เรือนไทย

 พระนางมารี อังตัวเน็ตต์ เป็นราชินีของฝรั่งเศสนี่คะ

 กะต๊าก กะต๊าก กะต๊าก กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก

พระนางเป็นพระธิดาของ จักรพรรดินี Maria Teresa แห่งจักรวรรดิออสเตรียอันยิ่งใหญ่ พระนางมารีอังตัวเนตต์สมรสกับพระเจ้า หลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศสครับ

ไม่เป็นไรคุณวุ้น  เอาใหม่ครับ

 พระนางมีชู้จริงป่าวครับ

 ขขอขอบคุณทางวิชาการมากครับที่ช่วยปรับชื่อกระทู้ให้ผม

มาพูดเรื่องท่านกันเลย
ท่านนะเกิดวันที่ 2 พ.ย. ค.ศ.1755 เจ้าหญิงมารี อังตัวเน็ตต์ที่พระราชวังเชินบรุนน์ ที่เวียนนา
ท่านเป็นพระธิดาที่มีพระสิริโฉมงดงามที่สุดในหมู่พระราชธิดาอีกหลายองค์
ประสูติแด่พระเจ้าฟรานซิส1 กับพระจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา
พระนางมาเรีย เท สอนเจ้าหญิงมารี  อัง ตลอดว่าแม้เกิดมามียศใหญ่ ใช่ว่าจะสบาย    จะต้องไปสมรสกับกษัตริย์ต่างชาติเพื่อแผ่นดิน เราควรต้องมีความรับผิดชอบและความเสียสละ  
พระจักรพรรดินี มาเรียเทเรซา พระมารดาของพระนางมาเรีย อังตัวเน็ตต์ ทรงเป็นวีรกษัตริย์ที่ทรงเข้มแข็ง มีพระอำนาจแผ่ไปทั่วยุโรปในสมัยนั้น
ตรงข้ามกับ พระเจ้าฟรานซิส1 เพราะท่านเป็นกษัตริย์ที่พระทัยเย็น
อย่างไรก็ตามทั้งสองพระองค์ก็เป็นที่รักของชาวออสเตรียเสมอมา
นี่คือพระรูปของราชินีเทเรซา

แล้วไอ้เรื่องมีชู้นะครับเป็นเรื่องจริง    ถ้าอยากรู้ละก็รอก่อนนะครับ

ในวันหนึ่งเจ้าหญิงมาเรีย พระราชบิดาได้กำหนดชีวิตเจ้าหญิง โดยการถวายตัวแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16แห่งฝรั่งเศสอันหรูหรา
วันหนึ่งเจ้าหญิงมาเรีย มีพระชนมายุ 15ชันษานั้น เสด็จในฐานะพระคู่หมั้นในขบวนที่ยิ่งใหญ่ ไปยังริมฝั่งแม่น้ำชายแดนออสเตรีย
ณ ที่นั้น เจ้าหญิง มาเรีย ทรงทำพิธีเปลี่ยนฉลองพระองค์จากออสเตรียเป็นฝรั่งเศส และเปลี่ยนพระนามจาก”มาเรีย แอนโธเนีย ซึ่งเป็นภาษาออสเตรีย เป็น “เจ้าหญิงรัชทายาท มารี อังตัวเน็ตต์”
ทางฝรั่งเศส จัดขบวนต้อนรับเจ้าสาวโดยมี”คาร์ ดินัล หลุยส์ โรอัง”เป็นหัวหน้าคณะ ขณะกล่าวต้อนรับโรอัง ได้ใช้ภาษาเยอรมัน (ภาษทางการของออสเตรีย)
เจ้าหญิงทรงตรัสตอบว่า”ใช้ภาษาฝรั่งเศสกับข้าก็ได้ เพราะข้าพูดภาษาฝรั่งเศสได้ดีเท่าพวกท่านเหละ”
นั้นเป็นเสน่ห์แรกที่ทำให้ประชาชนฝรั่งเศสประทับใจในตัวพระนาง
But I don’t think so.ผมคิดว่าถ้าในสายตาของชาวออสเตรียล่ะ ผมว่าเขาน่าจะบอกนินทากันว่า”วัวลืมเท้า”ลองไปพิจารณาดูละกันครับ
เข้าเรื่องกันดีกว่าคือเนื่องในเสน่ห์ครั้งนั้นได้จุดประกายลึกซึ้งในใจของคาดินัล หนึ่งในชู้พระองค์(เจ้าหญิงมีชู้มากมายมาก)
พระเจ้าหลุยส์15รับพระสุณิสา(สะใภ้)ทรงพอพระทัยมาก เพราะเจ้าหญิงน่ารักน่าเอ็ดดู ช่างพูดช่างจา
เจ้าหญิงได้พบกับเจ้าชายรัชทายาทเป็นครั้งแรก และได้มีการจัดงานที่พระราชวังแวซายส์
เจ้าหญิงได้ทอดพระเนตรความหรูหรา และวิลิสมาหราเกินเหตุของฝรั่งเศส ผิดกับสำนักออสเตรียที่เต็มไปด้วยระเบียบอันเรียบร้อย อ่อนช้อยของราชสำนักออสเตรีย
ทว่างานนั้นทำให้เจ้าหญิงทรงเพลิดเพลินไปกับงานนั้นอย่างง่ายดาย และยังทรงตื่นตาตื่นใจอีกด้วย
เจ้าหญิงมีพระนลาต(หน้าผาก)กว้างสูง อันแสดงถึงลักษณะของคนที่เฉลียวฉลาด ในตอนแรกทรงเกรงว่าจะทำผมฝรั่งเศสมิงาม
ที่ไหนได้เหล่าบรรดาชาววังต่างพากันไปถอนไรผมเปิดให้สูงเยี่ยงพระนางกันมากหลาย

 พระนางมารี ทรงม้า

 หายากมากๆ

 ไม่ทราบทำไมโพสถ์รูปแล้วไม่ติดครับ

ภาพมีขนาดไฟล์ใหญ่กว่า 40 K หรือปล่าวคะ (กดเมาส์ปุ่มขวาที่ชื่อไฟล์ แล้วเลือกดู property ค่ะ) ถ้าขนาดของไฟล์ใหญ่เกิน 40K จริง มีวิธีแก้ สองวิธีคือทำขนาดภาพ (กว้าง x ยาว) ให้เล็กลง หรือ Save ใหม่ด้วยคุณภาพการบีบอัดที่แย่ลงหน่อยแต่ขนาดภาพยังเท่าเดิม โปรแกรมเปิดรูปทั่วๆไป เช่น ACDSee, Photoshop หรือ อีกมาก ทำสองอย่างนี้ได้ทุกโปรแกรมค่ะ

 ไม่แน่ใจว่าพระนางมารีอังตัวเนตต์เคยพบโมสาร์ทหรือเปล่าครับ
คุณ vun กลับมาแล้วหรือครับ เห็นหายหน้าไปนาน      

 พอดีผมไกล้สอบ แถมผมยังตอบกระทู้ไม่ได้ไม่รู้เป็นอะไรครับตอนนี้กลัมมามีเรื่องเล่าเยอะเลย

 คห. ที่ 9  ก็หลุดอังกฤษ มานะคะ  
เอ เจ้าของกระทู้ ติดใจอะไรกับอังกฤษ รึเปล่าคะ

 ดีจังค่ะอาจารย์ "เทาชมพู"  ที่สามารถเข้าไปแก้ในกระทู้ได้

ทำให้กระทู้น่าอื่นยิ่งขึ้น  จุเข้ามาบ่อย ค่ะ แต่ไม่ค่อยได้แสดงความเห็น  เพราะไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ อาศัยอ่านจากในนี้ ได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะค่ะ
 
