เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: จ้อ ที่ 07 ส.ค. 02, 15:37



กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 07 ส.ค. 02, 15:37
พอดีเพื่อนส่งมาให้อ่านเลยเอามาแปะให้อ่านกัน
ผมไม่แน่ใจว่าเนื้อหารุนแรงไปหรือเปล่า

/>ถ้าผมไปโพสต์เรื่องนี้ที่บอร์ดอื่นสงสัยคงทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราว
เพราะเรื่องเกี่ยวกับสถาบันนี่ล่อแหลม

/>แต่มั่นใจว่าโพสต์ในเรือนไทยน่าจะปลอดภัย  
ถ้าสมาชิกท่านไหนเห็นว่าไม่เหมาะสมก็แจ้งให้ทราบได้นะครับ

/>ผมจะได้ลบออก



บทความนี้เป็นของ ดร. ใจ อึ้งภากรณ์
จากจุดประกายกรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ร้อยแปดวิถีทัศน์ :วันพุธที่ 26 มิ.ย. 45


โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าท่านใช้ภาษารุนแรงไปหน่อย
แต่มีหลายแง่มุมที่ผมเห็นด้วย



/>------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

/>ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย



/>ในตอนเย็นของวันทำงานธรรมดาๆ ที่จุฬาฯ วันหนึ่ง ผมเดินออกจากห้อง
เพื่อไปขึ้นรถไฟกลับบ้าน

แต่ปรากฏว่า มีเสียงโห่ร้อง
อย่างน่ากลัวเกิดขึ้น จากตึกคณะเศรษฐศาสตร์

ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่า
เสียงนี้เป็นเสียงฝูงสัตว์ป่า หรือกลุ่มอันธพาลกันแน่ แต่พอยืนฟังสักพัก

/>ก็รู้ว่าเป็นนิสิตจุฬาฯ เห่าหอนโห่ร้องว่า คณะของตน และมหาวิทยาลัยของตน
ดีกว่าคนอื่น ฯลฯ

ผมเดินต่อไปที่ตึกรัฐศาสตร์
ก็ปรากฏว่ามีเสียงประหลาดๆ แบบนี้เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ออกมาจากห้อง

/>ที่ประตูหน้าต่างปิดหมด สักพักหนึ่งผมเดินไปที่หน้าเสาธง
ก็เห็นวัยรุ่นอันธพาลชาย 3 คนยืนปรามนิสิตหญิงปี 1 คนเดียว

/>เขาใช้วิธีบังคับทารุณ ให้ผู้หญิงคนนั้น วิ่งไปวิ่งมา หรือนั่งลงแล้วยืนขึ้น
ทั้งหมดกระทำไป

เพื่อทำลายความเป็นปัจเจกความคิดสร้างสรรค์
และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ของนิสิตคนนั้น

เพราะการบังคับ
ให้คนทำสิ่งที่ไร้สาระเพื่อ 'พิสูจน์' ความจงรักภักดี

/>มันแย่ยิ่งกว่าการบังคับทาส หรือนักโทษให้ขุดคลอง ยิ่งกว่านั้น
ขณะที่พวกรุ่นพี่กำลังบังคับให้นิสิ! ตปี

1 วิ่งไปวิ่งมาอย่างไร้สาระ
ก็มีการตะโกนด่า อย่างที่คุณพ่อคุณแม่ หรือครูของนิสิตคนนั้น

/>คงไม่มีวันกระทำ เพราะมันเป็นพฤติกรรมแท้ของคน ที่ไม่มีอารยธรรม และนอกจากนี้
ทั้งหมดนี้

กระทำต่อหน้ากลุ่มนิสิตปี 1 เพื่อเป็น 'ตัวอย่าง'
ให้เขาเห็น

สรุปแล้วมันเป็นภาพของการทำลายศักดิ์ศรีซึ่งกัน
และกันระหว่างนิสิตรุ่นพี่ และรุ่นน้อง ทั้งผู้กระทำ

/>และผู้ถูกกระทำกลายเป็นสัตว์ป่า เพราะผู้กระทำหลงเชื่อว่า
ตนเองมีสิทธิที่จะกระทำแบบนั้นกับผู้อื่น

การตะโกนแบบหยาบๆ
เพื่อบังคับให้คนภายใต้อำนาจเราทำสิ่งที่ไร้สาระ

/>เรียนรู้โดยตรงจากการฝึกกองทหารในระบบทุนนิยม

/>ถ้าดูภาพยนตร์เรื่องชีวิตการฝึกทหารก็จะเห็นวิธีการแบบนี้
เป้าหมายหลักคือ

การฝึกให้พลทหารทำตามคำสั่งโดยไม่คิด และไม่เถียง
เพราะพวกนายพลมองว่าเป็นการสร้าง

'ประสิทธิภาพในการรบ'

/>ขอเน้นอีกครั้งหนึ่งว่าวิธีการนี้ใช้เพื่อสร้างประเพณีบรรยากาศการทำตามคำสั่งโดยไม่คิดเอง


ดังนั้นนี่คือสิ่งที่นักศึกษาใน 'มหาวิทยาลัยชั้นนำ'
ของไทยกำลังถ่ายทอดจากรุ่นพี่ไปสู่รุ่นน้อง

/>ดังนั้นอย่าหวังอะไรมากจากเด็ก SOTUS ที่จบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

/>เพราะถ้าตอนสอบเข้าเขาคิดเองเป็น
พอผ่านการฝึกฝนในห้องเชียร์ในปีแรกก็คงไม่มีมันสมองเหลือเพื่อการวิเคราะห์โลกอีก


สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องของระบบทหารคือ
ในสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี

หลังการปฏิวัติฝรั่งเศสปี 1789
หรือในสงครามระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในทศวรรษที่ 60 และ 70

/>ฝ่ายที่ชนะไม่ได้ชนะเพราะมีการฝึกทหารให้เป็นหุ่นยนต์ที่ทำตามคำสั่ง

/>แต่ชนะเพราะทหารฝรั่งเศสหรือทหารเวียดนามเข้าใจด้วยมันสมองของตนเองว่า

/>เขาออกรบเสี่ยงตายเพื่ออะไร พูดง่ายๆ
ไม่ต้องมีใครมาสั่งให้เขารบอย่างกล้าหาญหรอก

/>เขารบอย่างกล้าหาญเพราะเขาเห็นด้วยกับอุดมการณ์ที่เขากำลังปกป้อง Henry
Kissinger

เข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะเขาสารภาพว่า

/>"เราแพ้สงครามเวียดนามเนื่องจากเราใช้การทหารในการรบในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามใช้การเมือง"


กลับมาสู่มหาวิทยาลัยของผมที่หวัง 'เป็นเลิศทางวิชาการ' ....
ถ้าเราถามนิสิตรุ่นพี่หรือนิสิตเก่าว่า

กิจกรรมในห้องเชียร์ทำไปทำไม
เขาจะตอบว่ามันเป็นกิจกรรมร่วมภายใต้ระบบ SOTUS

/>ที่สร้างความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในคณะ
เขาจะอธิบายต่อว่าการผ่านความยากลำบาก

/>(การถูกบังคับอย่างทารุณโดยรุ่นพี่) ช่วยให้ทุกคนรู้จัก! กันดีขึ้น
และสามัคคีกัน

ดังนั้นผมขอเสนอว่าจริงๆ
แล้วถ้านิสิตจะฝ่าความยากลำบากพร้อมๆ

/>กันก็ควรอาสาสมัครหมู่ไปขุดโคลนออกจากท่อระบายน้ำตามถนนอย่างที่นักโทษเขาทำกัน

/>หรืออาสาสมัครไปเก็บขยะตามสลัมแถวๆ คลองเตย หรือทำความสะอาดห้องน้ำสาธารณะ
ฯลฯ

จะมีประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า
แต่ผมเชื่อว่านิสิตพวกที่หลงใหลในระบบ SOTUS คงไม่มีวันทำ

/>เพราะลึกๆแล้วระบบนี้เป็นระบบที่ปกป้องโครงสร้างอำนาจระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง


"สิงห์ดำ แดง เหลือง ม่วง ลาย ฯลฯ"
หลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วออกไปทำงาน

พูดง่ายๆ SOTUS
มันไม่แค่ทำลายความคิดของนิสิตขณะที่ศึกษา

/>แต่มันปกป้องระบบอำนาจนิยมในหมู่ชนชั้นนำในสังคมไทยด้วย

/>สำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่า SOTUS คืออะไร ขออธิบายว่าเป็นตัวย่อจากภาษาอังกฤษ 5
คำดังนี้

S มาจากคำว่า Stupid หรือ 'โง่'
ระบบห้องเชียร์ช่วยให้นิสิตโง่มากขึ้น เพราะทำลายเซลล์ในสมอง

/>และความสามารถในการคิดเองเป็น แถมกิจกรรมต่างๆ

/>ที่ทำในห้องเชียร์ถูกกำหนดว่าต้องเป็นเรื่องโง่ๆ ด้วย
ห้ามเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

ต้องวิ่งไปวิ่งมา
ขังรุ่นน้องในห้องโดยปิดประตูหน้าต่าง และไม่เปิดแอร์ ทำถูกก็! โดนด่า

/>ทำผิดก็โดนด่า ไม่ทำก็ด่า ทำก็ด่า ทำไปทำมาทั้งรุ่นน้อง

/>และรุ่นพี่โง่กันอย่างสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

/>ทำกิจกรรมเสร็จแล้วออกมาจากห้องก็ต้องไหว้รุ่นพี่อีก
ถ้ารุ่นพี่สั่งให้ไหว้หมา 'เพื่อความสามัคคี'

ก็คงต้องไหว้มั้ง?
แถมเรียนจบก็นำความโง่ไปใช้ในสังคมภายนอก

/>หมอบคลานกราบไหว้สิ่งที่ไม่ควรกราบ ไม่ต้องใช้สมองคิด สังคมจะได้โง่

/>สรุปแล้วโคตรโง่เลย !

O มาจากคำว่า Out-Dated ซึ่งแปลว่า
'ล้าสมัย' ความล้าสมัยของระบบห้องเชียร์ และ SOTUS

/>ดูได้จากการที่มีการยกเลิกระบบนี้เองโดยนักศึกษาไทยในยุค 14 ตุลาคม
2516

ซึ่งเป็นยุคตื่นตัวทางสังคมของนักศึกษา
ในยุคนั้นเริ่มมีขบวนการนักศึกษาที่ปฏิเสธความโง่

/>และความป่าเถื่อนของระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ประเพณีต่างๆ ที่พวกพี่ๆ โง่

/>นำมาใช้ในสมัยเผด็จการทหารก็เลยกลายเป็นเรื่องตลก และถูกยกเลิกไป

/>แต่ปรากฏว่าตอนนี้เกือบ 30 ปีผ่านไป
สังคมนักศึกษาก็ยังจมอยู่ในความโง่ของอดีต

/>สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะนักศึกษาโง่หรอก
แต่เพราะชนชั้นปกครองไทยอยากให้โง่ต่างหาก

/>ดังนั้นเมื่อนักศึกษาเริ่มคิดเองเป็น และเริ่มเคลื่อนไหวทางสังคมหลังสมัย 14
ตุลา

ชนชั้นปกครองกลัวว่าจ! ะปกป้องอภิสิทธิ์ไม่ได้

/>จึงมีคำสั่งร่วมลงมาให้สังหารหมู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 6 ตุลาคม
2519

/>และมีคำสั่งตามมาให้เผาหนังสือที่อาจปลดแอกพวกเราจากความโง่ตามห้องสมุดต่างๆ
ด้วย

ในยุคโลกาภิวัตน์ ใครๆ
เขาพูดกันว่าพลเมืองต้องมีส่วนร่วมในการปกครอง

ต้องร่วมตรวจสอบผู้แทน
ต้องมีประชาธิปไตย ต้องคิดเองเป็น

/>และมีการเสนอมานานว่าควรปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนานักศึกษา
แต่ในหมู่นิสิตรุ่นต่างๆ ที่บ้าคลั่ง

SOTUS
การเปลี่ยนแปลงในโลกภายนอกคงไม่มีความหมาย
น่าสงสารไม่มีสมองก็คิดเองไม่เป็น

แล้วคงไม่รู้จักเปลี่ยนวิธีปฏิบัติ


T ย่อจาก Tyranny ซึ่งแปลว่า 'การใช้เผด็จการกดขี่ผู้อื่น' ระบบ
SOTUS

ใช้วิธีการไร้สาระของการกดขี่เพื่อความไร้สาระ

/>และเป็นระบบที่นำมาหนุนความคิดแบบอำนาจนิยมกราบไหว้ในสังคมภายนอก

/>แต่เราไม่ควรลืมประวัติศาสตร์ของเราเอง ในปี 2475, 2516 และ 2535

/>มวลชนชาวไทยรวมตัวกันล้มระบบเผด็จการ และชนะ

/>ดังนั้นถ้านิสิตนักศึกษารุ่นใหม่ต้องการล้มเผด็จการของห้องเชียร์
และรุ่นพี่

ก็คงต้องเรียนบทเรียนจากอดีต
คนหนุ่มสาวไทยสามารถล้มเผด็จการได้

/>และเคยยกเลิกระบบรุ่นพี่รุ่นน้องในจุฬาฯ ด้วย แต่ทำคน! เดียวไม่ได้
ต้องรวมตัวกันปฏิเสธความโง่

