กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ต.ค. 03, 11:15
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ต.ค. 03, 11:22 พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช ทรงถือกำเนิดเป็นหม่อมเจ้า พระโอรสในเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ สมเด็จกรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ผู้เป็นพระราชอนุชาพระองค์เล็ก ร่วมพระชนกชนนีกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
หม่อมมารดาของพระองค์พีระ คือหม่อมเล็ก สกุลเดิมยงใจยุทธ เป็นป้าของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนหม่อมเจ้าพีระขึ้นเป็นพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "พระองค์เจ้าตั้ง" คือพระองค์เจ้าที่เลื่อนขึ้นจากหม่อมเจ้า โอรสธิดาของท่านดำรงฐานันดรเป็นหม่อมราชวงศ์ ตามลำดับฐานันดรเดิมของท่านพ่อ อย่างไรก็ตาม ชีวิตของพระองค์เจ้าพีระฯ ในเบื้องต้น ดำเนินไปเหมือนเจ้าชายในเทพนิยาย นอกจากชาติกำเนิดสูงแล้ว เจ้าชายสยามก็ยังมีการศึกษาดีเยี่ยมสำหรับเจ้าชายไทยในสมัยนั้น พระชนม์ 13 ก็เสด็จไปศึกษาต่อที่โรงเรียน อีตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมขึ้นชื่อที่สุดของอังกฤษ มีแต่เจ้านายและลูกผู้ดีมีตระกูลเรียนกันทั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็เคยทรงศึกษาที่นี่เช่นกัน พระองค์เจ้าพีระเป็นเด็กชายลักษณะดี เป็นที่เมตตาของผู้ใหญ่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเมตตาประหนึ่งเป็นพระราชบุตร ทรงรับไว้ในปกครอง เมื่อเสด็จไปอังกฤษ พระองค์พีระทรงพบกับพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์( พระโอรสในเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ) ซึ่งทรงศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ถ้าลำดับญาติกันแล้วพระองค์พีระอยู่ในฐานะอา และพระองค์จุลเป็นหลาน แต่ว่าพระองค์จุลทรงมีพระชันษาแก่กว่า 7 ปี เกิดถูกชะตาเหมือนเป็นพี่ชายน้องชายแท้ๆ พระองค์จุลจึงทรงทูลขอพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ขอเป็นผู้ปกครองพระองค์พีระแทน ทรงสนับสนุนให้เข้าแข่งกีฬา จนได้ชัยชนะ โดยที่ทรงดูแลออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ และทรงอุปการะพระองค์พีระอย่างดีจนตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์จุล (ภาพถ่ายนี้พระองค์พีระทรงฉายกับหลวงสุรณรงค์ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ต.ค. 03, 11:23
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 03, 13:17
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 03, 13:57 หลังจากอยู่สยามได้ระยะหนึ่ง พระองค์พีระก็พาหม่อมกลับอังกฤษเพื่อเตรียมตัวแข่งขันรถ Grand PriX ต่อไป
หลังจากนั้นอีกไม่กี่ปี สงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้นจากเยอรมันบุกโปแลนด์แบบสายฟ้าแลบ พระองค์พีระยังทรงอยู่ที่อังกฤษ ไม่กลับสยาม เหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศตอนนั้นวุ่นวายมาก ในตอนแรกสยามก็ดูจะเข้าข้างพันธมิตร แต่ต่อมา ญี่ปุ่นบุกไทยเป็นทางผ่านไปสู่พม่า รัฐบาลตัดสินใจยอมประนีประนอมเพื่อไม่ให้เสียเลือดเนื้อคนไทย แล้วก็ตกบันไดพลอยโจน คบญี่ปุ่นเป็นมหามิตร จนถึงขั้นประกาศเป็นฝ่ายเดียวกับญี่ปุ่น แล้วเลยกลายเป็นศัตรูกับฝ่ายพันธมิตร ทูตไทยถูกเรียกตัวกลับ สถานทูตปิด พระองค์พีระไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลไทย ก็ตัดสินพระทัยสมัครเข้าร่วมรบเป็นฝ่ายเดียวกับพันธมิตร เสด็จไปเข้าศูนย์ฝึกอบรมการบิน เข้าประจำศูนย์ในฐานะครูฝึกเครื่องร่อนซึ่งทรงชำนาญอยู่แล้ว ได้ตำแหน่งเป็นเรืออากาศโท มีลูกศิษย์ลูกหาชาวอังกฤษมากมาย เจ้านายสยามหลายพระองค์ที่อยู่อังกฤษ เข้าร่วมรบกับพันธมิตรต่อต้านเยอรมัน พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาพพระอนุชาพระองค์พีระ ที่เป็นพระโอรสบุญธรรมในสมเด็จพระปกเกล้าฯ สมัครเข้าเป็นนักบินอาสาสมัคร นำเครื่องบินไปส่งลงเรือรบ นักเรียนไทยรวมกันจัดตั้งขบวนการเสรีไทย มีหม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์เป็นหัวหน้า น่าเสียดายว่าพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ฯประสบอุบัติเหตุเครื่องบินชนภูเขาสิ้นพระชนม์ แต่ก็นับว่าโชคดี พระองค์พีระทรงอยู่รอดปลอดภัยมาได้ตลอดสงคราม จนกระทั่งเยอรมันและญี่ปุ่นแพ้ฝ่ายพันธมิตร สงครามโลกก็สงบลงในพ.