เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์ไทย => ข้อความที่เริ่มโดย: siamese ที่ 13 ต.ค. 16, 19:23



กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 13 ต.ค. 16, 19:23
ค่ำวันนี้ ๑๙.๐๐ น. โทรทัศน์รายงานแถลงการจากสำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 13 ต.ค. 16, 19:31
ประกาศจากสำนักนายกรัฐมนตรีโดยพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา

๑. ให้หน่วยงานราชการลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา ๓๐ วัน

๒. ให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ไว้ทุกข์เป็นเวลา ๑ ปี นับจากวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ส่วนเอกชนให้ดูความเหมาะสมในการไว้ทุกข์

ตามราชกิจจานุเบกษา


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: สมบัติ สุขุมาลย์ ที่ 14 ต.ค. 16, 00:10
ด้วยในพระบรมราโชบายใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมีพระราชปณิธานและพระราชประสงค์ ทั้งทรงพยายามเต็มพระมหาพิริยุตสาหะทะนุบำรุงเป็นที่สุด มิได้ทรงคำนึงถึงความลำบากเหนื่อยยากพระสกนธ์กายและพระราชหฤทัย แม้พระองค์ทรงเป็นอรรคบริโสดมบรมสุขุมาลชาติเพื่อพระราชประสงค์จะให้บังเกิดสุขประโยชน์แก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน บรรดาเป็นผลให้พสกนิกรชาวไทยมีความผาสุขเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ยากที่จะสำท้อนออกมาเป็นคำพูดให้ครอบคลุมความรู้สึกอันแท้จริงของข้าพระบาทได้ ข้าบาทขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ต.ค. 16, 09:11
 :'(


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ต.ค. 16, 09:13
 :'(


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ต.ค. 16, 10:17
http://www.manager.co.th/HotShare/ViewNews.aspx?NewsID=9590000103361

  ภาพผู้ประกาศข่าวช่อง 11 ร่ำไห้ หลังอ่านประกาศสำนักพระราชวัง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ สวรรคต
       
       เฟซบุ๊ก “อุทัย มณี” ได้โพสต์ภาพเบื้องหลังที่ นายวีระศักดิ์ ขอบเขต ผู้ประกาศข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) อ่านประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต เมื่อค่ำวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา พร้อมระบุข้อความว่า “เบื้องหลังผู้ประกาศข่าวพระราชสำนัก หลังประกาศปล่อยโฮ ตอนประกาศในห้องส่งทุกคนฟังด้วยความสงบนิ่ง”
       
       ด้านผู้คนต่างชื่นชมในการทำหน้าที่ และให้กำลังใจผู้ประกาศข่าวรายนี้ ระบุว่า ในขณะที่ผู้ชมทางบ้านร้องไห้ ผู้ประกาศข่าวรายนี้ยังทำหน้าที่ได้อย่างเข้มแข็ง มีความเป็นมืออาชีพ เสียงไม่สั่น สีหน้าไม่แสดงอาการ ต้องกลั้นน้ำตาเพื่อไม่ให้ทุกคนเห็น คือ สปิริตของหน้าที่อันทรงเกียรติ เป็นความภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่นี้

                    https://www.youtube.com/watch?v=pAEVO6w945k



กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ต.ค. 16, 10:20
 :'(


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ต.ค. 16, 10:51
 
    ประกาศ

    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
    สวรรคต
    -------------------------------
    พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2557 ตามที่สำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบเป็นระยะแล้วนั้น

    แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับถึงวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15 นาฬิกา 52 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี

    สำนักพระราชวัง

    13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559

    ครับ...."พ่อเสด็จสวรรคตแล้ว"

    แต่การแสดงออกซึ่งทุกข์และน้ำตาท่วมทับ จะไม่ทำให้พ่อยิ้ม เท่าลูกทุกคนปฏิญาณกับตัวเองว่า

    "แม้พ่อไม่อยู่แล้ว........

    ลูกทุกคนจะเดินในทางที่พ่อสอน"

    พ่อจูงมือลูกเดินมา ๗๐ ปีแล้ว ต่อจากนี้ ลูกจะต้องเดินด้วยลำแข้ง และอยู่กันด้วยสติปัญญาตัวเองแล้ว

    ส่วนจะเดินกันไปได้ขนาดไหน นั่นขึ้นอยู่กับว่า ลูกแต่ละคน "จำคำพ่อสอน" ได้แค่ไหน

    พ่อสอนอะไรไว้บ้าง?