/>แล้วพวกรุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะมีอำนาจล้นฟ้าก็จะกลายเป็นมนุษย์น้อยที่น่าสงสารเท่านั้นเอง

/>ดีไม่ดีเขาอาจไหว้เราเป็นการขอบคุณก็ได้เพราะเราสามารถปลดแอกความโง่จากเขาได้


สิ่งที่สำคัญคือ นิสิตต้องทำเอง
ไม่ใช่ไปหวังว่าคนอื่นอย่างผมหรือใครที่ไหนจะทำให้

/>อย่าลืมว่าคนสามารถเอาแอกออกจากควายได้
แต่เนื่องจากควายเอาแอกออกเองไม่ได้

/>ควายจำต้องเป็นทาสของมนุษย์ตลอดกาล

U มาจาก Uncivilised ซึ่งแปลว่า
'ป่าเถื่อน' ไม่มีอารยธรรม การใช้อำนาจระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง

/>การทำกิจกรรมไร้สาระ การตะโกนในทำนองว่า "คณะ@--@ดีกว่าคณะ@--@"

/>การทำลายความเป็นปัจเจกมนุษย์ และการทำลายมันสมองที่จะคิดเอง

/>ล้วนแต่เป็นความป่าเถื่อนไร้อารยธรรม
แม้แต่สัตว์ในป่ายังมีอารยธรรมมากกว่าพวกบ้า SOTUS

/>เพราะสัตว์มันคิดเองไม่เป็นตามธรรมชาติเรายกโทษให้มันได้

/>แถมมันไม่มีวันจงใจโง่หรือแกล้งคนอื่นเหมือนพวกนิสิต SOTUS

/>รู้ไหมว่าระบบ SOTUS นี้คนไทยเอามาจากไหน?
ลองคิดดูว่าที่ไหนไร้อารยธรรมที่สุดในโลก

/>คนกลุ่มไหนกำลังทำตัวเป็นอันธพาลระดับโลกาภิวัตน์จนเกิดการเกลียดชังกันทั่วทุกแห่ง

/>คนกลุ่มไหนพร้อมจะก! อบโกยขณะที่คนยากจนอดอยาก
คนกลุ่มไหนฆ่าเด็กในนามของเสรีภาพ ....



ใช่ครับ ระบบ SOTUS
มาจากส่วนบนของสังคมสหรัฐอเมริกาที่ล้าหลัง และไร้อารยธรรมที่สุด พวก

/>'รักชาติไทย' ทั้งหลายว่าอย่างไรครับ?
จะเดินตามก้นสหรัฐเหมือนคนกวาดมูลต่อไปไหม?

S ตัวสุดท้ายมาจากคำว่า
Stop It - 'เลิกเถิดเรื่องโง่ๆ ไร้สาระ'

/>เลิกเถิดเรื่องการกดขี่กันเองในหมู่นักศึกษา เลิกตะโกนบ้าๆ
เพื่อเชียร์สิ่งที่ไม่น่าเชียร์ เลิกภูมิใจ

/>และเคารพกราบไหว้ในสิ่งน่าเบื่อย่ำแย่ เลิกกลัวที่จะขัดคำสั่งรุ่นพี่

/>รุ่นพี่เลิกกลัวที่จะไม่ทำตามประเพณีโง่ๆ ต่อไป....

/>แล้วถ้าเลิกไปนิสิตจะใช้เวลาทำอะไร? จัดการแสดงดนตรี จัดละคร ไปดูหนัง
อ่านหนังสือ

อ่านหนังสือพิมพ์ และวารสาร สนใจปัญหาสังคม
สนใจปัญหาการเมือง สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม

คุยกับเพื่อน
คุยกับคนในครอบครัว จู๋จี๋กับแฟน ไปกินข้าวอร่อยๆ ออกกำลังกาย ไปเที่ยว

/>เขียนจดหมายมาวิจารณ์คนอย่างผมก็ได้ (มีอี-เมล์ข้างบน)...

/>ระบบห้องเชียร์ และ SOTUS มันน่าจะเป็นฝันร้ายจากอดีตที่ไม่เป็นจริง
แต่ทุกวันนี้

ในหมู่คนหนุ่มสาวที่อ้างตัวว่าเป็นกลุ่มชั้นนำ (Cream of
Thai Society) มันเป็นความจริง และ!

แย่ยิ่งกว่าฝันร้ายอีก

/>

จาก จุดประกายกรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ร้อยแปดวิถีทัศน์ :วันพุธที่ 26
มิ.ย. 45



โดย ใจ อึ๊งภากรณ์  เมื่อ วันเสาร์ที่ 29  
มิถุนายน 2545, 23:03 น.


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 01 ก.ค. 02, 03:14
ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะเคยเป็นนิสิตเก่า และเคยเห็นระบบการรับน้องรวมทั้งเข้าห้องเชียร์มาก่อน
ผมคิดว่าผมเห็นด้วยกับความคิดของเจ้าของคอลัมน์นะครับ ที่พยายามจะบอกว่าระบบโซตัสในมหาวิทยาลัยนั้น
ไม่จำเป็นต่อการพัฒนานิสิตนักศึกษาสักเท่าไหร่ ... แต่อ่านคอลัมน์นี้แล้วรู้สึกว่าจะรุนแรงไปหน่อย เหอๆๆ
ผมกลัวว่าแทนที่นักศึกษาจะเห็นเหตุผลและปรับปรุงประเพณีของเขา กลับจะกลายเป็นต่อต้านซะมากกว่า

ผมเรียนจบมาหลายปีแล้ว ไม่คิดเหมือนกันว่าประเพณีเหล่านี้จะยังเข้มข้นอยู่
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเอาเวลาไปทำกิจกรรมอื่นบ้างน่าจะดีกว่า
อย่างในอังกฤษ นักศึกษามีเวลาที่จะเข้าร่วมกิจกรรมกับชมรมต่างๆ ท้ังกีฬา ดนตรี สังคมสงเคราะห์
ช่วงเวลาที่เป็นเด็กปีหนึ่ง น่าจะเอามาใช้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์กับตัวเองและสังคม
เพราะเป็นช่วงที่สมองกำลังสด พัฒนาได้ง่ายกว่า เอาเวลาไปนั่งร้องเพลงกันซะหมด...ผมว่าน่าเสียดาย

ถ้ามองอย่างเป็นกลางเรื่องจะรักษาประเพณีผมว่าก็เป็นการดี
แต่ควรจะให้เป็นไปตามความสมัครใจของแต่ละคน
ไม่ใช่มาบังคับกัน หรือขู่กันต่างๆนาๆ เหมือนครูฝึกกับนักเรียน ร.ด.

สมัยผมเป็นนิสิตปีหนึ่งก็มีรุ่นพี่ มาตามตัวให้ไปเข้าห้องเชียร์ ซ้อมร้องเพลง ๆลๆ ผมไม่เคยไปเชียร์กับเข้าซะที
เหตุผลก็เพราะว่าผมไม่เห็นด้วยจะเป็นประโยชน์สำหรับผม เลยเอาเวลาตอนเย็นไปแตะฟุตบอลซะเป็นส่วนใหญ่
จนมีรุ่นพี่ๆเพื่อนๆหลายคนขู่ว่าระวังจะไม่รู้จักเพื่อน ตอนนั้นผมก็กลัวอยู่เหมือนกัน เพราะอยากมีเพื่อน(สาวๆเยอะๆ)
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยเข้าห้องเชียร์ซักกะครั้งหนึ่ง ขนาดพี่ระหัสผมยังไม่มีเลย หุๆๆ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 02, 11:25
 ดิฉันเป็นคนต่อต้านระบบ SOTUS ของมหาวิทยาลัยอย่างสุดสุด
เพราะถือว่าเป็นการระบายอารมณ์ป่าเถื่อน เพื่อความสะใจของเด็กหนุ่มสาวรุ่นพี่ที่ไร้วุฒิภาวะไม่กี่คน   กระทำต่อเด็กหนุ่มสาวที่เข้ามาทีหลัง เพื่อให้พวกเขาทำกับน้องๆรุ่นต่อไป
ราวกับเป็นกระสือบ้วนน้ำลายถ่ายทอดกัน

มีรุ่นพี่บอกดิฉันว่าทำไปเพื่อปลูกฝังความรักพี่น้อง เพิ่มความสนิทสนม  กอดคอเป็นหนึ่งเดียวกัน
ที่ว้ากน่ะแกล้งทั้งเพ    ปลูกฝังความอดทนให้น้องๆต่อความไม่พอใจทุกชนิด   เพราะเรียนจบไปจะต้องไปเจออีกมาก

ดิฉันคิดอยู่นานว่าถ้าเราอยากมีความรู้สึกในทางบวก อย่างความรัก และความอดทน ทำไมเราไม่เลือกวิธีปลูกฝังที่บวกเหมือนกัน
ทำไมเราจึงเลือกวิธีทำให้น้องๆรู้สึกในทางลบ เพื่อจะบอกว่า..นี่ละคุณจะได้รู้ว่าคุณจะได้ทนได้แค่ไหน
คุณไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ผู้คนมีน้ำใจไมตรีต่อกัน แต่คุณคล้อยตามสังคมว่าคนโหดร้ายต่อกัน   เพราะฉะนั้นก็ชิงโหดร้ายให้น้องๆดูเสียก่อน
มันจะต่างอะไรกับพี่เอาไม้ตีน้อง เพื่อบอกว่า ต่อไปแกไปโรงเรียนก็จะถูกครูตีเจ็บๆ นี่ไงมาด้านไม้กับฉันก่อนดีกว่า

อีกความคิดหนึ่ง ที่ทำเพื่อปลูกความเป็นพี่น้องแน่นแฟ้นนี่ละค่ะ  มันก่อให้เกิดการแบ่งสี แบ่งพวก ในแต่ละมหาวิทยาลัยอย่างรุนแรงเมื่อถึงเวลาทำงาน
ในบางหน่วยงานจะแบ่งแยกความสนิทสนม ตามสถาบัน
ถ้าคุณมาจากที่เดียวกัน โอเค เลย ยอมรับ  แต่ถ้าคุณพลัดมาจากอีกที่  ถูกเขม่นล่วงหน้าแล้วว่า...นี่เขาพวก.....นะ คนละแห่งกับเรา   กีดกันไว้ก่อน
ความล้าหลังของงานถูกถ่วงด้วยระบบรักพวกพ้องพี่น้องสีเดียวกันมากเหลือเกิน

ดิฉันเกลียดระบบ SOTUS เข้าไส้  ไม่เคยใช้ระบบนี้ในที่ทำงาน และในความก้าวหน้าของตัวเอง   แม้ว่าจะมีความรู้สึกรักเพื่อนๆที่เคยเรียนมาด้วยกัน ก็เพราะเราเคยเล่นกันคุยกันทำรายงานด้วยกัน  รักหรือไม่รักอาจารย์คนเดียวกัน
ทั้งหมดนี้ไม่มี SOTUS ปลูกฝังก็รักได้
แม้แต่การกลับไปทำงานกิจกรรมให้สถาบันเรียน ก็เป็นความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชา   อยากตอบแทนเท่าที่ทำได้
ดีใจอยู่อย่างว่าเมื่อมาถึงวันนี้ บอกได้ว่าดิฉันเป็นได้อย่างทุกวันนี้ไม่เคยนำระบบ SOTUS  มาใช้ในชีวิตเลยค่ะ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 01 ก.ค. 02, 13:20
 สมัยที่เรียนอยู่นั่น ในมหาวิทยาลัยที่เรียนยังมีระบบ SOTUS เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ถึงกับเข้มงวดรุนแรงอะไรนักหนา แค่พอให้นึกรำคาญบ้างในบางครั้งเท่านั้นเอง แต่ทองรักค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณเทาชมพูนะคะว่า ปัจจุบันนี้ความล้าหลังของงานนี่ถูกถ่วงด้วยความรักพวกพ้องมากเหลือเกิน ถ้าคุณบังเอิญหลงเข้าไปทำงานในองค์กรที่กว่า 90% ของคนในนั้นมาจากสถาบันเดียวกันล่ะก็ คุณต้องฝ่าฝันมากเหลือเกินกว่าจะได้รับการยอมรับจากคนอื่น