ศ. 2488 สันติภาพคืนมาสู่ยุโรป พระองค์พีระก็ทรงเริ่มชีวิตนักแข่งรถอีกครั้ง ทรงเดินทางไปแข่งตามประเทศต่างๆในยุโรป มาจนถึงอเมริกาใต้ - อาร์เจนตินา ทุกหนทุกแห่งที่เสด็จไป ทรงได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม ผู้คนเข้ามารุมล้อมขอลายเซ็นไม่ผิดกับดาราดังๆของฮอลลีวู้ด กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 31 ต.ค. 03, 15:16 มาอ่านครับ
พระองค์พีระและสีฟ้าพีระมีชื่อเสียงมากในหมู่คนไทยสักสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ในกระทู้หนึ่งเก่ามากบนเรือนไทย ตกกระดานไปนานแล้ว เคยมีใครสักคนตั้งกระทู้ถามว่าพระองค์พีระฯ เคยทรงแข่งรถกรังด์ปรีซ์ฟอร์มูล่าร์วันหรือไม่ เห็นจะไม่ทรงเคยนะครับ เพราะไอ้เจ้าฟอร์มูลาร์วันนั่นมันมาแข่งกันทีหลังยุคของท่านหลายปี เรื่องท่านพีระผมไม่ค่อยมีอะไรจะแจม ขอฟังคุณเทาชมพูไปเรื่อยๆ แจมได้แต่เพียงว่า คุณหลวงสุรณรงค์ที่อยู่ในพระรูปคู่กับท่านพีระนั้น เข้าใจว่าในรัชกาลปัจจุบันท่านได้เป็นราชองครักษ์ (มาถึงตอนนี้ 2546 ท่านคงจะถึงแก่กรรมไปแล้วแหละ) แต่ท่านเคยตามเสด็จในหลวงรัชกาลปัจจุบันไปสหัฐอเมริกา ปี 2503 พระองค์เจ้าหญิงวิภาวดีฯ ทรงเล่าไว้ในจดหมายเหตุตามเสด็จอเมริกาของท่านว่า ฝรั่งสมัยโน้น หรือแม้แต่สมัยนี้ก็เถอะ อ่านชื่อไทยหรือชื่อบรรดาศักดิ์ไทยที่ถอดเป็นตัวหนังสือภาษาฝรั่งได้อย่างขลุกขลักมาก เรียกว่าอ่านแล้วเจ้าของชื่อฟังไม่ออกว่าฝรั่งเขากำลังเรียกชื่อตัวเองอยู่ ในงานถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำครั้งหนึ่งก็มีการขานชื่อยังงี้แหละ ขานแล้วผู้ถูกขานก็ต้องลุกขึ้นยืนถวายคำนับและแสดงความเคารพเจ้าภาพ มาถึงคุณหลวง ฝรั่งคนขานชื่อเรียกท่านว่า "ลู- อัง ซู- รวง - นาหรวง" คุณหลวงฟังไม่เข้าใจ นั่งเฉยสบายดี ร้อนถึงผู้ตามเสด็จท่านอื่นต้องเตือนกันว่าเป็นชื่อคุณหลวงเอง กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ต.ค. 03, 16:16
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 08:21 ชื่อคนไทยเป็นชื่อที่ฝรั่งกล้ำกลืนออกเสียงยากที่สุดชาติหนึ่งในโลก โดยเฉพาะครูฝรั่งที่เรียกชื่อลูกศิษย์ด้วยนามสกุล
ของเขามีมิสเตอร์สมิธ มิสเตอร์โจนส์ มาเจอนามสกุลคนไทย 20 พยางค์ขึ้นไป อาจารย์ฝรั่งแทบจุกไปหลายรายแล้ว ดิฉันเคยเรียนกับอาจารย์ฝรั่งอเมริกัน สอนภาษา พูดจาสำเนียงบอสตันด้วยความภูมิใจว่าออกเสียงอะไรต่อมิอะไรได้ถูกต้องชัดเจน ไม่เหน่ออย่างพวกอเมริกันฝั่งตะวันตก ตลอดเทอม อาจารย์ไม่เคยเรียกดิฉันผู้มีนามสกุลยาว 12 พยางค์เลยค่ะ กลัวออกเสียงผิดแล้วเสียประวัติอาจารย์ ขอตัวไปพิมพ์ประวัติเจ้าดาราทองต่อค่ะ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 13:17 เมื่อสันติภาพคืนมาสู่สังคมยุโรปอีกครั้ง กิจกรรมสังคมอย่างการกีฬาก็เฟื่องฟูขึ้นมาอีก
ชีวิตของเจ้าชายหนุ่มสยาม และชายาสาวชาวอังกฤษดำเนินไปเหมือนความฝันเท่าที่มนุษย์จะพึงมีได้ พรั่งพร้อมทั้งสุข ความรัก ชื่อเสียง ความสำเร็จ มีโอกาสท่องเที่ยวอย่างเศรษฐีไปในสถานที่สวยงามหลายแห่งของโลกด้วยกันทั้งยุโรปและอเมริกา ไม่ว่าไปไหนก็เป็นแขกเกียรติยศของสมาคมและบุคคลสำคัญ ในฐานะบุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลก ครั้งหนึ่งได้รับเชิญให้เข้าเฝ้าพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งอังกฤษ (พระราชบิดาของพระราชินีนาถเอลิซาเบธในปัจจุบัน)เพราะโปรดเรื่องรถแข่งมาก ทรงต้อนรับเจ้าชายสยามด้วยพระอัธยาศัยดีเหมือนเป็นพระญาติสนิทด้วยกัน หม่อมมณี ภาณุพันธุ์ ณอยุธยา(คุณหญิงมณี สิริวรสาร)อดีตชายาของพระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต บันทึกเอาไว้เกี่ยวกับท่านในหนังสือ "ชีวิตเหมือนฝัน" ว่า "นิสัยใจคอของสองพระองค์นั้นต่างกันมาก พระองค์จิรศักดิ์ฯ นั้นโปรดการสนทนาปราศรัยกับคนอื่น และมีจิตใจนึกถึงแต่ส่วนรวมเสมอ ส่วนพระองค์พีระฯทรงสนุกสนานร่าเริงกับสิ่งที่พอพระทัย ไม่สนพระทัยกับเรื่องราวของคนอื่นๆเลย วันหนึ่งดิฉันล้อเลียนท่านว่า พระองค์เป็นเศรษฐีขี้คร้าน The Idle rich ไม่เห็นทรงทำสิ่งใดให่้เป็นประโยชน์ คิดแต่ความสนุกสนานของท่านฝ่ายเดียว พระองค์พีระก็ทรงพระสรวลอย่างอารมณ์ดีและตรัสว่า "ที่จริงพวกเธอน่ะสิที่ชอบวุ่นวาย อยากให้ความช่วยเหลือคนอื่นๆทั้งๆที่พวกเขาไม่เห็นต้องการ เช่นพวกมิชชั่นนารีเป็นต้น พวกนั้นพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างไปอยู่ต่างแดน ทำงานไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แต่พวกเขาก็ไม่เห็นได้ทำอะไรให้เป็นผลสำเร็จมากนัก ปรัชญาชีวิตของฉันก็คือว่า ไม่ขอไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของคนอื่น และฉันทำสิ่งที่ฉันพอใจถ้าหากสามารถทำได้ ถึงแม้ว่าฉันจะมิได้ทำประโยชน์อะไรให้เกิดขึ้นแก่ผู้ใด แต่ก็ไม่เคยทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อน การที่อยู่เฉยๆโดยไม่เบียดเบียนใครก็เป็นผลดีอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ" ก็มาดูกันต่อว่าปรัชญาชีวิตของพระองค์พีระ มีผลอย่างไรกับชีวิตของท่านค่ะ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 13:30 ความสุขเหมือนฝันของพระองค์พีระและหม่อมซีริลยืนยาวได้แค่ 11 ปี ขึ้นปีที่ 12 ปรัชญาชีวิตของพระองค์พีระก็ก่อผลกระทบต่อหม่อม ในข้อที่ว่า ขอทำสิ่งที่พอใจ ถ้าหากสามารถทำ
ความที่ทรงเป็นคนดัง บุคลิกดี ตรัสได้คล่องทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส และยังใช้ชีวิตอย่างเศรษฐี สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแรงดึงดูดผู้หญิงอื่นๆให้เข้ามาหลงใหลท่าน พระองค์พีระมิได้เลิกรักหม่อมซีริล เพียงแต่ว่า เมื่อถึงเรื่องที่ทรงพอพระทัยถ้าหากทำได้ ก็ทรงทำ ถ้าหากว่าหม่อมซีริลโอนอ่อนผ่อนตามได้ไม่เดือดร้อน ก็คงจะครองชีวิตคู่กันต่อไปได้ ถือว่าพวกหล่อนจะไม่มีความหมายกับท่านเท่าภรรยาตามกฎหมาย แต่ว่าหม่อมซีริลทำใจไม่ได้ที่พระองค์พีระมีหญิงอื่น แม้จะไม่ทรงจริงจังด้วยนัก เธอถือว่าเป็นความเดือดร้อนสาหัสของภรรยา เธอก็ตัดสินใจแยกกันอยู่พักหนึ่งเพื่อระงับจิตใจ ระหว่างที่แยกกันอยู่โดยยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน สถานการณ์ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองห่างเหินกันมากขึ้นอีก พระองค์พีระเสด็จไปแข่งรถที่อาร์เจนตินา ก็ได้พบชลิต้า หญิงสาวเลือดละติน ผู้สวยสดงดงามราวกับดาราหนัง เมื่อทรงรับบาดเจ็บจากการแข่งรถ ก็มีหล่อนคอยปรนนิบัติดูแล ในที่สุดก็ทรงพาหล่อนกลับมาอังกฤษด้วยกัน ประทับอยู่กับหล่อนไม่ได้กลับบ้านไปหาหม่อมซีริล หม่อมซีริลจึงตัดสินใจหย่าขาดจากพระองค์พีระตามกฎหมาย เมื่อค.ศ. 1950 ทั้งที่ยังรัก พระองค์พีระเองก็ทั้งรักและอาลัยหม่อม ทรงอ้อนวอนให้หม่อมเปลี่ยนใจไม่หย่าแต่ก็ไม่ทรงคิดที่จะสละชลิต้าไปได้อยู่ดี ทั้งคู่จากกันด้วยน้ำตา เพราะรู้ตัวว่าสามารถครองคู่กันได้เพียงแค่นี้ เหลือแต่ความเป็นเพื่อน หม่อมซีริลไม่ได้แต่งงานใหม่ เธอมีเพื่อนใจเป็นหนุ่มโสดอายุ 40 กว่า คบหากันมาจนเขาตายจากไปโดยไม่ได้สมรสกัน ส่วนทางฝ่ายพระองค์พีระ ทรงลังเลอยู่ถึง 3 ปีถึงตัดสินพระทัยเสกสมรสใหม่กับหม่อมชลิต้า แต่ก็ยังระลึกถึงหม่อมซีริลเสมอ ทรงเป็นมิตรกับเพื่อนชายของหม่อมซีริล แล้วพาชลิต้าไปด้วยเพื่อให้รู้จักกับหม่อม ไปไหนมาไหนกัน 4 คน แต่หม่อมซีริลก็ไม่ได้กลับมาหาท่านอีก คงพบปะกันอย่างเพื่อนสนิทเท่านั้น กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 14:06 ชีวิตในช่วงที่สอง เป็นช่วงโชคดีของพระองค์พีระอีกครั้ง เพราะนอกจากจะมีีหม่อมสาวสวยคนใหม่ที่รักกันดูดดื่มแล้ว ก็ยังได้รับมรดกก้อนโตจากการขายมรดกวังบูรพาแบ่งกันในระหว่างเจ้าพี่เจ้าน้อง ทรงโอนไปไว้ที่ปารีสทั้งหมด