    โอ...๗๐ ปี ที่ทรงทำหน้าที่ "พ่อของแผ่นดิน" ไม่เพียงสอน พ่อยังลงมือทำเป็นแนวทางเพื่อลูก เพื่อมวลมนุษยชาติ เป็นที่ประจักษ์มากมาย

    จนสังคมโลกยกย่อง........

    "King Bhumibol" ทรงเป็น "พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่" พระองค์หนึ่งของโลก

    คำสอนของพ่อประหนึ่งน้ำในมหาสมุทร เม็ดทรายในทะเลทราย ก็มีหลายที่-หลายแห่ง รวบรวมไว้จากตรงนั้น ตรงนี้

    แต่วันนี้ ขออนุญาตหยิบจากเว็บ "๙ คำพ่อสอน-อาสาเพื่อในหลวง" มาเป็นแนวทางเดินกัน

    ๑.ความเพียร

    "การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือ ความอดทน คือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันควรทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่า การทำให้ดีควรต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตนเอง"

    (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๖)

    ๒.ความพอดี

    "ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้น จะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ

    เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับ ผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน"

    (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๔๐)

    ๓.ความรู้ตน

    "เด็กๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัว การรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบ และคนที่มีระเบียบดีแล้ว จะสามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว จะเป็นคนที่จะสร้างความสำเร็จและความเจริญให้แก่ตนเองและส่วนรวมในอนาคตได้อย่างแน่นอน"

    (พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ประจำปี ๒๕๒๑)

    ๔.คนเราจะต้องรับและจะต้องให้

    "คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วย เมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้"

    (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๒๑)

    ๕.อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ

    "ในวงสังคมนั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้าง มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม"

    (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๔๙๖)

    6.พูดจริง ทำจริง

    "ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญจากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม"

    (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๐)

    ๗.หนังสือเป็นออมสิน

    "หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมา แต่โบราณกาลจนทุกวันนี้ หนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นคล้ายๆ ธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้" (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๔)

    ๘.ความซื่อสัตย์

    "ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง"

    (พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปีพุทธศักราช ๒๕๓๑)

    9.การเอาชนะใจตน

    "ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม

    ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ"

    (พระราชดำรัส พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ ๑๒ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๓)

    ก็นี่แหละ "เป็นเบื้องต้น" เกรงใจจะจมอยู่กับทะเลทุกข์ จนไม่รู้จะไปทางไหนกัน ก็นำมาบอกๆ กันไว้

    อนาคตต่อจากนี้ ในเรื่องสถาบัน ก็เป็นไปตามกฎมณเทียรบาลและกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่มีอันใดต้องวิตก-กังวล

    ส่วนเรื่องราชการงานเมือง รัฐบาล คสช. โดยนายกฯ ประยุทธ์ บริหารได้สงบเรียบร้อยอยู่แล้วอย่างที่เห็น

    แต่ชาวบ้านต้องรู้ทัน "ข่าวลือ-ข่าวลวง" ให้มากไว้

    ใครส่งข่าวอะไรมา ถ้าไม่ชัดว่าเป็นข่าวจาก "สำนักพระราชวัง" หรือข่าวจากทางราชการเป็นหลัก-เป็นฐานแล้วละก็

    แค่รับเฉยๆ......

    อย่าเพิ่งเชื่อ และอย่ารีบโพสต์-รีบแชร์เป็นอันขาด!

    เพราะที่สังเกต ตลอดวันวาน "ทั้งวัน"

    ยังมีคนกล้าปลอมแปลงเอกสาร อ้างเป็นหน่วยงานนั้น-นี้ ปล่อยข่าวในทางปลุกปั่น-ทำลายอยู่เป็นระยะ

    แสดงว่า ผู้มีความคิดเป็นปฏิปักษ์กับบ้านเมือง สอดแทรกอยู่แทบทุกวงการจริงๆ!

    ประเทศชาติจะปึกแผ่นมั่นคง ประชาชนต้องเข้มแข็ง ต้องสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

    ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาหม่นเศร้า ยากทำใจเป็นอื่นได้ แต่พวกเราคนไทยทุกคน จะต้องอยู่กับความจริง

    ความจริงคือ.......

    ถึงกายสังขารพ่อไม่อยู่ แต่รักจากดวงพระทัยพ่อต่อพสกนิกร นับจากวันแรกที่เสด็จขึ้นครองราชย์ ๙ มิ.ย.๘๙ ตราบ ๑๓ ตุลา.๕๙ และต่อๆ ไปนิรันดร์

    "รัก" ก็จะเป็นดังที่พ่อเคยตรัสไว้......