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: วรณัย ที่ 02 ก.ค. 02, 10:56
 เห็นด้วยกับอาจารย์ใจครับ
โลกมันเปลี่ยน  แต่นิสิตนักศึกษายังไม่ยอมเปลี่ยน
ทั้ง ๆ ที่เขาเหล่านั้นก็มีความสามารถที่จะเรียนรู้ ศึกษา ทำความเข้าใจ
รากเง้าในประวัติศาสตร์ของ Sotus
และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของประเทศไทย

นิสิตนักศึกษา กลับไม่สนใจ ยังคงใช้ " วิธีการ" ที่"เชื่อ" ว่าจะทำให้เกิดผลในการ ผนึกและรื้อฟื้น รวมทั้ง บูรณาการกลุ่มก้อนเป็นพวกเดียวกัน

แต่" วิธีการ " มันล้าสมัย และ ดูจะเป็นการล้าสมัยที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ
 
วิธีการอื่น ๆ ที่สามารถทำให้เกิด " ผลลัพธ์" แบบเช่นเดียวกัน ก็ทำได้ มี"รูปแบบ"" วิธีการ" ที่เป็นทางเลือกอีกมากมาย ที่ถูกนำเสนอมาประมาณ 5 - 7 ปีที่แล้ว  

การเปิดห้องซ้อมเชียร์ และการว๊ากน้อง เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่ " วิธีการ" ยังคงเหมือนเดิม

นิสิตนักศึกษายังคง " ท่องจำ" สิ่งที่เคยปฏิบัติมา ไม่ว่าในกรณีไหน
ในขณะที่นิสิตนักศึกษา ในมหาวิทยาลัยของเอกชน หลาย ๆ แห่ง กำลังมีศักยภาพและคุณภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ และมากกว่านิสิตนักศึกษาในระบบของรัฐ

ในฐานะนิสิตเก่าจุฬาฯคนหนึ่ง ก็ยังคงต้องหันกลับมามองภาพของน้อง ๆ รุ่นต่อไปด้วยใจระทึกว่า

เมื่อวันหนึ่งนโยบาย Learning By Doing และ การออกนอกระบบราชการและการแปรรูปราชการของรัฐบาล ประสบผล( ขึ้นมา)

นิสิต ( ที่ยังคงหลงไหลระบบSotus เพราะกลัวน้องไม่เคารพ และไม่"รัก")จะพร้อมหรือยังที่จะเผชิญโลกกว้าง " แห่งความเป็นจริง" ที่มหาวิทยาลัย( รัฐและเอกชน)อื่น ๆ  นำหน้าไปแล้ว หลายต่อหลายก้าว


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: ภูวง ที่ 02 ก.ค. 02, 11:19
 ผมเรียนในคณะที่ระบบSOTUSเข้มข้นเชียวครับ  ดีที่เป็นนักกีฬาก็เลยมักจะอ้างเรื่องซ้อมบอลมากกว่าเข้าห้องเชียร์
พอเป็นรุ่นพี่ไม่เคยคิดนำส่วนไม่ดีของระบบนี้มาใช้กับน้องๆเลย มันไร้สาระเหลือเกิน
พอหลัง๑๔ตุลาค่อย ผ่อนคลายไปมากแต่ก็ไปตกขอบแบบอื่น สรุปว่าความพอดีใดๆไม่ค่อยมีหรอกครับในสังคม
ระบบพักพวกนี่ ไม่ดีเอามากๆ ยิ่งถ้ามาใช้ในวงทำงานด้วยกัน
ที่ทำงานผมเมื่อก่อนอาการหนักจริง ๆเดี๋ยวนี้ดีขึ้น แต่กลายเป็นแบ่งสาขาอาชีพอีก
สรุปว่าระบบนี้ขอเอาไว้ใช้ เพื่อความสนิทสนมส่วนตัวกันดีกว่า แต่ไม่ควรมาใช้ในวงงานเป็นอันขาด


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 02 ก.ค. 02, 17:15
 ไม่ชอบเข้าห้องเชียร์เอาซะเลย  ขาดบ่อยจนร้องเพลงอะไรไม่ค่อยได้ ต้องทำปากขยุบขยิบเสมือนว่าร้องเพลงได้  จนประธานว๊ากจับได้แต่ดีที่ไม่ลงโทษแแค่ว่าให้เจ็บใจเฉยๆ    


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: ภูวง ที่ 03 ก.ค. 02, 06:48
 เราคุยกันต่อเรื่องของ โซตัส ในหมู่ชาวสีชมพูด้วยกันครับ
คุณสร้อยสนมีความทรงจำที่ค่อนข้างดี(เน้นครับดี)กับระบบนี้ เรื่องนี้คงต้องสรุปว่าอยู่ที่ผู้ปฏิบัติ
แต่ที่จำได้อีกอย่างคือ รุ่นพี่ผู้ชายสมัยผม(ไม่ทราบคณะอื่นด้วยมั้ย) เน้นเรื่องการให้เกียรติ สุภาพสตรีมากๆเลยครับ พวกผู้ชายเราจะว้ากกันบ้าบออย่างไร แต่กับน้องผู้หญิง(โดยเฉพาะคณะผม) จะยกพวกเธอไว้สุดๆเลย
คุณภาธร กับคุณสร้อยสน เข้ามาในช่วงหลัง ๑๔ตุลา และคณะของสองคนนี่ได้ชื่อว่า ระบบโซตัสค่อนข้างเหนียวแน่น
คนใดคนหนึ่งว่างจะให้เข้ามาคุยครับ มีมุมมองที่ดีๆไม่น้อย


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: ภังคี ที่ 03 ก.ค. 02, 07:03
 ผมไม่ชอบระบบนี้ มันบ้าบอสิ้นดี ไม่นึกว่าเด็กรุ่นใหม่ที่มีพัฒนาการในด้านอื่นแล้ว จะยังงมงายกับระบบนี้  เห็นวิธีการแล้ว ผมว่ารุ่นพี่สมัยก่อนยังทำอะไรน่ารักกว่าสมัยนี้อีก

ตอนนั้นพวกที่สนิทสนมกันคือพวกเตะบอลหน้าหอประชุมตอนเย็นครับ เรามากันจากหลากคณะ มีน้องจากช่างกลมาแจมด้วย สนุกกันมาก เสร็จแล้วไปสามย่าน โจ้ข้าวต้มกันต่อ ไม่มีระบบโซตัสมาวุ่นวายแต่เราสนิทกันดี เอิ้อเฟื้อกันตามสมควรเสมอ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: พุพู ที่ 03 ก.ค. 02, 08:53
 มาจากระบบ SOTUS เหมือนกันค่ะ แต่คงเป็นคณะที่ SOTUS 1ไม่เข้มข้นเท่าไหร่ ออกไปทางขำ ๆ ตลก ๆ เสียมากกว่า ชอบแบบนี้มากกว่าค่ะ ไม่ต้องจริงจัง นั่งตัวตรงเป๊ะ ขาดเชียร์ไม่ได้เหมือนบางคณะ แต่สุดท้ายก็รักกันดี


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 05 ก.ค. 02, 00:15
 ผมมาจากมหาวิทยาลัยที่อาจารย์ใจสอนอยู่ แถมคณะที่ผมจบมายังเป็นคณะหนึ่งที่สมัยก่อนผมเข้า เน้นระบบโซตัสรุนแรงมากเสียด้วย ขนาดรุ่นโบราณเคยยกพวกตีกับอีกคณะหนึ่งที่เน้นโซตัสเหมือนกันมาแล้ว

ผมจบออกมาก็ยังได้ข่าวในวงงานใกล้ตัวผม แต่โชคดีที่ไม่ใช่วงงานของผม รุ่นพี่เก่าๆ ยังยึดกับเรื่องนี้เหนียวแน่นขนาดหนังสือพิมพ์ก็รู้ เวลาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจในกระทรวงมหาดไทยทีไร นสพ. สมัยนั้นก็จะคอยดูว่าสิงโตสีไหนขึ้นสีไหนตก ที่ทำงานผมโชคดีที่คละกันหมด ไม่ได้แบ่งขั้วชัดอย่างนั้น พวกเราจบมาจากร้อยพ่อพันแม่ ไม่ใช่โรงเรียนเมืองไทยก็มี คละเคล้าปนกันหมด แล้วก็ทำงานด้วยกันได้ดี

สมัยที่ผมเข้ามาเรียน ช่วงหลัง 14 ตุลาฯ หลายปี ผมว่าระบบโซตัสเบาไปแยะแล้ว สมัยนั้น ยังมีการประชุมเชียร์เหมือนกัน แต่ก้ไม่ได้ซีเรียส เวลาทำกิจกรรมผมก็ไปทำกับชมรมบนศาลาพระเกี้ยว ซึ่งมีเพื่อนมาจากหลายคณะ แล้วยังข้ามไปจีบสาว เอ๊ย.. ทำกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยอื่นอีก ทั้งกับมหาวิทยาลัยพี่น้องคู่รักคู่แค้นและมหาวิทยาลัยอื่น ต่างจังหวัดก็ยังมีเลย สนุกดีออก  

ผมเพิ่งทราบจากอาจารย์ใจนี่แหละครับว่าโซตัสดูเหมือนจะกลับมาที่จุฬาฯ อีกในสมัยนี้ ถ้าจริงก็ไม่ใช่พัฒนาการที่ดีเลย ว่าเฉพะในวงงานที่เกี่ยวกับคณะของผม สิงโตสีอะไรนี่เขาไม่ค่อยถือกันแล้วครับ ใครยังมัวถืออยู่ก็เชยเต็มที น่าจะเปลี่ยนสัญชาติจากสิงโตเป็นไดโนเสาร์ได้แล้ว จะดำหรือจะแดงก็ตาม สมัยนี้สิงโตมีสารพัดสี ตั้งแต่สีทอง สีเขียว สีขาว ฯลฯ คนจบสังคมศาสตร์อื่นหรือศาสตร์สาขาอื่นๆ ที่ไม่ใช่สิงโตก็มีความสำคัญเช่นกัน แม้แต่คนที่ไม่จบมหาวิทยาลัยอะไรเลยก็มีความสำคัญและถ้าเราเปิดตาดู เราอาจจะเรียนรู้อะไรจากเขาได้เช่นกัน คนเก่งจริงต้องทำงานร่วมกันและคบกับใครๆ ได้ทั่วถึงจะเก่งจริง ไม่ใช่กอดกันรักกันอยู่ในพวกเดียวกันเท่านั้น
ที่ว่ามาทั้งหมดก็ไม่ได้แปลวาผมไม่รักถ้ำสิงโตของผม ผมก็รัก แต่ผมไม่เห็นความจำเป็นว่าถ้าผมรักโรงเรียนผมแล้วทำไมต้องเกลียดโรงเรียนอื่นด้วย ประการหนึ่ง ประการสอง ไม่ได้แปลว่าผมไม่เคารพอาวุโสของรุ่นพี่และปรานีต่อรุ่นน้อง ผมก็ยังรักน้องรักพี่อยู่ แต่เช่นกันไม่ได้แปลว่ารักกันเองแล้วต้องไปเกลียดคนอื่นเขา เพราะในที่สุดยังมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปกว่าคณะของผม ครอบคณะผมโรงเรียนผมอยู่ สิ่งเหล่านั้นจะถือว่าเป็นประเทศชาติก็ได้ มนุษยชาติก็ได้ หลักการและความถูกต้องก็ได้ มีอีกหลายอย่างครับที่จริงๆ ใหญ่กว่าโรงเรียนผมและควรได้รับความเคารพสูงกว่าโรงเรียนผมด้วย ถ้าหนึ่งในสิ่งเหล่านั้นเป็นประชาธิปไตยที่เรารู้สึกกันว่ามีค่า พวกเราเองน่ะแหละเล่าเรียนเกี่ยวกับสิ่งนี้มาในโรงเรียนของเรา แล้วเราจะเอาแง่มุมเผด็จการบางแง่ของระบบโซตัสที่ตรงกันข้ามเป็นขาวกับดำกับประชาธิปไตยมาปฏิบัติได้ลงคอเสียเองหรือ ปฏิบัติระบบโซตัสเสร็จแล้วก็เดินเข้าห้องเรียนวิชาทฤษฏีการเมืองพื้นฐานว่าด้วยประชาธิปไตย ไม่รู้สึกตลกบ้างหรือ?