เงินจำนวนนี้มากพอจะทำให้พระองค์พีระทรงซื้อรถยนต์บูอิคเปิดประทุนสีฟ้าพีระ เรือยอชต์ใหม่ และปรับปรุงวิลลาที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศสที่ทรงซื้อไว้แล้ว ดำเนินชีวิตอย่างเศรษฐี การใช้ชีวิตในช่วงนี้หรูหรามาก เวลาขับบูอิคคันงามไปไหนมาไหนชาวปารีสมองกันจนเหลียวหลัง แต่การใช้ชีวิตอย่างเศรษฐี มีแต่รายจ่าย อยู่วิลล่าที่เมืองคานส์ ก็หมดเงินทั้งค่าภาษีและค่าซ่อมแซมดูแล แพงลิบ เมื่อโปรดขับรถเร็ว ก็ทรงขับบูอิคไปชนกับรถอีกคัน รถใหม่เอี่ยมพังยับเยิน ไม่มีประกันเสียด้วย ต้องทรงจ่ายเงินอีกก้อนใหญ่ซ่อมรถกับจ่ายให้คู่กรณี ในที่สุด ถึงปลายปี 2497 ก็ทรงเห็นว่าพ้นยุคที่จะทรงแข่งรถอีกต่อไปแล้ว รถแข่งรุ่นใหม่ๆสมรรถภาพดีเกิดขึ้น แซงหน้ารถที่ทรงขับไปได้ง่ายๆ ถ้าจะลงทุนซื้อรถใหม่พร้อมการดูแลในการแข่งรถอีกก็เป็นเรื่องสิ้นเปลืองมหาศาล ประกอบกับหม่อมชลิต้ามีโอรส คือม.ร.ว. พีรเดช จึงตัดสินพระทัยแขวนนวมอำลาชีวิตนักแข่ง พาครอบครัวกลับมาตั้งรกรากในเมืองไทยใน พ.ศ. 2499 ทรงจบบทบาทของเจ้าดาราทองที่โด่งดังไปทั่วยุโรปและอเมริกา เมื่อพระชนม์ได้ 42 พรรษา กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 14:29 ถ้าหากว่าชีวิตของพระองค์พีระเป็นนิยาย ฉากสุดท้ายก็คงเป็นตอนที่ทรงอำลาชีวิตนักแข่งรถ
แล้วเสด็จกลับบ้านเกิดเมืองนอนพร้อมครอบครัวที่สมบูรณ์แบบครบถ้วนพ่อ แม่และลูกชายวัยน่ารัก จบลงอย่างมีความสุขทั้งคนดูและคนประพันธ์เรื่อง แต่ชีวิตจริงยังไม่จบแค่นั้น ยังมีความยุ่งยากตามมาอีกมากมาย เริ่มต้นด้วย หม่อมชลิต้าไม่มีความสุขที่อยู่ในประเทศไทย เธอทนอยู่ได้แค่ 11 วันก็บินกลับไปฝรั่งเศส อีก 7 เดือนต่อมาพระองค์พีระก็ทรงบินไปหย่าขาดจากหม่อมคนที่สอง โดยตกลงกันว่าคุณชายพีรเดชจะอยู่ในความปกครองของมารดาจนอายุ 21 ปี ก่อนหน้านี้พระองค์พีระเคยพบปะแอร์โฮสเตสสาวสวยคนไทยคนหนึ่งแล้ว ทรงพอพระทัยมากถึงกับเคยเชิญเธอไปเป็นแขก ณ วิลล่าที่เมืองคานส์ ทำให้หม่อมชลิต้าหึงหวงอยู่พักใหญ่ แต่ก็จบลงด้วยการที่ทรงคืนดีกับหม่อมแล้วใช้ชีวิตครอบครัวด้วยกันต่อมา หญิงสาวสวยชาวไทยคนนี้ ก็คือคุณสาลิกา กะลันตานนท์ เธอคือหม่อมคนที่สามของพระองค์พีระ ทรงสมรสด้วยเมื่อพ.ศ. 2500 ส่วนเรื่องงาน ก็ทรงเริ่มชีวิตนักธุรกิจ ตั้งบริษัท Bira Sport เป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ nectar จากเยอรมัน กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 พ.ย. 03, 18:02
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 02 พ.ย. 03, 08:41 ไม่ได้เข้ามาเรือนไทยเสียนาน ดีใจที่ได้เห็นคุณเทาชมพูกลับมาเล่าเรื่องหายากให้ฟังอีกค่ะ เคยอ่านเรื่องของท่านท่านจาก "เกิดวังปารุสก์" แล้วก็มีติดค้างในใจมานานว่า ชีวิตของท่านดำเนินไปอย่างไร เพราะไม่เคยทราบเรื่องราวต่อมาอีกเลย ขอขอบคุณคุณเทาชมพูเป็นอย่างยิ่ง ที่กรุณานำเรื่องน่าสนใจมาเล่าด้วยนะคะ
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 03, 10:59
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 03 พ.ย. 03, 11:14
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 03 พ.ย. 03, 11:18
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 03 พ.ย. 03, 12:04 มาต้อนรับคุณพวงร้อยครับ ยินดีที่ได้พบกันอีก และหวังว่าคงไม่ได้รับความกระทบกระเทือนมากเกินไปจากไฟป่า
ระยะหลังเรือนไทยค่อนข้างเงียบ สมาชิกบางคน (เช่นคุณจ้อและผมเป็นต้น) ช่วงไม่กีเดือนมานี้อยู่ระหว่างการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่และงานใหม่ในเมืองไทย อย่างผมก็เพิ่งกลับมาจับงานใหม่ที่กรุงเทพฯ ได้เพียงสามเดือนเศษ แล้วช่วงที่ผ่านมางานใหม่ก็ถาโถมเข้ามาเต็ๆ เลย เลยไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาเรือนไทย แต่เห็นสมาชิกท่านอื่นหลายคนก็หายหน้าไปเหมือนกัน ขออภัยที่ออกนอกเรื่องหัวข้อกระทู้ แต่ไหนไหนก็ได้ออกนอกเรื่องแล้ว ขอ "ป่าวหมู่เทวฤทธิ์" เชิญสมาชิกเก่า สมาชิกใหม่ในเรือนไทยมาร่วมวงถกเถียงเสวนากันให้สนุกอีกสักหนเถอะครับ ผมคิดถึงทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง - อะแฮ่ม - "ขุนศึก" ก็จะเป็นหนังอีกรอบแล้ว ตัวผมก็กลับมาเมืองไทยแล้ว แม่หญิงเรไรช่วยเยี่ยมหน้าต่าง เอ๊ย โผล่วินโด้ว์มาทางเว็บนี้ให้ผมหายคิดถึงสักทีด้วยเถอะครับ... (เผื่อจะล่อคุณแจ้ง ใบตอง ให้ออกมาได้อีกคนด้วย...) กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 03, 12:33 ดิฉันปล่อยให้เจ้าดาราทองคอยค้างเติ่งอยู่ใน notepad มาปลอบขวัญคุณพวงร้อยก่อน
