เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: Traveller ที่ 13 ธ.ค. 05, 16:51



กระทู้: อยากทราบ คำว่า "มีองค์" หมายถึงอะไรค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: Traveller ที่ 13 ธ.ค. 05, 16:51
 อยากเรียนถามผู้รู้ค่ะ ว่าคำว่า "มีองค์" หมายถึงอะไร เคยได้ยินว่าคนที่ "มีองค์" ต้องไปรับ ขัณ (ขัน, ขรรค์ ไม่แน่ใจว่าตัวไหนค่ะ) เป็นยังไงคะ


กระทู้: อยากทราบ คำว่า "มีองค์" หมายถึงอะไรค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 14 ธ.ค. 05, 01:38
 ไม่รู้ซะด้วยซิ ถ้าเป็นในทางไสยศาสตร์ คิดว่าหมายถึง "มีเจ้าประทับ" มั้งครับ คือประมาณว่า คนที่ถูกทักจะต้องมีอะไรที่ "พิเศษ" กว่าคนทั่วไป ดังนั้น จึงจะต้อง "ไปเสียตังค์" เพื่อทำพิธีอะไรบางอย่างแบบเดรัจฉานวิชา ซึ่งไม่เป็นวิธีของพุทธศาสนา

ส่วนคำว่า "ขัณ" ผมคิดว่าน่าจะเป็น "ขันธ์" มากกว่าครับ และน่าจะหมายถึง "ขันธ์ ๕"

ขันธ์ ๕ คือ  ส่วนหนึ่งๆ ของรูปกับนามที่แยกออกเป็น ๕ กอง คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

พวกไสยศาสตร์ ก็แอบอิงกับพุทธแบบนี้แหละครับ อย่าไปเชื่อถือมาก พุทธเพียวๆ ชัวร์กว่าครับ นับถือแล้วเกิดปัญญาครับ



กระทู้: อยากทราบ คำว่า "มีองค์" หมายถึงอะไรค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ทิวฟ้า ทัดตะวัน ที่ 14 ธ.ค. 05, 11:25
 คำว่า  มีองค์  ก็คือว่า  คนที่มีเทพคุ้มครอง  เรื่ององค์นี้  บางคนก็มี  บางคนก็ไม่มี  คนที่มี  บางคนก็มีองค์เดียว  บางคนก็มีหลายองค์   องค์  ก็คือองค์เทพ  ครับ  

ทีนี้คนที่มีองค์  ไม่จำเป็นต้องไปรับ ขันธ์  อย่างที่ว่าก็ได้  เพราะ องค์นี้จะติดตามเรา คอยปกป้องเราอยู่ตลอดเวลา  แต่องค์ก็จะหายไปก็ได้ถ้าคนนั้นทำไม่ดี มาก ๆ  หรือองค์อาจจะมาเพิ่มก็ได้ถ้า  เป็นคนดีมาก ๆ  
ปกติองคืกับเรา  ก็จะอยู่คนละส่วนอยู่แล้ว

แต่ถ้าคนที่ไปรับขันธ์อย่างที่ว่า  ก็จะเป็นการอนุญาติให้ องค์ที่อยู่กับเรา  มาใช้ร่างเราได้  โดยจะเข้ามาในลักษณะกดทับจิตเราไว้

คล้ายกับพวกร่างทรง  แต่แตกต่างกันที่ว่า  พวกร่างทรงจะอนุญาติให้วิญญาณ ทั้งหลายเข้าได้หมด
แต่พวกที่มีองค์  ก็จะมีแต่องค์ที่ประจำอยู่เท่านั้นเข้าได้  เรียกว่า  องค์ลง

ในสมัยโบราณจะพบว่า  มีประเภทองค์ลลงเยอะมาก  
ในวรรณคดีก็พบเช่นเรื่องขุนช้างขุนแผน  ตอนที่ขุนแผนจะปรับโทษกับขุนช้างข้อหาที่เอานางพิมไป  ขุนช้างก็แกล้งทำเป็นองค์ลง

ดังที่กล่าวแล้วตั้งแต่แรกว่า คนมีองค์ไม่จำเป็นต้อง  มีองค์ลงเสมอไป  ถ้าไม่เปิดจิต  ก็จะมีชีวิตธรรมดาทั่วไป  บางคนก็อาจจะมีองค์แต่ไม่รู้  ( โดยมากก็ไม่ค่อยมีใครรู้หรอกครับว่า  ตัวเองมีองค์  )  

ก็อีกอย่ง  เรื่องอย่างนี้  ไม่ใช่แก่นครับ  ไม่ต้องสนใจมากก็ได้  เอาไว้พอรู้ ๆ ไม่ถูกหลอกก็พอ.



