คุณติบออาจจะต้องใช้เวลา ทบทวนความคิดของตนเองและผู้อื่นอีกหลายๆปี แล้วจะค่อยๆเข้าใจขึ้นเอง ว่าความคิดอย่างรอบคอบในการดำเนินชีวิต มาถึงตามประสบการณ์เมื่อใด คุณก็ย่อมจะมีจิตใจที่กว้างขวางเป็นพื้นฐานขึ้นมาเอง
เช่นอย่าไปด่วนตัดสินว่า การยึดสมเด็จกรมฯนริศขึ้นมาแทนคุณหลวงวิจิตร คุณธนิต และสมเด็จกรมฯดำรง แล้วจะประเทศชาติจะสงบสุขกว่า
ก็ตัวอย่างที่คุณยกมาจากสมเด็จกรมฯนริศ ท่านเองก็ยังไม่เหมารวมเลยว่า งานช่างไทยดีกว่าพม่า หรือพม่าดีกว่าไทย ท่านไม่อยากให้เปรียบเทียบ
"...เธอตัดสินฝีมือช่างพะม่ากับช่างไทยว่าไทยดีกว่านั้น เปนการตัดสินอย่างไม่เข้าใครออกใครอยู่หน่อย... ...แท้จริงจะเอาช่างต่อช่างเข้าเทียบฝีมือกันนั้นไม่ได้ ช่างไทยดีที่สุดก็มี เลวที่สุดก็มี พะม่าก็เช่นเดียวกัน แล้วจะจับคู่เข้าแข่งขันกันฉันใดเล่า..."
ฉันใดก็ฉันนั้น นักปราชญ์ทั้ง ๒ ท่านและ ๒ องค์ที่คุณยกมาเปรียบว่าสามสู้หนึ่งไม่ได้ ก็คงมีบางเรื่องที่ใครคนหนึ่งมีผลงานดีกว่าอีกคน และด้อยกว่าอีกคนก็ย่อมจะมี
เรื่องไหนสมเด็จกรมฯนริศท่านเลิศกว่าใครเพื่อน ก็ยกขึ้นมาให้เห็นกัน อย่างนี้จะเป็นการเชิดชูท่านดีกว่าไปเปรียบเทียบเหวี่ยงแห
ดิฉันก็อยากจะอ่านเหมือนกัน
ส่วนเรื่องพระพุทธรูปสุโขทัยหรือพระนิพนธ์เจ้าฟ้ากุ้งที่คุณยกมา ในส่วนตัวดิฉันก็เห็นตามนั้น จะเอาไปซักถามที่ไหนดิฉันก็ยังเห็นพระพุทธรูปสุโขทัยงามกว่ายุคอื่นจริงๆ พระนิพนธ์เจ้าฟ้ากุ้งดิฉันก็ว่าไพเราะกว่ากาพย์เห่เรือของทุกยุค
สมมุติว่ามีคนจำนวนมากในประเทศเห็นอย่างดิฉัน มากกว่าคนที่เห็นต่างจากดิฉัน แล้วจะไม่ให้แสดงความคิดแบบนี้ออกมาหรือ
หรือต่อให้ใจคิดยังไงก็ต้องยืนยันว่า "เปรียบเทียบกันไม่ได้" อยู่ดี งั้นศิลปะมันก็เท่ากันไปหมดน่ะซีคะ