เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: นิรันดร์ ที่ 08 มิ.ย. 04, 09:21



กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 08 มิ.ย. 04, 09:21
 มีความเป็นมาอย่างไรครับ
เท่าที่ผมทราบ
ราหูนั้นเป็นอสูรย์ร้าย
แล้วก็ยังมีคนนับถือกราบไหว้เอาอสูรย์ร้ายเป็นที่พึ่งพิงอีก
ในความเห็นของผม คนที่นับถือความชั่วร้ายนี่ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้เลยทีเดียว

แล้วก็ เกตุ กับ ราหู นี่ มีดวงดาวจริง ๆ ในท้องฟ้าไหมครับ
ตามความรู้ของผมก็คือ ราหูก็คือเงาของโลกที่ไปบังดวงจันทร์ หรือดวงอาทิตย์ แต่คือเมื่อคืนดูรายการถึงลูกถึงคนของคุณสรยุทธ แล้วมีวิทยากรพูดถึงการตัดกันของวงโคจร ตัดขึ้น ตัดลงของระนาบวงโคจรดาวศุกร์กับโลก แล้วรู้สึกว่า ราหูกับเกตุเป็นอันเดียวกัน

ตอบในเชิงวรรณคดีหรือวัฒนธรรมก็ได้ครับ
หรือว่าควรไปถามที่ห้องดาราศาสตร์
ขอบคุณล่วงหน้าครับ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 มิ.ย. 04, 11:37
 สวัสดีค่ะอาจารย์
คำถามนี้คุณพวงร้อยน่าจะตอบได้ละเอียดกว่าดิฉัน     รอให้เธอเสร็จงานในหน้าที่ และว่างจากงานประจำวันกับหนุ่มน้อยสาวน้อยที่บ้านก่อน     คงจะแวะเข้ามาให้ความรู้กับเราได้

ตอนนี้ขอเปิดพจนานุกรมตอบก่อนนะคะ
เกตุ   เป็นชื่อดาวนพเคราะห์ดวงที่ 9  หมายถึงตำแหน่งที่ดวงจันทร์ผ่านจากเหนือระนาบสุริยวิถีลงสู่ใต้ระนาบสุริยวิถี     ส่วนตำแหน่งที่ดวงจันทร์ผ่านจากใต้ระนาบสุริยวิถีขึ้นเหนือระนาบสุริยวิถี  เรียกว่า พระราหู

ราหู ชื่อดาวพระเคราะห์ดวงที่ 7  หมายถึงตำแหน่งที่ดวงจันทร์ผ่านจากใต้ระนาบสุริยวิถีขึ้นเหนือระนาบสุริยวิถี  
ทางวรรณคดี  เป็นชื่ออสูรตนหนึ่งมีตัวขาดครึ่งท่อน    โบราณเชื่อว่าสุริยคราสหรือจันทรคราส   เงาดำที่เห็นคือราหูอมพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ไว้
ส่วนตำราโหราศาสตร์(ไม่ใช่วรรณคดี) บอกว่าเป็นเทวดาพระเคราะห์   ถ้าหากว่าเสวยอายุใคร ในช่วงนั้นจะเกิดเคราะห์ร้ายต่างๆกับมนุษย์คนนั้นค่ะ  


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 08 มิ.ย. 04, 18:05
 ขอบคุณมากครับ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: นัยนา ที่ 08 มิ.ย. 04, 22:03
 เรื่องของพระราหู(พระพุธ) กลางคืน มีอยู่ว่าพระราหูทรงเป็นอสูรเทพ คือเป็นเทพที่มีรูปกายเป็นยักษ์นั่นเอง มีพระวรกายสีดำสนิทและทรงอาภรณ์สีดำสนิทบ้างก็สีทองแดง

พาหนะ ตามตำราชาวฮินดู คือสิงห์ สำหรับโหราศาสตร์ไทย ทรงครุฑเป็นพาหนะ  ตำนานการกำเนินของพระราหูมีอยู่มากมายหลายเรื่อง เช่นพระราหู เป็นโอรสของพระวิประจิตติ และพระนางสิหิกา เมื่อแรกเกิดขึ้นพระราหูมีหางเป็นนาค และสถิตอยู่ในวิมานสีนิชลหรือสีดำขลับโดยมีพาหนะเป็นพญาครุฑ พระราหูถือเป็นเทวะองค์ที่ 8 ในบรรดาเทพแห่งนพเคราะห์

ในคัมภีร์อินเดียโบราณ บันทึกว่าพระศิวะได้นิรมิตผีโขมด 12 ตน และร่ายพระเวทป่นให้ผีนั้นแหลกละเอียดเป็นผุยผงจากนั้นนำผ้าสีดำสนิทมาห่อ และประพรม ด้วยน้ำอมฤตเสกสรรบันดาลให้กลายเป็นเทวะองค์ที่ 8 นาม พระราหู

คัมภีร์โบราณฮินดูกล่าวว่าพระราหูทรงเป็นโอรสของพระพฤหัสบดีกับนางสิงหิกา

บางคัมภีร์กล่าวว่าทรงเป็นพี่น้องกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ก่อนมากำเนิดบนสวรรค์ เรื่องเล่าอดีตชาติเรื่องราวเกิดขึ้นที่บ้านเศรษฐีผู้มั่งคั่งผู้หนึ่งมีบุตรชาย 3 คน คนโต อดีตชาติคือพระอาทิตย์ คนรอง อดีตชาติคือพระจันทร์ และคนสุดท้อง อดีตชาติคือพระราหู ต่อมาเมื่อเศรษฐีได้ถึงแก่กรรมลงทั้ง 3 พี่น้องได้นิมนต์พระมาทำบุญโดยการใส่บาตร พี่คนโตได้คว้าขันทองคำพร้อมอธิษฐานด้วยเสียงดังว่าผลบุญที่กระทำจงส่งผลให้เกิดเป็นพระอาทิตย์เพื่อส่องแสงในยามกลางวัน พี่คนรองคว้าได้ขันเงินเมื่อใส่บาตรเสร็จจึงอธิฐานดังๆ ว่าขอให้เกิดเป็นพระจันทร์ทำหน้าที่ส่องแสงยามค่ำคืนด้วย ส่วนคนสุดท้องเมื่อได้ฟังพี่ชายทั้ง 2 ของตนอธิฐานก็โกรธเป็นอย่างมากจึงคว้ากระบุงใส่ข้าวมาใส่บาตรอธิฐานดังๆ ว่าขอให้เกิดเป็นพี่ชายใหญ่ของพระอาทิตย์และพระจันทร์ มีร่างกายใหญ่โตจนสามารถบดบังแสงแห่งพระอาทิตย์และพระจันทร์ไว้

กาลต่อมาเมื่อทั้ง 3 คนสิ้นอายุลงคำอธิฐานก็เป็นดังที่ขอไว้ทั้งสิ้น

เวลากลางวัน เมื่อพระราหูโคจรพบพระอาทิตย์ก็บดบังแสงไว้มิให้ส่องมายังโลก เหตุนี้จึงเรียกว่าการเกิดสุริยุปราคา

