เรือนไทย

General Category => ชมรมอนุรักษ์ภาพจิตรกรรมไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: Kurukula ที่ 03 ก.ย. 10, 12:21



กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 03 ก.ย. 10, 12:21
เห็นพี่ยุทธเอาจิตรกรรมวิธูรบัณฑิตจากศาลาการเปรียญวัดเชิงท่ามาเผยแพร่แบ่งปันให้น้องๆดู ก็เลยอยากจะเอาจิตรกรรมชาดกเรื่องเดียวกัน แต่เป็นเวอร์ชั่นศิลปะพม่ามาเปรียบเทียบกันบ้างครับ เนื่องจากถ่ายไว้นานแล้ว และถ้าไม่เอามาใ้ช้งานเลยก็ึคงไม่เป็นประโยชน์

ถึงจิตรกรรมพม่าจะไม่ประณีีตเท่าของไทย แต่ก็น่ารักน่าชังใช่เล่น ที่สำคัญร่วมสมัยกับอยุธยาตอนต้น-ตอนกลางของบ้านเราด้วยครับ และเขียนไ้ว้ค่อนข้างละเอียดไม่แพ้ไทยเราทีเดียว


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 03 ก.ย. 10, 12:24
เปิดฉากมา.....คล้ายๆโขนตอนตัวยักษ์ออกนั่งเมืองเลยครับ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว....  ในอดีตกาล มีพระราชาทรงพระนามว่า ธนัญชัยโกรพยราช ทรงครองราชย์ในกรุงอินทปัตตะ แคว้นกุรุ..


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 03 ก.ย. 10, 12:29
มีสหายสี่คน เป็นเพื่อนร่วมทำบุญกันมาตั้งแต่อดีตชาติ เกิดใหม่จึงได้พบกันอีก ด้วยผลบุญ แต่ละคนจึงเกิดเป็น พญานาค พญาครุฑ ท้าวสักกเทวราช และพระเจ้าธนัญชัย

ทีนี้เกิดใหม่ก็ยังเป็นคนดีอีก และด้วยความเป็นคนดี จึงนั่งเถียงกันว่า ใครบำเพ็ญธรรมได้ยอดเยี่ยมไปกว่ากัน...

พระเจ้าธนัญชัยจึงให้มหาบัณฑิตของพระองค์ คือพระโำพธิสัตว์วิธูรบัณฑิตตัดสิน ปรากฏว่าธรรมของมหาราชทุกองค์ยอดเยี่ยมเสมอกัน ก็แฮปปี้


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 03 ก.ย. 10, 12:34
มหาราชทุกองค์ต่างก็พอใจคำตัดสิน จึงบูชาพระโพธิสัตว์ด้วยข้าวของต่างๆ

เผอิญพญานาคกลับไปนาคพิภพ นางวิมาลาชายา เกิดผิดสังเกตว่ากรองศอสามีตัว ก่อนไปเมืองมนุษย์ก็ห้อยคล้องอยู่ดีๆ กลับมาหายไปเสียแล้ว เลยถามหา พญานาคบอกว่าถอดบูชาวิธุรบัณฑิตไปแล้ว แถมต่อว่า ไม่ได้บูชาคนเดียวนะ คนอื่นก็บูชาด้วย พญาครุฑก็ให้ดอกไม้ทองคำ ท้าวสักกะก็ให้ผ้าทุกุลพัสตร์ พระเจ้าธนัญชัยก็ให้โคนมหนึ่งพัน

นางวิมาลาได้ยินดังนั้น ก็เกิดอยากฟังธรรมขึ้นมาบ้าง คิดว่าอยู่ถึงพิภพนาค ถึงอ้อนวอนสามีก็คงไม่ยอมพามาให้ เลยออกอุบายมายาสตรี แกล้งป่วยอยากได้หัวใจวิธุรบัณฑิต


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 03 ก.ย. 10, 12:40
นางอิรันทตี ธิดานาค ทราบถึงอาการป่วยของมารดาก็สงสาร อาสาออกไปหาหัวใจวิธุรบัณฑิตมาให้ โดยไปร้องเพลงบนเขากาฬกูฏ ใจความว่าใครอยากแต่งกะนาง ต้องเอาหัวใจพระโพธิสัตว์มามอบเป็นเครื่องแลกเปลี่ยน

"ลำดับนั้นพระยานาคราชจึงตรัสกะเธอว่า ดูก่อนลูกหญิง บุคคลผู้สามารถเพื่อจะนำ วิธุรบัณฑิตมาในสำนักของเราได้ก็ไม่มี. เจ้าจงให้ชีวิตแก่มารดาเถิด จงไปแสวงหาภัสดาผู้สามารถนำ ดวงหทัยของวิธุรบัณฑิตมาให้ได้."

