เรือนไทย

ทาลีบันกำลังจะทำลายพระพุทธรูปล้ำค่าทิ้ง นอกเหนือศาสนาแล้ว ถือว่าเป็นเกมทางการเมืองด้วยหรือไม่

การเมืองหรือเปล่าผมไม่ทราบ แต่รู้ว่าน่าเสียดายจริง ๆ เห็นว่าเป็นพระพุทธรูปในยุคต้น ๆ ของพุทธศาสนา
เท่าที่ทราบพระพุทธรูปในพุทธศาสนานั้น สร้างครั้งแรก ๆ โดยชาวโรมัน ใช่หรือเปล่าครับ แล้วทำไมไปอยู่ในอัฟกานิสถานได้ ใครทราบช่วยเล่าให้ฟังหน่อย

ตาลีบันย่ำยีพุทธขนอาวุธสงครามถล่มยิงพระพุทธรูป

เมื่อวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ว่า อัฟกา-นิสถานได้ใช้จรวด กระสุนปืนรถถัง ปืนครก ปืนใหญ่ ตลอดจนอาวุธนานาชนิดที่สรรหามาได้ ทำลายพระพุทธรูป ศาสนวัตถุซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ที่ประดิษฐานอยู่ใน อัฟกานิสถาน เมินเสียงคัดค้านจากประเทศต่างๆ ซึ่งยื่นอุทธรณ์ขอให้อัฟกานิสถาน ระงับการเคลื่อนไหวเหยียบย่ำจิตใจชาวพุทธ ให้เหตุผลว่าสิ่งที่ อัฟกานิสถานทำลาย เป็นมรดกล้ำค่าทางวัฒนธรรม

อย่างไรก็ดี นายโมฮัมหมัด บาห์ราม เจ้าหน้าที่ฝ่ายค้าน ยืนยันว่า ได้มีการทำลายพระพุทธรูปแล้ว ด้านสำนักข่าวอัฟกัน อิสลามิค ก็รายงานว่า กลุ่มตาลีบัน ได้นำระเบิดจำนวนมากไปวางไว้รอ บฐานพระพุทธรูปยืนโบราณ เพื่อระเบิดทำลาย นายคูดราตุลเลาะห์ จามาล รมว.ข่าวสารและ วัฒนธรรมของรัฐบาลตาลีบัน กล่าวว่า ไม่เพียงพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ 2 องค์ โดยองค์หนึ่งสูง ที่สุดในโลก ถูกอาวุธทำลายป่นปี้ พระพุทธรูปทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกจำนวนมาก ซึ่งเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงคาบูล และใน จ.กาซนี เฮรัต จาลาลาบัด และกานดาฮาร์ ก็ถูกทำลายด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ว่ารัฐบาลตาลีบันจะเดินหน้าทำลายศาสน-วัตถุ มิไยดีต่อเสียงคัดค้านของนานาประเทศ โดยสหรัฐฯ ฝรั่งเศส ไทย ญี่ปุ่น ศรีลังกา อิหร่าน ปากีสถาน เยอรมนี รัสเซีย อินเดีย สหภาพยุโรป ทำหนังสือคัดค้าน และประณามการเคลื่อนไหวของอัฟกานิสถานไปแล้ว ซึ่งก็ไม่เป็นผล ทว่าการเคลื่อนไหวต่อต้าน ก็ยังมีขึ้นต่อไป ล่าสุด นายโคอิชิโร มัตซูรา ผู้อำนวยการทั่วไปองค์การยูเนสโก ส่งทูตพิเศษไปอัฟกานิสถาน ในความพยายามชักชวนให้รัฐบาลตาลีบันหยุดทำลายศาสนวัตถุ ขณะที่ทางการไทยแนะว่า ยูเนสโกควรซื้อพระพุทธรูปลํ้าค่านี้ไว้ เพื่อจะได้ไม่ถูกทำลายจากผู้ไม่เห็นค่า ทั้งนี้ ผู้อำนวยการ พิพิธภัณฑ์เมโทรโพลิเทิน มิวเซียม ออฟ อาร์ท (Met) ในนครนิวยอร์ก เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่เรียกร้อง ให้ตาลีบันหยุดทำลายพระพุทธรูปทั่วอัฟกานิสถาน พร้อมทั้งเสนอซื้อศาสนวัตถุเหล่านี้ เก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของตน

วันเดียวกัน นักการเมือง และกลุ่มทางศาสนาในมาเลเซีย ได้ร่วมกับประเทศต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาลตาลีบัน นายลิม กิต เซียง ประธานพรรคเคลื่อนไหวประชาธิปไตย ฝ่ายค้าน เรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซียประณามอัฟกานิสถาน จากการทำลายศิลปะอันล้ำค่าของมนุษยชาติ ที่ประเมินค่าไม่ได้ ด้านฝรั่งเศสส่งคำเตือนไปยังอัฟกานิสถาน ว่า กำลังแกว่งเท้าหาเสี้ยน สร้างความเป็นปฏิปักษ์กับชาติอื่นๆในโลก

ผมว่าคงไม่ใช้โรมันหรอกครับที่เป็นคนสร้าง น่าจะเป็นคนพื้นเมืองที่อาศัยแถวนั้น อีกอย่างในช่วง คศต.5 เป็นช่วงที่พุทธศาสนากำลังรุ่งเรื่องในแถบนั้น เหตุที่ไปอยู่ตรงนั้นเพราะว่าบริเวณนั้นเป้นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างโรมันมาเปอร์เซียและก็มาที่อินเดียหรือเส้นทางสายใหมแหละครับ อิทธิพลการสร้างพุทธรูปนั้นคงได้รับมาจากโรมันมากกว่าเพราะเมื่อก่อนพุทธศาสนาไม่มีคติในการสร้างรูปเหมือนแต่จะมีการสร้างเป็นรูปสัญญลักษณ์แทน เช่นธรรมจักรหมายถึงปฐมเทศนา  ต้นโพธิ์คือตรัสรู้และอิทธิพลของโรมันเข้ามาในสมัยที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ขยายอิทธิพลเข้ามาที่อินเดียโดยใช้เส้นทางนี้เข้ามาผ่านช่องเขาไซเบอร์หรือฮินดูกูสนะครับเพราะไม่แน่ใจ พุทธรูปดังกล่าวจัดได้ว่าเป็นพุทธรูปในสมัยคันธาราษฎ์ ที่มีจีบจีวรเป็นริ่ว ท่าสังเกตุจะคล้ายกะเทพเจ้าอพลอโล

Greek?

คิดว่าน่าจะเป็นกรีก อย่างที่คุณ N.K.Kh. ว่าครับ
รู้สึกว่าจะเป็นพระเจ้าอเล็คซานเดอร์ เป็นผู้ที่ขยายอณาจักรกรีกลงมา
ถ้าจำไม่ผิดคิดว่ามาจากแคว้น มาเซโดเนีย ( Macedonia ) คิดว่าเป็นส่วนของกรีก
ที่ใกล้ๆ กับยูโกสลาเวียนะครับ

จำได้เลาๆว่า ตัวพระเจ้าอเล็กซานเดอร์นั้น ตอนเด็กๆ จะเป็นลูกศิษย์ของอริสโตเติลเสียด้วย
ได้อาจารย์ดีนี่เองถึงได้เก่งนัก

โชคดีเจอวารสาร National Geographic ฉบับ เดือนมีนา ค.ศ. 2000 มีเรื่อง
ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์อยู่พอดี คัดเอามาบางส่วนแล้วกันครับ (ผมยังอ่านไม่จบแหะๆๆ)

พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ หรือ Alexander III of Macedon เคลื่อนกองทัพกรีก
เข้าสู่ Asia Minor (จำไม่ได้ว่าภาษาไทยเรียกว่าอะไร ?) เมื่อประมาณ
334 ปีก่อน ค.ศ. ตอนแรกคาดว่าเพื่อที่จะยึดหัวเมืองของกรีก ที่ตกอยู่ภายใต้
การยึดครองของอาณาจักร์เปอร์เซีย (คาดว่าเป็นบรรพบุรุษของอีหร่านปัจจุบัน)

รบไปรบมากองทัพผสมกรีกของอเล็กซานเดอร์ สามารถยึดครองอณาจักรต่างๆ
ได้มากมาย กินอนาเขตกว้างขวาง ตั้งแต่ตุรกี ซีเรีย วกไปตีอียิปป์ สามารถยึด
อณาจักรลุ่มแม่น้ำไนล์ได้  รบดะเข้าไปยึดเมโซโปเตเมีย หรือ อีรักในปัจจุบัน
บุกไปยึดอีหร่าน เรื่อยมาจนถึง อาฟกานิสถาน และ แคว้นปัญจาบในอินเดีย
( เดาเอาภาษาอังกฤษว่า Punjab คิดว่าถูกต้องนะครับ ) เลยไปถึง อุสเบกิสถาน
เรียกว่าเกือบจะเข้าถึงชายแดนตะวันตกของจีนอยู่แล้วครับ

อณาจักรของอเล็กซานเดอร์ยิ่งใหญ่มาก เป็นการเปิดยุคที่เรียกว่า Hellenistic Age
ซึ่งเริ่มนับจากปีที่อเล็กซานเดอร์สวรรคต คือเริ่มปี 323 ก่อนค.ศ. และจบลงปี  31ก่อนค.ศ.
ยุคนี้เป็นยุคที่อารยธรรมกรีก แพร่หลายไปทั่วอาฟริกาเหนือ และ เอเชียตะวันตกเฉียงใต้
และวัฒนธรรมการสร้างพระพุทธรูปก็เป็นการผสมวัฒนธรรมกรีกเข้ามานั่นเองครับ

แต่หาไม่เจอเรื่องของอริสโตเติลแฮะ จำไม่ได้ว่าอ่านมาจากไหนครับ

ส่วนเรื่องทำลายพระพุทธรูปนี่ ผมมองว่าไม่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม
เห็นได้จากชาติอิสลามทุกชาติออกเสียงคัดค้าน เป็นเพราะตัวผู้นำมากกว่า
เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง และหลายที่ในประวัติศาสตร์
เช่นในช่วงนาซีเยอรมัน ก็มีการทำลายศิลปะ ผมว่าเป็นเรื่องของผู้นำเผด็จการ
ที่ใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง

ขออภัยในความผิดพลาดของข้อมูล

ขอเพิ่มเติมข้อมูลของคุณ Jor แต่อาจจะคลาดเคลื่อนบ้างเพราะยังไม่มีโอกาสเปิดหนังสือตรวจสอบนะคะ

เมื่ออเล็กซานเดอร์ยกทัพถึงลุ่มน้ำสินธุ เป็นช่วงเดียวกับยุคสมัยของพระเจ้าจันทรคุปต์แห่งราชวงศ์โมริยะ (ที่มาเป็นชื่อจันทโครบ และนางโมรา ในนิทานไทย) ที่สามารถต่อต้านกองทัพกรีก และยึดดินแดนคืนได้ แล้วยังขยายอำนาจไปถึงอัฟกานิสถาน และตอนเหนือของอินเดีย  เป็นโอกาสให้มีการรวมตัวกันเป็นครั้งแรกของจักรวรรดิอินเดีย