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: ภาธร ที่ 08 ก.ค. 02, 06:52
 เข้ามาช้าเชียวแต่ก็อยากคุยนิดหน่อยเหมือนกัน
ผมอยู่คณะใหญ่ มีน้องใหม่ราวเจ็ดร้อยคน เพราะสมัยนั้นพวกเรียนเตรียมแพทย์ เภสัช ต้องมาเรียนที่คณะผมก่อน
พี่ๆสมัยนั้นจะเน้นเรื่อง
ความสามัคคี ไม่ว่าจะสาขาไหน รู้จักสนิทกันหมด
 ความมีระเบียบ น้องใหม่ทุกคนขอให้แต่งตัวเรียบร้อย  ผู้ชายนุ่งกางเกงผ้าสีกรมท่า ผูกเนคไทเหมือนกันหมด  เวลาไปเชียร์รวมต้องเดินตามกันเป็นคู่ๆ ผู้หญิงคู่ผู้หญิง ผู้ชายคู่ผู้ชายต่อท้าย
เน้นความเรียบง่ายสมถะ วันบอลประเพณีไม่มีการออกไปตะลอนรถตามที่ต่างเหมือนสมัยก่อน มีแต่ทำความสะอาดถนนหนทาง  ปลูกต้นไม้
นอกจากเวลาในห้องเชียร์แล้ว พี่ทุกคนจะเป็นกันเอง ไม่มีการสั่งให้น้องๆทำอะไรที่พิศดาร  ให้คำแนะนำและช่วยเหลือน้องๆเป็นอย่างดีทุกคน
ที่น่าประทับใจคือเวลาขึ้นสแตนเชียร์ต้องตากแดดกันหน้าดำ พวกพี่ที่เป็นสตาร์ฟ ก็จะยืนตากแดดกันหัวแดงเป็นเพื่อนน้องๆไม่มีใครกินแรง แอบหลบเข้าร่มเลยครับแม้แต่พี่ผู้หญิง
พอหลัง ๖ตุลา กระแสขวาจัดค่อนข้างแรง แต่บรรยากาศในคณะก็ยังคล้ายๆเดิม ไม่มีการว้าก(เว้นเฉพาะในห้องเชียร์) การดูแลน้องๆก็ยังดีเหมือนเดิมแต่น่าเสียดายที่แต่ละคณะเขาแยกน้องใหม่ออกเด็ดขาดจากกัน บรรยากาศอันอบอุ่นระหว่างเพื่อนต่างคณะก็เลยขาดหายไป
ไม่ทราบว่าเด็กรุ่นใหม่เขาไปได้วัฒนธรรมเต่าล้านปีจากไหนมาปฏิบัติกันใหม่นะครับ นำมาใช้โดยไม่ทราบถึงคุณค่าในด้านดีของระบบนี้เสียด้วย น่าเสียดายมาก


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 07 ส.ค. 02, 21:55
 From Matichon Krab...
 http://www.matichon.co.th/magazine/weekly/wk_story.asp?selectdate=2002/08/02&stid=3301


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ส.ค. 02, 11:04
 ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ถือว่าเป็นกิจกรรมเชียร์ที่ทุเรศที่สุด  ควรจะมีผู้รับผิดชอบ  ยกเลิกไปโดยเร็วค่ะ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: ทองรัก ที่ 08 ส.ค. 02, 15:37
 เข้าไปอ่านดูแล้วค่ะ รู้สึกแย่จังเลยนะคะ
ไม่รู้ว่าคิดกิจกรรมประเภทนี้มากันได้อย่างไร
อาจารย์ฝ่ายกิจการนักศึกษาสมควรจะเข้ามาสอดส่องดูแลกันบ้างนะคะ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: adithus ที่ 28 ก.ค. 06, 14:11
 น้ำใจน้องพี่
การถ่ายทอดคำสั่ง
การรักษาประเพณีอันดีงาม
ความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว
การรู้จักที่ตำ่ที่สูง (เครารพผู้ใหญ๋)

อีกมุมหนึ่งของความหมาย SOTUS ที่หลายคนไม่ยอมมอง


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 29 ก.ค. 06, 11:54
 ผมเป็นคนที่โตมากับระบบ Sotus ในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง  ได้อ่านความหมายของ Sotus ที่ปรากฏข้างต้นแล้ว  ผมกลับเห็นแย้งว่า  ที่กล่าวกันมานั้นหาใช่ระบบ Sotus ที่แท้  แต่เป็นระบบการฝึกทหารที่มีจุดมุ่งหมายฝึกคนให้เป็นนักฆ่ามากกว่า  ระบบนี้เข้าใจว่าจะนำมาจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์  นำเข้ามาใช้ที่โรงเรียนนายร้อยของไทยแล้วจึงระบาดไปทั่ว  รวมทั้งสถาบันที่ผมเป็นนักเรียนอยู่

ระบบ Sotus ตามความที่แท้จริงที่ผมได้ทันเห็นแม้จะเริ่มเสื่อมไปในทางที่เป็นอยู่ในปัจจุบันบ้างแล้วนั้น  มุ่งเน้นการรักเกียรติยศ  รักหมู่รักคณะ  และการเสียสละเพื่อหมู่คณะ  ดังที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพยายามปลูกฝัง Esprit de Corps ขึ้น  ทรงอธิบายไว้ว่า  คำนี้มีความหมายถึงจิตวิญญาณแห่งความรักหมู่รักคณะ  พร้อมที่จะอุทิศความสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์แห่งหมู่แห่งคณะ  เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง  ในระบบ Sotus นั้นให้ความเคารพอาวุโส  ผมใช้คำว่าเคารพนะครับไม่ใช่เกรงกลัว  การที่ผู้อาวุโสจะทำให้ผู้น้อยเคารพ  ผู้อาวุโสนั้นจะต้องรู้จักวางตัว  มีความเมตตาอยู่ในจิตใจ  ไม่ใช่มาข่มขู่กันอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  ในระบนี้ยินยอมให้ผู้อาวุโสใช้งานผู้เยาว์กว่าได้  การใช้งานลักษณะนี้เป็นลักษณะการไหว้วานให้ช่วยทำงาน  ไม่ใช่ใช้กันแบบทาส  วัตถุประสงค์นี้ก็เพื่อฝึกผู้เยาว์ให้รู้จักวิธีการทำงาน  รู้จักอดทน อดกลั้น  และจะได้รู้ว่าเมื่อตนเป็นผู้อาวุโสจะสามารถสั่งงานได้ถูก  ในขณะเดียวกันเมื่อผู้อาวุโสไหว้วานผู้น้อยแล้ว  ก็จะต้องตอบแทนด้วยการให้รางวัลบ้างตามสมควร  ให้การปกป้องคุ้มครองมิให้ผู้แข็งแรงกว่ามารังแก เป็นต้น

ผมเคยคุยกับนิสสิตจุฬาฯ รุ่นอาวุโสที่ทันระบบ Sotus ที่แท้จริง  ทุกท่านไม่เคยตำหนิระบบ Sotus  เลย  มีแต่จะพูดว่า เพราะระบบนี้ที่ทำให้นิสสิตจุฬาฯ ในสมัยท่านมีความสมานสามัคคี  แม้จะมิได้เรียนคณะเดียวกันแต่ผูกสมัครรักใคร่กลมเกลียวกันจนถึงปัจจุบัน  ซึ่งแต่ละท่านก็ล้วนเกษียณอายุกันไปหมดแล้ว

ย้อนกลับมาถึงสถาบันเก่าที่ผมเคยเล่าเรียนกันบ้าง  นับแต่ผมยังเป็นนักเรียนอยู่ผมก็ได้ยินคำพูดที่กล่าวถึงนักเรียนเก่าของโรงเรียนนี้ซึ่งมีอยู่ไม่มาก  แต่รักกันเหลือเกิน  ถึงขนาดบรรดาภรรยาของท่านเหล่านั้นกล่าวกัว่า  ยามที่พวกนี้พบกัน  บรรดาภรรยาทั้งหลายจะกลายเป็นประชากรชั้นสองกันไปทันที  เมื่อผมเรียนจบมาแล้วได้รับความเมตตาจากร่นพี่ๆ พ่อๆ  ด้วยตนเองแล้ว  จึงได้เห็นประโยชน์ของระบบ Sotus ที่ถูกหล่อหลอมมา  เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น  พอมาพบรุ่นน้องๆ ที่สมัยที่อยู่โรงเรียนอาจจะไม่ทันเห็นกันเลย  แต่เขาให้ความเคารพในฐานะที่เป็นรุ่นพี่  จิตสำนึกของความเป็นพี่ก็ยิ่งต้องวางตัวให้เหมาะกับที่น้องเขาเคารพ  ทั้งยังต้องมีความเมตตาเผื่อแผ่ถึงกันอีกด้วย  บางคราวที่เราพบกันแบบพี่ๆ น้องๆ เราก็ยังกระเซ้าเย้าแหย่ถึงเรื่องที่เคยกระทบกระทั่งกันมาสมัยเป็นเด็ก  แต่ไม่เคยมีใครผูกพยาบาทกันเลย  นี่แหละครับ Sotus ที่แท้

ขออย่าเอา Sotus ไปเปรียบกับระบบของทหารเลยครับ  เพราะเป้าหมายมันต่างกันมาก  ไม่ต้องดูอื่นดูไกลหรอกครับ  ขนาดจบจากสถาบันเดียวกันเขายังแบ่งร่นกันเลย  แล้วจะมาพูดเรื่องสามัคคีกันอยู่ได้อย่างไร?


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 01 ส.ค. 06, 04:08
 ขอพูดถึง Sotus ที่เลวๆ แล้วกันนะครับ Sotus ดีๆ (ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่ Sotus ? ก็อย่าว่ากัน)

Sotus มันก็คือ สิ่งจอมปลอมที่สร้างขึ้นมาตอบสนองความอยากเป็นใหญ่ ออกคำสั่งได้ ซึ่งมันเป็นสัญชาติญาณดิบของมนุษย์ครับ

เพื่อที่จะวางตัวมีอำนาจเหนือผู้อื่นได้ ก็ต้องใช้กลอุบาย "ตบหัว แล้วลูบหลัง" ครับ คือ ประมาณว่า

ที่ข่มขู่คุกคามด้วยวาจา ก็เพราะรัก ???

ที่พวกพี่รวมหัวกันแกล้งทรมานรุ่นน้อง ก็เพราะต้องการให้น้องๆ รักกัน ???

มันเป็นตรรกะแบบไหน ?

-------------------------------

ขอมองต่างมุมกับคุณ adithus นะครับ

น้ำใจน้องพี่
การถ่ายทอดคำสั่ง
การรักษาประเพณีอันดีงาม
ความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว
การรู้จักที่ตำ่ที่สูง (เครารพผู้ใหญ๋)

อีกมุมหนึ่งของความหมาย SOTUS ที่หลายคนไม่ยอมมอง


ผมมองว่า เรื่องพวกนี้ ทุกคนได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เรียนอนุบาลแล้วครับ ไม่ได้จะเพิ่งมาเป็นกันเพราะ Sotus

แต่ Sotus ต่างหาก ที่ฉ้อฉล เอาประเด็นเรื่องความสามัคคี การเคารพผู้ใหญ่ มาเป็นข้ออ้าง เพื่อปลดปล่อยความกัก ** ของตัวเอง อันนี้ผมรับไม่ได้ครับ

ในมุมมองของผมนะครับ Sotus ก็คือ "แบบจำลองสังคมทาส" หรือไม่ก็ "แบบจำลองค่ายกักขังของพวกเหยียดเชื้อชาติ" ครับ ทำไมผมจึงคิดเช่นนั้น นั่นก็เพราะว่า บางแห่งมีคำสั่งขนาด ห้ามมองหน้ารุ่นพี่ หรือ ห้ามเดินเข้าใกล้รุ่นพี่ หรือ รุ่นพี่ห้ามเข้าใกล้รุ่นน้อง แบบนี้ก็ไม่ต่างจากสังคมเหยียดสีผิวครับ แต่พวก sotus เอามาเปรียบเป็น "เหยียดชั้นปีแทน"

ทิ้งท้ายว่า เป็นเพราะ Sotus หรือเปล่าครับ ที่ทำให้ "การใช้เส้นสายหาผลประโยชน์ในวงราชการ" จึงเหนียวแน่นนัก ???


