหนึ่ง   ชื่อ "หนึ่งทรายมณี" ของศิวกานท์ ปทุมสูติ  ได้รับรางวัลวรรณกรรมบัวหลวงประเภทกวีนิพนธ์ พ.ศ. 2540
ได้ตัวอย่างบทกวีในโอเคเนชั่น จึงนำมาลงให้คุณชูพงศ์อ่านค่ะ

                                 ขาย...

         เพียงขอให้กูขาย                 กำไรหลายแล้วกูเอา

          ฉิบหายอันใดเล่า                 กูไม่รู้กูไม่เห็น

          ขายสิทธิ์ทุกทิศที่                ที่ชอกช้ำที่ลำเค็ญ

          ตกทุกข์แล้วขุกเข็ญ             เพราะเหตุขายมาหลายครั้ง

          ขายเกียรติอุดมการณ์            ขายวิญญาณทั้งชีพยัง

          รับซองรับใบสั่ง                  คอยรับใช้นายเหนือหัว

          นายเงินมันบังคับ               มันบัญชาเช่นควายงัว

          หุ่นยนต์ทุกตนตัว               ก็ไม่ต่างในสภา

          ปลอมสายสะพายพาด         ขายเครื่องราชล่วงอาชญา

          เสี่ยงบุญวาสนา                 ชะตาอับอยู่สับสน

          ขายอาวุธสงคราม              ย้อนสงครามมาฆ่าคน

          ขายชาติประชาชน            อย่างเลวชาติอนาถใจ


          ขายแดนแผ่นดินอยู่           ให้ศัตรูสู่อาศัย

         จักพอกจักพูนภัย                แก่แผ่นดินมิใยดี

         ขายทั่วทุกหัวระแหง            ขายตำแหน่งขายเก้าอี้

         สังคมโสมมทวี                   ก็ช่างสังคมปะไร

         ขายลายสือลายเซ็น            โดยเส้นสนแห่งกลใน

         เส้นตรงเส้นโค้งใคร            ไหนจะเด่นเท่าเส้นคด

         ขายจรรยาบรรณบิด             ความถูกผิดที่ปรากฏ

         ขายปณิธานพจน์                 ที่เคยพร่ำจะบำเพ็ญ

         ขายกันทุกโอกาส               เมื่อโอกาสอำนวยเห็น

         ทุกกิจทุกการเป็น                เส้นทางค้าในธานี

        เพียงขอให้กูรวย                   ด้วยการขายในวันนี้

        กูไทยใจอัปรีย์                     มีหรือที่จะไม่ขายฯ

                                           


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 23 ส.ค. 11, 16:09
สุดแสบ...สุดสะใจครับอาจารย์ บทกวีของท่านศิวกานท์ ปทุมสูติ บทนี้ ยังใช้การได้จริงๆ เพี่ยง... ขอให้พวกชอบขายทั้งหลายทั้งปวงจงได้อ่านกันถ้วนหน้าเทอญ
 


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 11, 08:44
"อสีติมหาสาวก" โดย อาจารย์บรรจบ บรรณรุจิ  ได้รับรางวัลชนะเลิศวรรณกรรมบัวหลวง พ.ศ. ๒๕๓๗

เป็นเรื่องย้อนไปสมัยพุทธกาล  กล่าวถึงชายหนุ่มสองคน เกิดในตระกูลพราหมณ์แห่งเมืองนาลันทา คนหนึ่งชื่อ "อุปติสสะ" อีกคนชื่อ "โกลิตะ" ทั้งคู่มีอายุคราวเดียวกัน   ตระกูลทั้งสองคบหากันมานานถึงเจ็ดชั่วอายุคน   ทั้งสองหนุ่มจึงเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็ก เรียนหนังสือก็เรียนด้วยกัน มีอาจารย์คนเดียวกัน จะไปเที่ยวไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันพร้อมกับบริวาร

วันหนึ่ง ในเมืองราชคฤห์มีงานประจำปีอยู่อย่างหนึ่งคือการแสดงมหรสพบนยอดเขา  มีทั้งการเล่นละครและการแสดงอื่นๆ แต่ละปีจะมีผู้คนจำนวนมากทั้งในเมืองและต่างเมืองเดินทางมาชมการละเล่น   ขณะที่นั่งดูมหรสพนั้น อุปติสสะและโกลิตะก็เหมือนกับคนดูอื่นๆ ที่มีความรู้สึกคล้อยตามบทบาทของตัวละคร ถึงตอนสนุกสนานก็หัวเราะครึกครื้น ถึงตอนที่เศร้าโศกก็รู้สึกหดหู่เสียใจ ถึงตอนให้รางวัลก็จะตบรางวัลแก่ผู้แสดง

