เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 75 เมื่อ 29 พ.ค. 15, 08:47
|
|
ท่านผู้หญิงเล่าว่า เมื่อมีข่าวว่าท่านจะได้รับพระราชทานตราจุลจอมเกล้า เป็น "คุณหญิง" โดยสมบูรณ์ มีผู้มีพระคุณแสดงความเมตตาจะช่วยแต่งตัวเต็มยศให้ท่านถึง 3 ราย คือ 1 พระองค์เจ้าอัจฉรพรรณี 2 เจ้าจอมมารดาชุ่ม 3 พระองค์เจ้านารีรัตนา และพระองค์เจ้าประดิษฐาสารี ทั้งนี้เป็นมาจากธรรมเนียมของเจ้านายฝ่ายในสมัยนั้น ว่าถ้าท่านมีญาติพี่น้องหรือพวกพ้องได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานตราจุลจอมเกล้า ก็ถือเป็นหน้าเป็นตาของเจ้านายด้วย จึงจะมาช่วยแต่งตัวให้ การแต่งตัวในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเจ้านายเหล่านั้นจะมาช่วยสวมเสื้อนุ่งโจงกระเบนให้ แต่หมายถึงมากำกับให้แต่งตัวถูกแบบแผน เพราะการแต่งกายในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่อิทธิพลตะวันตกเข้ามาแล้ว เป็นการแต่งกายที่มีระเบียบแบบแผนละเอียดลออและประณีตมาก จะผิดเพี้ยนหรือขาดตกบกพร่อง ไม่ครบถ้วน ไม่ได้เลย การแต่งกายเต็มยศของสตรีชั้นสูงคือสวมถุงเท้ายาวฉลุลวดลาย ตามแฟชั่นตะวันตก รองเท้าส้นสูงหุ้มส้น ผ้านุ่งโจงกระเบนเป็นผ้าไหมอย่างดี เสื้อต้องเป็นเสื้อแพร แขนยาว คอตั้ง ติดริบบิ้น ตัวเสื้อต้องประดับลูกไม้อย่างงามเย็บด้วยฝีมือประณีต ที่สำคัญคือคุณหญิงในยุคนั้นต้องมีแพรสะพายประกอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นสายสายสะพายแพรสีชมพูปักตราจุลจอมเกล้า สะพายจากบ่าซ้ายลงมาถึงเอวขวาก็รวบเข้าด้วยกัน แพรนี้ไม่ใช่ผืนแพรตรงๆ แต่ตัดให้คอดและผายออกตรงกลาง ตรงบ่าและตรงเอวคอดเข้าไป ปักดิ้นและไหมเป็นรูปดวงตราจุลจอมเกล้าตรงชายสายสะพาย ชายละดวง บนผืนแพรปักดิ้นเป็นอักษร จ.จ.จ. เป็นระยะตลอดผืน ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลาไม่ได้เล่าว่า แพรสะพายนั้นทางสำนักพระราชวังจัดหาให้ หรือว่าผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯต้องมาปักกันเอง เล่าแต่ว่าเป็นเครื่องยศที่โปรดเกล้าฯวางระเบียบไว้ แต่จะเป็นอย่างไหนก็ตาม ก็ถือว่าการเป็นผู้รับตราฯในสมัยนั้น มีพิธีรีตองและการเตรียมตัวที่อลังการมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 76 เมื่อ 29 พ.ค. 15, 08:55
|
|
ปัญหาเรื่องใครจะมาแต่งตัวให้ท่านผู้หญิง ในเมื่อมีสตรีสูงศักดิ์ถึง 3 พระองค์และ 1 ท่านแสดงความจำนงพร้อมกัน เจ้าจอมมารดาชุ่มเป็นคนตัดปัญหาให้ โดยขอให้ท่านผู้หญิงตกลงถวายหน้าที่นี้ให้พระองค์เจ้าอัจฉรพรรณี เจ้าจอมมารดาชุ่มท่านให้เหตุผลน่าฟังน่านับถืออย่างผู้ใหญ่มาก ว่า ตัวท่านและพระองค์เจ้าอีก 2 พระองค์นั้น ยังไงก็ถือว่าท่านผู้หญิงกลีบเป็นญาติอยู่แล้ว จะแต่งตัวหรือไม่แต่งตัวก็ยังเป็นญาติกันเช่นเดิม ส่วนพระองค์เจ้าอัจฉรพรรณี ทรงเป็นพระเชษฐภคินีของกรมหลวงราชบุรีฯ เจ้านายโดยตรงของพระยาจักรปาณีฯ หากว่าท่านผู้หญิงไม่รับพระเมตตา อาจจะน้อยพระทัยได้ ที่ละไว้ไม่ต้องพูดกันมากกว่านี้ก็คือ เกรงว่าจะมีผลกระทบถึงพระยาจักรปาณีไม่มากก็น้อย