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: adithus ที่ 03 ส.ค. 06, 14:21
 คุณ Hotacunus ครับ
ความเห็นคุณเหมือนจะดูเปิดกว้างดี แต่แคบครับ ด้วยตัวระบบ วิธีคิดและอุดมการ ผมว่า Sotus มีทั้งส่วนดีและไม่ดีนะ มันอยู่ที่ผู้ใช้งาน ถ้านผู้ใช้งานไม่ได้เข้าถึง Theme (ขออภัยคำนี้ผมนึก คำไทยไม่ถูก) ที่แท้จริง มุ่งอยู่แต่เปลือกนอกด้วยจิตใจคับแคบ ระบบนี้ส่งผลร้ายมหาศาล แต่ถ้าผู็นำไปใช้ เข้าใจและประยุกต์ใช้ด้วยความมุ่งมาตรปราถนาดีต่อกันแล้วไสร้ ผมว่าระบบนี้ก็ยังมีดีอยู๋
คุณ Hotacunus ครับผมว่านะ สถาบันหรือหน่วยงานที่รับน้องทุกวันนี้จะมีสักที่ไหมที่เข้าใจประเด็นนี้ เราเป็นผู้ใหญ่ ที่ผ่านกิจกรรมนี้มาแล้วในฐานะผู้ถูกกระทำนะ หวนกลับไปก็ยังเกรงๆอยู่ แต่ก็ผ่านมานับสิบปีแล้วละ สมัยนั้นรับน้องสนุกและสร้าง(สี)สันกว่านี้โขเลย
มีทั้งการกิจกรรมเสริมสร้างสมรรถนะทางร่ายกาย
กิจกรรมร่วมฝึกซ้อมเพลงเชียร์
กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ และอีกหลากหลายกิจกรรม
สุดท้ายก็อยากจะสรุปเรื่องนี้สักหน่อยตรงที่
รุ่นพี่จะจัดกิจกรรมรับน้องจะอ้างถึงระบบอะไรก็ชั่งเธอเถอะ ขอให้เธอนำความปราถนาดี ความรัก ความศัธทรา มอบให้แก่น้องเถิด อย่างอ้างกิจกรรมนี้เพื่อประโยชน์ต่อความการแสดงออกซึ่ง  โมหะ โทษะ จริตเลยมันไม่ดี


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ส.ค. 06, 18:22
 เห็นด้วยกับคุณ Hoฯ ค่ะ เข้าใจความหมายของคุณและเห็นด้วย เพราะเคยผ่านระบบนั้นมาแล้ว  
บอกได้ว่าประโยคสุดท้าย เป็นความจริง

ส่วนคุณ adithus อ่านแล้วไม่เข้าใจ SOTUS ที่ต้องการสื่อสาร   ถ้อยคำกำกวมตีความไม่ออกมาแต่ค.ห. แรกในกระทู้
ถ้าเขียนให้ชัดเจนกว่านี้ จะขอบคุณมาก

ป.ล. กรุณาอย่ากล่าวหาบุคคลว่าแคบเลยค่ะ พูดถึงประเด็นดีกว่า
เมื่อไรย้ายจากประเด็นเป็นคน   จะเป็นการสบประมาทที่นำไปสู่การทะเลาะกันได้ง่าย  

ความเห็นที่ว่า SOTUS มีทั้งดีและไม่ดี เป็นคำตอบแบบกำปั้นทุบดิน  ยังไงก็ถูก
ของทุกอย่าง  แม้แต่ฝิ่น ก็มีทั้งดีและไม่ดีทั้งนั้นแหละ  
สิ่งที่คุณ Ho พูด คือการนำ SOTUS ไปให้ในทางไม่ดี   พูดอย่างนี้จะเข้าใจเคลียร์ขึ้นไหม


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: อู๋หมิง ที่ 06 ต.ค. 06, 13:25
 เห็นด้วยกับ อ.ใจ อึ้งภากรณ์



'เลิกเถิดเรื่องโง่ๆ ไร้สาระ'  เอาเวลาไปศึกษาหาความรู้ดีกว่า    


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: AmAm ที่ 13 ต.ค. 06, 04:39
 คิคิ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 13 ต.ค. 06, 10:28
 แม้ดิฉันจะผ่านสถาบันที่ระบบโซตัสแข็งแรงอย่างรั้วสีชมพู ก็ไม่ได้กลิ่นการกดขี่อย่างที่คุณใจพูดเลย
ตรงกันข้าม ดิฉันได้รับความอบอุ่นดูแลจากรุ่นพี่ๆอย่างดี
ไม่ได้ไปนั่งเชียร์ หรือตะเบ็งร้องเพลงตบมือ
เพราะมีกิจกรรมฝึกกลอนแข่งกับคณะทั้งหลายในรั้วแทน
แนะนำ สั่งสอน เข้มข้น หลังอาหารเที่ยงและเย็นก่อนกลับบ้าน
มีบ้างที่รู้สึกเครียด แต่เป็นจากการแข่งขันซึ่งมีแพ้มีชนะ
กลับดึก รุ่นพี่คณะข้างๆหรือไม่ก็เพื่อนๆคณะที่ผู้ชายเยอะและเป็นแมนก็ไปส่งบ้าน
..
ถามเพื่อนๆที่ต้องทำกิจกรรมเชียร์ ก็ไม่มีใครบ่น
ดิฉันว่า อย่าไปโทษที่ระบบเลย
อยู่ที่คนที่นำมาปฏิบัติและวิธีการมากกว่า

..
สิ่งที่ได้ยินมา บางที่อย่างคณะจิตรกรรมฯ ศิลปากร เขาโหดมาก และจุดมุ่งหมายสำคัญคือการเพิ่มพูนความรักสามัคคีช่วยเหลือกันในหมู่รุ่นพี่รุ่นน้อง


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 14 ต.ค. 06, 08:15
 โดยส่วนตัวแล้ว ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า "การเพิ่มพูนความรักสามัคคีช่วยเหลือกันในหมู่รุ่นพี่รุ่นน้อง" ไม่สามารถที่จะสร้างด้วยวิธีอื่นได้แล้วหรือ วิธีที่ดูเหมาะกับปัญญาชนกว่าวิธี โหดๆ อย่างที่ว่าไม่มีแล้วหรือ?

ความรักความผูกผัน การช่วยเหลือกัน สามารถสร้างได้หลายวิธี ยังไม่เห็นมีใครที่จะอธิบายให้ผมเข้าใจได้ ว่าทำไมปัญญาชนถึงเรื่องใช้วิธีนี้


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 14 ต.ค. 06, 10:11
 ดิฉันคงไม่สามารถตอบคุณจ้อได้ตรงนักเพราะประสบการณ์ตรงที่เลวร้ายไม่มี
แต่ก็ขอขยายความหน่อยว่า ไม่ใช่แค่เปลือกของการว้ากในแถวที่สร้างความรักสามัคคี(แบบหวานอมขมกลืน)
แต่เป็นการให้การบ้านทุกวันฝึกความคิดสร้างสรรค์ของงานดีไซน์เช่น พรุ่งนี้เอามาลัยมาส่งนะ
จะร้อยจากอะไรก็แล้วแต่ไอเดียของน้องใหม่แต่ละคน
การให้ไปอยู่บ้านเช่าหลังเล็กๆด้วยกันเป็นกลุ่มโดยมีเจ้าของบ้านอยู่ด้วย ทำรายงานส่ง
การฝึกความรับผิดชอบต่อผู้หญิงให้น้องใหม่ผู้ชายนั่งรถเมล์ไปส่งน้องผู้หญิงเวลาดึก
กิจกรรมอื่นๆอีกจิปาถะ ทั้งกระพี้และแก่น
หากวงจรของโซตัสมีแค่การแสดงความเกรี้ยวกราดเป็นสัตว์ป่า
ให้ทำอะไรทุเรศๆเพื่อรุ่นพี่สะใจ
มันก็ควรจะหมดไปจากโลกนี้ซะที


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 14 ต.ค. 06, 11:21
 seniority ไม่เลวร้าย แต่ "เฟรชชี่สิทธิ์เป็นศูนย์" เลวร้าย
unity ไม่เลวร้าย แต่รักกันจนยกพวกตีกับคณะอื่นเลวร้ายๆแน่ๆ
tradition ไม่เลวร้าย แต่บางเรื่องต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนหากไม่เข้ากับสมัยนิยมหรือหาเหตุผลที่ดีประกอบไม่ได้
order ไม่เลวร้ายตราบใดที่ไม่ตึงเกินไป
spirit เป็นเรื่องดี แต่ต้องทำด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่ evil spirit

มนุษย์ต้องการอิสระเสรีโดยธรรมชาติ หากไม่มีการทำอะไรก็คงยึดเหนี่ยวคนหมู่มากให้รวมกันได้ยาก SOTUS เป็นเครื่องมือที่ใช้เพื่อการนี้ หากแต่มีการใช้โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม เครื่องมือใดก็กลายเป็นเครื่องมือของมารไปได้ครับ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ต.ค. 06, 11:28
 คุณกุ้งแห้งฯโชคดีมากที่เห็น SOTUS ส่วนดี   ดิฉันเจอแต่ประสบการณ์เลวร้ายสุดๆ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 15 ต.ค. 06, 11:59
 รุ่นพี่หลังๆคงไม่โหดค่ะ อาจารย์ เลยไม่เจอ
   


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: ปรีชา98 ที่ 23 พ.ย. 06, 13:15
 เรียนมาจากระบบSOTUS แต่ก็ไม่ได้รังเกียจระบบมากนัก จนจบแล้วทำงานอยู่ที่ท่ได้เรียน พบเห็นมาจนถูกให้ออกจากสถาบันเพราะแก่ได้ที่(ตามกติกา มารยาท) ก็พบความระห่ำของปัญหาชนก่อนเปิดเทอมแรกทุกปี ที่มีแต่เสียงอึกทึกด้วยกลองย่าวและการเต้นของคนปัญญาอ่อน ทุกปี ทุกปี โดยพวกเขาไม่คิดว่ายังมีคนต้องทำงานอยู่ในที่ๆเขาส่งเสียง เคยถามพวกเขาว่าทำอะไรได้ดีกว่านี้มีไหม เขาบอกว่านี่ดีที่สุดแล้ว  ก็เลยปลง ว่าเราแก่แล้ว


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: tuka007 ที่ 24 พ.ย. 06, 14:31
 ตูก้า จบมาจากที่ที่มีระบบนี้เข้มข้นเหมือนกัน ที่ทุ่งมหาเมฆ เหล่าลูกพระวิษณุ จะโดนระบบนี้ทุกคน แต่ไม่ว่าเราจะโดนมาหนักแค่ไหน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านมา ร่วมยี่สิบปี ตูก้า กับเพื่อนๆพี่ๆร่วมรุ่นที่เรียนทันกัน มีความรู้สึกผูกพันกันมาก รักกัน ระลึกถึงกันอยู่เสมอ  ปัจจุบันนี้เมื่อมีเวลาว่างตรงกันก็จะพาครอบครัวมาทานข้าวกันบ้าง  และ พี่น้องที่เรียนไม่ทันกัน(หมายถึงไม่เคยพบกันเลยสมัยเรียน คือห่างกันหลายรุ่น) เมื่อมีโอกาสเจอกันเมื่อรู้ว่าเป็นพี่น้องกัน ก็มักจะมีความรู้สึกดีๆให้กันค่ะ

ฉะนั้น ตูก้าจึงไม่ต่อต้านระบบนี้เท่าไหร่ เพราะคิดว่า อยู่ที่ผู้นำไปใช้มากกว่า ว่าจะใช้ไปในทางใด ความเหมาะสม และ ความพอดี ต่างหากคะที่สำคัญ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: กลับมาแล้วคนดี ที่ 01 ธ.ค. 06, 20:30
 ระบบ SOTUS นี่ผมเฉยๆนะครับ แต่ผมว่าน่าจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เช่น เป็นวิชาการมากขึ้น ไม่ใช่ไร้สาระประมาณว่า สั่งให้น้องทำ พอน้องไม่ทำ ก็ด่า แต่พอน้องทำ ก็ยังด่าอยู่ดี อย่างงี้ไร้สาระมากครับ ไม่มีเหตุผลเลย แล้วไอ้เอะอะอะไรก็อ้างรุ่นๆทั้งปีทั้งชาตินั่นน่ะ พอซักที เปลี่ยนใหม่เถอะ เอาให้ลึกซึ้งกว่านี้ แยบยลกว่านี้ รุนแรงน้อยกว่านี้ แต่ก็คงจะสอนน้องอย่างงั้นไม่ได้ง่ายๆ เพราะพวกพี่ว๊ากเรียนไม่ค่อยเก่ง แต่ถึงจะเก่ง แต่ก็เก่งแต่ในตำรา ไม่ใช่คนช่างคิดแต่อย่างใด แต่บทความของอาจารย์ใจ ทำให้ผมได้ความรู้เกี่ยวกับสงครามและปรัชญาการเมืองเพิ่มขึ้นอีกอย่างแล้วล่ะครับ ขอบคุณ จขกท.และ อ.ใจมากๆ    