ขออนุญาต นิดหนึ่ง นะคะ  เพิ่มเติมเผื่อว่า หลงตาอาจารย์ไปนะคะ

หัวข้อกระทู้  แก้แล้วว่า ฝรั่งเศส  แต่ ภายในข้อความโพส  ยังเป็นอังกฤษ อยู่เลยค่ะ

ตรงนี้ ด้านล่างของรูปในหัวข้อกระทู้

“พระนางมารี อังตัวเน็ต” เมฆหมอกแห่งอังกฤษ หรือ ผู้รักความสมถะสามัญชน และถูกใส่ความ ทุกท่านอาจจะเคยศึกษาเรื่องของท่านมาบ้างแล้ว น่าสนใจใช่ไหมครับ เดี๋ยวคราวหน้าผมจะมาเล้าเรื่องให้ฟัง เป็นเรื่องที่ลับๆกันในสำนักอังกฤษในสมัพระเจ้าLouisที่16ครับ ที่คือพระสาทิสลักษณ์ของพระองค์

ถ้าอาจารย์แก้แล้ว  รบกวน ลบ ความเห็นจุออกด้วยนะคะ  
ขอบคุณค่ะ

 ได้ความรู้จากกระทู้นี้พอสมควรครับ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ยุโรปที่ผมไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ครับ    

 ถ้าเมื่อไหรเล่าเรื่องพระองค์นี้เสร็จ ผมจะเล่าเรื่องพระนางอลิซเบธให้ฟังครับ

 ตอบก่อนละกัน ความเห็นเพิ่มเติมที่ 20  โมสาร์ทคือหนึ่งในชู้รักของพระนางมารี เพราะเขาเล่าว่าโมสาร์ทไปเล่นดนตรีให้พระนางฟัง ทำให้พระนางมรงต้องพระทัย แต่อีกมินานก็เลิกกันพระนางก็ไปมีใหม่

 คุณ Vun คะ เรื่องนี้น่าสนใจมาก    สมาชิกหลายคนตั้งใจอ่านรวมทั้งดิฉันด้วย
ดิฉันขอร้องให้คุณ vun ช่วย preview ตรวจสอบข้อความก่อนคลิกส่งได้ไหมคะ
เพราะนอกจากสะกดผิด พิมพ์ผิดจำนวนมากแล้ว  ยังพิมพ์ติดต่อกันไปไม่มีขึ้นย่อหน้า
ล่าสุดคือโพสต์ข้อความซ้ำ ทั้งหมด ต่อกันไป

 ดิฉันแก้ให้ไม่ไหวแล้วค่ะ เพราะต้องตรวจทุกคำในข้อมูล ใส่เครื่องหมายขึ้นบรรทัดใหม่ให้ทุกบรรทัด
วิธีแก้ของคุณง่ายกว่า คือพิมพ์สัก 1-2 ประโยคก็เคาะ enter หรือว่าคุณ vun ไปลอกที่ไหนมาก็ช่วยจัดประโยคก่อนพิมพ์ ก็จะดี  แล้วช่วยบอกด้วยว่าไปนำมาจากไหน เป็นการให้เกียรติผู้เขียนเรื่อง

ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

 เรียนคุณเทาชมพู
พอดีที่เครื่องผมอินเทอร์เน็ตมันพิมพ์ข้อความภาษาไทยลงไปในช่องข้อความ(ทุกเว็บไซต์เลย)ไม่ได้จึงต้องใช้วิธีเขียนในช่องaddressแล้วcopyแล้วpasteครับ ผมต้องขอคุณเทาชมพูคราวหลังคราวใดคุณมิต้องมาตรวจศัพท์ให้ผมเลย ผมเกรงใจมาก ผมก็ไม่ใช่คนพิมพ์มืออาชีพและไม่ค่อยชอบตรวจเช็ค จึงขอกราบขออภัยอย่างยิ่งและก็มีข้อบกพร่องและสะกดคำผิดอยู่มาก จึงขอกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ

 กราบเรียนท่านผู้อ่านทุกท่าน
ต่อไปนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจและสนุกมาก ในเรื่องของพระองค์ท่านติดตามให้ดีนะครับ

 คุณ vun พิมพ์ใน word ก่อนซิคะ แล้วค่อย copy มาลงตอนโพสต์ ทั้งนี้ควรทดลอง preview ดูก่อนเพื่อจัดหน้าและตรวจคำผิด ก็น่าจะได้นะค่ะ (ดิฉันก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันค่ะ เมื่อไม่มี Thai fonts)

 30 เมษายน ค.ศ.1774 พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เสด็จสวรรคต องค์รัชทายาทพระองค์ชาย พระสวามีของเจ้าหญิงรัชทายาท ได้ขึ้นครองบัลลังก์ฝรั่งเศส เป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และเจ้าหญิงก็ถูกเลื่อนพระยศขึ้นเป็นพระราชินีมารี อังตัวเน็ตต์ ผู้เลอโฉม และหรูหรา
         มาดามดูบารีหมดวาสนา หม่นหมองและหายตัวไปจากราชสำนักอย่างลึกลับ เพราะก่อนที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 จะทรงเสด็จสวรรคตมินาน มาดามดูบารีได้อ้อนวอนขอเครื่องเพชรราคาที่ "แพงที่สุดในโลก" แต่ผมคิดว่ามาดามดูบารีเป็คนที่โลป และทำความดีเพื่อให้พระเจ้าหลุยส์ทรงโปรด แล้ว จึงหาผลประโยชน์จากพระองค์ท่าน
         ด้วยความหลงใหล พระเจ้าหลุยส์ที่15 ทรงสั่งช่างฝีมือที่ดีที่สุดไปสรรหาเพชรเม็ดโตๆ น้ำงามที่สุดยุโรป มาทำสร้อยคอ ช่างเพชรชื่อ โบห์เมอร์ นำเพชรที่ดีที่สุดมาถึง600เม็ด เรียงร้อยอย่างสุดฝีมือ เมื่อเสร็จเรียบร้อยจะถวายพระเจ้าหลุยส์ที่15 ก็ทรงสวรรคตด้วยโรคฝีดาษพอดี
         โบห์เมอร์พยายามที่จะขายสร้อยเพชรเส้นนี้ให้แก่กษัตริย์ และพระราชินีพระองค์ใหม่ เพราะเขาทุ่มเงินทำสร้อยเส้นนี้ไปจนหมดตัว ต้องเป็นหนี้สินมากมาย แต่พระนางมารี อังตัวเน็ตต์ แถมยังทรงแสดงความรังเกียจว่า"รสนิยมต่ำ" คุณสามารถเห็นได้ว่าพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระนาง พระนางมารีไม่เคยฉลองเครื่องเพชรเลย ท่านจะฉลองไข่มุกแต่เพียงอย่างเดียว

 อีกอย่างหนึ่งค่ะ เนื่องจากจอกว้างมาก หากคุณพิมพ์ติดกันเป็นพืด เป็นย่อหน้าใหญ่ๆ จะทำให้ผู้อ่านไม่สามารถกวาดสายตาจากซ้ายไปขวาแล้วขึ้นบรรทัดใหม่ได้ถูกบรรทัด

คุณอาจทดลองมองหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน การจัดหน้าจะเป็นคอลัมน์แคบๆ เพื่อให้กวาดสายตาได้ง่ายและไม่หลงบรรทัด ดังนั้นถ้าจอคอมกว้าง คุณควรขึ้นย่อหน้าใหม่ เพื่อให้อ่านง่ายค่ะ  การฝึก edit ภาษาเสียตั้งแต่วันนี้ รับรองไม่เสียเปล่า การใช้ภาษาสละสลวยเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ในอนาคตหากคุณเข้ามหาวิทยาลัยหรือตอนทำงาน คุณได้ใช้แน่ค่ะ