    “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะละทิ้งอย่างไรได้”

    จำกันได้มิใช่หรือ?

    พระราชนิพนธ์เรื่อง "เมื่อข้าพเจ้าจากสยามสู่สวิตเซอร์แลนด์"

    คือตอนปี ๒๔๘๙ นั้น ทรงขึ้นครองราชย์แล้ว ได้เสด็จฯ กลับไปศึกษาต่อที่สวิส

    พระองค์ทรงบันทึกผ่านพระอักษรเป็นเรื่องราวการเดินทางไว้ ความตอนหนึ่งในพระราชนิพนธ์ที่จะขออัญเชิญไว้ ณ ที่นี้ มีดังนี้

    “วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2489 - วันนี้ ถึงวันที่เราจะต้องจากไปแล้ว...พอถึงเวลาก็ลงจากรถพระที่นั่งพร้อมกับแม่ ลาเจ้านายฝ่ายใน ณ พระที่นั่งชั้นล่าง แล้วก็ไปยังวัดพระแก้ว เพื่อนมัสการลาพระแก้วมรกตและพระภิกษุสงฆ์ ลาเจ้านายฝ่ายหน้า ลาข้าราชการทั้งไทยและฝรั่ง แล้วก็ไปขึ้นรถยนต์ พอรถแล่นออกไปได้ไม่ถึง 200 เมตร มีหญิงคนหนึ่งเข้ามาหยุดรถแล้วส่งกระป๋องให้เราคนละใบ ราชองครักษ์ไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรอยู่ในนั้น บางทีจะเป็นลูกระเบิด!

    เมื่อมาเปิดดูภายหลังปรากฏว่าเป็นทอฟฟี่ที่อร่อยมาก ตามถนนผู้คนช่างมากมายเสียจริงๆ ที่ถนนราชดำเนินกลาง ราษฎรเข้ามาใกล้ชิดรถที่เรานั่ง กลัวเหลือเกินว่าล้อรถของเราจะไปทับแข้งทับขาใครเข้าบ้าง รถแล่นฝ่าฝูงชนไปได้อย่างช้าที่สุด

    ถึงวัดเบญจมบพิตร รถแล่นเร็วขึ้นได้บ้าง ตามทางที่ผ่านมาได้ยินเสียง ใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาดังๆ ว่า “อย่าละทิ้งประชาชน”

    อยากจะร้องบอกเขาส่งไปว่า “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งอย่างไรได้” แต่รถวิ่งเร็วและเลยไปไกลเสียแล้ว

    ครับ ไกลขนาดไหน...........

    ใจภักดิ์ของพสกต่อ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ" ก็ตามไปถึง.
    

    เปลว สีเงิน

    http://www.thaipost.net/?q=%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 14 ต.ค. 16, 13:32
ขอแสดงความรู้สึก
รัชสมัยอันยาวนานของพระองค์ทำให้ทำใจเรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ มิค่อยจะได้แม้จะเป็นคำทางการ
สำหรับผมอยากจะขอเรียกนามพระองค์ว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในดวงใจของประชาชน



กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 14 ต.ค. 16, 13:38
https://www.facebook.com/bungerd2518/videos/1002588469863031/?pnref=story

คลิป นาทีที่ 0:38


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ต.ค. 16, 17:33
.


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 14 ต.ค. 16, 18:16
มีผู้ถ่ายภาพบรรยากาศท้องฟ้าเหนือโรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เวลาบ่าย ๓-๔ โมงเย็น


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 14 ต.ค. 16, 21:44
http://www.youtube.com/watch?v=Y6vAGljWVxk (http://www.youtube.com/watch?v=Y6vAGljWVxk)

อยากให้เดู โดนใจมากโดยเฉพาะนาทีที่ 1.52 เป็นต้นไปครับ


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 15 ต.ค. 16, 09:51
ท้องฟ้าในวันที่ ๑๓ - ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ มีผู้จับภาพในมุมต่างๆ ไว้ได้


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 16 ต.ค. 16, 09:48
สืบเนื่องจาก ราชบัณฑิตยสภา ชี้แจง การใช้วลี "เสด็จสู่สวรรคาลัย"

ความเห็นที่ ๓ - ๔ ที่

          http://www.reurnthai.com/index.php?PHPSESSID=c7771778682aad5dcc544724ffad0a17&topic=6610.msg155078;topicseen


