ทางแก้ของการเรียกบุคคลที่ชื่อซ้ำกันก็เลยใช้วิธีเติมสร้อยท้ายชื่อลงไป
ในวงสังคมใหญ่ (ในเมือง) ก็มีทั้งการใช้ลักษณะทางกายภาพหรือบุคลิกของคนนั้นๆต่อท้ายชื่อเล่นหรือชื่อจริง ก็มีที่บ้างก็เรียกชื่อจริงต่อท้ายด้วยชื่อเล่น บ้างก็เรียกชื่อเล่นแล้วต่อท้ายด้วยชื่อจริง
สำหรับในวงสังคมขนาดเล็ก (ขนาดตำบลหรือหมู่บ้าน) ก็เรียกชื่อคนแล้วต่อท้ายด้วยสร้อยเหมือนกัน โดยเรียกชื่อตัวด้วยชื่อเล่นแล้วต่อด้วยสร้อยที่มักจะเป็นชื่อสถานที่ๆบุคคลนั้นๆอยู่อาศัยหรือความถนัดในการทำมาหากิน ก็เลยเป็นเรื่องปกติที่แต่ละคนก็มักจะจำชื่อจริงของคนอื่นๆไม่ได้
คิดถึงบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นของขุนแผน ที่คุณเพ็ญชมพูเคยนำเสนอไว้ โดยเฉพาะคนสุดท้ายมีลักษณะเฉพาะตัวพิเศษกว่าบุรุษทั่ไป
๓๕ เดนตายสหายขุนแผนออกโรงอีกครา
ตามคำรายงานตัวมีทั้งไทย, มอญ, ลาว,จีน แถม ละว้า ให้อีกเชื้อชาติหนึ่ง (ไม่ยักมีแขก) เป็นทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ
ขอให้สังเกตว่าคำรายงานตัวมีแบบฟอร์มเดียวกันคือ ชื่อตัว, ชื่อเมีย และโทษที่ต้องติดคุก
ต่อมาข้านี้อ้ายสีอาด เมียชื่ออีกงราดพระเจ้าข้า
คบไทยไล่ปล้นบ้านละว้า แล้วเข่นฆ่าลาวชื่อท้าวเสน
ขึ้นย่องเบาเอาบาตรผ้าพาดเณร ทุบตาเถรแล้วซ้ำปล้ำหลวงชี
อ้ายมอญมือด่างบางโฉลง เมียชื่ออีโด่งเป็นชาวเหนือ
ลักถ้วนลักถี่ทั้งตีเรือ ครกกระบากสากกะเบือไล่เก็บครบ
อ้ายมากสากเหล็กปล้นเจ๊กกือ เมียมันตาปรือชื่ออีเสา
อ้ายสงผัวอีคงอยู่กงคอน ตีชิงผ้าผ่อนฆ่ามอญเสีย
อ้ายจันผัวอีจานบ้านกะเพรา โทษปล้นจีนเก๊าเผาโรงเจ๊ก
ยิงปืนปึงปังประดังโห่ แล้วเอาสันพร้าโต้ต่อยหัวเด็ก
อ้ายเกิดกระดูกดำผัวอีคำด่าง โทษสะดมกรมช้างกับหมอมั่น
ปล้นละว้าป่าดงคงกระพัน กระหำไขว้ไข่ดันเป็นทองแดง
เพื่อนร่วมรุ่นขุนแผนแต่ละคน มีประวัติดุเด็ดเผ็ดมัน
ยิงฟันยิ้ม