ดิฉันติดตามอ่านว่าพระนางคนนี้ ใช่คนเดียวกับคนที่เชื้อเชิญให้รับประทานขนมปังหรือเปล่าค่ะ

 ไม่ทราบว่าทำไมพิมพ์ย่อหน้าแล้วไม่มีปรากฏครับ

 ความเห็นเพิ่มเติมที่ 40 ไม่ทราบพระนางคนไหนครับ

 อยากให้คุณ vun พยายามคิดเรียงประโยคก่อนพิมพ์ และยกแคร่เว้นวรรค(ภาษาเก่ามาก)หรือ เคาะขึ้นย่อหน้าใหม่บ่อยๆก็ได้ครับ

โปรแกรมที่เวบไซต์หลายแห่งใช้อยู่อาจจะไม่เอื้ออำนวยกับการจัดย่อหน้าเท่าใดนัก ซึ่งผู้โพสต์แต่ละคนคงต้องพยายามแก้ปัญหากันเอง

ส่วนเรื่องภาษาไทย ลองคลิกเมาส์ด้านขวาแล้วเลือกที่ encoding ดู ถ้ามีตัวเลือกภาษาไทยอยู่อาจจะพอช่วยคุณได้




เรื่องสุดท้ายคืออยากให้คุณสังเกตรูปประโยค และคำหรือตำแหน่งของคำนะครับ (ผมก็ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่หรอก) เพราะคำที่คุณเรียงลำดับเอาไว้บางคำอาจจะทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันได้ เช่น "เจ้าหญิงก็ถูกเลื่อนพระยศขึ้นเป็นพระราชินีมารี อังตัวเน็ตต์ ผู้เลอโฉม และหรูหรา" ผมอ่านแล้วมีความรู้สึกแปลกๆกับพระยศที่พระนางมารีฯ ได้รับสถาปนาจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 อย่างไรก็ไม่ทราบนะครับ แหะๆ



รบกวนด้วยนะครับ เพราะผมเชื่อนะว่าคุณทำได้

 "สร้อยเพชรอันสูงราคานั้น เหมาะสำหรับคนที่ไร้รสนิยมเท่านั้น!" พระองค์ทรงด่าโบห์เมอร์อย่างสาดเสียเทเสีย

        อาจจะเป็นเพราะพระนางทรงตระหนักถึงความฟุ่มเฟือเกินควร และอีกประการหนึ่งทรงครอบครองเพชรเม็ดเม็ดงามที่มีชื่อว่า"Thefrenchblue"ที่เรารู้จักในนาม"Hobdiamond"(Hopแปลว่านำความน่ากลัว)นั้นอยู่ก็ได้

       เพชรเม็ดนี้ถูกนำมาจากหน้าผากเทวรูปในอินเดีย พระเจ้าหลุยส์ที่14 ทรงซื้อพระราชทานแก่พระสนมลับ "มาดามเดอมอง" และตกทอดมาถึงพระนางมารี อังตัวเน็ตต์

       แต่เพชรที่นำความตายมาสู่พระนางไม่ใช่เพชรHob แม้มีบางกลุ่มเชื่อว่าพระนางตายเพราะอาถรรพ์ของเพชรนี้ก็ตาม

 เราหันกลับมาดูสร้อยเพชรที่เกือบจะเป็นของมาดามดูบารีกันดีกว่า หลังจากมาดามหายตัวไป ก็มีคนต้องการมันมากมาย รวมทั้ง"มาดาม จีน เดอร์ ลามอตต์"

      นอกจากอยากได้เพชรแล้ว มาดามจีน  ผู้ไกล้ชิดกับคนในราชสำนัก ยังรู้จุดอ่อนของโรอัง(คนที่รักพระนางมารี แต่พระนางมารีไม่รัก จนเนรเทศไล่ออกไปจากราชสำนัก)ถึงโรอังจะถูกพระราชินีเกียจ แต่โรอังก็รักและหวังจะเด็ดดอกฟ้าอยู่

       มาดามจีน ได้ไปหลอกโรอังว่าอันทีจริงพระนางมารีทรงต้องพระทัยสร้อยเส้นนั้นมาก แต่มิกล้าซื้อเพราะมันแพงมาก

       มาดามเจ้าเล่ห์หลอกโรอังจนเชื่อสนิท เพราะมาดามได้ว่าจ้างให้ท่านเคาท์คาลิสไตร มาปลอมลายพระหัตถ์ราชินี ให้ว่าพระราชินีมารีทรงจดหมายถึงโรอัง แถมยังหาหญิงสาวที่คล้ายราชินีมารีมาพบในสวนยามวิกาลทุกคืน

        หลายปีที่โรอังทวงถามสัญญาที่นางตัวปลอมมันมาบอกไว้ แถมโรอังยังทวงกับราชินีพระองค์จริง ผลก็คือถูกด่า ว่า ประณาสาดเสียเทเสีย

 อ่านจากที่คุณvunโพสไว้ รู้สึกติดใจมากๆๆๆๆค่ะ อยากอ่านต่อ อยากให้เข้ามาโพสต่อด้วยนะคะ    
 
 Doraikufuki  [IP: 61.91.124.63,,] วันที่ 10 ต.ค. 2548 - 11:57:18
(คุณ Doraikufuki ช่วยร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ ผ่านวิชาการ.คอมแล้ว รวมทั้งสิ้น 1 ครั้ง)

 คาร์ดินัล โรอัง  หรือ"คาร์ดีนัล เดอร์ หลุยส์ รีนี เอนโดล์ลาร์ท โรฮัน(Cardinal de Louis Rene Edouard Rohan)"

 โรอังเชื่อหัวปักหัวปำว่านางตัวปลอมที่มาดามจีนจ้างมาหลอกเขา แม้พระราชินีจะไม่ยอมรับโรอัง แต่เขาก็ยังเชื่อว่าราชินีมีใจต่อเขา โรอังจึงซื้อสร้อยเส้นนั้นด้วยเงินกว่าพันล้านบาท และมอบให้มาดามจีน นางมาดามจีนเมื่อได้รับเพชรแล้วก็นำไปให้สามีไปแบ่งขายทันที

        ความจริงถูกเปิดเผยเสียจนหมด แต่ยังไงประชาชนชาวฝรั่งเศสไม่เชื่อความนั้น เขาเห็น มาดามเดอร์ ลามอตต์ เป็นคนดี และเสียใจเมื่อนางถูกเหล็กตัวยูเผาบนนองของนางเหมือนในการ์ตูน

        ในสายตาชาวฝรั่งเศส เขามองพระนางมารีตรงกันข้ามกับมาดามจีน เขาบอกว่าพระนางเป็นผู้หญิงแพศยา ใส่ร้ายป้ายสีให้มาดามจีน และซื้อครื่องเพชรราคาพงหูฉี่ ได้อย่างขนหน้าแข่งไม่ร่วง ขณะที่เศรษฐกิจของบ้านเมืองกำลังอยู่ในสภาวะตกต่ำ อดอยาก ประชาชนในสมัยนี้ส่วนมากจะเป็นขอทานเพราะไม่มีอันจะกิน ผิดกับพวกขุนนางไฮโซที่สุรุ่ยสุร่ย ฟุ่มเฟือย  ทั้งการแต่งกาย อาหารการกิน