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: กลับมาแล้วคนดี ที่ 01 ธ.ค. 06, 20:45
ผมเฉยๆกับ SOTUS นะครับ แต่ผมว่าน่าจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง พัฒนาให้เป็นวิชาการ และมีเหตุมีผลมากกว่านี้ ไม่ใช่ พอสั่งให้น้องทำ แล้วน้องไม่ทำ ก็ด่า แต่พอน้องทำ ก็ยังด่า หรือเอะอะอะไรก็อ้างรุ่นๆ หลายๆครั้งอ้างอย่างไม่มีเหตุผล หรือเหตุผลไม่พอ อย่างงี้ก็แย่ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องลงโทษน้องอย่างรุนแรงทั้งๆที่พวกเราไม่ใช่นักเรียนนายร้อยนั่นหรอก พอทีเถอะ เปลี่ยนซะ พัฒนาขึ้นมา ผมรู้ว่าพวกเราเด็กมหาลัยคงเลิกรับน้องกันไม่ได้ ดังนั้น แทนที่จะยกเลิก ก็พัฒนามันขึ้นมาสิ วัฒนธรรมคือสิ่งที่เป็นพลวัตร เปลี่ยนแปลงไปทุกวันๆ ถ้าการรับน้องและโซตัสคือวัฒนธรรมของมหาลัยไทย ก็ปรับปรุงมันซะ ทำให้มันมีเหตุผลมากกว่านี้ เวลาสอนน้องก็สอนอย่างมีเหตุผล ให้น้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งและถ่องแท้ ไม่ใช่ให้น้องเข้าใจแต่อะไรดาดๆอย่างงี้ แต่ทำจริง คงทำได้ยาก เพราะพี่ว๊ากส่วนใหญ่ เรียนไม่ค่อยเก่ง ที่เก่งๆก็คือเก่งแต่ในตำรา ยังคิดกันไม่ค่อยเก่ง ปฎิบัติกันก็ยิ่งไม่เก่งเข้าไปใหญ่ คงต้องอาศัยระยะเวลาอีกซักช่วง อย่างไรก็ตาม กระทู้นี้ทำให้ผมรู้เกี่ยวกับปรัชญาสงครามบางอย่างด้วย ต้องขอบคุณ จขกท.และ อ.ใจด้วยนะครับ อิอิ  


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 06 ธ.ค. 06, 23:50
 ไม่รู้ว่า ประสบการณ์ที่ทุกท่านเจอเป็นอย่างไร แต่จากที่อ่านๆมา เห็นจะเป็นไปในทางไม่เห็นด้วยทั้งนั้น ไม่ว่าจะพูดกันในเรื่องความล้าหลังหรือผู้นำมาปฏิบัติก็ตาม
เอาเป็นว่าตอนนี้การีนก็ยังเป็นคนในระบบนี้อะนะคะขอพูดความหมายที่แตกต่างกันไปเสียหน่อยแล้วกันนะคะ
สิ่งที่ย่อมาเป็น SOTUS นี้ ไม่ใช่โซตัสอย่างที่ทุกคนยกมาข้างต้น แต่เป็นตัวย่อของ"คำขวัญทั้งห้าของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"
(ไม่รู้ของทั้งมหาวิทยาลัยหรือเปล่า การีนก็ไม่แน่ใจ หรือแค่ของคนในคณะเหมาเอาเองก็ไม่ทราบ)

S=SPIRIT ความมีน้ำใจ เพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่
O=ORDER ระเบียบวินัย รู้กฎของสังคมและประพฤติตาม (ก็รวมถึงระเบียบของมหาวิทยาลัยด้วย)
T=TRADITION ประเพณี คือ สิ่งดีงามที่สามารถ"ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์" ซึ่งควรสืบทอดต่อไป
U=UNITY ความสามัคคี
S=SENIORITY ความเคารพอาวุโส เคารพในผู้อยูมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม อาจารย์ ภารโรง รุนพี่

***เรื่องของ "อาวุโส" มาอยู่อันดับสุดท้าย

เวลาอยู่ในห้องเชียร์ รุ่นพี่จะบอกเสมอว่า นี่ไม่ใช่โซตัส แต่มันเป็น"คำขวัญทั้งห้า"
อันที่จริงแล้ว ดูกันตามเนื้อความ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต บ้าอำนาจอะไร
อย่างเรื่องเคารพอาวุโส ก็เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมอยู่แล้ว

การีนเห็นด้วยกับ "คำขัวญทั้งห้า" นี้ แต่....ในความจริง
มันมีนัยในคำขวัญนี้อะสิคะ ซึ่งการีนว่า....มันไร้สาระมาก ตูเกลียดมัน

ไม่ชอบห้องเชียร์

สุดท้าย คนที่อายุมากกว่าเราเพียงปีเดียว ก็ยังมาแหกปากใส่หน้าตู แล้วถามว่า ทำไมไม่ไหว้ ทำไมไม่เข้าห้องเชียร์ ทำไมไม่ทักพี่ ทำไมไม่รู้จักพี่...
"ตูจะไหว้...ก็ต่อเมื่อคนนั้นสมควรไหว้"
"ห้องเชียร์ มีคอนตูเรียน จะให้ตูโดดเรียนมาหรือไง"
"พี่ทั้งคณะ (ทั้งสาขา) มีเป็นสิบเป็นร้อย ตูเพิ่งเข้ามาไม่ถึงสัปดาห์ ตูจะไปรู้จักไหม"

รุ่นพี่ไม่ได้ส่งตูเรียนหนังสือ ทำไมจะต้องเชื่อฟังทุกอย่าง...ไม่เข้าใจ

ทำไม เมื่อกลายเป็นพี่ ถึงได้ "บ้าอำนาจ"

ในคำขวัญทั้งห้า ข้อ TRADITION ยังกับข้อกฎหมาย ดิ้นได้...ตีความได้
ประเพณีที่เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ได้

SOTUS ตอนนี้...ที่ตอนนี้เปลี่ยนแปลงจน...มันไม่ใช่ SOTUS

จึงกลายเป็นประเพณีที่ควรสืบทอด???

พูดเอาเองนี่หว่า






กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 07 ธ.ค. 06, 08:56
 ถ้ายึดความหมายของ SOTUS ตามที่น้อง การีนว่า ผมว่าที่ทำกันมา สองข้อแรกก็สอบตกแล้ว ผมจะยกตัวอย่างที่เจอบ่อยๆให้ฟังก็แล้วกัน

ถ้า S=SPIRIT หมายถึง ความมีน้ำใจ เพื่อสร้างสังคมที่น่าอยู่ เวลาที่รุ่นพี่สอนรุ่นน้องก็น่าจะสอนให้นึกถึงส่วนรวมด้วย เพราะความมีน้ำใจ การเคารพสิทธิของผู้อื่น และประโยชน์ของส่วนรวม ... แต่ที่เห็น ทุกๆปี ก่อนที่จะมีการรับน้อง ปรรดารุ่นพี่ทั้งหลายจะซ้อมรับน้องกันก่อน ความจริงก็ไม่ได้ผิดอะไรนักหรอก ถ้าใม่ไปซ้อมกันในที่และเวลาที่ไม่ควรซ้อม เช่น ไปซ้อมร้องเพลงปีกไก่กันหน้าหอสมุดอย่างงี้ ตีกลองร้องเพลงใช้โทรโข่งในเวลาราชการขณะที่คนอื่นเขาทำงานอย่างนี้เป็นต้น ผมยังมองไม่เห็นว่ารุ่นพี่เหล่านี้จะมีสำนึกในการสร้างสังคมที่น่าอยู่ตรงไหน ในเมื่อตัวเองยังไม่เข้าใจว่าสังคมที่น่าอยู่ควรจะเป็นอย่างไร แล้วจะเอาอะไรไปสอนรุ่นน้อง?

และถ้า O=ORDER หมายถึง ระเบียบวินัย รู้กฎของสังคมและประพฤติตาม คุณก็ลองสำรวจเครื่องแต่งกายของนิสิตรุ่นพี่ทั้งหลายดูสิ ว่ามีใครแต่งตัวถูกระเบียบซักกี่คน?  ความจริงไม่ต้องให้ถูกระเบียบก็ได้ เอาแค่ให้แต่งตัวสุภาพเวลาขึ้นเรียน เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีแล้ว ในเมื่อรุ่นพี่ยังเห็นระเบียบวินัยเป็นเรื่องไร้สาระ แล้วจะไปสอนน้องได้หรือ?

ถ้า S=SENIORITY หมายถึง ความเคารพอาวุโส เคารพในผู้อยูมาก่อน ถ้าสอนกันมาดีจริง เวลาที่นิสิตทำผิด แล้วมีคนตักเตือน แทนที่จะชักสีหน้าใส่ เขาคงจะเอาไปปรับปรุงตัวบ้าง แต่นี้หลงคิดว่าโตแล้ว อยู่ปีสองปีสามแล้ว อาจารย์มีหน้าที่สอนหนังสือก็สอนไป อย่างมายุ่งเรื่องความประพฤติผม ... เออ รุ่นพี่คิดกันอย่างนี้ มิน่า ความประพฤติถึงได้แย่ลงๆทุกปี


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 07 ธ.ค. 06, 21:22
 เรื่องนี้แหละ ที่การีนก็ไม่เข้าใจ
ตะวอย่างคุณพี่จ้อว่ามาทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องจริง ซึ่งก็อยากเถียงอยู่บ้างที่เรื่องเครื่องแต่งกาย 55+ ตอนนี้การีนเป็นพี่...แล้วแต่งตัวถูกระเบียบนะ จริงๆไม่ได้แฟชันนิยมแต่อย่างใด 55+

แต่โดยมาก ก็เป็นอย่างที่คุณพี่จ้ว่ามานั่นแหละ ง่ายๆกันเลยดีกว่า ในห้องเชียร์ห้ามแต่งกายผิดระเบียบ ซึ่งก็ต้องรวมถึงการแต่งหน้าตาด้วย เชอะ...พี่เชียร์มันยังแต่งหน้าดั่งงิ้วไม่ปาน เข้าห้องเชียร์ และสั่ง(สอน?)น้องเลย

ประเด็น คือ การีนไม่เข้าใจว่ารู้ทั้งรู้ว่ามัน"ไม่มีใครชอบ"
รู้ว่าทุกคน(รวมรุ่นพี่บ้าเชียร์)ทำตามนโยบายแบบ SOTUS กันไม่ได้

ทำไมยังทำห้องเชียร์ ท่องSOTUS เหล่านี้
ไม่คิดว่ามันน่าอายบางหรือ ตัวทำไม่ได้ ยังมาสอนน้อง



กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: ต้นกล้าเป็นspy ที่ 07 ธ.ค. 06, 23:00
 ผมเรียนปีหนึ่ง คณะวิศวะ  
ถึงแม้ว่าหลายคนจะมองว่า SOTUS  เป็นสิ่งที่รุนแรงหรือไม่สร้างสรรค์  ล้าสมัย

แต่ผมคิดว่ามันมีข้อดีมากมายเช่นกัน
เริ่มแรกผมก็ไม่เ้ข้าใจหรอกครับว่าทำไมพี่เค้าต้องมาืทำแบบนี้  นับตั้งแต่เข้าเรียนใหม่ๆ  ต่างคนต่างมาจากต่างสถาบัน ต่างจังหวัด  แต่ตอนนี้ SOTUS มันทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น  มีความอดทน มีระเบียบวินัย เคารพรุ่นพี่  

ในคนหมู่มาก จะมีสักกี่วิธี ที่จะฝึกคนได้เท่านี้


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: จ้อ ที่ 08 ธ.ค. 06, 15:15
   ที่น้อง ต้นกล้าฯ บอกว่าสำหรับคนหมู่มากจะมีกี่วิธีที่ฝึกคนได้เท่านี้ … จริงๆนี่แหละเป็นสิ่งที่ผมสงสัย ว่าไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ หรือว่ามีวิธีอื่นแต่นิสิตนักศึกษาไม่เคยยอมเปิดใจรับ จะเอาแต่ SOTUS, รับน้อง, ซ้อมเชียร์, แล้วก็ ว๊าก …

ผมไม่ได้บอกว่าแนวคิดเชิงอุดมคติของ SOTUS ไม่ดีนะ แต่จะบอกว่าที่ทำกันอยู่น่ะมันตรงกันข้าม

สถาบันอุดมศึกษาเช่นมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆในเมืองไทยเนี่ยะ น่าจะเป็นสถาบันที่สอนให้คนรู้จักคิด มากว่าทำตามเพราะกลัว จะด้วยกลัวอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะทำเพราะกลัวรุ่นพี่แอนตี้ ทำเพราะกลัวรุ่นพี่บอกว่าอย่างนู้น บอกว่าอย่างนี้ ผมว่ามันไม่ได้สอนอะไรรุ่นน้อง อย่างบางคณะเช่น คณะรัฐศาสตร์ของอาจารย์ ใจ เจ้าของบทความนี้ ลองคิดดูว่าโลกปัจจุบันเราต้องการปลูกฝัง ประชาธิปไตย และ ให้ประชาชนเข้าใจสิทธิเสรีภาพ แต่กิจกรรมที่นิสิตทำ ผมว่ามันตรงข้ามกันนะ