ขนาดดิฉันเห็นรูปที่เอามาลงยังใจไม่ค่อยสบาย มันเป็นภาพน่ากลัวมาก คนที่เจอ แม้จะอยู่รอบนอกห่างออกมาไม่ได้โดนเข้าโดยตรง คงใจคอไม่อยู่กับตัวเท่าไร คิดว่าคงสงบกันได้ในวันพรุ่งนี้ ฟังข่าวพบว่าตายไปหลายราย น่าสงสารมาก โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ทำงานอย่างหนัก เทพบุตรนางฟ้าฤทธิ์มากที่คุณนิลกังขาถามถึง ดิฉันจะพยายามดำเนินการใต้ดินบนดิน เอาตัวมาคุยกันเหมือนเดิมให้ได้ค่ะ คุณแจ้งส่งข่าวมาว่าตอนนี้งานท่วมหัวท่วมหูอยู่ ตั้งแต่เรียนจบก็ดูเหมือนจะแบกภาระหนักกว่าเมื่อก่อนเสียอีก แต่น่าจะปลีกตัวมาเยี่ยมเรือนไทยได้บ้าง ส่วนแม่หญิงเรไร ไม่รู้ว่าตามพ่อเสมาไปไหน ถ้ายังไม่ไกลเกินกู่ จะไปจูงกลับมาอีกคน คุณจ้อก็คงอยู่แถวๆนี้ละค่ะ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ย. 03, 13:51 วงล้อแห่งโชคชะตาได้หมุนพาพระองค์พีระขึ้นสู่จุดสูงสุดตั้งแต่พระชนม์ยี่สิบเศษๆ มาแล้ว แล้วหยุดอยู่ตรงจุดนั้นจนถึงพระชนม์สี่สิบเศษ
หลังจากนั้นวงล้อก็เริ่มหมุนลง เริ่มต้นด้วยธุรกิจรถยนต์สั่งจากเยอรมัน ต้องล้มเลิกไป พระองค์พีระเป็นนักกีฬาระดับอัจฉริยะก็จริง แต่ไม่ทรงมีหัวทางธุรกิจ เพียงสามปีก็ทรงจำต้องเลิกกิจการ แล้วตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Bira Commmerce Co. แทน ต่อมาทรงดำริจะตั้งบริษัทเกี่ยวกับการบินชื่อ Bira Air Transport เพื่อขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างไทยกับลอนดอน แต่ธุรกิจนี้ก็ไปไม่รอดอีก หลังสงครามโลกจบลง ประเทศไทยได้มหามิตรรายใหม่คือสหรัฐอเมริกา วัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบอเมริกันหลั่งไหลเข้ามาแทนที่วัฒนธรรมยุโรปที่เคยรับมาตั้งแต่รัชกาลที่ 6 รถยนต์อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมันที่คนไทยเคยชอบก็ถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ยี่ห้อต่างๆของอเมริกาแทน รถอเมริกันอย่างไครสเลอร์ คาดิลแลค โอลสโมบิล พลีมัธ วิ่งกันหนาตาในช่วง 2500-2510 กิจการบริษัทของพระองค์พีระก็ต้องหยุดลงอีกครั้ง เรื่องที่สองคือผู้เป็นที่รักยิ่งของท่าน จากไปทั้งสองคนในปีเดียวกัน พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์สิ้นพระชนม์ด้วยโรคมะเร็ง เมื่อพ.ศ. 2506 ส่วนหม่อมสาลิกาผู้ครองรักกันอย่างเป็นสุขมา 6 ปีก็จำใจทูลลาหย่าขาดจากท่าน จากกันด้วยน้ำตาเช่นเดียวกับหม่อมซีริล การสูญเสียของพระองค์พีระไม่ได้จบลงแค่นี้ แปดปีต่อมา ม.ร.ว. พีรเดช ผู้กำลังเป็นหนุ่มวัยรุ่น น่าจะมีอนาคตอีกไกล เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งตับ อย่างไม่น่าเชื่อสำหรับเด็กหนุ่มวัยนี้ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 03 พ.ย. 03, 22:43 ขอบพระคุณในความห่วงใยค่ะ เพิ่งตื่นมาอากาศก็อีมครึม แสดงว่าฝนและหิมะยังตกอยู่ ไฟถ้ายังไม่ดับก็คงจะดับอีกไม่นานแล้วค่ะ
ดีใจที่ได้พบคุณนิลกังขาอีกค่ะ ไม่ทราบเลยว่ากลับไปเมืองไทยแล้ว หวังว่าไม่หักโหมกับงานมากเกินไปด้วยนะคะ ทานของอร่อยๆเผื่อมั่งละกันนะคะ อืมม น่าสนใจมากเลยนะคะ น่าสงสารท่านมากนะคะ ดูเหมือนจะทรงโหยหาไขว่คว้าอะไรบางอย่างที่ขาดหายไปตลอดพระชนม์ชีพ ทำให้อยากฟังต่อว่าตอนต่อไปเป็นอย่างไรบ้าง คุณเทาชมพูเล่าได้สนุกมากค่ะ ไม่ทราบมาอีกเหมือนกันว่า บุคคลที่ดิฉันชื่นชมมากที่สุดคนหนึ่ง คือพระองค์จุลฯได้สิ้นด้วยโรคมะเร็ง สองพระองค์ทรงเติบโตมีชีวิตมาคล้ายๆกัน แต่ปรัชญาการดำรงชีพต่างกัน เส้นทางชีวิตก็ทรงแตกต่างกันมากนะคะ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ย. 03, 08:48 เพื่อนคนหนึ่งของดิฉันอพยพย้ายบ้านหนีไปแล้ว ได้ข่าวว่าอยู่ใกล้เส้นทางไฟมาก ต่อให้ไม่ถึงบ้านเธอก็คงเห็นควัน ได้กลิ่น มลพิษกระจายไปถึงจนทนอยู่ไม่ได้