เวลากลางคืน เมื่อพระราหูก็จะเข้าบดบังอมพระจันทร์ไว้ให้มืดมิด เหตุนี้จึงเรียกกันว่า จันทรุปราคา หรือจันทรคราส

ซึ่งเกิดจากความโกรธพี่ชายทั้ง 2 ของตนที่ได้อธิฐานไว้จึงเกิดเป็นความพยาบาทสืบเนื่องกันมา
  ส่วนสาเหตูที่พระราหูตัวขาด 2 ท่อนนั้นก็เพราะว่า เล่ากันว่าพระราหูได้แปลงตัวเป็นเทวะองค์หนึ่งเข้ารวมในการชุมนุมของทวยเทพ และได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไป แต่ทว่า พระสุริยาทิตย์ และพระจันทร์ได้สังเกตเห็น เข้าจึงนำความไปบอกพระวิษณุหรือพระนารายณ์ ว่าพระราหูผู้เป็นอสูรได้แปลงร่างไปเป็นเทวะและลอบดื่มน้ำอมฤตนั้น พระนารายณ์ทรงกริ้วนักจึงขว้างด้วยจักรถูกพระราหูจนวรกายขาดไปครึ่งองค์ แต่ทรงมิสิ้นชีพเนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปแล้วจึงมีฤทธานุภาพสูงเทียมเท่ากับ เทวะทั้งมวล พระราหูจึงเหลือแต่เพียงท่อนหัวล่องลอยไปมาในชั้นสวรรค์คอยจับพระอาทิตย์และพระจันทร์มากินเพื่อแก้แค้นดังเช่นเดิม

ส่วนท่อนตัวหรือท่อนล่างของพระราหูที่กระเด็นขาดหายไปได้กลายไปเป็นพระเกตุเป็นเทวะแห่งนพเคราะห์องค์ที่ 9 ซึ่งมีรูปลักษณ์เป็นดาวหางหรือ ดาวผีพุ่งไต้ เกิดขึ้นนานๆ ครั้งในชั้นบรรยากาศนั่นเอง

อีกตำนานเล่าไว้ว่าเหตุเกิดจากพญาครุฑ (พระอาทิตย์) อยากกินพญานาค (พระเสาร์) จึงเข้าไล่จับมาทำอาหาร พญานาคหนีไปหาพระราหูเพื่อขอให้ช่วยเหลือ จึงต่อสู้กันสุดท้ายพญาครุฑพ่ายแพ้จึงเข้าเฝ้าพระอินทร์ (พระพฤหัส) สุดท้ายพระอินทร์ก็ไม่สามารถจับพญาครุฑได้ ส่วนพระราหูเหลือบไปเห็นน้ำอมฤตด้วยความเหนื่อยล้าจึงยกน้ำอมฤตขึ้นดื่ม เมื่อพระอินทร์เห็นดังนั้นก็บรรดาลโทสะขว้างจักรเพชรเข้าใส่ร่างพระราหูขาดออก 2 อ่อน แต่ก็ไม่ตายด้วยดื่มน้ำอมฤตก่อนแล้ว  


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 09 มิ.ย. 04, 09:28
 ขอบคุณมากครับคุณนัยนา
ดูจากตำนานแล้ว พระอาทิตย์ พระจันทร์และพระราหู ต่างก็เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน
แต่เกิดมามีรูปร่างหน้าตาดีบ้างไม่ดีบ้าง
เทวดาผู้ใหญ่ที่เกรี้ยวกราดเกินไป แค่แอบไปกินน้ำก็ถึงกับจะฆ่ากัน โชคดีที่ราหูไม่ตาย
ผมให้อภัยราหูครับ
แต่จะให้นับถือกราบไหว้ราหู ผมคงทำไม่ได้
 


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 09 มิ.ย. 04, 12:34
 ดิฉันไม่รู้เรื่องโหราศาสตร์มากเท่าไหร่หรอกค่ะ  แถมไม่มีหนังสืออะไรให้อ้างอิงเอาเลยน่ะค่ะ  ขอบคุณคุณนัยนา  ราหูนั้นเคยได้ยินมาอย่างที่คุณนัยนาเล่าน่ะค่ะ  แต่จำรายละเอียดมากๆไม่ได้  ส่วน เกตุ นั้นนึกไม่ออกค่ะ   ขออภัยด้วย


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 มิ.ย. 04, 15:52
 มาขอบคุณอีกคนด้วยค่ะ  คุณนัยนา

คุณพวงร้อยคะ  ช่วยอธิบายทางด้านดาราศาสตร์ได้ไหมคะ  อย่างที่ดิฉันคัดมาจากพจนนานุกรมน่ะค่ะ
ดาวเคราะห์ดวงที่ 7 และ 9  มีอะไรบ้างคะ
แล้วระนาบที่ว่ามานั้นคืออะไร
สุริยวิถี  คืออะไรคะ  ตรงกับภาษาอังกฤษว่าอะไร  


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 09 มิ.ย. 04, 23:52
ก่อนอื่นดิฉันต้องออกตัวก่อนว่า  ภาษาใช้ในทางโหราศาสตร์นี่  เป็นที่เข้าใจยากสำหรับดิฉันจริงๆค่ะ  การพิเคราะห์ของดิฉันจึงมาจาก  การเดา ความหมายของข้อความเหล่านี้นะคะ  ดิฉันอาจจะเข้าใจข้อสอบผิดไปหลายขุมก็ได้  แฮ่ะๆ  

ตอนแรกดิฉันอ่านที่คุณเทาชมพูยกมา ที่ว่า

"เกตุ เป็นชื่อดาวนพเคราะห์ดวงที่ 9 หมายถึง
ตำแหน่ง
ที่ดวงจันทร์ผ่านจากเหนือระนาบสุริยวิถีลงสู่ใต้ระนาบสุริยวิถี ส่วนตำแหน่งที่ดวงจันทร์ผ่านจากใต้ระนาบสุริยวิถีขึ้นเหนือระนาบสุริยวิถี เรียกว่า พระราหู

ราหู ชื่อดาวพระเคราะห์ดวงที่ 7 หมายถึงตำแหน่งที่ดวงจันทร์ผ่านจากใต้ระนาบสุริยวิถีขึ้นเหนือระนาบสุริยวิถี "

นี่มึนจัดเลยค่ะ  เพราะ  คำว่า ดาวนพเคราะห์ กับ ดาวพระเคราะห์ ก็ไม่ consistant เสียแล้ว  ดาวนพเคราะห์ คงมาจากความเชื่อที่ว่า  บริวารของดวงอาทิตย์ มี ๙ ดวง  จะใช้คำเดียวกับ ดาวพระเคราะห์ หรือไม่  นี่ดิฉันยังงงๆอยู่นะคะ