แต่มาในปีนี้ทั้งสองกลับไม่มีอาการเช่นนั้น ความรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ถึงเวลาที่ผู้คนหัวเราะ ก็ไม่ได้มีอารมณ์หัวเราะสนุกสนาน เมื่อถึงเวลาที่ผู้คนร้องไห้ก็ไม่มีอาการเศร้าโศกเสียใจไปกับเขา

ความรู้สึกในใจของท่านทั้งสองต่างคิดว่า...ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ ตัวละครที่กำลังแสดงอยู่นี้   อยู่ได้ไม่ถึงร้อยปี ก็ต้องตาย
มีตัวละครใหม่มาแทน เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า   ตัวเราเองมาหลงดูอยู่ทำไม    ไฉนจึงไม่แสวงหาทางที่จะพ้นจากสิ่งเหล่านี้

ความเบื่อหน่ายในการดูละครส่งผลให้เกิดเบื่อหน่ายในชีวิตความเป็นฆราวาส   เมื่อละครเลิกทั้งสองพร้อมด้วยบริวารจึงออกบวชในสำนักสัญชัยปริพาชก   ต่อมาภายหลังเมื่ออุปติสสะได้พบพระอัสสชิและได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว   จึงชวนกันมาบวชในสำนักพระพุทธเจ้า ได้รับเอหิภิกขุอุปสัมปทา  คือพระพุทธเจ้าทรงบวชให้เอง
อุปติสสะได้นามว่าพระสารีบุตร ส่วนโกลิตะก็คือพระโมคคัลลานะ  ในที่สุดก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาและซ้าย


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 24 ส.ค. 11, 11:02
สาธุ สาธุ สาธุ แค่ได้อ่านเรื่องย่อที่ท่านอาจารย์เทาชมพูนำมาลงก็ถือเป็นบุญของผมแล้วครับ เพราะสดับด้วยใจคารวะยิ่ง ผมมีความภูมิใจเล็กๆประการหนึ่ง ขออนุญาตเรียนอาจารย์ครับ นั่นคือ แม้ผมยังมิอาจเข้าถึงพระธรรมอย่างลึกซึ้ง แต่ก็ได้สัมผัสพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผ่านธรรมนิยายบางเรื่อง งานเขียนธรรมประยุกต์บางชิ้น อย่างน้อยๆ ก็ไม่เสียทีที่เกิดมาประสบร่มเงาแห่งพระบวรพุทธศาสนาครับผม



กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 11, 15:12
ดิฉันพยายามหารายชื่อวรรณกรรมบัวหลวง แต่ไม่เจอเว็บไหนเลยที่รวบรวมเอาไว้เป็นหมวดหมู่    เจอแต่รายชื่อในเว็บห้องสมุดบ้าง  ในประวัติของนักเขียนบ้าง 
และไม่มีคำวิจารณ์ผลงาน มากกว่านี้
หาเจอรายชื่อหนังสือกวีนิพนธ์อีกเล่ม คือ วรรณกรรมไทยบัวหลวง เรื่อง โมกขวรรณนา ของ อรอนงค์ ตั้งก่อเกียรติ  แต่ไม่เจอตัวอย่างในหนังสือ

อ่านพบในประวัตินักเขียนว่าอัศศิริ ธรรมโชติและประภัสสร เสวิกุล ได้รางวัลวรรณกรรมบัวหลวงทั้งสองคน   แต่ไม่ทราบว่าเรื่องอะไร


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 24 ส.ค. 11, 15:58
เรียนท่านอาจารย์เทาชมพูครับ

   เหตุบันดาลใจที่ผมตั้งกระทู้ ก็เพราะ รู้สึกว่ารางวัลวรรณกรรมไทยบัวหลวงนี้อาภัพ (กว่าซีไรต์ หรือรางวัลอื่นๆ) ทั้งๆเป็นรางวัลคุณภาพ ที่น่าขำแกมขื่นก็คือ แม้เว็บไซต์ธนาคารกรุงเทพเองก็มิได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ต่อไป หนังสือดีมิสูญหายไปทีละเล่ม ทีละเล่มหรือไร ผมเสียดายครับอาจารย์

