เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 13 14 [15] 16 17 18
  พิมพ์  
อ่าน: 18985 สัตว์ประหลาด ๖
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12605



ความคิดเห็นที่ 210  เมื่อ 08 ม.ค. 24, 10:35

มีเรื่องแปลก ๆ เกี่ยวกับปลาอีกแล้ว คราวนี้เกิดที่ฟิลิปปินส์

เมื่อวานนี้ (๗ มกราคม ๒๕๖๗) ปลาซาร์ดีนจำนวนมากถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยตื้นที่ชายหาดติโนโต้  เมืองมาซิม จังหวัดซารังกานี เกาะมินดาเนา ชาวบ้านต่างแห่มาเก็บ ได้คนละ ๒๐-๓๐ กิโลกรัมโดยเชื่อว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้า



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 211  เมื่อ 12 ม.ค. 24, 19:14

ถามคุณเพ็ญชมพู  และ/หรือ ผู้รู้ท่านอื่นๆที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้
น้องอ๋อได้ชื่อว่า "ปลาแผ่นดินไหว"  โผล่มาทีไรก็มักจะมีคลื่นสึนามิตามมา    ส่วนปลาที่ขึ้นมาตายเป็นก่ายเป็นกองนั้นก็อาจจะหนีจากแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำเช่นกันก็ได้
ถ้าหากว่าเป็นสึนามิที่เพิ่งเกิดในญี่ปุ่น   เราก็ได้คำตอบแล้วเรื่องนี้  แต่อ่านแล้วอดวิตกไม่ได้ก็คือ น้องอ๋อและปลาหนีจากเหตุร้ายใต้ทะเลที่ยังไม่ปรากฏให้เห็นริมฝั่งหรือเปล่า  สึนามิครั้งใหม่จะมาเยือนแบบพวกเราไม่ทันตั้งรับอีกไหม
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12605



ความคิดเห็นที่ 212  เมื่อ 13 ม.ค. 24, 09:35

(๑) เรื่องความสัมพันธ์ของน้องอ๋อกับเรื่องแผ่นดินไหว  ในเว็บ naturalnews รายงานการศึกษาวิจัยของศาสตราจารย์โยชิอากิ โอริฮาระ (織原義明) จากมหาวิทยาลัยโตไก (東海大学) เรื่องความเป็นไปได้ที่อาจมีความเชื่อมโยงกันระหว่างการพบเห็นปลาออร์กับแผ่นดินไหว และสรุปว่าไม่พบความเกี่ยวข้องใด ๆ

"ปลาออร์มากมายถูกพบในทะเลญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาวปี ๒๐๐๙ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น"

(๒) สำหรับปรากฏการณ์  "ปลาเต็มหาด" ที่ฟิลิปปินส์ รายงานข่าวจาก หนังสือพิมพ์ฟิลิปปินส์ กล่าวว่า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของสภาพแวดล้อมในทะเล เช่น อุณหภูมิของน้ำทะเล ทิศทางของคลื่น และแพลงค์ตอนซึ่งเป็นในอาหารของปลานั้นมีจำนวนลดลง

นาย Cirilo Aquadera Lagnason Jr. เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน the Protected Area Management Office of the Sarangani Bay Protected Seascape เผยว่า ปรากฏการณ์ ปลาซาร์ดีนวัยเยาว์ ลอยผิวน้ำ มาจนเต็มชายหาดนี้ ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ถึงการเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล ดังเช่นบางคนไปตีความกันตามตำนานเรื่องเล่าโบราณที่เตือนถึงภัยพิบัติที่จะตามมา แม้ว่าจะแปลกแต่ก็อธิบายได้ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 213  เมื่อ 13 ม.ค. 24, 10:56

ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 214  เมื่อ 15 ม.ค. 24, 10:21

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12605



ความคิดเห็นที่ 215  เมื่อ 15 ม.ค. 24, 17:35

วาฬโอมูระ (Balaenoptera omurai) ตั้งชื่อตามสกุลของผู้ค้นพบคือ ฮิเดโอะ โอมูระ (大村秀雄) นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลชาวญี่ปุ่น

