เรือนไทย

General Category => ทันกระแส => ข้อความที่เริ่มโดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ม.ค. 21, 08:10



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ม.ค. 21, 08:10
ต่อจากภาคแรก
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=7079.msg174709;topicseen#msg174709

วายร้ายไวรัสจากอู่ฮั่นมาทักทายประเทศไทยเป็นชาติแรกเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๓ โดยติดมากับนักท่องเที่ยวชาวจีน

ถัดมาอีก ๑ เดือน วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ 'โรคจากโคโรนาไวรัสอู่ฮั่น'ได้ชื่อใหม่จากองค์การอนามัยโลกว่า 'โควิด-๑๙' มหันตภัยจากโรคร้ายกระจายไปทั่วโลก จนถึงสิ้นปี ๒๕๖๓

๑ มกราคม ๒๕๖๔ โรคร้ายยังคงอยู่และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ  ขึ้นปีใหม่ ขออนุญาตขึ้นกระทู้ใหม่ ซึ่งยังคงมีเรื่องให้ติดตามอีกมาก

ขอชาวเรือนไทยพ้นภัยโควิดตลอดปีใหม่นี้เทอญ  ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ม.ค. 21, 09:42
ถ้ามีข่าวล่ากว่านี้ คุณเพ็ญชมพูช่วยบอกด้วยนะคะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ม.ค. 21, 09:45
เช้านี้ที่หมอชิต - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยข่าวดี ประเทศไทยจะเริ่มรับวัคซีนโควิด-19 เดือนกุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 2 ล้านชุด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เจรจากับผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ทุกรายที่ผลิตออกมาจำหน่ายแล้ว เพื่อให้ได้วัคซีนมาใช้ในช่วงที่มีการระบาดขณะนี้

ซึ่งจากการเจรจาสรุปได้ว่า ภายในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2564 วัคซีนจะถูกส่งมาถึงประเทศไทย ไม่น้อยกว่า 2 ล้านชุด โดย นายอนุทิน ได้รายงานผลการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนทุกรายให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว นายกรัฐมนตรีให้การสนับสนุนเต็มที่ ทั้งเรื่องงบประมาณ และได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อเร่งรัดกระบวนการจัดหาวัคซีนมาให้ถึงประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโดยเร็วที่สุด

นายอนุทิน ระบุว่า จะเจรจาเพื่อให้ได้วัคซีนมาให้มากที่สุด เร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนคนไทย ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดของรัฐบาล

https://news.ch7.com/detail/458762


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ม.ค. 21, 17:33
 :( :( :(


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ม.ค. 21, 18:46
ศบค. เตรียม "ล็อกดาวน์" แต่ไม่ใช้คำว่า "ล็อกดาวน์

https://youtu.be/dhBbQBTZQqs


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ม.ค. 21, 19:24
ประกาศ "พื้นที่ควบคุมสูงสุด" ใน ๒๘ จังหวัด  'ล็อกดาวน์' แต่ไม่ประกาศ 'ล็อกดาวน์'  ;)

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/001/T_0004.PDF


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 03 ม.ค. 21, 20:54
จังหวัดผมติดอันดับท้ายๆ ด้วยครับอาจารย์

ทุกเช้าผมไปตลาดสด พ่อค้าแม่ค้าคุยกันเรื่องเดียว จะโดนสั่งปิดตลาดสดวันไหนแล้วจะทำมาหากินอย่างไร

ทุกเช้าผมไปตลาดสด จะเห็นลูกค้าจับกลุ่มคุยกันโดยสวมหน้ากากปิดบังคางทุกราย

ทุกเช้าผมไปตลาดสด บ้านไหนที่จับกลุ่มคุยกันก็ยังจับกลุ่มคุยกันโดยไม่สมหน้ากากเช่นเคย

ทุกเช้าผมไปตลาดสด...



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 04 ม.ค. 21, 08:22
เข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้แตกต่างจากเมื่อต้นปี 2563โดยสิ้นเชิง

ทั้งนี้เพราะมีการผลิตวัคซีนออกมาได้แล้วหลายเจ้า ซึ่งต้อรอดูผลข้างเคียงกันต่อไป

ดังนั้นตอนนี้แค่ประคับประคองไปเราก็จะมีทางรอด โดยไม่ต้องล็อคดาวน์

เรามีตัวอย่างจากเมื่อต้นปี 63แล้วที่มีการประกาศล็อคดาวน์ทันที ซึ่งตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าวัคซีนจะมาเมื่อไหร่

ทันทีที่ล็อคดาวน์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจรุนแรงมากกว่าจะฟื้น

แต่ตอนนี้เบาใจได้อย่างว่ามีวัคซีนแล้ว และประเทศไทยได้สูตรและสิทธิในการผลิตมาแล้ว ดังนั้นหากประคับประคองสถานการณ์ไปแบบนี้ไม่ต้องล็อคดาวน์เศรษฐกิจไม่พัง

แต่ยังพอรับมือได้ ก็คิดว่าน่าจะจบแบบสวยๆก็ได้สำหรับประเทศไทยค่ะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ม.ค. 21, 11:04
ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขเผยว่า กำลังจะได้รับวัคซีนจาก Sinovac* มาและจะเริ่มฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ก่อนที่กลางปี วัคซีน AstraZeneca ที่รับมาผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จะเริ่มใช้ได้ นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาวัคซีนที่เกิดจากความร่วมมือของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสภากาชาดไทยเพื่อคิดค้นวัคซีนใช้ต่อไป

* ชื่อวัคซีนคือ Corona Vac ผลิตโดยบริษัท Sinovac Biottech ของจีน เป็นวัคซีนเชื้อตาย (inactivated vaccine)

การทดสอบในตุรกี (https://thestandard.co/sinovac-covid-19-vaccine-from-china-91-point-25-percents-effective/) ใช้อาสาสมัคร ๗,๐๐๐ ราย มีประสิทธิภาพ ๙๑.๒๕%  ส่วนในบราซิล (https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=TUNTUnUzV2NWTDQ9) ใช้อาสาสมัคร ๑๓,๐๐๐ คน พบว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่าระดับมาตรฐานที่ ๕๐% แต่ถูกทาง Sinovac สั่งชะลอการรายงานผลการทดลองออกไป เนื่องจาก Sinovac ต้องการเปิดเผยผลการทดลองที่แม่นยำหลังจากนี้เป็นระยะเวลา ๑๕ วัน การเปิดเผยผลการทดลองที่ล่าช้าทำให้ Sinovac ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดความโปร่งใส และส่งผลให้ประชาชนของบราซิล มากกว่า ๕๐% ปฎิเสธที่จะฉีดวัคซีนของ Sinovac เนื่องจากไม่มั่นใจในด้านความปลอดภัย

สำหรับประเทศอื่นในอาเซียนมีสรุปในตารางข้างล่าง ส่วนรายละเอียดอ่านต่อได้ที่ https://www.facebook.com/153951094974177/posts/1506141939755079/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ม.ค. 21, 15:12
เปรียบเทียบข้อมูลวัคซีนโควิด-๑๙ ของ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, จีน และรัสเซีย

อ่านรายละเอียดที่

https://www.facebook.com/153951094974177/posts/1505994606436479/
https://www.facebook.com/153951094974177/posts/1506770656358874/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ม.ค. 21, 19:55
หลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในแถบยุโรปยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ที่ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลในหลายประเทศตัดสินใจขยายช่วงระยะเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีก จากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา

ประเทศไทยยังไม่มีการประกาศ 'ล็อกดาวน์'ในการระบาดครั้งใหม่ มีแต่การประกาศ 'พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด’  สำหรับ ๕ จังหวัดคือ สมุทรสาคร, ระยอง, ชลบุรี, จันทบุรี และตราด

ประดิษฐ์คำใหม่ขึ้นอีกคำแล้ว  ;D

อ่านรายละเอียดที่ https://thestandard.co/explore-lockdown-countries-tackle-latest-coronavirus/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 06 ม.ค. 21, 07:58
เห็นว่าไปต่อรองเอาของ Sinovac มาได้สองแสนโดสที่จะฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อน

ซึ่งตัวนี้อินโดนีเซียได้ไปก่อนแล้ว โดยผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตอินโดนีเซียสูงสุดในอาเซียน

ซึ่งตัว Sinovac นี้ก็มีประเด็นเมื่อเดือนพ.ย.เรื่องการทดลองในบราซิล

เลยคิดว่าจริงๆไทยก็หัวหมออยู่เหมือนกัน ให้อินโดนีเซียฉีดไปก่อน รอดูหนึ่งเดือนว่ามีผลข้างเคียงอะไรไหม

แล้วไทยค่อยเอามาฉีด;D ;D



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ม.ค. 21, 09:52
ที่วัคซีนล็อตแรกมาลงล็อกที่วัคซีนของ Sinovac อาจเป็นเพราะว่าเป็นของคนคุ้นเคย

สำนักข่าว Nikkei Asia ของญี่ปุ่น (https://asia.nikkei.com/Spotlight/Coronavirus/China-s-Sinovac-attracts-515m-to-help-double-COVID-vaccine-output) รายงานในวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ ว่า บริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) ผู้ผลิตวัคซีนโคโรนาแวค เปิดระดมทุนจากนักลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-๑๙ เป็น ๒ เท่า โดยมีบริษัท ซิโน ไบโอฟาร์มาซูติคอล (Sino Biopharmaceutical Limited) ที่มี ซีพี ฟาร์มาซูติคอล กรุ๊ป ถือหุ้นใหญ่ร่วมลงทุนกว่า ๕๑๕ ล้านเหรียญหรือประมาณ ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท

ทำให้ซีพีกรุ๊ปกลายเป็นผู้ถือครองหุ้นกว่า ๑๕% ในซิโนแวค ไลฟ์ ไซเอนซ์ ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจผู้ผลิตวัคซีนในเครือบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) โดยวัคซีนจากซิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) ที่กลุ่มซีพีได้เข้าถือหุ้นนี้ คือวัคซีนที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้จัดซื้อจำนวน ๒ ล้านโด๊สในวงเงินรวม ๑,๒๒๘ ล้านบาท และกำลังจะมาถึงประเทศไทยในเดือนหน้าเป็นล็อตแรก โดยแบ่งการส่งมอบทั้งหมด ๓ ครั้ง ดังนี้ ส่งมอบในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๐๐,๐๐๐โด๊ส เดือนมีนาคม ๘๐๐,๐๐๐ โด๊ส และเดือนเมษายนอีก ๑,๐๐๐,๐๐๐ โด๊ส

จาก https://workpointtoday.com/cp-buy-sinovac/

ต่อไปพนักงานขายในร้านสะดวกซื้อของเครือซีพีอาจจะถามผู้ซื้อว่า "รับซาลาเปาและวัคซีนโควิดซักโด๊สสองโด๊สมั้ยคะ"  ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ม.ค. 21, 13:04
ทำความรู้จักวัคซีนโควิด-๑๙ ชนิดต่าง ๆ ในเชิงวิชาการกันสักนิด  ;D
 
๑. วัคซีน mRNA (วัคซีนของ Pfizer-Biontech และ Moderna) mRNA ถูกห่อหุ้มด้วย lipid nanoparticle เมื่อฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อ particle จะเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อ mRNA จะถูกถอดออก ใน cytoplasm หรือของเหลวในเซลล์  mRNA จะเข้าสู่ ribosome เพื่อสร้างโปรตีนตามรูปแบบที่กำหนด และส่งผ่านออกทาง golgi ออกสู่นอกเซลล์ โปรตีนที่สร้างออกมาจะเป็นแอนติเจนไปกระตุ้นร่างกายสร้างแอนติบอดี ที่เป็นภูมิต้านทานต่อโรคโควิด-๑๙

ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้ทำได้ง่าย และเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว เพราะทำในโรงงาน กระตุ้นภูมิต้านทานได้สูง  ข้อเสียคือ RNA สลายตัวได้ง่าย ต้องเก็บที่อุณหภูมิต่ำมาก ๆ และวัคซีนชนิดนี้เป็นชนิดแรกที่ใช้ในมนุษย์ อาการข้างเคียงหลังฉีดพบได้บ่อยกว่าวัคซีนที่ทำโดยชนิดเก่า เช่นมีไข้ ปวดเมื่อย และผลระยะยาวคงต้องรอการศึกษาต่อไปเป็นปีหรือหลายปี

๒. วัคซีน viral vector (วัคซีนของ AstraZineca และ Spuknic V) ใช้วิธีการเอาสารพันธุกรรมของไวรัสโรคโควิด-๑๙ ใส่เข้าไปในไวรัสที่จะเป็นเวกเตอร์ หรือ ตัวฝาก (ที่ใช้อยู่เป็น adenovirus, vesicula stomatitis virus  ซึ่งไม่ก่อโรคในมนุษย์) เพื่อส่งสารพันธุกรรมนั้นเข้าไปในเซลล์มนุษย์ เมื่อเข้าไปแล้วไวรัสจะถอดรูปพันธุกรรมที่ส่งเข้าไป โดยเข้าไปในนิวเคลียสของเซลล์ เพื่อลอกแบบ และเปลี่ยนให้เป็น mRNA ออกมาในไซโตพลาสซึม แล้วส่วนของ mRNA จะไปที่ ไรโบโซม เพื่อสร้างโปรตีนตามรูปแบบที่กำหนดไว้ (คือ spike protein) ส่งผ่านออกมาทาง golgi ออกนอกเซลล์ โปรตีนที่ส่งออกมาจะทำหน้าที่เป็นแอนติเจน กระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีต่อเชื้อโควิค-๑๙

ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้คือ ผลิตได้จำนวนมากได้ง่าย เพราะทำจากโรงงาน เป็น DNA  จะมีความคงทนกว่า จึงสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิ ๒-๘ องศาเซลเซียส ราคาจะถูก เพราะทำได้จำนวนมาก วัคซีนนี้เป็นชนิดใหม่เช่นเดียวกัน ผลระยะยาวจึงยังไม่ทราบ และ จะต้องคำนึงอีกประการหนึ่งคือขั้นตอนที่ผ่านนิวเคลียสของเซลล์ เราไม่ทราบว่าจะมีการรวมตัว integrate กับ DNA ของมนุษย์หรือไม่  ผลระยะยาวก็คงต้องติดตามต่อไป

๓. วัคซีนเชื้อตาย (วัคซีนของจีน Sinovac, Sinopharm) ใช้หลักการเช่นเดียวกับวัคซีนที่ทำมาแต่ในอดีตเช่น วัคซีนตับอักเสบเอ  วัคซีนโปลิโอ วัคซีนพิษสุนัขบ้าและอื่น ๆ อีกหลายชนิด โดยเพาะเลี้ยงไวรัสบน Vero cell  (เซลล์ชนิดนี้ใช้ทำวัคซีนหลายชนิดเช่นวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า) เมื่อได้ไวรัสจำนวนมาก ก็จะเอามาทำลายฤทธิ์หรือฆ่าเชื้อให้ตายแล้วนำมา formulation ใส่สารกระตุ้นภูมิต้านทาน

ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้คือ ในเรื่องความปลอดภัย เป็นเชื้อตายสามารถให้ในคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องได้ ข้อเสียคือการผลิตจำนวนมากจะทำได้ยาก เพราะไวรัสชนิดนี้เป็นไวรัสก่อโรค จะต้องเพาะเลี้ยง ในห้องชีวนิรภัยระดับสูง ต้นทุนในการผลิตจะมีต้นทุนสูง และเนื่องจากเป็นเชื้อตาย (inactivated virus) เชื้อไม่ไปเพิ่มจำนวน การกระตุ้นภูมิต้านทานจะได้ระดับต่ำกว่าวัคซีนที่กล่าวมาจากข้างต้น

เก็บความจาก เฟซบุ๊กของศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ  (https://www.facebook.com/100000978797641/posts/5064182733624303/)หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 07 ม.ค. 21, 14:27
เห็นตอนนี้มีข่าวว่าที่อังกฤษเชื้อกลายพันธ์ติดเร็วขึ้นก็หนักใจว่าตัววัคซีนจะแก้ไขได้ไหม

และล่าสุดก็เห็นมีกระแสต่อว่าคุณหมอทวีศิลป์หนักอยู่ ทั้งเรื่องบอกไม่ปิดประเทศเพราะถ้าปิดก็ต้องมีการเยียวยา การเยียวยาเป็นภาระของภาษีเงินทั้งประเทศ เรื่องคนใส่หน้ากากเยอะจนหมอไม่มีใส่ ล่าสุดคือเรื่องต้องโหลดแอปทุกคน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ม.ค. 21, 14:59
เห็นตอนนี้มีข่าวว่าที่อังกฤษเชื้อกลายพันธ์ติดเร็วขึ้นก็หนักใจว่าตัววัคซีนจะแก้ไขได้ไหม

คุณหมอยง (https://www.facebook.com/100000978797641/posts/5020433871332523/) อธิบายไว้ดังนี้

เราได้ยินข่าวมาตลอด เรื่องการผันแปรพันธุกรรมของไวรัสก่อโรค covid-19 ไม่ว่าจะเป็นใน อังกฤษ แอฟริกาใต้ และ ไนจีเรีย

ไวรัส RNA เกือบทุกชนิดมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตามวิวัฒนาการได้ง่ายกว่าไวรัส DNA อยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมที่ทุกคนมุ่งมองไปในส่วนที่เป็นหนามแหลมยื่นออกมาเรียกว่า spike นั่นเอง

ในส่วนนี้ที่มีการพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงและให้ความสำคัญได้แก่

การเปลี่ยนแปลงจากกรดอะมิโนแอสพาราจีน เป็น ไทโรซีน ในตำแหน่งที่ ๕๐๑  เพราะตำแหน่งนี้เป็นส่วนที่ไวรัส จะมายึดเกาะกับเซลล์ของมนุษย์ ในส่วนที่เรียกว่า ACE2 ถ้าเกาะได้ดี ก็จะติดเชื้อง่าย  ถ้าเกาะไม่ดีก็จะติดเชื้อยากกว่า จึงให้ความสนใจ

ส่วนที่ ๒ มีการขาดหายไปของกรดอะมิโนตำแหน่งที่ ๖๙-๗๐ ที่อาจจะทำให้รูปร่างของโปรตีนหนามแหลม เปลี่ยนรูปไป และ เกรงว่าไวรัสจะหลบหนีระบบภูมิต้านทาน หรือ วัคซีน

ส่วนที่ ๓ คือการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนจาก โพรลีน ไปเป็น  ฮีสติดีน ในตำแหน่ง ที่ ๖๘๑ เกี่ยวข้องกับการที่หลังไวรัสเกาะติดกับเซลล์มนุษย์แล้ว จะต้องใช้ เอนไซม์ของมนุษย์ ในการตัด เพื่อให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้โดยหลักการ การเกาะติดกับกับเซลล์มนุษย์แล้ว ไวรัสจะเข้าเซลล์ ต้องมีเอนไซม์มาตัดปลดปล่อยการเกาะนั้น เหมือนกับว่าถ้าตัดได้ดีก็จะเข้าสู่เซลล์ได้ง่าย

อย่างไรก็ตามจากการศึกษาถึงปัจจุบันเป็นเพียงสันนิษฐานทางวิทยาศาสตร์ จะต้องมีการศึกษาในแนวรุกต่อไป และข้อมูลในปัจจุบันไวรัส ที่พบกลายพันธุ์ ก็ยังสามารถจับได้ดีกับระบบภูมิต้านทาน และวัคซีนที่มีอยู่ หรือกล่าวว่า วัคซีนที่มีอยู่ยังใช้ได้ดีกับไวรัสกลายพันธุ์นั้นเอง

ส่วนการติดง่ายหรือยาก ก็ยังต้องการการศึกษาในแนวลึกต่อไป และแน่นอนไวรัสที่กลายพันธุ์ออกไป ก็ยังไม่มีหลักฐานว่าไวรัสนี้จะทำให้โรครุนแรงขึ้น หรือ น้อยลง เพราะฉะนั้นในขณะนี้ยังไม่ต้องตกใจไปเกินเหตุ อย่างที่เป็นข่าวออกมา


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ม.ค. 21, 16:13
ล่าสุดก็เห็นมีกระแสต่อว่าคุณหมอทวีศิลป์หนักอยู่ ทั้งเรื่องบอกไม่ปิดประเทศเพราะถ้าปิดก็ต้องมีการเยียวยา การเยียวยาเป็นภาระของภาษีเงินทั้งประเทศ เรื่องคนใส่หน้ากากเยอะจนหมอไม่มีใส่ ล่าสุดคือเรื่องต้องโหลดแอปทุกคน

เรื่องล่าสุดน่าจะคุยกันให้รู้เรื่องก่อนแล้วค่อยแถลง  ;)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 07 ม.ค. 21, 19:56
ขอบพระคุณคุณเพ็ญชมพูที่มาให้ข้อมูลค่ะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 08 ม.ค. 21, 05:48
ผมขอนำเสนอ บทสัมภาษณ์ทีมพัฒนาแอป "หมอชนะ" โดยคุณหนูเนย เมื่อ 9 เมษายน 2563
เพื่อนำเรียนเป็นชุดข้อมูล ให้ทุกท่านได้ทราบถึงจุดประสงค์ของแอปนี้ และรายละเอียดต่างๆ ครับ

สัมภาษณ์ทีมพัฒนาแอป "หมอชนะ" บันทึกการเดินทาง วิเคราะห์ความเสี่ยง COVID-19 ให้โดยอัตโนมัติ (https://nuuneoi.com/blog/blog.php?read_id=983)
https://nuuneoi.com/blog/blog.php?read_id=983 (https://nuuneoi.com/blog/blog.php?read_id=983)

ขอขอบคุณ : Blog คุณหนูเนย (https://nuuneoi.com/)
.


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ม.ค. 21, 19:34
ยอดตายเข้าล้านเก้าแสนแสนโศกศัลย์

จำนวนผู้เสียชีวิตในล้านที่ ๑.๙ ใช้เวลา ๘ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ม.ค. 21, 07:15
เก้าสิบล้านติดเชื้อเหลือจะเศร้า

จำนวนผู้ติดเชื้อ ๑๐ ล้านคน (ระหว่าง ๘๐-๙๐ ล้านคน) ใช้เวลา ๑๖ วัน หรือ ล้านละ ๑.๖ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ม.ค. 21, 08:17
ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขเผยว่า กำลังจะได้รับวัคซีนจาก Sinovac* มาและจะเริ่มฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป
* ชื่อวัคซีนคือ Corona Vac ผลิตโดยบริษัท Sinovac Biottech ของจีน เป็นวัคซีนเชื้อตาย (inactivated vaccine)

การทดสอบในตุรกี (https://thestandard.co/sinovac-covid-19-vaccine-from-china-91-point-25-percents-effective/) ใช้อาสาสมัคร ๗,๐๐๐ ราย มีประสิทธิภาพ ๙๑.๒๕%  ส่วนในบราซิล (https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=TUNTUnUzV2NWTDQ9) ใช้อาสาสมัคร ๑๓,๐๐๐ คน พบว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่าระดับมาตรฐานที่ ๕๐% แต่ถูกทาง Sinovac สั่งชะลอการรายงานผลการทดลองออกไป เนื่องจาก Sinovac ต้องการเปิดเผยผลการทดลองที่แม่นยำหลังจากนี้เป็นระยะเวลา ๑๕ วัน การเปิดเผยผลการทดลองที่ล่าช้าทำให้ Sinovac ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดความโปร่งใส และส่งผลให้ประชาชนของบราซิล มากกว่า ๕๐% ปฎิเสธที่จะฉีดวัคซีนของ Sinovac เนื่องจากไม่มั่นใจในด้านความปลอดภัย

ล่าสุด ผลทดลองวัคซีนของ Sinovac ในบราซิล พบมีประสิทธิภาพเพียง ๕๐.๓๘% ‼️

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างศูนย์ชีวการแพทยบูทันทัน (Butantan biomedical center) หน่วยงานที่เป็นพันธมิตรกับบริษัท Sinovac ผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ ของจีน เปิดเผยผลการทดลองเชิงคลินิคในเฟสที่ ๓ ของวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ ในประเทศบราซิล พบว่า มี “ประสิทธิภาพโดยทั่วไป” (general efficacy) อยู่ที่ ๕๐.๓๘ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

การเปิดเผยผลการทดลอง เกิดแรงกดดันให้มีความโปร่งใสมากขึ้นเกี่ยวกับการทดลองวัคซีนตัวดังกล่าว ทั้งนี้เมื่อวันที่ ๗ มกราคมที่ผ่านมา ศูนย์ชีวการแพทยบูทันทัน ได้เปิดเผยประสิทธิภาพของวัคซีนเอาไว้ว่ามีประสิทธิภาพอยู่ที่ ๗๘ เปอร์เซ็นต์ ระดับซึ่งศูนย์ชีวการแพทยบูทันทัน ระบุว่าเป็น “ประสิทธิภาพในทางคลินิค” (clinical efficacy)

ริคาร์โด ปาลาซิออส ผู้อำนวยการการวิจัยเชิงคลินิคศูนย์ชีวการแพทย์บูทันทันเปิดเผยว่า ตัวเลข “ประสิทธิภาพโดยทั่วไป” นั้นรวมเอาตัวเลขของการติดเชื้อที่มีอาการเพียงเล็กน้อย และไม่แสดงอาการเข้าไปด้วยโดยผู้ติดเชื้อเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์

ข่าวจาก มติชน (https://www.matichon.co.th/foreign/news_2526344)

วัคซีนมีประสิทธิภาพ ๕๐.๓๘% อาจเรียกได้ว่า "เกือบสอบตก" คนใช้วัคซีนคงทำใจลำบาก  :o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: Koratian ที่ 13 ม.ค. 21, 09:25
 :)
สงสัยจะอ่านข่าวมาจากคนละสำนัก

https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-01-11/sinovac-s-covid-vaccine-approved-by-indonesia-for-emergency-use (https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-01-11/sinovac-s-covid-vaccine-approved-by-indonesia-for-emergency-use)

Sinovac’s Vaccine Approved by Indonesia for Emergency Use

ndonesia approved China’s Sinovac Biotech Ltd. shots for emergency use, paving the way for Southeast Asia’s largest economy to start its inoculation program.

The Sinovac vaccine was found to be about 65% effective against Covid-19 in late stage-trials in the city of Bandung, Penny Lukito, head of the food and drug regulator, said in a press briefing Monday. The regulator also considered data from clinical trials in Brazil and Turkey in making the decision, she said.

The vaccine is “largely safe,” Lukito said. “It brings hope of reducing the Covid cases.”

The emergency use authorization is the first for Sinovac’s vaccine outside of China. In Brazil, late stage-trials showed an efficacy rate of 78%. The vaccine was effective in preventing mild cases of the virus and 100% effective against severe and moderate infections, according to the Brazil government.

Indonesia is struggling to rein in the worst coronavirus outbreak in Southeast Asia, with its positivity rate exceeding 31% on Monday in a sign of insufficient testing. The World Health Organization recommends keeping the rate below 5%.

President Joko Widodo is set to receive the first shot on Jan. 13, along with social media influencers and religious leaders. Indonesia needs to boost confidence in the vaccine among its 270 million population to curb the outbreak that has so far infected over 830,000 people.

Indonesia’s Ulema Council has declared the Covid-19 vaccines to be halal and clean, and can be used by Muslims in line with guidelines from relevant authorities. Sinovac has shipped 3 million doses to the country, which plans to inoculate 181.5 million people by March 2022.

https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-01-12/china-vaccine-going-global-with-four-different-efficacy-rates (https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-01-12/china-vaccine-going-global-with-four-different-efficacy-rates)

On Tuesday, Butantan explained the 78% was calculated considering the mild, moderate and severe cases, officials said. When very mild cases are included among the 13,000 volunteers, the figure is 50.4% -- 167 infected volunteers in the placebo arm, and 85 in the vaccine arm. The shot proved 100% effective in preventing severe cases.

Brazilian health regulator Anvisa requested additional data from the Butantan Institute on the Sinovac trial before deciding whether to approve the vaccine for use.


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: Koratian ที่ 13 ม.ค. 21, 09:42
วัคซีนไหนดีกว่ากัน ?

BioNTech Pfizer ป้องกันทั่วไป 95%  ป้องกันเคสรุนแรงได้ 89%
SinoVac ป้องกันทั่วไปได้ 78% ป้องกันเคสรุนแรงได้ 100%         


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ม.ค. 21, 22:04
เรื่องวัคซีนป้องกันโรคโควิด

หากใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ก็จะส่งผลให้ควบคุมโรคได้ง่ายขึ้นกว่าประสิทธิภาพต่ำ ทั้งนี้เพราะการที่จะควบคุมโรคโควิดไม่ให้ระบาดได้นั้น จำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันหมู่อย่างน้อย ๖๐% ของประชากรทั้งประเทศ โดยยืนบนสมมติฐานว่าวัคซีนได้ผล ๑๐๐%

แต่หากวัคซีนได้ผลน้อยลง เช่น ๘๐% ก็จำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนในประชากรจำนวนราว ๗๕% ของประเทศจึงจะหวังว่าจะได้ภูมิคุ้มกันหมู่ ๖๐% ของประชากรทั้งประเทศ

หากยิ่งประสิทธิภาพน้อยมาก ๆ เช่น ๕๐% ต่อให้เราฉีดทุกคนในประเทศ ก็ไม่มีทางจะได้ภูมิคุ้มกันหมู่ถึง ๖๐% ของประชากรทั้งประเทศได้

ประโยชน์ที่จะได้จากการใช้วัคซีนที่ประสิทธิภาพไม่มากนั้น ก็อาจต้องหวังประโยชน์ด้านอื่นแทน เช่น ลดความรุนแรงของโรค เป็นต้น แต่ต้องระวังให้ดี ต้องชั่งผลดีผลเสียที่อาจเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องผลข้างเคียงจากการฉีดเท่านั้น แต่ที่สำคัญมากคือ หากประสิทธิภาพต่ำเกินไป จะทำให้เกิดผลกระทบสำคัญเช่น คนที่ได้รับอาจเข้าใจผิดคิดว่าป้องกันได้ และลดการ์ดลง ไม่ป้องกันตัวเอง ทำให้มีโอกาสที่ตนเองจะติดเชื้อแล้วป่วยหรือตาย และยิ่งไปกว่านั้นคือ เนื่องจากวัคซีนอาจไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ ทำให้คนนั้นติดเชื้อแล้วเป็นคนแพร่ให้คนอื่นในสังคมวงกว้างได้

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (http://psm.md.chula.ac.th/teach_01.php?d=324)
ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๑๓ มกราคม ๒๕๖๔

https://www.facebook.com/1607465964/posts/10221600174226164/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: Koratian ที่ 14 ม.ค. 21, 10:34
เรื่องวัคซีนป้องกันโรคโควิด

หากใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ก็จะส่งผลให้ควบคุมโรคได้ง่ายขึ้นกว่าประสิทธิภาพต่ำ ทั้งนี้เพราะการที่จะควบคุมโรคโควิดไม่ให้ระบาดได้นั้น จำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันหมู่อย่างน้อย ๖๐% ของประชากรทั้งประเทศ โดยยืนบนสมมติฐานว่าวัคซีนได้ผล ๑๐๐%

แต่หากวัคซีนได้ผลน้อยลง เช่น ๘๐% ก็จำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนในประชากรจำนวนราว ๗๕% ของประเทศจึงจะหวังว่าจะได้ภูมิคุ้มกันหมู่ ๖๐% ของประชากรทั้งประเทศ

หากยิ่งประสิทธิภาพน้อยมาก ๆ เช่น ๕๐% ต่อให้เราฉีดทุกคนในประเทศ ก็ไม่มีทางจะได้ภูมิคุ้มกันหมู่ถึง ๖๐% ของประชากรทั้งประเทศได้

ประโยชน์ที่จะได้จากการใช้วัคซีนที่ประสิทธิภาพไม่มากนั้น ก็อาจต้องหวังประโยชน์ด้านอื่นแทน เช่น ลดความรุนแรงของโรค เป็นต้น แต่ต้องระวังให้ดี ต้องชั่งผลดีผลเสียที่อาจเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องผลข้างเคียงจากการฉีดเท่านั้น แต่ที่สำคัญมากคือ หากประสิทธิภาพต่ำเกินไป จะทำให้เกิดผลกระทบสำคัญเช่น คนที่ได้รับอาจเข้าใจผิดคิดว่าป้องกันได้ และลดการ์ดลง ไม่ป้องกันตัวเอง ทำให้มีโอกาสที่ตนเองจะติดเชื้อแล้วป่วยหรือตาย และยิ่งไปกว่านั้นคือ เนื่องจากวัคซีนอาจไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ ทำให้คนนั้นติดเชื้อแล้วเป็นคนแพร่ให้คนอื่นในสังคมวงกว้างได้

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (http://psm.md.chula.ac.th/teach_01.php?d=324)
ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๑๓ มกราคม ๒๕๖๔

https://www.facebook.com/1607465964/posts/10221600174226164/

ขอน้อมรับโอกาสนี้แสดงความคิดเห็นในด้านตรงข้ามกับคุณหมอเพ็ญชมพูด้วยความยินดียิ่ง   :)

"หากยิ่งประสิทธิภาพน้อยมาก ๆ เช่น ๕๐% ต่อให้เราฉีดทุกคนในประเทศ ก็ไม่มีทางจะได้ภูมิคุ้มกันหมู่ถึง ๖๐% ของประชากรทั้งประเทศได้"
ประโยคนี้ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยเฉพาะเรื่อง innate immunity ที่ในแต่ละกลุ่มประชากรแตกต่างกัน

ขอกลับไปที่ประเด็น  
วัคซีนไหนดีกว่ากัน ? (สำหรับประเทศไทย)

BioNTech Pfizer ป้องกันทั่วไป 95%  และ ป้องกันเคสรุนแรงได้ 89%
SinoVac ป้องกันทั่วไปได้ 78% (+ 90% ตุรกี และ 50% กรณี บราซิล) และ ป้องกันเคสรุนแรงได้ 100%        

อ้างอิงข้อมูล จาก New England  J. of Med และ Lancet
1. Safety and Efficacy of the BNT162b2 mRNA Covid-19 Vaccine
https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2034577 (https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2034577)
2. Efficacy and Safety of the mRNA-1273 SARS-CoV-2 Vaccine
https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2035389 (https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2035389)
2. Safety, tolerability, and immunogenicity of an inactivated SARS-CoV-2 vaccine in healthy adults aged 18–59 years: a randomised, double-blind, placebo-controlled, phase 1/2 clinical trial
https://www.thelancet.com/article/S1473-3099(20)30843-4/fulltext (https://www.thelancet.com/article/S1473-3099(20)30843-4/fulltext)
 
ผมสรุปว่า กรณีประเทศไทยใช้วัคซีน SinoVac ดีกว่า Pzifer   ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ม.ค. 21, 11:28
คงต้องรอรายละเอียดจาก รายงานการทดสอบวัคซีนอย่างเป็นทางการ ของ Sinovac Biotech ในวารสารวิชาการ (ซึ่งยังไม่มีการตีพิมพ์)

“Safety and Efficacy of the inactivated  SARS-CoV-2 CoronaVac vaccine”

เพื่อจะมองภาพได้กว้างขึ้น  ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ม.ค. 21, 12:45
'สหรัฐฯ'อ่วม! โควิดคร่าชีวิตวันเดียวเกือบ 4,500 คน พุ่งทุบสถิติใหม่

14 ม.ค.64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ จนถึง 20.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นวันอังคาร (ตรงกับเมืองไทย 08.30 น.วันพุธ) สหรัฐฯพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ วันเดียว 235,000 คน และเสียชีวิต 4,470 คน โดยเวลานี้มีคนไข้โควิด-19 ที่นอนรักษาตัววอยู่ในโรงพยาบาล ราวๆ 131,000 คน

สหรัฐฯ กำลังเผชิญการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรงมากกว่าที่เคยเกิดขึ้นในปี 2563 โดยสถิติการพบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในวันเดียว 5 ครั้งหลังสุด ล้วนเกิดขึ้นในปี 2564 นี้ ขณะที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาเฉลี่ยมากกว่าวันละ 3,300 ศพ เพิ่มขึ้นจากช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึง 217%

อย่างไรก็ตาม ดร.พอล ออฟฟิต สมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวัคซีนและผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพ ของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ เชื่อว่า ในเดือนมิถุนายน สถานการณ์ในสหรัฐฯ จะดีขึ้นอย่างมาก อันเป็นผลจากการฉีดวัคซีนเป็นวงกว้าง, สภาพอากาศที่อุ่นขึ้น, การเข้ามาบริหารของรัฐบาลใหม่ และ การสร้างภูมิคุ้มกันในสังคม
https://www.naewna.com/inter/545252


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ม.ค. 21, 07:15
คงต้องบันทึกวันนี้ไว้ในประวัติศาสตร์ ผู้เสียชีวิตครบ ๑ ล้านคน

จำนวนผู้เสียชีวิตจากเก้าแสนถึงหนึ่งล้านใช้เวลา ๑๙ วัน

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=7079.0;attach=74621;image)

เป็นอีกวันหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ผู้เสียชีวิตจากโควิด-๑๙ ครบ ๒ ล้านคน

จำนวนผู้เสียชีวิตล้านคน (จาก ๑ ล้านถึง ๒ ล้าน) ใช้เวลา ๑๐๙ วัน เฉลี่ย ๑ แสนคนใช้เวลา ๑๐.๙ วัน (จำนวนผู้เสียชีวิตจากล้านที่ ๑.๙ - ๒ ล้านใช้เวลา ๘ วัน)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 21, 07:46
ในสหรัฐอเมริกา   รายงานข่าวในวันเสาร์ที่ 16 มกราคม 2021
ติดเชื้อ                 24,076,396      คน
ตาย                    401,473           คน
หาย                    14,211,528      คน

เข้าไปดูในลิ้งค์  จะมีรายการให้ดูว่าแต่ละรัฐติดเชื้อ ตาย หาย เท่าไหร่ ค่ะ

https://www.worldometers.info/coronavirus/country/us?fbclid=IwAR3zfXT-Ve8h142T7vq3yx4Q-fssj4cd4eObmnk9dUQ0aZMkW2iZPAcyhI8


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ม.ค. 21, 14:17
ถึงคิวงานเข้าวัคซีนไฟเซอร์  :o

๑๖ มกราคม ๒๕๖๔ เว็บไซต์ Bloomberg รายงานอ้างเจ้าหน้าที่นอร์เวย์ยืนยันว่า ในตอนนี้ทางการนอร์เวย์พบผู้เสียชีวิตแล้ว ๒๓ คน หลังได้รับวัคซีนโควิด-๑๙ เข็มแรกไม่นาน ซึ่งเกือบ ๓ ใน ๔ ของผู้เสียชีวิตมีอายุมากกว่า ๘๐ ปี โดยจากการชันสูตรศพเบื้องต้น ๑๓ ศพ ชี้ว่า เกิดจากผลข้างเคียงตามปกติของวัคซีนโควิด-๑๙

https://workpointtoday.com/norway-covid-vaccine-dead/

https://youtu.be/Yuthe4cTSPI


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ม.ค. 21, 16:53
ซ่อมคลิปข้างบน

https://youtu.be/ZEyDsxuuQAA


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 17 ม.ค. 21, 08:40
.
อัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ทุกๆ 500,000 รายในขณะนี้ ยังคงมีอัตราเร่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อยู่ครับ

 จำนวนผู้เสียชีวิต             ระยะเวลา
ทุกๆ500,000ราย            (เดือน)
     (ครั้งที่)
        1                       6 (29 มิถุนายน 2563)
        2                       3 (28 กันยายน 2563)
        3                       2 (3 ธันวาคม 2563)
        4                       1.5 (6 สัปดาห์ ,15 มกราคม 2564)
.