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ต.ค. 16, 10:59
ฟ้ายังไม่สาง ผมมาถึงสนามหลวง แปลกใจที่เห็นประชาชนหนาตา ถึงกำแพงพระบรมมหาราชวังจึงได้ประจักษ์ว่าทุกคนมุ่งมาทำอะไร


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ต.ค. 16, 11:04
ตื้นตันในความรักของคนไทยที่มีต่อพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ที่พยายามจะแสดงออกเท่าที่ทุกคนจะกระทำได้ เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงเคยมีต่อพศกนิกรของพระองค์


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ต.ค. 16, 12:10
แต่เขาสั่งห้ามเสียแล้วครับ อ้างว่าเขม่าเปื้อนกำแพง


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 16 ต.ค. 16, 14:28
จากรูปแรกของท่านอาจารย์ จะเห็นยอด พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
ห่างออกไปทางทิศตะวันออกไม่ถึง 100 เมตร

นี่ น่าจะเป็นที่ ที่ใกล้ทีสุดแล้ว


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 16 ต.ค. 16, 16:24
ใกล้กว่านั้นก็มีครับ แต่มันคนละเรื่องกัน


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 16, 17:55
               (http://www.tvpoolonline.com/wp-content/uploads/2016/10/12-6.jpg)

ตื่นขึ้นมาวันนี้ ไม่มี " พ่อ"
รันทดท้อหัวใจไม่รู้จบ
ทั้งแผ่นดินท่วมท้นล้นทำนบ
ด้วยน้ำตาไหลพบบรรจบกัน

ทศพิธราชธรรมทรงบำเพ็ญ
ทั่วโลกเห็นประจักษ์ล้นทุกคนนั่น
พระเกียรติคุณส่องสว่างดั่งตะวัน
บัดนี้พลันตะวันดับไปกับตา

ก่อนหน้านี้ ขุนเขาใดไม่เคยเฝ้า
มีหมู่บ้านใดเล่าไม่เห็นหน้า
พื้นดินไหนไม่ได้รองพระบาทา
ใต้แผ่นฟ้าแดนไทย ย่อมไม่มี

รอยพระบาทยาตราทั่วหล้าแหล่ง
ดับร้อน ดับแล้ง ทุกแห่งที่
ที่ไหนไหนก็ด้วยพระจักรี
พลิกชีวีชนฟื้นให้ชื่นบาน

โอ้วันนี้ รอยพระบาทมาขาดหาย
สิ้นจันทร์ฉาย สิ้นดวงสุรีย์ฉาน
เหลือแต่ความมืดมนอนธกาล
เย็นยะเยือกดวงมานอีกนานนัก

เห็นแต่เทียนพระทรงชัยใสสว่าง
เป็นเส้นทางสร้างไว้ให้เป็นหลัก
จะเดินตามพระปณิธานสานใจภักดิ์
เพื่อถวายความจงรักและภักดี

กุศลกรรมใดใดทั้งใหญ่น้อย
ที่บังเกิดเมื่อตามรอยพระบทศรี
ขอถวายด้วยใจภักดิ์พระจักรี
เพื่ออยู่ใต้พระบารมีทุกชาติไป

ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

บทประพันธ์โดยรองศาสตราจารย์ ดร. คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์(แก้วเก้า/ว.วินิจฉัยกุล)
ศิลปินแห่งชาติ


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 16 ต.ค. 16, 18:21
วันที่ 16 ตุลาคม 2559 สำนักพระราชวัง แจ้งให้ทราบเรื่องการออกพระนาม โดยยกเลิกการใช้พระนาม "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ" ด้วยการเปลี่ยนเป็น

1.ใช้พระนามเต็ม:

- พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร หรือ

2.ใช้พระนามย่อ:

-พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช



http://www.isranews.org/isra-news/item/50871-kingbhumibol_50871.html


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 16, 19:06
ที่มา   FB ของ   วรรณคดีพระราชหัตถเลขา