ในเมืองไทยพบวาฬโอมูระที่อ่าวไทยตอนใต้แถวจังหวัดปัตตานีและนราธิวาส ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณะบดีคณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ ให้ข้อมูลเมื่อปีก่อนว่าเหลือเพียง ๑๕ ตัวเท่านั้น

อีกข่าวหนึ่งซึ่งฮือฮาไม่แพ้ข่าวพบน้องอ๋อในเมืองไทย (หรือจะรองลงมาหน่อย) ยิงฟันยิ้ม

ลำพังวาฬโอมูระ ถือว่าหายากในโลกอยู่แล้ว พบเฉพาะเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปถึงตอนใต้ญี่ปุ่น

ในไทยมีรายงานน้อยกว่าบรูด้าอย่างเห็นได้ชัด ปรกติจะเจอฝั่งอันดามัน ในอ่าวไทยมีบ้างแต่น้อยกว่า และอยู่ลงไปทางใต้ ไม่ค่อยเข้ามาในอ่าวไทยตอนใน

โอกาสที่เราลงเรือดูวาฬแถวสมุทรสงคราม/เพขรบุรีแล้วเจอวาฬโอมูระแทบไม่มี ส่วนใหญ่มักเป็นนักท่องเที่ยวไปสิมิลัน สุรินทร์ พีพี เกาะรอบภูเก็ต ที่รายงานเข้ามา

เมืองนอกก็ยิ่งหายาก อันที่จริง เมืองไทยที่ว่าหายาก ยังรายงานการพบเจอเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

แล้วถ้าเป็นโอมูระเผือกล่ะ ?

เรามีวาฬเผือกรายงานแรกของไทย และน่าจะเป็นวาฬโอมูระเผือกรายงานแรกของโลกด้วย



คุณก้อย เจ้าของคลิป ระบุรายละเอียดชัดเจน

วันที่พบ : วันจันทร์ที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๖.๐๐ น. สถานที่พบ : ระยะประมาณ ๙ กิโลเมตร ทางใต้ของเกาะคอรัล (เกาะเฮ) จังหวัดภูเก็ต

พบวาฬสองตัวที่คิดว่าน่าจะเป็นวาฬชนิดเดียวกัน ว่ายอยู่ด้วยกัน ตัวหนึ่งมีสีขาวสวยงาม อีกตัวหนึ่งสีปรกติ  บ้านเรา (คุณก้อย) ตั้งชื่อน้องว่า "ถลาง"  สำหรับวาฬสีขาว และ "บูกิต" สำหรับวาฬสีปรกติ

วาฬโอมูระต่างจากบรูด้าชัดสุดคือสันบนหัว โอมูระมี ๑ เสัน บรูด้ามี ๓ เสัน

ภาพจากคลิปพอบอกได้ว่า วาฬเผือกตัวนี้มีสันเดียว เป็นวาฬโอมูระ หมายความว่าเป็นดับเบิ้ลหายาก !

วาฬเผือกที่เรารู้จักกันดีคือโมบี้ดิ๊ก วาฬหัวทุย หรือ วาฬสเปิร์ม (Physeter macrocephalus) สุดโหด แต่นั่นเป็นนิยาย

ถ้าเป็นตัวจริงในยุคนี้ Migaloo วาฬหลังค่อมเผือก (Megaptera novaeangliae) แห่งออสเตรเลีย มีคนเจอตั้งแต่ ๑๙๙๑ แต่ตอนนี้สงสัยว่ายังอยู่หรือไม่

วาฬบรูด้าหรือวาฬโอมูระในไทย ปรกติเคลื่อนที่ไปมาในระยะใกล้ ต่างจากวาฬหลังค่อมในออสเตรเลียที่อพยพไปมาไกล ๆ

แต่ก็เป็นไปได้ว่าวาฬเผือกตัวนี้อาจเป็นกลุ่มที่อพยพไกลกว่า ทำให้ไม่ค่อยเจอ ไม่มีรายงาน