ขอขอบคุณ : ภาพจาก www.straitstimes.com/world/covid-19-deaths-top-2-million-amid-global-lockdowns-and-fresh-outbreaks (http://www.straitstimes.com/world/covid-19-deaths-top-2-million-amid-global-lockdowns-and-fresh-outbreaks)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ม.ค. 21, 09:07
โควิด-๑๙ วิกฤตการณ์ที่เยอรมัน   :o
 
นิวยอร์กโพสต์ (https://nypost.com/2021/01/15/german-crematorium-struggles-to-keep-up-with-surge-in-covid-19-deaths/) รายงานเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๔ ว่าเยอรมันกำลังประสบวิกฤตอย่างหนัก ภายหลังจากมียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-๑๙ รายวัน สูงมากกว่าวันละ ๑,๐๐๐ ราย ทำให้เกิดปัญหาโลงศพไม่เพียงพอ และคนงานเผาศพทำงานไม่ทัน โลงศพถูกวางซ้อนกันสูงถึง ๒-๓ ชั้น หรือแม้กระทั่งเก็บไว้ในโถงทางเดินเพื่อรอการเผา

จอร์ก ชาลเดช ผู้จัดการฌาปนสถาน ในเมืองไมเซิน รัฐซัคเซิน ของเยอรมันเผยว่า เริ่มรับศึกหนักตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา ภายหลังจาก ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-๑๙ เริ่มเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่คาดคิด ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ผิดปกติอย่างมาก

"ผู้ที่เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนานั้น เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพิ่มขึ้น ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อก่อน" ชาลเดช กล่าว

นอกจากนี้ ผู้จัดการฌาปนสถาน ยังเผยว่า มีคนงานหลายสิบคน โดยปกติแล้วจะทำงานตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ในระบบสองกะ แต่ตอนนี้คนงานทุกคนต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมด ทำงานตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพราะวิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่จะสามารถเร่งจัดการผู้เสียชีวิต และเผาศพพวกเขาโดยเร็วที่สุด

"ทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมคนที่รักที่โรงพยาบาล และแม้พวกเขาจะต้องจบชีวิตลง คุณก็ไม่สามารถจับมืออำลาพวกเขาได้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่คุณจะได้รับคือ โทรศัพท์แจ้งว่าพวกเขาเสียชีวิต"

ข่าวจาก กะปุก (https://covid-19.kapook.com/view236454.html)

https://youtu.be/d8sjWySdJgg


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 19 ม.ค. 21, 17:50
เรื่องวัคซีนของไทยตอนนี้ก็มาทะเละกันอีกไม่รู้จะจบเช่นไร คนทั่วไปจะได้ฉีดเมื่อไร


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 ม.ค. 21, 13:19
ในสหรัฐอเมริกา   รายงานข่าวในวันเสาร์ที่ 16 มกราคม 2021
ติดเชื้อ                 24,076,396      คน
ตาย                    401,473           คน
หาย                    14,211,528      คน

โจ ไบเดน ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ ไว้อาลัยให้แก่ชาวอเมริกัน ๔๐๐,๐๐๐ คนที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-๑๙ ตลอดช่วง ๑๑ เดือนที่ผ่านมา ก่อนที่จะเข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ในวันนี้ (๒๐ มกราคม ๒๕๖๔)

พิธีรำลึกถูกจัดขึ้นที่อนุสรณ์สถานลินคอล์นเมื่อช่วงค่ำวันอังคาร (๑๙ มกราคม ๒๕๖๔) เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินทางออกจากทำเนียบขาว และมอบภาระหน้าที่ในการแก้ไขวิกฤตของชาติไว้กับผู้นำอเมริกาคนใหม่

“นี่คือสิ่งที่เราจะต้องจดจำ บางครั้งการจดจำอาจเป็นเรื่องยาก แต่มันก็คือวิธีเยียวยารักษา และเป็นสิ่งสำคัญที่เราทุกคนในชาติจะต้องทำร่วมกัน” ไบเดน กล่าวสุนทรพจน์เริ่มต้นพิธีไว้อาลัยซึ่งถูกจัดขึ้นพร้อมกันตามเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐฯ

เมื่อท้องฟ้าในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มืดสนิทลง โคมไฟฟ้าจำนวน ๔๐๐ ดวงได้ถูกเปิดขึ้นตลอดแนวด้านข้างของสระน้ำเพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงถึง ๔๐๐,๐๐๐ ชีวิตที่จากไปด้วยโรคร้าย จากนั้นนักร้องชาวอเมริกัน โยลันดา แอดัมส์ ได้ขับร้องบทเพลง “ฮาเลลูยา” สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า ก่อนที่จะมีการยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากโควิด-๑๙

กมลา แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งได้เข้าร่วมพิธีด้วย ระบุว่า “แม้กายเราจะแยกจากกัน แต่จิตวิญญาณของชาวอเมริกันทุกคนเป็นหนึ่งเดียว”

ลอรี แมรี คีย์ พยาบาลจากรัฐมิชิแกน ได้ขับร้องบทเพลง “อะเมซิ่ง เกรซ” ก่อนที่ ไบเดน จะก้าวขึ้นสู่โพเดียม จากนั้นมหาวิหารแห่งชาติ (National Cathedral) ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว ๔ ไมล์ได้ลั่นระฆัง ๔๐๐ ครั้งหลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์จบลง

https://mgronline.com/around/detail/9640000005677

https://youtu.be/8lE1fo2alcY


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ม.ค. 21, 07:15
จำนวนผู้เสียชีวิตจาก ๒ - ๒.๑ ล้านคน ใช้เวลา ๗ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 21, 13:19
คนดังรายล่าสุดที่โควิดพรากไป  คือ Larry King   เจ้าพ่อพิธีกรและรายการสัมภาษณ์คนดังของ CNN  เขาอยู่ยืนยงคงกระพันมาหลายทศวรรษ จนกลายเป็นตำนานโทรทัศน์
จากไปในวัย 87 ปี

https://www.youtube.com/watch?v=mVvMw_d1xAs


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 24 ม.ค. 21, 21:46
เห็นมีข่าวว่า WHO แจกวัคซีนให้ชาติแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยไม่รู้ว่าฟรีไหม แต่ดันมีข่าวไทยไม่รับซะงั้น


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ม.ค. 21, 10:44
เห็นมีข่าวว่า WHO แจกวัคซีนให้ชาติแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยไม่รู้ว่าฟรีไหม แต่ดันมีข่าวไทยไม่รับซะงั้น

สธ.ตอบชัด ทำไม ‘ไทย’ ถึงไม่ได้รับวัคซีนฟรี โคแวกซ์ (COVAX) จากองค์การอนามัยโลก

เมื่อวันที่ 24 มกราคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไม่ยอมเข้าร่วมโครงการ COVAX (โคแวกซ์) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในการจัดหาวัคซีนโควิด 19 และกำลังจะส่งให้วัคซีนของไฟเซอร์แก่ประเทศสมาชิกที่ยากจนกว่า ซึ่งเข้าร่วมโครงการกว่า 40 ล้านโดสว่า

ในการจัดหาวัคซีนมีการวางแผนเข้าร่วมกับโครงการโคแวกซ์ตั้งแต่แรก แต่ในการเจรจานั้น โครงการนี้เป็นโครงการที่ให้วัคซีนฟรีกับประเทศยากจน ซึ่งทางโครงการจัดประเทศไทยอยู่ในประเทศรายได้ปานกลาง จึงไม่ได้รับฟรีตรงนี้

หากจะเข้าร่วมก็ต้องนำเงินไปร่วมลงขันในการจัดหาวัคซีน ซึ่งโครงการก็ยังไม่ได้ระบุว่า จะเอาวัคซีนตัวไหนมา และก็ยังไม่มีวัคซีนตัวใดที่มีความคืบหน้ามาก เพียงแต่บอกให้ไทยเอาเงินไปร่วมลงขัน เมื่อได้มาแล้วก็จะได้วัคซีนในรูปแบบของการซื้อในราคาตามปกติ ถ้าไม่สำเร็จก็ไม่ได้เงินคืน จึงเป็นเรื่องยากในการที่จะเอาเงินไปลงตรงนั้น

“เราไม่ได้ทิ้งเรื่องของการเจรจาในโครงการโคแวกซ์ ซึ่งขณะนี้วัคซีนเริ่มทยอยออกมา เราคุยกันอยู่เรื่อยๆ ในเรื่องข้อมูลต่างๆ อาจจะสามารถแบ่งให้ประเทศไทยซื้อได้หรือไม่ในราคาต้นทุน หรือราคาถูก แต่ประเทศไทยไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับวัคซีนฟรีอยู่แล้ว” นพ.โอภาสกล่าว


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 25 ม.ค. 21, 12:59
ขอบคุณค่ะคุณเทาชมพู ถ้าไทยสามารถได้ราคาต้นทุนหรือราคาถูกก็คงดีไม่น้อย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ม.ค. 21, 18:07
โควิด-๑๙ วิกฤตการณ์ที่เนเธอร์แลนด์  :o

ดัตช์ป่วน! นายกฯประณามม็อบก่อจลาจล ต้านรบ.ประกาศเคอร์ฟิวคุมโควิด
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2546433

https://youtu.be/HIT3o0tKSJ0


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ม.ค. 21, 07:15
ติดเชื้อ ๑๐๐ ล้านคนแล้วจ้า  :o

อีกวันหนึ่งซึ่งต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ผู้ติดเชื้อเข้าหลักล้าน ผู้เสียชีวิตครึ่งแสน  :'(

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=7079.0;attach=73044;image)

เป็นอีกวันหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เช่นกัน ผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๑๐๐ ล้าน ผู้เสียชีวิตเข้าหลัก ๒ ล้าน

จำนวนผู้ติดเชื้อจาก ๑-๑๐๐ ล้านคน ใช้เวลา ๒๙๙ วัน เฉลี่ยล้านละ ๓.๐ วัน (จำนวนผู้ติดเชื้อจาก ๙๐-๑๐๐ ล้านคนใช้เวลา ๑๖ วัน หรือ ล้านละ ๑.๖ วัน)

ข้อมูลจาก https://www.bloomberg.com/graphics/2020-coronavirus-cases-world-map/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ม.ค. 21, 09:30
เราวิ่งมาราธอนมาถึงครึ่งทางแล้ว เราน่าจะผ่านจุดสูงสุด และกำลังวิ่งในครึ่งทางหลัง ใน ๑ ปีที่ผ่านมาสรุปได้ว่า

โควิด-๑๙ เป็นโรคระบาดที่รุนแรงเริ่มจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ระบาดอย่างกว้างขวางไปทั่วโลกในรอบ ๑๐๐ ปี นับจากไข้หวัดใหญ่สเปน ระบาดในประเทศทางตะวันตกมากกว่าทางตะวันออก ทั้งนี้เพราะทางตะวันออก น่าจะกลัวตาย มากกว่าทางตะวันตก มีการปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด และไม่ว่าจะปิดประเทศหรือไม่เปิดประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำกันถ้วนหน้า การเดินทางระหว่างกันและกันลดลง

ความรุนแรงของโรค จะพบในผู้สูงอายุ และมีปัจจัยเสี่ยงในเด็ก ความรุนแรงน้อยกว่าผุ้ใหญ่ และผู้สูงอายุ อัตราตายโดยเฉลี่ยประมาณ ๒%  หรือน้อยกว่า หลังจากที่ทั่วโรคมีรายงาน ๑๐๐ ล้านคน เชื่อว่ามีผู้ป่วยอาการน้อย หรือไม่มีอาการตกสำรวจจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิต ๒.๑ ล้านคน ประมาณหนึ่งในสาม การติดเชื้อเป็นแบบไม่มีอาการ จึงยากต่อการควบคุมโรค วิถีชีวิตใหม่ (new normal) ได้มีแนวทางปฏิบัติจนคุ้นเคย ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ กำหนดระยะห่าง ทำให้โรคระบบทางเดินหายใจลดลงอย่างมาก

เราเริ่มเห็นแสงในการควบคุม หลังจากการพัฒนาวัคซีน และนำไปใช้ได้จริง โดยเริ่มตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม จนปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนแล้วกว่า ๖๐ ล้านโด๊ส ประเทศอิสราเอลเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ ต่อจำนวนประชากรมากที่สุด (๑ใน ๓ ของประเทศ) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฉีดวัคซีนไปแล้ว ๑ใน ๔ ของประชากร ใช้วัคซีนเชื้อตายของจีน  Shinopham ประสิทธิผลการป้องกันโรคในอิสราเอล เริ่มเห็นผล ในผู้ที่อายุมากกว่า ๖๐ ปีที่ได้รับวัคซีน มีป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลน้อยกว่าผู้ไม่ได้รับวัคซีนถึงร้อยละ ๖๐ แสดงว่าวัคซีนลดการป่วยที่รุนแรง อย่างน้อยไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล และลดการเสียชีวิต และเชื่อว่าวัคซีนโควิด-๑๙ ทุกชนิดที่ใช้อยู่ในขณะนี้ ก็เช่นเดียวกัน สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ การลดการระบาดโควิด-๑๙ ได้ ประชากรอย่างน้อยร้อยละ ๖๐ ต้องมีภูมิต้านทานกลุ่ม (herd immunity) ภูมิคุ้มกันกลุ่มคิดจากสมการ  1-1/Ro  Ro คืออำนาจการกระจายโรค ที่มีการคำนวณไว้แล้วอยู่ระหว่าง ๒-๓  ภูมิคุ้มกันกลุ่มจึงเท่ากับ 1-1/3

เด็กที่อายุน้อยกว่า ๑๘ ปี ขณะนี้ยังไม่ให้วัคซีน เพราะยังไม่มีการศึกษาในเด็กกลุ่มดังกล่าว  และการติดโรคในเด็กมีอาการน้อย สตรีตั้งครรภ์ยังไม่แนะนำให้ฉีด เว้นเสียแต่ถ้ามีการระบาดมาก หรือสตรีนั้นมีความเสี่ยงสูง ก็ให้ชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบผลได้และผลเสีย และให้ข้อมูลให้ผู้รับวัคซีนตัดสินใจ การให้วัคซีนพร้อมวัคซีนอื่น โดยหลักการน่าจะให้ได้ แต่วัคซีนนี้เป็นวัคซีนใหม่ เมื่อเกิดการแทรกซ้อนจะไม่ทราบว่าเกิดจากวัคซีนอะไร จึงแนะนำให้วัคซีนนี้ห่างจากวัคซีนอื่นอย่างน้อย ๑๔ วัน วัคซีนโควิด-๑๙ จะให้ ๒ ครั้ง ยกเว้นในอนาคตอาจมีวัคซีนให้เพียงครั้งเดียว หรือ ๓ ครั้ง ชนิดของวัคซีนที่ให้ควรเป็นวัคซีนยี่ห้อเดียวกันทั้ง ๒ เข็ม ไม่ควรสลับยี่ห้อของวัคซีน จนกว่าจะได้มีการศึกษาแล้ว

ถ้าป่วยเป็นโรคโควิด-๑๙ แล้วฉีดวัคซีนได้หรือไม่ ผู้ที่เป็นโควิด-๑๙ แล้วยังมีข้อมูลยังไม่มากพอ และพบว่าผู้ที่มีอาการน้อย ภูมิต้านทานต่ำ และตรวจไม่ได้หลัง  ๖ เดือน ถ้าจะให้วัคซีน จะต้องให้หายป่วยและพ้นการกักตัวแล้ว ส่วนมากหลังหายจากโรคโควิด-๑๙ ใน ๓ เดือนแรก โอกาสจะเป็นโรค เป็นแล้วเป็นอีกเกิดขึ้นได้น้อยมาก การให้วัคซีนในผู้ที่เป็นโรคมาแล้ว ผู้ที่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ การให้วัคซีนในกลุ่มนี้ไม่ได้มีปัญหา หรือข้อห้าม และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจภูมิต้านทานก่อนฉีดแต่อย่างใด และการให้วัคซีนในผู้ที่เคยเป็นโรคมาแล้ว ไม่มีอันตรายเพิ่มขึ้น แต่อย่างใด

เมื่อให้วัคซีนแล้วมีโอกาสติดเชื้อหรือเป็นโรคได้หรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่มีวัคซีนไหนที่ป้องกันได้  ๑๐๐%  เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว จึงมีโอกาสติดโรค และอาจป่วยได้ หลักฐานปัจจุบันเชื่อว่าวัคซีนทำให้อาการป่วยน้อยลง ฉีดวัคซีนแล้วคงจะต้องปฏิบัติตนแบบวิถีชีวิตใหม่ จนกว่าประชากรส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดมีภูมิต้านทาน และไม่มีการระบาดของโรค ดังนั้นจึงยังต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และกำหนดระยะห่างของบุคคล และสังคมต่อไป

เก็บความจาก โควิด-๑๙ ๑ ปี ผ่านไป โดย ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง  ภู่วรวรรณ

https://www.facebook.com/100000978797641/posts/5159708857405023/
https://www.facebook.com/100000978797641/posts/5161036393938936/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ม.ค. 21, 07:15
จำนวนผู้เสียชีวิตจาก ๒.๑ - ๒.๒ ล้านคน ใช้เวลา ๗ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ม.ค. 21, 19:17
ล่าสุดมีการเผยแพร่ผลการวิจัยระยะที่สามของวัคซีนอีกตัวหนึ่งคือ วัคซีนของบริษัท Johnson & Johnson ของอเมริกา  รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ สรุปให้เราทราบดังนี้

วัคซีนของ Johnson & Johnson เป็นวัคซีนประเภท Adenovirus vector คล้ายกับของ Astrazeneca/Oxford โดยใช้ Adenovirus-26 เป็นตัวนำพาส่วนของยีนที่กำหนดการสร้างโปรตีนส่วนหนามของไวรัสโควิด-๑๙ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันในน้ำเลือด หรือแอนติบอดี้ขึ้นมา ในขณะที่ของ Astrazeneca/Oxford ใช้ Chimpanzee Adenovirus

Johnson & Johnson ทำการวิจัยในอาสาสมัครจำนวน ๔๓,๗๘๓ คน ทั้งในอเมริกา ลาตินอเมริกา และแอฟริกาใต้ ผลวิจัยพบว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการระดับปานกลางรุนแรงได้ ๖๖% ประเมินผล ณ ๒๘ วันหลังฉีดวัคซีน (ภาพรวมของทุกประเทศที่วิจัย) โดยจำแนกเป็น ๗๒% ในอเมริกา ๖๖% ในลาตินอเมริกา และ๕๗% ในแอฟริกาใต้ ทั้งนี้หากวิเคราะห์เฉพาะการป่วยรุนแรง จะสามารถป้องกันได้ ๘๕%

ข้อดีของวัคซีนของ Johnson & Johnson คือ ฉีดเพียงเข็มเดียว และการเก็บรักษาวัคซีนสามารถเก็บในตู้เย็นธรรมดาได้ ต่างจากวัคซีนประเภท mRNA ที่ต้องเก็บในอุณหภูมิเย็นจัดซึ่งอาจทำให้มีปํญหาในทางปฏิบัติสำหรับประเทศที่ไม่มีระบบ cold chain ที่ดีพอ

https://www.facebook.com/1607465964/posts/10221742717029645/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 30 ม.ค. 21, 20:26
เห็นข่าวรัฐไทยปฏิบัติกับผู้ที่ติดโรค กับผู้คนที่มาอยู่รวมตัวกันเยอะๆระหว่างคนดังกับคนธรรมดาทั่วไปที่ต่างมาตราฐานกันเหนื่อยใจ คราวก่อนก็มีประเด็นชาวต่างชาติกับคนไทยไปทีแล้ว


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ก.พ. 21, 10:12
ในที่สุดข้อมูลการศึกษาระยะที่ ๓ วัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย ได้มีการเผยแพร่ในวารสารชื่อดัง Lancet กลบข้อกล่าวหาที่เคยคลุมเครือในอดีต ประสิทธิภาพสูงถึง ๙๑.๑% โดยสถาบันกามาเลยาของรัสเซีย ทดลองกับอาสาสมัคร ๑๙,๘๖๖ ราย โดยพบผู้ติดเชื้อ ๑๖ รายที่อยู่ในกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนจริง และพบผู้ติดเชื้อ ๖๒ ราย ที่ได้รับวัคซีนหลอก
  
วัคซีน Sputnik V เป็นไวรัส Vector เช่นเดียวกับ AstraZeneca  ที่ใช้ adenovirus เป็นตัวนำสารพันธุกรรมเข้าสู่เซลล์มนุษย์แล้วให้เซลล์มนุษย์สร้างโปรตีนเปลือกผิวของไวรัสโควิด ที่เรียกว่าสไปรท์โปรตีน AstraZeneca ใช้ adenovirus ของลิงชิมแปนซี เพื่อหวังหลบหลีกภูมิต้านทานของมนุษย์ ใช้ ๒ เข็มเหมือนกัน วัคซีนSputnik V ของรัสเซียใช้ adenovirus ของมนุษย์ แต่ใช้ไวรัส ๒ ตัว คือ adenovirus 5 และ adenovirus 26

การฉีดใน ๒ เข็ม วัคซีนที่ใช้ฉีดจะต่างชนิดกัน เช่นครั้งแรกให้ adenovirus 5 เข็มที่ ๒ จะให้ adenovirus 26 เพื่อป้องกันภูมิต้านทานต่อ adenovirus  ที่ฉีดในเข็มแรก มารบกวนการสร้างภูมิต้านทานของเข็มที่ ๒  ซึ่งก็มีเหตุผล  จากการทดลองของรัสเซียพบว่า ถ้าให้ไวรัสชนิดเดียวที่ เป็น vector ตัวเดียวกัน  การกระตุ้นเข็มที่ ๒ ภูมิต้านทานจะขึ้นน้อย ไม่เหมือนกับการใช้ไวรัสต่างชนิด ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงมากกว่า ดังนั้นวัคซีน Sputnik V ของรัสเซียจะฉีดเข็มที่ ๑ และ ๒ จะต้องมีการแยกแยะจากกัน จะไม่ฉีดไวรัสเวกเตอร์ตัวเดียวกัน เหมือนอย่างใน AstraZeneca

วัคซีน Sputnik V ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินแล้ว ๑๗ ประเทศ และให้ทะเบียนแบบปกติ ๑ ประเทศ ราคาที่ประกาศไว้บนหน้าเว็บของบริษัทก็บอกไว้ว่าราคาไม่เกิน ๑๐ ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับการต่อรอง เป็นวัคซีนที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง

ข้อมูลจาก เฟซบุ๊กของคุณหมอยง ภู่วรวรรณ (https://www.facebook.com/100000978797641/posts/5193538847355357/)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.พ. 21, 09:43
สถิติวันนี้


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ก.พ. 21, 16:19
จำนวนผู้เสียชีวิตจาก ๒.๒ - ๒.๓ ล้านคน ใช้เวลา ๗ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.พ. 21, 08:35
โควิด 19 ในอเมริกายังคงระบาดอย่างฮึกเหิม  แม้ว่าประธานาธิบดีคนใหม่จะต่อสู้อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม

โจไบเดนพยายามเร่งให้ฉีดวัคซีนให้ไวที่สุด ตั้งเป้าไว้ว่า 100 วันให้ได้ยอด 100 ล้าน แต่จะได้ตามนั้นไหมไม่มีใครรู้    เพราะอเมริกันเป็นพวกลูกอีช่างประท้วง นี่ก็ประท้วงกันอีกแล้ว  โจ ไบเดนออกกฎห้ามชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้, บราซิล, อังกฤษ, ไอร์แลนด์ และ 26 ประเทศในยุโรป เดินทางเข้าอเมริกา เพื่อสกัดการแพร่เข้ามาของเชื้อโควิดกลายพันธุ์  เรื่องนี้น่าจะทำมาตั้งนานแล้ว ลุงทรัมป์ไม่ได้ดูดำดูดีอะไรเล้ย นอกจากห่วงคะแนนเสียงตัวเอง


 
นอกจากโควิดสายพันธุ์เดิมแล้ว ตอนนี้อเมริกาพบไวรัสโควิดสายพันธุ์อังกฤษที่แพร่ระบาดไปล้ว 20 รัฐ  ตามด้วยสายพันธุ์ 501Y.V2  จากแอฟริกาใต้ ล่าสุดเจอโควิดสายพันธุ์บราซิล ‘Brazil P.1’ ได้แต่ภาวนาให้วัคซีนครอบคลุมการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ใหม่ๆ เหล่านี้  เพราะผ่านมาหนึ่งปีเต็ม คนที่เก็บตัวอยู่บ้านก็เหนื่อยล้าเบื่อหน่ายเต็มที อยากจะมีชีวิตแบบเดิมที่ไม่ต้องระแวดระวังแทบทุกฝีก้าว ไม่ต้องพ่นสเปรย์หรือเช็ดข้าวของด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออยู่ทุกวี่วัน

ตอนนี้โจ ไบเดนสั่งซื้อวัคซีนอีก 200 ล้านโดส ต่อจำนวนประชากรประมาณ 300 ล้านคน นับว่าดีต่อใจ  โจ ไบเดนเปรียบสถานการณ์การระบาดของโควิดในอเมริกาว่า  ขณะนี้เหมือนอยู่ในสมรภูมิสงคราม จึงต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดและมากที่สุด เพื่อยังยั้งการระบาด แต่อย่างที่บอกนั่นแหละ อเมริกันเป็นลูกอีช่างประท้วง โผล่กันมาอีกแล้ว หนนี้ต่อต้านการฉีควัคซีน

คงยังจำกันได้ ตอนที่เกิดการระบาดจัดหนัก คนป่วยคนตายเป็นเบือ ก็มีหมู่อเมริกันลุกฮือมาประท้วงในรัฐต่างๆ ต่อต้านการใส่หน้ากากบ้าง ต่อต้านนโยบายล็อคดาวน์และอื่นๆ ตามแต่ที่จะห้ามอะไรแล้วทำให้ไม่พอใจขึ้นมา   โดยอ้างสิทธิเสรีภาพโน่นนี่ไปเรื่อย ห่วงแต่เสรีภาพตัวเอง ไม่ยักปกป้องเสรีภาพคนอื่น เพราะไปรวมตัวกันกลุ่มก้อนใหญ่ขนาดนั้น เท่ากับเป็นการแพร่กระจายเชื้ออย่างดี  บางเมืองถึงขนาดกลุ่มหมอและพยาบาลออกมายืนขวางกลางถน แต่คนกลุ่มนี้ก็ไม่สนใจ ตะโกนด่าหมอหยาบๆ คายๆ และไม่ลืมตบท้ายด้วยสิทธิเสรีภาพของตัวเองอีกตามระเบียบ

ล่าสุดสถานที่ฉีดวัคซีนโควิดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย ต้องปิดทำการชั่วคราว  หลายคนอาจจะอยากถามว่า อ้าว.. แคลิฟอร์เนียนี่คือดงระบาดขนาดใหญ่สุดในอเมริกา แล้วทำไมถึงต้องปิดจุดฉีควัคซีนล่ะ.. คำตอบคือ  ผู้ประท้วงจากกลุ่มต่อต้านวัคซีน ส่วนมากเป็นกลุ่มขวาจัด หรือพวกสนับสนุนทรัมป์ รวมตัวขวางทางเข้า บางส่วนชูป้ายคัดค้านโควิด  พลางตะโกนเรียกร้องไม่ให้คนเข้าไปฉีดวีคซีน เอ้า..แบบนี้ก็มีด้วย จะไม่ฉีดก็ไม่ฉีดสิ จะมาโวยวายเรียกร้องให้คนอื่นไม่ฉีดวัคซีนได้ไง

อ่านต่อบทความของคุณเจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ ได้ที่นี่ค่ะ
https://www.naewna.com/columnonline/46705


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ก.พ. 21, 10:18
ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขเผยว่า กำลังจะได้รับวัคซีนจาก Sinovac มาและจะเริ่มฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ก่อนที่กลางปี วัคซีน AstraZeneca ที่รับมาผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จะเริ่มใช้ได้

ทราบแล้วเปลี่ยน  ;D

ข้อมูลจาก  บีบีซีไทย (https://www.bbc.com/thai/thailand-55969391)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ก.พ. 21, 15:31
โครงการโคแวกซ์ (Covax - Covid-19 Vaccines Global Access Facility) ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๖๓ เพื่อสนับสนุนการพัฒนา จัดซื้อ และส่งวัคซีนไปยังกว่า ๑๘๐ ประเทศทั่วโลก โดยมีองค์การอนามัยโลกเป็นผู้นำ ร่วมกับองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน (Gavi, The Vaccine Alliance) ที่ก่อตั้งโดยบิลและเมลินดา เกตส์ และกลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาด (Coalition for Epidemic Preparedness Innovations หรือ Cepi)

ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ยังไม่เข่าร่วมโครงการ จึงยังไม่มีโควต้าที่จะได้รับวัคซีนจากโคแวกซ์  :o

ข้อมูลจาก  gavi.org (https://www.gavi.org/sites/default/files/covid/covax/COVAX-Interim-Distribution-Forecast.pdf?fbclid=IwAR38IZDrwErwgbF21kaBMWnWo3au5HcThHxl0dixQoxq89G1dRztIMQk7yc)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.พ. 21, 16:28
“บิ๊กตู่” เคลียร์ด่วน ปมไทยตกขบวนเข้าร่วมกับ COVAX เบื้องหลังสรรหาวัคซีนโควิด-19 รัฐบาลต้องดิ้นรนหนัก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ผ่าน PM POSCAST โดยนายกรัฐมนตรีเล่าเรื่องทางเพจไทยคู่ฟ้า ว่านอกจากชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนแล้ว มีเรื่องการจัดซื้อและแจกจ่ายวัคซีนของประเทศไทยที่หลายคนติดตามและกังวล เจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตนเดือดเนื้อร้อนใจ ยิ่งกว่าท่านอีกเพราะมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้

คำถามที่ว่าเหตุใดประเทศไทยไม่จัดซื้อวัคซีนครอบคลุมจำนวนที่เหมาะสม และแผนฉีดวัคซีนในประเทศไทยล่าช้าเกินไปหรือไม่ รัฐบาลมีแผนแจกจ่ายวัคซีนในระยะยาวอย่างไรนั้น ขอเรียนว่าความพยายามในการจัดหาวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ริเริ่มตั้งแต่ ส.ค.63 ภายหลังเห็นเงี่อนไขต่าง ๆ ของผู้ผลิตวัคซีน Covax ในลักษณะการจองวัคซีนล่วงหน้า โดยที่ยังไม่ทราบผลการทดลองในมนุษย์ ประเทศไทยขณะนั้นยังไม่มีกลไกลจัดหาวัคซีนที่มีเงื่อนไขจ่ายเงินก่อนและมีโอกาสไม่ได้วัคซีนหากการวิจัยล้มเหลว

อ่านต่อได้ที่
https://truthforyou.co/34074/?ank=&fbclid=IwAR04GXW_9rkb4V0jMKFurnHvCsPK91gZLzW9fddO20pF9Qc5OPepk153h_U



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ก.พ. 21, 14:26
การใช้สุนัขดมกลิ่นอาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการคัดกรองผู้ติดเชื้อโรคโควิด-๑๙

คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ดำเนินโครงการวิจัย “การใช้สุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-๑๙ ที่ไม่แสดงอาการ” (K9 Dogs Sniff COVID-19) โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๑,๐๘๕,๖๐๐ บาท เพื่อพัฒนาทักษะของสุนัขดมกลิ่นให้สามารถตรวจสอบและจำแนกผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-๑๙ ที่ไม่แสดงอาการออกจากกลุ่มคนปกติ ลดการใช้การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ และเพิ่มศักยภาพในการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศไทย และนำไปสู่การฝึกสุนัขใช้งานตรวจวิเคราะห์โรคต่าง ๆ ในมนุษย์ต่อไป โดยมีระยะเวลาดำเนินการทั้งหมด ๗ เดือน (ตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๖๓ - มีนาคม ๒๕๖๔)

ศาสตราจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงโครงการว่า “ก่อนที่จะมีการนำสุนัขดมกลิ่นมาใช้ในการตรวจหาผู้ป่วยโควิด-๑๙ นั้น ในวงการแพทย์ได้มีการใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อตรวจหาโรคมาแล้วหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น โรคมะเร็ง โรคมาลาเรีย หรือโรคอื่นๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส สำหรับการใช้สุนัขดมกลิ่นในการวินิจฉัยผู้ป่วยโควิด-๑๙ ที่ไม่แสดงอาการนั้นก็มีการนำไปใช้ตามสนามบินต่างประเทศมาแล้วหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ฟินแลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และออสเตรเลีย ซึ่งมีงานวิจัยยืนยันว่าการใช้สุนัขดมกลิ่นจำแนกผู้ป่วยโควิด-๑๙ นั้นมีความแม่นยำสูงถึง ๘๐-๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าผู้ป่วยจะยังไม่แสดงอาการออกมาก็ตาม นั่นเป็นเพราะว่าสุนัขนั้นมีเซลล์ประสาทรับรู้กลิ่นมากกว่า ๓๐๐ ล้านเซลล์ มากกว่ามนุษย์ถึง ๕๐ เท่า จึงสามารถตรวจสอบสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (volatile organic compounds, VOCs) ที่เกิดจากการเผาผลาญเซลล์ที่ผิดปกติของมนุษย์ได้ ด้วยการดมกลิ่นจากก้านสำลีที่ป้ายเหงื่อบริเวณรักแร้หรือเหงื่อจากฝ่าเท้าของผู้ป่วย ซึ่งการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีนี้สามารถจะทำได้ในเวลารวดเร็ว และช่วยลดอัตราเสี่ยงของการแพร่เชื้อแก่บุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องได้ด้วย เนื่องจากเหงื่อไม่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส ต่างจากตัวอย่างจากโพรงจมูกและลำคอ หรือน้ำลาย ซึ่งมีปริมาณไวรัสจำนวนมาก

https://www.energynewscenter.com/เชฟรอน-มอบทุนวิจัยสุนัข (https://www.energynewscenter.com/เชฟรอน-มอบทุนวิจัยสุนัข)

ได้สอบถามหัวหน้าผู้วิจัยได้ความว่ามีความคืบหน้าอยู่ ใช้สุนัขลาบราดอร์ ๖ ตัว ดมกลิ่นเหงื่อได้ถูกต้องกว่า ๙๐% และจะมีการแถลงข่าวในเร็ว ๆ นี้  ;D

https://youtu.be/1uxig3COaSU



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.พ. 21, 10:52
รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโจ โบเดน กำลังตั้งตาคอยพินิจพิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ในนั้นรวมถึงรายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (9 ก.พ.) ซึ่งระบุว่าไวรัสโควิด-19 ไม่ได้มีต้นกำเนิดจากห้องปฏิบัติการวิจัยในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน จากการเปิดเผยของเจน ซากี เลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของทำเนียบขาว

คณะผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบที่มาที่ไปของโควิด-19 ซึ่งนำโดยองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ค้างคาวยังคงเป็นแหล่งต้นตอที่มีความเป็นไปได้ และมีความเป็นไปได้ที่ไวรัสแพร่กระจายเชื้อผ่านอาหารแช่แข็ง พร้อมปฏิเสธสมมติฐานที่ว่ามันหลุดจากห้องปฏิบัติการวิจัยหนึ่ง

ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเชื่อว่าโรคโควิด-19 ที่ล่าสุดทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 106 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 2.3 ล้านคนนั้น มีต้นกำเนิดมาจากค้างคาว และอาจมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีกชนิดหนึ่งเป็นพาหะถ่ายทอดจากค้างคาวต่อมายังมนุษย์

เหลียง วานเหนียน ผู้เชี่ยวชาญจากคณะกรรมาธิการสาธารณสุขของจีน หัวหน้าคณะสอบสวนของจีนที่ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก แถลงเมื่อวันอังคาร (9 ก.พ.) ว่า แม้แนวคิดดังกล่าวมีแนวโน้มเป็นไปได้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุโฮสต์กักตุน (reservoir host) สัตว์ที่เป็นแหล่งกักตุนเชื้อโรคตามธรรมชาติและสามารถแพร่เชื้อโรคไปยังสัตว์อื่นๆ และคนได้

อ่านต่อได้ที่
https://mgronline.com/around/detail/9640000013262


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 10 ก.พ. 21, 18:10
เรื่องวัคซีนยิ่งเห็นข่าวก็ยิ่งเหนื่อยใจ ล่าสุดหมอทวีศิลป์ออกมาบอกได้วัคซีนช้าไม่มีผลกับไทยเพราะมีหน้ากากอนามัยไม่ต้องฉีดให้เจ็บตัว เป็นการแก้ตัวเรื่องความล้าช้าได้ไม่สนใจใครเลย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.พ. 21, 19:25
จำนวนผู้เสียชีวิตหนึ่งแสนคนจากล้านที่ ๒.๓ - ๒.๔  ใช้เวลา ๙ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.พ. 21, 09:00
 :'(


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.พ. 21, 18:34
@ คุณหมอ SILA

หนึ่งในเหยื่อล่าสุดของโควิด 19  คือแพทริเชีย ภรรยาของนักร้องดังชาวอังกฤษ Engelbert Humperdinck
เธอจากไปในวัย 85 ปี หลังจากป่วยเป็นอัลไซเมอร์อยู่สิบกว่าปี
Engelbert ร้องเพลงลาภรรยาด้วยเพลงแสนเศร้า  ตัวเขาเองตรวจก็เจอผลบวก แต่เป็นโควิดประเภทไม่แสดงอาการ

https://www.youtube.com/watch?v=cVPemd3Idxs


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.พ. 21, 20:49
จำนวนผู้ติดเชื้อ ๑๐ ล้านคน จากติดเชื้อจากล้านที่ ๑๐๐ - ๑๑๐ใช้เวลา ๒๒ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.พ. 21, 21:26
อัปเดตความก้าวหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-๑๙ รอบสัปดาห์ จัดทำโดย NVI Public Affairs Team วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
 
ข้อมูลจาก สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (https://www.facebook.com/154755461366324/posts/1821153521393168/)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ก.พ. 21, 08:16
วันนี้ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) สหรัฐอเมริกาเสียชีวิตด้วยโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๕ แสนคนแล้ว (๑ ใน ๕ ของผู้เสียชีวิตด้วยโควิด-๑๙ ทั่วทั้งโลก) และมีอีก ๔ ชาติเสียชีวิตหลักแสนตามมาคือ บราซิล, เม็กซิโก, อินเดีย และสหราชอาณาจักร

โลกทั้งใบถูกระบายไปด้วยสีแดงแห่งโควิด  :o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ก.พ. 21, 08:42
ลดธงครึ่งเสาห้าวัน  จุดเทียนห้าร้อยแท่ง คารวะอเมริกันผู้ตายเพราะไวรัสห้าแสนคนที่ทำเนียบขาว

The US hit the historic and tragic milestone of over 500,000 COVID-19 deaths.