 ไพฑูรย์ หรือ ราชาวดี

ชื่อพลอยในที่นี้ คงจะผิด

ไพฑูรย์หรือ cat's eye เป็นพลอยราคาไม่สูง  ไม่นิยมนำไปประกอบกับเพชรแพงๆ

ส่วนราชาวดี คือการลงยาของไทย  ไม่ใช่พลอย    ค่ะ

 ...ขณะที่เศรษฐกิจของบ้านเมืองกำลังอยู่ในสภาวะตกต่ำ อดอยาก ประชาชนในสมัยนี้ส่วนมากจะเป็นขอทานเพราะไม่มีอันจะกิน ผิดกับพวกขุนนางไฮโซที่สุรุ่ยสุร่ย ฟุ่มเฟือย ทั้งการแต่งกาย อาหารการกิน

ดิฉันติดตามอ่านว่าพระนางคนนี้ ใช่คนเดียวกับคนที่เชื้อเชิญให้รับประทานขนมปังหรือเปล่าค่ะ....
*****
ที่ถามคุณ vun ใน ค.ห. 40 ไม่กล้าถามให้ชัดเจนนัก เดี๋ยวถ้าเผื่อว่าใช่ขึ้นมา จะเป็นการดักคอ

เคยฟังกลุ่มเพื่อนที่เรียนประวัติศาสตร์คุยผ่านๆหู ไม่ได้ใส่ใจฟังนัก ชื่อคุ้นๆว่าพระนางมารีคือเจ้าของวาทะ ถ้าประชาชนอดยากไม่มีข้าวกิน ก็ไปกินขนมปังแทน ใช่มารีเดียวกันไหมคะ

 อ๋อ จำได้แล้ว ใช่ พระนางมารีคนเนี๋ยเเหละ แต่จำอะไรไม่ค่อยได้จำได้แต่ มีชาวบ้านมาของขนมปังพระนางมารีกินแล้วพระนางมารีก็ให้หรือไม่ให้ไม่ทราบแน่ครับ คุณป้าบอกนานแล้ว ใครรู้บอกด้วยนะครับ

มีเรื่องเล่าว่า ชาวบ้านในสมัยนั้นอดอยากยากแค้น  พอากันเดินขบวนไปร้องเรียนหน้าพระราชวัง  ว่า "เราไม่มีขนมปังจะกิน"แล้ว
ถ้าพูดแบบไทยๆก็คือ  ไม่มีข้าวจะกินแล้ว
พระนางมารีอังตัวแนตต์ จะด้วยความซื่อใส ไร้การรับรู้ต่อปัญหาประชาชนจริงๆหรืออะไรก็ตาม  ก็ตอบไปว่า
" ไม่มีขนมปัง ก็กินขนมเค้กสิ"

อย่างไรก็ตาม ก็มีนักประวัติศาสตร์บางกลุ่มเชื่อว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นภายหลัง
เพื่อใส่สีใส่ไข่ให้ภาพของพระนางดูเลวร้าย ชนิดไม่ได้ผุดได้เกิด
พระนางไม่เคยเอ่ยคำนี้เลย

เรื่องของสังฆราชโรอังก็เช่นกัน    เป็นเรื่องสิบแปดมงกุฎกลุ่มหนึ่งที่รวมหัวกันต้มตุ๋นท่าน  โดยอ้างชื่อพระนางมารีมาหลอกลวงเอาสร้อยเพชรไปขายกินสบายไป

เรื่องจริงจะเป็นยังไงก็ตาม    ราชวงศ์บูร์บองได้มาถึงยุคตกต่ำสุดในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อย่างที่คุณ vun เกริ่นไว้ค่ะ

 ขอบคุณคุณเทาชมพูมากครับ คุณ Nuchan แจ่มแล้วใช้ไหมครับ

 งั้นเรามาเล่ากันต่อเลย

    ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่16 ได้มีการขอร้องให้พระเจ้าหลุยส์ที่16 ช่วยประชาชน แต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับออกกฎหมายขึ้นภาษี

   เหตุการณ์บ้านเมืองในสมัยนี้ปั่นป่วน อุตลุต กันมาก ข้าฟันกันเป็นรายวัน วันละห้าสิบกว่าคน

  14 กรกฏาคม เกิดปฏิวัติฝรั่งเศสพระเจ้าหลุยส์ที่16 และพระนางมารี อังตัวเน็ตต์ หนีออกจากพระราชวังแวร์ซายกันปั่นป่วน ชาววังวิ้งหนีกันชุนละมุน พระเจ้าหลุยส์ 16 และพระนางมารีมีพระดำริอยากจะให้ใช้การปกครองแบบเก่า แต่พวกรัฐบาลต้องการการปกครองแบบใหม่คือแบบมีประธาณาธิบดี ด้วยเหตุนี้พระเจ้าหลุยส์ที่16 และพระนางมารีจึงหนีออกจากพระราชวัง

    พอท่านหนีออกจากพระราชวัง พวกทหารเห็นพระเจ้าหลุยส์ กับมารี และเหล่าพระบรมวงศ์กำลังจะข้ามไปพรมแดนประเทศอื่น จึงถูกจับ แต่ท่านหนีการจับกุมออกมาได้ และจึงคิดจะข้ามพรมแดนอีก แต่ก็ถูกจับอีกทีหนึ่ง

     ท่านถูกจับไปขังคุก ประชาชนฝ่ายปฏิวัติจับขุนนางเก่าๆแก่ๆรวมทั้งขุนนางใหม่ๆในการปกครองแบบเก่า รวมถึงจับพวกชาววังมาตัดหัวเสียบประจานไว้ที่หน้าคุก พระราชินีมารี ก็ทอดพระเนตรอยู่ทุกวัน

     ทุกครั้งที่ท่านทอดพระเนตรศีรษะเหล่านี้พระนางมารีถึงกับประชวรพระวาโยทุกครั้งไป

      โดยเฉพาะศีรษะของเจ้าหญิงแลมบลังก์ นางกำนัลผู้ซื่อสัตย์ มีความงดงาม และเรียบร้อยที่สุด ศีรษะของแลมบลังก์ตอนที่ท่านทอดพระเนตรมันเป็นศีรษะที่เน่าเหม็น มีหนอนไชอยู่ทั่ว ผมที่เคยหวีเรียบร้อยกลายเป็นผมยุ่งเหยืองน่าขนพองสยองเกล้ามาก พระราชินีทอดพระเนตรแล้วถึงกับทรงประชวรพระวาโยกันเป็นการใหญ่

       แต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจพระนางปล่อยให้พระนางประชวรอยู่อย่างนั้น พระนางต้องช่วยพระองค์เอง สุดท้ายก็หายได้

 คณะปฎิวัติจับกุมพระราชโอรสที่ยังเยาว์พระชนมายุไปเป็นเด็กเสริฟล้างจานของมาราต์ หัวหน้าฝ่ายปฎิวัติ พระนางทรงพระกันแสงจนแทบขาดพระทัย ทรงประชวรพระวาโย ทรงดึงรั้งไม่ให้จับพระโอรสของพระนางไปจนสุดปลายพรหัตถ์

        ประชาชนทารุนและด่าว่าพระนางมารีเป็นนางมารร้ายแห่งศตวรรษ จนพระเกศาไปเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน

 21 มกราคม 1792 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงถูกนำตัวขึ้นแท่นประหานที่ปลาสเดอร์ลาร์คองคอร์ต บนนั้นมีเครื่องกิโตินคมกริบ(เครื่องประหารชีวิตของชาวฝรั่งเศส จะมีใบมีดอยู่ด้านบนแล้วให้คนพาดหัวไปที่เว้า แล้วปล่อยใบมีดลงมา คิดแล้วเสียวมากเจียว)  
     พวกเขาจับพระหลุยส์ ที่16มัดกับกระดานเสร็จ แล้วกระดกให้นอนคว่ำลง พระศอพาดตรงเว้าพอดี แล้วมีใบมีดยักษ์หล่นลงมาตัดพระศอกระเด็นน่าสยอง พระโลหิดอาบพระพักตร์อย่างน่าเวทนา

