มาคั่นโปรแกรม ก่อนเจ้าของกระทู้จะกลับมาเอาพื้นที่คืน
ไม่มีความรู้เรื่องตะกอนและหน้าดินถูกกัดกร่อนค่ะ
ยังไงก็ต้องขอขอบพระคุณที่ยังตามอ่านนะครับ เรื่องตะกอนดิน(Sediment)และหน้าดินถูกกัดกร่อน(Erosion) เป็นเรื่องที่รู้กันในวงแคบ แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านจะทรงจุดประกายขึ้น และทรงสอนให้ปลูกหญ้าแฝกนานแล้ว แต่ก็หาผู้ที่สนใจ และเข้าใจในเรื่องนี้อย่างจริงจังน้อยมาก
บังเอิญโชคชะตานำผมให้ไปทำงานเกี่ยวขัองกับเรื่องยากๆนี้เข้า น้ำท่วมดินถล่มที่ไหนผมมีหน้าที่ต้องไปดู จึงได้เห็นปัญหาว่า น้ำโคลนที่ถล่มลงมาจากภูเขานั้นมันมีที่มาที่ไปอย่างไร ก็เลยถือโอกาสเล่าสู่กันฟังในเวทีนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าผู้อ่านถึงจะจำนวนน้อยกว่า แต่ก็มีคุณภาพและหลากหลายวงการ
การที่ผู้คนพากันโทษการตัดไม้ทำลายป่าว่าเป็นเหตุของน้ำท่วมนั้น ต้องดูประวัติศาสตร์ควบคู่ไปด้วย แต่โบราณกาลมาเรามีปีที่น้ำมาก น้ำปานกลาง และน้ำน้อย ตามศัพท์ของการเสี่ยงทายในพระราชพิธีพืชมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และคนไทยในอดีตก็รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี ตอนที่ป่ายังอุดมสมบูรณ์อยู่ น้ำก็ท่วม แต่น้ำที่ท่วมเป็นน้ำใส พาปลามาให้จับถึงใต้ถุนบ้าน เป็นฤดูกาลที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สนุกสนาน ถึงกับมีพิธีลอยกระทง การละเล่นเพลงเรือสักวา และการแข่งขันเรือยาว เป็นต้น
ในกระแสความรู้สึกของผู้คนเดี๋ยวนี้เข้าใจว่าน้ำท่วมเพราะการตัดไม้ทำลายป่า และจะไปเพ่งโทษเอากับพวกนายทุนที่ขึ้นไปทำรีสอร์ท อย่างกรณีย์วังน้ำเขียวเป็นต้น ผู้มีอำนาจตามหน้าที่ก็กำลังพยายามไปรื้อถอนอาคารลงมาโดยให้เหตุผลว่าจะเอาพื้นที่คืนให้ป่า คนระดับผู้ว่าฯบอกว่าจะได้มีน้ำไปเลี้ยงคนโคราช ถ้าเป็นเรื่องของการรักษากฏหมายแล้วผมก็ไม่ว่าอะไร แต่ควรจะกระทำกับพวกนายทุนที่บุกรุกขึ้นไปทำเกษตรกรรมในป่าสงวนเช่นเดียวกันด้วย อย่าได้ละเว้นให้เป็นสองมาตรฐาน เพราะพวกทำไร่นี่แหละที่เป็นตัวทำลายสิ่งแวดล้อมมากกว่ารีสอร์ทแยะ ไม่ว่าจะเชิงปริมาณพื้นที่ หรือเชิงปริมาณตะกอนดินที่ถูกชะล้างลงมาทุกฤดูฝน พวกทำรีสอร์ทจะสร้างผลกระทบแต่ในช่วงก่อสร้าง เมื่อแล้วเสร็จก็จะปลูกพืชคลุมดินสวยงาม หมดปัญหาตะกอน พวกทำสวนไม้ผล ไม้ยืนต้นก็คล้ายกัน เมื่อพืชเหล่านั้นโตก็เหมือนป่า ทำหน้าที่ซับน้ำกรองน้ำได้ระดับหนึ่ง จะเห็นว่าน้ำฝนที่ไหลลงมาจากสวนยางพาราที่โตแล้วจะเป็นน้ำใส แต่พวกทำไร่ข้าวโพด ไร่มันสำปะหลัง พวกนี้สร้างปัญหาตะกอนดินละลายเป็นน้ำโคลนลงมาจากภูเขาทุกปี แล้วลองไปคุ้ยเบื้องหลังเจ้าของไร่ซีครับ ไม่ใช่แม้วใช่ขมุที่ไหน พวกนายทุนทั้งนั้น
ผมไม่ได้แอนตี้กระแสสังคมเศรษฐกิจ ขนาดจะเสนอให้หยุดกิจการที่เขากำลังทำกันอยู่ แต่ต้องการให้ท่านทั้งหลายเห็นปัญหาตัวจริงหากจะพูดเรื่องสิ่งแวดล้อม ผมต้องการให้รัฐมีมาตรการควบคุมตะกอนดิน(Sediment)และหน้าดินถูกกัดกร่อน(Erosion)ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อที่คนในประเทศจะได้ไม่เห็นว่าฤดูน้ำหลากคืออุทกภัยไปทุกครั้ง
คนไทยต้องอยู่กับน้ำได้เหมือนกับคนบางประเทศที่เขาอยู่กับภูเขาไฟ หรือซึนามิ หรือทอร์นาโด เพราะเราก็ไม่รู้จะหนีไปไหนได้เหมือนกัน