At the White House, Joe Biden ordered flags to half staff for five days of mourning and held a candlelit moment of silence, praying for the dead.

500 candles were lit on the South Portico of the White House where Biden led a moment's silence with First Lady Jill Biden, Vice President Kamala Harris, and Second Gentleman Doug Emhoff.

คุณกิจจา บุรานนท์ (https://www.facebook.com/1183901846/posts/10224458046497066/) รายงาน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ก.พ. 21, 07:15
จำนวนผู้เสียชีวิตหนึ่งแสนคนจากล้านที่ ๒.๔ - ๒.๕ ใช้เวลา ๑๐ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.พ. 21, 11:21
สหรัฐฯ'ลดธงครึ่งเสา ไว้อาลัยผู้ล่วงลับจากโควิด-19ครึ่งล้านชีวิต
วันพฤหัสบดี ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564, 20.51 น.

https://www.naewna.com/inter/555429


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: pratab ที่ 26 ก.พ. 21, 22:42
จำนวนผู้เสียชีวิตหนึ่งแสนคนจากล้านที่ ๒.๔ - ๒.๕ ใช้เวลา ๑๐ วัน
ขอรบกวนถามคุณเพ็ญชมพู ว่านับจาก Spainish Flu ในปี 1918-1920 ที่มีผู้เสียชีวิตประมาณ 40 ล้านคนแล้ว
จนถึงปี 2020 มีคนเสียชีวิตจากโรคระบาดอะไรนับเป็นอันดับ 2 ครับ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ก.พ. 21, 08:41
ภาพจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/870449

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=7079.0;attach=74425;image)
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=7079.0;attach=74426;image)

อันดับ ๒ คือ โรคเอดส์ ตามมาด้วยอันดับ ๓ คือโรคโควิด-๑๙ นั่นแล


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: pratab ที่ 27 ก.พ. 21, 16:36
ขอบคุณครับคุณเพ็ญชมพู ถ้าไม่นับโรคเอดส์ซึ่งไม่ใช่โรคระบาดแล้ว โควิด-19 เป็นอันดับ 2 แน่นอน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 มี.ค. 21, 19:50
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ดำเนินโครงการวิจัย “การใช้สุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-๑๙ ที่ไม่แสดงอาการ” (K9 Dogs Sniff COVID-19) โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด

ได้สอบถามหัวหน้าผู้วิจัยได้ความว่ามีความคืบหน้าอยู่ ใช้สุนัขลาบราดอร์ ๖ ตัว ดมกลิ่นเหงื่อได้ถูกต้องกว่า ๙๐% และจะมีการแถลงข่าวในเร็ว ๆ นี้

โครงการวิจัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศ.สพ.ญ.ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าโครงการวิจัยฯ แถลงถึงผลการวิจัยดังนี้

จุดประสงค์ของโครงการนี้ คือการฝึกสุนัขดมกลิ่นผู้ป่วยโควิด-๑๙ แบบไม่แสดงอาการ ที่แตกต่างจากการใช้เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย เพราะเมื่อผู้ป่วยโควิด-๑๙ ไม่มีไข้ ก็จะสามารถเดินผ่านไปได้ แต่สำหรับสุนัขจะสำรวจดมกลิ่นเหงื่อได้ดี เพราะผู้ป่วยโควิด-๑๙ในเหงื่อจะมีสารที่แตกต่างจากคนปกติ จึงลดโอกาสการเล็ดรอดของผู้ป่วยโควิด-๑๙ ที่ไม่มีไข้ จากการดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๖๓ และมีการเก็บตัวอย่างเหงื่อในเดือนพฤศจิกายน แบ่งเป็น การดมเหงื่อผู้ป่วยติดเชื้อโควิดแล้ว ๓๐ คน และเหงื่อของคนปกติไม่ติดเชื้อ ๒๔ คน  แต่ระยะแรกจะให้สุนัขจำกลิ่นเหงื่อใต้รักแร้ที่ดูดซับโดยแท่งสำลี และกลิ่นเหงื่อจากถุงเท้าของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-๑๙ และคนปกติที่ได้รับการยืนยันผลตรวจโดย RT-PCR แล้ว ซึ่งจะมีทีมแพทย์และสัตวแพทย์ดูแลด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ ถึงแม้ว่าในเหงื่อจะไม่มีเชื้อไวรัส ทางคณะผู้วิจัยก็ได้ทำการฆ่าเชื้อที่อาจปนเปื้อนมาในเหงื่อด้วยวิธีตามเกณฑ์มาตรฐานสากล

“จากผลทดสอบจากสุนัข ๖ ตัว ในการค้นหาตัวอย่างผลบวก โดยความไว (ค่าวัดผลที่ดมผลบวกถูกต้อง) ๙๖-๙๘% ความจำเพาะ (ค่าวัดผลที่ดมผลลบถูกต้อง) ๘๒.๒% ความแม่นยำ ๙๔.๘% หมายความว่าโอกาสผิดพลาดมีเพียง ๕.๒% เมื่อเทียบกับความไวของชุดตรวจที่ผ่านมาตรฐานโดยคณะกรรมการอาหารและยา คือ ความไวของแอนติบอดี้ ๘๕% และแอนติเจน ๙๐%  ในส่วนของความจำเพาะของทั้งสองชนิดอยู่ที่ประมาณ ๙๘% และเมื่อเทียบกับสุนัขที่ประเทศเยอรมันนี ความไวอยู่ที่ ๘๒.๖% ความจำเพาะ ๙๖.๔% และมีความแม่นยำใกล้เคียงของไทยอยู่ที่ ๙๔%” 


การนำสุนัขมาฝึกในการดมกลิ่นก็ได้ผ่านคณะกรรมการกำกับดูแลการเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ในการรับรองว่าสุนัขจะไม่ติดเชื้อโควิด-๑๙ และไม่มีผลทางด้านลบต่อสวัสดิภาพของสุนัข โดยจะได้รับการฝึกเพื่องานในโครงการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งผลงานวิจัยสามารถนำไปใช้ได้จริง แต่หากจะขยายในพื้นที่ใหญ่ขึ้นอาจจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม

จาก ไทยโพสต์ (https://www.thaipost.net/main/detail/94894)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 มี.ค. 21, 08:43
ข่าว ๓ มิติ (https://ch3plus.com/news/program/232744)

นาทีที่ ๑๙.๒๕

https://youtu.be/PGcMlph3nEc


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 มี.ค. 21, 16:38
จำนวนผู้เสียชีวิตหนึ่งแสนคนจากล้านที่ ๒.๕ - ๒.๖ ใช้เวลา ๑๒ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 มี.ค. 21, 10:11
เป็นเรื่อง...ฝนตกบ้านน้อง (ที่ยุโรป) ฟ้ามาร้องมาที่บ้านพี่ (ที่เมืองไทย)

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเดนมาร์กประกาศระงับใช้วัคซีนโควิด-๑๙ ของบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ชั่วคราวเป็นเวลา ๑๔ วัน ระหว่างที่กำลังตรวจสอบรายงานที่ว่ามีผู้ป่วยบางคนเกิดปัญหาลิ่มเลือดหลังจากได้รับวัคซีนดังกล่าว

รัฐมนตรีสาธารณสุขเดนมาร์ก แมกนัส ฮิวนิกเก้ กล่าวว่า ทางการกำลังตรวจสอบว่าวัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกาทำให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงในลักษณะของลิ่มเลือดหรือไม่ และว่าคำสั่งระงับครั้งนี้เป็นเพียงการระวังป้องกัน และยังไม่มีการสรุปใด ๆ ว่าลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่

เมื่อไม่กี่วันก่อน ออสเตรียได้สั่งระงับใช้วัคซีนโควิด-๑๙ ของแอสตราเซเนกา หลังจากพบว่ามีผู้ได้รับวัคซีนรายหนึ่งมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นหลายก้อนและเสียชีวิตในเวลาต่อมา และอีกคนหนึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากเส้นเลือดที่ปอดเกิดการอุดตันเพราะลิ่มเลือด หรือที่เรียกว่า pulmonary embolism

มีอย่างน้อย ๔ ประเทศ คือ เอสโตเนีย ลิธัวเนีย ลักเซมเบิร์ก และแลตเวีย ที่ได้สั่งระงับการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาที่ผลิตในคราวเดียวกันนี้แล้วในขณะที่การสืบสวนกำลังดำเนินต่อไป โดยวัคซีนชุดนี้ได้ถูกส่งไปยัง ๑๗ ประเทศในยุโรปในเวลาไล่เลี่ยกัน

ทางด้านบริษัทแอสตราเซเนกามีแถลงการณ์ว่า ได้มีการตรวจสอบคุณภาพของวัคซีนโควิดอย่างเคร่งครัด และที่ผ่านมายังไม่มีรายงานยืนยันถึงผลข้างเคียงร้ายแรงของวัคซีนดังกล่าวแต่อย่างใด

ข่าวจาก VOA (https://www.voathai.com/a/astrazeneca-vaccine-stopped-in-denmark-after-reports-of-blood-clots-/5810555.html)

ล่าสุดมีการแถลงข่าว กำหนดการที่นายกรัฐมนตรีไทยและรัฐมนตรีจะฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาในเช้าวันนี้ (๑๒ มีนาคม ๒๕๖๔) ถูกเลื่อนไปก่อน เพื่อรอผลการสอบสวนผลข้างเคียงของวัคซีนเพื่อความแน่ใจ

https://youtu.be/ndDR31rwYEU


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 มี.ค. 21, 06:25
จำนวนผู้ติดเชื้อ ๑๐ ล้านคน จากติดเชื้อจากล้านที่ ๑๑๐ - ๑๒๐ใช้เวลา ๒๕ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 มี.ค. 21, 08:55
หลายประเทศในยุโรปยังทยอยระงับการใช้วัคซีน COVID-19 ของแอสตราเซเนกา จนกว่าสำนักงานยายุโรปจะสรุปผลการวิเคราะห์ผลข้างเคียงในกรณีที่พบผู้มีภาวะลิ่มเลือดอุตตันหลังฉีดวัคซีน

วันนี้ (๑๖ มีนาคม ๒๕๖๔) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเยอรมนี ประกาศระงับใช้งานวัคซีน COVID-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา เป็นการชั่วคราว ตามคำแนะนำของสถาบันที่กำกับดูแลด้านวัคซีนและศึกษาด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทางสาธารณสุข หลังจากเกิดกรณีที่มีผู้มีภาวะหลอดเลือดในสมองอุดตันหลังได้รับวัคซีนดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขเยอรมนี ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการป้องกันความเสี่ยงเอาไว้ก่อน แม้ว่าสำนักงานยายุโรปจะระบุว่าไม่พบหลักฐานว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นสาเหตุของอาการดังกล่าวก็ตาม

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเยอรมนีประกาศระงับการใช้วัคซีนตัวนี้ เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ออกมาประกาศระงับใช้งานในฝรั่งเศสเช่นกัน จนกว่าการตรวจสอบโดยสำนักงานยายุโรปจะเสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าอาจจะทราบผลในช่วงบ่ายวันนี้  ตามเวลาในยุโรป

สเปน เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เพิ่งจะประกาศระงับการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาไปอย่างน้อย ๒ สัปดาห์ ตามรอยเดนมาร์ก นอร์เวย์ และอีกหลายประเทศที่ระงับการใช้งานไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ด้านชาวอังกฤษที่รอรับวัคซีน COVID-19 ในกรุงลอนดอน ส่วนมากยังระบุว่ามีความเชื่อมั่นในวัคซีน แม้ว่าหลายประเทศในยุโรปจะระงับการใช้งานไปแล้วก็ตาม โดยยึดตามคำรับรองขององค์การอนามัยโลก ที่ยืนยันว่าไม่พบหลักฐานว่าวัคซีนดังกล่าวก่อผลข้างเคียงร้ายแรงตามที่เป็นข่าว

ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผลการทดสอบวัคซีนของแอสตราเซเนกากำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ คาดว่าจะพิจารณาอนุมัติวัคซีนตัวนี้เพื่อการใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉินได้ภายในเวลาประมาณ ๑ เดือน เพื่อเพิ่มจำนวนวัคซีนในคลังสำหรับเร่งฉีดให้ชาวอเมริกันทั่วประเทศ

ข่าวจาก ไทยพีบีเอส (https://news.thaipbs.or.th/content/302443)

ส่วนในประเทศไทย ล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้รับการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาเข็มแรกไปเรียบร้อยแล้วเมื่อเวลา ๐๘.๔๓ น. หวังว่าคงปลอดภัยไร้ผลข้างเคียง  ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 มี.ค. 21, 13:39
หลายประเทศในยุโรปยังทยอยระงับการใช้วัคซีน COVID-19 ของแอสตราเซเนกา จนกว่าสำนักงานยายุโรปจะสรุปผลการวิเคราะห์ผลข้างเคียงในกรณีที่พบผู้มีภาวะลิ่มเลือดอุตตันหลังฉีดวัคซีน

นอกจากประเทศในยุโรป ก็ยังมีประเทศในเอเซียคือ อินโดนีเซีย และประเทศในแอฟริกาคือ คองโก

ข้อมูลจาก เวิร์คพอยท์ทูเดย์ (https://www.facebook.com/153951094974177/posts/1557558807946725/)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 มี.ค. 21, 08:25
วัคซีนของแอสตราเซเนกามีเรื่องฮือฮาให้ถูกวิจารณ์ไม่หยุดหย่อน

ผลการวิจัยล่าสุดเผยแพร่ใน วารสาร The New England Journal of Medicine (https://www.nejm.org/doi/10.1056/NEJMoa2102214) เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๔ พบว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกามีประสิทธิภาพต้านเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ สายพันธุ์แอฟริกาใต้เพียง ๑๐.๔% ซึ่งถือว่าต่ำมาก และดูเหมือนจะต่ำกว่าวัคซีนยี่ห้ออื่นที่เคยมีการทดลองก่อนหน้านี้

งานวิจัยชิ้นนี้ สอดคล้องกับเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลแอฟริกาใต้ตัดสินใจระงับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา หลังพบว่า วัคซีนชนิดนี้มีประสิทธิภาพประมาณ ๑๐% ในการต้านเชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์แอฟริกาใต้

ในขณะที่วัคซีนจากบริษัทอื่น ๆ พบว่ายังคงใช้ได้กับสายพันธุ์แอฟริกาใต้ แม้จะมีประสิทธิภาพลดลง

รายละเอียดอ่านต่อที่ เวิร์คพอยท์ทูเดย์ (https://workpointtoday.com/astrazeneca-southafrica-variant/)

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรจัดซื้อวัคซีนมาใช้หลาย ๆ ชนิดมากกว่าพยายามจะซื้ออยู่ชนิดเดียว อย่างในบางประเทศ  ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 มี.ค. 21, 08:23
จำนวนผู้เสียชีวิตหนึ่งแสนคนจากล้านที่ ๒.๖ - ๒.๗ ใช้เวลา ๑๑ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 มี.ค. 21, 06:57
จำนวนผู้เสียชีวิตหนึ่งแสนคนจากล้านที่ ๒.๗ - ๒.๘ ใช้เวลา ๑๑ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 เม.ย. 21, 07:15
จำนวนผู้ติดเชื้อ ๑๐ ล้านคน จากติดเชื้อจากล้านที่ ๑๒๐ - ๑๓๐ ใช้เวลา ๑๙ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 เม.ย. 21, 20:11
ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษบุกประเทศไทยแล้วในการระบาดระลอก ๓  :o

วันนี้ (๗ เมษายน ๒๕๖๔) ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แถลงผลการตรวจพันธุกรรม SARS -CoV-2 จากตัวอย่าง บางแค และทองหล่อ ด้วยวิธี Specific probe Real Time RT-PCR เพื่อแยกสายพันธุ์อังกฤษ กับสายพันธุ์ปกติ (Wild type)

ผลการตรวจสอบแสดงให้เห็นว่า สายพันธุ์ที่พบในการระบาดขณะนี้ ของสถานบันเทิงที่ทองหล่อ เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ที่จะทำให้เกิดการระบาดได้รวดเร็วขึ้น กว่าสายพันธุ์ปกติ ๑.๗ เท่า และปริมาณไวรัสในผู้ป่วยถึงแม้จะไม่มีอาการ จะมีปริมาณไวรัสที่สูงมาก จากการสังเกต จากค่า Ct ของสายพันธุ์สถานบันเทิง ก็เห็นได้ชัดว่ามีค่า Ct ต่ำ แสดงว่ามีไวรัสมาก

ข่าวจาก ไทยพีบีเอส (https://news.thaipbs.or.th/content/303145)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 เม.ย. 21, 21:08
ล่าสุดที่มีข่าวการระบาดของสายพันธุ์อังกฤษ UK (B.1.1.7) ในไทยนั้น หากดูตาราง ก็จะทราบว่าวัคซีนใดมีผลป้องกันอย่างไร

เหนืออื่นใดคือ สายพันธุ์แอฟริกาใต้ และบราซิล มีโอกาสมาเช่นกัน ดังนั้นวัคซีนที่แต่ละประเทศใช้ จึงควรมีสรรพคุณที่ดีพอ การเลือกรับวัคซีนจึงควรรู้รายละเอียด ไม่ใช่จะฉีดอะไรก็ได้ตามคำโฆษณา

จาก เฟซบุ๊ก รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (https://www.facebook.com/1607465964/posts/10222190338099892/)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 เม.ย. 21, 11:06
ทยงานเข้า! เผลอแผล็บเดียวโควิดตัวกลายพันธุ์ UK ระบาดหนัก กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ

เคสผู้ติดเชื้อที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงในวันพุธ (7 เม.ย.) ทั้งนี้ สายพันธุ์ดังกล่าวเพิ่งถูกพบในไทยเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ก่อความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ในประเทศไทย

รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19ของไทย พุ่งขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จำนวนยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับบรรดาชาติเพื่อนบ้านทั้งหลายในภูมิภาค

ไทย พบผู้ติดเชื้อใหม่ 334 คนเมื่อวันพุธ (7 เม.ย.) และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 29,905 ราย ในนั้นเสียชีวิต 95 ราย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นากยรัฐมนตรี สั่งตั้งโรงพยาบาลสนาม ท่ามกลางความคาดหมายว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะพุ่งขึ้น

รอยเตอร์รายงานว่า รัฐมนตรี 10 ราย และสมาชิกรัฐสภาหลายสิบคน ต้องกักโรคตนเองเมื่อวันพุธ (7 เม.ย.) สืบเนื่องจากสัมผัสใกล้ชิดกับเคสผู้ที่มีผลตรวจเชื้อออกมาเป็นบวก

คำยืนยันเกี่ยวกับการปรากฏตัวของตัวกลายพันธุ์ B.1.1.7 อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับไทย ในขณะที่ไทยเหลือเวลาแค่ 1 สัปดาห์ก่อนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันหยุดยาวที่สุดของประเทศ

จากข้อมูลของเหล่านักวิทยาศาสตร์สหราชอาณาจักร ระบุว่าตัวกลายพันธุ์ B.1.1.7 แพร่เชื้อได้ง่ายกว่าตัวกลายพันธุ์อื่นๆ ถึง 70% และมีอันตรายมากกว่าหลายเท่า

(ที่มา : รอยเตอร์)

อ่านรายละเอียดได้ในลิ้งค์ค่ะ
https://mgronline.com/around/detail/9640000033450


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 เม.ย. 21, 08:35
วิบากกรรมของ (ผู้ใช้วัคซีน) แอสตร้าเซนเนก้า ยังไม่สิ้น ‼️

วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๔ ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปแสดงความวิตกกังวล หลังจากที่องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ได้ออกมาเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่วัคซีนป้องกันโรคโควิด-๑๙ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดมีส่วนทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โดยหลายประเทศได้ออกข้อจำกัดให้ใช้วัคซีนดังกล่าวสำหรับประชาชนในช่วงอายุที่กำหนดไว้เท่านั้น

ภายหลังจากการเปิดเผยของ EMA หน่วยงานที่ปรึกษาด้านวัคซีนของสหราชอาณาจักร ได้ออกมาแนะนำให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า ๓๐ ปี เลี่ยงไปใช้วัคซีนตัวอื่น ขณะเดียวกันฝรั่งเศสและเบลเยียมก็ได้มีการกำหนดให้ฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าให้กับผู้ที่มีอายุ ๕๕ ปีขึ้นไป

ส่วนประเทศอื่น ๆ อาทิ อิตาลี, เยอรมนี, สเปน, เอสโตเนีย และเนเธอร์แลนด์ มีการกำหนดให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจะต้องมีอายุมากกว่า ๖๐ ปีขึ้นไป

ทางด้านสวีเดนจะฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับผู้ที่มีอายุ ๖๕ ปีขึ้นไป และไอซ์แลนด์ได้กำหนดอายุของผู้ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าไว้ว่าจะต้องไม่ต่ำกว่า ๗๐ ปี

ขณะที่เดนมาร์กและนอร์เวย์ยังคงระงับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าไว้ชั่วคราว  

อย่างไรก็ตาม  EMA ยังคงยืนยันว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ ของแอสตร้าเซนเนก้านั้นมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงจากอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้น

จาก เวิร์คพอยท์ทูเดย์ (https://www.facebook.com/153951094974177/posts/1574697896232816/)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 เม.ย. 21, 17:09
จำนวนผู้เสียชีวิตหนึ่งแสนคนจากล้านที่ ๒.๘ - ๒.๙ ใช้เวลา ๑๑ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 เม.ย. 21, 09:10
วิบากกรรมของวัคซีนโควิดดาวรุ่งอีกตัวหนึ่ง  :o

วัคซีนของ Johnson & Johnson เป็นวัคซีนประเภท Adenovirus vector คล้ายกับของ Astrazeneca/Oxford โดยใช้ Adenovirus-26 เป็นตัวนำพาส่วนของยีนที่กำหนดการสร้างโปรตีนส่วนหนามของไวรัสโควิด-๑๙ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันในน้ำเลือด หรือแอนติบอดี้ขึ้นมา ในขณะที่ของ Astrazeneca/Oxford ใช้ Chimpanzee Adenovirus

Johnson & Johnson ทำการวิจัยในอาสาสมัครจำนวน ๔๓,๗๘๓ คน ทั้งในอเมริกา ลาตินอเมริกา และแอฟริกาใต้ ผลวิจัยพบว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการระดับปานกลางรุนแรงได้ ๖๖% ประเมินผล ณ ๒๘ วันหลังฉีดวัคซีน (ภาพรวมของทุกประเทศที่วิจัย) โดยจำแนกเป็น ๗๒% ในอเมริกา ๖๖% ในลาตินอเมริกา และ๕๗% ในแอฟริกาใต้ ทั้งนี้หากวิเคราะห์เฉพาะการป่วยรุนแรง จะสามารถป้องกันได้ ๘๕%

ข้อดีของวัคซีนของ Johnson & Johnson คือ ฉีดเพียงเข็มเดียว และการเก็บรักษาวัคซีนสามารถเก็บในตู้เย็นธรรมดาได้ ต่างจากวัคซีนประเภท mRNA ที่ต้องเก็บในอุณหภูมิเย็นจัดซึ่งอาจทำให้มีปํญหาในทางปฏิบัติสำหรับประเทศที่ไม่มีระบบ cold chain ที่ดีพอ

วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันและแอสตร้าเซนเนก้า ต่างเป็นวัคซีนเวคเตอร์ ใช้อะดิโนไวรัสมาดัดแปลงใส่สารพันธุกรรมที่กำกับการสร้างโปรตีนตุ่มหนามของตัวไวรัสโควิด  มาฉีดกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อโปรตีนส่วนหนามของไวรัสโควิด

ส่วนวัคซีนโควิด-๑๙ ของจีนและรัสเซีย ที่พัฒนาโดยคานซิโน ไบโอโลจิคอล และสถาบันกามาเลยา ก็พึ่งพิงแนวทางนี้เช่นกัน ขณะที่วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคกับวัคซีนของโมเดอร์นา ใช้เทคโนโลยี mRNA

เมื่อวันวานนี้ (๑๓ เมษายน ๒๕๖๔) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ระงับการใช้วัคซีนโควิด-๑๙ ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเป็นการชั่วคราว หลังพบสตรี ๖ คน อายุระหว่าง ๑๘ ถึง ๔๘ ปี โดยอาการต่าง ๆ เกิดขึ้นราว ๖ ถึง ๑๓ วันหลังเข้ารับการฉีดวัคซีน ล่าสุดเสียชีวิตไปแล้ว ๑ คน อีกรายอยู่ในภาวะวิกฤต

นอกจากนี้แล้วทางจอห์นสันแอนด์จอห์นสันยังเผยด้วยว่าจะเลื่อนจ่ายวัคซีนไปยังยุโรป หนึ่งสัปดาห์หลังจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของยุโรปเผยว่ากำลังตรวจสอบทบทวนเคสลิ่มเลือดอุดตันในผู้ได้รับวัคซีนตัวดังกล่าวในสหรัฐฯ ขณะที่แอฟริกาใต้ ก็เป็นอีกชาติที่ระงับใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เช่นกัน

ข่าวจาก ผู้จัดการ (https://mgronline.com/around/detail/9640000035449)

https://youtu.be/KWA11t7N7sc

น่าคิดว่าเทคโนโลยี Adenovirus vector มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะเส้นเลือดอุดตันหรือไม่  ???


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 เม.ย. 21, 15:04
ทบทวนความรู้เรื่องเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด

https://youtu.be/l9Y5NTUHpTk


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 เม.ย. 21, 21:28
วันนี้ (๑๖ เมษายน ๒๕๖๔] นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ทางรัฐบาลได้ติดต่อขอซื้อวัคซีนโควิด-๑๙ ไปยังผู้ผลิตอีกหลายเจ้า ทั้งจากรัสเซีย จีน อินเดีย และสหรัฐฯ แล้ว

ชื่อวัคซีนอาจจะอ่านยากไปสักหน่อยสำหรับท่านนายกฯ ;D

https://www.facebook.com/workpointTODAY/videos/964425120993156


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 เม.ย. 21, 15:54
ผู้เสียชีวิตจากโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๓ ล้านคนเรียบร้อยแล้ว

จำนวนผู้เสียชีวิตล้านคน (จาก ๒ ล้านถึง ๓ ล้าน) ใช้เวลา ๙๑ วัน เฉลี่ย ๑ แสนคนใช้เวลา ๙.๑ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 17 เม.ย. 21, 18:57
เรื่องวัคซีนเป็นอะไรที่รู้สึกโโมโห รำคาญรัฐบาลจริงๆค่ะ ตอนแรกก็สั่งเจ้าเดียว มีข่าวว่ารัฐจะผลิตเองด้วย เอกชน โรงบาลต่างๆไปขอผลิตก็มีข่าวว่าไม่ให้ทำ พอไปๆมาๆต้องไปซื้อของต่างชาติมาจากที่ตัวเองสั่ง พอได้มาก็ไม่กล้าฉีดแล้วก็มาเปลี่ยนใจมากล้าฉีด ทีนี้พอมาระบาดหนักอีกรอบก็กลายเป็นทำอะไรไม่ทันการเลยเพราะเสียเวลาจากเรื่องนี้ไป สั่งเจ้าเดียวอีก


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 เม.ย. 21, 21:02
จำนวนผู้ติดเชื้อ ๑๐ ล้านคน จากติดเชื้อจากล้านที่ ๑๓๐ - ๑๔๐ ใช้เวลา ๑๔ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 เม.ย. 21, 10:44
วันนี้ (๑๖ เมษายน ๒๕๖๔] นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ทางรัฐบาลได้ติดต่อขอซื้อวัคซีนโควิด-๑๙ ไปยังผู้ผลิตอีกหลายเจ้า ทั้งจากรัสเซีย จีน อินเดีย และสหรัฐฯ แล้ว

ความเห็นส่วนตัวนะครับ ตราบใดที่ปัญหาลิ่มเลือดอุดตันที่สัมพันธ์กับวัคซีนที่ใช้ adenoviral vector ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจน สมควรเลี่ยงการจัดหาวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกันนี้ทั้งหมดจะปลอดภัยกว่าครับ ทั้ง Sputnik V และ CanSino Biologicals ซึ่งใช้เทคโนโลยีเดียวกับ AstraZeneca และ J&J

ประเทศสมควรมุ่งไปที่การจัดหา mRNA vaccine อย่าง Pfizer และ moderna ซึ่งมีการใช้มากที่สุดในปัจจุบัน real world data แสดงประสิทธิภาพดีที่สุดในตอนนี้ มีทั้งผลการป้องกันการเจ็บป่วย เสียชีวิต และยังสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ด้วย โดย Pfizer vaccine ถือเป็นวัคซีนแรกที่แสดงผลป้องกันการติดเชื้อได้จากการใช้จริงในอิสราเอล

เรื่อง cold chain ที่เป็นปัญหาในช่วงแรกสำหรับ mRNA vaccine ผ่านมา ๕ เดือนแล้ว หลายประเทศทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าถ้าได้วัคซีนมา เขาสามารถบริหารจัดการได้ อีกทั้งบริษัทยังปรับปรุงให้สามารถจัดเก็บและขนส่งในอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้แล้ว เรื่องนี้ไม่ควรเป็นข้ออ้างในการไม่ใช้ mRNA vaccine อีกแล้วครับ

ศาสตราจารย์ นายแพทย์มานพ พิทักษ์ภากร (https://www.facebook.com/609703447/posts/10160850942878448/) หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 เม.ย. 21, 18:33
กราฟแสดงเปอร์เซ็นต์ประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-๑๙ ในแต่ละประเทศจนถึงเมื่อวาน (๑๙ เมษายน ๒๕๖๔)

อย่างน้อยตัวเลขในกลุ่มประเทศอาเซียนก็ยังมีอีก ๒ ประเทศอยู่รองจากประเทศไทย
 ;D

ข้อมูลจาก ourworldindata.org (https://ourworldindata.org/covid-vaccinations)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 เม.ย. 21, 20:01
เพื่อนที่อเมริกาส่งข่าวมาว่า ฉีดวัคซีน Moderna กันหมดแล้วทั้งบ้าน     ก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่เอกชนจะสามารถสั่งซื้อ mRNA vaccine อย่าง Pfizer และ moderna  ได้เสียที    ไม่รอรัฐบาลละค่ะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: srinaka ที่ 21 เม.ย. 21, 14:27
ลูกชายเปิดร้านอาหารที่คอนเนกติกัต บอกมาตั้งแต่เมื่อ1เมษา ว่าไปฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว เฉพาะคนอายุ45ขึ้นไปนะครับ..