ข้อมูลจากเฟซบุ๊กของ อาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กำลังออกค้นหา "น้องถลาง" วาฬโอมูระเผือกตัวแรกของไทยอยู่อย่างขะมักเขม้น หวังว่าคงจะพบในไม่ช้า  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 216  เมื่อ 17 ม.ค. 24, 16:31

ปลอดภัยแล้ว! ช่วย 'โลมาหลังโหนก' ถูกเชือกและทุ่นรัดตัว

16 ม.ค.67 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายแสงสุรี ซองทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ว่าเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 3 จังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จังหวัดตรัง (ศอท. จ.ตรัง) ได้ออกปฏิบัติการติดตามและเข้าช่วยเหลือโลมาหลังโหนกมีชีวิต บริเวณหน้าหาดมดตะนอย ซึ่งได้รับแจ้งในวันเดียวกัน ว่าพบโลมาหลังโหนกมีชีวิตถูกเชือกพร้อมทุ่นลอยพันรัดที่บริเวณโคนหาง ว่ายน้ำอยู่บริเวณหาดหยงหลิง ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม อ.กันตัง จ.ตรัง

คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบและติดตามช่วยเหลือโลมาหลังโหนกตัวดังกล่าว โดยได้นำเรือยางขนาดเล็ก เรือสปีดโบ๊ต และเรือพาดหางยาว จำนวน 9 ลำ พยายามเข้าช่วยเหลือโลมาโดยการใช้อวนล้อมและกระโดดจับเพื่อทำการปลดเชือกที่โคนหาง ซึ่งใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง จึงสามารถจับตัวโลมาและปลดเชือกพันรัดที่โคนหางได้สำเร็จ จากการตรวจสอบพบว่าโลมาติดเชือกลอบหมึกสาย(กุ๊งกิ๊ง) ขนาดยาวประมาณ 1.2 เมตร และมีอิฐบล๊อกถ่วงอยู่ด้านล่าง ทั้งนี้สัตวแพทย์ประเมินอาการสัตว์เบื้องต้นพบว่าโลมามีขนาดประมาณ 1.7 เมตร อยู่ในช่วงวัยรุ่น สัตว์ยังมีการตอบสนองดี สามารถว่ายน้ำทรงตัวได้ พบบาดแผลถลอกบริเวณครีบหลังและใต้โคนหางไม่เป็นบาดแผลฉกรรจ์ จึงทำการรักษาโดยการให้ยาลดปวดและยาแก้อักเสบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ก่อนทำการปล่อยกลับสู่ธรรมชาติทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับชุมชนในพื้นที่ให้ช่วยเฝ้าระวังหากพบการเกยตื้นซ้ำในพื้นที่ต่อไป
https://www.naewna.com/likesara/781156

ถามคุณหมอเพ็ญ
โลมาหลักโหนก  เป็นโลมาประเภทไหน   หายากไหมคะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 217  เมื่อ 17 ม.ค. 24, 16:35

มันใหญ่มาก! 'งูจงอางยักษ์'โผล่สนามกอล์ฟลพบุรี ชาวบ้านบอกยังมีตัวสีทองอีก
17 มกราคม 2567 เมื่อเวลา 12.00 น. ทางศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัย สมาคมกู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์ รับแจ้งขอความช่วยเหลือให้จับงูจงอาง ขนาดใหญ่ เลื้อยเข้ามาในสนามหญ้าของสนามกอล์ฟ หลังรับแจ้งจึงได้แจ้งให้อาสากู้ภัยโคกสำโรงสังเคราะห์ มีความชำนาญด้านการจับอสรพิษ พร้อมอุปกรณ์เดินทางไปจับงูจงอางขนาดใหญ่ ภายในสนามกอล์ฟ นารายณ์ฮิลล์ เลขที่ 23 หมู่ 5 ต.วังเพลิง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี 