ประการที่ ๒ ดูเหมือนในย่อหน้าเดียวกัน  คำว่า ดาวนพเคราะห์ และดาวพระเคราะห์  ใช้ควบกันไปในการพูดถึง ๒ สิ่ง  คือตัวดาว(planetary body) กับตำแหน่งของดวงดาวที่มาจากการโคจรรอบดวงอาทิตย์ (orbital motion)  

กรุณาไปอ่านบทความนี้ที่นี่ก่อนนะคะ http://www.vcharkarn.com/astronomy/astronomy/?Aid=121   จะอธิบายละเอียดถึงการเกิดอุปราคาเลยค่ะ

(โอ๊ย ตายแล้ว คุณจ้อ คุณเปี้ยว  ทำไมเครื่องหายคำพูด  มันติด backslash มาด้วยทุกอันเลยคะ  ย้ายเซิร์ฟเว่อรแล้วติดบั๊กอะไรมารึเปล่าคะ)

(( ดิฉันมาเอดิตเครื่องหมาย backslash ออกอีกครั้งในหน้าเอดิเต้อร์นะคะ  ถ้าเอาออกไม่ได้สงสัยเป็นบั๊กตัวใหญ่แล้วค่ะ  แต่ทำบ่อยๆคงมือหงิกแน่เลยค่ะ))

(((Editorเอาไม่ออกจริงๆด้วยค่ะ)))



กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 09 มิ.ย. 04, 23:57

(ภาพที่ 16) จุดที่เรียกว่า descending node คือจุดที่ดวงจันทร์เริ่มเคลื่อนตัวลงครึ่งล่างของระนาบวงโคจร ที่อยู่ใต้ระนาบวงโคจรของโลก จุดที่เป็น ascending node นั้นก็คือจุดที่ดวงจันทร์เริ่มโผล่ขึ้นมาโคจร ในส่วนที่อยู่เหนือระนาบวงโคจรของโลก ภาพโดย Brian Brewer

(ลอกเอารูปและคำบรรยายภายในหน้า ๓ ของบทความในลิ้งค์ข้างบนมาแปะนะคะ  )


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 10 มิ.ย. 04, 00:03

ระนาบวงโคจร หรือ Ecliptic plane  หรือที่เรียกกันว่า  the Ecliptic เฉยๆ  คือ วิถี หรือเส้นทางที่บริวารทั้งหลายของดวงอาทิตย์  โคจรรอบดวงอาทิตย์

แต่วงโคจรของดาวเคราะห์แต่ละดวงก็ไม่ได้อยู่บนระนาบเดียวกันเป๊ะๆ  ดังในภาพนะคะ  เขาจึงนับ ระนาบโคจร เอาคร่าวๆ  คือมันไม่ใช่ระนาบเป็นแผ่นบางเหมือนแผ่นกระดาษ  แต่เป็น แถบ ทางโคจรมากกว่าค่ะ

รูปข้างบนดูค่อนข้างยาก  เพราะวงโคจรของบริวารทั้งระบบกว้างมากๆๆ  ความเบนเบี่ยงของระนาบโคจรของแต่ละดวง  มีน้อยๆองศามาก  มันเลยดูไม่ออกในรูปรวมแบบนั้นนะคะ  ส่วนวงโคจรของดาวพลูโตนั่นผิดปกติชาวบ้านเค้ามาก  อย่าไปใส่ใจมากเลยนะคะ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 10 มิ.ย. 04, 00:05

ดูรูปนี้จะเห็นชัดหน่อย


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 10 มิ.ย. 04, 00:13
ดิฉันสงสัยมานานแล้วค่ะ  ว่าคนโบราณรู้ได้อย่างไรว่า  บริวารของดวงอาทิตย์มี ๙ ดวง  เพราะ ดาวพลูโต นั้น  เพิ่งถูกค้นพบเมื่อปี คศ ๑๙๓๐ กว่าๆเท่านั้นเอง

มาเห็นข้อความที่คุณ เทาชมพู คัดมาแล้ว  ดิฉันก็ถึงบางอ้อแล้วค่ะ  ดิฉันคิดว่า  ในทางโหราศาสตร์  คำว่า ดาวพระเคราะห์  นั้นเป็นคำหลวมๆ  ครอบคลุมไปถึง ตำแหน่งเฉพาะ ของดาวด้วย  เรื่อง ascending node, descending node  ของดวงจันทร์  ดังในภาพที ๘ นั้น  ไม่ใช่ความรู้จากดาราศาสตร์สมัยใหม่  (แต่เป็นการสรุปจากข้อสังเกตตามศาสตร์สมัยใหม่)

การสังเกตด้วยตาเปล่า  ถ้ามีการจดบันทึกเป็นเวลายาวนาน  ก็สามารถสรุปได้  การเคลื่อนไหวของดวงจันทร์  ตลอดไปจนถึงการเกิดอุปราคา  เป็นเรื่องสำคัญ ทั้งทางเศรษฐกิจ และศาสนา(ซึ่งสมัยก่อนเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดต่อความอยู่รอดของระบอบปกครองทีเดียว)  ทำให้มีการตั้ง พระ ในสังคมต่างๆมาติดตามดูดาวและจดบันทึก คำนวณ ปรากฎการณ์สำคัญทางดาราศาสตร์ไว้มากทีเดียว

ดิฉันเลยคิดว่า  เกตุ นั้น คือ เมื่อดวงจันทร์อยู่ใน descending node  และ ราหู นั้น  คือ เมื่อดวงจันทร์โคจรอยู่ใน ascending node ค่ะ

ขอพักแขนหน่อยนะคะ  เดี๋ยวมาต่อเรื่อง สุริยวิถี ค่ะ  เพราะคงต้องตอบยาว


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 10 มิ.ย. 04, 00:30
อ้อ และมีข้อสังเกตอีกอย่างนะคะ

โหราศาสตร์ ที่ดิฉันใช้นั้น  เพราะไม่ทราบจะเอาคำอะไรมาเรียกให้เข้าใจว่าหมายถึง Astrology เลยค่ะ astrology นั้น ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ นะคะ  เป็นการศึกษาดวงดาวของคนโบราณ  ที่มีรากฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์อยู่มาก  เท่าที่เทคโนโลยี่ของสังคมโบราณจะอำนวยให้ทีเดียว  วิชาโหราศาสตร์ ที่เราเห็นๆกันอยู่ในปัจจุบันนั้น  เป็นเพียงส่วนน้อยส่วนหนึ่งของ วิทยาการด้าน astrology แค่นั้นเอง  และเป็นส่วนที่ย่อยมากๆเลยด้วยค่ะ  เพราะมีเนื้อหาในด้านที่ต้องการทำนายทายทักอนาคตเท่านั้น  จึงขอแยกแยะไม่ให้สับสน  คำว่า  โหราศาสตร์ ถ้าแปลตรงๆตามศัพท์  มันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น วิชาโหร หรือวิชาทำนายอนาคต  ไม่ใช่ astrology ทั้งหมดเลยค่ะ  