เยี่ยมชม บทกวี  และงานเขียนประเภทต่าง  ๆ  ของ  ทิวฟ้า  ทัดตะวัน  ได้ที่ http://www.tuephar.cjb.net  


กระทู้: อยากทราบ คำว่า "มีองค์" หมายถึงอะไรค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 14 ธ.ค. 05, 21:34
 ก็อย่างที่ว่ากันมานั่นแหละครับ สำหรับคำว่า "มีองค์"

แต่ทางเหนือจะเรียกว่า "มีเจ้า" คือบรรดาเจ้าพ่อเจ้าแม่ หรือเรียกรวม ๆ ว่า "ผีเจ้านาย" ทั้งหลาย

สำหรับคำใดที่จะมาเป็น "ม้าขี่" (คล้าย ๆ กับคำว่า "ร่างทรง" แต่ว่าเบื้องหลังคำแต่ละคำ ก้ไม่เหมือนกัน คำว่า "ร่างทรง" นั้นจะหมายถึง เราเป็น 'ร่าง' เพื่อให้เจ้า หรือให้เทพ หรือผี มา 'ทรง' แต่คำว่า "ม้าขี่" นั้น เราเปรียบเหมือนเป็น 'ม้า' ที่ให้บรรดาเจ้าต่าง ๆ นั้นได้ 'ขี่' ไปโปรดบรรดาลูกหลานทั้งหลาย) ก็ต้องมีการรับ "ขัน"

ครับ ผมเขียนว่า "ขัน" เพราะว่า มันเป็น "ขัน" จริง ๆ เพียงแต่ว่า ความหมายของคำว่า ขัน ทางเหนือจะรวมไปถึงสิ่งที่มีลักษณะคล้าย "พาน" ด้วยนะครับ ในขันที่จะไปรับ นั้น ก็จะมีบรรดาเครื่องพลีกรรม ที่ใช้บูชา "เจ้า" หรือ "เทพ" นั้น ๆ อาจจะเหมือนกัน หรือแตกต่างกันไปตามแต่ละเจ้า

ขึ้นมาดูประเพณีฟ้อนผี ทางเหนือสิครับผม ฟ้อนแต่ละที ก็จะมีขันมาวางเรียงรายบนหิ้ง (สำหรับผีมดผีเม็ง) ส่วนผีเจ้านายก็จะมีขันของใครของมันสำหรับเชิญ


กระทู้: อยากทราบ คำว่า "มีองค์" หมายถึงอะไรค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ลำดวนเอ๋ยพี่จะด่วนไปก่อนแล้ว ที่ 14 ธ.ค. 05, 23:35
 เคยเห็นพวกคนที่มีองค์ บอกว่าเป็นร่างทรงเจ้านายชั้นสูง ตั้งแต่พระนางสุนันทาฯ กรมหลวงชุมพร จนกระทั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มีข้อนี้อยากถามคนที่มีความรู้ทางไสยศาสตร์ว่าจริงเท็จพระการใด และอยากถามผู้ที่มีความรู้ทางนิติศาสตร์ ว่าการอ้างว่ามีดวงพระวิญญาณของเจ้านายในพระราชวงศ์มาประทับร่างนั้น เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน หรือ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่ เพราะตัวเองยอมรับว่าเป็นห่วงจากใจจริง


กระทู้: อยากทราบ คำว่า "มีองค์" หมายถึงอะไรค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 15 ธ.ค. 05, 00:11
 ถ้าเป็นเช่นนั้นคงจะเป็น "ขัน" ตามที่คุณศศิศ ว่าครับ ซึ่งแปลว่า "การรับเครื่องพลีกรรม" (เพราะว่าใส่อยู่ใน "ขัน" เรียกกันง่ายจัง อิอิ)

ส่วนเรื่องพวกแอบอ้างเป็นร่างทรงนี้ หลอกทั้งนั้นครับ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม "ไม่มีหน่วยงานราชการ" กำจัดให้สิ้นซาก ซึ่งผมว่าง่ายกว่าปราบยาเสพติดเสียอีก ที่ผมฟันธงว่า หลอกลวง ก็เพราะว่า ถ้าเป็นดวงพระวิญญาณจริงๆ แล้ว ทำไมช่วยแต่ตาสีตาสาครับ ทำไมไม่ช่วยปราบปรามพวกทุจริตโกงบ้านโกงเมืองกันเห็นๆ น่าแปลกหรือเปล่าครับ แทนที่จะปกป้องประเทศ แต่กลับไปช่วยเหลือใครก็ไม่รู้ ??? แค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วครับว่า "หลอกลวง" ทั้งนั้น