เมื่อไปถึงพบงูจงอางสีดำขนาดใหญ่ เลื้อยอยู่บนพื้นหญ้าสนามกอล์ฟเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันไล่ต้อน ก่อนจะใช้อุปกรณ์เป็นเชือกทำเป็นบ่วงคล้องงูได้สำเร็จ จากนั้นนำใส่กระสอบมายังศูนย์กู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง แล้วนำงูช่างน้ำหนักและวัดความยาว โดยชั่งน้ำหนักได้ 12 กิโลกรัม และวัดความยาวได้ 4  เมตร 20 เซนติเมตร จากนั้นนำตัวงูใส่ถังพลาสติกที่เจาะรูไว้ เพื่อนำส่งสวนสัตว์สระแก้วลพบุรี ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรีต่อไป 

เจ้าหน้าที่กู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์ จับงูจงอางตัวดังกล่าว เปิดเผยว่า งูจงอางขนาดใหญ่เช่นนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ตัวเองได้ลงมือจับ และมีขนาดใหญ่เหมือน 2 ตัวที่แล้ว

นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลจากชาวบ้านในละแวกดังกล่าวมาว่า ยังเคยเห็นงูจงอางสีเหลืองทองขนาดใหญ่ อยู่บริเวณจุดที่จับอีกด้วย คาดว่าน่าจะเป็นคู่ของมัน คาดว่าเหตุที่งูชุกชุมเป็นเพราะอากาศร้อน งูจึงออกมาหาน้ำและอาหารกิน
https://www.naewna.com/likesara/781280


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12605



ความคิดเห็นที่ 218  เมื่อ 17 ม.ค. 24, 18:35

ถามคุณหมอเพ็ญ โลมาหลักโหนก  เป็นโลมาประเภทไหน   หายากไหมคะ

โลมาหลังโหนก (Sousa chinensis) มีอีกชื่อหนึ่งคือ โลมาสีชมพู ตอนเด็ก ๆ มีสีเทาเข้ม พอโตเต็มวัยแล้ว สีค่อย ๆ เปลี่ยนจากหลอดเลือดใต้ผิวหนังพัฒนาเพื่อการรักษาอุณหภูมิในร่างกาย ทำให้ตัวเริ่มเป็นสีชมพู เริ่มจากรอยด่าง ยิ่งแก่ยิ่งเปลี่ยนเป็นสีชมพูทั้งตัว

โลมาสีชมพู อาศัยตามชายฝั่งแม่น้ำ ปากแม่น้ำ และป่าชายเลนในเขตร้อน มีการแพร่กระจายตั้งแต่ตอนใต้ของจีน อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย มหาสมุทรอินเดีย และตอนใต้ของแอฟริกา ประเทศไทยพบตามชายฝั่งเกือบทั่วประเทศ ตามข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในอ่าวไทยมีประมาณ ๒๓๐ ตัว อันดามันมีประมาณ ๓๐๐ ตัว

โลมาสีชมพูมีสถานภาพเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัตืสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕



โลมาตามข่าวที่ได้รับการช่วยเหลือตามข่าวอยู่ในช่วงวัยรุ่น  จึงมีสีออกคล้ำ ๆ ยังไม่เป็นสีชมพู ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 219  เมื่อ 18 ม.ค. 24, 13:21

ขอบคุณค่ะ  ยิงฟันยิ้ม
เอาสัตว์ประหลาด  เพราะไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่ควรอยู่  และไม่รู้ว่าไปอยู่ได้ยังไง  มาฝากอีกตัวค่ะ
ส่วนตัวเลขตอนท้าย   ผลออกมาแล้ว   จึงไม่ถือว่าเรือนไทยใบ้เลขเด็ดนะคะ

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12605



ความคิดเห็นที่ 220  เมื่อ 19 ม.ค. 24, 17:35

งูที่มีลักษณะลายขาวสลับดำอย่างตัวที่พบบนเครื่องบิน มีคล้าย ๆ กันอยู่ ๒ ตัว คือ งูทับสมิงคลา (Bungarus candidus) และ งูปล้องฉนวนตับจาก (Lycodon davisonii)