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 เม.ย. 21, 20:10
เปรียบเทียบอัตราการติดเชื้อและอัตราการตายจากการระบาดทั้ง ๓ ระลอกของโควิด-๑๙


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 เม.ย. 21, 11:32
วันนี้ผู้เสียชีวิตในการระบาดระลอก ๓ นำมาเป็นอันดับหนึ่ง และจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  :o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 เม.ย. 21, 07:58
จำนวนผู้ติดเชื้อ ๑๐ ล้านคน จากล้านที่ ๑๔๐ - ๑๕๐ ใช้เวลา ๑๓ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 เม.ย. 21, 10:42
มหันตภัยในไทยเริ่มลดลง  เมื่อวานติดเชื้อต่ำกว่าหนึ่งพัน  ลดจากสองพันลงมาเร็วมาก
แต่สะกดคำว่า "ระลอก" ไม่ถูก  น่าตีจริงๆ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 เม.ย. 21, 11:22
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนเมษายน ๒๕๖๔ อัตราการติดเชื้อลดลง แต่อัตราการเสียชีวิตยังคงที่


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 03 พ.ค. 21, 15:47
ปัญหาของคุณหมอมานพวันนี้

คุณแม่คุณหมอมานพจองคิวฉีดวัคซีนแล้วครับ (กลุ่มนี้จะได้ AstraZeneca)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 03 พ.ค. 21, 15:49
ผลการประเมินประโยชน์และความเสี่ยงจากการฉีดวัคซีน AstraZeneca ของ UK (ฉีดไปแล้วประมาณ 50 ล้านโดส เฉพาะใน UK)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 พ.ค. 21, 17:03
คลัสเตอร์โควิดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย อยู่ที่เรือนจำของกรมราชทัณฑ์นี่เอง (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๔)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 17 พ.ค. 21, 09:51
ผมได้มีโอกาสเข้าไปดูการปฏิบัติงานในเรือนจำมาหลายแห่ง จึงมีเรื่องบางอย่างอยากขออนุญาตนำเสนอครับ
อย่างแรกก็คือ การเก็บคนขึ้นเรือนนอนครับ
เรือนจำเป็นสถานที่ราชการอย่างหนึ่ง นั่นก็แปลว่า มีเวลาราชการ เริ่ม 8.30 ปิดเวลา 16.30 เหมือนที่อื่นๆ แต่ด้วยลักษณะการปฏิบัติงานของเรือนจำที่ไม่สามารถหยุดงานได้ เรือนจำจึงต้องมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง  ข้าราชการที่ปฏิบัติงานในเรือนจำทุกตำแหน่ง ไม่เฉพาะแค่ตำแหน่ง นักทัณฑปฏิบัติ (ผู้คุม) ต้องเข้าเวรยามในเรือนจำทุกคน โดยผลัดเปลี่ยนเวรกันมาทำงาน นั่นหมายความว่า หลังเวลา 16.30 ไปแล้ว เรือนจำจะมีข้าราชการ อยู่ประจำน้อยกว่าปกติ อาจมีสัก 20% หรือ 25% ของในเวลาราชการ

และนั้นเป็นเหตุผลที่เรือนจำต้องจัดให้ผู้ต้องขัง ขึ้นเรือนนอน ก่อนเวลา 16.30 โดนปกติ ผู้ต้องขังจะต้องกินอาหารมื้อเย็น เวลา 15.30 และเข้ารับการตรวจนับจำนวน ก่อนถูกส่งขึ้นเรือนนอน และเรือนนอนจะไม่เปิดอีกจนกว่าจะถึงเวลาเช้าของวันถัดไป

แต่ในกรณีที่ผู้ต้องขังบางราย ต้องไปขึ้นศาล ทางเรือนจำจะเบิกตัวคนผู้นั้นออกมาก่อนเวลาเช้า ให้กินข้าว ตรวจค้นร่างกาย จัดเครื่องพันธนาการ (สมัยนี้บางที่ก็ใช้กุญแจเท้า ซึ่งก็เหมือนกัญแจมือแหละครับ แต่ใหญ่กว่า สายโซ่ยาวกว่า เพื่อให้สะดวกต่อการเดิน แต่เรือนจำในต่างจังหวัดบางแห่งก็ยังใช้การตีตรวนอยู่) จากนั้นก็ส่งตัวขึ้นรถไปยังเรือนจำ ซึ่งเมื่อไปถึงเรือนจำ ผู้ต้องขังก็จะได้รับการนำตัวไปควบคุมที่ห้องควบคุม ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่บริเวณชั้นล่างของศาลรอการเบิกตัวขึ้นไปยังห้องพิจารณาต่อไป ซึ่งก็แน่นอนว่า ผู้ต้องขัวที่มาจากต่างที่กัน ย่อมถูกนำมารวมไว้ในห้องควบคุมเดียวกัน นี่ยังไม่นับบรรดาญาติที่มารอพบ มารอเยี่ยม ส่งข้าวส่งน้ำ นี่จึงทำให้ผู้ต้องขังมีโอกาสสัมผัสกับบุคคลที่หลากหลาย และอาจได้รับเชื้อโรคต่างๆได้โดยง่าย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 17 พ.ค. 21, 10:05
(ต่อ)
ทีนี้ เมื่อผู้ต้องขังถูกควบคุมตัวอยู่ที่ศาลจนถึงเวลาเย็น ศาลก็เป็นส่วนราชการที่เลิกงานเวลา 16.30 เช่นกัน แต่สำหรับศาลที่พิจารณาคดีอาญา ปกติผู้พิพากษามักจะสอบถามผู้ต้องขังว่า ประสงค์จะยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่ (ก็คือ จะประกันตัวมั๊ยนั่นแหละครับ) ผู้ต้องขังบางราย อาจจะแจ้งว่า ประสงค์จะใช้สิทธิ และอยู่ระหว่างการให้ญาตินำหลักทรัพย์มาประกัน ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ ผู้พิพากษาก็มักจะรอ แม้ว่าจะเกิดเวลาราชการแล้วก็ตาม บางทีก็รอกันถึง 18.00 น. เพราะศาลท่านถือว่า ถ้าไม่รอ บุคคลนี้ก็ต้องสูญเสียอิสรภาพต่อไปอีก ดังนั้น ปกติแล้วศาลท่านมักจะรอ

ผลคือ รถขนผู้ต้องขังคันดังกล่าว ก็ต้องรอจนกว่าจะแน่ใจว่า ผู้ต้องขังรายนั้นจะกลับด้วยกัน หรือจะได้กลับบ้าน นั่นก็แปลว่า ผู้ต้องขังคนอื่นๆ จะยังไม่ได้กลับเรือนจำกันทั้งคันรถด้วย

เอาละ สมมุติว่า ผู้ต้องขังรายดังกล่าวได้รับการประกันตัวเป็นที่แน่นอนแล้ว รถขนผู้ต้องขังคันดังกล่าวก็จะออกเดินทางจากศาลกลับไปยังเรือนจำ สมมุติว่า ออกจากศาลเวลา 18.00 จากศาลอาญารัชดา กลับไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพ อย่างน้อยๆก็ควรใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที (ได้ไหมครับ) เมื่อรถกลับไปถึงเรือนจำ ปัญหาจะเกิดแล้ว เพราะว่า ขณะนี้ เรือนจำเข้าสู่ช่วงนอกเวลาราชการ กำลังคนของเจ้าหน้าที่จะน้อยกว่าปกติเหลือเพียง 20-25% อย่างที่ผมได้เรียนไปแล้วข้างต้น และผู้ต้องขังต้องเข้าสู่กระบวนการ
1) ถอดเครื่องพันธนาการ
2) กินข้าว
3) อาบน้ำ
เอาเป็นว่า เบาะๆ แบบไม่ขู่บังคับกันมากไปนัก ก็น่าจะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมง 30 นาที ดังนั้น ขณะนี้ เป็นเวลา ราว 19.30 - 20.00 น. แล้ว
จากนี้ เพื่อเป็นการคัดกรองโควิด ผู้ต้องขังทุกราย ต้องเข้าสู่การตรวจโรคโดยเจ้าหน้าที่แพทย์ของสถานพยาบาลในเรือนจำ ซึ่งในเวลานี้ อาจมีเข้าเวรอยู่เพียง 1 หรือ 2 ท่านเท่านั้น ดังนั้น หากมีผู้ต้องขังออกไปศาลราว 10 คน และแต่ละคนใช้เวลาในการตรวจราย 5 นาที กระบวนการนี้ จะกินเวลาราว 1 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้ก็เป็นเวลา ราว 21.00 น. แล้ว หากการดำเนินการเป็นไปโดยราบรื่น ผู้ต้องขังกลุ่มนี้ คงได้ขึ้นเรือนนอนในเวลาราวๆนี้

แต่ถ้าหากมีผู้ต้องขังที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือในารตรวจโรค เวลาก็จะยิ่งเนิ่นนานไปอีก

ผมค่อนข้างเห็นใจเจ้าหน้าที่ในเรือนจำมากๆ ครับ      


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 พ.ค. 21, 14:40
เรือนจำเป็นสถานที่ปิด การที่เชื้อโควิดจะเข้าไปได้นั้นมีอยู่ ๒ ทางคือโดย ผู้ต้องขัง และ เจ้าหน้าที่เรือนจำ และเมื่อเข้าไปแล้วโอกาสที่ระบาดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ย่อมมีมาก ด้วยความแออัดอย่างยวดยิ่งในเรือนจำ

สำหรับผู้ต้องขังจากที่ติดตามข่าวจากสื่อทราบว่า ก่อนที่จะเข้าไปในเรือนจำ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าครั้งแรกหรือหลังจากที่ไปศาล มีการกักตัว ๑๔ วัน (ต่อมาขยายเป็น ๒๑ วัน) และตรวจโควิดทุกครั้ง

ส่วนการเข้าออกของเจ้าหน้าที่เรือนจำมีมาตรการเข้มงวดเพียงใดยังเป็นที่สงสัย  ???


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 พ.ค. 21, 08:25
ส่วนการเข้าออกของเจ้าหน้าที่เรือนจำมีมาตรการเข้มงวดเพียงใดยังเป็นที่สงสัย  ???

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนการแพร่ระบาด COVID-19 ที่เข้าสู่เรือนจำ อาจเกิดจากการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเฝ้าระวัง และการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อจากเจ้าหน้าที่ เนื่องจากกรมราชทัณฑ์ได้สั่งการมาโดยตลอด เกี่ยวกับมาตรการ "คนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า" โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่อาจเป็นพาหะนำเชื้อเข้ามาสู่เรือนจำ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเจ้าหน้าที่บางคนอาจต้องไปเฝ้าผู้ป่วยที่โรงพยาบาลและติดเชื้อมา ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ จะไม่ให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานข้างนอกเข้าไปยังแดนต่าง ๆ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในแดน หากเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงและไม่ปฏิบัติตามมาตรการของกรมราชทัณฑ์ จะดำเนินการสอบสวนและลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน

ข่าวจาก ไทยพีบีเอส (https://news.thaipbs.or.th/content/304471)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 พ.ค. 21, 10:41
และแล้วสายพันธุ์อินเดียก็มา  :o

เมื่อวานนี้ (๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔) นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโรคโควิด-๑๙ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ตรวจรหัสพันธุกรรมจากตัวอย่างที่ส่งมาจากแคมป์คนงานก่อสร้างหลักสี่และบริเวณใกล้เคียง จำนวน ๘๐ ตัวอย่าง พบว่าเป็นสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617.2) จำนวน ๓๖ ราย เป็นคนไทย ๒๑ ราย คนงานชาวเมียนมา ๑๐ ราย และกัมพูชา ๕ ราย ที่เหลือเป็นสายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7) และยังมีตัวอย่างจากการค้นหาเชิงรุก จากพื้นที่อื่นในกรุงเทพฯ อีก ๒ แห่ง แต่พบเป็นสายพันธุ์อังกฤษทั้งหมด

https://youtu.be/5P3ydwor_Hc

วัคซีนที่เรามีใช้อยู่ขณะนี้มีเพียง ๒ ยี่ห้อ แอสตร้าเซนเนก้าน่าจะพอช่วยได้ แต่สำหรับซิโนแวคยังสงสัยอยู่  ???


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 พ.ค. 21, 20:18
ตามมาด้วยสายพันธุ์แอฟริกาใต้  :o  :o

รายงานจากกลุ่ม COVID-19 Network Investigations (CONI)

ข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ (https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/939562)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 24 พ.ค. 21, 20:11
เห็นมีคนตามเน็ตเขาคุยๆกัน (ไม่ใช่หมอเขาว่ากันนะคะ) ว่ากลัวไวรัสจะกลายพันธ์มาเป็นสายพันธ์ไทยถ้าไทยมีหลายสายพันธ์รวมกันแบบนี้ เหอะๆ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 27 พ.ค. 21, 19:27
 มีข่าวว่าทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะมีการจัดสรรและนำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์ม ซึ่งก็หวังว่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งของประชาชนในการเลือกฉีกวัคซีนจากที่มีคนบ่นๆอยู่ว่ารัฐใช้แต่วัคซีนที่นำเข้าจากจีนที่ WHO ยังไม่รับรอง


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 พ.ค. 21, 09:12
เห็นมีคนตามเน็ตเขาคุยๆกัน (ไม่ใช่หมอเขาว่ากันนะคะ) ว่ากลัวไวรัสจะกลายพันธ์มาเป็นสายพันธ์ไทยถ้าไทยมีหลายสายพันธ์รวมกันแบบนี้ เหอะๆ

ใช้เวลาไม่นาน สายพันธุ์ไทยก็มาแล้ว  :o

สำนักงานสาธารณสุขของอังกฤษ (Public Health England - PHE)) เผยแพร่ข้อมูลประจำสัปดาห์เกี่ยวกับผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ รายใหม่เมื่อวานนี้ (๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔) โดยยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ C.36.3 ครั้งแรกในประเทศไทยจากผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากอียิปต์ ซึ่งอาจเป็น โควิดสายพันธุ์ไทย

โควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า VUI-21MAY-02 (C.36.3) หมายถึง สายพันธุ์ที่อยู่ระหว่างการสอบสวน (VUI = Variant Under Investigation) เชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ที่เข้ามาจากต่างประเทศ และขณะนี้ตรวจพบในประชาชนในอังกฤษแล้ว ๑๐๙ ราย

“ขณะนี้ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าสายพันธุ์นี้ทำให้ผู้เป็นโรคโควิด-๑๙ มีอาการรุนแรงขึ้น หรือ ทำให้วัคซีนที่ใช้อยู่ลดประสิทธิภาพลง ซึ่ง PHE กำลังทำการทดลองในห้องปฏิบัติการเพื่อทำความเข้าใจไวรัสสายพันธุ์นี้ให้ดียิ่งขึ้น” PHE ระบุ

ข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ (https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/940551)

ตัวอย่างที่เจอในไทย ส่งจากคุณหมอ โรม บัวทอง และถอดรหัสพันธุกรรมโดยคุณยุทธนา จ้อยจินดา สินินาถ เพชราช วีนัศรินทร์ อ่ำพุต

ข้อมูลจาก คุณหมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา (https://www.facebook.com/981730071860547/posts/4541115185922000/)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ค. 21, 11:59
28 พฤษภาคม 2564 ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษา ศบค. เปิดเผยว่า ในที่ประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเมื่อเช้านี้ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่า ยังไม่พบเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ในประเทศไทย ตามที่สื่อมวลชนอังกฤษรายงานข่าว ระบุไม่มีการส่งตัวอย่างเชื้อดังกล่าวตรวจสอบแต่อย่างใด ซึ่งการตรวจสอบการกลายพันธุ์ จะต้องได้รับการยืนยันมากกว่า 1 แล็บ
ดังนั้นข่าวที่ออกมา จึงตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพียงข้อสงสัยจากทางอังกฤษเท่านั้น ซึ่งขั้นตอนจากนี้ อังกฤษควรแจ้งมายังทางการไทย เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่จะนำไปเผยแพร่
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของประเทศไทยในขณะนี้ ยังไม่เอื้อต่อการกลายพันธุ์ เนื่องจากยังพบผู้ติดเชื้อเพียง 60 คนต่อประชากร 1 แสนคน ขณะที่ปัจจัยที่เอื้อต่อการกลายพันธุ์ส่วนใหญ่ เกิดในพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 75 คนต่อประชากร 1 แสนคน และ เชื้อโควิดที่ระบาดในประเทศไทย นับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา มากกว่าร้อยละ 95 เป็นเชื้อโควิดจากสายพันธุ์อังกฤษอีกด้วย

ที่มา https://www.naewna.com/politic/576170


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 พ.ค. 21, 15:07
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ เดือนที่ ๒ ของการระบาดระลอก ๓

อัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้น (จำนวนสูงสุด ๙,๖๓๕ รายในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ เนื่องจากรวมผู้ติดเชื้อในเรือนจำจำนวนมากถึง ๖,๘๕๓ ราย)  ส่วนอัตราการเสียชีวิตขึ้น ๆ ลง ๆ มีลักษณะคล้ายลูกคลื่น ทำสถิติสูงสุด ๔๗ รายในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ และลงลงเรื่อย ๆ แต่ก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นตามลักษณะของลูกคลื่น

สถิติตั้งแต่วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๔ - ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔

ข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ (https://www.facebook.com/135182934814/posts/10162845688594815/)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 พ.ค. 21, 18:10
จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-๑๙ เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 มิ.ย. 21, 16:27
การระบาดของไวรัสหลายชนิดที่ผ่านมาในอดีตเป็นบทเรียน ให้ตระหนักถึงข้อระมัดระวังในการตั้งชื่อไวรัสโดยนำเอาตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ในจุดที่เกิดการระบาดของไวรัสมาตั้งชื่อ เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่สเปน, ไวรัสเมอร์ส (MERS) หรือไวรัสทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ชื่อเก่าของ COVID-19 ที่เรียกว่า โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น อาจก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่ประชนในประเทศหรือเมืองนั้น ๆ

ดังนั้นเมื่อวานนี้ (๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔)  จึงมี ประกาศจากองค์การอนามัยโลก (https://www.who.int/en/activities/tracking-SARS-CoV-2-variants/) โดย คุณหมอมานพ พิทักษ์ภากร (https://www.facebook.com/609703447/posts/10160977663138448/) ถ่ายทอดไว้ดังนี้

WHO แถลงการตั้งชื่อสายพันธุ์ COVID ใหม่สำหรับการสื่อสาร เพื่อป้องกันความสับสน และลดประเด็นปัญหา stigma ในการใช้ชื่อประเทศหรือเมืองเป็นชื่อสายพันธุ์ โดยแบ่งสายพันธุ์เป็น ๒  กลุ่มคือ variant of concern (VOC) และ variant of interest (VOI) ตามความหนักหน่วงของปัญหา และตั้งชื่อตามตัวอักษรกรีก

ปัจจุบัน VOC ๔ สายพันธุ์หลักให้ใช้ชื่อตามนี้คือ

B.1.1.7 (UK) ชื่อ Alpha
B.1.351 (South African) ชื่อ Beta
P.1 (Brazil) ชื่อ Gamma
B.1.617.2 (India) ชื่อ Delta

ที่เหลืออีก ๖ VOI มีชื่อ Epsilon ไปถึง Kappa

จะได้ไม่ต้องเถียงกันว่าสายพันธุ์ใหม่ตัวไหนควรเรียกสายพันธุ์ไทย ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 มิ.ย. 21, 21:36
อักษรกรีกสำหรับ VOC & VOI


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 มิ.ย. 21, 07:35
หากสายพันธุ์เดลต้าระบาดในเมืองไทยมากเหมือนในอังกฤษ การฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยทิ้งระยะห่างถึง ๑๖ สัปดาห์ตามนโยบายที่ใช้ในปัจจุบันนั้น นานเกินไป

https://youtu.be/yt-ahT0aA60


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 มิ.ย. 21, 10:39
สัปดาห์นี้ จำนวนผู้ติดเชื่อน่าจะเพิ่ม เพราะวัคซีนขาดตลาดพอดี


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 มิ.ย. 21, 11:13
ปัญหาเรื่องการขาดแคลนวัคซีน น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ต้องยืดระยะห่างระหว่างเข็มแรกและเข็มที่สองออกไปเป็น ๑๖ สัปดาห์


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 มิ.ย. 21, 13:41
ตอนนี้  ประชาชนมีอารมณ์ประมาณ เปิดให้ซื้อบัตรคอนเสิร์ตได้ไม่อั้น   จนคนถือบัตรมารอเข้าประตู คิวยาวไปถึงถนนใหญ่
อยู่ๆประกาศว่าทางโรงจัดเก้าอี้ให้ได้แค่ 3 แถว   ที่เหลือยังจัดไม่เสร็จ ยังบอกไม่ได้ว่าจะเสร็จกี่โมง



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 มิ.ย. 21, 16:17
เก้าอี้ชมคอนเสิร์ตพร้อมยังไม่สำคัญเท่า ความสามารถของนักร้องบนเวที

หมอธีระวัฒน์ โพสต์ 'เริ่มเห็นปัญหา' ฉีดวัคซีน ๒ เข็มแล้ว ภูมิขึ้นน้อยมาก

https://www.facebook.com/981730071860547/posts/4589000727800112/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: Koratian ที่ 14 มิ.ย. 21, 13:01

คุณหมอธี  เอาข้อมูลทีไหนมาครับ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 มิ.ย. 21, 13:53
กำลังจะถามแบบเดียวกับคุณ คนโคราช
เชิญอ่านที่นี่ค่ะ
https://www.thansettakij.com/content/covid_19/483750

ปกติผลการทำงานที่มีเนื้อหาสำคัญ  เกี่ยวกับความเป็นความตายของคน  ถ้าผู้เชี่ยวชาญจะแถลงออกมา ไม่ว่าอย่างเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ   จะต้องมีน้ำหนักหลักฐานประกอบน่าเชื่อถือได้   ส่วนใหญ่ก็ใช้ตัวเลขสถิติยืนยัน เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงของเนื้อหา
แต่อ่านของคุณหมอแล้ว  มีคำว่า "หลายราย"  "บางคน" "บางกลุ่ม"  คำเหล่านี้ทางวิชาการถือว่าเลื่อนลอย  เอามาอ้างอิงไม่ได้นะคะ
เช่น
 ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค ครบสองเข็มไปแล้ว สามถึงสี่สัปดาห์พบว่ามีหลายรายที่ neutralizing antibody ไม่มี หรือที่ สูงเพียง 20-30%
" หลายราย" น่ะเท่าไหร่   สมมุติว่าฉีดไป 500,000 ราย   มี 4 คน antibody  ไม่มี    เรียกว่าหลายรายได้หรือไม่


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 มิ.ย. 21, 20:41
โควิดสายพันธุ์ Delta กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ในบ้านเรา และอาจจะเพิ่มจำนวนขึ้นจนแทนที่สายพันธุ์ Alpha ก็เป็นได้ ปัญหาที่เราจะเจอก็คือ Sinovac ของจีน อาจไม่สามารถสู้สายพันธุ์ Delta และการฉีดวัคซีนไม่ว่าจะเป็นของ Pfizer หรือ AstraZeneca เข็มที่หนึ่งก็ไม่ให้ความคุ้มโรคพอ ความคุ้มที่พอจะสู้โรคได้ต้องหลังจากการฉีดเข็มที่สอง การทิ้งระยะห่างจนเกินไปของเข็มที่ ๑ และ ๒ จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

กรณีศึกษาจากอินโดนีเซีย

สมาคมการแพทย์อินโดนีเซีย (Indonesian Medical Association) เปิดเผยว่า แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์มากกว่า ๓๕๐ คนในเขตคูดุส จังหวัดชวากลาง ติดโควิด-๑๙ แม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งเกือบทั้งหมดได้รับวัคซีน Sinovac ของจีน และพบว่าหลายสิบคนเกิดอาการป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

รายงานดังกล่าวก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-๑๙
 
บาดาอี อิสโมโย หัวหน้าสำนักงานสาธารณสุขในเขตคูดุส เปิดเผยว่า บุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อแบบไม่มีอาการและได้กักตัวอยู่ที่บ้าน ส่วนผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากมีไข้สูงและระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดลดต่ำลง
 
สำหรับเขตคูดุส ซึ่งมีบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่กว่า ๕,๐๐๐ คน และส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac แล้ว กำลังเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดที่รุนแรงของโควิด-๑๙ ระลอกล่าสุด ซึ่งส่งผลให้เตียงโรงพยาบาลในพื้นที่เต็มกว่า ๙๐%
 
ดิคกี บูดิมาน นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยกริฟฟิธในออสเตรเลีย เชื่อว่า สาเหตุที่จำนวนผู้ติดเชื้อในเขตคูดุสสูงกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากมีการระบาดของเชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์เดลตา หรือสายพันธุ์อินเดีย แต่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าสาเหตุที่บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีน Sinovac แล้ว เป็นผลจากประสิทธิภาพของวัคซีนที่ไม่สามารถต้านทานไวรัสสายพันธุ์นี้ได้
 
ข่าวจาก The Standard (https://thestandard.co/indonesia-healthcare-workers-infected-covid-19-even-getting-sinovac-vaccination/)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 17 มิ.ย. 21, 21:09
อเมริกาประเทศที่เต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่า มีการประท้วงวุ่นวายระหว่างล็อกดาวน์ในปี 2020 นาทีนี้ฉีดวัคซีนเกิน 70 เปอร์เซ็นต์หลายที่แล้ว ขณะที่ผมยังไม่กล้าเข้าร้านตัดผมชายแถวบ้านอยู่ดี  :'(


https://www.matichon.co.th/foreign/news_2779761 (https://www.matichon.co.th/foreign/news_2779761)


นิวยอร์ก ประกาศชัยเหนือโควิด เลิกใส่หน้ากาก-เว้นระยะห่าง หลังฉีดวัคซีนเกิน 70%

เว็บไซต์ไฟแนนเชียลไทม์ รายงานเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่น ระบุว่า นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมโรคที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ลงเกือบทั้งหมดแล้ว หลังจากต้องล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคมาเป็นเวลานานถึง 15 เดือน

แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการนครนิวยอร์ก ประกาศความสำเร็จดังกล่าวในพิธีเฉลิมฉลองที่ตึก วันเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในบรรยากาศของการประกาศชัยชนะในสงครามอันยาวนาน

“จดจำเอาไว้วันที่ 15 มิถุนายน จำวันนี้เอาไว้! เพราะมันเป็นวันที่นิวยอร์ก ผงาดขึ้นอีกครั้ง” คูโอโมระบุ ขณะที่บริเวณท่าเรือนครนิวยอร์กและเทพีเสรีภาพ มีการจุดพลุเฉลิมฉลองหลังจากนิวยอร์กสามารถฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากร 70% ด้วย

โดยนิวยอร์กตัดสินใจประกาศชัยชนะในวันเดียวกันกับรัฐแคลิฟอร์เนีย ศูนย์กลางการแพร่ระบาดใหญ่อีกแห่งในสหรัฐ ประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมโรคส่วนใหญ่ลง โดยทั้งสองรัฐมีสัดส่วนประชากรวัยผู้ใหญ่ที่ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส จำนวนมากถึง 70% ซึ่งเป็นระดับที่หน่วยงานสาธารณสุขของรัฐกำหนดให้สามารถเลิกมาตรการต่างๆ ลงได้

ทั้งนี้การประกาศชัยชนะและผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคในวันนี้ส่งผลให้การสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม ที่ประกาศใช้มาโดยตลอด 1 ปี ในทั้ง 2 รัฐ จะไม่ต้องมีผลบังคับใช้อีกต่อไป ไม่ว่าจะในร้านอาหาร โรงหนัง ร้านค้า งานแข่งกีฬา ที่ทำงาน หรือสถานที่ชุมชนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม การสวมหน้ากากระหว่างการเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะจะยังคงต้องบังคับใช้อยู่เนื่องจากใช้กฎหมายของรัฐบาลกลาง



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 มิ.ย. 21, 12:11
เว็บไซต์ไฟแนนเชียลไทม์ รายงานเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่น ระบุว่า นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมโรคที่เกี่ยวข้องกับโควิด-๑๙ ลงเกือบทั้งหมดแล้ว หลังจากต้องล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคมาเป็นเวลานานถึง ๑๕ เดือน

ขอแสดงความยินดีกับชาวนครนิวยอร์ก  ;D

https://youtu.be/v7TarriXFME


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 มิ.ย. 21, 13:54
ขอแสดงความเสียใจกับชาวชืลี

https://youtu.be/tPKVNJqIqIU

ศึกษาบทเรียนจากชิลีกันบ้างหนอ  :o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 มิ.ย. 21, 12:40
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ เดือนที่ ๓ ของการระบาดระลอก ๓ (ต่อระลอก ๔)

อัตราการติดเชื้อลดลงจากเดือนก่อนและค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ส่วนอัตราการเสียชีวิตขึ้น ๆ ลง ๆ มีลักษณะคล้ายลูกคลื่น ยอดคลื่นอยู่ที่ ๔๐-๕๐ ราย วันสุดท้ายของเดือน (๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔) ทำสถิติผู้เสียชีวิตสูงสุดที่ ๕๓ ราย

สถิติตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔

ข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ (https://www.facebook.com/135182934814/posts/10162936211624815/)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ก.ค. 21, 08:07
โควิดสายพันธุ์เดลต้ารุกคืบเข้ามา การระบาดระลอกสี่กำลังเริ่มต้น  :o

ข้อมูลจากการสุ่มตรวจเมื่อราวสิบวันก่อน ในศิริราชพบสายพันธุ์เดลต้าประมาณ ๓๐% ถ้าถึงวันนี้น่าจะเกินครึ่งไปแล้ว สัปดาห์นี้จะลองส่งตรวจในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงดูว่าจะพบคิดเป็นสัดส่วนเท่าไร สายพันธุ์นี้นอกจากจะแพร่ได้ง่ายไปสู่ทั้งเด็ก คนท้อง และคนชรา ยังอาจจะเกิดปอดอักเสบได้เร็วและได้แรงกว่าสายพันธุ์เดิมๆ ที่เราคุ้นเคย นี่เป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้เรียกการระบาดช่วงนี้เป็นระลอกสี่

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล
๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ (https://www.facebook.com/100002870789106/posts/3765112566927732/?d=n)

https://youtu.be/ezQys-V3YVU


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ค. 21, 11:40
สถานการณ์ตอนต้นกรกฏาคม 2564

1 คลัสเตอร์กระจายไปทั่วกรุงเทพ และปริมณฑล   เพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อทำให้มีแต่เพิ่ม ไม่มีลด  บัดนี้ขึ้นถึง 6000 กว่าแล้ว 
2 วัคซีนยังมีไม่พอฉีด   กำหนดฉีดแล้วเลื่อนกำหนด แบบไม่มีคำอธิบาย ครั้งแล้วครั้งเล่า
3 มีข่าวว่า วัคซีนที่ฉัดแล้วก็ป้องกันสายพันธุ์เดลต้าไม่ได้ ทำให้ต้องจองเข็มที่ 3 
4  เข็มที่ 3  ที่เปิดให้จอง อาจจะเต็มหมดก่อนวัคซีนมาถึง
5  ยังมีม็อบประท้วงทั้งเรื่องการเมือง และประท้วงคำสั่งรัฐบาล  ทั้งๆเสี่ยงต่อเพิ่มจำนวนคลัสเตอร์และผู้ติดเชื้อในครอบครัว



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 03 ก.ค. 21, 16:58
ยังจำอู่ฮั่นกันได้หรือเปล่าครับ

วันที่อู่ฮั่นล็อคดาวน์ทั้งเมือง ทั่วโลกส่งแรงใจให้คนอู่ฮั่นสู้ๆ โรงพยาบาลสนามจำนวนมากถูกจัดสร้างขึ้นอย่างเร่งด่วน บุคคลากรทางการแพทย์จากทั่วประเทศระดมกำลังกันเข้ามาช่วยอู่ฮั่น

อู่ฮั่นเป็นเมืองเอกของมณฑลหูเป่ย ทั้งมณฑลมีประชากรราว 58 ล้านคน เฉพาะอู่ฮั่นและเมืองบริวารซึ่งเป็นศูนย์กลางของการระบาดมีประชากรรวมกันราว 11 ล้านคน

เรียกว่าใกล้เคียงกับสภาพของกรุงเทพและประเทศไทยนะครับ

ในช่วงที่โควิดระบาดที่อู่ฮั่น วันที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่กำลังรักษาตัวสูงสุด น่าจะเรียกได้ว่าเป็นวันที่ระบบสาธารณสุขของเขาตึงมือที่สุด ก็คือวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2020 ณ วันนั้น มีจำนวนผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ถึง 58,016 คน

กลับมามองที่บ้านเรา ข้อมูล ณ สิ้นวันเมื่อวานนี้ ไทยมีผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่รวมทั้งสิ้น 57,470 คน

ณ เวลาที่ผมพิมพ์อยู่นี้ เชื่อว่าจำนวนผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ของไทยแซงอู่ฮั่นในวันที่เลวร้ายที่สุดไปเรียบร้อยแล้วครับ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 04 ก.ค. 21, 20:13
https://www.theguardian.com/australia-news/datablog/ng-interactive/2021/jul/02/covid-19-vaccine-rollout-australia-vaccination-rate-progress-how-many-people-vaccinated-percent-tracker-by-state-victoria-vic-nsw-queensland-qld-daily-live-data-stats-updates-total-number-world-ranking-distribution-schedule-tracking-chart-percentage-new-cases-today (https://www.theguardian.com/australia-news/datablog/ng-interactive/2021/jul/02/covid-19-vaccine-rollout-australia-vaccination-rate-progress-how-many-people-vaccinated-percent-tracker-by-state-victoria-vic-nsw-queensland-qld-daily-live-data-stats-updates-total-number-world-ranking-distribution-schedule-tracking-chart-percentage-new-cases-today)

ข้อมูลจากออสเตรเลียแจ้งตัวเลขเยอะแยะมากมาย อาทิเช่นช่วงนี้เขาฉีดวัคซีน Astrazeneca ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์เป็น Pfizer  แต่พอถึงเดือนกันยายนตัวเลขจะพลิกกลับด้าน กลายเป็น Pfizer มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ส่วนที่้เหลือเป็น Moderna

และหนึ่งในตัวเลขมากมายก็คือ ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรมากที่สุดนับถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2021

อันดับหนึ่ง Iceland 65.56 เปอร์เซ็นต์

อันดับสอง Israel 59.78 เปอร์เซ็นต์

อันดับสาม Chile 55.89 เปอร์เซ็นต์

อันดับสี่ Hungary 50.90 เปอร์เซ็นต์

อันดับห้า United Kingdom 49.20 เปอร์เซ็นต์

   ห้าอันดับแรกดูเหมือนชิลีจะมีปัญหามากที่สุด ตามที่อาจารย์เพ็ญชมพูนำคลิปมาลงนั่นแหละครับคือแทงม้าตัวเดียว แผนเดียวกับเมืองไทยเพียงแต่เขาจัดหาวัคซีนเร็วกว่าเราหลายเท่าตัว เหมือนจะดีอยู่แล้วเชียวแต่ดันไม่ดีเสียนี่กระไร ส่วนอเมริกาหล่นมาอยู่อันดับหกเท่ากับ 46.94 เปอร์เซ็นต์ ถ้านับจากจำนวนประชากรและปัญหาวุ่นวายถือว่าดีเอามากๆ

   ขณะที่ Australia เจ้าของบทความเพิ่งฉีดไปได้เพียง 7.09 เปอร์เซ็นต์ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างนิวซีแลนด์ก็เพิ่งได้เพียง 9.22 เปอร์เซ็นต์ แต่สองประเทศนี้ผมเห็นประชาชนไม่ค่อยได้สวมแมสเท่าไร อาจเป็นเพราะห่างไกลจากเชื้อโรคและมีการตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง

   ผมหาตัวเลขประเทศจีนไม่เจอครับ แต่ดูเหมือนเขาไม่ค่อยสวมแมสกันแล้วเช่นกัน ประเทศเราไม่มีอะไรให้ดู (นอกจากยอดคนป่วยคนตาย) ต้องอาศัยดูของเพื่อนบ้านไปพลางๆ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 04 ก.ค. 21, 20:24
ถ้ากลับไปอ่านต้นบทความมีเพื่อนสมาชิกให้ความเห็นว่า สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างจากต้นปี 2563โดยสิ้นเชิง เพราะมีการผลิตวัคซีนออกมาได้แล้วหลายเจ้า แค่ประคับประคองไปเราก็จะมีทางรอดโดยไม่ต้องล็อคดาวน์



ครับ...เป็นแผนการที่ง่ายจนถึงง่ายมาก ไม่ต้องคิดอะไรแค่ซื้อวัคซีนมาให้เยอะที่สุดเร็วที่สุด แต่แล้วทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้กันล่ะหนอ? ???


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.ค. 21, 16:24
สถานการณ์บ้านเรายังคงขาขึ้นเช่นเดียวกับอินโดนีเซียซึ่งใช้ Sinovac เป็นวัคซีนหลักเช่นเดียวกัน  :o

จาก channelnewsasia (https://www.channelnewsasia.com/news/interactives/covid-19-in-asia-7-day-moving-average)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ก.ค. 21, 09:54
ผู้เสียชีวิตจากโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๔ ล้านคนเรียบร้อยแล้ว

จำนวนผู้เสียชีวิตล้านคน (จาก ๓ ล้านถึง ๔ ล้าน) ใช้เวลา ๘๒ วัน เฉลี่ย ๑ แสนคนใช้เวลา ๘.๒ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 11 ก.ค. 21, 08:20
.
ผมพบบทความที่ ผู้จัดการ (https://mgronline.com/) จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้เพราะเห็นว่ามีแง่มุมความคิดน่าสนใจหลากหลายดีครับ


ขนาดตัวอย่างเท่ากับหนึ่งหรือสอง เชื่อไม่ได้หรือ? ข้อกังขาว่าด้วยการกระตุ้นวัคซีนโควิดสลับกันในเข็มที่สาม (https://mgronline.com/daily/detail/9640000067240)
https://mgronline.com/daily/detail/9640000067240
เผยแพร่: 10 ก.ค. 2564 17:13   ปรับปรุง: 10 ก.ค. 2564 17:13   โดย: ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ และ ศ.ดร.นพ.อภิวัฒน์ มุทิรางกูร

ผมขอยกตัวอย่างบางตอนที่ผมอ่านแล้ว ทำให้อยากรู้ว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไรต่อไปครับ

--------------------------------------------------
ตามทฤษฎีการมี antigen หลากหลาย จะกระตุ้นให้ร่างกายกระตือรือร้นเกิดการสร้าง anti-body หลากหลายและสูงกว่าหลายเท่า
อันนี้เป็น association ระหว่างสองตัวแปรแล้ว การกำหนดขนาดตัวอย่างในการทดลองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

กรณีที่ n=2 นี้ อาจจะมีข้อสงสัยว่าทำไมไม่ทดลองเยอะๆ ไปเลย ก็เพราะว่ามันยังไม่มีคนได้รับโดสที่สามไงครับ

สิ่งที่อาจจะตั้งสมมุติฐานต่อไปในอนาคต หากทฤษฎีนี้เป็นจริงคือ

คำถามแรก (a) SNV-->SNV-->AZ กับ (b) AZ-->AZ-->SNV อะไรจะดีกว่ากันให้ภูมิสูงกว่ากัน อันนี้ยังไม่มีคำตอบ

สิ่งที่น่าสนใจคือ ทั้งข้อมูลจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์รวบรวมโดยศาสตราจารย์ นายแพทย์ นิธิ มหานนท์
และข้อมูลจาก วช ซึ่งรวบรวมวิเคราะห์โดย ศ. นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ นั้นพบว่า
หนึ่งเดือนหลังได้ Sinovac สองเข็ม มีภูมิสูงกว่าหนึ่งเดือนหลังจากได้ AZ ทั้งสองเข็มนิดหน่อย
เป็นไปได้ไหมว่า inactive vaccine หรือเชื้อตายเช่น Sinovac กระตุ้นภูมิด้วยกลไกธรรมชาติ เลยช้ากว่า แต่เป็นม้าตีนปลาย
ในขณะที่ AstraZeneca เป็น Viral Vector Vaccine กระตุ้นภูมิได้ไวมาก ในหนึ่งเดือนหลังฉีดเข็มแรกก็มีภูมิสูงมากแล้ว
แต่พอหลังเข็มสองหนึ่งเดือน กลับภูมิต่ำกว่า Sinovac ทั้งสองเข็ม ดังนั้น AZ จึงเป็นม้าตีนต้น
ความเป็นม้าตีนต้นอีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือคนที่ฉีด AZ มักมีไข้สูงเป็นส่วนใหญ่ แต่คนที่ฉีด Sinovac มักจะไม่มีไข้


--------------------------------------------------

และ


ประการที่หก
การที่วัคซีนทั้ง SNV และ AZ ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันสายพันธุ์อัลฟา
แต่กลับมีแนวโน้มจะสามารถป้องกันสายพันธุ์เดลต้าได้ หมายความว่าอาจจะกันตัวอื่น ๆ ได้อีกด้วย
ทำให้เป็นโชคดีของคนไทย ที่ อาจจะเป็นประเทศเดียวที่ฉีดวัคซีนสูตร SNV-->SNV-->AZ สูตรเดียวจบ
ไม่ต้องกังวลเชื้อกลายพันธุ์ในอนาคต อาจจะเป็นการดักทางการกลายพันธุ์ในอนาคต

ประการที่เจ็ด
เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ต้องการป้องกันเจ้าหน้าที่ ที่มีความเสี่ยงสูงให้ปลอดภัย และไม่เป็น super spreader อย่างเร่งด่วน
เพราะ บุคลากรเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้ SNV ไป ๒ เข็ม ในแง่ปฏิบัติ เชื่อว่าจะรวบรวมเศษวัคซีน AZ มาฉีดให้ได้ครบ แบบไม่รบกวน โควต้าวัคซีนของประชาชนทั่วไป

ทั้งนี้ SNV เป็นวัคซีนเชื้อตาย มีกลไกที่ต่างจากทั้ง Viral Vector Vaccine เช่น AZ กับ mRNA เช่น Pfizer หรือ Moderna
โชคดีที่คนไทยฉีด SNV ไว้แล้ว เป็นส่วนมาก คนได้ SNV ไปแล้วสองเข็ม เอา AZ ก้นขวด เร่งด่วน เอาไปฉีดเองได้เลย
ตอนนี้ อยากรู้ก็ต้องไปเจาะเลือดดู อีกไม่นานก็มีข้อมูลเป็นร้อยๆ เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีและกลไกที่ได้อธิบายไปนี้



.