ว่าด้วยคำว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ"
คำนี้เกิดขึ้นเพราะธรรมเนียมโบราณแต่เดิมของไทย ผู้น้อยจะไม่บังอาจเอ่ยชื่อของผู้ใหญ่ หรือเอ่ยพระนามพระเจ้าแผ่นดินหรือเจ้านายออกมาเป็นอันขาด ถือว่าเป็นการล่วงเกิน ไม่เคารพ
ทั้งพระนามพระมหากษัตริย์ในอดีตก็ไม่มีการขนานพระนามเป็นการเฉพาะ คนจะเรียกกษัตริย์พระองค์ใดก็ตามใจคนเรียก เช่น พระเจ้าเสือ ขุนหลวงหาวัด อย่างนี้เป็นต้น ความรู้นี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงอธิบายไว้ในหนังสือ "พระราชกรัณยานุสร"
ตัวอย่างสำคัญของการที่คนสมัยก่อนไม่ออกพระนามพระเจ้าแผ่นดินตรงๆ อีกก็เช่น ในสมัยรัชกาลที่ 3 คนเรียกแผ่นดินรัชกาลที่ 1 ว่า แผ่นดินต้น เรียกแผ่นดินรัชกาลที่ 2 ว่าแผ่นดินกลาง รัชกาลที่ 3 ทรงเห็นว่าไม่เป็นมงคล เพราะเรียกเช่นนี้ แผ่นดินของพระองค์ก็จะกลายเป็นแผ่นดินปลาย
ก่อนหน้าที่คนจะเรียกแผ่นดินต้น แผ่นดินกลาง คนก็เอ่ยถึงพระเจ้าอยู่หัวที่สวรรคตว่า ในพระบรมโกศบ้าง พระพุทธเจ้าหลวงบ้าง เหตุก็เพราะธรรมเนียมโบราณที่ผู้น้อยไม่ออกชื่อผู้ใหญ่นี้เอง
ต่อมาพระมหากษัตริย์ไทยได้ทรงเปลี่ยนธรรมเนียมนี้ เริ่มจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงสร้างพระพุทธรูป 2 องค์คือ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วโปรดเกล้าฯ ให้คนขานพระนามแผ่นดินรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2 ตามนามพระพุทธรูปทั้งสองนั้น
หลักฐานอ้างอิงในเรื่องนี้ ดังในหนังสือ "พระราชพิธีสิบสองเดือน" ว่าด้วยพระราชพิธี เดือน 5 พระราชพิธีศรีสัจจปานกาล พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอธิบายว่า เหตุที่รัชกาลที่ 3 ทรงสร้างพระพุทธรูปสำคัญทั้งสอง และโปรดเกล้าฯ ให้คนเรียกขานพระนามตามพระพุทธรูปนั้น "เพราะเหตุซึ่งไม่โปรดคำที่คนเรียกนามแผ่นดินว่า แผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวงในพระบรมโกศ และพระพุทธเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศอย่างหนึ่ง หรือเรียกว่าแผ่นดินต้นแผ่นดินกลางอย่างหนึ่ง"
เห็นได้ว่า คำว่า "ในพระบรมโกศ" ไม่ต้องด้วยพระราชนิยมมาตั้งแต่รัชกาลที่ 3 แล้ว
มาจนถึงรัชกาลที่ 4 เมื่อรัชกาลที่ 3 เสด็จสวรรคต เกิดปัญหาการเรียกขานนามแผ่นดินก่อนขึ้นมาอีก พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้เรียกขานแผ่นดินรัชกาลที่ 3 ว่า แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนแผ่นดินของพระองค์เอง ก็เป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ใครๆ เรียก "ในพระบรมโกศ" เมื่อสวรรคตแล้วอีก
ดังนั้น ธรรมเนียมการเอ่ยเรียกพระนามแผ่นดินก่อนจึงเปลี่ยนแปลงแต่นั้นมา เห็นได้ชัดเจนจากหลักฐานข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 27 หน้า 1782-1788 วันที่ 30 ตุลาคม ร.ศ. 129 ไม่มีการใช้คำว่า "ในพระบรมโกศ" แต่เรียกขานพระนาม "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" และ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว"
อย่างไรก็ตาม คนทั่วๆ ไปที่ยังติดธรรมเนียมเดิมก็ยังปฏิบัติอยู่ คือเรียก ในพระบรมโกศ บ้าง พระพุทธเจ้าหลวง บ้าง ดังในสมัยรัชกาลที่ 6 คนก็เอ่ยเรียกพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า พระพุทธเจ้าหลวง และยังติดเรียกมาจนถึงปัจจุบัน
หรือแม้ขณะนี้ ที่มีการออกพระนามพระเจ้าแผ่นดินซึ่งเสด็จสวรรคตนั้นว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ" ตามความนิยมตามแบบโบราณดั้งเดิม แพร่หลายไปในสื่อมวลชน
แต่จากหลักฐานต่างๆ จะเห็นได้ชัดเจนว่า ได้มีการเปลี่ยนธรรมเนียมการเรียกขานพระนามพระมหากษัตริย์มานานแล้ว การเอ่ยถึงพระเจ้าแผ่นดินซึ่งเสด็จสวรรคตโดยพระนามว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" หรือ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช" จึงเป็นสิ่งสมควร ต้องด้วยพระราชนิยมที่เป็นมาตั้งแต่รัชกาลที่ 3
และที่สำคัญ พระนาม "ภูมิพลอดุลยเดช" นี้เป็นพระนามที่ทรงได้รับพระราชทานมาจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เป็นพระนามที่มีความหมายว่า "พลังแห่งแผ่นดิน มีเดชไม่มีใดเสมอเมือน" อันลึกซึ้งตราตรึงใจเรา และเราปวงชนชาวไทยทั้งหลายได้เอ่ยเรียกพระองค์เช่นนี้ ด้วยความเคารพรักเทิดทูนไว้เหนือเกล้าฯ มาตลอดหลายสิบปีแล้ว
และย่อมไม่มีวันเปลี่ยนแปรเป็นอื่น


