อย่างนี้คำว่าสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
แสดงว่า คนแรกทำเลวโดยไม่ทุกข์ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตกนรก ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร
ส่วนอีกคนที่เป็นคนดี พอทำเลวนิดหน่อย เป็นทุกข์มาก ตกนรกอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วเราควรจะทำจิตใจให้กระด้าง ไม่ต้องรู้ดีรู้ชั่ว ไม่ต้องรู้ถูกรู้ผิด ไม่ดีหรือคะ..
ที่คุณ D:D:ถามมาก็หนีไม่พ้นเรื่อง ภพชาติการระลึกชาติหรอกค่ะ
หากนรกสวรรค์มีแต่ในใจ แบ่งกันด้วยสภาพสุขหรือทุกข์แล้วละก็
ไม่จำเป็นต้องมีธรรมชาติที่เรียกว่า วิบากกรรม ผลกรรม กฏเกณฑ์การให้ผลของกรรม ตามชนิด ตามความหนักเบา และ ระยะเวลาให้ผล ที่เรียกกันว่า กรรม 12(หาอ่านกันเอาเองนะคะ อาจารย์วศิน อินทสระ เขียนไว้ก็อ่านง่ายดี)
ต่อให้ทำบาปแล้วยังเป็นสุขใจ ก็ไม่สุขได้ตลอดหรอกค่ะ ผลกรรมตามมาเมื่อไร คงบอกว่าสุขไม่ได้แน่
และหากสามารถระลึกชาติได้ ดีไม่ดี ขนลุกทั่วตัวทันทีที่พบคู่เวรคู่กรรมของตนตัวเป็น ๆ ยืนตรงหน้า
พวกที่ตายแล้วกลับมาเกิดจำอดีตชาติได้ มีข้อดีตรงที่พิสูจน์ได้ชัดว่า เวียนว่ายตายเกิดมีจริง
ดังนั้น ผลกรรมที่สนองไม่ทันชาตินี้ ก็ตามเหมือนหมาล่าเนื้อของคุณหนุ่มสยามและคุณหาญนั่นแหละ
มันตามล่าต่อไปจนกว่าจะนิพพาน เพราะนั่นคือการหนีแบบสาปสูญหลังจากกายแตก(ตาย)
หากกายยังไม่แตก ขันธ์ยังไม่ถูกทำลาย แม้จะนิพพานแล้ว ต่อให้เป็นถึงพระพุทธเจ้า กรรมก็ยังตามมาให้ผลได้อยู่ค่ะ
หาอ่านได้ในมหาปรินิพพานสูตร อรหันต์อย่างพระโมคคัลลานะ ก็ถูกทุบตายด้วยผลกรรมในอดีตชาติ
ดิฉันยังไม่บรรลุอะไรเลยนอกจากกิเลส รับรองว่า ทำใจให้สุขหลังก่อกรรมทำเข็ญไม่ไหวเจ้าค่ะ
ตกนรกตั้งแต่ทำกรรมสำเร็จนาทีนั้นเทียว