แต่ตอนนี้ก็โล่งใจว่ามีฝนและหิมะ สถานการณ์คงปกติในอีกไม่กี่วัน ถ้าหากว่าคุณพวงร้อยสนใจจะอ่านเรื่องพระองค์จุล ดิฉันจะเล่าให้อ่านกันในกระทู้ใหม่ค่ะ ตอนนี้เชิญนั่งล้อมวงฟังเรื่องพระองค์พีระ ตอนจบนะคะ หลังพ.ศ. 2506 เมื่อหม่อมสาลิกาแยกทางไปแล้ว ชีวิตหลังจากนั้นค่อนข้างคลุมเครือสำหรับผู้สนใจศึกษาชีวประวัติ ทราบแต่ว่า พระองค์เจ้าพีระทรงมีหม่อมอีก 2 คน ที่ไม่ปรากฏในสังคม และหนึ่งในจำนวนนี้มีโอรส(หรือธิดา) ด้วยกัน แต่ไม่มีรายละเอียดให้ทราบมากกว่านั้น ที่รู้คือในพ.ศ. 2514 เสด็จไปยุโรปอีกครั้ง เพื่อเตรียมแข่งขันเรือใบสำหรับกีฬาโอลิมปิคที่เยอรมนี แล้วแวะเยี่ยมหม่อมซีริลที่อิตาลี ต่อจากนั้น ข่าวคราวของพระองค์พีระหายเงียบไปจากสังคม อาจจะมีแต่พระญาติสนิทเท่านั้นที่รู้ว่าทรงอยู่ที่ไหนอย่างไร สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เกิดหลังสงครามโลก เป็นหนุ่มสาวในยุค 1960s เกือบทั้งหมดไม่รู้จักพระนามเจ้าดาราทองอีกแล้ว สังคมไทยเปลี่ยนโฉมหน้าไปมากมาย ความสนใจของหนุ่มสาวมุ่งไปที่เสียงเพลงมากกว่ากีฬา หรือถ้ามีการแข่งขันกีฬาใหญ่โตอย่างเอเชียนเกมส์ ความสนใจก็พุ่งไปที่กัฬาฟุตบอล วิ่ง ว่ายน้ำ เสียมากกว่า เวลาผ่านไปจนถึงทศวรรษ 1970s ความโอ่อ่ารุ่งเรืองในอดีตกลายเป็นเรื่องที่ถูกเก็บลงหีบ หมดสิ้นไปกับกาลเวลา พระองค์พีระมีพระชนม์หกสิบเศษ อาจจะเสด็จปะปนไปกับฝูงชนริมถนนในกรุงเทพโดยไม่มีใครรู้จักว่าชายชราผู้นี้คือใคร ในบั้นปลายพระชนม์ชีพ เท่าที่ทราบคือทรงดำเนินชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ฐานะความเป็นอยู่ก็ไม่อำนวยให้ทรงอยู่ได้อย่างชั้นหนึ่งเหมือนเมื่อก่อนอีก เมื่อพ.ศ. 2526 เสด็จกลับไปอังกฤษอีกครั้ง เก็บพระองค์่อย่างชายชราที่ไม่มีใครรู้จัก ทรงแวะเยี่ยมหม่อมซีริลเป็นครั้งสุดท้าย สองวันก่อนคริสต์มาส 23 ธันวาคม พ.ศ. 2528 ผู้คนในลอนดอนกำลังชุลมุนวุ่นวายจับจ่ายซื้อข้าวของต้อนรับเทศกาลสำคัญที่สุดของชาวคริสต์ ชายชราคนหนึ่งล้มลงที่สถานีรถไฟบารอนส์คอร์ต สิ้นลมหายใจก่อนแก้ไขทัน ไม่มีใครทราบว่าชายชาวเอเชียคนนี้เป็นใคร ไม่มีหลักฐานอะไรในตัวเขา นอกจากจดหมายเขียนเป็นภาษาที่ตำรวจอ่านไม่ออก สก๊อตแลนด์ยาร์ดส่งจดหมายไปสอบถามผู้เชีี่ยวชาญทางภาษาที่มหาวิทยาลัยลอนดอน กินเวลาถึง 7 วันก่อนจะรู้และแจ้งสถานเอกอัครราชทูตไทย ในลอนดอนว่า พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช เจ้าดาราทองผู้้โด่งดังที่สุดเมื่อ 50 ปีก่อนสิ้นพระชนม์เสียแล้ว พระชนม์ 71 พรรษา BBC ออกข่าวโทรทัศน์ทั่วประเทศทั้งเช้า กลางวัน เย็น ถือเป็นข่าวใหญ่ ITV ออกข่าวไปทั่่วโลก ข่าวสิ้นพระชนม์ลงข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ไทยทุกฉบับ รวมทั้งนสพ.อังกฤษและประเทศอื่นๆที่เคยทรงทำชื่อเสียงไว้ สถานทูตจัดพิธีสวดพระอภิธรรมถวายอย่างสมพระเกียรติ บรรดาเชื้อพระวงศ์ที่อยู่ในอังกฤษได้รับแจ้งข่าวนี้ทั้งหมด เมื่อพระศพถูกเคลื่อนย้ายไปที่สุสานเพื่อถวายพระเพลิง นักแข่งรถดังๆสมัยเดียวกันรวมตัวกันทั่วยุโรป บินมาร่วมแสดงความคารวะ ม.ร.ว. นริศรา จักรพงษ์ ธิดาในพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์เป็นผู้อัญเชิญธูปเทียนพระราชทานมาร่วมงาน ข้าราชการไทยในสถานทูตไปร่วมงานกันทั้งหมด ม.ร.ว. มาลินี จักรพันธุ์ ผู้รวบรวมประวัติของท่าน ส่งท้ายไว้อย่างงดงามว่า " ดวงพระวิญญาณลอยละล่องขึ้นสู่สรวงสวรรค์ พระองค์สิ้นพระชนม์อย่างโดดเดี่ยว เพียงแค่จดหมายภาษาไทยหนึ่งฉบับที่ทรงทิ้งไว้เพื่อส่งท้ายให้ได้ทราบว่าพระองค์คือใคร เทพส่งพระองค์ท่านลงมาจุติอย่างงามสง่า พระนามขจรขจายก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปทั่วโลก และเทพได้นำพระองค์ท่าน "เจ้าดาราทอง" เสด็จกลับขึ้นไปอย่างเดียวดาย เหมือนสวรรค์แกล้งให้โลกลืม" หนังสืออ้างอิง 1 ต้นกำเนิดที่เกิดเหตุ "เจ้าชายดาราทอง" โดย หญิงหมัด( ม.ร.ว. มาลินี จักรพันธุ์ ) 2 ชีวิตเหมือนฝัน เล่ม 1 โดย คุณหญิงมณี สิริวรสาร บวกกับการเที่ยวไปถามผู้เกี่ยวข้องและรู้เรื่องนี้เท่าที่จะเจอกันได้...ค่ะ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 04 พ.ย. 03, 10:58 อ่านจบแล้ว ก้อนแข็งๆที่จุกคอค่อยๆคลายตัวกลั่นออกมาเป็นน้ำตา ในช่วงยี่สิบปีที่ท่านหายหน้าหายตาจากสังคม คงมีบทเรียนชีวิตที่มีคุณค่ายากที่จะหาคนที่ได้เข้าถึงขั้นนั้นได้ อยากทราบเหลือเกินว่า ในจดหมายฉบับนั้นทรงเขียนไว้ว่าอย่างไรนะคะ ขอบคุณคุณเทาชมพูเป็นอย่างยิ่งเชียวค่ะ จะรออ่านเรื่องของพระองค์จุลฯนะคะ