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ก.ค. 21, 11:00
มติการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อเเห่งชาติ ครั้งที่ ๗/๒๕๖๔ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิดสลับชนิด

๑. เห็นชอบให้มีการฉีดวัคซีนสลับชนิด โดยเข็มที่ ๑ เป็นซิโนแวค เข็มที่ ๒ เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ระยะเวลาห่างกัน ๓-๔ สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา โดยจะสร้างภูมิคุ้มกันให้อยู่ในระดับที่สูงให้เร็วมากยิ่งขึ้น

๒. รับทราบการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันหรือบูสเตอร์โดส สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ให้วัคซีนเข็มที่ ๓ ห่างจากเข็มที่ ๒ ในระยะ ตั้งแต่ ๓-๔ สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน ๒ เข็มแรกเกิน ๔ สัปดาห์แล้ว เพราะฉะนั้นสามารถดำเนินการฉีดกระตุ้นได้ทันที

ส่วนวัคซีนที่จะเป็นเข็มกระตุ้นภูมิจะเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นหลัก เนื่องจากการให้วัคซีนคนละชนิดจะมีผลดีต่อการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายเพื่อป้องกันโรคโควิด-๑๙ เพิ่มมากขึ้น

ข้อ ๑ อิงจากผลการทดสอบ ๓๖ ตัวอย่าง (n = 36) ข้อ ๒ อิงจากผลการทดสอบ ๒ ตัวอย่าง (n = 2) :o

ข่าวจาก บีบีซีไทย (https://www.bbc.com/thai/thailand-57801682)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ก.ค. 21, 14:56
แว่วเสียงเตือนจากองค์การอนามัยโลก

ดร. โสมยา สวามีนาธาน หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลกเตือนว่า การสร้างภูมิคุ้มกันโดยจับคู่วัคซีนจากผู้ผลิตหลายรายมาผสมกัน ซึ่งหลายประเทศกำลังดำเนินการอยู่นั้น ถือเป็น "แนวโน้มที่อันตราย" เพราะยังมีข้อมูลการวิจัยว่าด้วยการฉีดวัคซีนแบบผสมสูตรอยู่น้อยมาก จนไม่อาจจะทราบได้ว่าจะมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง

"การจับคู่ผสมวัคซีนต่างชนิดเข้าด้วยกัน เป็นกระแสความนิยมที่ค่อนข้างเสี่ยง เรายังอยู่ในขั้นที่ปราศจากข้อมูลหลักฐานใด ๆ ที่จะมาสนับสนุนเรื่องนี้"

"สถานการณ์ในอนาคตอาจตกอยู่ในความปั่นป่วนได้ หากประชาชนเริ่มตัดสินใจเองว่าจะฉีดวัคซีนเข็มที่สอง สาม สี่ หรือไม่ อย่างไร และจะฉีดเมื่อใดแน่" ดร. โสมยากล่าว

ข่าวจาก บีบีซีไทย (https://www.bbc.com/thai/international-57815131)

https://youtu.be/Nxfjatk-V-M


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ค. 21, 15:14
แล้วจะเชื่อใครดี?


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ก.ค. 21, 16:53
 :)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.ค. 21, 19:07
อเมริกาต้องทำศึกหนักอีกครั้ง  เมื่อโควิดยังไม่หมดฤทธิ์  ฉีดวัคซีนแล้วก็ต้องระวัง สวมหน้ากากกันอีก

https://www.youtube.com/watch?v=5Mj9x1Zjof0


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.ค. 21, 11:25
      สัดส่วนการระบาดในไทยตอนนี้เป็นสายพันธุ์เดลต้าเกิน 60 เปอร์เซนต์ หนักสุดคือเฉพาะในกรุงเทพที่พบว่าเป็นสายพันธุ์เดลต้าถึง 75 เปอร์เซนต์ นอกนั้นเป็นสายพันธุ์อังกฤษ
     ความน่ากลัวของเดลต้าคือแพร่กระจายไปทั่วโลก แทนที่สายพันธุ์อู่ฮั่น  ประเด็นที่ชาวโลกควรกังวลคือ ตอนที่สายพันธุ์อู่ฮั่นระบาด จากหนึ่งคนสามารถแพร่เชื้อได้ 2 คน แต่เดลต้านั้นจากหนึ่งคนแพร่ได้ 8 คน ถึงได้ครองโลกในเวลานี้ แถมระบาดไว เมื่อจำนวนคนป่วยมากขึ้นๆ ก็ส่งผลให้ระบบสาธารณสุขล้มเหลว
     

     อ่านรายละเอียดของบทความนี้ ได้ที่
     https://www.naewna.com/columnonline/48425


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ก.ค. 21, 12:09
Thailand Vision
18 ชม.  ·
วันนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ระบุว่าอเมริกากำลังอยู่ในภาวะการระบาดใหญ่ของผู้ไม่ได้รับวัคซีน หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มหลายเท่าตัวโดยเฉพาะในรัฐที่มีค่าเฉลี่ยประชากรที่รับวัคซีนไม่มาก หลายแห่งพบว่า จำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลใกล้เข้าสู่ภาวะวิกฤตล้นโรงพยาบาลแล้ว
.
โดยทางทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่ ของโรงพยาบาลหลายแห่งในเมืองสปริงฟิลด์ ทางตอนใต้ของรัฐมิสซูรี กำลังเผชิญกับจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกือบล้นโรงพยาบาล และทำลายสถิติยอดผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลที่เคยบันทึกไว้สูงสุดเมื่อช่วงการระบาดในฤดูหนาวที่ผ่านมาไปแล้วอย่างราบคาบ
.
สตีฟ เอ็ดเวิร์ดส์ (Steve Edwards) ผู้บริหารเครือข่ายโรงพยาบาล 6 แห่งในเครือ คอกซ์เฮลท์ ทางตอนใต้ของรัฐมิสซูรี บอกว่า ทางโรงพยาบาลในสังกัดคาดว่า จะสามารถรับมือกับผู้ป่วยได้ราว 240 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่ายอดสูงสุดซึ่งเคยบันทึกไว้ที่ 170 รายในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
.
นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ป่วยอายุน้อย มีอาการเจ็บป่วยมากขึ้น ตั้งแต่วัยเด็ก วัยหนุ่มสาว และมีหลายกรณีที่ต้องผ่าคลอดฉุกเฉินเพื่อช่วยเด็กทารก และคุณแม่
.
รัฐมิสซูรีเป็นหนึ่งในหลายรัฐที่มีผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโคโรนาไวรัส สายพันธุ์เดลตา ซึ่งกลายเป็นสายพันธุ์หลักในการแพร่กระจาย และติดต่อได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
.
ก่อนหน้านี้ ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ระบุว่า อัตราการเพิ่มของผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรมากที่สุด เกิดขึ้นที่ รัฐเนวาดา รัฐยูทาห์ รัฐมิสซูรี รัฐอาร์คันซอ และรัฐหลุยส์เซียนา ส่วนใหญ่อยู่ทางตอนกลาง และตอนใต้ของประเทศ
.
ผู้อำนวยการศูนย์ CDC ได้เผยแพร่แผนที่ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว เปรียบเทียบสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยระบุว่า กำลังเกิดการระบาดใหญ่ หรือ Pandemic ในกลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด
.
พญ.รอเชล์ล วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกัน และควบคุมโรคของสหรัฐฯ อธิบายผ่านแผนที่การติดเชื้อโควิด-19 ว่า กลุ่มผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 70 และเสียชีวิตแล้วราวร้อยละ 26 ในบริเวณชุมชน และเขตปกครองที่มีผู้ได้รับวัคซีนในอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
.
ศูนย์ CDC ของสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่า ในระดับประเทศแล้ว มีชาวอเมริกันเพียงร้อยละ 55.9 เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งเข็ม และในบางพื้นที่ หรือในบางรัฐซึ่งมีแนวคิดต่อต้านการรับวัคซีนนั้นสัดส่วนการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาก็จะอยู่ในระดับสูงด้วย
.
ข้อมูลของของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ระบุ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ต่อวันในสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ที่ราว 25,000 – 28,000 คนต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับราว 11,000 คนเมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และตัวเลขที่เพิ่มนี้เกิดขึ้นในแทบทุกรัฐของประเทศ
-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.houstonherald.com/.../article_958c5392-e3db...
https://www.voathai.com/.../covid19-cdc.../5969566.html


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ก.ค. 21, 14:46
การพยากรณ์การระบาดของโควิด-๑๙ โดย แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

เคสใหม่ไม่เกิน ๑.๕ หมื่นแน่นอน ตอนนี้เรากำลังจะอยู่ที่ Plateau ของการระบาดระลอกที่ ๔ แล้ว สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม จะมีเคสขึ้นลงรอบ ๆ ตัวเลข ๑๒,๐๐๐ - ๑๔,๐๐๐ หรืออาจเกือบถึง ๑๕,๐๐๐ สักวันสองวัน แต่ maximum 7-day average จะไม่เกิน ๑.๔ หมื่นต่อวัน

ประเทศไทยยังมีความหวัง และเห็นทางไป ที่ไม่เลวร้ายกว่านี้มากนักด้วยมาตรการต่าง ๆ ในขณะนี้ โควิด-๑๙ ระลอกสี่ (Delta) ที่เกิดทับซ้อนกับระลอกสาม (Alpha) ได้เข้าสู่ Wave ที่ well-formed ชัดเจน เหมือนที่เกิดกับทุกประเทศ ที่ผ่านการระบาดของ Delta เข่น อินเดีย เนปาล

Pandemic ของ Deltaในประเทศไทย คือ เต็ม ๔ เดือนของ มิถุนายน-กรกฎาคม-สิงหาคม-กันยายน โดยจะมีเคสใหม่ที่หลงเหลือในช่วง ตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ประมาณ ๑ พันกว่า ๆ เคส ต่อวัน ซึ่งระบบสาธารณสุขพอจะรับมือได้ แต่เหตุการณ์ยังไม่กลับสู่ก่อนยุคโควิดแน่นอน

จะหายใจให้คล่อง คงต้องรออีก ๒ เดือน :)

จาก https://line.me/R/home/public/post?id=ppd6858f&postId=1162684589909018945


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ก.ค. 21, 17:42
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ เดือนที่ ๒ ของการระบาดระลอก ๔ (สายพันธุ์เดลต้า)

อัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ไม่เป็นไปตามการพยากรณ์ของแพทยสมาคมฯ ทำลายสถิติเป็น new high แทบทุกวัน วันสุดท้ายของเดือน (๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔) ทำสถิติใหม่ผู้ติดเชื้อ ๑๘,๙๑๒ ราย

จาก กรุงเทพธุรกิจ (https://www.facebook.com/135182934814/posts/10163018356454815/)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ก.ค. 21, 17:47
ผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ เพิ่มขึ้นตามอัตราการติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตวันสุดท้ายของเดือนทำสถิติใหม่ ๑๗๘ ราย :o

จาก กรุงเทพธุรกิจ (https://www.facebook.com/135182934814/posts/10163019104779815/)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ส.ค. 21, 15:13
เปอร์เซ็นต์การติดโรคโควิด-๑๙ เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จาก ๘.๙๗% ในวันที่ ๑ เป็น ๒๓.๙๙% ในวันที่ ๓๑

จาก เวิร์คพอยต์ทูเดย์ (https://www.facebook.com/153951094974177/posts/1670536466648958/)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ส.ค. 21, 08:00
ผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๒๐๐ ล้านเรียบร้อยแล้ว :o

จำนวนผู้ติดเชื้อ ๕๐ ล้านคน จากล้านที่ ๑๕๐ - ๒๐๐ใช้เวลา ๙๗ วัน หรือ ๑๐ ล้านคนใน ๑๙.๔ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: nathanielnong ที่ 05 ส.ค. 21, 09:24
ผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๒๐๐ ล้านเรียบร้อยแล้ว :o

จำนวนผู้ติดเชื้อ ๕๐ ล้านคน จากล้านที่ ๑๕๐ - ๒๐๐ใช้เวลา ๙๗ วัน หรือ ๑๐ ล้านคนใน ๑๙.๔ วัน

อ่านประจำครับ  ไม่ต้องไปตามหาสรุปจากนี่ไหน 


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 ส.ค. 21, 08:13
วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของเมืองไทยอีกวันหนึ่ง ผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๑ ล้านคนเรียบร้อยแล้ว :o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 ส.ค. 21, 19:33
ชื่อว่า “ล้าน” คือมากมายพอใจยิ่ง
ชื่อว่า “ล้าน” คือสิ่งมหาศาล
ชื่อว่า “ล้าน” ได้ฤกษ์ว่าเบิกบาน
ชื่อว่า “ล้าน” เติมใจให้เต็มแรง

แต่ว่าล้านวันนี้ทำใจหาย
แต่ว่าล้านนี้หมายว่าเหี่ยวแห้ง
แต่ว่าล้านนี้รันทดหมดคำแจง
เพราะว่าล้านนี้แสดงแต่ท้นทุกข์

เราเหยียบล้านวันนี้มีแต่เศร้า
ฟังแล้วเหงาเครียดขึ้งถึงเจ่าจุก
นี่มันกาลเดือดระอุทุรยุค
ประชาชนไม่สนุกแล้วนะรัฐบาล

ชมัยภร บางคมบาง
๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ส.ค. 21, 08:59
วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของเมืองไทยอีกวันหนึ่ง ผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๑ ล้านคนเรียบร้อยแล้ว

ห้าวันต่อมา วันนี้ก็นับเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งเช่นกัน ผู้เสียชีวิตด้วยโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๑ หมื่นคน :o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 21, 10:34
ไปเจอข้อเขียนใน FB  น่าสนใจเลยนำลงให้อ่านกันค่ะ


Pongprom Yamarat


เมืองไทยน่าศึกษากรณีการเปิดประเทศของอังกฤษเป็นตัวอย่างครับ
1. อังกฤษมีประชากรใกล้เคียงกับไทย
2. พึ่งจะเมื่อ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา อังกฤษเข้าสู่จุดพีคของการระบาดหนักระลอก 3 โดยมีผู้ติดเชื้อต่อวันสูงถึง 47,000 คน จากการทดสอบวันละ 700,000 คน แต่มีเสียชีวิตต่อวันเพียง 20-30 คน เพราะประชากรได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วถึง 60% รับ 1 เข็มแล้ว 72%
3. ผ่านจุดระบาดหนักมาได้เพียง 2 อาทิตย์ เมื่ออัตราการระบาดลดเหลือ 30,000 คนต่อวัน อังกฤษประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกาโดยไม่ต้องกักตัว
4. กติกามีง่ายๆ คือถือ vaccine passport ที่ฉีดในเวลาที่กำหนด และทำ RT-PCR ในวันแรก และวันสุดท้าย ซึ่งจะได้ผลในวันเดียวกัน (ตรงนี้ขอหาข้อมูลเพิ่ม บางข่าวแจ้งว่าให้ใช้ ATK โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอังกฤษ)
5. อังกฤษมีนโยบายชัดเจนแล้วว่า จะเปิดประเทศโดยไม่สนอัตราการติด แต่จะสนอัตราการตายเพียงอย่างเดียว
6. อังกฤษยังเชื่อในการสร้างภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีน และโดยธรรมชาติจากการติดเชื้อ และตราบใดที่ไม่ทำให้เสียชีวิต ก็ถือซะว่าเป็นไข้หวัด
7. อังกฤษเลือกใช้การควบคุมเรื่อง social distancing, ใส่ mask และใช้ NHS Covid Passport รวมถึงบังคับผู้จัด event ในการทำประกันสุขภาพพิเศษ (ขอศึกษาต่อเรื่องการบังคับคนจะเข้าร่วมงาน คอนเสิร์ต ต้องทำประกันด้วยหรือไม่)

https://m.youtube.com/watch?v=hV-Fuay-Q-o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 26 ส.ค. 21, 12:25
วันที่ 21 สิงหาคม 2021 สนามฟุตบอลทีมลิเวอร์พูลมีคนดูเต็มสนามครั้งแรกในรอบ 528 วัน

ไม่สวมแมสกันเลยสักคน เชียร์บอลเสร็จไปนั่งดื่มเบียร์กันต่อตามระเบียบพัก

(https://ichef.bbci.co.uk/onesport/cps/800/cpsprodpb/D597/production/_120197645_gettyimages-1234787456.jpg)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 27 ส.ค. 21, 10:15
แอบอิจฉาประเทศทางยุโรปเหมือนกันนะคะ ตอนแรกๆเป็นหนักกว่าไทยจนคนไทยหลายคนก็ไปเยาะเย้ยไว้ พอมาตอนนี้เขาแก้ไขได้แล้วแต่ไทยกลับเป็นหนักกว่าเขาซะงั้น


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ส.ค. 21, 11:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔

อัตราการติดเชื้อขึ้นสู่จุดสูงสุดราวกลางเดือน (๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๔) คือ ๒๓,๔๑๘ รายและค่อย ๆ ลดลง จนถึงต่ำสุดท้ายในวันสุดท้ายของเดือน (๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๔) คือ ๑๔,๖๖๖ ราย

ในขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงสุดอยู่ในราวกลางเดือน (๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๔) คือ ๓๑๒ ราย โดยเฉลี่ยสูงกว่า ๒๐๐ ราย แม้วันสุดท้ายของเดือนจะลดลงเป็น ๑๙๐ ราย แต่ก็ยังไม่แน่ว่าตัวเลขในเดือนหน้าจะลดลงหรือไม่


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ย. 21, 12:17
   เมื่อวานนี้ (1 กันยายน 2564) เป็นวันแรกที่คลายล็อกดาวน์   ร้านอาหารสามารถเปิดให้บริการได้(ในจำนวนที่จำกัดลูกค้า ) ห้างสรรพสินค้าก็เปิดได้(แบบจำกัดพื้นที่และเวลา)  ผ่านไปทางห้างสรรพสินค้าใหญ่ใกล้บ้าน มีรถรอคิวเข้าที่จอดกันแน่นขนัด ยาวออกมาถึงถนนใหญ่     แสดงว่าชาวบ้านอัดอั้นกันมานาน
   ตอนนี้วัคซีนกระจายกันออกไปมาก   ก่อความเชื่อมั่นให้ผู้คนที่ฉีดวัคซีนแล้วโดยเฉพาะคนที่ฉีดสองเข็มเรียบร้อย    แต่ก็อย่าลืมว่า วัคซีนเหล่านี้ไม่ได้กันติด แค่กันตาย   เพราะฉะนั้นถ้าไปหายใจรดหน้ากันในที่แออัดอย่างห้องแอร์  ก็มีสิทธิ์ติดเชื้อได้ แต่ไม่รุนแรงเท่ากับคนที่ยังไม่ได้ฉีดเลยสักเข็ม
   สถิติการติดเชื้อที่ประกาศเป็นทางการกันออกมา  ไม่ได้แยกแยะว่าผู้ติดเชื้อจำนวนหนึ่งหมื่นกว่านั้นติดมากติดน้อยขนาดไหน  เพราะฉะนั้นก็เป็นได้ว่า เมื่อเลิกล็อคดาวน์ สถิติการติดเชื้ออาจไม่ลดลง  แถมยังมากขึ้น 
   ก็ต้องดูสถิติคนหายป่วยกลับบ้านได้ว่ามากน้อยแค่ไหน ควบกันไปด้วยค่ะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ก.ย. 21, 09:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนกันยายน ๒๕๖๔

จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างช้า ๆ โดยมีตัวเลขต่ำสุดและต่ำกว่าหนึ่งหมื่นเป็นครั้งแรกในวันที่ ๒๘ กันยายน ที่ ๙,๔๘๙ ราย และผู้เสียชีวิตก็ค่อย ๆ ลดลงเช่นกัน โดยมีตัวเลขต่ำสุดในวันที่ ๒๗ กันยายน ที่ ๑๐๑ ราย

มีแนวโน้มที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลงต่ำกว่าหนึ่งหมื่นราย และผู้เสียชีวิตต่ำกว่าหนึ่งร้อยรายในเดือนหน้า หากไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกแซง ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 30 ก.ย. 21, 11:24
หวังว่าปีใหม่ยอดคนติเชื้อ คนตายจะเลือแค่หลักร้อย หลักสิบนะคะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ต.ค. 21, 10:12
มีข่าวดีมาบอก ;D

ยาต้านโควิดที่ชื่อว่า “โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ของบริษัท Merck ได้ผลดีมาก
 
จากศึกษาการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในกลุ่มตัวอย่าง ๗๗๕ ราย กินวันละ ๒ ครั้ง นาน ๕ วัน มีแค่ ๗.๓% ที่ป่วยเข้าโรงพยาบาล และไม่มีใครตายด้วยโควิดเลย ส่วนอีกกลุ่มตัวอย่างหนึ่งที่ให้ยาหลอก (Placebo) ป่วยเข้าโรงพยาบาล ๑๔.๑% และตายด้วยโควิด ๘ ราย

ตอนนี้ราคาหุ้นของ Merck & Co ก็เลยสูงขึ้น  ๙.๐% ในชั่วข้ามคืน

ส่วนหุ้นวัคซีนตกกันเรียบ

หุ้น Moderna ตก   ๑๓.๙%
หุ้น BioNTech ตก  ๑๓.๗%
หุ้น Novavax ตก   ๑๘.๔%
ส่วนหุ้น Pfizer ตก  ๒.๓%

ถ้าผ่านอย.และเอามาใช้ได้จริง ในอนาคตโควิดก็จะไม่น่ากลัวอีกต่อไปแล้วครับ เพราะมียารักษาที่มีประสิทธิภาพ เราจะได้ใช้ชีวิตปกติกันซักที

หมอแล็บแพนด้า (https://www.facebook.com/100044204151034/posts/417943046355830/?d=n) รายงานข่าว

https://youtu.be/2IDY3jXZj4c


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ต.ค. 21, 10:53
อ่านเจอข่าวนี้ว่าลดได้ 50%  เลยไม่เข้าใจว่ามันช่วยได้มากน้อยแค่ไหนค่ะ คุณหมอเพ็ญช่วยอธิบายได้ไหมคะ

ยาเม็ด “โมลนูพิราเวียร์” สามารถลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต หลังการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 50%

วันที่ 2 ตุลาคม 2564 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บริษัท “เมอร์ค” (Merck) และ “ริดจ์แบ็ก ไบโอเทราพิวติกส์” (Ridgeback Biotherapeutics) ได้ระบุว่า ยาเม็ด “โมลนูพิราเวียร์” (molnupiravir) สำหรับรักษาอาการป่วย รวมถึงเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้ร่วมผลิต สามารถลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต เมื่อติดเชื้อโควิดได้ถึง 50%

https://www.prachachat.net/world-news/news-774243


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ต.ค. 21, 11:41
ยาเม็ด “โมลนูพิราเวียร์” สามารถลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต หลังการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 50%

ตัวเลข ๕๐% นี้คำนวณจากตัวเลข กลุ่มตัวอย่างที่ให้ยาหลอก (Placebo) ป่วยเข้าโรงพยาบาล ๑๔.๑%  และ กลุ่มตัวอย่างที่ให้กินยาจริง ป่วยเข้าโรงพยาบาลเพียง ๗.๓% สรุปได้ว่ายาตัวนี้ลดการต้องเข้าโรงพยาบาลได้ครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ [(๑๔.๑-๗.๓)/๑๔.๑ X ๑๐๐]


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ต.ค. 21, 11:44
ไปเจอคำตอบของอาจารย์เจษฎาเข้าใน FB  จึงขอลอกมาให้อ่านกันค่ะ

อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์
กำลังแชร์ข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับโควิด-19

#ถาม : บริษัท Merck ของเยอรมัน ได้ทดสอบยาเม็ด “โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir)” พบว่า ลดอัตราการป่วยเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิตจากโควิด-19 ลงได้ครึ่งหนึ่ง .. คำว่าครึ่งหนึ่งนี่ หมายความว่าอะไร? และทำไมชื่อจึงลงท้ายว่า "ravir" ?
.
#ตอบ : คำลงท้ายชื่อยาว่า "ravir" บอกให้รู้ว่ามันคือ "ยาต้านไวรัส" สังเกตได้จากคำว่า vir ย่อมาจาก virus นั่นเอง
ข่าวยา Molnupiravir ตัวนี้ วนเวียนอยู่ในโซเชียลมานานแล้ว โดยเคยแชร์กันเหมือนว่ามีขายแล้ว แต่จริงๆ ยังกำลังวิจัยทดลองอยู่
.
ล่าสุด ที่ประกาศออกมาคือ มันกำลังทำการทดสอบทางคลินิคเฟสที่ 3 แล้วได้ผลลัพธ์เบื้องต้นที่ดี ทางบริษัทจึงหยุดการศึกษาและกำลังจะขออนุญาต FDA สหรัฐอเมริกา ให้นำมาใช้แบบฉุกเฉินเร่งด่วนได้
.
คำว่า "ลดป่วยลดตายได้ครึ่งหนึ่ง"มาจากการทดสอบประสิทธิภาพของยา โดยเปรียบเทียบระหว่างการใช้ยาจริง และ ยาหลอก (placebo) ในอาสาสมัคร  โดยอาสาสมัครทุกคนจะถูกบอกว่าได้รับยาจริง แต่จริงๆ แล้ว ประมาณครึ่งหนึ่งจะได้ยาหลอกโดยไม่รู้ตัว
.
ซึ่งผลเบื้องต้น พบว่ามีอาสาสมัครกลุ่มที่ได้รับยาจริง  แล้วติดเชื้อโควิดและป่วยหนักจนถึงเสียชีวิตนั้น เพียงประมาณ  7% เทียบกับกลุ่มนที่ได้ยาหลอก ที่ป่วยหนักและเสียชีวิตประมาณ 14% จึงมีการตีความว่า ประสิทธิผลของยาจริงนั้น ดีกว่ายาหลอก 50% .. ซึ่งสรุปง่ายๆ คือ ยานี้มีความคืบหน้าด้านประสิทธิภาพค่อนข้างดี
.
ส่วนที่ต้องไปขอ FDA เพราะอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ และถ้าขออนุญาตสำเร็จ ก็จะง่ายต่อการนำไปใช้ที่ประเทศอื่นๆ เพราะ FDA อเมริกา มีมาตรฐานสูงมาก ผ่านอเมริกาได้ ทั่วโลกก็มักจะให้การยอมรับ
.
#ถาม : ไทยเราจะได้ใช้ยาตัวนี้หรือไม่ ?
.
#ตอบ : ถ้าเราต้องการ ก็ต้องไปจองคิวซื้อยาตัวนี้ เหมือนที่จองคิววัคซีนเช่นกัน
.
#ถาม : แล้ววัคซีนโควิดยังจำเป็นอยู่อีกไหม?
.
#ตอบ : หลายคนเข้าใจผิด ว่าพอมียากินแล้ว จะไม่ต้องฉีดวัคซีนอีก จริงๆ แล้วก็ยังต้องฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันอยู่
.
ยาต้านไวรัสตัวนี้ ใช้กินเมื่อติดเชื้อแล้ว ไม่เหมือนกับวัคซีนที่ฉีดป้องกันล่วงหน้า ยาต้านไวรัส จะช่วยทำให้เชื้อไวรัสแล้วไม่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในร่างกาย จึงทำให้มีโอกาสป่วยหนักหรือเสียชีวิตน้อยลง
.
แต่จุดเด่นของยาตัวนี้ คือเป็นยาต้านไวรัสที่พัฒนามาเพื่อโคโรน่าไวรัสที่ก่อโรคโควิด-19 โดยเฉพาะ ซึ่งก่อนนี้ เราต้องใช้ยาต้านไวรัสของโรคอื่น (เช่น ยาต้านไวรัส HIV) มาใช้ไปก่อน จึงมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีก (สูงกว่ายาต้านไวรัสที่ใช้อยู่ เช่น ยาฟาวิพิราเวียร์)
.
#ถาม : พอมียาต้านไวรัสตัวใหม่ แล้วฟ้าทะลายโจรล่ะ?
.
#ตอบ: คงเอามาเทียบกันไม่ได้ ฟ้าทะลายโจรเป็นแค่สมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการหวัด เป็นไข้ตัวร้อนปวดเมื่อย แต่ถูกเอามาโปรโมทเพื่อช่วยรักษาโควิด เพราะความจริงเราขาดแคลนยาต้านไวรัสรักษา (เช่น ฟาวิพิราเวียร์)
.
ในระดับหลอดทดลอง ฟ้าทะลายโจรมีสรรพคุณทำให้เซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสไม่เพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ผลการวิจัยประสิทธิภาพจริงในคนนั้น ยังไม่ชัดเจน ว่าได้ผลดีจริงแต่ไหน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับยาหลอก
.
#ถาม : แล้วมีสมุนไพรอื่นๆ อีกมั้ย?
.
#ตอบ : เคยคุยกันขำๆ ว่า อาการป่วยรุนแรงจากโรคโควิดนั้น น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีระดับน้ำตาลในเส้นเลือดสูง ไม่ว่าในคนปรกติ หรือคนอ้วน หรือคนที่เป็นเบาหวาน อาการป่วยมักจะหนักกว่าคนปกติ ดังนั้น “กระท่อม” อาจจะมีประโยชน์ เพราะมีคุณสมบัติลดน้ำตาลในเลือดได้ด้วย
.


