ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า ปทานุกรม ต่างกับ พจนานุกรม จะต่างกันเช่นใด เพราะดั้งเดิมครั้งกระโน้นก็ใช้คำว่า ปทานุกรม ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นการใช้คำว่า พจนานุกรม กระนั้นก็ยังมีการใช้คำว่า ปทานุกรม กันต่อมา
ท่านรอยอินได้วิสัชนาไว้ดังนี้
ก่อนหน้าที่คนไทยจะมีพจนานุกรมเป็นของตนเอง ผู้ที่ทำหนังสือประเภทนี้คือพวกมิชชันนารี โดยใช้ชื่อต่าง ๆ กัน เช่น “อักขราภิธานศรับท์” (ฉบับของหมอปรัดเล) “สัพะ พะจะนะ พาสา ไทย” (ฉบับของพระสังฆราชปาเลกัว)
กระทั่ง พ.ศ. ๒๔๓๔ กรมศึกษาธิการ (กระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน) จึงได้พิมพ์หนังสือ “พจนานุกรม ลำดับแลแปลศัพท์ที่ใช้ในหนังสือไทย (ฉบับ ร.ศ. ๑๑๐)” ออกเผยแพร่และใช้ในราชการ
และปรับปรุงอีกครั้งใน พ.ศ. ๒๔๔๔ จึงเกิด “พจนานุกรม เปนคำแปลศัพท์ภาษาไทยสำหรับเขียนคำใช้ให้ถูกต้องตัวสกด (ฉบับ ร.ศ. ๑๒๐)” ขึ้น
ทว่าเมื่อได้ปรับปรุงพจนานุกรมฉบับ ร.ศ. ๑๒๐ ใหม่ใน พ.ศ. ๒๔๖๓ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ปทานุกรมสำหรับนักเรียน พ.ศ. ๒๔๖๓” แทนและยังคงใช้ชื่อนี้จนถึงฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๔๗๒
ต่อมา พ.ศ. ๒๔๗๕ คณะกรรมการชำระปทานุกรมได้ดำริเปลี่ยนชื่อหนังสือกลับเป็นพจนานุกรมอีกครั้ง เพราะพจนานุกรม (พจน + อนุกรม) แปลว่า ลำดับคำ จึงเหมาะสมและมีความหมายตรงกับคำ Dictionary มากกว่าปทานุกรม (ปท + อนุกรม) ที่แปลว่า ลำดับบท และนิยมใช้ว่าพจนานุกรมกันมาจนปัจจุบัน
ดังนั้นปทานุกรมกับพจนานุกรมจึงแตกต่างเพียงชื่อ แต่ใช้ “ค้นความหมายคำ” ได้เหมือนกัน.
ที่มา : วิวัฒนาการของพจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๓๓