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: DrJfk ที่ 17 ต.ค. 16, 11:53
อาลัยรักในพระองค์ เช่นเดียวกับ คนไทยทั้งปวง

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

น.พ.สมนึก ตปนียวรวงศ์ และครอบครัว


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 17 ต.ค. 16, 12:57
ผมไม่รู้จะ Post อะไรดีเลยครับ ช่วงสอง-สามวันมานี้ ทำได้เพียงพยายามชวนลูกมานั่งดูโทรทัศน์แล้วสอนเขาว่า มีอะไรเกิดขึ้นในวันนี้ ในอนาคตสักยี่สิบสามสีบปี เขาจะได้จำได้ว่า วันนี้ประเทศร้องไห้เพราะสาเหตุใด


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 16, 15:32
แนะนำให้คุณนริศเก็บภาพ เหตุการณ์ ข่าว ฯลฯ  ใน facebook และที่อื่นๆ ใส่ไฟล์ไว้เป็นพิเศษ   วันหนึ่งลูกคุณโตเป็นผู้ใหญ่  คุณพ่อให้ดูอีกครั้ง  เขาจะได้รู้ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของวันประวัติศาสตร์อันย่ิ่งใหญ่  และจะได้ย้อนรำลึกถึงวันนี้ได้ตลอดไปค่ะ


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 17 ต.ค. 16, 16:17
ขอบพระคุณครับ


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 16, 17:46
http://pantip.com/topic/35705184

อยากจะบันทึกเอาไว้ให้ลูกหลานอ่าน ว่าวันนั้นทำอะไรอยู่

ไม่มีวันลืมวันที่ 13 ตุลาคม 2559 
วันนี้มีนัดเจรจาเรื่องงาน  ที่ร้าน the Terrace ในเซนทรัล   งานจบลงด้วยดี กำลังจะกลับบ้านตอนสี่โมงเย็น
มีไลน์เข้ามา    อ่านแล้วทำอะไรไม่ถูก  น้ำตาไหลออกมาเอง  ยืนร้องไห้อยู่บนทางเดินในห้าง  ใครจะเห็นก็ช่างเถอะ มันกลั้นไม่ไหวจริงๆ
ลูกสาวไลน์เข้ามาหาแม่ ถ้อยคำบอกให้รู้ว่ากระวนกระวายเหมือนกัน  แม่บอกเพียงว่า "ขอให้เตรียมใจ"
ซื้อของเสร็จแล้วรีบกลับบ้าน รอฟังข่าวตอนหกโมง  ทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออก   
หกโมงแล้วก็ยังไม่มีข่าว  เริ่มเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้งว่า เราอาจจะได้ยินข่าวผิดก็ได้
แต่ความหวังก็วูบหายไปตอนทุ่มตรง  เห็นโฆษกชายแต่งดำออกมา  ยังไม่ทันแถลงข่าวก็รู้แล้ว
ว่าวันที่ไม่เคยต้องการให้มาถึง  ก็มาถึงแล้ว  จะไม่อยากเห็นก็ต้องเห็น  ไม่อยากได้ยินก็ต้องได้ยิน
รู้สึกเหมือนกลับเป็นเด็กอีกครั้ง   ร้องไห้อีกรอบหนึ่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ 

