ความหมายของ เอหิภิกขุอุปสัมปทา ก็คงเป็นดังที่คุณนวรัตนว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีท่านก็ตรัสดังนั้นจริง ๆ แต่การบรรพชาเป็นไปดังที่คุณนวรัตนว่าหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แล้วมีหลักฐานว่าเป็นอื่นไหมครับ
แล้วคำว่า "เอหิภิกขุ ลอยมาถึงแล้ว" มิได้แปลว่า
การได้บวชโดยง่ายดายไม่มีพิธีรีตองอะไร แต่เป็นการบวชโดยทรงมีพุทธวจนะ อนุญาตให้เป็นพระภิกษุสงฆ์ได้เท่านั้น จึงมีได้เฉพาะในสมัยพุทธกาล มิฉะนั้นทุกวันนี้ก็คงมีเอหิภิกขุนับพันนับหมื่นรูป เพราะผู้ที่บวชด้วยศรัทธา จะปฏิบัติตนเพื่อความหลุดพ้นตามวัดป่าต่างๆนั้น ล้วนบรรชาอุปสมบทแบบเรียบง่าย ไม่มีพิธีรีตรองอย่างใดทั้งสิ้น
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงมีความเชื่ออยู่ว่าพระองค์เป็นพระโสดาบัน จะก้มลงกราบพระที่เคยบังคับให้กราบตน ขอให้เป็นอุปปัชฌาย์เห็นจะไม่ ประโยคดังกล่าวจึงแปลเป็นอื่นยาก นอกจากจะแปลว่าทรงอุปโลกย์พระองค์เองเป็นพระ แล้วไปประทับที่วัด
ยิ่งประโยคนี้ยิ่งอันตราย
พระยาสรรค์จึงให้พระสมณะทูตกราบทูลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีว่า “ พระคุณเจ้าทั้งสามจงถวายพระพรให้ทรงผนวชเสียสักสามเดือน เพื่อชำระพระเคราะห์เมือง ” สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ทรงยอมรับที่จะปฏิบัติตาม
สามเดือนน่ะแป๊บเดียวนะครับ สันนิฐานไม่ได้เลยว่า "มิได้ทรงไยดีกับทางโลกอีกต่อไปแล้ว ใครจะเป็นกบฎ ใครจะรบกับใคร ไม่อยู่ในพระราชประสงค์อีกต่อไป ทรงมุ่งจะไปทางธรรมอย่างเดียวเท่านั้น"
อย่างที่ผมเขียนไว้ในความเห็นแรก สมเด็จเจ้าพระยาท่านไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