ดิฉันได้อ่านหนังสือเรื่อง "เกิดวังปารุสก์" จนจบทั้งสามเล่มเมื่ออายุได้ ๑๓ ปี ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ก็เก็บคำถามอยู่ในใจที่หาใครตอบไม่ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นต่อมาจากเรื่องในหนังสือ ได้อ่านชีวิตของพระองค์พีระไปท่านหนึ่งแล้ว ถึงแม้จะทิ้งความอาดูรไว้มากมาย แต่ก็เหมือนใจได้คลายขมวดไปปมหนึ่ง ยังอยากทราบมากๆว่า ชีวิตต่อจากหนังสือของพระองค์จุลฯ จะเป็นเช่นใด ท่านเป็นบุคคลคนหนึ่งที่ดิฉันเทิดทูนนับถือมาตั้งแต่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้นมาตลอดเลยค่ะ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 พ.ย. 03, 14:55
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 04 พ.ย. 03, 18:19 ขอบคุณคุณเทาชมพูครับ
ฉากสุดท้ายในพระชนมชีพของ Prince Bira ที่อังกฤษ ทำให้ผมนึกเปรียบเทียบกับฉากสุดท้ายในพระชนม์ชีพพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์หนึ่ง ที่เสด็จสวรรคตในอังกฤษเหมือนกัน คือพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.7 ซึ่งสวรรคตก่อนพระองค์พีระสิ้นพระชนม์สามสิบกว่าปี แต่เป็นการสวรรคตและสิ้นพระชนม์ในต่างแดนเช่นเดียวกัน (ประเทศเดียวกัน) หลังความผันผวนในพระชนมชีพคล้ายกัน ในหลวง ร.7 สวรรคตในฐานะอดีตราชันผู้นิราศจากแผ่นดินของพระองค์ เพิ่งทรงสละราชบัลลังก์ไปก่อนหน้านั้น ประทับอย่างเงียบๆ ที่สุด ถ้าผมจำไม่ผิด ในงานพระบรมศพดูเหมือนจะไม่มีเครื่องสังข์แตรประโคม ไม่มีแม้แต่พระสงฆ์ไทยเจริญพระพุทธมนต์ถวายในโอกาสสุดท้ายก่อนถวายพระเพลิงด้วยซ้ำ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีวัดไทยที่โน่น กว่าพระบรมอัฐิจะได้รับถวายพระเกียรติยศตามโบราณราชประเพณีก็อีกหลายปีต่อมา เมื่อสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จนิวัติเมืองไทยแล้ว งานพระศพของพระองค์พีระอาจจะไม่เดียวดายขนาดนั้น เพราะสถานทูตไทยจัดถวายอย่างสมพระเกียรติ มีเพื่อนนักแข่งรถร่วมสมัยไปถวายความคารวะเป็นครั้งสุดท้าย ชุมชนไทยในอังกฤษสมัยปี 1970's ก็อุ่นหนาฝาคั่งมากแล้ว แต่ในทางกลับกัน ช่วงชีวิตช่วงสุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์ของพระองค์พีระเทียบกับพระราชประวัติช่วงสุดท้ายก่อนสวรรคตของในหลวง ร.7 ผมก็อยากจะคิดว่า พระองค์พีระอาจจะทรงโดดเดี่ยวกว่า ในหลวง ร.7 ท่านยังทรงมีสมเด็จพระนางเจ้าฯ รำไพพรรณีเคียงข้างพระองค์จนถึงวาระสุดท้าย มีเจ้านายบางพระองค์ที่ยังเสด็จมาเฝ้าแหน รวมทั้งคนไทยบางคนที่ยังคงภักดีกับท่าน แต่พระองค์พีระต้องสิ้นพระชนม์เงียบๆ พระองค์เดียว ที่สถานีรถไฟอังกฤษ โดยไม่มีใครรู้จักเลย กินเวลาตั้ง 7 วันกว่าจะรู้ว่าเป็นใคร น่าเศร้ากว่ากันนะครับ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 04 พ.ย. 03, 18:50 มารายงานตัวครับ
ขอบคุณๆเทาชมพูมากครับ แต่อ่านแล้วรู้สึกเศร้าๆจัง สวัสดีคุณนกข และพี่พวงร้อยครับ หวังว่าพี่พวงร้อยไม่ถูกผลกระทบจากไฟป่ามากนักนะครับ ตอนนี้มหาวิทยาลัยเปิดเทอมแล้วเลยต้องปวดหัวกับเรื่องของเด็กๆครับ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 06 พ.ย. 03, 11:36 สวัสดีค่ะคุณจ้อ ไม่ทันไรสอนมาได้หนึ่งปีแล้วนะคะ สักอีกปีคงอยู่ตัวได้มังคะ ฝากกินโจ๊กสามย่านเผื่อด้วยละกันนะคะ อิๆๆ
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ย. 03, 09:18
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ย. 03, 09:21
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ย. 03, 09:23
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 08 พ.ย. 03, 13:41 ตอนนี้ผมกำลังลดพุงครับพี่พวงร้อย
ต้องหยุดข้าวขาหมูซักเดือน ฮี่ๆๆ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 09 พ.ย. 03, 15:47 มารายงานตัวค่ะ
สวัสดีคุณนกข. คุณพวงร้อย คุณจ้อด้วยค่ะ ช่วงนี้เพิ่งย้ายที่ทำงานใหม่ค่ะ งานยุ่งมากเลย ขอบคุณคุณเทาชมพูมากค่ะ ที่มาเล่าเรื่องพระองค์เจ้าพีระ ฯ ให้พวกเราฟัง อ่านตอนจบแล้วเศร้าจังค่ะ อ่านวังปารุสก์จบหลายรอบแล้ว สงสัยเช่นเดียวกับคุณพวงร้อยค่ะ ว่าเรื่องราวหลังจากนั้นเป็นอย่างไร ตอนนี้เลยสมใจแล้ว เพราะคุณเทาชมพูจะมาเล่าให้ฟัง กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 10 พ.ย. 03, 04:55 โห คุณเทาชมพูช่างเสาะแสวงหาภาพมากเลยค่ะ หม่อมของท่านนี่งามๆทั้งนั้นนะคะ