นึกถึงวันที่เสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราชกลับพระราชวังไกลกังวล    วันนั้นประชาชนรอเฝ้าสองข้างทางไชโยโห่ร้อง ได้ยินเสียงประชาชนร้องว่า "ทรงพระเจริญ" กันทุกระยะ     
ดูแล้วดีใจว่าทรงแข็งแรงดีแล้ว  ร้องไห้เสียจนลูกสาวงงว่าแม่เป็นอะไรไป   คราวนั้นเป็นน้ำตาแห่งความปีติ

ตรงกันข้ามกับครั้งนี้
คืนนั้นหลับๆตื่นๆทั้งคืน   


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 17 ต.ค. 16, 19:54
“ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้าหนุ่มสยาม เรือนไทย”
 


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 18 ต.ค. 16, 14:46
 :'( :'(น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย :'( :'( :'(


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 22 ต.ค. 16, 20:00
ในวันที่ลูกทุกข์  มิรู้สุขทุกราตรี
ใบหน้าเศร้าหมองศรี หัวใจนี้ทุกข์อกตรม
ยิ้มได้หัวใจเศร้า วันคืนเฝ้าล้วนขื่นขม
แต่งดำมาร่วมวง  ร่วมร้องส่งองค์ภูมี
.
ล้านไทยใจเป็นหนึ่ง  รักลึกซึ้งให้พ่อนี้
หลอมใจทั้งมวลมี  เป็นสิ่งที่ทรงพลัง
โลกหมุนมาเก้าวัน ให้วันนั้นเพียงความฝัน
๑๓ ตุลาคืนวันอัน  หนาวเหน็บสั่นทั่วกายา
.
สะดุ้งเฮือกแล้วเยือกเย็น เป็นข่าวร้ายบาดหัวใจ
เจ็บลึกร้าวทรวงใน สะอื้นให้โลกหยุดพลัน
ธ ลาลับสู่ชั้นฟ้า สู่ดาราบนสรวงอัน
สถิตอยู่เป็นนิรันดร์ เป็นมิ่งขวัญแห่งประชา
.
บัดนี้ไม่มีแล้ว กระหม่อมแก้วของลูกยา
ขอเชิญพี่น้องมา ร่วมรักษาผืนดินไทย
จดจำคำพ่อสอน  ทุกขั้นตอนจงเดินไป
ก้าวหน้าฟ้าวันใหม่ ด้วยหัวใจที่พอเพียง
(หนุ่มรัตนะ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๙)


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 22 ต.ค. 16, 20:01
ภาพประชาชนรวมกันท้องสนามหลวงและถนนโดยรอบ เพื่อร้องเพลง "สดุดีมหาราชา"


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 30 ต.ค. 16, 07:34
ได้เห็นภาพที่ประชาชน ได้มีโอกาสเข้าถวายบังคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
ต่อหน้าพระพักตร์พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงมาเป็นองค์ประธาน ในระหว่างที่มีพิธีธรรมตลอดทั้งวัน แล้ว
ความหมายของคำว่า ราชประชาสมาสัย นั้น ยิ่งแจ่มชัด

ขอให้ พระราชวงศ์จักรี ทุกพระองค์ จงทรงพระเจริญ


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 31 ต.ค. 16, 07:57
ในส่วนภาคกลางคืนนั้น มีการร้องเพลงสุดดีมหาราชา พร้อมกับจุดเทียนรอบพระบรมมหาราชวังอีกครั้ง ซึงในรอบกลางคืนนี้ประชาชนเข้าร่วมมีจำนวนมากกว่าภาคกลางวัน


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ต.ค. 20, 14:59
ดึงกระทู้ขึ้นมาอีกครั้ง  ให้รู้ว่าทุกอย่างยังไม่ลืมเลือนจากความทรงจำ


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ต.ค. 20, 15:09
่ส่งให้สมาชิกเรือนไทยที่เป็นชาวสวนกุหลาบ ค่ะ


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 22, 09:13
https://www.youtube.com/watch?v=0irHnogb08E


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 22, 09:14
ครบรอบปี อีกปีหนึ่งแล้ว


กระทู้: น้อมถวายความอาลัย พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ต.ค. 22, 09:55
อาลัยคิดถึงพ่อ! 'บุคคลในภาพเข้าเฝ้าร.9'เคยรับเสด็จใกล้ชิด ยึดหลักคำสอนเศรษฐกิจพอเพียง

บุคคลในภาพที่เคยรับเสด็จอย่างใกล้ชิด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ อ.เบตง จ.ยะลา แสดงความอาลัยต่อการจากไป คิดถึงพ่อหลวง ร.9 ยึดหลักคำสั่งสอนเศรษฐกิจพอเพียง