ถ้าการสอนที่ดี คือรุ่นพี่สั่งให้น้องทำตามแทนจะใช้เหตุผล ถ้าไม่ทำตามก็ใช้อิทธิพลสั่งรุ่นน้องคนอื่นไม่ให้คบ แล้วคุณคิดว่ารุ่นน้องที่ได้รับการสั่งสอนด้วยวิธีเหล่านี้ ถ้าจบการศึกษา แล้วไปทำงาน เกิดพวกเขาต้องเจอผู้มีอิทธิพลสั่งให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เขาจะยอมสู้ หรือยอมทำตามล่ะ? ... ถ้าให้เดา ผมว่าเด็กสวนใหญ่ก็อาจจะคิดว่า “ถ้าท่านผู้มีอิทธิพลทั้งหลายให้ทำอะไรที่บังคับจิตใจเกิน ก็นิ่งเสียเถิด อย่าไปต่อต้านรุนเเรง เดี๋ยวจะเกิดความ” ก็เพราะสังคมมหาวิทยาลัยสอนกันมาซะแบบนี้ก็ไม่แปลกที่สังคมภายนอกนับวันจะแย่ลงๆ

อีกข้อที่ผมไม่เข้าใจ คือทำไมจะต้องคิดว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการรับน้องการซ้อมเชียร์ ต้องเป็นพวกไข่ในหิน? คนเราพื้นฐานต่างกัน การใช้ชีวิตต่างกัน ความชอบและรสนิยมก็ต่างกันด้วย ทุกครั้งนิสิตจะบอกว่า กิจกรรมพวกนี้เป็นการละลายพฤติกรรม คำถามก็คือ จะละลายไปทำไม? เขาจะเป็นคุณหนู จะชอบใช้ของแพง จะแต่งตัวสวยมันก็เรื่องของเขา ทำไมต้องบังคับให้แต่งตัวโทรมเหมือนกัน (ที่ไม่ใช่จะถูกระเบียบนัก) เป็นความสามัคคีหรือ? ก็คงไม่ใช่มั้ง ความสามัคคีสามารถเกิดขึ้นได้แม้ว่าคนจะใช้ชีวิตต่างกัน มีไลฟ์สไตล์ต่างกัน

ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือที่จะสอนให้รุ่นน้องรู้จักเคารพรุ่นพี่ รู้จักระเบียบวินัย? นี่แหละครับที่ผมสงสัยมากๆ  


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: นชน ที่ 10 ธ.ค. 06, 02:16
 เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม

น้องใหม่ก้าวเข้ารั้วโดยมีพี่ปี่สองเป็นขาใหญ่
ไหนๆ เราก็เเก้ระบบไม่ได้
เราก็ยอมศิโรราบให้พี่
ไม่ใช่ตลอดกาลนี่นา

การเชียร์...อย่างมากเเค่สามเดือน
หลังจากนั้น พี่ๆ ก็หมดเเรงไปเองเเหละ
การไปทำเเข็งขืน เดี๋ยวจะถูกสังคมของที่นั้นๆ ลงโทษ
เป็นต้นว่าแอนตี้ มองอย่างหยามเหยียด ไม่พูดด้วย

เเน่นอนว่าพี่ไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น แต่ว่านั่นคือ norm
จงยอมรับกฎของธรรมชาติ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 10 ธ.ค. 06, 18:52
 โอ้...สังคมจะเป็นไปด้วยประการฉันใด
ขอเพียงนบน้อมเอาตัวรอดไป...แค่นั้นก็พอ

ถ้าคิดกันเพียงแค่นี้ แค่ทำตามหัวหน้า...เดี๋ยวก็ได้ดี แม้หัวหน้าจะโง่บรมก็ตาม
ต่อไปก็...แค่ไปกาเลือกตั้ง เดี๋ยวก็ได้คนดี

อะไร ทำนองนี้หรือเปล่าคะ

ถึงจะคิดแค่ว่าจบๆไป แต่เรื่องของ"เหตุผลที่แท้จริง"อยู่ตรงไหน


เชื่อไหม...น้องต้นกล้า...พี่ก็จบห้องเชียร์มาโดยไม่ต่อต้านอะไร...
ก็คิดง่ายๆนั้นแหละ แก้ระบบไม่ได้ เลยปล่อยไป

แต่ตอนนี้พี่ก็โดนแอนตี้จากคนในสาขาอะคะ

เหตุผลเพียงแค่...พี่ไปคบกับคนที่แอนตี้โซตัส...ไม่เข้าห้องเชียร์

มันเป็นระบบ"ตัดสินคน" ทั้งๆที่ไม่ใช่กฎหมายบ้านเมือง


เพราะฉะนั้น พี่จึงรู้ว่าระบบที่ว่ามันอาจจะแก้ไม่ได้แค่คนเดียว
แต่คนที่ไม่ชอบ(ซึ่งในแต่ละปี มันต้องมีมากกว่า 1 คนอยู่แล้ว) สามารถออกมาทำให้ระบบนี้มันเปลี่ยนแปลงไปได้

อย่างน้อยรุ่นต่อไป...ถ้าน้องต้นกล้าเป็นพี่...ก็ลองเปลี่ยนรูปแบบสิ
พี่ไม่ได้บอกให้เปลี่ยนระบบ แต่ให้เปลี่ยนรูปแบบ

คงไม่อยากให้ตัวเองเป็นคนที่ถูกรุ่นน้องด่าใช่ไหมล่ะ

ระบบนี้ไม่ใช่การยอมให้พี่ตลอดกาล แต่มันจะเป็นสังคมที่น้องต้องเจอตลอดไปต่างหาก...





กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ส.ค. 15, 14:19
โซตัสนำมาซึ่งความเสื่อม เรามาถึงยุคที่นักศึกษาขู่ทำร้ายอาจารย์ และอธิการบดีบอกว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล :o

http://www.youtube.com/watch?v=o_HBqPB-fsQ#ws (http://www.youtube.com/watch?v=o_HBqPB-fsQ#ws)

อาจารย์สาวประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) ท่านหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการรับน้องระบบโซ­ตัสของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มมส. จนสร้างความพอใจแก่นิสิตในคณะ และมีการออกมาตอบโต้ โดยหลายข้อความโชว์อาวุธและแสดงให้เห็นถึง­การคุกคาม ข่มขู่อาจารย์ผู้ที่โพสต์

โดยอาจารย์ได้ชี้แจงว่ารู้สึกตกใจกับเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งตนได้โพสต์ข้อความที่สะท้อนความคิดเห็­นส่วนตัวของตน และเชื่อว่าการโพสต์คุกคาม ข่มขู่เป็นความคึกคะนองของนักศึกษาที่มีอา­จารย์บางรายให้การสนับสนุน

ขณะที่รักษาการอธิการบดี มมส. ระบุว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล และสั่งให้มีการตรวจสอบ โดยอาจารย์สามารถร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญ­ชาได้ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลถือเป็นเรื่องภายน­อก ไม่ควรเอามหาวิทยาลัยไปยุ่งเกี่ยว หากเป็นเรื่องของการทะเลาะเบาะแว้ง ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลต้องไปเคลียร์กันเอง แต่หากเด็กจะมาร้องเรียนกับทางมหาวิทยาลัย­ว่าถูกอาจารย์ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยก็มีระเบียบว่าด้ว­ยเรื่องคุณธรรม จริยธรรมของอาจารย์อยู่แล้ว

จาก ข่าวช่อง ๓ (http://morning-news.bectero.com/m/main.php?m=newsdetail&cname=share-of-the-day&nid=52316)


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 ส.ค. 15, 17:37
คำตอบของรักษาการอธิการบดีนี่ ทำให้ภาพลักษณ์ของ ม. มหาสารคามในสายตาผมต่ำเตี้ยจมดินไปเลย และทำให้รู้สึกยิ่งไปกว่าว่าการเป็น ดร. จนถึงเป็นศาสตราจารย์ ก็เก่งแค่ในส่วนที่ตนเชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงวิจารณญาณหรือการรู้ถูกรู้ผิดแต่อย่างใด แต่ที่สำคัญคือรู้สึกมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ว่าระบบการศึกษาในประเทศไทย วิกฤติหนักมากจริงๆ และคงจะไม่มีทางแก้ไขได้แล้ว


สิ้นหวัง สิ้นหวัง สิ้นหวัง  :-\  :-\  :-\


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 28 ส.ค. 15, 17:57
ถ้าคนดีสิ้นหวัง ก็เท่ากับปล่อยให้คนเลวได้มีโอกาสสร้างหวังซีคะ เพราะงั้น ดร.ประกอบอย่าเพิ่งสิ้นหวัง สู้ๆๆค่ะ ขอให้ได้เป็นอธิการบดีเร็วๆ เพี้ยง!  ;D


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ส.ค. 15, 18:54
ถ้าอาจารย์ทะเลาะกับนิสิตด้วยเรื่องส่วนตัว ประเภทให้ยืมสตางค์กันแล้วไม่คืน   อธิการบดีไม่เข้าไปยุ่งด้วยก็ไม่เป็นไร   แต่นี่คือการคุกคามข่มขู่อาจารย์   อาจารย์ไม่ต้องไปร้องเรียน อธิการก็ต้องยื่นมือเข้ามาคุ้มครองอยู่แล้ว  และต้องเอาตัวนิสิตที่ว่ามาสอบสวนด้วย
ขอภาวนาให้ข่าวนี้ลงผิด   จะได้ไม่เสียความรู้สึกกับผู้บริหารมากไปกว่านี้

รอดูว่าสภามหาวิทยาลัยจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว รักษาระเบียบให้ตรงได้หรือไม่


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 28 ส.ค. 15, 22:45
ข่าวไม่ได้ลงผิดครับ รักษาการอธิการคนนี้ได้โพสต์นิทานในเพสบุ๊คตัวเอง อ่านแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมเด็กๆ ถึงกล้าขู่อาจารย์ ก็ผู้บริหารคิดแบบนี้นี่แหละ มีการแดกดันว่าอาจารย์ที่วิจารณ์เป็นพวกประชาธิปไตยจ๋าซะอีก เพียงแต่ตอนนี้ชักจะมาพลิกลิ้นแล้ว หลังกระแสโจมตีเยอะ แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้น คืออาจารย์ในภาควิชาเดียวกับเด็กพวกนี้ ออกมาให้ท้ายเด็กอีก ไม่รู้ผิดไม่รู้ถูกกันจริงๆ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ส.ค. 15, 23:27
การเป็น ดร. จนถึงเป็นศาสตราจารย์ ก็เก่งแค่ในส่วนที่ตนเชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงวิจารณญาณหรือการรู้ถูกรู้ผิดแต่อย่างใด

ดร.ประกอบพูดถูกทีเดียว เพราะดร.แห่งมมส.ท่านนี้นอกจากไม่รู้ผิดรู้ถูกแล้ว ยังไม่ชำนาญทั้งภาษาไทยและอังกฤษอีกด้วย

อุทธาหรณ์  ที่ถูกคือ  อุทาหรณ์

jump conclusion  ที่ถูกคือ  jump to conclusion

ดร.ท่านหนึ่งแห่งมธ. ท่านท้วงไว้  ;)

http://education.kapook.com/view127761.html (http://education.kapook.com/view127761.html)




กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 ส.ค. 15, 08:10
เอ เห็นพูดถึง ดร. ประกอบๆ กัน ตกลง ดร.ประกอบนี่ใครกันครับ??? ชื่อเหมือนกันเลยแต่ไม่น่าจะใช่ผมนา เพราะผมขับแท็กซี่ แต่ตอนนี้ว่าจะเปลี่ยนเป็นมอไซด์รับจ้างแทนแล้ว รถมันติดเกิน


เมื่อวานเด็กดุริยางค์ มมส ยกขบวนไปขอขมาอาจารย์  แต่ไม่ได้ขอขมาอาจารย์คนที่วิจารณ์การรับน้อง กลายเป็นยกขบวนไปขอขมารักษาการอธิการฯ คนนี้แทน มีการถ่ายภาพออกข่าว ที่ ม.นี้นี่ทำอะไรกันแปลกๆ  ตรรกะเหตุผลอะไรที่คนปกติใช้กัน ดูท่าจะใช้ไม่ได้เลย


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 ส.ค. 15, 08:52
อาจารย์ ดร.ประกอบ ขับแท็กซี่ไปลงชื่อกับเขาด้วยหรือเปล่า  ;D

๑๒๐ นักวิชาการเรียกร้องผู้บริหาร ม.มหาสารคาม ระงับการคุกคาม 'ลลิตา' (http://www.prachatai.com/journal/2015/08/61092)


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ส.ค. 15, 09:03
เรื่องอื่นหลายเรื่อง ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์เกษียร  เตชะพีระ   แต่เรื่องนี้เห็นด้วยกับตัวอย่างที่ยกมา เต็ม 100% ค่ะ



กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 ส.ค. 15, 09:49
อาจารย์ ดร.ประกอบ ขับแท็กซี่ไปลงชื่อกับเขาด้วยหรือเปล่า  ;D