เป็นชาวพุทธในสังคมที่ยังมีความเชื่อถือเรื่องผีสางก็ลำบากใจครับ นับถือพุทธแท้ๆ แต่กับถูกพวกนับถือแบบ "ครึ่งผีครึ่งคน" มาบอกว่า คุณไม่ได้นับถือพุทธ เพราะที่บ้านคุณไม่มีศาลพระภูมิ อิอิ



กระทู้: อยากทราบ คำว่า "มีองค์" หมายถึงอะไรค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: Traveller ที่ 15 ธ.ค. 05, 11:03
 ขอบคุณค่ะ ที่อยากทราบเรื่องนี้ เพราะบังเอิญไปดูหมอดูมา โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าเป็นหมอดูร่างทรง และคนที่ไปด้วยกันบอกว่าพอขึ้นไปบนบ้าน (รึเรียกว่าตำหนักก็ไม่รู้ค่ะ) แล้วรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณบ่าทั้งสองข้าง ร้อนมากๆ ในขณะที่ทุกคนที่ไปด้วยบอกว่าอากาศเย็นสบายดีออก แต่เค้าก็นั่งรอจนดูหมอเสร็จก็ลงจากบ้านไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ข้างล่าง แล้วพอลงจากบ้านไปปุ๊บ เค้าก็บอกว่าเค้าหายร้อนแล้ว เค้าเลยไม่ขึ้นไปอีก คนอื่นๆที่กำลังรอดูหมออยู่ข้างบนก็ถามถึง เผอิญหมอดูที่เป็นร่างทรงได้ยิน เค้าก็บอกว่าเพื่อนคนนั้นไม่แปลกหรอกที่เค้าอยู่ไม่ได้ เพราะเค้ามีองค์ แต่หมอดูก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่านั้นค่ะ
ถ้าจะถามว่าหมอดูแม่นมั้ย แม่นค่ะ บางอย่างแม่นจนน่ากลัว เลยลังเลว่าจะเชื่อดีรึเปล่า แต่ก็ไม่ลบหลู่แน่ๆ ค่ะ


กระทู้: อยากทราบ คำว่า "มีองค์" หมายถึงอะไรค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 16 ธ.ค. 05, 00:11
 ครับ เรื่องแบบนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลครับ ไม่มีใครผิดหรือถูก แต่ก็ต้องระวังพวกที่หลอกลวงด้วยครับ เท่าที่ทราบมา พวก "ร่างทรง" พวกนี้จะอาศัยจุดอ่อนที่ว่า คนทั่วไปคิดว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่อง "งมงาย" แต่ถ้าใครหลงเข้ามา แล้วก็มารู้ตัวทีหลังว่าโดนหลอก ก็จะไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวชาวบ้านจะซ้ำเติมว่า "ดีแล้ว สมน้ำหน้า อยากงมงายเอง"

นี่แหละครับ คนส่วนใหญ่ที่ถูกหลอกจึงเงียบกันสนิท ส่วนใหญ่ก็คิดว่า ฟาดเคราะห์ อย่างเรื่องของนายแอ ถ้าภรรยาของเขาไ่ม่ออกมาแฉเอง ก็ไม่มีใครรู้หรอกครับว่า นายแอหลอกข่มขืนมาหลายคนแล้ว

จุดอ่อนที่ผมว่านี้คือช่องทางหากินของผู้ประกอบอาชีพประมาณนี้แหละครับ

ส่วนอาชีพหมอดู เป็นอีกเรื่องครับ ผมมองว่าก็เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง (หมอดูแบบจริงๆ นะครับ ไม่ใช่หมอเดา) เป็นศาสตร์แห่งการทำนาย โอกาสถูกผิดก็มีเท่ากันครับ แต่ถ้าถูกก็มักจะนำมาอ้างบ่อยๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่ถ้าผิดมักเก็บเงียบ อิอิ

ผมมองว่า ไปดูหมอ ดูได้ครับ แต่อย่า่งมงาย ให้คิดว่า ไปดูหมอก็เหมือนไปดูหนัง หมอเตือนอะไรก็ฟังๆ ไว้ครับ แต่อย่างไปจริงจังมาก ยิ่งถ้ามีเหตุต้องเสียตังค์ ก็ตั้งสมมุติฐานไว้ก่อนครับว่า "หลอกหรือเปล่า" อิอิ