   งานของท่านอัศศิริ ธรรมโชติ ศิลปินแห่งชาติที่ได้รับรางวัลบัวหลวงผมเองก็ขาดข้อมูลเช่นกันครับ ส่วนของอาจารย์ประภัสสร เสวิกุลที่ได้รับรางวัลนี้ (รางวัลชมเชย) ดูเหมือน.... ดูเหมือน จะเป็นนวนิยายเรื่อง “ชี้ค” หรืออย่างไรนี่แหละครับ ผมเคยแว่วๆมาว่าอย่างนั้น แต่ก็ไม่มั่นใจเสียเลยครับ นวนิยายของอาจารย์ประภัสสรที่ผมฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำเล่าก็ซ้ำแล้วโดยไม่เบื่อ คือ “อำนาจ” กับ “ชี้ค” ครับ


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 11, 16:04
กลับไปค้นหาผลงานของคุณอัศศิริที่ได้รางวัลวรรณกรรมบัวหลวงอีกครั้ง     
เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นชื่อ ขอทาน แมว และคนเมา
มีคำอธิบายจากสำนักพิมพ์ไว้ว่า
" รวมเรื่องสั้นรางวัลวรรณกรรมบัวหลวงของอัศศิริ ธรรมโชติ จะพิมพ์ภาพที่พักรอรถเมล์ เด็กเร่ร่อน และความละอายต่อสำนึกภายในของตนไว้ในใจนักอ่านหลายคน ด้วยฉากธรรมดาของโลกที่เปี่ยมด้วยสีสัน อารมณ์ เนื้อหากระชับ คมคาย สัมผัสเหตุการณ์เจนตาผ่านสายตาคมลึกและจิตนาการที่อาจน้อมนำจิตใจท่านสู่ห้วงความคิดลึกซึ้งและมีความหวัง เนื้อหาจากปลายปากกาของนักเขียนผู้นี้ยังเข้มข้นและสร้างสรรค์"


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 25 ส.ค. 11, 17:09
เรียน ท่านอาจารย์เทาชมพูครับ

   ผลงานวรรณกรรมรวมเรื่องสั้นของท่านอัศศิริ ธรรมโชติ ที่ผมเคยสัมผัส มีเพียงสองเล่มเท่านั้น (อายจัง) คือ “ขุนทองเจ้าจะกลับเมื่อฟ้าสาง” กับ “เหมือนทะเลมีเจ้าของ” ครับ ห้องสมุดหนังสือเสียงยังมี “ทะเลร่ำลมโศก” “มหกรรมในท้องทุ่ง” และอาจมีเรื่องอื่นๆของท่านอีก ผมต้องหาโอกาสฟังเพิ่มให้ได้ครับ

   นึกถึงวรรณกรรมไทยบัวหลวง รางวัลชมเชยได้อีกหนึ่งเล่มครับอาจารย์ เล่มโปรดของผมเสียด้วย “อาทิตย์ถึงจันทร์” ของท่านเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ผมอ่านงานกวีนิพนธ์ร่วมสมัยแล้วร้องห่มร้องไห้ก็เรื่องนี้แหละครับ
 