งูทับสมิงคลา เป็นงูพิษอันตราย มีลำตัวค่อนข้างกลม มีสันเล็กน้อย แต่ไม่ชัดเจนอย่างงูสามเหลี่ยม มีลายสีขาวสลับกับสีดำ ในบางตัวเกล็ดสีขาวมีสีดำแซม เต็มวัยบางตัวมีสีขาวอมเหลืองอ่อน ๆ สลับกับสีดำ ท้องมีสีขาว ลายสีดำจะไม่คาดถึงท้องแบบงูสามเหลี่ยม

ส่วนงูปล้องฉนวนตับจาก เป็นงูไม่มีพิษ ลำตัวเรียวยาว สีลำตัวเป็นปล้องสีดำ หรือบางตัวสีออกสีน้ำตาล สลับกับสีขาว หรือสีขาวครีมอมเหลือง แก้มขาว ลักษณะปล้องไม่รอบไปถึงด้านท้อง ท้องสีขาว ลายที่หางจะเป็นลายถี่ ๆ


งูทับสมิงคลาเกล็ดกลางสันหลังเป็นเกล็ดขนาดใหญ่ลักษณะเป็นรูปหกเหลี่ยม ลักษณะนี้ใช้จำแนกกับกลุ่มงูปล้องฉนวนที่เป็นงูไม่มีพิษ กลุ่มงูปล้องฉนวนเกล็ดมีลักษณะเท่าๆ กัน

ข้อมูลจาก Nick Wildlife

จะชี้ชัดว่าเป็น งูทับสมิงคา หรือ งูปล้องฉนวนตับจาก  คงต้องดูตัวจริง จะแน่นอนกว่าดูในภาพจากข่าว ยิงฟันยิ้ม



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 221  เมื่อ 22 ม.ค. 24, 19:13

ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจมากในขณะนี้ หลังจากมีนักท่องเที่ยวสาวรายหนึ่ง ได้ไปพักผ่อนดำน้ำทะเลลึก ปรากฏว่ากลับเจอสัตว์หน้าตาประหลาด ตัวสีใสมากจนสามารถมองทะลุผ่านลำตัวไปได้ อีกทั้งมีความยาวกว่า 2 เมตรอีกด้วย

โดยเธอได้อัดคลิปมีความยาว 28 วินาที เป็นภาพบรรยากาศขณะที่พยายามจะแหวกว่ายเพื่อขึ้นเหนือน้ำ แต่กลับมีตัวประหลาดดังกล่าวได้ว่ายมาใกล้ตัวสาวรายนี้

ซึ่งเธอก็ได้นำเรื่องราวมาโพสต์ลงกลุ่มเฟซบุ๊กนี่ตัวอะไร พร้อมเขียนแคปชั่นระบุว่า “ตัวอะไรคะ” ภายหลังจากที่โพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตมากมายต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพากันสงสัยล้นหลาม ซึ่งก็มีความเห็นจากชาวเน็ตบางส่วนบอกว่าอาจจะเป็น ซาล์ป หรือ Salp

้้หรือที่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มักจะเรียกว่า Jelly balls เป็นสัตว์โปร่งใส ขนาดยาว 1-10 เซนติเมตร ลักษณะกลม ตรงกลางป่อง อาหารของซาล์ปคือสาหร่าย เป็นเซลล์เดียวที่มีมากมายในทะเล และยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ด้วย
https://www.dailynews.co.th/news/3105818/?fbclid=IwAR1AWM3rNl1i8PyuQGtorRB6ZBx4NLI1R0DOwTZVpxW2nW7dVituxrUlypc



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12605



ความคิดเห็นที่ 222  เมื่อ 23 ม.ค. 24, 09:35

"ซาล์ป" พบได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน โดยทั่วไปนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวทะเล เพื่อเพียงแต่ว่ายน้ำเล่น หรือเดินเล่นบนชายหาด มักพบลอยอยู่บนผิวน้ำ หรืออยู่บนชายหาด