ถ้าตามหลักพุทธเลยนะครับ

"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ครับ  



กระทู้: อยากทราบ คำว่า "มีองค์" หมายถึงอะไรค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: drag ที่ 19 ธ.ค. 05, 11:02
 เคยมีประสบการณ์เหมือนTraveller  พยายามหาคำตอบแต่ก็ตอบได้ไม่ดีเท่าไหร ก็เลยอยู่เฉยๆๆดีกว่า  ไม่เชื่อแต่ก็ไม่หลบลู่ เพราะเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ คนที่เจอของจริง กับ คนที่ไม่เคยเจอ(หรือพวกโดนหลอก) พูดยากมาก แล้วคนที่เชื่อหรือรู้จริงก็ไม่เคยมีใครออกมาพูดกันตรงๆๆ ยอมรับอย่างหนึ่งทุกอย่างมีเหตุและมีผลแห่งการกระทำเสมอ มั่นรักษาศีล 5 เจริญภาวนา นั่งสมาธิ แล้วสิ่งๆ ดีจะตามมา ผลแห่งการกระทำดีมีจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่ยึดมั่น ถือมั่น ดีแน่นอน


กระทู้: อยากทราบ คำว่า "มีองค์" หมายถึงอะไรค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ลำดวนเอ๋ยพี่จะด่วนไปก่อนแล้ว ที่ 19 ธ.ค. 05, 17:10
 การที่เราอยู่ในสถาณการณ์หนึ่งๆ แล้วมีปฏิกิริยาแปลกๆในร่างกาย ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับ อธิบายได้หลายอย่าง ทั้งความเครียดของตนเอง การสะกดจิตหมู่ ฯลฯ เช่นการสวดภาณยักษ์ หรือการสวดตัดเวรตัดกรรม สำหรับผมเองก็เคยเป็นเหมือนกันเวลาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เช่นในพิธีกรรมต่างๆ หรือในสถาวะที่มิปกติ หรือที่เราไม่คุ้นชิน แต่เราต้องพยายามรู้เท่าทันจิตของเราให้เร็วที่สุด จิตของเรา(ที่ไม่ใช่ของเรา)มันรวดเร็วมาก สามารถสร้างอุปาทานได้สารพัด ขนาดการนั่งสมาธิขั้นสูงที่พระเถรเณรชีไปร่ำเรียนที่วัดมหาธาตุ บางรูปบางท่านนั่งไปนั่งมาสติแตกเพี้ยนไปก็เยอะ เรื่องจิตเนี่ยถ้าจะมองในมุมจิตวิทยาแจจุบัน หรือพุทธศาสนา พูดสามวัน สามคืนก็ไม่หมด เจ้าชายสิทธัตถะได้ค้นพบทางดับทุกข์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เพราะทรงบำเพ็ญเพียรทางจิต และเรื่องที่พุทธศาสนาเน้นย้ำพร่ำสอนกันมากก็คือ การรู้เท่าทันจิต และรู้ถึงความเป็นจริงในโลก และถ้าเรารู้ความเป็นจริงในโลกนี้แล้ว คำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป
ทุกอย่างในวัฏจักรสงสารนี้ ถ้ามีเกิดก็ย่อมมีดับไปเป็นธรรมดา ไม่มีใครจะบันดาลให้ใครเป็นอะไรได้ นอกจากการกระทำ(กรรม)ของตนเอง ถ้าไปอ่านใน "ธะชัคคะปริตร" โดยสรุปจะพบว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า ในเทวสงคราม จอมเทวดาบอกแก่หมู่เทพบริวารว่า หากมีความหวาดกลัว จงดูธงแห่งจอมเทพทั้งหลาย แล้วความหวาดกลัวนั้นจะสิ้นไป แต่การดูธงแห่งจอมเทพทั้งหลายนั้นมิสามารถขจัดความกลัวได้ถาวร เพราะจอมเทพเหล่านั้นยังมีราคะ โทสะ โมหะ ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า หากพระสาวกอยู่ในสถานที่ใดๆ แล้วเกิดความหวาดกลัว ก็ให้รำลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เมื่อรำลึกถึงแล้วความหวาดกลัวทั้งหลายจะสูญสิ้นไป เพราะพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มีความประเสริฐ สิ้นแล้วจากกิเลศ สามารถเป็นที่ยึดเหนี่ยวได้โดยแท้
สรุปท้ายว่า การมีองค์ไม่ดี การไม่มีองค์ก็ไม่ดี แต่การมีพระพุทธศาสนาเป็นหลักในการดำรงชีวิตดีเลิศที่สุด เพราะพระรัตนไตร เป็นเลิศกว่าเทวดา พรหม มาร ทั้งปวง