เรือนไทย

General Category => ระเบียงกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 26 มิ.ย. 08, 07:33



กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 26 มิ.ย. 08, 07:33
เคยฝันกับใครคนหนึ่งที่ซึ้งอยู่
ว่าจะสู้บากบั่นหมั่นศึกษา
เพียงสี่ปีต่อไปในจุฬาฯ
จะกลับมาเคียงขวัญมั่นไม่จาง

เธอเข้าป่าไกลไกลจะไปด้วย
และจะช่วยถือปืนยืนเคียงข้าง
ดูแลพรรณไม้งามไปตามทาง
จะเป็นอย่างเพื่อนตายชายฉกรรจ์

บ้านของเราบนเนินโขดเขินหิน
ท่ามกลางดินชุ่มชื้นชื่นกลิ่นฝัน
พวงชมพูเลื้อยเลี้ยวเข้าเกี่ยวพัน
ดอกของมันเรื่อชมพูดูงามตา

เวลาเช้าเราจะนั่งริมฝั่งน้ำ
เริ่มรินคำหวานหวานขานเรียกหา
โรยกลีบเอื้องลงไปในธารา
เก็บขึ้นมาคราชุ่มน้ำฉายคำรัก

แล้วเธอเข้าสู่ป่าตามหน้าที่
เราต่างมีภาระให้ตระหนัก
"ปริญญา"เธอได้ไปไม่นานนัก
ฉันก็จักได้บ้างอย่างเช่นกัน

ไกลสังคมคนกรุงเธอมุ่งหมาย
ใจฉันหายส่งคำเตือนจากเพื่อนขวัญ
ว่าเราจะตามไปไม่ช้าวัน
แล้วเมื่อนั้นคงสุขใจ ไปกว่านี้..

กลอนปี๒๕๑๔
สังคมนิสิตนักศึกษาตอนนั้น เรื่องของจิตร ภูมิศักดิ์ นายผี และโกมล คีมทองเป็นตำนานคนหนุ่มสาว สิบสี่ตุลายังไม่เกิด นักอุดมคติคิดว่าเมื่อจบแล้ว จะเข้าไปทำงานตามชนบท เพื่อช่วยเหลือสังคมด้วยจิตใจที่มั่นคง แน่วแน่
แต่ไม่ใช่ไปเป็นคอมมิวนิสต์


กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 08, 10:20
อ่านตอนแรก นึกว่าหญิงสาวจะตามเข้าป่าไปสู้เพื่ออุดมการณ์ หลัง ๖ ตุลา ๑๙
เห็นว่าจะตามไปช่วยถือปืนด้วย
แต่ดูปีที่แต่งแล้ว ไม่ใช่
เป็นอุดมการณ์พัฒนาชนบท  ตามกระแสยุคก่อน ๑๔ ตุลา ๑๖ เล็กน้อย

พูดถึงพี่โกมล คีมทอง   เป็นรุ่นพี่ที่เสียชีวิตเพราะอุดมการณ์ทำงานเพื่อชนบท  จนบัดนี้ยังไม่รู้ว่าความตายของพี่เกิดจากน้ำมือคนกลุ่มไหน
ชื่อโกมล คีมทอง ยืนยงมาจนถึงทุกวันนี้  จากมูลนิธิโกมล คีมทอง
แต่ขอจารึกชื่อพี่สาวเลือดสีเดียวกันอีกคนหนึ่งไว้ เป็นอนุสรณ์ เธอเสียชีวิตพร้อมโกมล คีมทอง  คือรัตนา สกุลไทย 
น่าเสียดาย  ชื่อของเธอเลือนหายไปในกาลเวลา ทั้งๆอุดมการณ์ของเธอคือสิ่งเดียวกัน




กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 08, 10:26
ไปเจอเว็บนี้ค่ะ เลยลิ้งค์มาให้อ่าน

http://gotoknow.org/blog/education-no-teaching/182356


กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 26 มิ.ย. 08, 12:03
จริงสินะคะ ไม่น่าลืมรัตนา สกุลไทยเลย ขอบคุณอาจารย์ค่ะที่เตือนให้รำลึกถึง
ปี๒๕๑๔ และ๑๕ วรรณกรรมเก่าๆมีการฟื้นฟูขึ้นมาในจุฬาฯ ประธานชมรมวรรณศิลป์ตอนนั้น เป็นสาวอักษรปีสุดท้าย เธอชื่อ ชมัยภร วิทูธีรศานติ์
ชมรมจัดงานนิทรรศการวิจารณ์วรรณกรรม มีการเชิญนักเขียนดังๆมาพูด มีนิสิตมาฟังมากมาย
ที่ปรึกษาชมรมคืออาจารย์ชลธิรา สัตยาวัฒนา ที่สอนภาษาไทยชาวอักษร ได้สนุกสนานมาก
ขณะเดียวกัน ก็มีการแข่งกลอนระหว่างคณะ และระหว่างมหาวิทยาลัย เป็นประเพณี
กลอนมหาวิทยาลัย แข่งเพื่อชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระราชชนนีค่ะ
ซึ่งก็คือสมเด็จย่านั่นเอง


กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 มิ.ย. 08, 12:29
        ไม่ใช่เหตุการณ์เข้าป่า จับปืนของนักศึกษาหลัง ๖ ตุลา
          แต่เป็นเรื่องรักข้ามรั้วมหาวิทยาลัยระหว่าง สาวจุฬาฯ กับหนุ่มป่าไม้ (เกษตรฯ) หรือเปล่าครับ?
 
อ้างถึง
และจะช่วยถือปืนยืนเคียงข้าง    ดูแลพรรณไม้งามไปตามทาง

         


กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 08, 12:29
พี่ชลธิรา สัตยาวัฒนา เป็นรุ่นพี่ที่อักษร  จำได้ว่าเธอชื่อ พี่ขิ่ม

ปีที่คุณกุ้งแห้งกำลังสนุกสนานกับแข่งกลอนระหว่างคณะ     ดิฉันเป็นนกขมิ้น เร่ร่อนอยู่ไกลบ้าน
ไปเจอฤดูหนาวแรกก็หนาวที่สุดในรอบยี่สิบเจ็ดปี   ยังจำรสชาติความหนาวดับจิตมาได้จนทุกวันนี้

ตอนนี้ไม่มีแล้ว โคโลราโดอากาศอุ่นขึ้นมากจากภาวะโลกร้อน  

มาอ่านกลอนให้อุ่นใจดีกว่า  ถ้ามีบทใหม่ๆอีก ขออีกนะคะ


กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 28 มิ.ย. 08, 02:00
ไม่ทราบว่าบทกลอนนี้ใครเป็นคนแต่งครับ  ใช่คุณจิตร  หรือเปล่าครับ.... :o

เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์
สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์
แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน
จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน
[/color]


กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 มิ.ย. 08, 07:57
        ไม่ใช่เหตุการณ์เข้าป่า จับปืนของนักศึกษาหลัง ๖ ตุลา
          แต่เป็นเรื่องรักข้ามรั้วมหาวิทยาลัยระหว่าง สาวจุฬาฯ กับหนุ่มป่าไม้ (เกษตรฯ) หรือเปล่าครับ?
 
อ้างถึง
และจะช่วยถือปืนยืนเคียงข้าง    ดูแลพรรณไม้งามไปตามทาง

         


คุณsilaคะ แคแร็คเตอร์ของหนุ่มนิติมธ.ผสมผเสกับหนุ่มวนศาสตร์เกษตรค่ะ ไม่รู้ใครเป็นใคร ตอนนั้นมีหลายคนค่ะ แต่กับตัวจริงๆแล้ว เขาจะไม่มีวันรู้เลย เพราะสาวยุคนั้น ต้องเก็บงำความรู้สึกไว้ลึกล้ำค่ะ ไม่มีการให้ท่าผู้ชายก่อน ต้องมีกำแพงหนาหน่อย ใครเซ่อ ไม่รู้นัยก็ฝ่าด่านไม่ได้
 :'( :'( :'(
สาวๆสมัยนี้ มิสมควรเอาเยี่ยงอย่าง แห้วอาจจะมาเยือนได้ หากหนุ่มไม่ขยันขายขนมจีบ


กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 มิ.ย. 08, 08:02
พี่ชลธิรา สัตยาวัฒนา เป็นรุ่นพี่ที่อักษร  จำได้ว่าเธอชื่อ พี่ขิ่ม

ปีที่คุณกุ้งแห้งกำลังสนุกสนานกับแข่งกลอนระหว่างคณะ     ดิฉันเป็นนกขมิ้น เร่ร่อนอยู่ไกลบ้าน
ไปเจอฤดูหนาวแรกก็หนาวที่สุดในรอบยี่สิบเจ็ดปี   ยังจำรสชาติความหนาวดับจิตมาได้จนทุกวันนี้

ตอนนี้ไม่มีแล้ว โคโลราโดอากาศอุ่นขึ้นมากจากภาวะโลกร้อน   

มาอ่านกลอนให้อุ่นใจดีกว่า  ถ้ามีบทใหม่ๆอีก ขออีกนะคะ

กำลังรื้อหิ้งหนังสือเพื่อระดมกลอนเก่าๆมาให้อ่านกันค่ะ มันสะท้อนจิตวิญญาณยุคก่อนสิบสี่ตุลาได้พอสมควร ยังไม่เคยตีพิมพ์ที่ไหนเลย เพราะมัวแต่ไปทำโฆษณาอยู่หลายปีจนวิญญาณนักกลอนไปท่องเที่ยวนาน


กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 มิ.ย. 08, 08:05
ไม่ทราบว่าบทกลอนนี้ใครเป็นคนแต่งครับ  ใช่คุณจิตร  หรือเปล่าครับ.... :o

เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์
สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์
แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน
จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน
[/color]

คุณบาน่าคะ คำที่แสนจะกวีเช่นนี้ จะมีใครถ้าไม่ใช่จิตร ภูมิศักดิ์ รุ่นพี่ของดิฉันและชาวจุฬา ที่กลายเป็นตำนาน สักวันหนึ่ง จะมีใครนำเรื่องของจิตรไปสร้างหนังบ้างก็ไม่รู้ เรื่องนี้ต้องยุคุณSila


กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 มิ.ย. 08, 11:12
อ้างถึง
เรื่องนี้ต้องยุคุณSila
 
       แว่บเข้ามา เพราะตอนแรกอ่าน ยุ เป็น ยุค เล่นเอาตกใจ
ตอนเรียนมัธยมพอจะทำข้อสอบคณิต ฟิสิคส์ ได้บ้างเลยเรียนไปทางวิทย์ ไม่งั้นทุกวันนี้คงอยู่แถวแวดวงมายา ครับ
        ทัน "จิตร ภูมิศักดิ์" ในยุคเพื่อมวลชน และได้อ่านกลอนบทนี้
ยังหาต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษจากเว็บต่างประเทศไม่พบ ที่มีในเว็บไทยคำบางคำแตกต่างกันบ้างไปครับ

        To banish the trace of a tear in your eye,
A thousand deaths would I gladly die,
If one more life were granted me,
I'll spend that life in serving thee.

Avetik Isahakyan กวี Armenia


กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 29 มิ.ย. 08, 12:37
คุณsilaขยันค้นมากค่ะ
คุณจิตรเก็บความมาได้ครบและได้รสชาติมาก


กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: Bana ที่ 30 มิ.ย. 08, 20:41
ขอบพระคุณมากครับคุณศิลาสำหรับบทกวีของ  อาเวติก อีสากยัน

ประทับใจบทกวีของท่านอาจารย์สุพรรณ  ทองคล้อย  หรือในนามปากกา  แรคำ ประโดยคำ เจ้าของรางวัลววรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี 2541  ขออนุญาตนำมาลงครับ............ :-[

ดวงดอกแก้วจะบานหวานหอม
๏ หอมหวนยวนใจสมัยหอม
แย้มยอมพร้อมให้ความใฝ่ฝัน
แค่ค่าอาทรอาวรณ์กัน
ผูกพันหอมไว้ได้ยั่งยืน ฯ

๏ หวานหวามความหลังยังหวามหวาน
กำซาบทรวงนานช่างหวานชื่น
ละมุนละไมในวันคืน
กลมกลืนกับกาลที่ผ่านไป ฯ