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ต.ค. 21, 11:45
#ถาม : ทำไมหุ้นของบริษัทวัคซีนจึงตก เมื่อมีข่าวยาต้านไวรัสออกมา ?
.
#ตอบ : คนส่วนใหญ่ถูกปลูกฝังให้คิดว่า วัคซีนเป็นฟางเส้นสุดท้าย เป็นทางออกทางเดียวของโรคโควิด พอมียาต้านไวรัสออกมา เลยทำให้เหมือนมีทางออกมากขึ้น หุ้นวัคซีนก็เลยตก
.
แต่ยืนยันว่า จริงๆ แล้ว ควรจะใช้ควบคู่กันทุกอย่าง ทั้งวัคซีนป้องกันล่วงหน้า ทั้งชุดตรวจ ATK เพื่อหาผู้ติดเชื้อ และยาต้านไวรัส เมื่อติดเชื้อแล้ว
.
#ถาม : มีข่าว วัคซีนซิโนแวคทำให้ลุงวัย 74 ปีที่ป่วยเป็นอัมพาต ลุกมามีชีวิตปกติ แข็งแรงได้เหมือนคนไม่ป่วย หลังจากฉีด  เรื่องนี้มีความเป็นไปได้แค่ไหน ?
.
#ตอบ : ในทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์ จะปักใจเชื่อทันทีคงไม่ได้ ต้องค่อยๆ ไล่หาดู ว่าป่วยจริงไหม แอบอ้างว่าป่วยหรือเปล่า หรือถ้าป่วยจริง แล้วเป็นการหายชั่วคราวเพราะกำลังใจ หรือว่าหายถาวร
.
แต่ผ่านมา แม้จะฉีดวัคซีนซิโนแซคกันไปแล้วหลายร้อยล้านโดสทั่วโลก ก็ไม่เคยมีรายงานผลข้างเคียงแบบนี้ มีแต่ที่เกิดอาการคล้ายอัมพฤกษ์ชั่วคราว
.
#ถาม : วัคซีนทางเลือกของ บ. โมเดอร์น่า ทำไมล่าช้านัก ?
.
#ตอบ : ไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะที่องค์การเภสัชกรรมสั่งซื้อไปนั้น เป็นปริมาณไม่กี่ล้านโดส ไม่ได้เยอะมากมายอะไร เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ สั่งกัน
.
 องค์การเภสัชฯ ต้องไปกระตุ้นทางบริํืษัทตัวแทน เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ประชาชน ต้องไปดูในสัญญาที่เซ็นกับบริษัทซิลลิคฟาร์ม่า (ซึ่งน่าจะมีอยู่จริง) ว่ามีข้อที่ผิดสัญญาหรือไม่ จะได้ฟ้องร้องได้ว่าล่าช้า
.
#ถาม : วัคซีนไทยของจุฬาฯ 2 ตัว ทำไมเงียบไป?
.
#ตอบ : วัคซีนตัวแรก คือ ChulaCov19 เป็นวัคซีนชนิด mRNA ซึ่งมีความคืบหน้าเชิงวิจัยค่อนข้างดี ตอนนี้ผ่านการทดสอบในสัตว์ทดลองแล้ว และทดสอบในอาสาสมัคร เฟสที่ 1 แล้ว กำลังเริ่มเฟสที่ 2 อยู่ตอนนี้
.
คาดว่ากว่าจะเสร็จการวิจัยทั้งหมด คงต้องข้ามไปต้นปีหน้า แล้วต้องมีเรื่องไลน์ผลิตจริงอีก ซึ่งไม่ควรตั้งเป้าให้เป็นวัคซีนหลักแห่งชาติ แต่เราน่าจะมองเป็นวัคซีนสำรองระยะยาวดีกว่า
.
อีกตัวคือวัคซีน จุฬาใบยา ซึ่งใช้ต้นยาสูบจีเอ็มโอมาผลิตโปรตีนหนามของไวรัส  ซึ่งก็เริ่มเฟสที่ 1 แล้ว และกว่าจะเสร็จก็น่าจะกลางปีหน้า
.
มีอีกหลายกลุ่มที่วิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศไทย แต่ตอนหลังๆ นี้ มีการประชุมร่วมกัน ตั้งเป้าใหม่ให้พัฒนาเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 หรือบูสเตอร์โดส มากกว่า
.
#ถาม : เราจำเป็นจะต้องฉีดเข็มที่ 3 อีกไหม ถ้าจะฉีดควรฉีดตัวเดิม หรือ ฉีดไขว้ mRNA หรือเปล่า?
.
#ตอบ : เราต้องทำใจว่า อาจจะเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่ ที่ต้องฉีดวัคซีนไปเรื่อยๆ ตามระดับการกลายพันธุ์ของไวรัส
.
โดยอาจจำเป็นต้องฉีดในกลุ่มผู้มีโรคประจำตัวและผู้สูงอายุ ที่มีความเสี่ยงจะป่วยหนักสูงจากโควิด จึงอาจจะต้องฉีดไปอีกหลายปี
.
แต่สำหรับคนทั่วไป ถ้าไม่มีการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ ที่น่ากังวลไปมากกว่าสายพันธุ์เดลต้าในนี้ ก็ฉีดแค่เข็ม 3-4 ก็พอ
.
#ถาม : แล้วเข็มที่ 3 ควรจะฉีดยี่ห้อไหนดี ?
.
#ตอบ : อันนี้ตอบค่อนข้างยาก เพราะสูตรการฉีดวัคซีนในประเทศไทยเราค่อนข้างหลากหลาย จากการเราขาดแคลนวัคซีนมาแต่แรก เลยมีทั้งที่ฉีดซิโนแวค2เข็ม และที่ฉีดแอสตร้า2เข็ม  ไปจนถึงสูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตร้า ซึ่งไม่มีประเทศอื่นในโลกฉีดแบบนี้
.
ให้มองว่าเราฉีดวัคซีนอะไรไป แล้วดูแนวโน้มว่าภูมิคุ้มกันของเราเป็นอย่างไร มีลดน้อยลงหรือไม่ รวมถึงให้ดูด้วยว่าเชื้อไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
.
ตัวอย่างเช่น
.
- Sinovac 2 เข็ม (ส่วนใหญ่ฉีดครบแล้วตั้งแต่มิถุนายน) : ภูมิคุ้มกันมักจะเกิดขึ้นน้อย และลดลงมากเมื่อระยะเวลาผ่านไป 3 เดือนแล้ว ดังนั้น จึงควรฉีดบูสต์เข็ม 3 ในช่วงปลายปีนี้  ไม่ว่าจะแอสตร้าของรัฐ หรือวัคซีน mRNA อย่างโมเดอร์น่า ที่สั่งจองไว้ (เลือกตัวใดตัวหนึ่ง)
.
- AstraZeneca 2 เข็ม (ส่วนใหญ่เป็นการฉีดสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง) : มีประสิทธิภาพสูงกว่า ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานกว่า  สามารถรอได้ถึง 6 เดือนหลังครบโดส แล้วค่อยไปฉีดบูสต์เข็ม 3 (แนะนำวัคซีน mRNA มากกว่าจะซ้ำด้วยแอสตร้า)
.
- สูตรไขว้ Sivovac + Astra (คนส่วนใหญ่ที่ฉีดตั้งแต่เดือนสิงหาคมมา จะฉีดสูตรนี้) : สูตรไขว้นี้ ให้มองที่แอสตร้าเข็มที่ 2 เป็นหลัก ว่าควรจะฉีดบูสต์ตามใน 3-6 เดือน ซึ่งแนะนำให้ฉีดเข็ม 3 เป็นแอสตร้าเดิม หรือ mRNA ก็ได้ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ต.ค. 21, 11:46
#ถาม :  คิดยังไงกับการที่มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาต่อต้านวัคซีน ว่าจะทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์  ?
.
#ตอบ : พวกต่อต้านวัคซีน หรือ anti-vax มีหลายกลุ่มมาก และมีหลายเป้าหมายหลายอเจนด้าด้วย  เช่น บางกลุ่มก็ต่อต้านอเมริกา บางกลุ่มก็ต่อต้านจีน  บางกลุ่มก็เป็นความเชื่อทางศาสนา แล้วก็มีการสร้างเฟคนิวส์ข่าวปลอมขึ้นมาเยอะแยะ
.
ปรกติแล้ว คนไทยเราไม่ค่อยมีการแอนตี้การฉีดวัคซีน จึงไม่ค่อยมีปัญหาเท่ากับในต่างประเทศ แถมโรคโควิดมันเห็นได้ชัดว่า ถ้าไม่ฉีด จะเสี่ยงป่วยหนักเสี่ยงเสียชีวิตสูงขึ้น
.
ปัญหาคือ กระแสโซเชี่ยล ทำให้คนจมติดอยู่กับข่าวผลกระทบเชิงลบของวัคซีนมากเกินไป (ทั้งที่อัตราส่วนที่เกิดขึ้นนั้น  มีน้อยมาก) ยิ่งมีประเด็นทางการเมือง เช่น ไอโอปล่อยข่าวปลอมวัคซีนไฟเซอร์ในทางที่ไม่ดี ยิ่งทำให้คนไม่กล้าฉีดมากขึ้น
.
ถึงยังไง คนทุกคนที่มีสิทธิจะฉีดวัคซีนได้  ก็ควรจะฉีด อย่าหลงเชื่อพวกต่อต้านวัคซีน
.
#ถาม : ที่มีรายงานว่าจำนวนคนติดเชื้อ นั้นลดลง จริงหรือเปล่า ?
.
#ตอบ : ถ้าเอาแต่ดูรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ ที่มาจากผลคนตรวจด้วยวิธี PCR จะรู้สึกว่าตัวเลขสวย ค่าลดลงต่อเนื่อง และค่าต่ำกว่าจำนวนผู้หายป่วย อาจเพราะรัฐต้องการสร้างบรรยากาศให้ดูดี จะได้ผ่อนคลายได้
.
แต่ถ้าเอาตัวเลขจากผลการตรวจด้วยชุด ATK มารวมกับผล PCR แล้วล่ะก็ ค่ารวมจะไม่ได้สวยอย่างที่เข้าใจกัน แต่ยังมีค่าสูงอยู่ ซึ่งโดยภาพรวม สถานการณ์การระบาดนั้นค่อนข้างทรงตัว ลดลงอย่างช้าๆ  ไม่ได้ลดฮวบฮาบ
.
#ถาม : เรื่องชุดตรวจ ATK ที่ัรัฐจะแจกนี่ มันยังไงกัน ?
.
#ตอบ : คือ ชุด ATK นี้เป็นงบของ สปสช. ที่จะเอามาแจกประชาชนกลุ่มเสี่ยง  โดยคณะกรรมการชุดร่าง TOR  (ซึ่งสนับสนุนโดยชมรมแพทย์ชนบท) ได้เสนอให้วางสเปค กำหนดให้เป็นระดับ professional use ตามยี่ห้อที่ WHO เคยเขียนแนะนำไว้
.
แต่เนื่องจาก สปสช. จัดซื้อเองไม่ได้ ต้องดำเนินงานผ่านองค์การเภสัชฯ ซึ่งทางองค์การเภสัชฯ ไม่ยอมให้กำหนดสเปคเช่นนั้ร ต้องเปิดกว้างให้มีการประมูล สุดท้าย ก็เลยได้ของยี่ห้อ Lepu ที่เป็นแบบ home use ในราคาประมูลไป 90 บาท ต่อชุด
.
ที่น่าคิดคือ ที่องค์การเภสัชฯ จัดหารอบใหม่มาเพื่อจำหน่ายราคาถูก ในราคา 40 บาทต่อชุด ว่าจะเป็นยี่ห้อเดิมหรือไม่ ซึ่งคุณอนุทินบอกว่า เป็นของจีน แต่เทคโนโลยีเยอรมัน .. ถ้ายี่ห้อเดิม คำถามคือ ทำไมตอนประมูลรอบแรก ถึงได้แพงกว่า
.
#ถาม : คิดว่าเราจะมีโอกาสกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีกไหม?
.
#ตอบ : โควิด แม้จะเชื้อไวรัสคนละกลุ่ม  แต่พบว่ามันระบาดคล้ายไข้หวัดใหญ่  คือ หน้าร้อน ระบาดต่ำ แต่โอกาสระบาดหน้าฝนและหน้าหนาว สูง
.
ดังนั้น ในไทย น่าจะต้องระวังการกลับมาระบาดใหม่ได้อีก ในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ซึ่งอาจจะซ้ำซ้อนปัญหากับฝุ่น PM2.5 ด้วย ทำให้คนกลุ่มที่เปราะบางต่อโรคทางเดินหายใจ นะต้องเจอ 2 เรื่องพร้อมกัน
.
 ที่น่าสนใจคือ อารมณ์ของคนไทยต่อโรคโควิด อย่างเมื่อปีที่แล้ว เรากลัวกันมาก มีคนติดเชื้อแค่หลักสิบหลักร้อยต่อวัน ก็กลัวกันไปหมด แต่ตอนนี้ ติดหลักหมื่นต่อวัน ก็ไม่ค่อยกลัวแล้ว เพราะเคยชิน คนกล้าที่จะกลับมาใช้ชีวิตตามปรกติมากขึ้น
.
ดังนั้น ก็มีแนวโน้มที่เราจะกลับมาเริ่มต้นใช้ชีวิตตามปรกติ แต่จะให้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมเลย ก็ยังไม่น่าจะใช่
.
ทุกอย่างอยู่ที่รัฐ ถ้า ศบค เปลี่ยนแนวคิดจากที่จะเอาชนะเชื้อโรค มาเป็นว่า "เราต้องอยู่กับเชื้อโรคมันให้ได้" ชีวิตก็น่าจะเดินต่อไปได้ง่ายขึ้น อย่างลืมว่ารายได้ของชาติหายไปเยอะมาก หลายล้านล้านบาท จากการปิดประเทศ ปิดเมือง ล็อคดาวน์
.


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ต.ค. 21, 11:47
แต่จะเปิดประเทศ ก็ต้องทำควบคู่กับการดูแลสุขอนามัยของตัวเอง ต้องให้ความสำคัญกับชุดตรวจ ATK ที่มีเพียงพอให้ใครๆ ก็ตรวจเชื้อกันได้ ต้องให้คนที่เปราะบางได้รับการฉีดวัคซีนทุกคน ส่วนใครที่ตรวจพบว่าติดเชื้อ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แค่แยกตัวออกไปรักษา และที่สำคัญคือ  ต้องเน้นมากขึ้นในเรื่อง "การระบายอากาศ" เปิดประตูหน้าต่าง ทำกิจกรรมต่่างๆ กลางแจ้ง จะปลอดภัยกว่าอยู่ในห้องปิดทึบ
.
#ส่งท้าย อาจารย์เจษฎาทิ้งท้ายว่า "อย่าให้โควิดเป็นเรื่องของการเมือง พยายามให้เป็นเรื่องวาระของชาติ เราจะได้ผ่านไปด้วยกันได้"
----
ขอขอบพระคุณ เนื้อหาที่สรุปโดยคุณ Peemai Sirikul


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ต.ค. 21, 13:42
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนตุลาคม ๒๕๖๔

จำนวนผู้ติดเชื้อครึ่งเดือนแรกทรงตัวอยู่ที่ระดับ ๙,๐๐๐+ - ๑๑,๐๐๐+ ราย ครึ่งเดือนหลังตั้งแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่า ๑๐,๐๐๐ ราย  จำนวนผู้ติดเชื้อต่ำสุดในวันที่ ๒๖ ตุลาคม ที่ ๗,๗๐๖ ราย และผู้เสียชีวิตลดลงต่ำกว่าหนึ่งร้อยรายโดยมีตัวเลขต่ำสุดในวันที่ ๒๕ ตุลาคม ที่ ๔๔ ราย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ต.ค. 21, 19:01
จำนวนผู้ติดเชื้อระหว่าง ๑ เมษายน ๒๕๖๔ ถึง ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ จุดสูงสุดอยู่ในวันที่ ๑๓ สิงหาคม ที่ ๒๓,๔๑๘ ราย

คงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน ตัวเลขผู้ติดเชื้อจึงจะลงไปอยู่ในระดับเดียวกับเดือนเมษายน :o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 พ.ย. 21, 12:58
วันนี้ผู้เสียชีวิตจากโควิด-๑๙ เข้าหลัก ๕ ล้านคน

จำนวนผู้เสียชีวิตล้านคน (จาก ๔ ล้านถึง ๕ ล้าน) ใช้เวลา ๑๑๗ วัน เฉลี่ย ๑ แสนคนใช้เวลา ๑๑.๗ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 พ.ย. 21, 19:39
มีข่าวดีมาบอก ;D

ยาต้านโควิดที่ชื่อว่า “โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ของบริษัท Merck ได้ผลดีมาก
 
จากศึกษาการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในกลุ่มตัวอย่าง ๗๗๕ ราย กินวันละ ๒ ครั้ง นาน ๕ วัน มีแค่ ๗.๓% ที่ป่วยเข้าโรงพยาบาล และไม่มีใครตายด้วยโควิดเลย ส่วนอีกกลุ่มตัวอย่างหนึ่งที่ให้ยาหลอก (Placebo) ป่วยเข้าโรงพยาบาล ๑๔.๑% และตายด้วยโควิด ๘ ราย

อีกหนึ่งความหวังใหม่ !

ไฟเซอร์ อิงค์ (Pfizer Inc.) บริษัทยารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ แถลงเมื่อวานนี้ (๕ พฤศจิกายน) ว่า ผลการทดลองในระยะที่ ๓ สำหรับยาเม็ดชนิดรับประทานเพื่อรักษาโรคโควิด-๑๙ ของไฟเซอร์ พบว่า ยาดังกล่าวสามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-๑๙ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ถึง ๘๙% ทั้งนี้ ไฟเซอร์ตั้งชื่อยารักษาโรคโควิด-๑๙ ของตนว่า แพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาวันละ ๒ ครั้ง ๆ ละ ๓ เม็ด

บริษัทไฟเซอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ยุติการทดลองแล้ว ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม หลังพบว่ายาดังกล่าวมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาผู้ป่วยโควิด-๑๙ และบริษัทจะส่งผลการทดลองดังกล่าวให้แก่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) หลังจากที่ไฟเซอร์ได้ยื่นเรื่องขออนุมัติการใช้ยาดังกล่าวเป็นกรณีฉุกเฉินต่อ FDA เมื่อเดือนตุลาคม

ข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ (https://www.facebook.com/135182934814/posts/10163256506204815/?d=n)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 พ.ย. 21, 19:59
;D

https://www.facebook.com/ThaiPBS/videos/853454425332153/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 พ.ย. 21, 08:25
วันนี้ต้องถือเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่ง ผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ ของเมืองไทย เข้าหลัก ๒ ล้านคนเรียบร้อยแล้ว  โดยจากล้านแรกถึงล้านที่สองใช้เวลา ๑๒ สัปดาห์ หรือ ๘๔ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 พ.ย. 21, 09:24
ตอนนี้สถานการณ์โควิดในไทยดีขึ้นเยอะ   คนไทยกลับมาใช้ชีวิต(เกือบจะ)ปกติได้แล้ว
นับตัวเลขคนติดคนตายแบบคุณเพ็ญชมพูนับ   ไม่นับคนหาย คนไม่ติด   เลยยิ่งทำให้สถานการณ์ดูร้ายแรงหนักขึ้นไปอีก 


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 พ.ย. 21, 09:30
ตามคำเรียกร้อง ตัวเลขผู้หายป่วยสะสมและผู้ป่วยสะสมนับตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔ ไม่ใช่ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๓ เหมือนตัวเลขข้างบน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 พ.ย. 21, 09:51
หากดูตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนจนถึงวันนี้ ตัวเลขยังทรงตัวอยู่ ยังไม่ดูดีขึ้นอย่างชัดเจน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 พ.ย. 21, 07:55
 :)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 พ.ย. 21, 07:59
เทียบกับช่วงต้นๆของเดือนสิงหาคม


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 พ.ย. 21, 12:39
ติดเชื้อน้อยลง


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 พ.ย. 21, 08:40
14 พฤศจิกายน 2564
เพจ “ศูนย์ข้อมูล COVID-19” รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2564 รวม 7,079 ราย
จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 6,607 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 292 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 171 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 9 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,989,547 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)


หายป่วยกลับบ้าน 6,917 ราย หายป่วยสะสม 1,875,420 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 95,528 ราย
โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตวันนี้ 47 ราย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ย. 21, 12:42
 :)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ย. 21, 10:20
ข่าวนี้จริงหรือเปล่าไม่รู้    ถ้าจริง  ก็เป็นข่าวดีชั้นหนึ่งสำหรับชาวโลกที่ทนทุกข์ทรมานกับโควิดมา 2 ปีแล้ว
ฝากคุณเพ็ญชมพูตรวจสอบด้วยค่ะ

ข่าวดีในญี่ปุ่นข่าวดีโลก!   โควิดระลอก5แทบหายเกลี้ยง คาด'เดลตา'กลายพันธุ์จนสูญพันธุ์

https://mgronline.com/around/detail/9640000115544


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 พ.ย. 21, 12:04
เป็นข่าวดีสำหรับญี่ปุ่น แต่ไม่รวมถึงยุโรปแน่นอน อัตราการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมโรค

The Japan Times รายงานวาผู้เชี่ยวชาญชี้ถึงเหตุผลต่าง ๆ นานาถึงการหายไปของยอดผู้ติดเชื้อ คาดว่าอาจเกี่ยวกับอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงที่ ๗๕.๗% (ตัวเลขวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) แต่มีทฤษฎีหนึ่งที่ฟังแล้วอาจเหลือเชื่อแต่ก็สมเหตุสมผลจากอิตุโระ อิโนอุเอะ ศาสตราจารย์แห่งสถาบันพันธุศาสตร์แห่งชาติ

อืโนอุเอะชี้ว่าสายพันธุ์เดลตาในญี่ปุ่นสะสมการกลายพันธุ์มากเกินไปในโปรตีนที่ช่วยการแก้ไขข้อผิดพลาดของไวรัสที่เรียกว่า nsp14 ไวรัสจึงพยายามซ่อมแซมข้อผิดพลาดให้ทันเวลา แต่ในท้ายที่สุดแล้วนำไปสู่ “การทำลายตนเอง” ของไวรัส

นอกจากนี้ The Japan Times ยังอ้างการศึกษาที่พบว่าผู้คนในเอเชียมีเอนไซม์ป้องกันที่เรียกว่า APOBEC3A ที่โจมตีไวรัส RNA รวมทั้งไวรัส SARS-CoV-2 ที่ทำให้เกิด COVID-19 มากกว่าเมื่อเทียบกับคนในยุโรปและแอฟริกา นักวิจัยจากสถาบันพันธุศาสตร์แห่งชาติและมหาวิทยาลัยนีงาตะ จึงทำการศึกษาว่าโปรตีน APOBEC3A ส่งผลต่อโปรตีน nsp14 อย่างไรและสามารถยับยั้งการทำงานของโคโรนาไวรัสได้หรือไม่

ข่าวจาก โพสต์ทูเดย์ (https://www.posttoday.com/world/668736)


นพ.ฮานส์ คลูเกอ ผู้อำนวยการ WHO ประจำภาคพื้นยุโรป ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีโดยเตือนว่า ยุโรปอาจมีผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มอีก ๕ แสนรายภายในเดือนมีนาคมปีหน้า หากยังไม่ดำเนินมาตรการควบคุมโรคอย่างเร่งด่วน

นพ. คลูเกอ อธิบายว่า ปัจจัยที่ทำให้ยอดการระบาดเพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้มีด้วยกันหลายอย่าง เช่น การเข้าสู่ฤดูหนาว การให้วัคซีนต้านโควิดที่ยังไม่ครอบคลุม และการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลตา เขาเรียกร้องให้เร่งฉีดวัคซีนแก่ประชากรให้มากขึ้น และบังคับใช้มาตรการด้านสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน และการใช้การรักษาวิธีใหม่ ๆ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด

ข่าวจาก บีบีซีไทย (https://www.bbc.com/thai/international-59361460)

https://youtu.be/9oIb7mLP1z0


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ย. 21, 09:20
ข่าวโควิดในเยอรมนี  ไม่ใช่ข่าวดีแน่นอน

จาก FB  คุณ Warat Karuchit

เยอรมันระบาดหนัก เพราะ "ขาดผู้นำ"

เยอรมันกำลังอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กับเคสโควิดที่พุ่งขึ้นสูงอย่างน่ากลัว วันพุธมียอดผู้ติดเชื้อสูงถึง 66,884 คน และเสียชีวิต 335 ราย ซึ่งสูงกว่าระลอกอื่นๆในอดีตอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นประเทศที่มีความพร้อมด้านการแพทย์และวัคซีนก็ตาม
AP วิเคราะห์ว่า เหตุผลสำคัญของการไม่สามารถจัดการควบคุมการแพร่ระบาดของเยอรมันในครั้งนี้ มาจาก "เหตุผลการเมือง" เพราะเยอรมนีกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจจากแองเกลา แมร์เคิ่ล และเพิ่งผ่านการเลือกตั้งใหญ่ระดับประเทศ เลยเกิดสภาวะเกียร์ว่าง และมีความยุ่งยากในการออกกฎหมาย จึงไม่เข้มงวดในการควบคุมโรค ไม่บังคับฉีดวัคซีน และไม่ล็อกดาวน์เพราะกลัวเสียคะแนน
นอกจากนั้น ยังมีปัญหาคนไม่ยอมฉีดวัคซีน (ขนาดเป็นประเทศที่คิดค้นวัคซีน mRNA ได้ ยังมีอัตราการฉีดวัคซีนไม่ถึง 70%) โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว และปัญหาคนแก่ที่ฉีดวัคซีน mRNA ไปเมื่อต้นปี ภูมิลดลงจนติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
เยอรมันจึงพยายามเร่งฉีดวัคซีนให้มากและเร็วที่สุด จน รมต.สาธารณสุข ถึงกับต้องออกมาขู่ว่า
"Presumably by the end of the winter everyone will be vaccinated, cured or dead" (คาดว่าเมื่อสิ้นสุดหน้าหนาวนี้ (ชาวเยอรมัน) ทุกคนจะฉีดวัคซีนแล้ว หรือไม่ก็หายจากโควิด หรือไม่ก็ตาย)
ในขณะนี้เยอรมันจึงกำลังเผชิญกับภาวะผู้ป่วยล้น รพ. เนื่องมาจากเหตุผลทางการเมือง นั่นก็คือการ "ขาดผู้นำ" จนหัวหน้าแผนกฉุกเฉินใน รพ.หนึ่งถึงกับกล่าวว่า
“Nobody had the guts to take the lead and announce unpopular measures" (ไม่มีใครกล้ารับบทบาทผู้นำและประกาศมาตรการที่คนจะไม่พอใจ)
“This lack of leadership is the reason we are here now." (การขาดผู้นำ เป็นเหตุผลที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้)
ก็ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้สภาพการณ์เช่นนี้เกิดกับประเทศไทยเลย

https://apnews.com/article/coronavirus-pandemic-health-germany-western-europe-national-elections-a2162d75c29a865353e4e079c378f080?fbclid=IwAR3Kfm1EWhN8FnJNVgzuG0qG-Bg9LEpi5vnVy9pnwZuyDPLr1iqFkSCWzpA


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 พ.ย. 21, 12:11


สื่อดังชี้โควิด-19ระลอกล่าสุดใน‘สหรัฐฯ’ รุนแรง-เลวร้ายกว่าปีก่อน
วันพฤหัสบดี ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564, 08.20 น.

25 พฤศจิกายน 2564 สำนักข่าวบลูกเบิร์กรายงานว่าการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ระลอกล่าสุดในสหรัฐฯ กำลังส่งผลกระทบต่อแผนกผู้ป่วยหนักของบางรัฐท้องถิ่น ขณะหลายพื้นที่ของประเทศเผชิญการระบาดที่รุนแรงกว่าปีก่อน

รายงานข่าวเมื่อวันจันทร์ (22 พ.ย.) อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ระบุว่าผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันผลหรือเป็นผู้ป่วยต้องสงสัยใน 15 รัฐท้องถิ่น กำลังมีสัดส่วนการครองเตียงในแผนกผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว

อ่านต่อได้ที่
https://www.naewna.com/inter/618032


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 พ.ย. 21, 07:42
เยอรมนีก้าวผ่านหลักชัยอันน่าเศร้า ยอดผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโควิด-๑๙ ทะลุ ๑๐๐,๐๐๐ คนในวันพฤหัสบดี(๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) ในขณะที่เคสผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นกำลังท้าทายรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังเข้ามาทำหน้าที่แทนรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล

ข้อมูลจากสถาบันโรเบิร์ต คอช ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านสาธารณสุขของเยอรมนี ระบุว่าพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-๑๙ เพิ่มอีก ๓๕๑ ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้นเพิ่มเป็น ๑๐๐,๑๑๙ คน ขณะที่เคสผู้ติดใหม่รายวันอยู่ที่ ๗๕,๙๖๑ คน ทุบสถิติสูงสุดรอบใหม่

"วันที่เราต้องไว้อาลัยแก่เหยื่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๑๐๐,๐๐๐ คน เป็นวันที่น่าเศร้า" นางอังเกลา แมร์เคิล ที่กำลังพ้นจากตำแหน่งกล่าวระหว่างแถลงข่าว พร้อมเรียกร้องให้ผู้ที่เข้ามาสืบทอดตำแหน่ง ลงมืออย่างรวดเร็วในการกำหนดมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเพิ่มเติม เพื่อตัดวงจรการขยายตัวทวีคูณของไวรัส

"ผู้คนที่ล้มป่วยในวันนี้จะเป็นฐานของคนไข้ห้องไอซียูในช่วง ๑๐ ถึง ๒๔ วันข้างหน้า" เธอกล่าว "ดังนั้น มันสำคัญยิ่งที่เราต้องทำให้แน่ใจว่าโรงพยาบาลต่าง ๆ ของเราจะไม่แบกรับภาระจนล้น"

โรงพยาบาลต่าง ๆ ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของเยอรมนี กำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันและ คริสเตียน ดรอสเทน นักไวรัสวิทยาชั้นนำ เตือนว่าอาจมีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดใหญ่อีก ๑๐๐,๐๐๐ คน

ผู้อำนวยการสถาบันโรเบิร์ต คอช ระบุอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว ๐.๘% นั่นหมายความว่าหากเคสผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่ราว ๆ ๕๐,๐๐๐ คน จะมีผู้เสียชีวิตประมาณ ๔๐๐ คนในแต่ละวัน

ข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์ (https://mgronline.com/around/detail/9640000117184)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 พ.ย. 21, 08:48
ไทยเรายังรักษาสภาพของเดือนนี้ไว้ได้


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 พ.ย. 21, 09:59
ข่าวร้ายของชาวโลก‼️

ผู้เชี่ยวชาญประสานเสียงเตือนให้ระวังเชื้อโควิด-๑๙ กลายพันธุ์ สายพันธุ์ใหม่ สุดสยอง จากบอตสวานา ซึ่งถูกตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า B.1.1.529 เกิดการกลายพันธุ์มากที่สุดเท่าที่เคยพบ และอาจอันตรายกว่าเชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์เดลตา ที่เป็นสายพันธุ์หลักที่กำลังระบาดทั่วโลกในขณะนี้อีกด้วย

ความน่ากลัวของเชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529 ซึ่งยังถูกตั้งชื่อเรียกว่า ‘Nu’ ก็คือ มันเกิดการกลายพันธุ์มากถึง ๓๒ ตำแหน่ง จนถือเป็นเชื้อโควิด-๑๙ ที่เกิดกลายพันธุ์มากที่สุดเท่าที่เคยพบเลยเดียว และขณะนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529 อยู่ที่เพียง ๑๐ ราย แต่พบผู้ติดเชื้อใน ๓ ประเทศแล้ว และจะแพร่ระบาดมากขึ้น

การกลายพันธุ์ถึง ๓๒ ตำแหน่งของเชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529 ทำให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากชี้ว่าจะทำให้เชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์นี้ แพร่กระจายได้สูงขึ้น สามารถต่อต้านวัคซีนและยังเป็นเชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดการกลายพันธุ์เปลี่ยนแปลงที่โปรตีนหนาม หรือ สไปค์โปรตีน มากที่สุดกว่าสายพันธุ์อื่นอีกด้วย

ศาสตราจารย์ Francois Balloux นักพันธุศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอนในอังกฤษ ชี้ว่า เชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529 ดูเหมือนอุบัติขึ้นจากการติดเชื้อแบบอ้อยอิ่งในผู้ป่วยคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งบางทีผู้ป่วยรายนี้อาจไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเอดส์

การเปลี่ยนแปลงของสไปค์โปรตีนของเชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ ทำให้การฉีดวัคซีนในปัจจุบันนี้ต้องพบกับความยากมากขึ้น เพราะระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจากการฉีดวัคซีนในขณะนี้ จดจำเชื้อโควิด-๑๙ ที่เป็นเชื้อโควิดก่อนหน้านี้

ด้าน ดร.ทอม พีค็อก นักไวรัสวิทยาประจำมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ในอังกฤษ ซึ่งเป็นนักไวรัสวิทยาคนแรกที่หยิบยกการพบผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529 ได้อธิบายถึงการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529 ว่า เป็นการผสมผสานการกลายพันธุ์ที่น่าสยอง พร้อมกันนั้น ดร.พีค็อก ยังเตือนว่า เชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529  ถือเป็นเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ที่มีศักยภาพความร้ายกาจที่จะก่อให้เกิดความเลวร้ายมากที่สุดกว่าเชื้อทุกชนิด รวมทั้งเชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์เดลตา

ข่าวจาก ไทยรัฐ (https://www.thairath.co.th/news/foreign/2250796)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 พ.ย. 21, 20:23
;D

https://www.facebook.com/ThaiPBS/videos/610541863482897/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 พ.ย. 21, 14:37
เชื้อโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529 ซึ่งยังถูกตั้งชื่อเรียกว่า ‘Nu’

องค์การอนามัยโลก (WHO) ตั้งชื่อโควิดตัวใหม่ว่า Omicron (โอไมครอน)โดยข้ามอักษรกรีกไป ๒ ตัวคือ Nu (นิว) และ Xi (ไซ) โดยมีเหตุผลจากวงใน WHO ว่า ชื่อ Nu อาจออกเสียงเป็น New (นิว) ซึ่งแปลว่า “ใหม่” จึงอาจจะสร้างความสับสนในอนาคตได้ว่า ถ้ามันมีสายพันธุ์ใหม่ ๆ ออกมาจริง คนก็อาจจะสื่อสารกันคลุมเครือ ส่วน Xi ตรงกับชื่อของผู้นำคนสำคัญของจีนอย่าง สี จิ้นผิง ซึ่งชื่อในภาษาอังกฤษของเขาถูกสะกดว่า Xi Jinping

ทางการในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักร เยอรมนี อิตาลี และสาธารณรัฐเช็ก รวมถึงอีกหลายประเทศในแถบยุโรป เริ่มทยอยตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว  ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่มีประวัติเดินทางกลับจากทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา

สำหรับในประเทศไทย ศูนย์จีโนมทางการแพทย์  โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้พบว่ามีแนวโน้มว่าอาจเกิดปัญหาไม่มากก็น้อยกับชุดตรวจ PCR "บางยี่ห้อ" ไม่ใช่ทุกยี่ห้อที่ WHO ให้รายชื่อไว้  คืออาจให้ผลบวกน้อยทั้งที่มีเชื้อจำนวนมาก หรือเกิดผลลบปลอม (false negative) ขึ้นได้ ประเมินจากตัวตรวจตาม (PCR Primer) ของยี่ห้อดังกล่าวมีรหัสพันธุ์กรรมของตัวตรวจตาม (PCR Primer) ที่บ่งชี้ว่าอาจตรวจจับกับส่วนจีโนมของสายพันธุ์โอไมครอนได้ไม่ดี หรือจับไม่ได้เลยเนื่องจากไวรัสมีการกลายพันธุ์ไปมาก

น่ากังวลว่า หากไม่ระมัดระวังในการใช้ชุดตรวจ PCR โดยเลือกใช้แต่ยี่ห้อที่มีคุณภาพ โอไมครอนอาจหลุดรอดการตรวจพบก็เป็นไปได้ :o

https://www.facebook.com/1721313428084052/posts/3060783094137072
https://www.facebook.com/1683658098593742/posts/2911170562509150
https://www.facebook.com/787530131354769/posts/4532927396815005


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 พ.ย. 21, 19:45
ได้ข่าวตอนหัวค่ำว่าโอไมครอนบุกถึงเนเธอร์แลนด์แล้วค่ะ

จาก  Facebook News1
 
เนเธอร์แลนด์วุ่น ผู้โดยสารติดเชื้อ คาดเป็นสายพันธุ์'โอไมครอน' :

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเนเธอร์แลนด์ เผย ตรวจพบเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในหมู่ผู้โดยสารที่บินมาจากแอฟริกาใต้ 61ราย ใน 2 เที่ยวบินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเชื่อว่าบางส่วนเป็นเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ตัวกลายพันธุ์โอไมครอน
การตรวจพบครั้งนี้สร้างความประหลาดใจไม่น้อย เนื่องจากผู้โดยสารทั้งหมดต่างมีผลตรวจเชื้อเป็นลบหรือแสดงบัตรฉีดวัคซีนก่อนขึ้นเครื่อง


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 21, 10:07
เนเธอร์แลนด์งานงอก!ผลตรวจยันผู้โดยสารบนเที่ยวบินจากแอฟริกาใต้ติดเชื้อ'โอไมครอน'13คน

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเนเธอร์แลนด์ระบุในวันอาทิตย์(28พ.ย.) ว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์ "โอไมครอน" 13 ราย ในบรรดาผู้โดยสารบน 2 เที่ยวบินที่บินมาจากแอฟริกาใต้และมาถึงท่าอากาศยานสคิปโพลของเมืองอัมสเตอร์ดัมในวันศุกร์(26พ.ย.)

ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน 13 รายดังกล่าวเป็นหนึ่งในบรรดาผู้โดยสาร 61 คนที่มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกบน 2 เที่ยวบิน ซึ่งบรรทุกบรรดาผู้โดยสารและลูกเรือรวมกันราวๆ 600 คน และเหล่าคนที่มีผลตรวจเป็นบวกนั้นถูกกักโรคที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้กับสนามบิน

"ในการสืบสวนถอดรหัสพันธุกรรม(ไวรัส)ของเรา ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ จนถึงตอนนี้พบแล้ว 13 เคสตัวกลายพันธุ์โอไมครอนในบรรดาผู้โดยสารที่มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก" สถาบันสุขภาพแห่งชาติเนเธอร์แลนด์(RIVM)ระบุในถ้อยแถลง

"มีความเป็นไปได้ที่จะมีเคสเพิ่มเติมปรากฏในเนเธอร์แลนด์" ฮูโก เดอ จอง รัฐมนตรีสาธารณสุขเนเธอร์แลนด์กล่าวระหว่างแถลงข่าวในกรุงร็อตเตอร์ดัม "มันมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นยอดของภูเขาน้ำแข็ง"

ทีมสืบสวนเนเธอร์แลนด์เริ่มทำการตรวจเชื้อนักเดินทางทุกคนที่เดินทางมาบนเที่ยวบิน 2 เที่ยวที่มุ่งหน้ามาจากแอฟริกาใต้ ณ ท่าอากาศยานสคิปโพลเมื่อวันศุกร์(26พ.ย.) ก่อนหน้ารัฐบาลเนเธอร์แลนด์จะกำหนดข้อจำกัดด้านการสัญจรทางอากาศจากแอฟริกาใต้ สืบเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับตัวกลายพันธุ์ตัวดังกล่าว

การตรวจพบตัวกลายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกขึ้นบัญชีในฐานะ "สายพันธุ์ที่น่ากังวล" จุดชนวนความวิตกไปทั่วโลกว่ามันอาจดื้อต่อวัคซีนและทำให้วิกฤตโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ที่ยืดเยื้อมาเกือบ 2 ปี ลากยาวออกไปอีก

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเนเธอร์แลนด์ยังกำลังอยู่ระหว่างหาทางติดต่อและตรวจเชื้อผู้โดยสารคนอื่นๆอีกราว 5,000 คน ที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท โมซัมบิก นามิเบียและซิมบับเว นับตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว(22พ.ย.)

https://mgronline.com/around/detail/9640000118070


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 21, 07:59
“หัวหน้าศูนย์จีโนมฯ” ชี้ไทยฉีดวัคซีนไขว้ช่วยรับมือโควิดกลายพันธุ์ได้ดี
เผยแพร่: 30 พ.ย. 2564 01:33   ปรับปรุง: 30 พ.ย. 2564 01:33   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

"หัวหน้าศูนย์จีโนมฯ" ชี้ไทยฉีดวัคซีนสูตรไขว้ช่วยให้รับมือโควิดกลายพันธุ์ได้ดี เพราะหากไวรัสดื้อต่อวัคซีนตัวหนึ่ง อาจถูกวัคซีนอีกตัวช่วยปกป้องได้ โดยเฉพาะเชื้อตายที่ร่างกายจดจำไวรัสทั้งตัว ต่อให้หนามต่างไปจากเดิมก็ยังช่วยได้อยู่ ชี้ข้อมูล "โอไมครอน" ยังไม่มากพอ อย่าเพิ่งด่วนสรุปร้ายกาจกว่าเดลตา พร้อมยันไม่ว่าสายพันธุ์ไหนยังไม่สามารถหลบหลีกการตรวจได้

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000118514


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 พ.ย. 21, 08:49
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔

จำนวนผู้ติดเชื้อค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จำนวนผู้ติดเชื้อต่ำสุดในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ที่ ๔,๓๐๖ ราย เป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันต่ำสุด ในรอบ ๕ เดือน (ยอดต่ำกว่า ๕ พันราย ครั้งสุดท้าย เมื่อ ๓๐ มิถุนายน ๔,๗๘๖ ราย)

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงต่ำกว่าหนึ่งร้อยรายโดยมีตัวเลขต่ำสุดในวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ที่ ๒๗ ราย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ธ.ค. 21, 16:29
เชื้อโควิด-๑๙ กลายพันธุ์ สายพันธุ์ใหม่ สุดสยอง จากบอตสวานา ซึ่งถูกตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า B.1.1.529 พบผู้ติดเชื้ออยู่ที่เพียง ๑๐ ราย แต่พบผู้ติดเชื้อใน ๓ ประเทศแล้ว และจะแพร่ระบาดมากขึ้น

ผ่านไป ๑ สัปดาห์ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ "โอไมครอน" ลุกลามไปแล้วกว่า ๓๐ ประเทศ พบผู้ติดเชื้อแล้ว ๔๕๘ ราย

จาก คมชัดลึก (https://www.komchadluek.net/covid-19/494839)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 21, 15:43
ในที่สุด ก็มาถึงไทยจนได้

ไทม์ไลน์ผู้ป่วยโอมิครอนรายแรก ชายไทยสัญชาติอเมริกัน ไร้คนสัมผัสเสี่ยงสูง

วันที่ 6 ธ.ค. 2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวที่กระทรวงสาธารณสุข ว่า ขณะนี้ทั่วโลกพบผู้ติดเชื้อโอมิครอน หรือ โอไมครอน (Omicron หรือ B.1.1.529) แล้ว 46 ประเทศ เป็นการติดเชื้อในประเทศ 15 ประเทศ และพบในผู้เดินทางเท่านั้น 31 ประเทศ ซึ่งล่าสุดคงต้องเพิ่มประเทศไทยเข้าไปด้วย โดยยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโอมิครอน
ผลการสอบสวนผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ไม่มีอาการ โดยเป็นชายไทย สัญชาติอเมริกัน อาศัยอยู่ที่สเปน 1 ปี อาชีพนักธุรกิจ ไม่มีโรคประจำตัว ได้รับวัคซีนจอห์นสัน & จอห์นสัน (Johnson & Johnson) 1 เข็ม ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2564 มีผู้สัมผัสจากเคสนี้รวม 19 คน

https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2258857?fbclid=IwAR2Mda_CzyPGRLX4AoPCwarMt3yO85NZg_g4VMPHcc0TVp4nRbG0GtRZULk


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 21, 15:59
 :-\


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ธ.ค. 21, 07:36
จาก FB  คุณเจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้

อเมริกามี 50 รัฐ ตอนนี้น่าจะเจอแล้ว 33 รัฐ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ธ.ค. 21, 12:36
สถานการณ์ในสหราชอาณาจักรกำลังย่ำแย่ ข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์ (https://mgronline.com/around/detail/9640000124084)

สหราชอาณาจักรพบผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ รายวันสูงที่สุดนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขส่งเสียงเตือนว่าสถานการณ์เลวร้ายสุดยังมาไม่ถึง หลังต้องเผชิญทั้งตัวกลายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน ซึ่งแพร่กระจายเชื้อรวดเร็วมาก

กระทรวงสาธารณสุขสหราชอาณาจักรรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน ๗๘,๖๑๐ คนในวันพุธ (๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔) ทุบสถิติเดิม ๖๘,๐๕๓ คนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๔ ครั้งที่สหราชอาณาจักรอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์

จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นอย่างมากจากหนึ่งสัปดาห์ก่อน โดยเมื่อวันพุธที่แล้ว (๘ ธันวาคม ๒๕๖๔) เคสผู้ติดเชื้อใหม่รายวันยังอยู่ที่ ๕๑,๓๔๒ ราย

ศาสตราจารย์คริส วิตตี หัวหน้าเจ้าที่การแพทย์ของอังกฤษ บอกว่า ประเทศแห่งนี้กำลังเผชิญโรคระบาด ๒ ตัวแยกกัน ตัวหนึ่งคือตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ที่กำลังขับเคลื่อนการแพร่ระบาดรวดเร็วมาก และอีกตัวคือตัวกลายพันธุ์เดลตา

ฝรั่งเศสประเทศเพื่อนบ้านยังไม่เกรงใจ สั่งห้ามชาวอังกฤษเข้าประเทศแล้ว ข่าวจาก ไทยรัฐออนไลน์ (https://www.thairath.co.th/news/foreign/2266790)

เมื่อวานนี้ (๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๔) รัฐบาลฝรั่งเศสสั่งห้ามไม่ให้พลเมืองชาวอังกฤษเดินทางเข้ามาในประเทศฝรั่งเศส โดยจะมีผลบังคับในวันเสาร์ที่ ๑๙ ธันวาคมนี้ เพื่อพยายามป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่กำลังระบาดอย่างหนักในสหราชอาณาจักร

โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศส ยืนยันด้วยว่า ชาวอังกฤษไม่สามารถเดินทางเข้ามาในฝรั่งเศสเพื่อการท่องเที่ยว หรือเหตุผลทางอาชีพธุรกิจ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว หรือยังไม่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-๑๙ ก็ตาม ในขณะที่พลเมืองชาวฝรั่งเศสและพลเมืองที่อยู่ในสหภาพยุโรปที่อยู่ในสหราชอาณาจักร ยังคงสามารถจะกลับมาฝรั่งเศสได้

ยังไม่มีข่าวรัฐบาลไทยตอบสนองต่อเรื่องนี้ ชาวอังกฤษยังเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ตามปรกติ :o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 21, 10:02
ดร.อนันต์’เผยอังกฤษมีผู้เสียชีวิตจาก‘โอไมครอน’อีกอย่างน้อย 6 ราย
วันอาทิตย์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2564, 08.52 น.