ในทางโบราณคดี  เมื่อพูดถึงการคิดค้นวิทยาการด้านนี้แล้ว  จะหมายถึง astrology ไม่ใช่วิชาโหรนะคะ  ส่วน วิชาโหร นั้น  ดิฉันว่า เป็น astrology ที่เข้ารกเข้าพงไปนานแล้วค่ะ  ขออภัยถ้าพูดไม่ถูกใจใครนะคะ  เป็นความเห็นส่วนตัวของดิฉันเท่านั้นเองค่ะตรงนี้ดิฉันเคยแสดงความเห็นมาบ้างแล้วว่า  การกำหนดศัพท์ของฝรั่งนั้น  เค้าจะมีผู้เชี่ยวชาญทุกด้านทุกสาขา  มาให้คำนิยาม และ  กำหนดคำ กัน  ความหมายจึงครอบคลุมได้ไม่คลาดเคลื่อน  และยังเปิดช่องให้มีโอกาสต่อเติมศัพท์ในตระกูลเดียวกันต่อไปอีก  

แต่การบัญญัติศัพท์ของไทยนั้น  ต้องทำขึ้นอย่างเร่งด่วน  ไม่ได้ค่อยๆพัฒนามาอย่างฝรั่ง  เพราะวิทยาการพรั่งพรูเข้ามาสังคมไทยอย่างมากมายในช่วงเวลาสั้นๆ  บุคลากรที่จะให้ความเห็น  เติมความหมายในช่องว่างให้  ก็ขาดแคลน  ศัพท์ไทย โดยเฉพาะศัพท์ทางดาราศาสตร์นี่  มีที่คลาดเคลื่อนอยู่ไม่น้อย  จนดิฉันมึนประจำ  เคยพูดเรื่องนี้มาก็โดนตั้งคำถามให้ว่า  รู้ดีกว่า ท่านผู้ทรงคุณวุฒิในหมู่ราชบัณฑิตหรืออย่างไร  แต่บัณฑิตที่ไม่ศึกษาต่อในสิ่งที่ตัวเองยังไม่รู้  ก็ไม่ได้ครอบคลุมคำนิยามของบัณฑิตกระมังคะ  หรือไม่ทราบว่า  ดิฉันเข้าใจความหมายของคำว่า  บัณฑิต ผิดไปหรือเปล่า  เอาแค่นี้ก่อนค่ะ  เดี๋ยวนี้อยากอยู่สงบๆมากกว่าค่ะ  ฟังเด็กทะเลาะกันทุกวันจนหมดแรงแล้วน่ะค่ะ ฮ่าๆๆ



กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 มิ.ย. 04, 08:12
 ดิฉันมาโขกพื้นรับสารภาพที่ลอกผิดค่ะ ลอกมาจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน  พ.ศ. 2542
เกตุ  ดาวพระเคราะห์ดวงที่ 9 ค่ะ ไม่ใช่ดาวนพเคราะห์
ส่วน Astrology และ Astronomy นั้น   อย่างหลังคือดาราศาสตร์   รู้สั้นกว่าหางอึ่งว่าศึกษาเรื่องดาวต่างๆ รวมไปทั้งอะไรต่อมิอะไรในจักรวาลและที่ใหญ่กว่าจักรวาลด้วย
ส่วนอย่างแรก   ดิฉันเข้าใจว่าทางไทยก็คือการศึกษาดวงดาวส่วนที่มีผลเกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์   เรารับวิชานี้มาจากอินเดีย อีกทีหนึ่ง  จะเห็นได้ว่าชื่อดาวต่างๆที่เป็นชื่อจากอินเดียทั้งนั้น ไม่ใช่ไทยท้องถิ่น
การศึกษาสมัยก่อนของไทยต้องอาศัยการคำนวณชั้นสูงด้วย  และมาตรงกับหลักของฝรั่งได้อย่างน่าอัศจรรย์   เห็นได้จากสมเด็จพระจอมเกล้าฯทรงคำนวณสุริยุปราคาที่หว้ากอ   ได้แม่นยำมาก  
ส่วนวิชาโหร  ในปัจจุบันเขาพูดถึงเทวดาเสวยอายุ   ก็คือความเชื่อว่าดวงดาวที่มีผลต่อชีวิตคนในช่วงต่างๆของวัยนี่ละค่ะ     จะแม่นหรือไม่แม่นอยู่ที่ตัวผู้ทาย ว่าเก่งแค่ไหน
กล่าวกันว่าสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงผูกดวงพระราชโอรสธิดาทุกพระองค์ และทรงทำนายไว้ด้วย    ดวงขององค์ไหนเป็นอย่างไร มีดีมีร้ายตรงไหน ก็ทรงพระราชทานพรไว้เมื่อตั้งพระนาม   ให้เลี่ยงส่วนที่ร้ายและสนับสนุนส่วนที่ดี  


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 10 มิ.ย. 04, 09:45
สวัสดีครับคุณพวงร้อย และก็ต้องขอบคุณอย่างแรง
ทราบว่าใช้มือได้ลำบาก ก็ยังอุตสาห์มาช่วยอย่างเต็มกำลัง

ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด เกตุกับราหูก็คือดวงจันทร์ทั้งคู่ แต่ว่าเป็นตอนระนาบตัดขึ้นกับตัดลง ใช่ไหมครับ

ทีนี้ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. มีการตัดขึ้น ลงของระนาบโคจรโลก กับดาวศุกร์
ผมได้ยินวิทยากรท่านหนึ่ง(รู้สึกว่าเป็นประธานดาราศาสตร์ไทย อะไรทำนองนั้น ถ้าผิดก็ขออภัยณที่นี้ด้วย) พูดว่าเป็นเกตุ กับราหูเหมือนกัน

ผมก็เลยสงสัยว่า การเรียก เกตุ กับ ราหู นั้น เรียกการตัดกันของระนาบโคจร หรือว่าเรียกดาวดวงใดดวงหนึ่งกันแน่น่ะครับ


แล้วเรื่องการเกิด error เนื่องจากย้ายเซิร์ฟเวอร์ แจ้งคุณเปี้ยวได้ที่นี่ครับ

 http://www.vcharkarn.com/snippets/vcafe/show_message.php?Pid=19717

ขอบคุณทุก ๆ ท่าน นะครับ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 10 มิ.ย. 04, 12:16

ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์  

สำหรับคุณเทาชมพูนะคะ  คือระนาบวงโคจรของดวงจันทร์ที่โคจรรอบโลก  กับระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์  ถ้านึกเป็นกระดาษบางๆสองแผ่น  จะตัดทำมุมกัน ๕ องศา  

ทีนี้เราถือด้านเหนือ(คือซีกโลกที่เราอยู่เป็นซีกเหนือ)เป็นหลัก  เราเลยแบ่ง วงโคจรของดวงจันทร์  เป็น ๒ ส่วน  เมื่อดวงจันทร์โคจรในวงโคจรที่อยู่เหนือระนาบที่ตรงกับระนาวศูนย์สูตร  ก็เรียกว่า  วงโคจรตัดขึ้นอย่าง  อีกครึ่งนึง จะเป็นเวลาที่ดวงจันทร์โคจรด้านใต้ศูนย์สูตร  ก็เรียกว่า  ตัดลง