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 11, 20:47
ตัวอย่าง อาทิตย์ถึงจันทร์  รางวัลชมเชย วรรณกรรมบัวหลวง พ.ศ. ๒๕๑๖
        ศรีสิทธิพิเศษสิทธิ์  จตุริทธิบาท   อวยอำนาจอำนรรฆ   ผลักแผ่นผาเป็นผง  ปลงแผ่นดินเป็นด้าว  น้าวแผ่นน้ำมาน้อม
ห้อมเวหาให้เหิน  เชิญเมืองฟ้ามาฝัน  เกลื่อนกันดารเมืองดิน   สยามินทร์แมนสรวง  ปวงประชาหน้าชื่น  ทิวารื่นรมณีย์
ราตรีเริงรมยา  กรุงเทพมหานคร  อมรรัตนโกสินทร์   เลิศระบิลระเบง  ลือละเวงว่อนหล้า  ต่างมาค้ามาขาย  ตวงตังวายเวียงตน  จนประชาหน้าชืด  มืดหม่นมัวทั่วเมือง   ระเคืองระคายคัน  อันตรายากาศ  พินาศผ่านอรรณพ    พิภพพิราลัย  หายหทัยไทยขาดด้าว  ร้าวร้าวระริกรัว  ความกลัวเข้าครอบกรุง  อำรุงอุรารัฐ   อัตคัดอุราราษฎร์   อำนาจอำนวยเนือง  กินเมืองกันหมักหมม  สะสมอภิสิทธิ์   ไพร่ผิดติดตะราง  ขุนนางกินตำแหน่ง  ผิดแต่งตั้งเป็นถูก   ลูกเมียเข้าเนียนัว  ครอบครัวเข้าครอบครอง จองผูกขาดราชกิจ
ทำผิดให้เด็กเห็น  เด็กเป็นว่าเด็กปลอม  เด็กผอมว่าเด็กพี   เด็กดีกลับดุด่า  เด็กซื่อว่าเด็กซน  จนเกิดเหตุหฤโหด   ผีโขมดเข้ามาเมือง  ฟ้าเหลืองตะวันเลือด  เดือนเดือดดาวดิ่งดับ    ไทยขับไทยเข่นฆ่า  ป่าช้าประชาชน  จลาจลประจัญบาน   จักจารจดแค้นคั้น  โคลงดั้นบาทกุญชร  เชิงประกาศ   ยาตรบาทย่างย้ำไว้  อย่าวาย
          ๑  สยามินทร์เมืองมาศตั้ง                                  แต่บูรพ์
ละเอียดละออลาย                                        ดิลกหล้า
พระศาสน์พิสุทธิ์พูน                                      ไพโรจน์
ยศพระยอแย้มฟ้า                                        เฟื่องฝัน

๒  ประมวลปราโมทย์ไว้                          ทุกวาร
ดิเรกดุริยบรรณ                                       ระเบียบร้อย
ระบือเลบงการ                                       กวีเวทย์
เกลียวกระหนกน้อยช้อย                         ชดหาว

๓  ไพศาลพิเศษสร้าง                                พุทธศิลป์
คือสื่อพระสัจจ์สกาว                                   เก็จแก้ว
สะอาดสงบริน                                            รำงับ
ไสวสว่างพร่างพร้อยแพร้ว                         สะพรั่งใจ

๔  วังวัดวาววับแก้ว                                     ผกายกรอง
ผ่องปภัทร์ศรัทธาไทย                                    ท่วมด้าว
ทุ่งทิพย์ลิบลิ่วทอง                                      เปลวทาบ
นาเจิ่งน้ำโน้มน้าว                                        หนักรวง

๕  รวงหนึ่งระนาบนี้                                     หนักนัก
คุณแม่มาปูนปวง                                        ปากป้อน
คุณแม่ขอบคุณสัก                                      แสนส่วน
ฤๅครึ่งคำเสี้ยวช้อน                                      ชักถึง

๖  มาแม่อย่าด่วนด้วน                                     แผ่นดิน
มาแม่ฟังกรรดึง                                           กล่อมด้าว
ใจแม่หล่อใจริน                                           ใจราษฎร์
ราษฎร์แหล่งเมืองฟ้าน้าว                                  นี่หนอ

๗  เกิดแล้วสิบชาติตั้ง                                    เป็นตน
ขอเกิดขอตายขอ                                         ครบถ้วน
คู่แผ่นพระพุทธพล                                       โพสพ
ทองประกายแก้วล้วน                                  เลิศลอย

๘  เขียวขาบตะขบเข้ม                                   เต็มเขียว
แสงพระขับข่มพลอย                                     เพชรแท้
ประหวัดระบัดเรียว                                        รวงอ่อน
ขจีขจิตเนื้อแท้                                           ถ่องธรรม


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 11, 16:46
หามาได้อีกเล่มหนึ่งคือ  หนังสือรวมเรื่องสั้น “รถไฟสังกะสีขบวนสอง”  ของ วัฒน์ วรรลยางกูร  ได้รางวัลชมเชย ของวรรณกรรมไทยบัวหลวง  ประจำปี พ. ศ. 2533 
แต่หารายละเอียดไม่พบเลยค่ะ


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 11, 16:52
สมเด็จพระภัทรมหาราชคำฉันท์  ของศิวกานท์ ปทุมสูติ ได้รางวัลวรรณกรรมไทยบัวหลวง  ปี ๒๕๒๔   แต่หารายละเอียดไม่ได้  เจอแต่ตัวอย่างบทร้อยกรองจากเรื่องนี้
 