กษัตริย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของราชวงค์โมริยะ คือ พระเจ้าอโศก แผ่อำนาจครอบคลุมดินแดนอย่างกว้างขวาง ยึดได้กลิงคะราษฎร์ ทำสงครามคนตายเป็นแสน ต่อมาทรงนับถือพุทธศาสนา  ซึ่งถือหลักไม่เบียดเบียนทำให้อำนาจทางทหารลดลง  กษัตริย์องค์ต่อมาไม่สามารถรักษาอำนาจได้

หลังจากนั้นแล้ว ในราว 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช  มีกรีกพวกหนึ่งเข้ารุกรานอัฟกานิสถาน และเข้าสู่ที่ราบปัญจาบ กษัตริย์เชื้อสายกรีกองค์หนึ่งที่มีชื่อเสียง คือ พระเจ้ามิลินทร์ ทรงสนับสนุนศาสนาพุทธ เป็นจุดเริ่มต้นของการรับอิทธิพลศิลปะแบบกรีกเข้าสู่อินเดีย

ยุคที่รุ่งเรืองด้านศิลปะดังกล่าว คือ ระยะที่กุษาณะก่อตัวเป็นอาณาจักร เมื่อเข้าช่วงปีศริสต์ศักราชแล้ว   มีรูปแบบศิลปะที่โดดเด่น เรียกว่า ศิลปะคันธาระ กษัตริย์องค์สำคัญ ชื่อ พระเจ้ากนิษกะ ทรงนับถือพุทธมหายาน

ยุคนี้อินเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบการค้าโลกในสมัยนั้น มีเส้นทางการค้าเชื่อมต่อเอเชียกลางและตะวันตก ไปสู่ดินแดนกรีก โรมัน และแอฟริกา ส่วนทางทะเลก็มีเส้นทางติดต่อจากอินเดียใต้ไปอุษาคเนย์

ศิลปะคันธาระได้รับอิทธิพลแบบอย่างประติมากรรมกรีกยุคเฮเลนิสติก พบมากที่อัฟกานิสถาน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน เป็นต้น

ลักณะทางประติมากรรม มีรูปหน้ากลมมน รูปร่างสมบูรณ์แบบกรีก แสดงกล้ามเนื้อ ริ้วผ้าจีวรหนาและใหญ่ เหมือนอย่างที่เราเห็นจากข่าวทีวี

ก็นับว่าน่าเสียดายกับ สิ่งที่เป็นประจักษ์พยานในผลงานด้านศิลปะของมนุษยชาติ และเป็นสิ่งที่จะเชื่อมโยงประวัติศาสตร์ให้แก่คนรุ่นต่อไปต้องสูญสิ้น

เขาบอกว่าจะทำลายพระพุทธรูปเพื่อให้ทาลีบันเป็นดินแดนอิสลามบริสุทธิ์
...ทำไมความขัดแย้งเรื่องศาสนามันรุ่นแรงกันจังเลย

การทำลายพระพุทธรูปมีมาแล้วหลายยุคและหลายอาณาจักร
ในเขมร  เมื่อลัทธิพราหมณ์เข้ามา หลักฐานทางพุทธศาสนาก็ถูกทำลายไป
แม้แต่ในอินเดียเอง  พุทธศาสนาก็ถูกบั่นรอนไป ทั้งทางด้านศาสนวัตถุและความเชื่อ
ทำให้พุทธศาสนาค่อยๆหมดไปจากหลายดินแดน แต่ก็ไปเฟื่องฟูอยู่ในอีกหลายแห่งเช่นกัน

ดิฉันมองว่าการทำลายพระพุทธรูปนี้เป็นเรื่องสั่นสะเทือนจิตใจชาวพุทธ   ในด้านความเคารพศรัทธาที่มีต่อรูปตัวแทนพระพุทธเจ้า
จะเป็นเกมการเมืองหรือไม่ก็ต้องมองว่าผู้นำทาลีบันมีจุดมุ่งหมายอะไรแน่ในการทำลาย   ถ้าปล่อยไว้มันเสียหายกับพวกเขานักหรือ
ในเชิงประวัติศาสตรศิลป์-แน่นอนว่าหลักฐานส่วนนี้น่าเสียดายมาก