๏ บานแบ่งแต่งเติมเพิ่มชีวิต
ทีละนิดทีละน้อยค่อยแบ่งให้
ด้วยความมุ่งมั่นแบ่งปันใจ
โยงใยไว้เยื่อทุกเมื่อมา ฯ

๏ จะสู้ลมฝนทนแดดร้อน
อาจไหม้ไฟฟอนบั่นทอนค่า
อย่าหมายว่าจะพรำหยาดน้ำตา
ศรัทธาฤาจะไหม้กลางไฟรุม ฯ

๏ แก้วยังรินกลิ่นกล้าประสาแก้ว
ร่วงแล้วลาลับกลับแตกพุ่ม
กลางกระแสที่บังเอิญเกินควบคุม
มิอาจกุมใจแก้วให้กลับกลาย ฯ

๏ ดอกแล้วดอกเล่ายังเร้าดอก
ในระลอกสังคมล่มสลาย
แม้เหลือดอกเดียวไม่เปลี่ยวดาย
จะทวงถามความหมายที่หายไป ฯ

๏ ดวงดอกแก้วจะบานหวานหอม
จะห่มห้อมผู้คนที่หม่นไหม้
เหมือนกับจะตายทั้งหายใจ
แต่ยังรินกลิ่นไว้ให้แผ่นดิน ๚ะ๛



กระทู้: ความฝัน
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 26 ก.ย. 08, 07:03
สู้อย่างไร? นักปรัชญาบอกข้าที
จิตร ภูมิศักดิ์ ๒๔๙๘

ลุกขึ้นเถิดเพื่อนยาไยหน้าเศร้า
คำเก่าเก่ามิได้บอกไว้ดอกหรือ
อย่าท้อแท้แพ้พึมซึมกระทือ
"ชีวิตคือการต่อสู้"รู้หรือยัง

กันก็รู้อยู่ดอกเหนอไอ้เกลอแก้ว
ก็สู้แล้วจนหมดเนื้อเหลือแต่หนัง
ยิ่งนับวันมันยิ่งหดหมดกำลัง
สุดประทังกายชื่นฝืนดวงปราณ

เหงื่อก็หยดผดก็ผุดอุดทั้งร่าง
ทำทุกอย่างเพื่อได้มาเพียงอาหาร
เพื่อใส่ท้องประคองชนม์ให้ทนทาน
เพื่อทำงานที่เหงื่อหยดผดเห่อแดง

ชีวิตคนจนนี้มีวงวัฏ
เพียงฝืนกัดฟันทำงานกร้านแดดแข็ง
เพื่อได้กิน... ฮะ...กินซีให้มีแรง
เพื่อง่องแง่งทำงานซานต่อไป

"ชีวิตคือการต่อสู้"ดูเพราะเหลือ
เป็นยาเบื่อเมาหมักสำนักไหน
มีกฎกะชนะแพ้ไว้แค่ไร
เริ่มที่ใด? ที่ป่าลึกหรือตึกโต

ข้าเริ่มต้นบนฟากฝาหลังคาแฝก
ออกมาแถกเหงื่อทะยานอยู่นานโข
ข้าเริ่มต้นบนตึกงามหลังวามโว
ข้าก็โหล่ลับลิบชั่วพริบตา

"ชีวิตคือการต่อสู้"...ฮู! น่าหัว
สู้เพื่อตัวเพียงคนเดียวเจียวหะหา
ใครเหี้ยมหาญทะยานนั่งหลังประชา
สูบสวาปามเลือดแห้งเหือดไป

"ชีวิตคือการต่อสู้"สู้ใครเหวย?
วานช่วยเผยคู่ต่อสู้ข้าอยู่ไหน
"ชีวิตคือการต่อสู้"สู้เพื่อใคร?
สู้อย่างไร? นักปรัชญาบอกข้าที

คัดลอกมาจากหนังสือ จิตร ภูมิศักดิ์ ถึงร้อยดาวพราวพรายกระจายแสง สำนักพิมพ์ ฟ้าเดียวกัน บรรณาธิการ วิชัย นภารัศมี