การละเล่นโมงครุ่ม
อ.ประเมษฐ์ บอกอีกว่า นอกจากสาระสำคัญของการแสดงในงานมหรสพสมโภชในการพระเมรุที่ต้องมีหนังใหญ่, โขน, ละคร, หุ่น แล้วนั้นก็จะมีการละเล่นต่างๆ ที่ยึดตามแบบแผนที่มีมาตั้งแต่โบราณ เฉพาะที่ยังศึกษาหาข้อมูลได้ เช่น โมงครุ่ม, กุลาตีไม้, ระเบง, แทงวิไสย,กะอั้วแทงควาย, รำโคมญวน, รำโคมบัว เป็นต้น ซึ่งพระราชนิยมแต่ละสมัย จะไม่เหมือนกันเช่น รำโคมญวนนั้นเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ดังนั้น จึงได้นำรำโคมญวนมาใส่ลงในมหรสพในการออกพระเมรุตั้งแต่นั้นมา เป็นต้น
** “ดนตรีสากล” สิ่งทรงโปรด เพิ่มในมหรสพการออกพระเมรุ เหมือนเช่นในสมัยนี้ ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงโปรด ดนตรีสากล (ออร์เคสตรา)ดังนั้น ในการออกพระเมรุ จึงมีการเพิ่มสิ่งที่พระองค์ทรงโปรดลงไปในมหรสพการออกพระเมรุ
โดยสามารถแบ่งเป็น
เวทีที่ 1.มีการแสดงหนังใหญ่ และ โขน
เวทีที่ 2.การแสดงของหุ่นกระบอก
โดยมีการเชิญหุ่นละครโจหลุยส์ ที่อยู่ในพระอุปถัมภ์ฯ มาทำการแสดงอีกทั้งยังมีละครใน-นอก และในเวทีที่ 3.เป็นเวทีการแสดงของวงดุริยางค์สากล
วงดนตรีคลาสสิก ที่พระองค์ทรงโปรด และทรงรับไว้ในพระอุปถัมภ์ฯหลายต่อหลายวง มาทำการแสดงซึ่งมหรสพในการออกพระเมรุจะมีขึ้นในวันถวายพระเพลิงตลอดทั้งคืนวันที่ 16 พฤศจิกายน 2551
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งในส่วนของมหรสพที่กล่าวมานี้ต้องนำขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงพระราชวินิจฉัยอีกครั้ง
“การแสดงเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้โดยวิทยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากรซึ่งปัจจุบันนี้จะเห็นว่าหลายๆ สถาบันได้อนุรักษ์สิ่งเหล่านี้ไว้เป็นอย่างดี สิ่งที่พยายามจะทำคือการรักษาสิ่งที่มีอยู่นี้ไม่ให้หายไปอีก การจะรักษาไว้นั้นไม่ใช่เพียงแค่นำมาซ้อม แต่การอนุรักษ์คือการสร้างผู้ชม ไม่ใช่สร้างผู้เล่นเพียงอย่างเดียว จึงอยากให้เกิดผู้ชมกลุ่มใหม่ๆ ที่จะหันมาสนใจศิลปวัฒนธรรมไทย และอยากเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมงานเพราะงานนี้เหล่าพสกนิกรทุกหมู่เหล่า จะได้แสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ที่ทรงสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างมหาศาล นอกจากนี้จะได้เห็นถึงจารีต ประเพณีต่างๆ ที่มีมาตั้งแต่อดีตที่เป็นวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของไทย โดยจะสืบทอดไปยังรุ่นสู่รุ่น”อ.ประเมษฐ์ ฝากทิ้งท้าย
http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=7605.0;wap2