คุณจ้อ ไม่ได้ฝากทานข้าวขาหมูนี่คะ สงสัยของโปรดคุณจ้อละมัง ฮี่ๆๆ สวัสดีคุณทองรักด้วยค่ะ ดีใจมากที่ได้อ่านเรื่องอย่างนี้ด้วยจริงๆเลยค่ะ อย่าทำงานหนักเกินไปนะคะ รักษาสุขภาพด้วย กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ย. 03, 10:37 คุณพวงร้อย และคุณทองรัก ตลอดจนผู้สนใจ
เชิญอ่านเรื่องชีวิตของพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ได้ที่กระทู้ เจ้าวังปารุสก์ บนนี้ค่ะ http://www.vcharkarn.com/snippets/vcafe/show_message.php?Pid=16387 กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: หม่อมจุมพฏเพ็ชรกล้า ที่ 24 ก.ค. 05, 20:00 พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 28 ต.ค. 05, 00:04 มาอ่านเจ้าดาราทองตามคำแนะนำของอาจารย์ค่ะ ชีวิตของพระองค์ ถ้าตามภาษาจีนแต้จิ๋ว ต้องเรียกว่า
อู่ฮ่ออึ่มใจฮ่อ...แปลว่ามีดีแล้วไม่รู้จักว่าดี เหมือนท่านทรงแสวงหาความพอใจไปเรื่อย เห็นภาพ polygamy (ที่ค้างมาจากกระทู้สี่แผ่นดิน) ได้ดีจริงๆค่ะ -ใน ค.ห. ที่ 7 อาจารย์ตั้งใจจะหมายความว่า 12 พยางค์ หรือ 12 letters ค่ะ -ดิฉันเคยมี visiting professor มาสอนตอนซัมเมอร์ มาจากบอสตันเหมือนกันค่ะ ด้วยความที่นักเรียนในห้องมีเกือบ 40 คน และทนสำเนียงบอสตันไม่ได้ พอครูพูดถึง "chair" นักเรียนทั้งห้องเลียนเสียงอาจารย์ออกไปพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย ว่า "แชวร์" ลากเสียงยาวๆ รวมทั้ง 1 กระเหรี่ยงจากประเทศไทยด้วย เท่านั้นแหละคะ อาจารย์จาก MIT ท่านนี้หน้าแดง สอนต่อไปไม่ได้ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ต.ค. 05, 08:39
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: หม่อมจุมพฏเพ็ชรกล้า ที่ 30 ต.ค. 05, 23:23 พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ
พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: DrJfk ที่ 05 ก.ค. 16, 21:21 เข้ามาปักหมุดอ่าน กระทู้เก่าในตำนานของเจ้าดาราทองคนโปรดของผม
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: ราชประชา ที่ 27 ก.ค. 16, 17:19 พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ พระองค์พีระ มีโอรสธิดากี่คนครับ พันตรี หม่อมราชวงศ์พีรานุพงศ์ ภาณุพันธ์ (http://www.grandprix.co.th/gpinews/wp-content/uploads/2014/07/bira_c_17.jpg) https://www.youtube.com/watch?v=evlf7IYddZo (https://www.youtube.com/watch?v=evlf7IYddZo) กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: ศุศศิ ที่ 29 ก.ค. 16, 11:09 ผมรู้จักได้ยินชื่อท่านครั้งแรก จากนิยายชุดสามเกลอ มีการเอ่ยถึงบ่อยโดยเฉพาะตอนที่เปรียบเทียบการขับรถของอาเสี่ยเหมือนท่าน พีระ ต่อมาถึงได้รู้ รู้สึกทึ่งมากน่าจะเป็นคนไทยคนแรกๆที่โด่งดังระดับโลกด้านการกีฬา
กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: ราชประชา ที่ 29 ก.ค. 16, 14:45 เรื่องของพระองค์พีระหาอ่านได้ในเว็ปกีฬาของต่างประเทศมีเยอะเลย เฉพาะภาพถ่ายก็เป็นร้อยครับ
http://www.dailymotion.com/video/x4mbjom_siam-historic-race_sport (http://www.dailymotion.com/video/x4mbjom_siam-historic-race_sport) กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: สุขประเสริฐ ที่ 15 มี.ค. 17, 14:41 ไม่ทราบว่าสมาชิกท่านอื่นเคยอ่านเรื่องที่พระองค์พีระขุดสมบัติที่วัดกุฎีดาว จ.พระนครศรีอยุธยาหรือไม่ ตามลิงค์นี้เลยครับ
http://thailandtopvote.com/วัดกุฎีดาว-อยุธยา/ สอบถามผู้รู้หน่อยครับว่าเป็นเรื่องเล่าหรือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ขอบคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ครับ _/\_ กระทู้: เจ้าดาราทอง เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 มี.ค. 17, 13:54 พาเข้าลิงก์
http://thailandtopvote.com/วัดกุฎีดาว-อยุธยา/ (http://thailandtopvote.com/วัดกุฎีดาว-อยุธยา/) ประวัติศาสตร์กระซิบ ;D https://youtu.be/ACpUMTIh8K4 |