 ส่วนพระวรกาย ไร้วิญญาณของพระนางมารี อังตัวเน็ตต์ ถูกทิ้งไว้กลางดินในป่าช้า อืดเน่าสลายอย่างน่าอนาถ จนต่อมามีชาวบ้านที่มีน้ำใจช่วยเก็บไปฝัง ปัจจุบันทางฝรั่งเศสได้ทำโลงหินอ่อน เก็บส่วนที่เหลืออยู่ของพระนาง"พระราชินีที่สถิตยอยู่ในโลกเพียง38พรรษา"

 พอดีในกระทู้นี้มี2หน้าขอเชิญชมหน้า1ครับ

 งั้นผมขอต่อเรื่องพระราชินีอีกองค์หนึ่งนะครับคือ

"สมเด็จพระนางเจ้าอลิเบธ พระราชินีผู้เป็นที่รักของชาวอังกฤษ"

สนุกไม่แพ้กันครับ

 พระนางมารีจะมีความผิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้อ่าน แต่ขอบอก
ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง.......

 ผมเพิ่งได้ความใหม่มาว่า "แอนน์ วิคตอเรีย" เลดี้ขาเมาท์สาวผู้มีศักดิ์เป็นป้าของ พระนางมารี อังตัวเน็ตต์

 พระนางจะผิดหรือไม่นั้นก็อยู่ที่วิจารณญาณค่ะ แต่เราว่าไม่น่าจะผิดนะคะ อีกอย่างเนี่ยทำไมชาวบ้านถึงเชื่อง่ายนักหละคะว่าพระนางมารีใส่ร้ายมาดามจีน ทั้งๆที่ตามที่คุณvunเล่ามาเนี่ย เราเองก็ไม่น่ามีจุดไหนที่น่าจะเป็นเหตุให้ชาวบ้านคิดอย่างนั้นเลย

 คุณvunคะ อยากให้ช่วยเอาประวิติของเจ้าหญิงไดอาน่า และครอบครัวของเธอกับเจ้าชายชาร์ลมาลงให้หน่อยได้มั้ยคะ ชอบเจ้าหญิงไดอาน่าอะค่ะ  

 เจ้าหญิงไดอาน่ามีครับแต่รอหน่อยนะครับ

 เอาไม้มาขัดเนื้อหากระทู้นี้อีกแล้วครับ
ในความเห็นที่ 28 ผมไม่เห็นด้วยเท่าใดนัก เพราะถึงแม้ฝีมือของโมสาร์ทจะต้องพระทัยพระนางมารี อังตัวเนตต์ แต่คงไม่ถึงขนาดลามปามมากถึงเพียงนั้นครับ โมสาร์ทแต่งงานกับคนใกล้ชิดของพระนางมารี และเคยพบพระนางมารีตั้งแต่โมสาร์ทยังเด็ก ดู ๆ แล้วก็เป็นดังที่ว่าครับ
เมื่ออ่านเรื่อง พระนางมารีแล้ว ผมก็นึกถึงลาวัวซิเอร์ นักเคมีและนักธุรกิจคนสำคัญในตอนนั้น ที่ถูกนายมาราต์ปรักปรำเสีย ๆ หาย ๆ จนเราต้องสูญเสียบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งไป ลาวัวซิเอร์ถูกประหารด้วยกิโยตินพร้อมทั้งผู้บริหารขององค์กร แฟร์ม เชเนราล(องค์กรเก็บภาษีของเอกชนสมัยนั้น)อีก 27 คน ทั้ง ๆ ที่เขายังเขียนรายงานผลการทดลองไม่เสร็จ อีกทั้งยังถูกศาลที่ตัดสินคดีตอนนั้นพูดเชิงเย้ยหยันว่า The Republic has no need of genius. อีกด้วยครับ
ผมเคยเห็นวลีที่แรงกว่า " ไม่มีขนมปัง ก็กินขนมเค้กสิ" ก็คือ "ทำไมไม่ลองกินหญ้าดูล่ะ" แต่ก็เป็นไปได้ว่าอาจมีการใส่สีทีหลังครับ
อ่านดู ๆ แล้ว เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่แก้แต่งให้พระนางมารีได้ดีอีกเรื่องหนึ่งครับ เพราะเคยเห็นแต่เรื่องร้าย ๆ

 ค.ห. 44  เพชร hob  ที่ว่า
คือเพชร Hope สีน้ำเงิน
ปัจจุบันอยู่ในสถาบันสมิธโซเนียน ที่นิวยอร์ค
หาอ่านได้ในกระทู้ เพชรนิลจินดา

 ข้อมูลเพชรเม็ดนี้เพิ่มเติม

เพชร "โฮป" เพชรสีน้ำเงินเข้มเม็ดนี้เป็นอีกหนึ่งตำนานที่ได้รับการกล่าวขานมาเนิ่นนาน

เพชรโฮป บนตัวเรือนจี้ล้อมด้วยเพชรสีขาว 16 เม็ด ห้อยอยู่กับสร้อยเพชร
ออกแบบโดย Pierre Cartier

 ว่ากันว่า เพชรโฮปมาจากดวงตาของเทวรูปในวัดริมแม่น้ำโคเลอรูน (Coleroon) ในอินเดีย เพชรหนัก 112 กะรัต เม็ดนี้ ถูกขุดพบในเหมืองคอลเลอร์ (Kollur mine) ในกอลคอนดา เป็นเพชรที่หายากและมีสีน้ำเงินเหมือนสีไพลินเข้ม

   ชอง-แบปตีส ตาแวร์นีเย (Jean-Baptist Tavernier) พ่อค้าเพชรชื่อดังชาวฝรั่งเศส ซื้อเพชรนี้มาและลักลอบนำเข้าไปยังกรุงปารีสใน ค.ศ. 1668 ต่อมาใน ค.ศ. 1669 ตาแวร์นีเยขายเพชรให้แก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ด้วยราคา 3,000,000 ปอนด์ เพชรโฮปนี้ได้รับการเจียระไนเป็นรูปหยดน้ำรูปทรงสามเหลี่ยมหนัก 67.5 กะรัต โดยนายเปเตออง (Petean) และเป็นที่รู้จักในนาม "เพชรตาแวร์นีเยสีฟ้า" (The Tavernier Blue) เพชรสีน้ำเงินฝรั่งเศส (The French blue) หรือเพชรสีน้ำเงินแห่งมงกุฎ (The Blue Diamond of the Crown)

   พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงมอบเพชรให้แก่มาดาม เดอ มงเตสปอง (Madam de Montespan) แต่ไม่นานหลังจากนั้นนางก็กลายเป็นที่เกลียดชังของราชสำนัก เพชรฝรั่งเศสสีน้ำเงินนี้ ได้หายไปในเดือนกันยายน ค.ศ. 1792 หลังจากการปล้นเพชรครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ที่คลังเก็บสมบัติแห่งชาติ (The National Garde Meuble) ใน ค.ศ. 1812

    บันทึกความทรงจำของจอห์น ฟรานซิลลอน (john Francillon) พ่อค้าเพชรชาวลอนดอนเขียนไว้ว่า เพชรสีน้ำเงินหนัก 45-52 กะรัตได้ปรากฏขึ้นใน ค.ศ. 1830 ที่อังกฤษ โดย เดเนียล แอเลียสัน (Denial Eligson) พ่อค้าเพชรชาวลอนดอน เขาเปลี่ยนรูปแบบการเจียระไนเป็นรูปหมอนและขายให้แก่เฮนรี ทอมัส โฮป (Henty Thomus Hope) นักการธนาคารชาวอังกฤษ ดังนั้นเพชรสีน้ำเงินจึงได้ชื่อใหม่ตามชื่อของเขาคือ เพชร "โฮป"