ที่ดิฉันไม่เคยทราบมาก่อนก็คือว่า  คำว่า ดาวเคราะห์ นี่  ไม่ใช่หมายถึงแต่ ตัวดวงดาวอย่างเดียว  แต่ไปรวมถึงว่าเป็น ดาวในตำแหน่งที่ต่างกันด้วย  เพิ่งมาเห็นที่คุณเทาชมพูคัดมาถึงได้เห็นจะๆนี่เองค่ะ

ดวงจันทร์เลย แตกหน่อ ไปอีก ๒ คือ  ราหู เมื่ออยู่ในวงตัดขึ้น เป็น  เกตุ เมื่ออยู่ในวงตัดลงอย่างอาจารย์นิรันดร์ว่าน่ะค่ะ

ดิฉันไม่เข้าใจเลยว่า  ทำไมต้องเอาศัพท์แบบนี้มาใช้ในการบรรยายให้คนทั่วไปฟังด้วย  จะมีใครรู้เรื่องสักกี่คนในจำนวนคนที่ไปฟังทั้งหมดกันคะ  ภาษาไทยดิฉันคงอ่อนมาก  เพราะไม่เคยได้ยินคำว่า เกตุ เลย  การเอาศัพท์แสงที่ตั้งขึ้นด้วยความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงจากทางโหราศาสตร์  มาใช้อธิบายปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์  ก็เป็นเรื่องที่ดิฉันคิดตามไม่ทันเลยจริงๆ  มึนอีกแล้วค่ะ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 10 มิ.ย. 04, 12:45

ส่วนเรื่อง โหราศาสตร์ นะคะ  ดิฉันก็หมายความถึงความคลาดเคลื่อนหลังจากที่พราห์มณ์อินเดียรับเอา วิทยาการ astrology มาจากตะวันออกกลางน่ะค่ะ

หลังจากที่มนุษย์เริ่มตั้งตัวเป็นสังคมกสิกรรมขึ้นมาแล้ว  ความเข้าใจว่า  ฤดูเพาะปลูกเริ่มได้เมื่อไหร่  เป็นเทคโนโลยี่ที่ต้องแสวงหามา  เพื่อความอยู่รอดของสังคมค่ะ  สังคมที่ค้นพบและแก้ปัญหานี้ได้  ต้องตั้งอยู่ในแนวละติจูดที่สูงขึ้นไปหน่อยถึงจะช่วยให้มองออกค่ะ

คุณเทาชมพูคงจำได้ตอนไปต่างประเทศว่า  เวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกนั้นต่างกันจากเมืองไทยมากใช่มั้ยคะ  แหล่งกำเนิดวัฒนธรรมในเมโสโปเตเมีย  ตั้งอยู่ราวๆละติจูด ๓๐ องศา  ราวๆที่ดิฉันอยู่นี่แหละค่ะ  หน้าหนาว ห้าโมงเย็นก็มืดตี๊ดตื๋อแล้ว  หน้าร้อน  สองทุ่มครึ่งยังสว่างโร่เลยค่ะ

สมัยโบราณที่ยังไม่มีการค้นพบปฏิทิน  การคิดหาเวลาที่จะทำการต่างๆในรอบปี  เป็นเรื่องซับซ้อนมากทีเดียว  ก็มีการติดตามศึกษา บันทึก เส้นทางการเคลื่อนไหวของเทหวัตถุที่สำคัญๆบนท้องฟ้า  ที่มีระบบแน่นอน แต่สลับซับซ้อนมากเป็นเวลานาน  กว่าจะคิดออก  สังคมส่วนใหญ่ก็คิดไม่ออกเลยค่ะ

สังคมแรกๆมักจะเอาดวงจันทร์เป็นหลักในการหมายเดือน  เรียกว่า  จันทรคติ  แต่ก็คลาดเคลื่อนมากๆ  เพราะการเล็งเห็น เอาดวงอาทิตย์มาเป็นหลัก  เรียกว่า สุริยคติ นั้น  ต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่าง  ที่สำคัญ  ท้องฟ้าต้องใส เปิดอยู่ตลอดเวลา(สังคมที่ตั้งกลางทะเลทราย  เลยได้เปรียบ  เพราะฟ้าเปิดทั้งปีเลย)  เพราะต้องหมายตำแหน่งดวงอาทิตย์ก่อนขึ้น หลังตก  กับกลุ่มดาว  จึงจะติดตามเส้นทางที่ ดูเหมือนดวงอาทิตย์เคลื่อนไปจากขอบฟ้าตะวันตกในตอนขึ้นใหม่ๆ  ไปยังขอบฟ้าตะวันตกตอนตกได้ (นี่แหละค่ะที่เค้าเรียกว่า  สุริยวิถี) มนุษย์เราเริ่มทำกสิกรรมกันมาเป็นหมื่นๆปี  รู้สึกจะ ๓-๔ หมื่นมังคะ  แต่กว่าจะมีสังคม Chaldean แถบบาบิโลเนีย  คิดทำปฏิทินตามหลัก สุริยคติ ได้  ก็ประมาณ ๔๕๐๐ ปีมานี่เองเท่านั้นค่ะ

คติพราห์มณ์อินเดียโบราณก่อนหน้านั้น  (เช่นเดียวกันกับปราชญ์จีน)  ก็นับปฏิทินตามจันทรคติ  แต่เมื่ออาณาจักรเมโสโบเตเมีย  และกลุ่มชนทางนั้น  มีอำนาจแข็งแกร่ง  แผ่ขยายอาณานิคม  เกิดแหล่งอารยธรรมหลายๆเมืองในแถบนั้น  ที่มีอิทธิพลต่ออินเดียมากที่สุด  ก็คือ อาณาจัก Pathia (เปอร์เซียโบราณ) ซึ่งนำความรู้เรื่อง สุริยคติ แผ่ขยายมายังอินเดีย  และจีน

แต่เรื่องการนับปฏิทินเหล่านี้  พราห์มณ์ เป็นผู้คิดค้น จดลงเป็นหลักฐาน ใน พระเวทซึ่งถือเป็นคัมภีร์ศาสนาอันศักดิสิทธิ์  เมื่อศักดิ์สิทธิ์แล้วก็เปลี่ยนไม่ได้  แต่ก็ต้องเปลี่ยน  เพราะมันเห็นอยู่โต้งๆแล้วว่า  เดือนที่เมื่อก่อนเคยเป็นฤดูใบไม้ผลิที่ปลูกข้าวได้  กลับกลายมาเป็นหน้าหนาว  ที่หว่านเมล็ดลงไปก็ตายเรียบ  ความจำเป็นเรื่องปากท้องมันสำคัญกว่าความศักดิ์สิทธิ์  แต่จะแก้ก็ต้องแก้อย่างไม่ให้เสียเชิง  คือถ้าจะให้
รับว่าของเก่าผิด  ต้องสังคายนากันใหม่นั้น  ทำไม่ได้  ก็ได้แต่เอาของใหม่โปะลงไป  ตำราโหราศาสตร์ของอินเดีย  เลยคำนวณยุ่งยากสลับซับซ้อนอย่างไม่น่าจะทำนายอะไรได้มาก