ก็ถือว่าผู้ใหญ่สมัยนั้นคิดอะไรกว้างไกลและรอบคอบ ถึงเหตุการณ์อาจไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่กริ่งเกรง แต่ป้องกันไว้ก่อนไม่ให้เกิดขึ้นได้ก็ดีกว่าปล่อยให้เกิดขึ้นแล้วมาแก้กันทีหลัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อ 29 พ.ค. 15, 09:12
|
|
ที่สำคัญคือคุณหญิงในยุคนั้นต้องมีแพรสะพายประกอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นสายสายสะพายแพรสีชมพูปักตราจุลจอมเกล้า สะพายจากบ่าซ้ายลงมาถึงเอวขวาก็รวบเข้าด้วยกัน แพรนี้ไม่ใช่ผืนแพรตรงๆ แต่ตัดให้คอดและผายออกตรงกลาง ตรงบ่าและตรงเอวคอดเข้าไป ปักดิ้นและไหมเป็นรูปดวงตราจุลจอมเกล้าตรงชายสายสะพาย ชายละดวง บนผืนแพรปักดิ้นเป็นอักษร จ.จ.จ. เป็นระยะตลอดผืน รายละเอียดเรื่องแพรห่มสีชมพูมีอยู่ในพระราชบัญญัติเครื่องราชอิศริยาภรณ์สำหรับตระกูลจุลจอมเกล้า รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๒ (ฝ่ายใน) พระราชบัญญัติฯ มาตรา ๑๖ นั้นว่าดังนี้
“มาตรา ๑๖ เครื่องยศสำหรับสมาชิกฝ่ายในนั้น คือ
แพรห่มสีชมภูปักดิ้นเลื่อมลายทอง
ชั้นที่ ๑ ปักเป็นอักษร จ.๓ ตัวไขว้กันเป็นหย่อม กว้าง ๒ นิ้ว มีใบชัยพฤกษ์เป็นแหย่ง ชายผ้ามีรูปตราปฐมจุลจอมเกล้า
ชั้นที่ ๒ ปักลายอย่างเดียวกับที่ ๑ แต่หย่อมกว้างเพียงนิ้วกึ่ง ชายผ้าเป็นรูปตราวิเศษของทุติยจุลจอมเกล้า
ชั้นที่ ๓ ปักเป็นอักษร จ.๓ ตัว เป็นหย่อมกว้างนิ้วหนึ่ง ไม่มีแหย่ง ชายผ้าเป็นรูปดวงตราตติยจุลจอมเกล้า แต่กลางดวงตราเป็น จ.๓ ตัว แทนพระบรมรูป
ชั้นที่ ๔ ปักเป็นหย่อมอย่างชั้นที่ ๒ แต่หย่อมกว้างเพียงกึ่งนิ้ว เป็นดอกรายไป ชายผ้าเป็นรูปดวงตราจตุตถจุลจอมเกล้า แต่ใช้อักษร จ.๓ ตัวแทนพระบรมรูป”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 78 เมื่อ 29 พ.ค. 15, 18:58
|
|
พิธีอีกอย่างหนึ่งที่คุณหญิงในสมัยนั้นต้องเข้าร่วม คือพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของบรรดาข้าราชการ ซึ่งมาล้มเลิกไปหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 ในฐานะภรรยาเอก คุณหญิงกลีบต้องสวมเสื้อขาวนุ่งผ้าขาว สะพายแพรปัก และประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เต็มยศ ตามสามีเข้าไปร่วมพิธีที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว ในรัชกาลต่อมาก็โปรดเกล้าฯให้ย้ายไปทำพิธีที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เป็นพิธีที่มีสีสันอย่างหนึ่งคือ ภรรยาเอกนุ่งขาวห่มขาว ส่วนภรรยาน้อยทั้งหลายแต่งสีต่างๆตามเข้าไปเป็นขบวนด้วย เนื่องจากสังคมไทยไม่ได้กีดกันเมียน้อย มีกฎหมายรองรับ งานที่เมียหลวงพาเมียน้อยมาร่วมด้วยจึงกลายเป็นงานประกวดประขันกันอยู่ในที ว่าขบวนของท่านขุนนางคนใดดูโอ่อ่ากว่ากัน เป็นหน้าที่เมียหลวงจะจัดหาเสื้อผ้าเครื่องประดับให้เหมาะสมกับนางเล็กๆของสามี อย่าให้อายบ้านอื่นได้ แต่ในเรื่องนี้ ไม่ได้บรรยายว่าอนุภรรยาคนอื่นๆของเจ้าคุณจักรปาณีได้ติดตามขบวนเข้าไปด้วยหรือไม่ หรือว่ามีแต่คุณหญิงกลีบคนเดียว ในรัชกาลที่ 6 และ 7 ธรรมเนียมนุ่งขาวห่มขาวของสตรีบรรดาศักดิ์หมดไป เปลี่ยนเป็นแต่งสีสันต่างๆแล้วแต่สมควร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อ 30 พ.ค. 15, 08:36
|
|
ชะตาที่กำลังโชติช่วงเหมือนพลุของพระยาจักรปาณีและคุณหญิง จู่ๆก็มีอันตกวูบลงไปอย่างไม่มีใครนึกถึง เมื่อเกิดคดี "พญาระกา" ขึ้น เป็นเหตุให้กรมหลวงราชบุรีฯทรงถวายบังคมลาออกจากราชการอย่างกะทันหัน (อ่านได้ที่กระทู้ เจ้าพระยามหิธร ค่ะ) เมื่อเจ้านายลาออกจากราชการ พระยาจักรปาณีในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาก็ต้องลาออกไปด้วย ทั้งๆที่ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องกับต้นสายปลายเหตุ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่โตชนิดดับอนาคตของท่านได้ในพริบตา แม้ว่ากรมขุนศิริธัชสังกาศ เจ้านายที่ทรงพระเมตตาพระยาจักรปาณีมาก ได้เสด็จรีบรุดเข้ามาแก้ไขปัญหา ผ่อนหนักเป็นเบาได้ทันเวลา อนาคตของพระยาจักรปาณีก็เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย จะขาดร่วงลงไปเมื่อใดก็ได้ คุณหญิงกลีบในฐานะผู้บริหารกิจการครอบครัว ก็เจอปัญหาหนักเฉพาะหน้าเข้าให้อย่างไม่นึกไม่ฝัน เนื่องจากในสมัยนั้น ครอบครัวข้าราชการอยู่ได้เพราะเงินเดือนหัวหน้าครอบครัว ซึ่งมีมากพอจะเลี้ยงลูกเมียบริวารนับร้อยได้สบายๆ ดีกว่าทำการค้าเสียอีก เป็นที่มาของคำว่า "สิบพ่อค้าไม่เท่าพญาเลี้ยง" ถ้าหากว่าพ่อบ้านต้องออกจากราชการ ไม่มีเงินเดือน ก็ถือว่าครอบครัวแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัวลงในบัดนั้น เพราะทรัพย์สินอื่นๆเช่นหุ้นล้านๆหุ้น หรือรีสอร์ทส่วนตัว หรือที่ดินกลางใจเมืองราคาพันล้าน ยังไม่ถือกำเนิดในสังคมไทย ที่ดินที่มีในสมัยนั้นก็มีเฉพาะเอาไว้ปลูกบ้านอยู่ หรือได้มรดกสวนจากบรรพบุรุษให้คนอื่นเช่าเดือนละไม่กี่สตางค์ ดังนั้นเมื่อรายได้จากสามีทำท่าจะหมดลงในวันใดก็ได้ คุณหญิงกลีบก็ต้องขวนขวายหารายได้มาเลี้ยงลูก และบริวารในบ้านด้วยตัวเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 81 เมื่อ 30 พ.ค. 15, 09:03
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Anna
|
ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อ 31 พ.ค. 15, 10:38
|
|
พิธีอีกอย่างหนึ่งที่คุณหญิงในสมัยนั้นต้องเข้าร่วม คือพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของบรรดาข้าราชการ ซึ่งมาล้มเลิกไปหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 ในฐานะภรรยาเอก คุณหญิงกลีบต้องสวมเสื้อขาวนุ่งผ้าขาว สะพายแพรปัก และประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เต็มยศ ตามสามีเข้าไปร่วมพิธีที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว ในรัชกาลต่อมาก็โปรดเกล้าฯให้ย้ายไปทำพิธีที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เป็นพิธีที่มีสีสันอย่างหนึ่งคือ ภรรยาเอกนุ่งขาวห่มขาว ส่วนภรรยาน้อยทั้งหลายแต่งสีต่างๆตามเข้าไปเป็นขบวนด้วย เนื่องจากสังคมไทยไม่ได้กีดกันเมียน้อย มีกฎหมายรองรับ งานที่เมียหลวงพาเมียน้อยมาร่วมด้วยจึงกลายเป็นงานประกวดประขันกันอยู่ในที ว่าขบวนของท่านขุนนางคนใดดูโอ่อ่ากว่ากัน เป็นหน้าที่เมียหลวงจะจัดหาเสื้อผ้าเครื่องประดับให้เหมาะสมกับนางเล็กๆของสามี อย่าให้อายบ้านอื่นได้ แต่ในเรื่องนี้ ไม่ได้บรรยายว่าอนุภรรยาคนอื่นๆของเจ้าคุณจักรปาณีได้ติดตามขบวนเข้าไปด้วยหรือไม่ หรือว่ามีแต่คุณหญิงกลีบคนเดียว ในรัชกาลที่ 6 และ 7 ธรรมเนียมนุ่งขาวห่มขาวของสตรีบรรดาศักดิ์หมดไป เปลี่ยนเป็นแต่งสีสันต่างๆแล้วแต่สมควร
นางเล็กๆนี่หมายถึงภรรยารอง อันดับ 1,2,3 ฯลฯ ถ้าเป็นเมียบ่าวก็ไม่อยู่ในสารบบนี้ใช่ไหมคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อ 31 พ.ค. 15, 11:17
|
|
ถ้านางเย็นพ้นโทษ จบแฮปปี้เอนดิ้ง หลังเรื่องจบแล้ว ก็มีสิทธิ์ตามคุณหญิงแย้มเข้าวังในพิธีนี้ได้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อ 31 พ.ค. 15, 12:04
|
|
ถ้านางเย็นพ้นโทษ จบแฮปปี้เอนดิ้ง หลังเรื่องจบแล้ว ก็มีสิทธิ์ตามคุณหญิงแย้มเข้าวังในพิธีนี้ได้ค่ะ
นางเย็น-คุณหญิงแย้มไหน? ชงมุขฟ้าแลบแบบนี้เกือบรับไม่อยู่ เหมือนจะรู้กันสองคนกะคุณแอนนา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อ 31 พ.ค. 15, 12:23
|
|
ไม่รู้จักดูละครช่อง 7 ก็ตกยุคยังงี้ละค่ะ คุณ Jalito
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 86 เมื่อ 31 พ.ค. 15, 12:43
|
|
โดนเต็มๆเลยหนึ่งดอก ทีวีเมืองเราตอนนี้ หลายช่องมาก 7สีเบอร์อะไรไม่รู้แล้วครับ ละครนางทาส จัดกันบ่อยมาก แทบจะว่าปีเว้นปี แต่ถ้านามผู้ประพันธ์ เชื่อได้เลยว่าคงอ้อมแอ้มตอบ เชิญอาจารย์ต่อกระทู้ คุณหญิงกลีบ มหิธร เถอะครับ(เกือบจะพิมพ์เป็นคุณหญิงแย้มซะแล้ว)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อ 31 พ.ค. 15, 12:52
|
|