   ลอร์ดฟรานซิส เพลแฮม คลินตัน โฮป (Lord Francis Pelham Clinton Hope) ซึ่งได้เป็นเจ้าของเพชรของพ่อของเขา ท้ายที่สุดแล้วกลับล้มละลายและเพชรก็ได้หายไปอีกครั้งหนึ่ง ต่อมาปีแยร์ การ์ตีเย (Pierre Cartier) พ่อค้าเพชรชาวปารีส ได้ขายเพชรโฮปผ่านทางสุลต่านอับดุล-ฮามิด (Abdul - Hamid) ให้กับวิลเลียม แมกลีน (William Mclean) คนสำคัญในวงการหนังสือพิมพ์ และเพชรเม็ดนี้ก็ถูกนำไปที่สหรัฐอเมริกา แมกลีน ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ซื้อเพชรมาด้วยราคา 154,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภรรยาของแมกลีนต้องการให้พระทำพิธีขับไล่ผีในเพชรก่อน พิธีนี้จึงได้มีขึ้นและเธอก็ป่าวประกาศว่ามี "ฟ้าผ่าและฟ้าแลบในระหว่างพิธี" ด้วย หลังจากนั้นเธอจึงค่อยสวมใส่เพชรเม็ดนี้

   โชคร้ายที่ดูเหมือนคำสาปในเพชรยังคงมีอยู่ ใน ค.ศ. 1918 ลูกชายของแมกลีนอายุ 9 ขวบ หลุดรอดจากการดูแลของบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและถูกรถคันหนึ่งชนเสียชีวิต แมกลีนจึงดื่มเหล้าและหลังจากนั้นไม่กี่เดือนลูกสาวคนเดียวของพวกเขาก็ปลิดชีพตัวเองโดยใช้ยานอนหลับ

   ใน ค.ศ. 1949 หลังจากที่ภรรยาของแมกลีนเสียชีวิตแล้ว แฮร์รี วินสตัน (Harry Winston) พ่อค้าเพชรชาวนิวยอร์ก ได้ซื้อเพชรโฮปไปด้วยราคา 180,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปเพิ่มชุดสะสมส่วนตัวของเขา

   ใน ค.ศ. 1958 เอดนา วินสตัน (Edna Winston) ได้บริจาคเพชรเม็ดนี้ให้แก่สถาบันสมิทโซเนียนในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นที่ที่จัดแสดงเพชรในปัจจุบัน และมีผู้มาเยี่ยมชมหลายพันซึ่งหลงไหลในเพชรสีน้ำเงินไพลินและความแวววาวที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่มีตำนานที่น่าสนใจ

ขอขอบพระคุณ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับ

 จบแค่นี้นะครับเยอะมากแล้วเดี๋ยวจะโหลดกันช้าเปล่าๆ

 ขอแก้เรื่องโมสาร์ท กับพระนางมารี อองตัวเน็ตต์ นิดหนึ่งครับ

      พระนางมารี อองตัวเน็ตต์เป็นคนที่ไม่ชอบอ่านในสือ จนพะชนมายุ13พรรษาก็ยังคงอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ไม่รู้ประวัติศาสตร์ชาติตนเลย

       พระองค์ชอบเฉพาะเรื่องการดนตรี แต่พระองค์ก็ไม่เคยเรียนอย่างเป็นจริงเป็นจังเลย สิ่งที่น่าเสียดายทีสุดก็คือนักดนตรีหรือปราชญ์ดนตรีถือกำเนิดขึ้นในสมัยพระนางมารี เทเรซาทั้งนั้น ผู้นั้นก็คือ"โวล์ฟกังค์ อะมาเดอุส โมสาร์ท"

       เขามักถูกเชิญให้เข้ามาเล่นดนตรีถวายพระนางมารี เทเรซาบ่อยๆตั้งแต่พรชนมายุ 7 พรรษา จักรพรรดินีจึงถือโอกาสนี้แนะนำโมสาร์ทได้รู้จักกับธิดาพระนางมารี อองตัวเน็ตต์ และได้เรียนรู้การดนตรีในห้องดนตรีที่พระราชวังเชินบรุนน์ แต่พระองค์ก็มิค่อยสนใจซักเท่าใรอีกเช่นเคย

 พระราชินีมารี อองตัวเน็ตต์ ผู้ได้รับการกล่าวขานว่าเสมือน
"กุหลาบแห่งแวร์ซาย" ผู้มีชีวิตหรูหรา อลังการ

จากสตรีผู้เป็นที่รัก เป็นที่ยกย่อง แต่ต้องกลับนำเธอไปสู่ " กิโยติน "

การปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ หรือ เธอคือชนวนเหตุการณ์แห่งความสูญเสียครั้งนี้

นี่คือเรื่องราวที่ได้รับการจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
และระมัดระวังไม่ให้"ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย"

เพราะสุดท้ายแล้วสงครามและความรุนแรงก็มิได้เอื้อประโยชน์แต่อย่างใดนอกจากความสูญเสีย

ขอสันติสุขพึงสถิตย์กับมนุษยชาติตลอดกาล

 "สมเด็จพระนางเจ้าอลิซเบธ พระราชินีผู้พรหมจารี" ต่อ

 สมเด็จเจ้าฟ้าอลิซเบธ ก็ต้องกลายเปนลูกนอกสมรสไปโดยปริยาย

เฮนรีที่8 แต่งงานกับ เจน เซย์เมอร์ และก็ประสูติพระราชโอรส"เอ็ดเวิร์ด ทำให้เป็นที่ยินดีอย่างมาก แต่อีกไม่นานเจนก็สิ้นพระชนม์หลังประสูติการณ์ไม่นาน

ต่อมาพระเจ้าเฮนรี่ที่8 ก็อภิเษกสมรสอีกกับแอนน์ ออฟ คลิฟ เจ้าหญิงทีขี้เหร่ไม่นานทรงเบื่อแล้วหย่าเพื่อไปสมรสกับแคธอรีน โฮเวิร์ด นาง มากเสน่ห์แต่โง่เง่า เจ้าชู้ และต้องถูกปั่นหัวหลังเป็นราชินีได้ไม่นาน

 เอา ไม่ได้เข้าอินเทอร์เน็ตต์มานานวัน

อย่ามัวรอช้าอยู่ใย งั้นมาเล่ากันต่อดีกว่า

 ไม่นานพระเจ้าเฮนรี่ที่8ก็ทรงแต่งงานครั้งสุดท้ายกับพระนางคัทรีนซึ่งเป็นพระมเหสีพระองค์สุดท้ายของพระเจ้าเฮนรี่ที่8

พระนางผู้นี้เป็นคนดี เข้มเข็ง สวยงาม มีความฉลาดมาก พระองค์ทรงรับเลี้ยงพระธิดา(ที่ถูกปลดยศมาเป็นเลดี้ธรรมดา)มาไว้ในพระอุปการะ รวมทั้งธิดา โอรสที่ยังคงดำรงพระยศอยู่ด้วย

และต่อมาพระเจ้าเฮนรี่หามีสิทธิ์ในการสั่งประหาร หรือแต่งแล้วหย่ากับใครได้อีกแล้ว เพราะพระเจ้าเฮนรี่ที่8ได้ทรงเสด็จสวรรคตลง

ต่อมาบัลลังก์อังกฤษ และราชสำนักแทบลุกเป็นไฟ มีการแย่งชิงอำนาจกันในเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่

