เมื่อวานนี้เจอพี่กุ้งแห้งค่ะ เลยได้ทราบว่ามีกระทู้เกี่ยวกับคุณตา ป. อินทรปาลิต
เลยมาเล่าเรื่องราวของท่านจากที่ฟังมาจากคุณแม่ค่ะ คุณแม่เป็นลูกสาวคุณตาค่ะ มีพี่ชาย ๑ คน เสียชีวิตไปด้วยโรคเบาหวานเหมือนคุณตาประมาณสิบกว่าปีแล้ว
เรื่องคุณตายากจนในบั้นปลาย คุณแม่บอกว่าไม่จริงค่ะ ท่านยังทำงานอยู่ตลอดแม้ไม่สบาย แต่ผู้ที่เก็บเงินคือคุณยายปราณี ภรรยาคนที่สองของคุณตา
เวลาคุณตาป่วย คุณยายปราณีจะให้พี่ปริญญาโทร.บอกคุณแม่ คุณแม่จะให้คุณพ่อดิฉันซึ่งเป็นหมอ เป็นอาจารย์ที่จุฬาฯ พาไปรักษาตัวค่ะ บางครั้งต้องนอนโรงพยาบาล คุณแม่จะเป็นคนไปเฝ้าไข้ตลอด ดิฉันและน้องสาวยังเล็กมาก อยู่ชั้นประถมที่ราชินีบน กลับจากโรงเรียนต้องแวะไปหาคุณแม่ที่โรงพยาบาลก่อน
ทานข้าว อาบน้ำที่โรงพยาบาล แล้วคุณพ่อก็พาเรากลับบ้านโดยคุณแม่นอนเฝ้าคุณตาค่ะ คุณตานอนโรงพยาบาลหลายครั้ง หลายตึก ตึกสุดท้ายที่ท่านรักษาตัวคือ ตึกจงกลนี วัฒนวงศ์
ครั้งสุดท้ายที่ท่านออกจากโรงพยาบาล คุณยายปราณีชวนท่านให้ไปอยู่กันที่บ้านคุณชูชัย พระขรรค์ชัย ซึ่งยามนั้นไม่ได้เป็นนักมวยแล้ว รายได้คุณตาต้องใช้เลี้ยงทั้งบ้านค่ะ
คุณแม่ไม่พอใจนัก แต่ต้องยอมตามใจคุณตา วันที่คุณตาเสียชีวิต คุณแม่พาดิฉันและน้องสาวไปที่บ้านคุณชูชัย คุณตานอนเอาขาไขว่ห้างอยู่เลยค่ะ กระทั่งจากไป ยังทิ้งลายไขว่ห้างเอาไว้
แล้วหนังสือพิมพ์ไปลงว่า ป.อินทรปาลิต ตกยาก มีเงินเหลือแค่เศษเหรียญอยู่ใต้หมอน คุณแม่ไม่พอใจ แต่ก็เงียบไว้ เงินช่วยจากงานศพคุณตามากมาย คุณแม่ไม่ได้เก็บ คุณยายปราณีเก็บเองหมด
เรื่องก็ผ่านไป จนงานศพคุณตาเสร็จสิ้น มีการคุยกันเรื่องลิขสิทธิ์ กว่าจะรู้เรื่องกันได้ก็ทะเลาะกันไปพอแรง คุณแม่มาสรุปให้ดิฉันฟังตอนหลังว่า ลิขสิทธิ์หนังสือของคุณตาจะมีสามเจ้าของค่ะ คือ
๑. ลิขสิทธิ์ที่ขายขาด อย่างที่เล่าๆกันมาข้างบนค่ะ
๒. ลิขสิทธิ์ของคุณแม่กับคุณลุง (พี่ชายคุณแม่ผู้เป็นพ่อของพี่ปริญญา อินทรปาลิต) จะเป็นเรื่องที่เขียนช่วงยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับคุณยายปราณี คือคุณตาอยู่กับคุณยายปราณีแบบไม่ได้จดทะเบียน มาจดเอาไม่นานก่อนเสียชีวิต
๓. ลิขสิทธิ์ของคุณยายปราณี ซึ่งมีไม่มาก และหลายเล่มขายขาดให้สำนักพิมพ์ไปแล้ว
ต่อมาคุณลุงเสียชีวิต คุณยายปราณีย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกากับครอบครัวคุณชูชัย และไม่ติดต่อมาอีกเลย