ดังเช่นข่าวเมื่อประมาณ ๓ ปีที่แล้ว ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Sitthichoke Jitiwong โพสต์ถามเจอสิ่งมีชีวิตประหลาดในทะเล ว่า "มันคืออะไรครับ? จากทะเลบางสะพานใสๆ คล้ายๆ วุ้นมะพร้าว เหมือนไม่เคลื่อนไหวมีหลายขนาด" พร้อมกับลงรูปประกอบ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นมีผู้เชี่ยวชาญมาคอมเมนต์ในแนวทางเดียวกัน พร้อมชี้แจงว่าภาพดังกล่าวคือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ในท้องทะเล หรือที่นักวิทยาศาสตร์มักจะเรียก Salp สิ่งมีชีวิตตัวใสแห่งท้องทะเล หรือที่นักวิทยาศาสตร์มักจะเรียกพวกว่า Jelly Balls เป็นสัตว์ทะเลที่มีรูปร่างเป็นทรงกระบอก ลำตัวใสจนสามารถมองทะลุได้ ความยาวประมาณ ๑๐ เซนติเมตร แต่มักพบอยู่ร่วมกันเป็นแพยาวใกล้กับผิวน้ำ ในบางครั้งอาจยาวได้เกือบ ๑ เมตร และใช้วิธีการเคลื่อนที่โดยการสูบน้ำผ่านลำตัว

กินสาหร่ายทะเลเป็นอาหาร มันจะเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในสาหร่ายให้กลายเป็นของแข็ง แล้วปล่อยมูลตกลงสู่ก้นมหาสมุทร ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในทะเลได้ และเมื่อตายลงก็จะดึงก๊าซคาร์บอนลงไปก้นทะเลไปพร้อมกับตัวเองด้วย มีวงจรชีวิตเพียงแค่ ๒  สัปดาห์ไม่มีพิษภัยกับคน เป็นสัตว์ที่สามารถแพร่พันธุ์ได้เร็วที่สุดในโลก แต่ก็น่าเสียดายที่พวกมันไม่มีคุณค่าทางอาหารใด ๆ เลย แต่ว่าสามารถช่วยลดโลกร้อนได้

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12605



ความคิดเห็นที่ 223  เมื่อ 23 ม.ค. 24, 09:35

ครั้งนี้เป็นคลิปของคุณ ช็อคโกบี่ม พีช ดำน้ำบริเวณเกาะตุกนลิมา หรือเกาะห้า ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ สีสันและลวดลายของ "ซาล์ป" ดูประหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดดำน้ำของนางแบบ ยิงฟันยิ้ม

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 224  เมื่อ 27 ม.ค. 24, 11:19

สายมูแตกตื่นรอยพญานาคโผล่ในวัดป่าที่บ้านผือเลื้อยเป็นทางยาวจากรูปปั้นลงสระน้ำ

คอหวย สายมูแตกตื่น พบรอยประหลาดเชื่อเป็นรอยพญานาคโผล่ในวัดป่าที่อำเภอบ้านผือ อุดรธานี เลื้อยเป็นทางยาวจากรูปปั้นพญานาคลงสระน้ำ เชื่อเป็นรอยพญานาคมาร่วมบุญสวดถอดอุโบสถ เผยเลขเด็ด 567

วันนี้ (27 ม.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจพระลิน สุจิตโต ได้โพสต์คลิปวีดีโอพร้อมข้อความว่า "เจอรอยปริศนาคล้ายลอยพญานาค" ซึ่งคลิปดังกล่าวถูกโพสต์ไปเมื่อวันที่ 25 ม.ค.67 คืนวันพระขึ้น 15 ค่ำ ในคลิปพบว่าเป็นรอยสีขาวคดเคี้ยวเป็นทางยางดูแล้วน่าจากเลื้อยจากสระน้ำขึ้นมายังรูปปั้นพญานาคที่ตั้งอยู่ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังวัดป่าดอนบ้านเทือง ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพระลิน เมื่อไปถึงพบประชาชนจำนวนมากอยู่ที่วัดเพื่อมาดูรอยประหลาดคล้ายพญานาคดังกล่าว


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 13 14 [15] 16 17 18
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.046 วินาที กับ 20 คำสั่ง