ท่านผู้หญิงกลีบ มหิธรครับ ขออภัยครับที่ลดบรรดาศักดิ์ของท่าน ไม่ได้ตั้งใจ มัวแต่ดูภาพคุณหญิงแย้มเพลินไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 88 เมื่อ 02 มิ.ย. 15, 14:52
|
|
วิธีหารายได้ของคุณหญิงกลีบ ก็คือค้าขาย แต่มีข้อจำกัดว่า ผู้หญิงในสมัยท่านถ้าไม่ได้มาจากตระกูลค้าขาย มีห้างหรือร้านค้าของครอบครัวโดยตรงแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะตั้งห้างตั้งร้านของตัวเองได้ คุณหญิงกลีบก็หวนนึกถึงวิธีการของเจ้าคุณเพ็ชรรัตน พ่อของสามีที่เคยแนะนำให้ท่านทำขนมขาย เพิ่มรายได้ ท่านก็เลือกหาสินค้าที่จะผลิตเองในบ้าน ไปลงเอยที่ทำน้ำอบไทย น้ำปรุง แป้งร่ำ แป้งนวล ขี้ผึ้งสีปาก และน้ำมันตานี ล้วนแต่เป็นเครื่องสำอางที่สตรีไทยสมัยนั้นใช้กันประจำ ทำวันละมากๆ ให้บริวารในบ้านหาบไปขายถึงวันละ 6 หาบ ละแวกที่อยู่แห่งใหม่นี้ นอกจากชาวบ้านสามเสนแล้วก็มีบ้านของขุนนางข้าราชการใหญ่ๆอยู่หลายบ้าน และที่สำคัญคือพระราชวังดุสิตที่มีเจ้านายฝ่ายในทรงพำนักอยู่ เมื่อบริวารนำเครื่องสำอางฝีมือชาววังเก่าอย่างท่านไปขาย ทั้งชาวบ้านและชาววังก็พากันอุดหนุน เพิ่มรายได้ให้ทางบ้านพอให้คลายวิตกไปได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 89 เมื่อ 02 มิ.ย. 15, 15:01
|
|
ชะตาของพระยาจักรปาณีค่อยดีขึ้นเมื่อผลัดเปลี่ยนรัชกาลใหม่ ท่านย้ายจากตำแหน่งปลัดทูลฉลองไปเป็นกรรมการศาลฎีกา ซึ่งสมัยนั้นเป็นศาลที่รับผิดชอบโดยตรงต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจ้าคุณทำหน้าที่อย่างฉลาดเฉลียวและซื่อตรง คำพิพากษาฎีกาที่ท่านเขียน เป็นที่พอพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษและพานทองเครื่องยศ ส่วนคุณหญิงกลีบก็ได้รับผลดีเช่นเดียวกับสามี คือได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ตติยจุลจอมเกล้า เลื่อนจากเดิมขึ้นอีกชั้นหนึ่ง ก็เป็นอันว่าเมฆหมอกที่เคลื่อนเข้าบดบังชีวิตท่านทั้งสองในปีก่อนๆ ได้เคลื่อนผ่านไปแล้ว
รัชกาลใหม่นี้มีกิจกรรมสำคัญอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นของใหม่ คือกองเสือป่าและลูกเสือ เพื่อฝึกพลเรือนให้รู้จักป้องกันประเทศ ข้าราชการจำนวนมากสมัครเข้าเป็นเสือป่ารวมทั้งเจ้าคุณจักรปาณีด้วย ท่านสมัครเข้ากองม้าหลวง ส่วนปาณีลูกชายท่านสมัครเป็นลูกเสือ พระเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงมองข้ามบทบาทของสตรีในการป้องกันประเทศ จึงโปรดให้มี "สมาชิกแม่เสือ" ขึ้น มีหน้าที่คล้ายแนวหลัง คือจัดหาคุรุภัณฑ์เสบียงอาหาร และหยูกยาเวชภัณฑ์ต่างๆส่งให้กองเสือป่า มีเข็มเครื่องหมายแม่เสือ พระราชทานให้ เป็นรูปหน้าเสือพร้อมพระปรมาภิไธยย่อ วปร. เราก็คงเดาออก ว่าหนึ่งในแม่เสือ คือคุณหญิงจักรปาณี นางเอกของกระทู้นี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|