คุณแม่กับคุณยายปราณีผู้เป็นแม่เลี้ยงไม่ค่อยถูกกัน คุณแม่เล่าทางมุมของคุณแม่ว่า คุณตาเป็นคนดีมาก ท่านเลี้ยงน้องๆหลานๆมาหลายคนมากๆ เงินทองหาได้เยอะมาก คุณแม่ตอนเป็นสาวนั้นหรูมากทีเดียว ซื้อของแต่ห้างฝรั่ง คุณตาเขียนหนังสือทุกวัน มีคนจากสำนักพิมพ์มานั่งรอต้นฉบับ เรียกว่า เขียนอะไรก็ออกมาเป็นเงิน แค่คุณตาท่านไม่สะสม ท่านมีน้ำใจกว้างขวาง ให้อะไรใครได้ก็ให้หมด เพราะถือว่าพรุ่งนี้ท่านก็เขียนหนังสือได้อีก
คุณแม่ดิฉันเป็นมือพิมพ์ดีดให้คุณตา ต่อมาคุณแม่แต่งงานกับคุณพ่อ พี่ปริญญากลายมาเป็นมือพิมพ์แทน
ดิฉันกับน้องสาวจะชินกับภาพคุณตาสวมเสื้อผ้าป่านติดกระดุมผ่าหน้าตัวบางกับกางเกงแพร นอนเอกเขนกบนเก้าอี้ผ้าใบที่ระเบียงบ้าน บอกบทให้พี่ปริญญาพิมพ์ค่ะ
หลานๆนั่งหัวเราะกระดิ่งทอง และนายแพทย์ดิเรกที่ชอบพูด ออไร๋ท์ๆ กับพลที่ชอบแอบเจ้าชู้กับสาวๆในบ้าน กิมหงวนฉีกแบ๊งก์ที หลานๆหัวเราะกันท้องแข็ง
คุณตานั่งมองหลานๆหัวเราะแล้วยิ้มชอบใจ
ตอนนี้ถ้าดิฉันว่างๆอยู่กับคุณแม่เมื่อไหร่ จะจดโน้ตความทรงจำเรื่องของคุณตาจากคุณแม่เอาไว้เผื่อได้เขียนสักวันหนึ่งข้างหน้า
ชีวิตท่านสนุกมากค่ะ
คุณพ่อของคุณตาหรือคุณปู่ของคุณแม่ เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย ชื่อคุณพระพิสิฏพจนาการ
สมัยนั้นเด็กผู้ชายเข้าโรงเรียนนายร้อยตั้งแต่ชั้นประถม คุณตาค่อนข้างเกค่ะ ไม่กลัวใคร สุดท้ายคุณทวดต้องให้ท่านลาออกไปเพราะบังคับลูกไม่ได้
คุณตาไปขับเรือโยง ขับแท็กซี่ ทำงานหาเงินด้วยอาชีพที่ไม่มีใครคิดว่าลูกชายคุณพระจะทำได้
คุณยายเป็นสาวสวยชาววังชื่อไข่มุกด์ (สะกดแบบนี้จริงๆค่ะ) มีเชื้อสายมาจากเจ้าจำปาศักดิ์ คุณตาเห็นแล้วตามจีบด้วยเพลงยาวจนคุณยายยอมแต่งงานด้วย
ยอมออกจากวังมาลำบาก แต่คุณตาก็ไม่ได้ให้คุณยายลำบากอะไรมากค่ะ คุณตาทำงานหนัก แอบเขียนนิยายไว้เยอะ
คุณยายเห็นแล้วอ่านดูว่าสนุกดี บอกให้คุณตาไปส่งสำนักพิมพ์ แต่คุณตาไม่ไป คุณยายเลยเอาไปส่งเองเสียเลย
เรื่องแรกของท่าน คือ "นักเรียนนายร้อย" เป็นนิยายรักโศก ดังมากค่ะ
เมื่อท่านแน่ใจแล้วว่าเป็นนักเขียนได้ จึงเขียนต่อๆมา ...อีกมากมาย
คุณแม่เล่ามาเยอะค่ะ เล่าถึงตอนสงครามโลก ตอนหนีภัยสงครามไปอยู่อ่างทอง ตอนเดินข้ามสะพานพุทธด้วยกำลังขา ฯลฯ
สนุกมากๆค่ะ