 และการแย่งชิงอำนาจยังมีระหว่าฝ่ายของสเปญผู้เป็นฝ่ายสนับสนุนนางแมรี่ ตอนแรกขุนนางอังกฤษชนะโดยอ้างว่าแมรี่เป็นธิดานอกสรส ย่อมไม่มีสิทธิ์ซึ่งบัลลัลก์

เหตุผลเรื่องนี้อาจเป็นเพราะอังกฤษกลัวว่าสเปนจะมายึดครองอำนาจ และอาจจะมีผลศาสนจักรอังกฤษเพราะสเปนเป็นคาทอลิก และสเปนเป็นคาทอลิก แล้วอังกฤษเป็นโปเตดแตนด์ก็เป็นได้

ขุนนางอังกฤษจึงถือโอกาสสถาปนานางเจนเกรย์เป็นพระราชินีนาถเพียง 9 วัน ฝ่ายสนับสนุนพระนางแมรี่ก็มาทวงบัลลังก์คืนและเอาตัวพระนางเจนเกรย์ไปขังในหอคอยลอนดอน และประหารในที่สุด

 พระราชินีนาถแมรี่ที่1 ทรงขึ้นเถลิงราชสมบัติ ในปี1553 ในสมัยนี้อังกฤษกลับดำมืดมัว ด้วยการแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างชาวสเปนประกอบกับพระนางแมรี่ได้ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจาฟิลลิฟที่2 แห่งสเปน  

ศาสนจักรโปรแตดแตนต์แห่งอังกฤษถูกคลุกคลาม คนอังกฤษไม่ว่าจะผู้ดีเดินถนน หรือขี้ข้าเดินตรอกก็ตามถ้าใครขัดขืนหรือต่อต้านศาสนจักรสเปนผู้นั้นจะถูกประหารโดยการเผาทั้งเป็น

ในสมัยพระนางแมรี ว่ากันว่า ท้องฟ้าทั่วทั้งอังกฤษแดงฉาน ประกอบกับกลุ่มควันที่เผามนุษย์แบบประหารหมู่ คาทอลิกประหารพวกนอกรีตกันอย่างน่าอนาจ จนท่านสังฆราช และท่านลาติมอร์ถูกเผาทั้งเป็นด้วย

คนอังกฤษทั้งหวาดกลัว ทั้งเกียจชังแมรี่ ราชินีที่บ้าเลือด ไม่งามพระสวามีจึงไม่โปรด เพราะนอกจากทรงพระชราแล้ว ทรงสายตาสั้น ยังไม่งามและไม่โปรดการอาบน้ำทำให้พระวรกายเหม็นไปทั่ว

ผิดกับพระขนิษฐาภาดา "พระนางอลิธเบธ" เจ้าหญิงที่ทรงเป็นวัยรุ่น สวยสดงดงามด้วยเลือดเข้มข้นของตะกูลโบลีน ทรงสูงสง่าราวกับหงส์ ผิวขาวอมชมพูราวกับนางฟ้า ดวงพระเนตรสีน้ำตาลอ่อน  อีกทั้งทรงโปรดการอาบน้ำ การใช้เครื่องหอม การประทิน ทำให้พระวรกายขาวใส สะอาด และหอมกรุ่นตลอดเวลา

อีกทั้งทรงฉลาดหลักแหลมมีความรู้ถึง 5 ภาษาทั้งฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ทรงใช้ภาษากรีก ละติน เยอรมันได้อย่างดีจนทรงประพันธ์บทกลอนมาได้อย่างสละสวยเลยทีเดียว รวมทั้งประวัติศาสตร์เมืองต่างๆ นอกจากวิชาการแล้วทรงลีลาศ และร้องเพลงได้ดีมากด้วยเช่นกัน

 ทุกๆวันพระนางอลิธเบธเสมือนหนามยอกอกพระนางแมรี่ผู้เป็นคาทอลิกอย่างมหาศาล พระนางแมรีจับเจ้าหญิงไปขังที่หอคอยลอนดอน โดยให้เข้าออกผ่านทางประตูทรยศ เช่นเดียวกับเจนเกรย์  มีคณะกรรมการสอบสวนพระนางอลิธแต่พระนางอลิธก็ทรงใช้ความฉลาดรอดพ้นและออกจากหอคอย รวมทั้งข้อหามาได้

ขณะที่ทรงถูกคุมขังทรงรู้จักกับหนุ่มน้อยโรเบิร์ต ลูกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกกล่าวหากรณีเดียวกับเจนเกร์ อลิซเบธกับโรเบิร์ตรักกัน แอบส่งสาน์สโดยมีสัสดีเป็นห่อสื่อ พระราชินีอลิซเบธทรงเจ้าชู้ทรงมีเรื่องรักๆใคร่ๆตลอด แต่พระนางก็มิได้แต่งงานกับใครทรงสมรส ทรงครองเป็นหญิงพรหมจารีเรื่อยมา

พระนางแมรี่จับอลิซเบธต่งงานกับเจ้าชายเอมมานูเอล ออฟ ซาวอย พื่อกำจัดเจ้าหญิงออกจากราชสำนัก แต่เจ้าหญิงไม่ยอมทรงขัดขืนถึงขั้นตบตีกับพระนางแมรี่ ทำให้พระนางแมรี่พิโรธอย่างแรงกล้าทรงให้เจ้าหญิงไปทรมาณแทนที่จะโดนประหาร ทรงจับเจ้าหญิงไปอยู่ในวังเล็กๆเยี่ยงรูหนูที่ชนบทไกลโพ้นพระองค์ทรงให้อัศวิน เซอร์ เฮนรี่ ดัง เฟลด์เป็นผู้คุมและสั่งให้พระนางอลิซเบธทำงานเยี่ยงทาส

พระสวามีพระเจ้าฟิลลิฟ และพระนางแมรี่ต้องการมีรัชทายาทมาก

ทรงอยากตั้งพระครรภ์จนเป็นโรคประหลาดและยังคงเป็นที่สงสัยในวงการแพทย์เสมอมา นั่นก็คือความอยากมีรัชทายาท โดยพระวรกายจะเหมือนคนท้องทุกอย่าง ประจำเดือนขาด แพ้ท้อง หน้าท้องโตเหมือนมีเด็ก และเมื่อครบ9เดือนพระนางก็เจ็บพระครรภ์แทบขาดพระทัย

แต่ไม่มีพระโอรสประสูติการ ท้องยุบลงเอง

พระราชินีแมรี่ตั้งประครรภ์หลอกๆอย่างนี้มาหลายครั้ง ทั้งที่ไม่เคยร่วมอภิรมย์กับพระสวามีเลย จนสุดท้ายเมฆหมอกแห่งอังกฤษก็ได้ดับลงพระนางแมรี่สวรรคต ในเดือนพฤศจิกายน 1558 ครองราชย์อยู่5ปี

 วันหนึ่งเดือนเดียวกับที่พระนางแมรี่สวรรคต ขุนนางหลายต่างไปที่วังเล็กๆของพระนางอลิซเบธ เพื่อประกาศว่าบัดนี้พระนางแมรี่ที่1ทรงสิ้นพระชนม์แล้วขอให้สมเด็จพระบรมราชินีอลิซเบธ พระบรมราชินีนาถจงทรงพระเจริญ และกลับเสด็จนิวัติพระนคร และทรงครองราชย์สมบัติ

ไม่มีใครโศกเศร้ากับการดับแล้วซึ่งความทุกข์ในสมัยพระนางแมรี่เลย ทรงปกครองอังกฤษด้วยพระอิจริยวัติที่เฉลียวฉลาด อังกฤษเจริญมากถึงขีดสุด

