เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: นิรันดร์ ที่ 30 ธ.ค. 03, 08:54



กระทู้: พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 30 ธ.ค. 03, 08:54
 ขอถามอีกสำนวนนะครับว่า
ทำไมต้องสองไพเบี้ย สองสลึงได้ไหม
แล้วนิ่งแล้วเสียตำลึงทองหรือนิ่งแล้วจะได้ตำลึงทองกันแน่

เพราะผมเห็นว่า บางคนรู้ความอะไรก็มัวแต่ทำน้ำท่วมปาก
อยากพูดก็ไม่ได้พูด สุดท้ายก็เสียการสำคัญเพราะไม่พูด

แต่รู้สึกสำนวน "พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง" นี้ จะตรงกันข้าม

อย่างผมนี่ ถ้าขืนนิ่ง รับรอง ผมต้อง"เสียตำลึงทอง" แน่ เพราะเขาจ้างผมมาพูดอย่างเดียว


กระทู้: พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ธ.ค. 03, 11:22
 นิ่งเสียตำลึงทอง  ไม่ได้หมายความ " เสีย" ตำลึงทองค่ะ    คำว่าเสีย ต่อกับคำว่านิ่ง  
ถ้าออกเสียงสมัยนี้คือ นิ่งซะ ตำลึงทอง แปลว่า นิ่งดีกว่าพูดต่อความยาวสาวความยืด

ไพ เป็นมาตราเงินระดับเล็ก  มีค่าน้อยมาก  ในยุคที่มีเฟื้อง อัฐ ไพ ฯลฯ  เงินสลึงมีราคาค่อนข้างมากนะคะ   เช้าไปตลาดจ่ายกับข้าว 1 สลึงก็พอกินกันพ่อแม่ลูก 3 มื้อ
เพราะงั้นถ้าเน้นความเล็กน้อย เขาก็ไม่ใช้คำว่าสลึงค่ะ  แต่ยกมาตราที่ต่ำกว่านั้นลงไปอีก

ส่วนตำลึงทอง เป็นน้ำหนักทอง   ไม่ได้หมายความว่าราคา 4 บาท หรือ 16 สลึง แต่เป็นทองหนัก 1 ตำลึง คือหนัก 4 บาท
สำนวนนี้หมายถึงว่าให้นิ่งดีกว่าโต้เถียง  พูดไปก็เหนื่อยเปล่า ไร้ประโยชน์


กระทู้: พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 30 ธ.ค. 03, 12:21
 ขอบคุณ คุณ"เทาชมพู"มากครับที่ตอบให้อย่างรวดเร็ว แต่สำนวนของเรามักมีเกี่ยวกับการใช้ปากไว้มากเหมือนกัน

เช่น
เป็นมนุษย์สุดดีก็ที่ปาก
จะได้ยาก โหยหิว เพราะชิวหา
ถ้าพูดดี มีคนเขาเมตตา
พูดชั่วก็จะพาอัปราชัย

หรือ
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
ถ้าพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา

หรือ
ปากเป็นเอก
เลขเป็นโท
หนังสือเป็นตรี
ชั่วดีเป็นตรา

หรือ
อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นทราก
แต่ลมปากหวานหูมิรู้หาย
อันเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
เจ็บจนตายนั้นให้เหน็บเพราะเจ็บใจ

หรือ
เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น
ระวังตนตีนมือระมัดมั่น
แม้คบคนคำหวานรำคาญครัน
หากพลั้งพลันเจ็บอกเหมือนตกตาล

ผิดถูกเป็นอย่างไร รบกวนท่านผู้รู้แก้ไขด้วย เพราะได้มาจากความจำสมัยเป็นนักเรียนมัธยม
ที่ยกมาล้วนเกี่ยวกับการใช้ปากหรือคำพูดคนทั้งนั้น
ท่านใดนึกเรื่องอื่นออก ลองเอามาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับ

ขอบคุณครับ