       อินทรวิเชียรฉันท์: สารถีขับรถ
       ทรงศรีวิสิฐฐา-                      นะพระราชศรีทรง
งามยิ่งพระยศยง                           สิริบงพระยิ่งงาม
       ยามยุคนิยมกาล                    กลจาร ณ ยุคยาม
ไทยรัฐจรูญนาม                            ก็เพราะรามณรัฐไทย
                                       (สมเด็จพระภัทรมหาราชคำฉันท์)


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ส.ค. 11, 12:05
ได้รายชื่อหนังสือกวีนิพนธ์ที่ได้รางวัลวรรณกรรมบัวหลวงมาอีก ๓ เรื่อง  ผู้แต่งคนเดียวกันคือ คุณบุญเตือน  ศรีวรพจน์
๑ “ทศชาติคำฉันท์”  พ.ศ.๒๕๔๒
๒ “มหาชนกคำฉันท์” พ.ศ.๒๕๓๙
๓ “คนแจวเรือ”  พ.ศ.๒๕๓๘
แต่ยังหาตัวอย่างงานไม่ได้ค่ะ




กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 29 ส.ค. 11, 13:04
กราบขอบพระคุณข้อมูลเพิ่มเติมจากท่านอาจารย์เทาชมพูครับ สำหรับท่านอาจารย์บุญเตือน ศรีวรพจน์ ผมเคยไปกราบท่านมาแล้วเมื่อคราวไปแวะซื้อหนังสือที่สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ครับ ท่านเล่าให้ฟังว่า ทศชาติคำฉันท์นั้น สำนักวรรณกรรมฯ จัดพิมพ์แจกฟรีให้แก่สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ ภายหลังจากนั้นไม่นาน มีสำนักพิมพ์ดับเบิ้ลนายน์มาขอซื้อลิขสิทธิ์ แต่แล้วก็ซื้อไปดอง (ผมจงใจระบุชื่อสำนักพิมพ์เพื่อร้องเรียนกลายๆครับ) ท่านอาจารย์สันนิษฐานว่า ที่เขาไม่พิมพ์เพราะ...
   “เขาคงเห็นมันไม่ได้กำไร ไม่คุ้มทุนหละมั้ง” สรุปก็คือ ทศชาติคำฉันท์มีอายุสิบเอ็ดปีกว่าๆ ยังไม่ได้รับการพิมพ์เป็นครั้งที่สองเลย อนาถเอ๋ย อนาคตเมืองหนังสือโลก (หุย ฮา) หนังสือล้ำค่า วรรณกรรมของแผ่นดินตนหลายเล่มยังทำตกหล่นสูญหาย หรือไม่ก็ทอดทิ้งให้เดียวดายในห้องสมุด หอสมุด ในสภาพเก่าคร่ำคร่า ผมขมขื่นจริงๆครับอาจารย์
     


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 30 ส.ค. 11, 09:29
เรียนท่านอาจารย์เทาชมพูและท่านสมาชิกเรือนไทยทุกท่านครับ

   อนุสนธิจากการที่ผมไปกราบท่านอาจารย์บุญเตือน ศรีวรพจน์ ดังได้กล่าวไว้ในความเห็น ๑๗ นั้น ทำให้ผมได้ทศชาติคำฉันท์มาไว้ในครอบครอง ท่านอาจารย์บุญเตือนเมตตามอบให้มาศึกษาเป็นคู่มือฉันท์ครับ เลยขออนุญาตนำบางส่วนมาเผยแพร่ในกระทู้นี้เพื่อประกาศเกียรติแห่งกวีผู้รจนา แหละฉายความงามแห่งอัญมณีของภาษาไทยให้เฉิดฉันพรรณรายครับ

   ทศชาติคำฉันท์ รวมคำฉันท์สิบเรื่องไว้ในเล่มเดียว ได้แก่
๑.   เตมียกุมารคำฉันท์
๒.   มหาชนกคำฉันท์
๓.   สุวรรณสามคำฉันท์
๔.   เนมิราชคำฉันท์
๕.   มโหสถคำฉันท์
๖.   ภูริทัตคำฉันท์
๗.   จันทกุมารคำฉันท์
๘.   นารถคำฉันท์
๙.   วิธุรคำฉันท์
๑๐.   มหาเวสสันดรคำฉันท์

ตัวอย่างแรก ผมนำวิชชุมมาลาฉันท์ ๘ มาเสนอก่อนครับ

   ฟ้าสางรางรุ่ง
ทิวรุ้งรำไพ
อบอุ่นเอื้อไอ
อาทิตย์อาทร
แสงเงินแสงทอง
เรืองรองอัมพร
ปักษินบินจร
มุ่งหน้าหากิน