พูดถึงส่วนตัว-ในเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเขาลงมือไปแล้ว ก็ต้องระงับใจด้วยการนึกถึงพระพุทธวัจนะว่า
"ผู้ใดเห็นธรรม  ผู้นั้นเห็นตถาคต"
พระพุทธรูปถูกทำลายไป แต่พุทธธรรมยังคงอยู่

เชื่อว่าผลการตัดสินใจของผู้นำทาลีบันจะก่อผลสะท้อนกลับมาถึงตัวแน่นอน  อย่างน้อยก็มองได้จากปฏิกิริยาชองชาติอื่นๆ

ข้อมูลผิดพลาดบ้างเป็นเรื่องธรรมดาครับคุณ Sinanthropus
ตัวผมเองก็ยังผิดประจำครับ... ฮี่ๆๆ

ขอบคุณ คุณปะกากะออม ครับ นี่ขนาดไม่มีตำรานะนี่

กลับมายืนยันว่าอเล็กซานเดอร์เป็นลูกศิษย์ของอริสโตเติลครับ โดยบิดาของ
อเล็กซานเดอร์เป็นผู้เรียกอริสโตเติลกลับมาจากกรีก เพื่อเป็นติวเตอร์ให้บุตรชาย

อเล็กซานเดอร์นั้นขึ้นครองราชย์เมื่ออายุ 20 ปี หลังจากที่บิดาคือ ฟิลลิปส์ หรือ
Philip II of Macedon ถูกลอบสังหาร โดยบอดีการด์ ซึ่งนักประวัติศาสตร์
สันนิฐานว่าเป็นคนรักของฟิลลิปส์เอง ( ฟิลลิปส์นั้นเป็น Bisexual ไม่ทราบเหมือน
กันว่าได้หลักฐานมาจากไหน ... ผมก็ว่าตามหนังสือครับ ) ในวารสาร
National Geographic มีรูปโฉมหน้าของฟิลลิปส์ที่ได้จากการวิเคราะห์โครงกระดูก
โบราณด้วย ( ศพของฟิลิปส์ถูกพบในสุสานของเขา ในปี 1977 )
ที่น่าหวาดเสียวคือ ดวงตาข้างขวาของเขาถูกลูกศรของศัตรูบอดสนิท

ฟิลิปป์นั้นก่อนถูกลอบปลงพระชนม์ได้รวบรวมเมืองต่างๆ ในกรีกเข้าด้วยกันได้
เกือบหมดแล้ว มีตอนหนึ่งที่ฟิลิปส์บอก(สอน)กับลูกชายตัวเองว่า
" My boy, seek a kingdom to match yourself.  Macedonia is not large
enough to hold you " ผลก็คือ สองปีหลังจากฟิลิปส์เสียชีวิต อเล็กซานเดอร์
ก็เคลื่อนพล ทหารม้า และ รถเกราะ 6000 นาย และทหารเดินเท้าอีก 43000
ผ่านเข้าสู่สงครามกับอณาจักร์เปอรเชีย

มีตอนหนึ่งกล่าวถึงการรบของอเล็กซานเดอร์ที่ที่ราบปัญจาบด้วยครับ

ในปี 327 ก่อนค.ศ. อเล็กซานเดอร์เคลื่อนพล 75000 นายเข้าประชิดดินแดนที่ตัวเขาเอง
คิดว่าเป็นอินเดีย ( ในปัจจุบันคือบริเวณภาคอีสานของปากีสถาน ) เขาบอกว่า
เป็นการรบที่ยากที่สุดครั้งหนึ่งของอเล็กซานเดอร์ คู่ต่อสู้คือกษัตรย์ที่ครองแคว้น
ปัญจาบอยู่ชื่อว่า Porus (ไม่ทราบออกเสียงไทยว่าอย่างไร) ในหนังสือบอกว่า
Porus นั้นร่างกายสูงใหญ่ราวๆ 7 ฟุตทีเดียว มีกองทัพที่ใช้ช้างศึกเป็นพาหนะ
ซึ่งช้างนั้นทำให้กองทัพม้าของอเล็กซานเดอร์ลำบากใจไม่น้อย