"คนธรรพ์ รากษส นาค กินนร หรือมนุษย์คนไหนเป็น ผู้ฉลาดสามารถจะให้สิ่งทั้งปวงได้ คนนั้นจักได้เป็นสามีของเรา ตลอดกาลนาน. "

"คนไหนเป็นผู้ฉลาดสามารถ เพื่อจะให้สมบัติอันน่าใคร่ทุกอย่าง เมื่อนำมโนรถของมารดาของเรา ผู้ปรารถนาดวงหทัยของวิธุรบัณฑิตมา ผู้นั้นจักได้เป็นภัสดาของเราตลอดกาลนาน"


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 03 ก.ย. 10, 22:23
ปุณณกยักษ์ทราบมาว่าพระเจ้าธนัญชัยโกรพทรงชอบเล่นสกา จึงคิดว่าจะแปลงตัวเป็นมานพหนุ่มเข้าไปเฝ้า จะหาของที่มีค่าควรเมือง อันจะชักชวนให้พระราชายอมลงมาเล่นสกากับตัวได้ ของนั้นก็ึิคือ แก้วมณี สมบัติของพระมหาจักรพรรดิ์ ซึ่งในอรรถกถาชาดก กล่าวว่า เมื่อมองเข้าไปในดวงแก้ว สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งจักรวาล ทั้งสวรรค์ชั้นดุสิต ยามา ดาวดึงส์ ประหนึ่งติดเคเบิลทีีวีหรือเนตสิบหกกิ๊กทีเดียว


แก้วมณีนั้น สถิตอยู่ในวิบุลบรรพต มียักษ์ชื่อกุมภิระเฝ้าอยู่ แค่ปุณณกยักษ์ (ซึ่้งเป็นหลานลุงของท้าวเวสสุวรรณ ราชากุมภัณฑ์) ถลึงตาใส่ ก็หนีไปแอบอยู่ถึงหว่างเขาจักรวาล แก้วมณีเลยเสร็จปุณณกยักษ์


ของอีักอย่างที่ปุณณกยักษ์นำมาล่อ คือ ม้าสินธพตัวที่ขี่อยู่นี้ วิ่งได้เหมือนลมพัด...

"จึงกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า พระองค์จงทอดพระเนตรดูอีกในกาลบัดนี้ แล้วขับม้าไปบนหลังน้ำ ในสระโบกขรณีที่อุทยานภายในพระนคร. ม้าได้วิ่งไปมิได้ให้ปลายกีบเปียกเลย. ลำดับนั้น ปุณณกยักษ์ให้ม้าวิ่งควบไปบนใบบัว ตบมือแล้ว เหยียดมือออก ม้าวิ่งเผ่นมาหยุดอยู่ที่ฝ่ามือ".


เป็นที่คลายสงสัยตอนนี้นี่เอง ว่าทำไมวัดช่องนนทรีถึงมีรูปม้าวิ่งบนใบบัว....ช่างคงอ่านอรรถกถาแล้วอิน..


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 03 ก.ย. 10, 22:29
เมื่อหว่านล้อมพระราชาสำเร็จ ก็ตั้งโรงสกากัน โดยพระเจ้าธนัญชัยทรงเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมด ยกเว้นพระองค์เอง เศวตฉัตร และลูกเมียเข้าเป็นเดิมพัน

พระราชานั้น โชคดีตรงที่มีผีค้ำเศวตฉัตรเป็นพระราชมารดาในอดีตชาติ เวลาจะทอดสกาก็ทรงอธิษฐานถึงมารดา พอลูกสกาจะตกลงมาไม่ดี ก็ทรงรับไว้ได้กลางอากาศเสียทุกครั้ง

ปุณณกยักษ์เห็นดังนี้ ก็เลยถลึงตาใส่ผีค้ำเศวตฉัตร เท่านี้ก็หนีไปแอบอยู่ถึงเขาจักรวาล ไปตัวสั่นอยู่รัวๆ (อีกคน)

พอพระเจ้าธนัญชัยไม่มีผีค้ำคอยช่วย ก็เลยแพ้อำนาจยักษ์ สกาออกมาเจ๊ง...

"ลำดับนั้น ปุณณกยักษ์ทราบว่า ท้าวเธอทรงปราชัย มีใจยินดี ตบมือ หัวเราะด้วยเสียงอันดัง ๓ ครั้งว่า

ข้าพเจ้าชนะแล้ว ข้าพเจ้าชนะแล้ว ข้าพเจ้าชนะแล้ว!!!

ดังนี้ เสียงนั้นได้แผ่ไปทั่วชมพูทวีป."


จิตรกรรมพม่าวาดออกมาได้ใจมาก...เห็นภาพเลยครับ


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 04 ก.ย. 10, 01:27
มาลงต่อด้วยนะ อยากดูฉากต่อไป  ;D


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 04 ก.ย. 10, 01:38


     อยากดูฉากถลึงตาค่ะ


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 04 ก.ย. 10, 10:57
เรียนคุณ wandee ฉากยักษ์ถลึงตาคงจะสยองขวัญเกินไป ช่างท่านเลยไม่เขียนไว้ในวัดครับ

แต่ฉากยักษ์ชนะสกาก็เห็นสีหน้าแววตาชัดเจน เหมือนการ์ตูนเลยครับ สังเกตดีๆ บนยอดฉัตรจะมีเทวดารักษาฉัตรอยู่ด้วย คือพระราชมารดาของพระเจ้าธนัญชัย มิได้หนีไปจนสุดจักรวาลอย่างในอรรถกถา

ต่อครับ...