   คุ่มเขาเว้าวอน
จับคอนขันคู
ลิงค่างร้างคู่
เกริ่นกู่ชู้ชิน
ผัวโหวยโหยเห็น
เยือกเย็นยามยิน
แจ้วแจ้วอาจิณ
วังเวงเพลงไพร

   ร่ำไรไห้หวน
สำนวนสำเหนียก
กาเหว่าเร้าเรียก
พร่ำเพรียกหาใคร
อาลัยอาวรณ์
จักจรหนใด
หวามวับจับใจ
จำเรียงเสียงหวาน

   ฟ้าแจ่มแช่มชื่น
ตนตื่นต่างเตือน
อย่าช้าแชเชือน
เร่งเร้าเอางาน
กลางไพรไก่แก้ว
ขันแว่วกังวาน
โก่งคอขับขาน
ซาบซึ้งทรวงใน

   มาลีหลากหลาย
กำจายกำจร
โกสุมเกสร
หอมรื่นชื่นใจ
นางฟื้นตื่นตา
หวั่นว้าอาลัย
ลำเค็ญเป็นไป
ที่ในอารัญ

   กรุ่นกลิ่นบุปผา
ลมพารำเพย
สอดสีคลี่เผย
ทุกพุ่มพฤกษ์พรรณ
น้ำค้างค้างหญ้า
น้ำตาตื้นตัน
เคว้งคว้างเสียขวัญ
แรมร้างวังเวียง

   สองข้างยางยูง
ป่าสูงสาขา
กร่างไกรหวายหว้า
แคคางขึ้นเคียง
สีเสียดสนสัก
รังรักรายเรียง
ดำเนินเมิลเมียง
ไร้เพื่อนรำพัน

   ไม้โศกโยกกิ่ง
โศกยิ่งอกเอย
โศกใดใครเลย
โศกเท่าเทียมทัน
โศกสุดโศกเศร้า
โศกเหงาเงียบงัน
โศกใจจาบัลย์
โศกซ้ำจำไกล

   จากไกวไหวก้าน
จากบ้านจากเมือง
จากร้าวคราวเคือง
จากร้อนราวไฟ
จากเน้นเห็นจาก
จากพรากกลางไพร
จากฉัตรเวียงชัย
จากด้าวแดนเดิม

   จันลูกสุกงอม
จันทน์หอมหวนหา
จันทร์ลับร้างฟ้า
อกรุ่มสุมเสริม
จันผลหล่นร่วง
จันทน์จวงเคยเจิม
จันทน์หอมตรอมเติม
ไร้จันทน์รัญจวน

   เต่าร้างร้างถิ่น
ร้างสิ้นยศศักดิ์
ร้างญาติขาดรัก
ร้างเริดฤาควร
อ้างว้างร้างแรก
ร้างแปลกแปรปรวน
ร้างห้องไห้หวน
ร้างชื่นขื่นขม

   อุ้มท้องเดินทาง
มากลางแถวเถื่อน
เป็นม่ายใครเหมือน
สิ้นสุขทุกข์ตรม
เดือดร้อนร่อนเร่
ซัดเซซานซม
อ่อนล้าปรารมภ์
อิดโรยแรงตน ฯลฯ
   (มหาชนกคำฉันท์ นิพนธ์โดย ท่านอาจารย์บุญเตือน ศรีวรพจน์)

   ฝีมือชั้นครูเยี่ยงนี้ ควรหรือจะพิมพ์แค่ครั้งเดียว?


 


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ส.ค. 11, 09:43
อาจารย์บุญเตือนเขียนได้ไพเราะมาก   อ่านบทแรก ถ้าครูเอื้อ สุนทรสนานยังมีชีวิตอยู่คงจะใส่ทำนองเพลงให้แล้ว
น่าเสียดายว่าในปัจจุบัน คนมีใจรักกวีนิพนธ์พอจะติดตามอ่านเป็นเล่มได้ มีจำนวนน้อยลงทุกที  จนหนังสือประเภทร้อยกรองในยุคปัจจุบัน แทบหาไม่พบตามชั้นหนังสือ


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 30 ส.ค. 11, 10:44
เรียนท่านอาจารย์เทาชมพูครับ