แต่มามีปัญหาเพิ่มเข้าไปอีก  เมื่อโลกเรา  มีการควงส่ายเหมือนลูกข่าง  รอบละ ๒๖๐๐๐ ปี  คือทิศที่เราคิดว่าเป็นทิศเหนือนี่  จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  จนมาบรรจบที่เดิมภายในเวลา ๒๖๐๐๐ ปี

ชาว Chaldean คิดค้นวิทยาการด้าน astrology เมื่อ ๔๕๐๐ ปีมาแล้ว  คิดไปแกนโลกก็ควงส่ายผ่านไปไม่น้อยแล้วหละค่ะ

สมัยก่อน  เวลาเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ  ที่เรียกว่า  Vernal Equinox มีความสำคัญต่อสังคมมาก  จนสังคมโบราณ  ถือเอาเวลานั้น  เป็น  ปีใหม่  จะเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นพร้อมๆกับกลุ่มดาวในราศีพฤษพ หรือ Taurus แต่จากความเปลี่ยนแปลงดังว่านี้  ทำให้ถ้านับตามเวลาปีใหม่ไทย คือก่อนสงกรานต์ เล็กน้อย กลุ่มดาวที่ขึ้นพ้องกับดวงอาทิตย์  ก็เป็นกลุ่มดาว Aries ไปเสียแล้ว

(นี่ดิฉันว่าไปจากความทรงจำพร่องๆไปทั้งดุ้นเลยนะคะ  ไม่มีเวลาค้นตำรายืนยันอีกทีค่ะ  ถ้าผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วย)

Astrology มีบทบาทสำคัญต่อวิวัฒนาการของสังคมมนุษย์  ในด้านที่เป็นวิทยาการสมัยใหม่  ที่ช่วยให้มนุษย์เราเพิ่มผลผลิตมากมายจนเพิ่มประชากรโลกได้หลายเท่าตัว  แต่มีรุ่งเรืองก็มีเสื่อมสลาย  ถ้าไม่พัฒนาความรู้  ติดยึดว่ามันศักดิ์สิทธิ์จนแตะไม่ได้  ก็ไร้ความหมายไป  จนเหลือแค่ในส่วน วิชาโหร  ที่ยังพอเอาตัวรอดได้หากทำนายผิดได้อยู่  ส่วนที่กำหนดปฎิทิน  ก็ถูกทดแทนไปด้วยวิทยาการที่ทันสมัย แม่นยำกว่าน่ะค่ะ

นี่แหละค่ะที่ว่า  วิชาโหร เป็นวิทยาการของดวงดาวที่ตกยุคไปนานแล้วน่ะค่ะ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 10 มิ.ย. 04, 12:54

เฮ้อ ดิฉันต้องไปแก้ที่พิมพ์ไว้หลายที  โค้ดสำหรับชี้ไปยังรูปนั้น  มีเครื่องหมายคำพูดอยู่หลายอัน  พอเข้าไปหน้าเอดิเต้อร์ที  มันก็เพิ่ม  เข้ามาให้อีก ๓ อัน  โค้ดเลยเละเลย  แปะใหม่ละกันนะคะ  รูปแผนที่อาณาจักรต่างๆในดินแดนเมโสโปเตเมียค่ะ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 10 มิ.ย. 04, 14:02
 ช้าก่อนครับ ขอมาเป็นฝ่ายค้าน ระยะนี้น่าสงสาร เสียงน้อยเหลือเกิน ขนาดจะอภิปรายฝ่ายรัฐบาล ยังถูกอภิปรายเองเสียหลายยก

เคยได้ยินว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงคำนวนสุริยุปราคาที่หว้ากอจากตำราโหราศาสตร์ไทยด้วยเช่นกันนะครับ

ส่วนพระราหูก็มิได้เลวร้ายไปทุกเรื่อง บางท่านผูกให้เป็นถึงอสุริทรราหู อันเป็นถึงพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งที่จะมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งข้างหน้า ปรากฎในพระคัมภีร์อนาคตวงศ์

ดวงตราพระราหูก็เป็นเครื่องรางที่มีอานุภาพเหนือธรรมชาติของไทยที่สืบทอดมาแต่โบราณ สุนทรภู่ยังหยิบยกมากล่าวไว้ในเรื่องพระอภัยมณี ที่เคยพบเห็นเป็นรูปราหูอมจันทร์ ซึ่งกรอบพระเครื่องสำเร็จทำจากเงินหรือทอง ก็มักแกะเป็นลายราหูอมจันทร์

ตามตำราโหราศาสตร์ไทยพระเสาร์กับพระราหูเป็นเพื่อนซี้กัน ในขณะที่พระเสาร์เป็นอริกับพระอังคาร และพระราหูเป็นอริกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า พระอาทิตย์กับพระจันทร์เป็นต้นเหตุให้พระราหูต้องถูกจักรพระนารายณ์จนตัวขาด ตั้งแต่ครั้งเหล่าเทพและอสูรร่วมกันกวนน้ำอมฤต แล้วพรรคเทพหักหลัง งกไว้กินแต่พวกตัวเอง เป็นเหตุให้พรรคมารต้องกลายเป็นฝ่ายแค้น

เอ ว่าจะคุยเรื่องโหราศาตร์ ไหงฟังเหมือนการเมืองไปได้ก็ไม่รู้  จบดีกว่า


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 มิ.ย. 04, 14:52
 เนื่องจากไม่กระดิกหูเลยเรื่องดาราศาสตร์    จึงค่อยๆอ่านที่คุณพวงร้อยอธิบายไว้   เพิ่งรู้เรื่องระนาบเดี๋ยวนี้เอง

ได้คืบขออีก 1 ศอกได้ไหมคะ เรื่องสุริยวิถี  


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 10 มิ.ย. 04, 20:48
 คุณ ถาวศักด์ คะ  ดิฉันคิดว่า  ร ๔ ทรงผสานความรู้ทางดาราศาสตร์สมัยใหม่ที่เรียนรู้มาจากพวกมิชชันนารีด้วยค่ะ  จำได้ว่า  เคยเห็นรูปเครื่องมือทางดาราศาสตร์ที่ทรงใช้  เรียกว่า sextant น่ะค่ะ  เห็นจากไหนดิฉันก็จำไม่ได้แล้วค่ะ