วิธุรบัณฑิตของเวลาร่ำลาลูกเมีย สั่งเสียประชาชนและตั้งธรรมาสน์เทศน์โปรดพระราชาเสียก่อน จึงจะไป ฉากนี้หาของพม่าไม่ได้ เอาของไทยไปก่อน ที่วัดช่องนนทรีครับ

(ชอบรูปคนนอนหันหัวในศาลาจริงๆ แสดงว่าช่างไทยเริ่มมีความคิดแบบ perspective แล้วในสมัยอยุธยา แต่พอถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้นๆ ก็แทบจะไม่พบแล้ว)


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 04 ก.ย. 10, 11:06
"ปุณณกยักษ์นั้นมีจิตคิดประทุษร้ายลงจากยอดเขา วางพระมหาสัตว์ไว้ในระหว่างภูเขา ชำแรกเข้าไปภายในภูเขานั้น จับพระมหาสัตว์เอาศีรษะลงเบื้องต่ำ ขว้างลงไปที่พื้นดิน ไม่มีอะไรกีดกั้น."


ขว้างไปได้สามครั้งแล้ว ยังไม่ตาย สุดท้ายก็กะจะเอาวิธุรบัณฑิตฟาดกับยอดเขา....วิธุรบัณฑิตจึงเอ่ยปากถาม..


วิธุรบัณฑิตผู้เป็นอำมาตย์ประเสริฐสุดของชาวกุรุรัฐ เมื่อถูกห้อยศีรษะลงในเหวอันชัน อันเป็นที่น่ากลัว น่าสยดสยอง น่าหวาดเสียวมาก ก็ไม่สะดุ้ง ได้กล่าวกะปุณณกยักษ์ว่า


"ท่านเป็นผู้มีรูปดังผู้ประเสริฐ แต่หาเป็นคนประเสริฐไม่

คล้ายจะเป็นคนสำรวม แต่ไม่สำรวม

กระทำกรรมอันหยาบช้า ไร้ประโยชน์ ส่วนกุศลแม้แต่น้อยย่อมไม่มีในจิตของท่าน

ท่านจะโยนข้าพเจ้าลงไปในเหว ประโยชน์อะไรด้วยการตายของข้าพเจ้า จะพึงมีแก่ท่านหนอ วันนี้

ผิวพรรณของท่านเหมือนอมนุษย์ ท่านจงบอกข้าพเจ้า ท่านเป็นเทวดาชื่ออะไร". 


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 04 ก.ย. 10, 11:09
อ๊ะ สับกันอันหนึ่งครับ ตอนยักษ์พาพระโพธิสัตว์ไป

พระโพธิสัตว์จับหางม้าด้วยมือทั้งสอง กระหวัดหางม้าไว้ให้มั่น เอาเท้าทั้งสองเกี่ยวขาม้าไว้ให้แน่น กล่าวว่า ดูก่อนมาณพ ข้าพเจ้าจับหางม้าแล้ว ท่านจงไปตามความชอบใจเถิด. ขณะนั้น ปุณณกยักษ์ได้ให้สัญญาแก่ม้ามโนมัยสินธพ ส่วนม้ามโนมัยสินธพนั้น ได้พาวิธุรบัณฑิตเหาะไปในอากาศ.


ภรรยาพันหนึ่ง และทาสีเจ็ดร้อย ประคองแขนร้องไห้คร่ำครวญว่า ยักษ์แปลงเพศเป็นพราหมณ์มาพาเอาวิธุรบัณฑิตไป


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: chounws ที่ 07 ก.ย. 10, 11:40
ขอบคุณมากที่มาลงให้ได้ชมกัน ผมชื่นชอบจิตรกรรมฝาผนังศิลปช่างพม่ามากในด้านความตรงไปตรงมาของการเขียน ทำให้ดูสนุก
ไม่ทราบว่าเป็นภาพจากที่ใดครับ


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: Kurukula ที่ 07 ก.ย. 10, 22:10
ส่วนใหญ่มาจากถ้ำโพวินต่องครับ บางส่วนจากหมู่บ้านอะเหน่ง จิตรกรรมสมัยราชวงศ์ิอังวะครับ


กระทู้: วิธูรบัณฑิตในจิตรกรรมพม่า
เริ่มกระทู้โดย: pookanmai ที่ 23 ก.ย. 10, 13:21
ว้าวๆ จิตรกรรมพม่า น่าดูจิงๆ ค่า
หายไปนาน งานเยอะมั่กๆ ค่ะ เลยไม่มีรูปจิตรกรรมมาลงเลย  :-[
ตอนนี้แอบอู้งาน...มาเข้าคิวรอดูด้วยคนค่ะ