   ฉันท์ที่นำมาลง ผมพิมพ์จากสมุดข้างหมอนครับ คุณน้าท่านกรุณาบอกจด ผมนั่งคลำ นั่งจำ แล้วก็ยังซาบซึ้งมิหาย หนังสือคำฉันท์อีกหลายเล่ม ผมพยายามตามหา แต่ก็คงทำได้อย่างดีแค่เข้าหอสมุดแล้วสำเนาเอกสาร อยากมีรูปเล่มสวยๆไว้ให้ปลื้มจิตบ้างก็ช่างยากเย็นเต็มทีครับอาจารย์

   อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ เป็นฉันท์ที่กวีไทยนิยมใช้มาก ทั้งในโบราณกาลแหละในงานนิพนธ์ร่วมสมัย ลองมาสัมผัสฝีมือท่านอาจารย์บุญเตือน ศรีวรพจน์บ้างครับ

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

   สองราชตระบัดไข
หฤทัยอุภัยพูน
รักแก้ววรางกูร
ชนม์สุขเฉลิมศรี

   อ้าพ่อเจริญพรต
มละยศมิยินดี
อ้าพ่อมิปรานี
บิตุเรศเพราะเหตุใด

   อ้าพ่อสกุลเชษ-
ฐพิเศษกษัตริย์ชัย
อ้าพ่อมิรักใน
ชนนีกำเนิดมา

   อ้าเชิญอำรุงรัฐ
บุริฉัตรและอาณา
อ้าเชิญผดุงกา-
สิกด้าวบดินทร์แดน

   อ้าพ่อจะเนาพง
พนคงจะขาดแคลน
แฝกฟากลำบากแสน
บริโภคผลาหาร

   อ้าพ่อผิผ่านภพ
นิธิครบศฤงคาร
พร้อมภาชน์สุพรรณพาน
รสลิ้มละมุนมี

   อ้าพ่อผนวชถือ
ตบะคือพระโยคี
รกเรื้อและเสือสี-
หฉกาจจะกัดกิน

   อ้าพ่อบุรีเรา
นุชเยาวโฉมฉิน
ชื่นฉอเลาะนาริน
ตละรู้บำเรองาน

   อ้าพ่อพนมเปลี่ยว
ฤจะเดี่ยว ณ ดงดาล
อ้าพ่อวิกาลกาล
สรหริ่งและลองไน

   อ้าพ่อนิเวศวัง
ดุริย์สังข์ประสมใส
ค่ำคืนอนงค์ไข
พิเราะขับสะคราญเคียง

   อ้าพ่อบุรีวัล-
ลพล้วนจะล้อมเรียง
ใฝ่ภักดิพร้อมเพรียง
พลรักษ์ระวังภัย

   อ้าพ่อพนาสณ-
ฑสถลสถานไกล
อ้าพ่อจะอยู่ไย
นะอเนจอนาถหนอ

   อ้าพ่อประชาสา-
ธุสวามิภักดิ์รอ
อ้าพ่อบิดาขอ
ดนุเจ้าประเทืองใจ

   อ้าพ่อมิฟังพ่อ
พจน์พ้อดนัยไป
อ้าพ่อจะวอนไย
ผิวค่ำฤข้ามคืน

   อ้าพ่อมิฟังแม่
ขณะแม้จะกลั้นกลืน
โศกสุดเพราะสุดฝืน
ชลเนตรประเนืองนอง
   (เตมียกุมารคำฉันท์)












กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 30 ส.ค. 11, 13:25
วสันตดิลก เป็นฉันท์อีกชนิดหนึ่งซึ่งทรงความไพเราะเสนาะโสตยิ่งเมื่ออ่านออกเสียง ตัวอย่างต่อไปนี้ คือบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผ่านบทสดุดีพระเนมิราช กษัตริย์แห่งกรุงมิถิลา
มาชมฝีมือระดับแม่ไม้มือฉันท์ของท่านอาจารย์บุญเตือน ศรีวรพจน์ กันครับ

วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

   โลกเลื่องพระเดชคุณอดุล-
ยพสุนธราดาล
ดลสุขเกษมหิตพิศาล
ชนต่างกตัญญู

   ใต้ร่มละอองยุคลบาท
นรชาติเชิดชู
ต่างภักดิพร้อมมนสบู-
ชิตราชเฉลิมพร

   ทวยราษฎร์สราญรมยสุข
นิรทุกข์มิอาทร
โครงการประทานคณะนิกร
ผิจะนับอนันต์เนือง

   สร้างสรรค์เกษตรกษิกษัตริย์
ทะนุรัฐภิรมย์เรือง
ปลิดเข็ญประเด็นทุรประเทือง
รฐพ้นสภาพภัย