ความรักของพระองค์มีมาก แต่ทรงครองราชย์สมบัติภายใต้ความพรหมจารี

ในสมัยพระนางศึกทุกอย่างทรงรบชนะ มีกวีเอกหลายคนเกิดขึ้นคือ วิลเลียม เชกสปีย นอกนั้นมีรัสลิส สเปนเซอร์ มาร์โล และก็มีนักสำรวจเซอร์ฟรานซิส เดรกที่ไปค้นพบดินแดนต่างๆไงล่ะครับ และที่สุดสเปนก็ยอมรับพระนางอลิซเบธและก็ไม่ยอมมีศึกกับอังกฤษไปนานที่เดียว

ว่ากันว่าชีวิตอันแสนโหดร้ายในต้นชีวิตของพระองค์ทำให้พระนางค้นพบวิถีแห่งการปกครอง ทรงครองอยู่ในพรหมจารี และทรงเป็นผู้ที่ชาวอังกฤษนับถือมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์

 เอ่อ ขอชมนะคะ ภาพพระนางมารี อองตัวเน็ตต์ภาพแรกเนี่ย สวยจังเลย อยากให้นำภาพเจ้าหญิงไดอาน่าและครอบครัวมาลงหน่อยได้มั้ยคะ ถ้าคุณvunเอาเรื่องของเจ้าหญิงไดอาน่ามาลงน่ะ

 ขอบคุณค่ะ

 นี่ไม่เล่าต่อแล้วหรอคะเนี่ย

 งั้นเอาเรื่อง

เจ้าหญิงอนาสเตเซีย โรมานอฟ เจ้าหญิงองค์สุดท้ายของรัสเซีย

 ใน section หน้าต่างโลก ก็มีเรื่อง Anastasia: the Mystery of Anna    

 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=13696

ถ้าคุณ vun จะเล่าเสริม ไปเล่าต่อที่นั่นก็ดีนะคะ เนื้อหาจะได้ไม่กระจัดกระจาย... here and there

 นอกจากเจ้านายหรือเชื้อพระวงศ์ทางยุโรปแล้ว ผมว่าคุณ vun น่าจะลองหาประวัติเกี่ยวกับเจ้านายทางภูมิภาคอื่นนะครับ
หลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศสแล้ว สาธารณรัฐที่ 1 ก็อยู่ได้ไม่นานนัก และสิ้นสุดลงหลังนโปเลียนสถาปนาจักรวรรดิฝรั่งเศสขึ้นมา ผมอยากถามว่ามูลเหตุที่ทำให้สาธาณรัฐที่ 1 สิ้นสุดนั้นเป็นเพราะเหตุใดครับ

 มาลงชื่อฟังเรื่อง เจ้าหญิงอนาสเตเซีย โรมานอฟ ด้วยคนครับ

ระหว่างรอ
อ่านกระทู้นี้ไปพลางๆก่อน ค่ะ
http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=20&Pid=13696

 งั้นเอาเรื่องของเอวิต้า เปรอง หรือ St.Evita

 เอ่อ...รู้สึกว่าโมตสาร์ทเจอพระนางอังตัวเนตต์ตอนโมตสาร์ทอายุ 6-7 ขวบเองนะครับ เจอกันที่เชิร์นบรุนน์ด้วย ไม่ใช่ทีฝรั่งเศส แต่มีเรื่องเล่าว่าโมตสาร์ทเล่นเพลงโชว์คณะจบ พอลงจากเก้าอี้ก็สะดุดล้ม พระนางอังตัวเนตต์(6-7 ขวบเหมือนกัน) ก็เข้าไปช่วยพยุง+ปลอบ โมตสาร์ทประทับใจมาก (พระนางอังตัวเนตต์ก็คงน่ารักด้วยแหละ) เจ้าหนูโมตสาร์ทถึงกับพูดว่า "คุณใจดีจัง โตขึ้นผมจะแต่งงานกับคุณ"  

คห. 78

ในบรรทัดสุดท้าย "พระนางอินฟันต้า" จริงๆแล้ว อินฟันต้า เป็นภาษาสเปน แปลว่า เจ้าหญิง

พระนางแคททารีน แห่ง อารากอน เป็นเจ้าหญิงสเปน

ดังนั้น ในภาษาอังกฤษ บางแห่ง จึงไม่ได้ใช้ ว่า Princess แต่เป็น Infanta แทน

ดังนั้น ในประวัติศาสตร์ จึงไม่มีพระนางอินฟันต้า แต่ควรเป็น พระนางแคททารีน แห่ง อารากอน แทน

(ขอแชร์ความรู้ และขออภัยด้วย)

พระนางมาีรี อังตัวเน็ต จากภาพยนต์เวอร์ชั่นล่าสุด ผลงานกำกับของ Sofia Coppola เสนอมุมมอง พระนางฯ ในมุมที่น่าสนใจ

เธอก็เหมือนผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เป็น แม่บ๊าน แม่บ้าน ไม่ได้คิดจะมีบทบาทอะไรนอกจาก "ทำลูก" เท่านั้น (นั่น! คือหน้าที่ของเธอ) หมดหน้าที่ (มีลูกชาย - Dauphin of France) ก็ไปอยู่พระตำหนักฟาร์มเฮาส์ ใช้ชีวิต เป็นแม่บ้าน สบายใจเฉิบ พร้อมกับข่าวเมาส์ว่า "มีชู้"  (ในเมืองสวามี เป็นโรคกลัวเพศสัีมพันธ์ เพราะมีความพิการ กับทรงหมกมุ่นอยู่กับงานทางพฤกษศาสตร์ที่ทรงสนพระทัยกว่าการเป็นกษัตริย์) จึงทรง "เฟิร์ท" กับท่านเคาส์ แอ็กเซลล์ หนุ่มรูปงามและเป็นนักรบ (ซึ่งคนในสมัยนั้น เชิดชู ว่าเท่ห์หนักหนา) แต่ที่น่าสงสารคือ เธอ ในฐานะแ่ม่ ที่รู้ว่าลูกถูกทำทารุณกรรม ถูกคณะปฏิวัติฝรั่งเศส ส่งไปเป็นเด็กรับใช้ของช่างทำรองเท้า ผู้กักขระ ชอบใช้กำลัง  ปัจจุบันมีมุมมองเกี่ยวกับมารีอังตัวเน็ต อีกหลายแง่มุม หาอ่านได้มากมายครับ และสนุกจริงๆ นา..........

ส่วนควีน อลิซาเบท ที่หนึ่ง เรื่องของพระองค์ก็มันส์ จริงๆ ล่าสุดมีภาพยนต์สัญชาติอังกฤษ กำกับโดย พ่อนักบู้ล้างโลก (เพราะกำกับ ID4 กับ 2012 วันโลกแตก และหนังโลกแตกอื่นๆ มากมาย) Roland Emmerich ชื่อหนัง Anonymous อันนี้ เข้าไปเสริชดู เขาว่า เป็นหลักฐานว่า "เวอร์จิ้น ควีน" มีลูกมาแล้วหลายคน คลอดแล้ว ก็ถูกยกให้เป็นลูกคนอืี่น โดยแม้แต่พระองค์เองก็ไม่เคยรู้ว่า ลูกคือใคร? (แต่ในหนังทำเวอร์ไปหน่อย) หนังได้ แม่-ลูก Vanessa Redgrave และ Joely Richardson มาเล่นเป็น ควีน อลิซาเบท ตอนสาวใหญ่ และสาวน้อย และเป็นหนังให้มุมมองใหม่ ของ พ่อ เชคสเปียร์ ที่แทบจะหาหลักฐานความเป็นตัวตนอยู่ไมไ่ด้มากนัก นอกจากผลงาน(ที่ยังหาลายมือเขียนตัวจริงไม่พบซักที) และจดหมายไม่กี่ฉบับ .......