๑๒๐ นักวิชาการเรียกร้องผู้บริหาร ม.มหาสารคาม ระงับการคุกคาม 'ลลิตา' (http://www.prachatai.com/journal/2015/08/61092)

ต้องรอ ดร.ประกอบมาตอบ  นายประกอบเฉยๆ ตอบแทนไม่ได้ แต่พอจะรู้มาเลาๆ


สมัยนี้การไปลงชื่ออะไรนี่ค่อนข้างอันตรายกับอาจารย์มหาวิทยาลัย เพราะระบบไม่เอื้อต่อการแสดงความคิดเห็อย่างอิสระนัก ทำให้อาจารย์ส่วนใหญ่จะไม่อยากเปลืองตัวลงชื่อไม่ว่าเรื่องอะไร เพราะอาจถูกกลั่นแกล้งจากผู้บริหารไร้จริยธรรมได้ นอกจากนั้นระบบกฏหมายก็ไม่มีคุ้มครองใดๆ จากการกลั่นแกล้งเหล่านี้   แถมเวลาเค้าลงชื่อกันพวกนี้ถ้าไม่ได้อยู่ในเครือข่ายก็จะไม่รู้ข่าวหรอกครับ แต่คิดว่าถ้ามีใครมาชวน ดร.ประกอบคนนั้นลงชื่ออะไรทำนองนี้ แกก็คงลงแหละ พวกหมูไม่กลัวน้ำร้อน เพราะมีสัญญาติดทุน ไล่ออกไม่ได้ง่ายนัก :)


เมื่อวาน ดร.ประกอบโน้นเล่าให้ฟังว่า ไปสอน นศ ปี 1 มีอยู่กลุ่มนึงมานั่งฟุบหลับตลอดทุกครั้ง ให้ทำ lab อะไรก็ไม่ทำ มาเพื่อเช็คชื่อเท่านั้น ทั้งที่เป็นวิชาพื้นฐานของสาขาที่สำคัญที่สุดเพราะถ้าไม่ผ่านวิชานี้จะไปต่อวิชาอื่นในปีสูงๆ ไม่ได้ แถมมีมาตรฐานการวัดผลสูงไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ อัตราผ่านแต่ละปีน้อยกว่า 40% ทั้งที่สอนเสริม lab ติว ฯลฯ มากกว่าหน่วยกิตแล้ว   พอถามเพื่อนๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มีคนนึงอิดออดกระซิบว่าพวกนั้นโดนรุ่นพี่ซ่อมทั้งคืนไม่ได้นอน พอจะซักต่อก็มี นศ คนอื่นมาลากคนเล่าออกไป แล้วอ้างว่าพวกนั้นเล่นเกมส์ทั้งคืนเลยไม่นอน  เห็นแล้วก็ต้องถอนใจ  น้องใหม่เหล่านี้มีสปิริตที่จะปกปิดเรื่องเลวๆ ของเหล่ารุ่นพี่ แต่ไม่มีสปิริตที่จะปกป้องเพื่อนจากอะไรที่เลวร้ายละเมิดสิทธิ์ แถมยังกล้าพอที่จะโกหกอาจารย์หน้าด้านๆ เพื่อปกป้องรุ่นพี่เหล่านั้น  เด็กไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญหรือรู้ถูกรู้ผิดได้จริงๆ  คิดว่าวันจันทร์นี้ ดร. ประกอบนั้นอาจจะต้องมีการไล่เฉ่งเด็กกัน


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: thonburi ที่ 18 พ.ค. 16, 23:16
มาเห็นกระทู้นี้เข้าทำให้นึกถึงตัวเองตอนโดนรับน้องโดยระบบนี้
เรื่องมันผ่านมาตั้ง 5-6 ปีก็ยังไม่ลืมเหตุการณ์รับน้องในครั้งนั้นแม้แต่วันเดียว มีแต่น้องที่ทุกข์ทรมาณส่วนรุ่นพี่มีความสุขกับการทำอะไรก็ได้กับรุ่นน้องแม้ว่าตัวเองจะเมาเหล้าขาดสติขนาดใหนก็ตาม


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 19 พ.ค. 16, 11:21
คณะดิฉันผู้หญิงเยอะ เรื่องพวกนี้ค่อนข้างอ่อนมากๆค่ะ โดยส่วนตัวเขาให้ทำอะไรก็ทำ ก็สนุกดีนะคะเพราะมันไม่ได้มีว้ากแรงๆแบบคณะที่ผู้ชายเยอะๆ ส่วนมากเป็นการทำอะไรสนุกๆมากกว่า แถมไม่พอยังมีว้ากตลกให้คลายเครียดอีกเช่น รุ่นพี่สั่ง "ก้มหน้า!" "ก้มหน้าลงไป!" "บอกให้ก้มหน้าคางชิดตูด"อะไรแบบนี้ก็ฮากันไปอีก

แต่ส่วนตัวคิดว่าการรับน้องแบบโหดๆทุเรศๆควรเลิกไปได้แล้ว ถ้าไม่ทกิจกรรมำอะไรที่สร้างสรรค์สังคมเช่นรวมกลุ่มไปปลูกป่า เก็บขยะตามทางเดินก็น่าจะให้เล่นเกมอะไรสนุกๆทำให้สนุกสนานเบิกบานใจกันทั้งสองฝ่ายดีกว่านะคะ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 19 พ.ค. 16, 14:12
สมัยผม ปี 35 ในคณะนิติศาสตร์ เรามีห้องเชียร์ มีพี่ว๊าก แต่ก็ไม่ค่อยเลวร้ายเท่าไหร่ครับ
ส่วนตัวผมเอง ในสมัยเข้ามาปี 1 ผมกลับชอบระบบในตอนนั้น อาจจะเป็นเพราะผมมาจากโรงเรียนบ้านนอก แทบจะเป็นการเข้ากรุงเทพครั้งแรกของผมเลย ทั้งโรงเรียนมีผมสอบได้ที่นี่คนเดียว อืม อันที่จริง ทั้งจังหวัดมีผมคนเดียว รวมทั้ง 4 ชั้นปีด้วย เรียกว่า ผมไม่มีเพื่อนหรือพี่เลยครับ ลองคิดดูว่า คนที่มาจากสังคมที่ต่าง มีวิธีคิดที่ต่าง ประสบการณ์ที่ต่าง พอมาถึงคณะ เขาก็มีโต๊ะโรงเรียน โต๊ะจังหวัดกันไปหมดแล้ว แล้วผมจะไปอยู่ไหนหละเนี่ย

ก็อ้ายระบบที่บังคับให้รุ่นน้องทุกคนต้องรู้จักชื่อกัน ต้องมาร้องเพลงด้วยกัน คิดบูมรุ่น ทำธงรุ่น พวกนั้นแหละ ที่ทำให้ผมมีเพื่อนกะเขาขึ้นมาได้ หลายท่านอาจจะบอกว่า ก็จัดกิจกรรมแบบอื่นก็ได้นี่หน่า อืม.. ก็จริงครับ แต่สำหรับคนที่มาพร้อมกันทั้งโรงเรียนทีละหลายสิบคน ถ้าไม่ออกระเบียบบังคับ เขาไม่อยู่ทำกิจกรรมพวกนั้นหรอกครับ เขาไปเดินเล่น MBK ดีกว่า

พอขึ้นปี 2 คราวนี้รุ่นผมก็ต้องรับหน้าที่เป็นพี่ว๊าก พี่เชียร์บ้าง สมัยนี้ไม่รู้เป็นยังไงนะครับ แต่สมัยนั้น เราต้องฝึกครับ การที่คนๆหนึ่ง จะออกมายืนตะโกนได้วันละหลายชั่วโมง ต่อกัน เดือนครึ่ง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ทันทีนะครับ นอกจากฝึกกำลัง(ที่จะตะโกน) แล้ว ต้องฝึกเรื่องเนื่อหาด้วย เอาละ วันนี้ เราจะมาว๊ากน้องเรื่อง การแต่งกายที่ถูกระเบียบ เอ้า ไหนลองพูดมาซิ เชื่อไหมครับ เอาเข้าจริงๆ ทำกันไม่ได้ เพราะไม่สามารถหาเรื่องมาพูดได้ถึง 2 ชั่วโมง อย่างนี้ก็ต้องให้การบ้านกันสิครับ คนเป็นว๊ากต้องไปคิดเนื่อหามา วันรุ่งขึ้น เดี่ยวเอามาว๊ากให้พี่ปี 3 หรือ 4 ฟัง     


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 19 พ.ค. 16, 16:00
ต่อครับ แหะๆ
ในทีมว๊าก ก็จะต้องมีการแบ่งหน้าที่กันด้วยครับ สมัยนั้น เมื่อพี่ว๊าก คนหนึ่งมาดุแล้ว ต้องมีอีกคนให้เหตุผลตามด้วยเสมอ (เรียกพี่ว๊ากเย็น คือ พูดน้ำเสียงปกติ) สมัยนี้ผมไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า จะว่าเล่นละครแบบ Good Cop Bad Cop ก็คงได้หละครับ

แล้วก็ต้องมีอีกทีมหนึ่งเป็นทีมเคลียร์ คือหากมีน้องคนหนึ่งไม่ยอมขึ้นมา พี่ๆทีมนี้ต้องเชิญน้องออกไปปรับความเข้าใจ แน่นอนว่า ไม่สามารถใช้วิธีรุนแรงได้อยู่แล้วครับ การทำความเข้าใจก็คือ ต้องบอกเขาตรงๆแล้ว ว่า ที่ว๊ากๆกันอยู่เนี่ย ทำเพื่ออะไร บางอย่างก็เป็นอุบาย แต่ที่แน่ๆ ไม่มีพี่คนใดโกรธน้องจริงๆ ฯลฯ แล้วให้เขาเลือกว่า จะยังร่วมกิจกรรมต่อหรือไม่ หากเขาไม่ร่วม เราก็ไม่บังคับแล้วครับ เคยมีบางคน เป็นรุ่นน้องก็จริง แต่พี่แกซิ่วมาจากที่อื่น อย่างนี้เราก็ไม่บังคับให้แกร่วมกิจกรรมหรอกครับ

ทีมสุดท้ายที่ต้องฝึกก็คือ ทีมต้นเสียงร้องเพลงครับ พวกนี้ ต้องร้องเพลงคณะ และเพลงมหาวิทยาลัยได้เยอะๆ หลายๆ เพลง พวกว๊ากเองก็ต้องฝึกครับ ต้องร้องได้ แต่ให้เป็นต้นเสียงไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะเสียงแหบกันไปหมดแล้ว ให้พี่ผู้หญิงน่ารักๆ เสียงใสๆ เป็นต้นเสียงดีกว่า

ทั้งหมดนี้ เริ่มเตรียมการกันตั้งแต่ยังไม่ปิดเทอมแหนะครับ เริ่มจากการเลือกตั้งประธานเชียร์ และอาศัยเวลาช่วงปิดเทอมซ้อม ซึ่งก็ต้องอาศัยความเสียสละหละครับ เด็กจุฬา รวยน้อยเสียเมื่อใหร่ ใครอาสามาทำเชียร์ ก็ต้องอดเที่ยวช่วงหน้าร้อนหละครับ


กระทู้: ความหมายของ SOTUS กับอนาคตปัญญาชนไทย โดย อ.ใจ อึงภากรณ์ (ลอกมาครับ)
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 19 พ.ค. 16, 16:07
เล่ามายืดยาว เพียงเพื่อจะบอกว่า สมัยผม ผมว่า มันไม่ใช่การแกล้งเด็กอะไรหรอกครับ แก่นของการว๊าก (ยุคผม ในคณะผมนะ) จริงๆ คืออยากให้น้องที่มาจากที่ต่างๆกัน ได้หลอมรวมกัน การว๊ากเป็นเพียงกระบวนการเร่งให้เกิดสภาพเช่นนั้นเท่านั้น อาจจะเป็นความคิดของเด็กวัยนั้น ที่คิดได้เท่านั้น แต่สมัยนั้นมันได้ผลครับ

แต่ เดี๋ยวนี้ ผมได้มีโอกาสแวะกลับไปเที่ยวคณะอยู่บ้าง ได้เห็นการว๊ากสมัยปัจจุบัน อืม.. ก็เปลี่ยนไปครับ บางเรื่องก็ทำไปโดยไม่รู้เหตุผลแล้ว ว่าทำไปทำไม ทำเพียงเพราะแค่ เขาทำต่อๆกันมาเท่านั้น อีกอย่างเด็กสมัยนี้ ก็มีความคิดไม่เหมือนแต่ก่อน

บางที ระบบที่ใช้กระตุ้นให้น้องรวมกัน ก็คงได้เวลาเปลี่ยนแล้วเหมือนกันหละมังครับ