รีบเข้ามาตอบ ก่อนที่ คุณศรีสรรเพชญ์จะสรุปว่า วัดชีเชียง ถูกพระเจ้าปราสาททอง"รื้อทิ้ง"
วันวลิตบอกว่ารื้อถึงฐาน ไม่ได้แปลว่ารื้อทิ้ง
ก่อนหน้านั้นวันวลิตก็บอกชัดเจน ว่าพระเจ้าปราสาททองตั้งใจบูรณะวัดนี้
ตำแหน่งที่พระยาโบราณฯ ว่าไว้เป็นวัดชีเชียงไม่ได้ ที่ไม่กว้างพอครับ
รื้อถึงฐานในที่นี้เข้าใจว่าหมายถึงรื้อหมดแม้กระทั่งฐาน มากกว่าจะหมายถึงว่ารื้อแล้วเหลือฐานไว้ครับ เพราะกล่าวอยู่ว่าไปสร้างวัดใหม่ที่ตำแหน่งอื่น ก็ไม่ทราบว่าจะเหลือฐานไว้เพื่ออะไร
สอบกับฉบับภาษาอังกฤษที่แปลจากต้นภาษาดัตช์โดยตรงเขียนว่า 'demolished to its very base' น่าจะสื่อว่ารื้อแบบถอนรากถอนโคนจนไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่ ใครเก่งภาษาอังกฤษลองช่วยดูด้วยนะครับ
"...ข้าพเจ้าได้กล่าวเมื่อเร็วๆนี้ ว่าพระชัยราชา พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่สิบสี่แห่งสยามได้สร้างวัดพระชีเชียง ซึ่งมีเหตุมหัศจรรย์ปรากฏขึ้นเสมอๆ เนื่องจากเป็นเรื่องนิยายเกินไป ข้าพเจ้าจึงไม่ขอกล่าว ณ ที่นี้
ครั้งหนึ่ง วัดแห่งนี้เคยเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในพระราชอาณาจักร แต่ได้ถูกฟ้าผ่า และพายุพัดหักลงมาตลอดเวลา พระเจ้าแผ่นดินหลายพระองค์ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ แต่เมื่อไรก็ตามที่เริ่มงานก็ต้องล้มเลิกไปกลางคัน เพราะว่าผู้ควบคุมงานและคนงานเกิดเจ็บป่วยและสิ้นชีวิตอย่างน่าสังเวช
กล่าวกันว่าพราหมณ์และพระสงฆ์ได้ทำนายไว้ ว่าผู้ที่จะบูรณะวัดนี้ได้ ต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดินสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์เก่าอย่างบริสุทธิ์
เมื่อสองสามเดือนที่แล้ว พระองค์ศรีธรรมาธิราช(พระเจ้าปราสาททอง)ได้ทรงให้รื้อวัดจนถึงฐาน และทรงย้ายรูปหล่อทองแดงซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ ที่นั้นออกไปไกลหลายวา เพื่อว่าจะสร้างวัดใหม่ ณ ที่ประดิษฐานรูปหล่อทองแดง..."
ข้อความของวัน วลิตไม่มีตรงไหนเลยครับที่ระบุว่าพระเจ้าปราสาททองตั้งใจบูรณะวัดนี้ มีแต่บอกว่าพระเจ้าแผ่นดินในอดีตหลายองค์ทรงพยายามแต่ไม่สำเร็จ สำหรับพระเจ้าปราสาททองมีแต่บอกว่าทรงรื้อเพื่อสร้างใหม่ ณ ที่ใหม่
อ่านไปอ่านมาเหมือนกับทุบวิหารเก่า ย้ายพระพุทธรูป(ฉบับภาษาอังกฤษเขียนว่าชักถอยหลัง)แล้วสร้างวิหารใหม่ครอบมากกว่าจะสร้างทั้งวัด ดูๆไปก็คล้ายกับที่ในพงศาวดารกล่าวถึงการชักพระมงคลบพิตรจากทิศตะวันออกมาตะวันตก แล้วสร้างมณฑปครอบไว้
"ศักราช ๙๖๕ ปีเถาะศก (พ.ศ. ๒๑๔๖) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ชักพระมงคลบพิตรอยู่ฝ่ายตะวันออก มาไว้ฝ่ายตะวันตก แล้วให้ก่อพระมณฑปใส่ให้"พงศาวดารระบุว่าอยู่ในรัชกาลพระเจ้าทรงธรรม แต่ศักราชนั้นผิดเพราะอยู่ในสมัยสมเด็จพระนเรศวร นอกจากนี้ก็ยังมีหลายตอนที่เขียนศักราชผิดและมีเหตุการณ์คลาดเคลื่อนเมื่อเทียบกับเอกสารอื่นๆ ถ้าเอามาเทียบกับจดหมายเหตุของวัน วลิตที่เนื้อหาดูใกล้เคียงกันมากก็อาจจะเป็นไปได้ว่าในความเป็นจริงเหตุการณ์นี้อาจเกิดในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองก็ได้ครับ
มีผู้สันนิษฐานว่าตำแหน่งเดิมที่พระมงคลบพิตรอยู่น่าจะเป็นตำแหน่งของวัดชีเชียงเดิม(น่าจะอยู่ประมาณกึ่งกลางใต้วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งของหน้าป้อมสีเชียงที่พระยาโบราณราชธานินทร์กล่าว จะให้อยู่กลางวัดพระศรีสรรเพชญ์คงไม่น่าเป็นไปได้) สันนิษฐานกันว่าพระมงคลบพิตรอาจจะเป็นพระประธานของวัดชีเชียง ซึ่งซากวิหารแกลบด้านตะวันออกของวิหารพระมงคลบพิตรอาจจะเป็นอาคารที่เหลือของวัดชีเชียง ซึ่งถ้าเอามาประกอบกับเอกสารของวันวลิตก็เป็นไปได้ว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดให้ทุบวัดชีเชียงทิ้ง(หลังจากที่ปรากฏว่าถูกฟ้าผ่าและพายุหลายหน และบูรณะไม่สำเร็จ) แล้วโปรดให้ชักพระมงคลบพิตรมาทางทิศตะวันตก(ตรงกับภาษาอังกฤษที่ว่าชักถอยหลัง เพราะองค์พระหันหน้าไปทางตะวันออก)แล้วสร้างมณฑปครอบองค์พระไว้ อาจจะทรงต้องการสร้างวัดใหม่ทั้งหมดด้วยแต่ไม่สำเร็จ จึงได้แต่มณฑปเท่านั้นครับ
วิหารพระมงคลบพิตรกับซากวิหารแกลบ