พิจารณาจากรูปสลักเขมรใน คคห. 16 ที่คุณ Navarat.C ลงไว้ให้ดู จะเห็นว่าฉัตรเขมรโบราณนั้น มีพนักงานเชิญฉัตร และจัดชั้นยศกันโดยจำนวนฉัตร มิใช่จำนวนชั้นของฉัตรครับ
เรื่องนี้น่าสนใจ ถึงแม้ว่าเราจะยืนยันไม่ได้ว่าอยุธยาหรือรัตนโกสินทร์รับแนวคิดเรื่องฉัตรนี้มาจากเขมร แต่น่าสังเกตว่าฉัตรหลายชั้นที่เป็นเครื่องยศอย่างรัตนโกสินทร์ที่เราคุ้นเคยนี้ ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการบังแดดเลย เนื่องจากฉัตรมีขนาดเล็ก, บังอยู่เหนือศีรษะพอดี และสูงขึ้นไปจากศีรษะมาก แม้แดดยามเที่ยงซึ่งเอียง 15 องศาก็ดูเหมือนจะกำบังไม่ได้ด้วยซ้ำไปครับ ดังนั้นมีความหมายในเชิงสัญญลักษณ์เป็นเพียงเครื่องยศได้อย่างเดียวเท่านั้น
ถ้าพิจารณาที่มาที่ไปของเครื่องยศแต่ละอย่างนั้น น่าจะต้องมีเหตุมาจากวัตถุประสงค์ในการใช้งานมากกว่า ซึ่งแน่นอนว่าฉัตรแบบเขมรโบราณนั้นตอบคำถามนี้ได้ครับ
สาส์นสมเด็จ อธิบายเรื่องฉัตรดังนี้
ฉัตร มาจากภาษาสันสฤต แปลว่า "ร่ม" เกิดจากใบบัวที่ถือบังศีรษะ ต่อเมื่อมีร่มก็ใช้แทนสัญลักษณ์เครื่องยศกษัตริย์ตามอย่างอินเดีย และกันกันทั่วเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ฉัตรของไทยมี ๖ อย่าง คือ ฉัตรชั้นเดียว ๒ ชั้น ๓ ชั้น ๕ ชั้น ๗ ชั้น และ ๙ ชั้น
การนิยมว่า ฉัตรเป็นของตนเอง ๑ ชั้น ส่วนชั้นที่เหนือกว่านั้นเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะเหนือทิศอื่น ๆ ฉัตรชั้นเดียวเรียกว่า "พระกลด" มีการระบายที่ขอบบ่งบรรดาศักดิ์"