ดิฉันเดาๆเอานะคะว่า  ตำราโหราศาสตร์ไทยหรืออินเดีย  ไม่น่าจะสามารถคำนวณสุริยุปราคาได้  ในประวัติศาสตร์ของราชสำนักไทย  ก็มีพราห์มณ์ประจำสำนักที่ศึกษาด้านนี้(จากตำราอินเดีย) มาอย่างแตกฉาน  แต่ทำไมไม่มีปรากฎไว้ว่า  ใครคำนวณได้  อนุมานอย่างนี้อาจจะไม่แข็งแรงพอที่จะเป็นข้อยืนยันได้เต็มที่ก็ได้นะคะ

ส่วนเรื่องสุริยวิถี  ดิฉันหยอดไว้หน่อยๆแล้ว  ในความเห็นที่ ๑๖  เดี๋ยวเสร็จธุระกับเด็กๆแล้วจะมาตอบใหม่นะคะ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 11 มิ.ย. 04, 11:33
 สุริยวิถีเปลี่ยนไปมีหลักฐานจากรามเกียรติตอนหนึ่งที่ว่า
พระลักษณ์ถูกหอกโมกขศักดิ์ ต้องใครจะฉุดนั้นหาไม่
พระรามเลยใช้ให้หนุมานไปห้ามพระอาทิตย์ไว้ก่อน เพราะว่า ต้องแสงพระระวีจะอาสัญ พระอาทิตย์ไม่ยอมหยุดแต่ก็เลี่ยงชักรถแอบไปหลังเขา
สงสัยว่าตอนพระลักษณ์โดนหอกคงจะเป็นหน้าหนาวพอดีเลยรอดไปได้    


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 11 มิ.ย. 04, 12:29
 ไหนๆประกาศจะเป็นฝ่ายแค้น เอ๊ย ฝ่ายค้าน จึงขอใช้โรคประจำตัว คือความดัน มาดันทุรังต่อ

อะไรๆก็ไปยกให้อินเดียเหนือกว่าไปหมด เป็นทฤษฎีของนักประวัติศาสตร์การเมืองยุคล่าอานานิคมนะครับ  อย่างไรชำเลืองมองความเห็นของนักวิชาการปัจจุบันบ้าง

อย่างสุวรรณภูมิที่ปรากฎในพระไตรปิฎก ถูกผู้คนในยุคนั้นกล่าวขวัญถึงราวกับเป็นสวรรค์บนดิน ก็เริ่มจะมีผู้มั่นใจมากขึ้นว่าอยู่ในเขตประเทศไทยนี่เอง

ท่านไมเคิ้ล ไรท์เคยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับทฤษฎีเดิมของปฏิมากรรมหินแกะสลักในยุคทวารวดีที่ว่าเป็นอิทธิพลอารยธรรมจากอินเดีย  แต่เหตุไฉนหลายๆชิ้นที่พบในไทยกลับมีความอ่อนช้อย งดงามปราณีตกว่ามาก

เสียดายว่าไม่ได้ศึกษาโหราศาสตร์ในรายละเอียดลึกซึ้งมากนัก จึงไม่อาจยืนยันได้ว่า โหราศาตร์ไทยสามารถคำนวนตำแหน่งดวงดาวในระบบ 3 มิติได้หรือไม่ เพราะปกติจะคำนวนหาตำแหน่งดาวพระเคราะห์ต่างๆในระบบสองมิติเท่านั้น

เคยผ่านๆตา บทความของอาจารย์หม่อนคึกฤทธิ์ กล่าวถึงปฏิทินจันทรคติของไทยที่ยังมีความเที่ยงตรงแม่นยำ ต่างจากของเพื่อนบ้านที่เพี้ยนออกไปทุกที

ถ้าเคยเปิดอ่านตำราพรหมชาติ มีกล่าวถึงโหราศาตร์ไทยว่าเป็นวิชาที่สืบทอดจากพระยาโหราธิบดี ครั้งอยุธยายังรุ่งเรือง โดยยกตัวอย่างความแม่นยำว่า

ครั้งหนึ่งมีแมว(หรือหนู ก็จำไม่ได้)ท้องแก่ หล่นจากที่สูงมาต่อหน้าพระพักตร์ พระองค์จึงทรงครอบปิดไว้(รู้สึกจะใช้พระมาลา) แล้วลองวิชาพระยาโหราฯ

กษัตริย์ : ท่านจ้าคุณโหราฯ คำนวนดูซิว่า มีอะไรอยุ่ใต้หมวก
โหราฯ : (หลังจากใช้เวลานับนิ้ว น้อยกว่าดอกเตอร์สมัยนี้กดเครื่องคิดเลข) สัตว์จตุบาท พระพุทธเจ้าข้า
กษัตริย์ : เออ เก่ง แล้วมีกี่ตัว
โหราฯ : (หลังใช้เวลาชั่วสองลัดนิ้วมือ เงยหน้าพิจารณาเพดานท้องพระโรง) 2 ตัวพระพุทธเจ้าข้า
กษัตริย์ : ฮ่า ฮ่า คำนวนใหม่ ซิ ท่านโหรา
โหราฯ : (คราวนี้ นั่งนับนิ้วมือ นิ้วเท้า เสียเวลาไปพักใหญ่ จนข้าราชบริพารในทั้งพระโรงเริ่มพยักพเยิด บุ้ยใบ้บอกกันว่า ไอ้หวังตายแน่)  7 ตัวพระพุทธเจ้าข้า
กษัตริย์ : ฮ่าๆ ฮิๆ หุๆ ท่านโหรา ผิดแล้ว เหอๆ ฮิๆ เอิ๊ก ฮ่าๆ (พลางเปิดพระมาลา)

แล้วทุกคนในที่นั้นนอกจากพระยาโหราฯก็ออกอาการเหวอ นิ่งตะลึ่งราวกับเป็นหุ่นขี้ผึ้งของมาดามทรูโซกันทั้งท้องพระโรง  ซึ่งถ้าไม่มีจิ้งจกที่เกาะอยู่บนขื่อท้องพระโรง ท้องเสียตดออกมาดังๆในวันนั้น จนป่านนี้อาจยังไม่มีใครขยับ  เพราะเกิดอาการเหวอถึงสามเด้ง

เด้งที่หนึ่ง คือ เมื่อเปิดพระมาลาแล้ว ก็พบแม่แมว(หรือหนู)คลอดลูกออกมาถึง 6 ตัว มีทั้งหมด 7 ตัวอย่างถูกต้อง

เด้งที่สอง คือ นึกได้ว่า ตอนที่พระยาโหราฯคำนวนได้ 2 ตัวนั้น คงไม่ผิด เพราะตอนนั้นเป็นเวลาที่เพิ่งเริ่มกระบวนการคลอด

เด้งที่สาม คือ นึกได้ว่าการคำนวนสองครั้งแรกพระยาโหราฯใช้เวลาชั่วแมลงวันเช็ดก้น  หากครั้งที่สาม อันเป็นครั้งที่กำลังถูกเย้ยหยันว่าครั้งที่แล้วคำนวนผิด ที่แท้แล้วพระยาโหราฯแกล้งถ่วงเวลาให้กระบวนการคลอดดำเนินจนจบก่อน แล้วจึงบอกคำพยากรณ์ เพื่อมิให้ถูกเข้าใจผิดอีก

ฉะนั้นเมื่อคิดออกได้ถึงสามเด้งอย่างนี้ ทุกคนจึงยังนิ่งตะลึงขบคิดกันต่อว่าเด้งที่สี่ และห้าคืออะไร เพื่อที่เมื่อเริ่มเปิดปากแสดงความเห็นกัน จะได้แสดงความรู้ทันให้ครบทุกเด้งและดูไม่โง่จนเกินไปนัก

ตะเล้นๆๆ....