   ภูพงพนมพนประเทศ
ระยะเขตนิคมไกล
กันดารเสด็จพิริยะไข
ชลทิพย์สุหร่ายริน

   ชื่นชุ่มชอุ่มปณิธิผล
สุขดล ณ แดนดิน
บันดาลอุดมประดุจจิน-
ตนราชมิแรมรา

   เสโท ธ ต่างอุทกสรง
นิจคงบคลาดคลา
เหนื่อยยากฤพร่องพิพิธภา-
ระบเว้นทิวาวาร

   ทั่วแดนวิเทห์รฐอุดม
อนุกรมคุณาการ
มิ่งเมืองประโมทย์กิจประมาณ
นยเยี่ยมนโยบาย

   ฝนแล้งพิลาปพิรุณร้าง
ชลห่างและเหือดหาย
ฝนหลวงก็หลั่งดลระบาย
กสิสร้างเกษมสม

   ข้าวกล้าระบัดระบุสุคัน-
ธนิรันดร์อำรุงรมย์
รวงงามอร่ามพิศอุดม
ทิพลาภละลานตา

   ท้องทุ่งระเรืองระยะระรอง
ดุจทองลออทา
พื้นภาคพิภพสุขเพราะบา-
รมิทิพย์เสถียรธรรม

   ก่อเกิดประเสริฐสิริสวัส-
ดิพิพัฒนานำ
เกื้อกูลประมูลดุจสดัม-
ภสถาปน์สถาผล

   อำนวยนรานิกรราษ-
ฎรทั่วสุมณฑล
ผาสุกก็ถ้วนทิศถกล
กิจก้าวนุกูลไกล

   อดกลั้นมิเผยพจนะพ้อ
ธมิท้อพระทัยไท
สร้างสรรค์สมิทธิ์นิมิตไพ-
บุลหล้านิราดูร

   ยิ่งรามมล้างอสุระแผ้ว
หริแกล้วนรางกูร
แบ่งภาคพิศิษฏ์พิพิธพูน
สุรภาพผจญบร

   โจมจู่วิจุณวิจลทุกข์
ดลสุขสถาวร
นานาพิบัติทุรก็จร
เพราะพระบาทยุบลบุญ

   เหล่าราษฎร์ระลึกกรุณราช
วรโพธิครองคุณ
อบอุ่นศิรางคนิจสุน-
ทรกิจศุภากร
   (เนมิราชคำฉันท์)

   ฝีมือท่านอาจารย์บุญเตือน ศรีวรพจน์ เพราเพริศเฉิดฉันปานฉะนี้ กระทรวงศึกษาธิการควรประกาศให้ทศชาติคำฉันท์เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาประเภทกวีนิพนธ์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเสียที เพื่อให้หนังสือได้รับการจัดพิมพ์จำหน่ายกว้างขวางขึ้น คนตัวเล็กๆน้อยๆอย่างกระผมก็ทำได้เพียงเขียนเสนอไว้ในกระทู้เท่านั้นแหละครับ อนาคตวงการกวีนิพนธ์บ้านเรา ผมถอนใจแล้วถอนใจเล่า เป็นทุกข์ ห่วงใย หาก ทำสิ่งใดหาได้ไม่นอกจากบ่นระบาย อึดอัดหัวอกเหลือเกินครับ
 


กระทู้: เรียนเชิญทุกท่านมาเบิกบัวหลวงให้แบ่งบานครับผม
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 30 ส.ค. 11, 14:29
เรียนท่านอาจารย์เทาชมพู และท่านสมาชิกเรือนไทยทุกท่านครับ

   พูดถึงวรรณกรรมเฉลิมพระเกียรติ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ผมหาตัวอย่างคำประพันธ์ไม่พบครับ หนังสือชื่อ “ปิ่นจักรี” ผู้แต่ง คือท่านอาจารย์วาสนา บุญสม ได้รับรางวัลวรรณกรรมไทยบัวหลวง อินทรเนตรสังเกตค้น พบแต่เพียงว่า สำนักพิมพ์ต้นอ้อเคยพิมพ์จำหน่ายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๑ สั้นๆ แค่นี้จริงๆครับ
เฮ่อ....! บรรณพิภพเมืองไทย