ทัพทั้งสองฝ่ายตั้งยันกันอยู่คนละฝั่งของแม่น้ำ อเล็กซานเดอร์ต้องออกอุบาย
นำทัพอ้อมไปข้ามแม่น้ำในจุดที่ห่างออกไป 17 ไมล์ แล้ววกกลับลงมาตีค่าย
ของ Porus รบตะลุมบอนกันพอสมควร สุดท้ายอเล็กซานเดอร์ก็ชนะ
แต่ไม่ได้ประหาร Porus และให้เป็นกษัตรย์ตามเดิมเพียงแต่เป็นเมืองขึ้นของกรีก
เท่านั้น

ขอออกนอกทางนิดนะคะคุณ Jor
" ฟิลลิปส์นั้นเป็น Bisexual ไม่ทราบเหมือน
กันว่าได้หลักฐานมาจากไหน ... ผมก็ว่าตามหนังสือครับ"
สังคมกรีกเป็นสังคมของโฮโมเซกชวลค่ะ หรือจะเรียกว่าไบเซกชวลก็ได้  โรมันก็รับสืบทอดแนวนิยมนี้มาอีกที
การที่นายทหารจะมีความสัมพันธ์ทางเพศกับนายทหารด้วยกัน  ถือเป็นเรื่องธรรมดา  และค่อนข้างจะสร้างไมตรีหรือความจงรักภักดีได้แน่นแฟ้นด้วยซ้ำ

นอกจากในแง่ของชาวพุทธแล้ว ผมยังรู้สึกเสียดาย สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ด้วย
เพราะพระพุทธรูปยืนที่สูงที่สุดในโลกนั้น เก่าแก่ และแสดงถึงอารยธรรมโบราณ ความก้าวหน้าทางก่อสร้าง อย่างน้อยถ้าตัดเรื่องศาสนา ออกไปก็เป็นศิลปะวัตุถุอันล้ำค่า ช่างน่าเสียดายจริง ๆ คนไทยเราผมว่าอย่างนี้เราควรจะหันมารณรงค์รักษาโบราณวัตถุ โบราณสถานของบ้านเราไว้นะครับ อย่าให้สูญหายหรือถูกทำลายไปอีก

ฟังข่าวเมื่อเช้าเค้าบอกว่าตาลีบันจะทำลายให้สิ้นภายในสัปดาห์นี้ล่ะค่ะ  ใครจะไปขวางได้คะนี่  เฮ้อ

นอกจากนี้แล้วดินแดนที่อัฟกานิสถาน ยังเป็นแหล่งที่ส่งอิทธิพลทางศานาพุทธมหายานไปให้กับจีนด้วยนะครับ จีนไม่ได้รับโดยตรงจากอินเดีย ซึ่งเกิดจากการที่จีนขยายอาณาเขตขึ้นไปทางตอนเหนือถึงเขตเอเชียกลางซึ่งเป็นช่วงที่พุทธศาสนากำลังเจริญรุ่งเรื่องทำให้จีนเกิดความศรัทธาและคุ้นเคยจนยอมรับนับถือพุทธศาสนาต่อมาฟาเหียนค่อยเดินทางมาสืบพระศาสนาจากอินเดียทีหลัง

น่าเสียดาย ที่สิ่งที่เป็นอารยธรรมเก่าแก่จะต้องมาถูกทำลาย ........

ขอบคุณครับคุณเทาฯ ...
แต่ผมรู้สึกว่าวิธีเพิ่มความสามัคคี จงรักภักดี ด้วยวิธีนี้น่าจะไม่ได้ผลนะครับ
ดูฟิลลิปส์เป็นตัวอย่าง ...