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 12 มิ.ย. 04, 11:03

ขออภัยที่ให้รอนะคะ  ข้อศอกเจ็บขึ้นมาเลยรอว่าจะให้ดีขึ้นหน่อย  แต่มันไม่ค่อยดีขึ้นเลยค่ะ  เห็นจะต้องจำกัดการพิมพ์หน่อยนะคะ  ถ้าอธิบายไม่ละเอียดก็ขออภัยด้วยค่ะ

คำว่า สุริยวิถี นี่  ดิฉันเข้าใจเอาเองว่า  เป็น Sun's path นะคะ  คือ  ตามสายตาของผู้สังเกตการณ์บนโลก  เราไม่รู้สึกถึงการหมุนของโลก  ก็เหมือนกับว่า  เทหวัตถุบนฟากฟ้าทุกอย่าง  หมุนรอบโลก  พระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าตะวันออก  แล้วเคลื่อนสูงขึ้นจนถึงเหนือหัว  แล้วตกต่ำลงมาจนกระทั่งลับหายไปในขอบฟ้าตะวันตก  

และดวงดาวต่างๆ  ก็ดูเหมือนว่า  จะโคจรรอบโลก  ไปในเส้นทางแนวเดียวกันกับ สุริยวิถี  อาจจะมีเบี่ยงเบนออกเล็กน้อย  แต่ไม่เกิน ๕-๖ องศา  เส้นทางที่ว่านี่แหละค่ะ  ที่เรียกว่า สุริยวิถี  ถือเอาดวงอาทิตย์เป็นหลัก  แต่ก็รวมไปถึงเส้นแนวการเดินทางของ ดวงจันทร์ (ซึ่งตามการสักเกตการณ์ของคนบนโลก  ดวงจันทร์สว่างเป็นที่ ๒ รองจากดวงอาทิตย์  ก็ให้ความสำคัญเป็นที่ ๒)  ดาวเคราะห์ต่างๆ  จะเดินทางอยู่ในแนวนี้ทั้งนั้น


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 12 มิ.ย. 04, 11:08

Astrology โบราณ  ก็เป็นจุดเริ่มต้นของวิทยาการเรื่อง Celestial Sphere  คือ จากสายตาของเราบนโลก  ไม่ว่าจะอยู่แห่งใดบนโลกก็ตาม  ก็จะเหมือนท้องฟ้าเป็นรูปโดม  ดาวต่างๆไม่ว่าอยู่ใกล้ไกล  ก็เหมือนถูกแปะติดกับผนังโดมที่ว่านี่แหละค่ะ  เรายังให้ความสำคัญกับ celestial sphere อยู่  เพราะมันช่วยทำให้การกำหนดตำแหน่งของวัตถุในอวกาศอย่างเป็นระบบให้หาได้ง่าย  ตำแหน่งของยานอวกาศในปัจจุบัน  ก็หมายกันด้วยค่าต่างๆที่มีต้นตอมาจากความรู้ด้าน astrology นี่แหละค่ะ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 12 มิ.ย. 04, 11:16

จากการสังเกตการณ์ของเรา  เราก็เห็นไม่หมดทั้งครึ่งโลก  เพราะส่วนโค้งของโลกบังสายตาเราไว้มาก  แต่ถ้าเราหมายตำแหน่งของดวงอาทิตย์ไว้ทั้งวัน  ก็จะมองเห็นว่า  ดวงอาทิตย์เดินเป็นเส้นอย่างนี้น่ะค่ะ  ที่เรียกว่า  สุริยวิถี


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 12 มิ.ย. 04, 11:18

เนื่องจากดาวเคราะห์ส่วนใหญ่  มีแนวระนาบใกล้เคียงกันแบบนี้


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 12 มิ.ย. 04, 11:24

เวลาเราสังเกตจริงๆ  ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์ต่างๆ  จึงไม่ได้เดินอยู่บนเส้นเดียวกัน  แต่อยู่ในแถบทางโคจรเดียวกันน่ะค่ะ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 12 มิ.ย. 04, 11:26
 คุณถาวศักดิ์คะ ดิฉันต้องขอผ่านนะคะ  เพราะไม่ชำนาญเรื่องนั้น  และไม่มีอะไรให้ค้นเปรียบเทียบ  ดิฉันเลยไม่ถนัดที่จะคิดอะไรต่อๆไปโดยไม่มีความรู้ หรือข้อมูลเป็นฐานรองรับน่ะค่ะ  แถมต้องรักษามือและแขนให้ดีๆ  คลิกเม้าส์อ่านก็ยังเจ็บ  เลยร่วมแจมไม่ไหวจริงๆนะคะ  ขออภัยด้วยค่ะ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 14 มิ.ย. 04, 10:15
 ผมคิดว่าเป็นนิทานสนุกน่ะครับ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 04 ก.ค. 04, 09:30
 เย้ๆๆ คุณเปี้ยวฉีดยาฆ่าบั๊กตายหมดแล้ว  ลองมาแก้แล้วก็แก้ได้ดีค่ะ  ขอบคุณทีมวิชาการมากนะคะ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 07 ก.ค. 04, 00:59
 ในความทรงจำ
ผมเคยท่องว่า
มฤตยู เกตุ ยม  คือ ยูเรนัส เนปจูน พลูโต


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 07 ก.ค. 04, 08:34
 ผมก็เคยได้ยินมาแบบคุณภูมิเหมือนกันครับ
แต่มันไม่ค่อยสอดคล้องกับที่ได้ยินจากวิทยากรใน TV


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 07 ก.ค. 04, 16:21
 ผมก็ได้ยินมาเหมือนคุณภูมิครับ จนมาอ่านกระทู้นี้แล้วก็ยังข้องใจ ไปไล่ค้นไล่อ่านอยู่พักใหญ่ถึงเข้าใจว่าเป็นอย่างไร

ก็เลยกลายเป็นข้องใจต่อว่า แล้ว มฤตยู เกตุ ยม คือ ยูเรนัส เนปจูน พลูโต นี่มันมาจากไหนกันหนอ

กรุณาไขข้อข้องใจให้ผมอีกสักข้อเถิดครับ


กระทู้: เกตุ กับ ราหู
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 07 ก.ค. 04, 18:09
 คาดว่ามาจากพวกตำราโหราศาสตร์ล่ะครับ