12 ตุลาคม 2565 ที่บ้านเลขที่ 75 ถ.ตัณฑ์วีระ ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นบ้านของ นางกิ้มสี แซ่อึ้ง อายุ 85 ปี ชาวเบตง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบุคคลในประเทศไทยที่ร่วมรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงพระราชปฏิสันถารกับราษฎรในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อวันศุกร์ที่ 17 กันยายน 2519 ที่ศาลาประชาคม และประชาชนได้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นเวลามากกว่า 46 ปีมาแล้ว

นายอนภัทร คุโณดม อายุ 36 ปี หลานชายของนางกิ้มสี กล่าวว่า เมื่อยายกลับมาจากการรับเสด็จก็มาเล่าให้แม่ฟังว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในครั้งนั้นแม้จะมิได้เข้าใกล้ชิด แต่ถือว่าได้เห็นพระองค์ท่านอย่างชัดเจน พระองค์ท่านสิริโฉมงดงาม ทรงเรียบร้อย พูดเบา แต่พระองค์ท่านสนพระทัยอย่างมากเกี่ยวกับการเป็นอยู่ของพสกนิกร โดยพระองค์ตรัสแก่คณะผู้ใหญ่ที่เข้าเฝ้าว่า ให้นำเรื่องราวที่ดีในการอยู่แบบพอเพียง การดัดแปลงคุณค่าทางพืชผล นำไปใช้ต่อยอดให้แก่ประชาชน ซึ่งทุกวันนี้ตนเองได้นำพระราชดำรัสไปใช้ในการทำงาน และสอนสั่งลูกหลานต่อไป

นายอนภัทร คุโณดม ยังได้กล่าวอีกว่า การที่ยายและพ่อแม่ได้ไปรับเสด็จในหลวงเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2519 ซึ่งตอนนั้นตนเองยังเด็ก แต่พ่อแม่ไปรับเสด็จกลับมาได้เล่าให้ลูกหลานฟังว่า พระองค์ทรงไม่ถือตัว พบปะประชาชนที่ไปเฝ้าอย่างใกล้ชิด แม้เมื่อ 46 กว่าปีที่แล้วการเดินทางเข้ามาที่ อ.เบตง นั้น หากมาตามเส้นทางคงใช้เวลาหลายวัน ประกอบกับเส้นทางเข้าเบตงในสมัยนั้นค่อนข้างลำบาก คดเคี้ยว และอันตรายมาก แต่พระองค์ก็ยังเสด็จมาพบพสกนิกรของท่าน ถึงแม้ อ.เบตง จะอยู่ไกลใต้สุดแดนสยามก็ตาม และได้พักที่ธนาคารมหานครในสมัยนั้น 1 คืน ปัจจุบันเป็นธนาคารกรุงไทย สาขาสุขยางค์ และพระองค์ก็เสด็จกลับในช่วงสายของวันที่ 18 กันยายน 2519 ทำประชาชนคนไทยทั้งปวงปลื้มปีติยินดีเป็นล้นพ้น

นอกจากนี้นายอนภัทร คุโณดม ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ขณะนั้นมีอายุ 6 ขวบ พ่อและแม่ได้พาตนเองไปรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่เสด็จมายังอำเภอเบตง เมื่อปี 2529 โดยเสด็จมายังศาลาประชาคม เทศบาลเมืองเบตง พ่อแม่ได้พาตนเองมารอรับเสด็จเพื่อที่จะทูลเกล้าขอความช่วยเหลือ เนื่องจากตนเองเดินไม่ได้

พอท่านได้เห็นท่านจึงได้รับเป็นคนไข้ของท่าน จนรักษาตัวใช้ระยะเวลาพอสมควร ปัจจุบันสามารถเดินได้ ซึ่งดีกว่าตอนอายุ 6 ขวบที่เดินไม่ได้เลย พ่อแม่ต้องอุ้มมารับเสด็จ หากไม่ได้ท่านช่วยตอนนั้นคงจะเดินไม่ได้ ซึ่งตนเองตื้นตันใจมาก อยากจะเข้าเฝ้าเพื่อที่จะขอขอบคุณท่าน เนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนของท่าน และเป็นแบบอย่างให้ประชาชนและคอยอยู่เบื้องหลังให้ตลอดเวลา

เมื่อมีปัญหาท่านจะคอยช่วยเหลือประชาชนของท่าน  และขอให้ทุกพระองค์ทรงพระเจริญ.

https://www.naewna.com/likesara/686144