วันนี้เพื่อนๆผมที่เป็นชาวอิหร่านสองสามคนคุยกันเรื่องนี้เหมือนกัน
เขาบอกว่ารู้สึกละอายใจ และ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก
โดยเฉพาะที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า

เข้าใจว่าประเทศสมาชิกขององค์การการประชุมรัฐอิสลาม (OIC) หลายประเทศ ออกมาเรียกร้องให้ตาลิบันยุติการกระทำดังกล่าวแล้ว แต่อาจจะห้ามไม่ทันแล้วก็ได้

ถึงแม้ในหลักศาสนาอิสลามเองไม่มีการนับถือรูปเคารพ แต่ประเทศมุสลิมหลายประเทศก็ไม่เห็นด้วยกับตาลิบันที่อ้างหลักศาสนาอิสลามมาทำลายพระพุทธรูป เพราะในหลักศาสนาอิสลามอีกข้อหนึ่งมีปรากฏชัดเจนว่า ให้มุสลิมมีขันติธรรมต่อคนในศาสนาอื่นที่ไม่ใช่มุสลิม

ในประวัติศาสตร์ ผู้ปกครองมุสลิมที่ปฏิบัติตามหลักอิสลามข้อนี้ คือมีใจกว้างต่อผู้นับถือศาสนาอื่น ยอมให้มีเสรีภาพทางศาสนาในดินแดนที่ตนปกครอง ก็มีอยู่ไม่น้อยราย โดยเฉพาะในยุคทองของอิสลามที่โลกอาหรับเปิดใจกว้างรับความรู้ความคิดของฝรั่งโบราณในสมัยที่ฝรั่งเองเข้าสู่ยุคกลางหรือยุคมืด (และตอนหลังฝรั่งเองต้องมาเรียนวิทยาการจากโลกอาหรับใหม่) แต่ในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะทางแถวๆ อนุทวีปอินเดียเอง ก็มีกรณีที่ผู้ครองอำนาจที่เป็นมุสลิมบางกลุ่ม ละเลยไม่ได้ปฏิบัติตามหลักธรรมของอิสลามข้อนี้เหมือนกัน ดังที่พุทธศาสนาเสื่อมสูญไปจากอินเดีย เพราะการรุกรานของนักรบที่เป็นมุสลิมเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ก็ในอินเดียอีกเหมือนกันที่มีจักรพรรดิมุสลิมที่มีพระทัยกว้างขวางและยอมรับให้มีการนับถือศาสนาต่างๆ ในเขตปกครองของพระองค์

ตามมาฟังข่าวค่ะ
น่าเสียดายจริงๆ ค่ะ  
สมบัติของมนุษยชาติ    
พระพุทธรูปองค์ใหญ่โตขนาดนั้น
สร้างกันไม่ได้ง่ายๆ  ยิ่งแกะสลักกันบนหน้าผา ยิ่งยากมาก
 มนุษยบางคนนี่ก็แปลกนะคะ  ทำอะไรคนด้วยกันไม่ได้  ก็ไปรังแกทำลายข้าวของ...

เป็นคนใหม่น่ะครับ เพิ่งเข้ามาในกระดานข่าวนี้ครับ

เท่าที่คนทำอ้าง ก็บอกว่าทำตามที่พระมูฮัมหมัด ศาสนาของศาสนาอิสลาม ทำลายรูปเคารพในเมืองเมกกะ ไม่ใช่หรือครับ

ยังไม่ค่อยเข้าใจ ว่ามันยังไงครับ

แต่เสียดายพระพุทธรูปที่โดนทำลายครับ
เพราะกว่าจะสร้างได้ไม่ใช่วันสองวันแน่ๆ อาจจะเป็นปี ๆ เลย ไม่แน่ด้วยว่าคนสมัยนี้จะทำได้หรือเปล่าด้วย ครับ