‘ดร.อนันต์’เผยอังกฤษมีผู้เสียชีวิตจาก‘โอไมครอน’อีกอย่างน้อย 6 ราย ตัวเลขผู้ป่วยหนักกำลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่ภูมิคุ้มกันจาก ‘วัคซีน’ ช่วยลดอัตราการเสียชีวิต แต่ไม่ป้องกัน 100% 

19 ธันวาคม 2564 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana เกี่ยวกับสถานการณ์ “โควิดโอไมครอน” มีเนื้อหาดังนี้...
“ผู้เสียชีวิตรายแรกจากโอมิครอนใน UK เป็นข่าวดังไปทั่วโลก เพราะเป็นข้อมูลที่บอกว่าไวรัสทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตได้แม้เป็นข้อมูลจากผู้ป่วยคนเดียว หลังจากนั้นตัวเลขไม่ได้มีคนติดตามต่อว่าจะมีเสียชีวิตเพิ่มอีกหรือไม่”

“คำตอบคือมีครับ อย่างน้อยอีก 6 คน เสียชีวิตแล้วจากโอมิครอนในอังกฤษ และ ตัวเลขผู้ป่วยหนักกำลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน...”

“ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนช่วยลดอัตราการเสียชีวิต แต่ไม่ป้องกัน 100% ถ้าตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ส่วน % ที่น้อยนิดนั้นก็เป็นตัวเลขความสูญเสียที่เห็นได้ครับ”

https://www.naewna.com/local/623113


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 21, 10:05
นิตยสารดังชี้'อเมริกา'ไม่พร้อมรับมือโควิด-19'โอไมครอน'
วันอาทิตย์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2564, 09.45 น.

19 ธ.ค.64 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นิตยสารดิ แอตแลนติก (The Atlantic) รายงานว่าสหรัฐฯ ไม่พร้อมรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม ซึ่งได้รับการยืนยันโดยระบบการแพทย์ และการตัดสินใจของผู้กำหนดนโยบาย และอื่นๆ

บทความเมื่อวันพฤหัสบดี (16 ธ.ค.) ระบุว่าโรงพยาบาลในสหรัฐฯ อยู่ใน “จุดแตกหัก” แล้ว พร้อมชี้ว่า “การเผชิญบาดแผลทางใจนาน 2 ปี” ได้ผลักดันให้บุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากลาออกจากงาน ขณะบุคลากรที่เหลือเหนื่อยล้าและหมดกำลังใจมากกว่าที่เคย

นอกจากนั้นนิตยสารฯ ยังกล่าวว่าบรรดาผู้กำหนดนโยบายได้เพิกเฉยต่อเครื่องมืออันจำเป็นต่อการปกป้องประชากรที่ตัวเองทำงานให้

การระบาดของเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน จะแทรกซึมสู่รอยแตกและจุดอ่อนหลายแห่งบนกำแพงภูมิคุ้มกันของสหรัฐฯ โดยชาวอเมริกันจำนวนมากกำลังเผชิญความยากลำบากด้านการนัดรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขณะประชาชนจากชุมชนในชนบท มีรายได้ต่ำ และเป็นคนกลุ่มน้อย มีแนวโน้มเผชิญความล่าช้ามากกว่าเดิม

ที่มา xinhuathai
https://www.naewna.com/inter/623119


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 21, 18:08
โอมิครอนระบาดหนัก CNN สั่งปิดด่วนออฟฟิศทุกแห่งในสหรัฐฯ

https://mgronline.com/around/detail/9640000125224


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 21, 18:36
ขอแสดงความเห็นใจ  ที่ปีใหม่นี้ หลายประเทศในยุโรปน่าจะ unhappy new year


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 21, 18:40
อังกฤษเจอหนัก


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 21, 07:54
“หมอยง”เชื่อ "โอมิครอน" ระบาดในไทยแน่ ในอนาคตอันใกล้นี้

“หมอยง”ยกบทเรียนต่างประเทศ โควิด-19 สายพันธุ์ "โอมิครอน" กระจายทั่วโลกอย่างรวดเร็ว เชื่อประเทศไทยก็คงหนีไม่พ้น ในอนาคตอันใกล้นี้ จะเลยปีใหม่หรือไม่ยังไม่ทราบ และมีโอกาสที่จะเกิดเป็นคลัสเตอร์ กระจายอย่างรวดเร็ว ถ้าพวกเราไม่ช่วยกันในการดูแล ป้องกันซึ่งกัน และกันอย่างเต็มที่ ชี้มีความเป็นไปได้ ถ้าฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมากร่วมกับการติดเชื้อ จะทำให้ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้โรคนี้สงบได้เร็วขึ้น


https://mgronline.com/qol/detail/9640000125339


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 ธ.ค. 21, 13:15
ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในประเทศไทย จุดเริ่มต้นของการระบาดใหญ่โควิด-๑๙ รอบ ๕ ⁉️

กระทรวงสาธารณสุข เผยพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนรายแรก เป็นหญิงไทยอายุ ๔๙ ปี ไม่มีประวัติการเดินทางต่างประเทศ จากผลการสอบสวนผู้ติดเชื้อหญิงไทย รับวัคซีนแอสตราเซเนกา ๒ เข็ม เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน โดยคาดเป็นการติดเชื้อมาจากสามี ซึ่งเป็นผู้ป่วยยืนยันตั้งแต่วันที่ ๓ ธันวาคม

โดยสามีเป็นชาวโคลอมเบียอายุ ๖๓ ปี มีอาชีพนักบิน ประวัติมีโรคประจำตัว และตามประวัติได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา ๒ เข็ม เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ที่ประเทศไนจีเรีย จากเคสดังกล่าว พบมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ๑ ราย คือคนขับรถแท็กซี่ ผลตรวจคัดกรองเป็นลบแต่ยังให้กักตัวต่ออีก ๑๔ วัน มีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ๘๙ ราย  ซึ่งยังไม่พบการติดเชื้อเพิ่มในกลุ่มนี้

โดยในกรณีเบื้องต้นสามีที่พบมีการติดเชื้อนั้น เดินทางกลับมาถึงไทยมีการตรวจ ATK ครั้งแรกให้ผลเป็นลบจึงได้รับการปล่อยตัวกลับบ้าน และเพิ่งมามีอาการภายหลังจึงเข้ารับการตรวจและทราบผลเป็นโอไมครอน

จาก ข่าวช่อง ๓ (https://www.facebook.com/132608966774952/posts/4669327343103069/?d=n)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ธ.ค. 21, 13:02
เปิดผลศึกษา‘โอมิครอน’ หลังญี่ปุ่นทดสอบความรุนแรงในหนูแฮมสเตอร์

26 ธันวาคม 2564 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana เกี่ยวกับสถานการณ์ “โควิดโอมิครอน” มีเนื้อหาดังนี้

“ทีมวิจัยของญี่ปุ่นนำไวรัสโอมิครอนไปทดสอบความรุนแรงในหนูแฮมสเตอร์ โดยเปรียบเทียบกับไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม และ เดลต้า พบว่า หนูแฮมสเตอร์ติดโควิดจากสายพันธุ์เดิม และ เดลต้า ได้ดี มีอาการเห็นชัดมากจากน้ำหนักตัวที่ลดลงหลังติดเชื้อ ส่วนหนูที่ติด โอมิครอน น้ำหนักแทบไม่ลดลงเลยเมื่อเทียบกับหนูที่ไม่ได้รับเชื้อ อาการป่วยปอดติดเชื้อดูจากระดับออกซิเจนก็ไปในแนวเดียวกัน
เมื่อนำปอดของแฮมสเตอร์ในแต่ละกลุ่มมาตรวจสอบก็เห็นชัดว่า โอมิครอน ติดปอดหนูเหล่านี้ไม่ดีเท่าไวรัสอีกสองชนิด

ทีมวิจัยเชื่อว่า โอมิครอน เป็นไวรัสที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตรงตำแหน่งของโปรตีนหนามสไปค์ที่ทำให้ถูกตัดโดยเอนไซม์ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการเข้าสู่เซลล์ได้น้อยลง เมื่อสไปค์เปลี่ยนยาก ก็เข้าสู่เซลล์ได้ยาก ทำให้ความรุนแรงในสัตว์ทดลองน้อยลง

คำอธิบายดังกล่าวยังใช้อธิบายไม่ได้ว่าถ้าเข้าสู่เซลล์ได้ยาก เหตุใดไวรัสโอมิครอนถึงเพิ่มจำนวนได้ไวกว่าในเซลล์หลอดลมมนุษย์ถึง 70 เท่า และแพร่กระจายได้ไวมาก หรืออาจเป็นไปได้ว่าหนูแฮมสเตอร์อาจจะไม่ใช่ model ที่เหมาะสมในการศึกษาความรุนแรงของโอมิครอนเหมือนสายพันธุ์อื่นแล้ว เพราะโอมิครอนจับกับโปรตีน ACE2 ของแฮมสเตอร์ไม่ดีเหมือนสายพันธุ์อื่น???...

ไม่แน่ใจว่าความสามารถในการแพร่กระจายจากแฮมสเตอร์ติดเชื้อไปหาแฮมสเตอร์จะเหมือนที่พบได้ในมนุษย์ตอนนี้หรือไม่นะครับ ถ้าไม่เหมือนคาดว่า คำถามจะกลับมาที่ทีมวิจัยว่า ตกลงโอมิครอนรุนแรงน้อยกว่าขนาดนั้นจริงๆหรือ...

แน่นอนครับทุกคนอยากให้โอมิครอนเป็นแบบที่พบในแฮมสเตอร์ครับ แต่ตอนนี้ผลการทดลองยังมีอีกหลายคำถามที่ต้องตอบให้ชัดเจน

https://www.naewna.com/local/624677

ถามคุณหมอเพ็ญชมพู
อ่านแล้วต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที   สรุปว่า โอมิครอนอาจจะเป็นเชื้อที่ติดง่าย  แต่ไม่รุนแรงเท่าเดลต้า
ใช่ไหมคะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ธ.ค. 21, 16:51
คุณหมอธีระ วรธนารัตน์ (https://www.facebook.com/1607465964/posts/10223641884467644/?d=n) อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับงานวิจัยของทีมวิจัยญี่ปุ่นเรื่องนี้ ว่า

ทีมงานจาก Sato Lab ในญี่ปุ่น เผยแพร่ผลการศึกษาเกี่ยวกับ Omicron ในหนูแฮมสเตอร์ พบว่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ก่อน เช่น อัลฟ่าและเดลต้าแล้ว ไวรัส Omicron นั้นดูจะแบ่งตัวได้ดีในส่วนของเซลล์บริเวณหลอดลมหรือขั้วปอด ในขณะที่การแบ่งตัวในเซลล์ปอดนั้นพบว่า Omicron มีประสิทธิภาพน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อน ๆ

ผลดังกล่าวก็สอดคล้องกับการศึกษาทางห้องปฏิบัติการของ GuptaR Lab ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ที่ชี้ให้เห็นว่า Omicron จับกับตัวรับร่วม TMPRSS2 ที่เซลล์ปอดได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลต้า และชี้ให้เห็นว่า Omicron แบ่งตัวในเซลล์หลอดลมได้มากกว่าเดลต้า ๗๐ เท่า แต่ในเซลล์ปอดด้อยกว่าเดลต้า ๑๐ เท่า

ทั้งนี้ทั้งนั้น จำเป็นจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป เพราะความรู้ที่มีตอนนี้มาจากห้องปฏิบัติการและในหนูแฮมสเตอร์ อาจไม่การันตีว่าผลที่เกิดขึ้นในคนจะสอดคล้องกับที่พบมากน้อยเพียงใด

แต่ที่แน่ ๆ เราเห็นจากการติดเชื้อแพร่เชื้อในโลกแห่งความเป็นจริงว่า Omicron นั้นแพร่ระบาดได้เร็วมากกว่าเดิมหลายเท่า ติดเชื้อซ้ำได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม กลุ่มเป้าหมายขยายวงกว่าเดิม ครอบคลุมทั้งคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน คนที่ฉีดไม่ครบ คนที่ฉีดครบก็ยังติดได้ รวมถึงคนที่เคยมีประวัติติดเชื้อมาก่อนแล้วด้วย

นอกจากนี้ยังชัดเจนว่าดื้อต่อภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและจากการติดเชื้อมาก่อน และดื้อต่อโมโนโคลนัล แอนติบอดี้หลายชนิดที่ใช้ในการรักษา

หลายประเทศนั้นพบว่า การแพร่ระบาดของ Omicron ทำให้เด็กและเยาวชนต้องป่วยและเข้ารับการรักษาในรพ.มากขึ้น ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่อธิบายคือ เป็นกลุ่มที่ยังเข้าถึงวัคซีนได้จำกัด

ทั้งนี้ สำหรับ Omicron ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับภาวะอาการคงค้างหลังการติดเชื้อ หรือ Long COVID ว่าจะมีมากน้อยเพียงใด

ถามคุณหมอเพ็ญชมพู
อ่านแล้วต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที   สรุปว่า โอมิครอนอาจจะเป็นเชื้อที่ติดง่าย  แต่ไม่รุนแรงเท่าเดลต้า ใช่ไหมคะ

การที่โอมิครอนแบ่งตัวได้ดีในเซลล์หลอดลม เมื่อจามไอเขื้อไวรัสก็ออกมามากขึ้น ทำให้ติดเชื้อและระบาดได้ง่ายขึ้น การแบ่งตัวในเซลล์ปอดได้น้อยลง ทำให้อาการรุนแรงน้อยลงด้วย  แต่ไม่ใช่จะไม่เกิดเสียเลย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ธ.ค. 21, 08:02
สรุปว่ายังสรุปไม่ได้


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ธ.ค. 21, 12:36
กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นพบว่า ทหารสหรัฐที่เดินทางมาประจำการในญี่ปุ่นไม่ได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทำให้เกิดการระบาดแบบกลุ่มกว่า 200 คนในฐานทัพที่จังหวัดโอกินาวา

จังหวัดโอกินาวาต้องเผชิญกับการระบาดของโรคโควิด-19 ในฐานทัพฮันเซน เมื่อพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 223 ราย เป็นทหารเรือสหรัฐผลัดใหม่ที่เพิ่งเดินทางเข้ามาประจำการในญี่ปุ่น และพบว่าทหารสหรัฐเหล่านี้ไม่ได้ตรวจหาเชื้อโควิดจากต้นทางในสหรัฐ

กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นยอมรับว่า ฝ่ายสหรัฐไม่ได้ตรวจหาเชื้อตังแต่เดือนกันยายน โดยอ้างว่าได้ฉีดวัคซีนให้ทหารแล้ว และจำนวนผู้ติดเชื้อลดน้อยลง นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ฝ่ายสหรัฐได้ลดระยะเวลากักตัวลงเหลือ 10 วันตามนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่น แต่เมื่อเกิดการระบาดของเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน รัฐบาลญี่ปุ่นได้ขยายเวลากักตัวเป็น 14 วันเมื่อ 1 ธ.ค. แต่ทหารสหรัฐก็ยังคงกักตัว 10 วันเหมือนเดิม

กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาพ “น้ำท่วมปาก” เพราะข้อตกลงระหว่าง 2 ประเทศ กำหนดว่า การตรวจหาเชื้อและกักตัวทหารสหรัฐที่เดินทางมาญี่ปุ่นจะดำเนินการโดยฝ่ายสหรัฐ ทำให้บรรดาทหารสหรัฐไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของญี่ปุ่น

https://mgronline.com/japan/detail/9640000128376


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ธ.ค. 21, 09:10
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนธันวาคม ๒๕๖๔

จำนวนผู้ติดเชื้อค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จำนวนผู้ติดเชื้อต่ำสุดในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ที่ ๒,๓๐๕ ราย มีแนวโน้มที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นในเดือนหน้า เนื่องจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน :o

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงต่ำกว่า ๕๐ รายต่อวัน โดยมีตัวเลขต่ำสุดในวันที่ ๒๙ ธันวาคม ที่ ๑๗ ราย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ม.ค. 22, 11:10
"การแพร่ระบาดของ covid ในกรุงลอนดอน มีแนวโน้มชะลอตัวแล้วครับ"
ใครที่ตามข่าวการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ประเทศสหราชอาณาจักร คงจะทราบว่า จํานวนผู้ติดเชื้อนั้นพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง จนทำลายสถิติ ... และแทบจะทุกรายแล้วตอนนี้ที่เป็นสายพันธุ์ omicron โดยยังไม่มีแนวโน้มที่จะชะลอตัว กราฟยังพุ่งชันอยู่
แต่ถ้าเราแยกดูเฉพาะแค่กรุงลอนดอน โดยไม่รวมส่วนอื่นๆ ของทั้งประเทศ (ลอนดอน เป็นเมืองที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงมาก โดยอยู่ที่ประมาณ 16.5 เปอร์เซ็นต์ ของเฉพาะประเทศอังกฤษ)
ข้อมูลล่าสุดเมื่อวานนี้ พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันเริ่มชะลอตัวแล้ว และอาจจะค่อยๆ ลดลงด้วย (ดูรูปซ้าย กราฟบนสุด)
ดังรายงาน UK Coronavirus Dashboard อย่างเป็นทางการที่อัพเดทเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2022 นั้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวัน อยู่ที่ 27,608 ราย
ซึ่งอัตราส่วนของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ในช่วง 21 - 27 ธันวาคม  2021 อยู่ที่ 1777 รายต่อประชากร 1 แสนคน ...  ลดลงจากตัวเลข 1974 รายต่อประชากร 1 แสนคน ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
สำหรับรายงานตัวเลขผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2021 นั้นอยู่ที่ 3,636 ราย ... เพิ่มขึ้นจาก 2,260 รายเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2021 (ดูรูปซ้าย  กราฟกลาง เส้นสีฟ้า)
แม้ตัวเลขผู้ที่ต้องเข้าโรงพยาบาล จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้พุ่งสูงอย่างของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ .. แถมจำนวนของผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนั้น มีจำนวนเพียง 238  ราย ... เพิ่มขึ้นไม่จากตัวเลข 207 รายเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2021 (ดูรูปซ้าย  กราฟกลาง เส้นสีส้ม)
ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตนั้น (ดูรูปซ้าย กราฟล่าง) แนวโน้มจะมีอัตราที่ค่อนข้างคงที่ แต่ก็คงจะต้องรอดูอีก 2-3 สัปดาห์ เพราะค่าพวกนี้มักจะแล็ค เพิ่มตามมาทีหลังจากการติดเชื้อ
สำหรับรูปทางด้านขวานั้น จะเป็นทั้งค่า ผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน , ผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล , และผู้เสียชีวิต (กราฟจากบนลงล่าง ตามลำดับ) จากกรุงลอนดอนเช่นกัน แต่คำนวณต่อจำนวนประชากร 1 แสนคน และแยกแยะตามกลุ่มอายุของประชาชนเป็นสีๆ
ซึ่งแม้ว่าอัตราส่วนของผู้ติดเชื้อ (ดูรูปขวา กราฟบน) ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มของวัยทำงานและวัยกลางคน (เส้นสีเหลือง สีชมพูเข้ม และสีแดง) แต่เห็นได้ชัดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในกลุ่มของเด็กนั้น (เส้นสีฟ้า) เพิ่มสูงขึ้นจากการระบาดครั้งก่อนเป็นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ติดเชื้อแล้วเจ็บป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลนั้น ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นผู้สูงอายุ (ดูรูปขวา กราฟกลาง เส้นสีเขียว) .. คล้ายคลึงกับผู้ที่เสียชีวิตในช่วงนี้ ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นผู้สูงอายุเช่นกัน (รูปขวา กราฟล่าง เส้นสีม่วง)
ปล. ข้อมูลจากรายงานอื่นระบุว่า ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ ก็มาจากการติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า มากกว่าจากสายพันธุ์โอมิครอนเยอะครับ
ปล. Dashboards สถิติโควิด-19 ของกรุงลอนดอนนี่ เค้าทำละเอียดและดูง่ายดีครับ ใครสนใจเรื่องพวกนี้ลองเข้าไปเยี่ยมชมเพจเขานะครับ
ข้อมูล และ กราฟ จาก https://data.london.gov.uk/dataset

จากเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ม.ค. 22, 21:45
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ให้ความเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับโอไมครอนกับการสิ้นสุดของโควิด

โอไมครอนกับการประกาศอิสรภาพ (https://www.facebook.com/981730071860547/posts/5251697901530388/?d=n)

โอไมครอนติดง่าย รวดเร็วหลบหลีก ภูมิทั้งจากวัคซีน (ทำให้ต้องรีบฉีดกระตุ้นให้อยู่ในระดับสูงมาก) และจากการติดเชื้อครั้งก่อน เช่น เดลต้า การติดโอไมครอนขณะนี้ ดูจะไม่หนักหนาสาหัสในเรื่องของอาการ

๓ อาทิตย์ แรกของปีใหม่อาจจะเห็นจำนวนการติดชัดเจนขึ้น และผลกระทบกับการต้องหยุดงาน กักตัว เพราะป่วย หรือตรวจเป็นบวก ว่าจะเป็น เปอร์เซ็นต์สูงเพียงใดตั้งแต่ ๑๐ จนถึง ๒๕% หรือไม่ และผลตาม คือคนทำงานในระบบ ทั้งในโรงพยาบาลและในโรงงาน ที่ต้องขาดหายไปบ้าง

อาทิตย์ ที่ ๔-๖ ของปี จำนวนติดจะหนาแน่น และจะสามารถประเมินความรุนแรง ว่าจะกระทบ แต่คนสูงวัย มีโรคประจำตัว และ คนที่ได้วัคซีนไม่ครบ หรือได้ ๒ เข็ม นานกว่า ๓-๕ เดือน เท่านั้น

หรือคนทั่วไปจะมีอาการหนักขึ้นด้วย ตามรูปแบบโควิด อู๋ฮั่นเดือน มกราคม ๒๕๖๓ ที่อาการ น้อย ๆ ตอนต้น

แต่ที่สำคัญ คือเด็กเล็ก ที่ไม่ได้วัคซีน

และที่สำคัญ คือ โอไมครอน จะปฏิบัติตัวเหมือนโควิดที่ผ่านมาหรือไม่ ในการทำให้เกิดผลกระทบระยะยาวหรือที่เรียกว่า long COVID ทั้งนี้ อาจไม่ขึ้นกับความหนักของอาการในขณะที่กำลังติดเชื้อแต่เป็นผลกระทบต่อเนื่องระยะยาว

แต่ที่เราจะได้ ถ้ามีคนที่ติดโอไมครอนมากมาย ดังที่เกิดทั่วโลก คือภูมิที่ต้านทานทั้งตัวนี้และต่อตัวเดลต้าด้วย เท่ากับทำให้เดลต้าสูญพันธุ์ไปเลย แต่ภูมิดังกล่าวอาจไม่คุ้มกันโควิด วาเรียนท์ใหม่ ๆ ถ้ายังจะมีอีก

คนทั้งโลกหวังว่าโควิดจะจบลงเพียงเท่านี้ภายในไม่เกินกลางปีนี้เพื่อประกาศอิสรภาพ

๓ มกราคม ๒๕๖๕


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 22, 15:05
54 จังหวัดพบโอมิครอน กาฬสินธุ์แพร่ในจังหวัดมากที่สุด!
04 ม.ค. 2565 เวลา 14:02 น.63

สธ.เผยไทยพบโอมิครอนเพิ่ม 282 ราย สะสมกว่า 2,000 ราย กระจายใน 54 จังหวัด กาฬสินธุ์แพร่ในจังหวัดมากที่สุด ติดกว่า 200 ราย

   เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 และสายพันธุ์โอมิครอน โดยนพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่าสำหรับการติดตามผู้ติดเชื้อโอมิครอนในไทยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 - 3 ม.ค.2565 พบ 2,062 ราย โดยเมื่อวันที่ 3 ม.ค. พบ 282 ราย ครบถ้วนทุกเขตสุขภาพ ส่วนใหญ่หายดีแล้ว และที่รักษาตัวก็อยู่ในรพ. ไม่ได้ออกมาภายนอก
    ทั้งนี้ จำนวนการติดเชื้อสะสม 2,062 ราย อาทิ กรุงเทพมหานคร 585 ราย โดยติดในประเทศ 7 ราย
กาฬสินธุ์ มี 233 ราย ในจำนวนนี้ติดเชื้อในประเทศ 231 ราย   ร้อยเอ็ด 180 รายติดในประเทศทั้งหมด 180 ราย ภูเก็ต 175 ราย ติดในประเทศ 17 ราย ชลบุรี 162 ราย รติดในประเทศ 70 ราย   สมุทรปราการ 106 ราย ติดในประเทศ 28 ราย โดยทั้งหมดติดเชื้อไป 54 จังหวัดแล้ว

"โอมิครอน จะเริ่มส่งผลให้จำนวนการติดเชื้อในภาพรวมของประเทศมากขึ้น แต่ยังไม่ส่งผลต่อจำนวนการเสียชีวิต เพราะคนเสียชีวิตวันนี้อาจติดเชื้อมาจาก 2 สัปดาห์ที่แล้ว และขอให้เข้าใจตรงกันว่า การติดเชื้อโควิดวันนี้ 70-80% ยังเป็นเดลตา ซึ่งยังมีผลทำให้ป่วยหนักและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง กลุ่ม 608 คนสูงอายุ คนมีโรคประจำตัว นอกจากนี้ ต้องเรียนว่า เราจะไม่ได้ตรวจสายพันธุ์ทุกเคส แต่จะมีการใช้ระบบเฝ้าระวังปกติตามเกณฑ์เพื่อประเมินสถานการณ์ และอาจไม่ต้องอัปเดตทุกวัน รวมทั้งจากข้อมูลการศึกษาผู้ติดเชื้อบางส่วนจากโอมิครอน อาจทำให้ภูมิคุ้มกันสามารถสู้เดลตาได้ แต่จะขึ้นสูงในกลุ่มฉีดวัคซีน"นพ.ศุภกิจกล่าว

    นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวระบุว่าไม่ได้หยุดแค่โอมิครอน มีสายพันธุ์อื่นๆมาอีก แต่จริงๆไม่ใช่อันใหม่ โดยเดิมเรามีสายพันธุ์โควิดที่น่าห่วงกังวล 4 สายพันธุ์ คือ อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา จากนั้นก็มีสายพันธุ์ที่เรียกว่าน่าสนใจ และมีสายพันธุ์ VUM หรือ Variants Under Monitoring ซึ่งขณะนั้นมี 2 ตัว โดยตัวหนึ่งมาก่อน คือ B.1.640 แต่เงียบหายไป ถัดมาก็เป็น B.1.1529 คือโอมิครอน จึงมีการขยับชั้นเป็นสายพันธุ์น่าห่วงกังวล หรือ VOCs โดยองค์การอนามัยโลกภายในเวลาอันรวดเร็ว ล่าสุดสายพันธุ์ B.1.640 มีการกลายพันธุ์ออกไปเป็นลูกหลาน คือ B.1.640.1 เป็นของเดิมที่เคยเกิดเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา และB.1.640.2 ซึ่งอันหลังเจอในฝรั่งเศส โดยต้นทางมาจากคองโก เจอประมาณ 400 ราย ซึ่งพบการกลายพันธุ์ของสไปก์โปรตีน ชนิด SNPs 14 ตำแหน่ง การขาดหายไปอีก 9 ตำแหน่ง โดยเฉพาะบางคนบอกว่าพบ N501Y และ E484Q ซึ่ง 2 ตัวนี้อาจหลบวัคซีนได้ แต่ขอย้ำว่า ไม่ต้องตกใจ เพราะการพบกรณีดังกล่าวเจอได้หลายตัว ทั้งเบตา แกมมา หรือแม้กระทั่วโอมิครอน โดยในระบบการเฝ้าระวังของโลกมีการติดตาม และทำให้ทราบว่ามีการกลายพันธุ์ออกมา จึงต้องจับตากันต่อไป สำหรับไทยก็เฝ้าระวังอยู่ว่า จะมีการพบสายพันธุ์ลักษณะนี้หรือไม่

การศึกษาในแอฟริกาใต้ ติดตามดูคนติดโอมิครอนแล้ว เกิดภูมิคุ้มกันขึ้น โดยเจาะเลือด 14 วันหลังติดเชื้อโอมิครอน เปรียบเทียบทั้งคนฉีดวัคซีนและไม่ฉีด เพื่อดูภูมิคุ้มกันที่ขึ้นมาว่า จัดการกับโอมิครอน และเดลตาได้แค่ไหน พบว่า คนที่ติดโอมิครอนภูมิคุ้มกันจะสูงขึ้นเฉลี่ย 14-15 เท่า ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติ โดยหากติดเชื้อโอมิครอนซ้ำ ภูมิฯก็จะจัดการได้ ขณะเดียวกันยังมีข้อสังเกตสำคัญว่า เมื่อติดเชื้อแล้วปรากฎว่าภูมิฯที่สูงขึ้นยังป้องกันเดลตาได้ประมาณ 4 เท่ากว่าๆ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกราย
"สรุปคนที่ฉีดวัคซีนหรือแม้กระทั่งไม่ฉีด เมื่อติดเชื้อโอมิครอนหลังจากนั้น 14 วัน จะมีภูมิคุ้มกันป้องกันเดลตาได้ด้วย เรื่องนี้น่าสนใจ โดยกรมวิทย์จะรวบรวมคนติดเชื้อในไทย และเมื่อครบ 2 สัปดาห์จะนำเลือดมาตรวจว่า จัดการกับเชื้อเดลตาได้มากน้อยแค่ไหน หากจริงตามนี้ก็หมายความว่า การติดเชื้อโอมิครอนอาจไม่ได้มีผลร้ายอย่างเดียว แต่ก็ไม่ได้สนับสนุนให้ไปรับเชื้อ ต้องแปลความดีๆ อันนี้คือ ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์" นพ.ศุภกิจ กล่าว

https://www.bangkokbiznews.com/social/980744


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 04 ม.ค. 22, 18:21
ไม่ได้ชะลอครับ แค่ข้อมูลส่งเข้ามาช้าเพราะติดวันหยุดครับ ตอนนี้อัพเดตแล้วก็อยู่หลักแสนกว่าทุกวันครับ

บางประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกา เสาร์อาทิตย์ตัวเลขจะลดฮวบฮาบ และกลับมาเพิ่มสูงในวันจันทร์ เป็นแบบนี้มาตลอดครับ น่าจะเพราะเป็นวันหยุด มีหน่วยสาธารณสุขหยุดงานจำนวนมาก

"การแพร่ระบาดของ covid ในกรุงลอนดอน มีแนวโน้มชะลอตัวแล้วครับ"
ใครที่ตามข่าวการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ประเทศสหราชอาณาจักร คงจะทราบว่า จํานวนผู้ติดเชื้อนั้นพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง จนทำลายสถิติ ... และแทบจะทุกรายแล้วตอนนี้ที่เป็นสายพันธุ์ omicron โดยยังไม่มีแนวโน้มที่จะชะลอตัว กราฟยังพุ่งชันอยู่
แต่ถ้าเราแยกดูเฉพาะแค่กรุงลอนดอน โดยไม่รวมส่วนอื่นๆ ของทั้งประเทศ (ลอนดอน เป็นเมืองที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงมาก โดยอยู่ที่ประมาณ 16.5 เปอร์เซ็นต์ ของเฉพาะประเทศอังกฤษ)
ข้อมูลล่าสุดเมื่อวานนี้ พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันเริ่มชะลอตัวแล้ว และอาจจะค่อยๆ ลดลงด้วย (ดูรูปซ้าย กราฟบนสุด)
ดังรายงาน UK Coronavirus Dashboard อย่างเป็นทางการที่อัพเดทเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2022 นั้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวัน อยู่ที่ 27,608 ราย
ซึ่งอัตราส่วนของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ในช่วง 21 - 27 ธันวาคม  2021 อยู่ที่ 1777 รายต่อประชากร 1 แสนคน ...  ลดลงจากตัวเลข 1974 รายต่อประชากร 1 แสนคน ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
สำหรับรายงานตัวเลขผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2021 นั้นอยู่ที่ 3,636 ราย ... เพิ่มขึ้นจาก 2,260 รายเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2021 (ดูรูปซ้าย  กราฟกลาง เส้นสีฟ้า)
แม้ตัวเลขผู้ที่ต้องเข้าโรงพยาบาล จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้พุ่งสูงอย่างของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ .. แถมจำนวนของผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนั้น มีจำนวนเพียง 238  ราย ... เพิ่มขึ้นไม่จากตัวเลข 207 รายเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2021 (ดูรูปซ้าย  กราฟกลาง เส้นสีส้ม)
ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตนั้น (ดูรูปซ้าย กราฟล่าง) แนวโน้มจะมีอัตราที่ค่อนข้างคงที่ แต่ก็คงจะต้องรอดูอีก 2-3 สัปดาห์ เพราะค่าพวกนี้มักจะแล็ค เพิ่มตามมาทีหลังจากการติดเชื้อ
สำหรับรูปทางด้านขวานั้น จะเป็นทั้งค่า ผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน , ผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล , และผู้เสียชีวิต (กราฟจากบนลงล่าง ตามลำดับ) จากกรุงลอนดอนเช่นกัน แต่คำนวณต่อจำนวนประชากร 1 แสนคน และแยกแยะตามกลุ่มอายุของประชาชนเป็นสีๆ
ซึ่งแม้ว่าอัตราส่วนของผู้ติดเชื้อ (ดูรูปขวา กราฟบน) ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มของวัยทำงานและวัยกลางคน (เส้นสีเหลือง สีชมพูเข้ม และสีแดง) แต่เห็นได้ชัดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในกลุ่มของเด็กนั้น (เส้นสีฟ้า) เพิ่มสูงขึ้นจากการระบาดครั้งก่อนเป็นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ติดเชื้อแล้วเจ็บป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลนั้น ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นผู้สูงอายุ (ดูรูปขวา กราฟกลาง เส้นสีเขียว) .. คล้ายคลึงกับผู้ที่เสียชีวิตในช่วงนี้ ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นผู้สูงอายุเช่นกัน (รูปขวา กราฟล่าง เส้นสีม่วง)
ปล. ข้อมูลจากรายงานอื่นระบุว่า ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ ก็มาจากการติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า มากกว่าจากสายพันธุ์โอมิครอนเยอะครับ
ปล. Dashboards สถิติโควิด-19 ของกรุงลอนดอนนี่ เค้าทำละเอียดและดูง่ายดีครับ ใครสนใจเรื่องพวกนี้ลองเข้าไปเยี่ยมชมเพจเขานะครับ
ข้อมูล และ กราฟ จาก https://data.london.gov.uk/dataset

จากเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ม.ค. 22, 19:22
อ่านคำตอบคุณม้าแล้วใจฝ่อค่ะ  น่ากลัวปีเสือ จะดุกว่าปีวัวเสียก็ไม่รู้


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ม.ค. 22, 20:17
ถ้ามีคนที่ติดโอไมครอนมากมาย ดังที่เกิดทั่วโลก คือภูมิที่ต้านทานทั้งตัวนี้และต่อตัวเดลต้าด้วย เท่ากับทำให้เดลต้าสูญพันธุ์ไปเลย แต่ภูมิดังกล่าวอาจไม่คุ้มกันโควิด วาเรียนท์ใหม่ ๆ ถ้ายังจะมีอีก

คนทั้งโลกหวังว่าโควิดจะจบลงเพียงเท่านี้ภายในไม่เกินกลางปีนี้เพื่อประกาศอิสรภาพ

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล  อีกท่านหนึ่งซึ่งเชื่อว่าโอมิครอนจะเป็นจุดจบของโควิด

https://youtu.be/IVhG5rQPnXU


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ม.ค. 22, 08:03
ก่อนหน้า ดร.อนันต์ออกมาให้ข่าว  ก็มีข่าวนี้ค่ะ

จาก FB หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC

ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปี หลังวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่นี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะก้าวกระโดดหลายหมื่นคนแต่ละวันในไม่ช้า แต่คนไทยไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจมากเกินไป
เชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์โอมิครอน มีวิวัฒนาการเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ปรับตัวเองให้เข้ากับคนได้ดียิ่งขึ้น แพร่จากคนสู่คนง่ายขึ้น ลดระยะฟักตัว และเปลี่ยนจากการก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจอักเสบทั้งส่วนบนและส่วนล่างรุนแรงเฉียบพลัน กลายเป็นเชื้อโคโรนาไวรัสที่ทำให้เกิดหวัดเล็กธรรมดา ไม่รุนแรง เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ไม่ค่อยลงปอด เหมือนกับเชื้อโคโรนาไวรัสที่เรารู้จักมานานอย่างน้อย 50 ปีแล้ว ได้แก่ human coronavirus-229 E,  human coronavirus-NL63, human coronavirus-OC43 และ human coronavirus-HKU1
เชื้อโคโรนาไวรัสดั้งเดิม 4 ชนิดนี้ก่อให้เกิดโรคหวัดธรรมดาในเด็ก เป็นเองหายเอง ส่วนผู้ใหญ่มักไม่ติดเชื้อนี้ เพราะมีภูมิต้านทานตามธรรมชาติเนื่องจากเกือบทุกคนเคยติดเชื้อนี้มาแล้วสมัยเป็นเด็ก ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม
หลังการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนครั้งใหญ่นี้ เชื่อว่าทุกคนไม่ว่าจะเคยฉีดวัคซีน หรือเคยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดิมมาก่อน จะได้รับเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนไม่ช้าก็เร็ว เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ หวังว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คงจะจบลงสักที
อนาคตเราคงไม่ต้องมาฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เข็ม 4 กันอีก เพราะเราทุกคนได้รับเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนเปรียบเสมือนวัคซีนธรรมชาติชนิดตัวเป็นอ่อนฤทธิ์ (live attenuated vaccine) กระตุ้นภูมิต้านทานได้ดีกว่าวัคซีนทุกชนิดที่มีในปัจจุบัน อนาคตของบริษัทผลิตวัคซีนต่อต้านไวรัสโควิด-19 คงไม่รุ่งเหมือนช่วงที่ผ่านมา


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ม.ค. 22, 08:09
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา โผล่ค้าน หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ กรณี โพสต์ การติด "โอไมครอน" ได้ภูมิจริง แต่ไม่ใช่วัคซีนธรรมชาติ ชี้ควรสื่อสารให้ชัดเจนกว่านี้

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ถึงกรณี หมอมนูญ ชี้ การติดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" เป็นวัคซีนธรรมชาติ โดยโพสต์ทั้งหมดระบุดังนี้

กรณี วันนี้ 4 ม.ค.65 หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ ได้โพสต์ว่า ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปี หลังวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่นี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะก้าวกระโดดหลายหมื่นคนแต่ละวันในไม่ช้า แต่คนไทยไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจ มากเกินไป

เชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ "โอไมครอน" มีวิวัฒนาการเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ปรับตัวเองให้เข้ากับคนได้ดียิ่งขึ้น แพร่จากคนสู่คนง่ายขึ้น ลดระยะฟักตัว และเปลี่ยนจากการก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจอักเสบทั้งส่วนบนและส่วนล่างรุนแรงเฉียบพลัน กลายเป็นเชื้อโคโรนาไวรัสที่ทำให้เกิดหวัดเล็กธรรมดา ไม่รุนแรง เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ไม่ค่อยลงปอด เหมือนกับเชื้อโคโรนาไวรัสที่เรารู้จักมานานอย่างน้อย 50 ปีแล้ว

ได้แก่ human coronavirus-229 E, human coronavirus-NL63, human coronavirus-OC43 และ human coronavirus-HKU1

เชื้อโคโรนาไวรัสดั้งเดิม 4 ชนิดนี้ก่อให้เกิดโรคหวัดธรรมดาในเด็ก เป็นเองหายเอง ส่วนผู้ใหญ่มักไม่ติดเชื้อนี้ เพราะมีภูมิต้านทานตามธรรมชาติเนื่องจากเกือบทุกคนเคยติดเชื้อนี้มาแล้วสมัยเป็นเด็ก ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม

หลังการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ "โอไมครอน" ครั้งใหญ่นี้ เชื่อว่าทุกคนไม่ว่าจะเคยฉีดวัคซีน หรือเคยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดิมมาก่อน จะได้รับเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนไม่ช้าก็เร็ว เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ หวังว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คงจะจบลงสักที

อนาคตเราคงไม่ต้องมาฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เข็ม 4 กันอีก เพราะเราทุกคนได้รับเชื้อสายพันธุ์ "โอไมครอน" เปรียบเสมือนวัคซีนธรรมชาติชนิดตัวเป็นอ่อนฤทธิ์ (live attenuated vaccine) กระตุ้นภูมิต้านทานได้ดีกว่าวัคซีนทุกชนิดที่มีในปัจจุบัน อนาคตของบริษัทผลิตวัคซีนต่อต้านไวรัสโควิด-19 คงไม่รุ่งเหมือนช่วงที่ผ่านมา

จากนั้น ดร.อนันต์ได้เอาเนื้อหาจากตรงนี้มารีโพสต์แล้วพิมพ์แคปชั่นว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ทำไมไม่เร่งแยกเชื้อ "โอไมครอน" มาฉีดให้ประชาชนหล่ะครับ ได้เชื้อบริสุทธิ์ ปริมาณเหมาะสมด้วย เป็นวัคซีนที่ต้องการอยากได้ไงครับ

วัคซีนเชื้อ "โอไมครอน" เป็นอ่อนฤทธิ์ ไม่ทำให้ผู้รับวัคซีนมีอาการป่วยใดๆ ถ้าวัคซีนตัวนั้นยังคงทำให้คนเสียชีวิตได้ เข้า ICU ได้ และ ที่สำคัญมีอาการ Long COVID ได้ ผมไม่นิยามสิ่งนั้นว่าวัคซีนครับ

การสื่อสารต้องชัดเจนครับ เราบังเอิญติดเชื้อ "โอไมครอน" จากธรรมชาติแล้วอาการไม่รุนแรงหายเองได้แล้วมีภูมิเป็นสิ่งดี แต่สิ่งนั้นไม่ใช่ "วัคซีน"
https://www.komchadluek.net/covid-19/499704


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ม.ค. 22, 11:35
ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในประเทศไทย จุดเริ่มต้นของการระบาดใหญ่โควิด-๑๙ รอบ ๕ ⁉️

ดูจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน การระบาดของโควิด-๑๙ รอบที่ ๕ เริ่มอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวานนี้ (๕ มกราคม ๒๕๖๕) :o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ม.ค. 22, 08:13
ในที่สุด สถานการณ์ก็ย้อนกลับไปเหมือนพ.ศ. 2564
ขอให้ท่านผู้อ่านเรือนไทยทุกท่านปลอดภัยนะคะ

https://www.youtube.com/watch?v=UsqU601XQ6k


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ม.ค. 22, 08:32
ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เคยลดลงอย่างน่าพอใจ   กลับพุ่งขึ้นอีกครั้งอย่างน่าตกใจ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ม.ค. 22, 10:25
ผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ ทั่วโลก เข้าหลัก ๓๐๐ ล้านเรียบร้อยแล้ว :o

จำนวนผู้ติดเชื้อ ๑๐๐ ล้านคน จากล้านที่ ๒๐๐ - ๓๐๐ใช้เวลา ๑๕๖ วัน หรือ ๑๐ ล้านคนใน ๑๕.๖ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ม.ค. 22, 09:05
 :o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ม.ค. 22, 08:55
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนมกราคม ๒๕๖๕

จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มเพิ่มขึ้นเป็นการระบาดระลอก ๕ เมื่อวันที่ ๕ มกราคม และตั้งแต่วันที่ ๗ เรื่อยมา คงอยู่ในระดับ ๗,๐๐๐ - ๘,๐๐๐ ราย โดยมีตัวเลขสูงสุด ๘,๖๔๐ ราย เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับ ๑๐ - ๒๐ ราย โดยมีตัวเลขสูงกว่า ๒๐ รายเพียง ๒ วัน คือ ๒๒ และ ๒๘ ราย ในวันที่ ๒๗ และ ๒๘ มกราคม

ดูจากตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต สถานการณ์การระบาดของโรคผ่อนคลายลงมาก และหากไม่มีเชื้อกลายพันธุ์ตัวใหม่ที่ร้ายแรง เราคงดำเนินชีวิตตามปรกติได้ในไม่ช้า ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 ก.พ. 22, 08:25
ผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ ทั่วโลก เข้าหลัก ๔๐๐ ล้านเรียบร้อยแล้ว :o

จำนวนผู้ติดเชื้อ ๑๐๐ ล้านคน จากล้านที่ ๓๐๐ - ๔๐๐ใช้เวลา ๔๑ วัน หรือ ๑๐ ล้านคนใน ๔.๑ วัน

เมื่อเทียบกับ ๑๐๐ ล้านรายก่อน

ใช้เวลาน้อยลง ๓.๘ เท่า

จำนวนผู้ติดเชื้อ ๑๐๐ ล้านคน จากล้านที่ ๒๐๐ - ๓๐๐ใช้เวลา ๑๕๖ วัน หรือ ๑๐ ล้านคนใน ๑๕.๖ วัน

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=7189.0;attach=77110;image)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.พ. 22, 08:41
ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 100  ล้าน  แต่ตายเพิ่มขึ้นสามแสน ( 301,459) คน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 22, 12:03


จับตา "โอมิครอน BA.2" ติดได้ง่าย มีอัตราส่วน 1:18 คนป่วย-ตายทำนิวไฮ (https://www.thairath.co.th/news/local/2317970?fbclid=IwAR0KQk8ghuAt9OHb0l8HWQAt4SXJpyHe-T5ZdEdVHGbssjXCV04Im9E1jFo)

ตอนหนึ่งที่สงสัยว่าแปลว่าอะไร คือที่พิมพ์ตัวอักษรแดง

รศ.นพ.นิธิพัฒนโพสต์อีกว่า ที่น่าสนใจต่อไปคือทำไมวัยรุ่นบางส่วนจึงยังลังเลการเข้ารับวัคซีนโควิด ข้อมูลจากการสำรวจออนไลน์ในฮ่องกง จากวัยรุ่นกลุ่มตัวอย่าง 2,609 คน พบมีเพียง 39% ที่ตั้งใจจะเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยไม่ลังเล เป็นผลจากพบเห็นสมาชิกในครอบครัวป่วยโควิด โดยเฉพาะกรณีที่เป็นพ่อหรือแม่ ส่วนข้อกังวลที่พบส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความสงสัยในประสิทธิภาพของวัคซีน ผลข้างเคียงในระยะสั้น ระยะยาว ต่างกับนักเรียนวัย 12-17 ปีในบ้านเราที่ยอมรับการฉีดวัคซีนโควิดสูงถึงเกือบ 80% ที่บ้านเรายอมรับเยอะอาจเป็นผลมาจากผู้ปกครองเป็นหลัก การศึกษาในกลุ่มผู้ปกครองของนักเรียนวัยรุ่น 13,327 คนในจีน พบ 13.5% ที่ปฏิเสธการรับวัคซีนราว 4% ไม่แน่ใจแต่ยังให้ลูกหลานรับวัคซีน ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิเสธวัคซีน คือ ผู้ปกครองที่เป็นโสด การมีฐานะดีมากหรือไม่ก็จนมาก ส่วนปัจจัยที่ส่งเสริมการยอมรับวัคซีน คือ การได้รับข้อมูลเรื่อง วัคซีนจากอาสาสมัครสาธารณสุขในชุมชน การไม่เชื่อเรื่องทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับวัคซีนโควิด และประสบการณ์ตรงของผู้ปกครองเองในการฉีดวัคซีน

พวกที่ปฏิเสธวัคซีนเพราะจนมากก็พอเข้าใจ คืออาจไม่มีเงินค่าวัคซีน  พวกที่รวยมากก็พอเข้าใจว่าอาจหวังได้วัคซีนตัวที่เชื่อว่าดีกว่านี้
แต่ผู้ปกครองที่เป็นโสด คือพวกไหน และเกี่ยวอะไรกับการไม่ฉีดวัคซีน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.พ. 22, 14:37
การศึกษาในกลุ่มผู้ปกครองของนักเรียนวัยรุ่น 13,327 คนในจีน พบ 13.5% ที่ปฏิเสธการรับวัคซีนราว 4% ไม่แน่ใจแต่ยังให้ลูกหลานรับวัคซีน ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิเสธวัคซีน คือ ผู้ปกครองที่เป็นโสด การมีฐานะดีมากหรือไม่ก็จนมาก ส่วนปัจจัยที่ส่งเสริมการยอมรับวัคซีน คือ การได้รับข้อมูลเรื่อง วัคซีนจากอาสาสมัครสาธารณสุขในชุมชน การไม่เชื่อเรื่องทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับวัคซีนโควิด และประสบการณ์ตรงของผู้ปกครองเองในการฉีดวัคซีน

คุณหมอนิธิพัฒน์สรุปความมาจากบทคัดย่องานวิจัยของนักวิชาการชาวจีนเรื่อง Guardians’ willingness to vaccinate their teenagers against COVID-19 in China: A national cross-sectional survey (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8654519/pdf/main.pdf)

In total, 13327 (82.61%) of the respondents expressed positive WVT, 12.90% of the respondents were uncertain but inclined to vaccinate their teenagers. Meanwhile, 3.89% of the respondents were uncertain and inclined to reject, and 0.60% of the respondents rejected the vaccines. After adjusting for potential confounders, the married, total family income last year, reject to Categoly1 vaccines, access information about the COVID-19 vaccines from community workers, low COVID-19 vaccine conspiracy, guardian’s vaccination behavior, and the importance of vaccinating teenagers were all independent factors that affected the guardians’ likely to accept.

ผู้ปกครองที่เป็นโสด = the married ❓


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 22, 15:19
น่าจะแปลจากบทความอื่นนะคะ  %  ไม่ตรงกัน   เนื้อหาก็ไม่ตรงกันด้วย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.พ. 22, 15:46
คุณหมอนิธิพัฒน์ อ้างอิงที่มาไว้ใน

https://www.facebook.com/100002870789106/posts/4508867585885556/?d=n


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ก.พ. 22, 16:04
 ???
ก็มันไม่ตรงกันจริงๆนี่คะ 

ราว 4% ไม่แน่ใจแต่ยังให้ลูกหลานรับวัคซีน
แปลจาก
3.89% of the respondents were uncertain and inclined to reject,


พบ 13.5% ที่ปฏิเสธการรับวัคซีน
แปลจาก
12.90% of the respondents were uncertain but inclined to vaccinate their teenagers


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ก.พ. 22, 16:54
ก็มันไม่ตรงกันจริงๆนี่คะ 

บทแปลสรุปของคุณหมอนิธิพัฒน์มีปัญหาจริง ๆ :o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ก.พ. 22, 08:45
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕

ดูจากตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต สถานการณ์การระบาดของโรคผ่อนคลายลงมาก และหากไม่มีเชื้อกลายพันธุ์ตัวใหม่ที่ร้ายแรง เราคงดำเนินชีวิตตามปรกติได้ในไม่ช้า

การคาดการณ์จากตัวเลขเดือนที่แล้วผิดพลาดไปมาก

จำนวนผู้ติดเชื้อไต่ระดับขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีตัวเลขสูงสุดที่ ๒๕,๖๑๕ รายในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ แม้วันต่อมาจะลดลง แต่ยังไม่แน่ว่าจะเป็นขาลงหรือไม่

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับ ๒๐-๔๐ ราย โดยมีตัวเลขสูงสุดที่ ๔๒ รายในวันที่ ๒๗ และ ๒๘ กุมภาพันธ์


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 มี.ค. 22, 18:44
วันนี้ผู้เสียชีวิตจากโควิด-๑๙ ทั่วโลกเข้าหลัก ๖ ล้านคนเรียบร้อยแล้ว :o

จำนวนผู้เสียชีวิตล้านคน (จาก ๕ ล้านถึง ๖ ล้าน) ใช้เวลา ๑๒๕ วัน เฉลี่ย ๑ แสนคนใช้เวลา ๑๒.๕ วัน

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าถึงแม้การแพร่ระบาดใหญ่จะย่างเข้าสู่ปีที่ ๓ แต่มันยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงในเร็ววัน แม้ผู้คนในหลายพื้นที่จะเลิกการสวมใส่หน้ากากอนามัย รักษามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม กลับมาเดินทางตามปกติ เช่นเดียวกับธุรกิจที่กลับมาเปิดให้ดำเนินการทั่วโลกแล้วก็ตาม

วิเคราะห์สถานการณ์จาก มติชน (https://www.matichon.co.th/foreign/news_3219054)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 มี.ค. 22, 20:25
ในล้านที่ ๑-๔ การเสียชีวิตใช้เวลาเร็วขึ้น เนื่องจากเชื้อมีความรุนแรง และประชาชนยังมีภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนน้อยอยู่  ส่วนในล้านที่ ๔-๖ การเสียชีวิตใช้เวลาช้าลง เนื่องจากเชื้อมีความรุนแรงน้อยลง และประชาชนมีภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น

๑ ล้าน - ๒ ล้าน ใช้เวลา ๑๐๙ วัน
๒ ล้าน - ๓ ล้าน ใช้เวลา ๙๑ วัน
๓ ล้าน - ๔ ล้าน ใช้เวลา ๘๒ วัน
๔ ล้าน - ๕ ล้าน ใช้เวลา ๑๑๗ วัน
๕ ล้าน - ๖ ล้าน ใช้เวลา ๑๒๕ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 มี.ค. 22, 08:25
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนมีนาคม ๒๕๖๕

จำนวนผู้ติดเชื้อขึ้น ๆ ลง ๆ โดยภาพรวมยังคงเพิ่มขึ้น โดยมีตัวเลขสูงสุดที่ ๒๗,๕๖๐ รายในวันสุดท้ายของเดือน ๓๑ มีนาคม  

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับ ๔๐ - ๘๐ ราย โดยมีตัวเลขสูงสุดที่ ๘๗ รายในวันที่ ๑๙ และ ๓๐ มีนาคม


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 เม.ย. 22, 08:57
ที่หนักกว่านี้คือไม่รู้จะเชื่อใครดี

ผมเขียนบทความนี้เพื่อจะบอกแก่รัฐบาลลุงตู่ว่ายุทธศาสตร์ที่เรากำลังใช้อยู่ทั้งสี่อย่างนี้จะพาเราไปสู่ทางตัน และจะยิ่งมีปัญหาหากมีสายพันธ์อื่นที่รุนแรงกว่ามาแทนโอไมครอน เพราะ

ประเด็นที่ 1. หากเราเรียนรู้จากอัฟริกา เราไม่ควรพลาดโอกาสใช้โอไมครอนในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้คนทั่วไป เพราะงานวิจัยพบว่าวัคซีนที่เราลงทุนฉีดไปแล้ว ภูมิคุ้มกันมันจะคงอยู่ไม่กี่เดือนเท่านั้น แล้วมันก็จะค่อยๆแผ่วลง นาทีทองมีอยู่แค่ไม่กี่เดือนจากนี้ไปเท่านั้น ดังนั้นเราควรจะยกเลิกการกักกันโรคเสีย เปลี่ยนมาจัดการโรคแบบเปิดให้ประชากรส่วนใหญ่ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำอยู่แล้วได้ติดเชื้อโอไมครอนเสียตอนที่วัคซีนที่เราเพิ่งลงทุนฉีดไปยังช่วยลดอัตราการเข้าโรงพยาบาลและการตายได้อยู่นี้

ประเด็นที่ 2. ในแง่การควบคุมโรคระยะยาว การติดเชื้อธรรมชาติเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้การควบคุมโรคมีประสิทธิผลสูงสุด เพราะผลวิจัยอัตราการต้องเข้าโรงพยาบาลของผู้มีสถานะวัคซีนและสถานะการติดเชื้อต่างกัน ซึ่งทำกับประชากรของแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์คพบว่าหากเอาความเสี่ยงต้องถูกรับไว้ในโรงพยาบาลของกลุ่มที่ไม่เคยติดเชื้อและไม่เคยได้วัคซีนเป็นตัวตั้ง กลุ่มที่ได้วัคซีนแต่ไม่เคยติดเชื้อมีความเสี่ยงเข้ารพ.น้อยกว่า 19.8 เท่า แต่กลุ่มที่เคยติดเชื้อและเคยได้วัคซีนด้วย มีความเสี่ยงเข้ารพ.น้อยกว่า 55.3 เท่า ขณะที่กลุ่มที่เคยติดเชื้อโดยไม่เคยได้วัคซีนเลยมีความเสี่ยงเข้ารพ.น้อยกว่า 57.5 เท่า แปลว่าการติดเชื้อต่างหากที่เป็นตัวบอกว่าจะป้องกันการต้องเข้าโรงพยาบาลได้อย่างเป็นเนื้อเป็นหนัง โดยไม่เกี่ยวกับว่าจะได้หรือไม่ได้วัคซีนร่วมด้วยเลย ดังนั้นการหวังลดการเข้าใช้โรงพยาบาลจากการเปิดให้ติดเชื้อ จะได้ผลดีกว่าการหวังเอาจากการฉีดวัคซีนซึ่งต้องฉีดกระตุ้นซ้ำซากตามรอบที่ภูมิคุ้มกันแผ่วลง และต้องกระตุ้นกันไปอย่างไม่รู้จบ

ประเด็นที่ 3. อัตราเข้าโรงพยาบาลและอัตราตายจากการติดเชื้อโอไมครอนต่ำมาก นอกจากข้อมูลภาพรวมของอัฟริกาที่ผ่านการติดเชื้อธรรมชาติทั้งทวีปมาได้โดยไม่บอบช้ำแล้ว ข้อมูลของอังกฤษก็บ่งชี้ไปทางเดียวกัน ข้อมูล National Statistic ของอังกฤษบ่งชี้ว่าทุกวันนี้มีคนตายทั้งประเทศสัปดาห์ละ 826 คน (อัตราตาย 0.03% ถ้าคำนวณจากการติดเชื้อในช่วงเดียวกันสัปดาห์ละ 2,443,077 คน) ในจำนวนที่ตายนี้ประมาณ 35-60% มีโรคเรื้อรังร่วมด้วยจึงยังไม่รู้ว่าตายจากอะไร อัตราตายเพิ่มสัปดาห์ละ 5 คน (0.6%) อายุเฉลี่ยของผู้ตาย 82.5 ปี และหากเปรียบเทียบอัตราตายจากทุกโรคต่อสัปดาห์ในช่วงที่โอไมครอนระบาดอยู่ พบว่าต่ำกว่าอัตราตายรวมต่อสัปดาห์เฉลี่ย 5 ปีก่อนยุคโควิดระบาดอยู่สัปดาห์ละ 12,473 คน หรือต่ำกว่ากัน 0.3% แปลว่าในภาพใหญ่ขณะที่โอไมครอนระบาดระเบ้อติดเชื้อวันละสามแสนกว่า แต่อัตราตายรวมไม่ได้เปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากสมัยที่ยังไม่มีโควิด

ประเด็นที่ 4. การคิดจะฉีดวัคซีนให้เด็กเพื่อช่วยเพิ่มการควบคุมโรคในระดับชาตินั้นเป็นทิศทางที่ไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์สนับสนุนว่าจะได้ประโยชน์คุ้มความเสี่ยง ประเทศที่มีข้อมูลเรื่องนี้ดีที่สุดคืออังกฤษ เพราะที่อังกฤษก็มีปัญหาเดียวกันเนื่องจากการติดเชื้อกำลังอยู่ในขาขึ้น คือข้อมูลนับถึงวันนี้จากฐานข้อมูล ZOE พบว่าตอนนี้ 1 ใน 15 คนติดเชื้อถึงระดับมีอาการไปแล้ว มีคนติดเชื้อใหม่วันละ 349,011 คน เพิ่มขึ้นสัปดาห์ละ 7% มีค่า R value 1.1 แปลว่ายังอยู่ขาขึ้น แต่จวนเจียนจะถึงพีคเป็นขาลง

และข้อมูลในเด็กของ National Statistic ของอังกฤษพบว่าเด็กระดับมัธยม 96.6% มีภูมิคุ้มกันแล้ว โดยที่ 46.6% ได้วัคซีนครบแล้ว แปลว่าอย่างน้อย50% ของที่มีภูมิคุ้มกันไม่ได้เกิดจากวัคซีน ส่วนเด็กประถม(อายุ 5-11 ปี) พบว่า 62.4% มีภูมิคุ้มกันแล้ว ถ้าเจาะลึกดูเฉพาะกลุ่มเด็กประถมอายุ 8-11 ปีพบว่า 80.9% มีภูมิแล้ว โดยที่เด็กประถมทั้งหมดนี้ไม่เคยได้วัคซีนเลย เด็กเหล่านี้ทั้งหมดได้ภูมิมาจากการติดเชื้อธรรมชาติโดยมักไม่มีอาการ แล้วจะไปฉีดวัคซีนเพิ่มอีกทำไมละครับ เพราะข้อมูลของแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์คก็บอกแล้วว่าวัคซีนไม่ได้ประโยชน์เพิ่มเติมในแง่การต้องเข้าโรงพยาบาลนอกเหนือไปจากการติดเชื้อตามธรรมชาติ

โดยสรุปผมจึงขอเสนอลุงตู่ว่า มาถึงบัดนี้เวลาได้ผ่านไปนานแล้ว สถานการณ์หรือธรรมชาติของโรค (natural course of disease) ได้เปลี่ยนไปแล้ว จำเป็นต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์การควบคุมโรคโควิดเสียใหม่ด้วยการตัดสินใจเลิกกักกันหรือเลิกชลอโรคทันที เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ติดเชื้อโอไมครอน เปิดพลั้วะเลย ยิ่งเร็วยิ่งดี หันมาใช้ยุทธศาสตร์รับมือแบบโรคประจำถิ่น รีบเปิดเสียก่อนที่ใบบุญที่เราสร้างไว้จากการฉีดวัคซีนจะแผ่วลงไป และก่อนที่สายพันธ์ที่รุนแรงกว่าแบบใหม่ๆจะมาแทนโอไมครอน

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
อ่านเต็มๆที่นี่ค่ะ
https://m.facebook.com/%E0%B8%99%E0%B8%9E-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B9%8C-109891462446904/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 เม.ย. 22, 08:59
ส่วนอีกคน อ่านได้ที่นี่

น่าห่วง 'ดร.อนันต์' จับตาโอมิครอน BA.2 เริ่มเปลี่ยนเหมือนเดลต้า ทำให้ไวรัสอันตรายขึ้น
5 เมษายน 2565 เวลา 7:40 น.


https://www.thaipost.net/covid-19-news/118044/?fbclid=IwAR0CwVCH9zkQ197Fkr_LlFanzbtLpJiC9bzhFdPRuI1K0o6QxsCpc-Ueq1g



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 เม.ย. 22, 07:35
ผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ ทั่วโลก เข้าหลัก ๕๐๐ ล้านเรียบร้อยแล้ว :o

จำนวนผู้ติดเชื้อ ๑๐๐ ล้านคน จากล้านที่ ๔๐๐ - ๕๐๐ใช้เวลา ๖๒ วัน หรือ ๑๐ ล้านคนใน ๖.๒ วัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 เม.ย. 22, 09:45
ข่าวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สำหรับคนไทยหลังสงกรานต์

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนักและโรคผู้สูงอายุ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ และประธานชมรมเชื้อราทางการแพทย์ประเทศไทย ให้ช่วยไขความกังวล ถึงแนวโน้มโควิด-19 พุ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์
“เป็นไปตามคาดเดา ว่า มันต้องมีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น เพราะว่ามีการรวมตัวของคนจำนวนมาก และรวมตัวกันในสถานที่อากาศถ่ายเทไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรถโดยสาร ในยานพาหนะต่างๆ การกลับบ้านบ้านไปเจอคนสูงอายุ มีการรวมตัวกันหลายๆ คน เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะติดกันเยอะมาก
โควิดพุ่ง ติดเชื้อ 1 แสนคนเป็นไปได้แน่นอน มันขึ้นอยู่ว่าเราตรวจมากน้อยแค่ไหนเท่านั้น ถ้าเราตรวจมากจะเจอมาก ถ้าเราตรวจ RCPT วันนึงตรวจได้แค่ 20,000-30,000 คนเท่านั้น เราไม่ได้ตรวจมากเหมือนกับประเทศเกาหลี เพราะเกาหลีเขาตรวจวันนึง 5 แสน-6 แสนคน เขาเจอติดเชื้อได้ถึง 6 แสนคนต่อวัน”

เช่นเดียวกับ “รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล” หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ทางเฟซบุ๊ก “นิธิพัฒน์ เจียรกุล” ไว้ว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทะลุแสนเป็นเดือนแล้ว รวมทั้งจุดสูงสุดโควิดระลอกนี้ยังหาทางลงไม่เจอ

“จุดสูงสุดแบบลากยาวของระลอกนี้ ยังหาทางลงไม่เจอ ตัวเลขผู้ป่วยอาการรุนแรง และผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจยังไต่ขึ้นต่อ เป็นผลสะสมจากผู้ป่วยที่ทยอยเพิ่มมาเมื่อสองสัปดาห์ก่อน

นั่นหมายถึงการเสียชีวิตเกินร้อย ยังจะคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็ยังพอใจชื้นว่า ก่อนสงกรานต์ยอดรวมผู้ติดเชื้อและผู้เข้าข่ายของรายงานทางการ ยังไม่แตะหลักแสนตามโพลหลายสำนัก
ส่วนสำนักโลกสวยแห่งนี้ เชื่อว่า ผู้ติดเชื้อจริงแตะหลักแสนมากว่าเดือนแล้ว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญหนึ่งของการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่นอกจากการฉีดวัคซีน เพื่อเข้าสู่หมุดหมายโรคประจำถิ่นดังหวัง แต่ต้องพยายามคุมตัวเลขผู้ป่วยอาการหนัก อย่าให้ขึ้นไปถึง 2,500 ราย เพราะจะรบกวนศักยภาพของโรงพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยอื่นที่ไม่ใช่โควิด”

อ่านรายละเอียดได้ที่
https://mgronline.com/live/detail/9650000035466


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 เม.ย. 22, 08:30
จาก FB  "อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์"
16 เมษายน เวลา 10:23 น.  ·

"อัพเดตสถานการณ์โควิด - เป็นช่วงขาลงแล้วครับ"
วันสงกรานต์ผ่านไปแล้ว เลยขอมาอัพเดตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ตั้งแต่ต้นปีนี้มา อีกครั้งครับ ... ข่าวดีคือ การระบาดของโควิดเป็น "ขาลง" ชัดเจนแล้ว
เมื่อดูจากกราฟของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวัน (รูปซ้าย เส้นสีน้ำเงิน) ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย 7 วันย้อนหลังของผลรวมระหว่างจำนวนผู้ติดเชื้อที่ตรวจด้วยวิธี PCR และด้วยวิธี ATK จะเห็นว่า
หลังจากการระบาดไม่มากของสายพันธุ์ Delta หลังฉลองปีใหม่ ก็เกิดการระบาดของ Omicron ที่พุ่งขึ้นสูงตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ไปถึงจุดพีคสุดต้นเดือนมีนาคม แล้วลดลง ก่อนจะพีคขึ้นไปอีกครั้งในช่วงปลายเดือนมีนาคม (คาดว่าเป็นผลจากการระบาดซ้อน ของ Omicron สายพันธุ์ย่อย BA.2 เข้ามาแทนที่สายพันธุ์ย่อย BA.1 เดิม) และพีคอีกครั้งเล็กๆ ในช่วงต้นเดือนเมษายน
จากนั้นการระบาดก็ลดลงมาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้ซึ่งเป็นช่วงกลางเดือนเมษายนแล้ว ซึ่งน่าจะพูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่า เรากำลังเข้าสู่ขาลงของการระบาดระลอกนี้ ... และก็ยังสอดคล้องกับแนวโน้มของการระบาดของโอมิครอนทั่วโลก ที่มักจะมาเร็วไปเร็วใน 2 เดือน (เพียงแต่ของเรามี 2 สายพันธุ์ระบาดซ้อนกัน เลยทำให้ช้าลงไปหน่อย)
อย่างไรก็ตาม ที่ทุกคนห่วงและจับตาดูกันคือ หลังจากเทศกาลสงกรานต์นี้ ที่มีผู้คนเดินทาง ท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ และจัดกิจกรรมมากมาย จะนำไปสู่การระบาดอีกระลอกของโควิดหรือเปล่า (ซึ่งผมคาดว่า ช่วงปลายเดือนเมษายน เราอาจจะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น แต่น่าจะไม่พีคสูงเหมือนตอนต้นๆ อีกแล้ว)
สำหรับค่าอื่นๆ นั้น คือ ค่าจำนวนผู้เสียชีวิตรายวัน จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบและผู้ป่วยใส่ท่อหายใจ ที่ยังสูงอยู่นั้น ก็เป็นไปตามคาดที่จะเป็นผลที่เกิดขึ้นตามจำนวนผู้ติดเชื้อ ในช่วงประมาณ 14 วัน ... ดังนั้น เราก็ต้องเตรียมทำใจที่จะเห็นค่าเหล่านี้สูงขึ้นอีกซักระยะ ก่อนจะเริ่มลดลง (แต่จากกราฟ ตอนนี้ก็มีแนวโน้มจะชันน้อยลงบ้างแล้ว)
ปล. เน้นเหมือนเดิมว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่รายงานอย่างเป็นทางการ น่าจะน้อยกว่าค่าจริงประมาณ 3 เท่า แต่ก็ยังสามารถบอกแนวโน้มการระบาดในประเทศได้ครับ
ข้อมูลจากแดชบอร์ดของกระทรวงสาธารณสุข https://ddc.moph.go.th/covid19-dashboard/


ขอให้จริงเถอะ เจ้าประคู้น


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 เม.ย. 22, 08:58
 ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 เม.ย. 22, 13:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนเมษายน ๒๕๖๕

จำนวนผู้ติดเชื้อค่อย ๆ ลดลงตามลำดับ จากตัวเลขสูงสุดที่ ๒๘,๓๗๙ รายในวันแรกของเดือน (๑ เมษายน) เหลือเพียงครึ่งหนึ่งคือ ๑๒,๘๘๘ รายซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดในวันสุดท้ายของเดือน (๓๐ เมษายน)

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับ ๙๐ - ๑๓๐ ราย โดยมีตัวเลขสูงสุดที่ ๑๒๙ รายในวันที่ ๑๙, ๒๑, ๒๓ และ ๒๙ เมษายน

มีข้อสังเกตคือตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตไม่สัมพันธ์กัน คือ ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่มีแนวโน้มลดลง อยู่ในระดับมากกว่า ๑๒๐ รายมาตั้งแต่กลางเดือน (๑๖ เมษายน) และยังอยู่ในระดับนี้จนถึงสิ้นเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 พ.ค. 22, 10:35
มีข้อสังเกตคือตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตไม่สัมพันธ์กัน คือ ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่มีแนวโน้มลดลง อยู่ในระดับมากกว่า ๑๒๐ รายมาตั้งแต่กลางเดือน (๑๖ เมษายน) และยังอยู่ในระดับนี้จนถึงสิ้นเดือน

วันนี้ (๑ พฤษภาคม) เป็นวันแรกที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตกลับมาต่ำกว่า ๑๐๐ ราย ในขณะเดียวกันตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ยังคงลดลงเรื่อย ๆ ใกล้ต่ำกว่า ๑๐,๐๐๐ ราย

คนไทยคงสามารถถอดหน้ากากอนามัยนอกอาคาร เหมือนอย่างเพื่อนบ้านเช่น กัมพูชา, มาเลเซีย, สิงคโปร์ รวมทั้งเกาหลีใต้ ในไม่ช้า ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 พ.ค. 22, 10:35
วันนี้ (๑ พฤษภาคม) เป็นวันแรกที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตกลับมาต่ำกว่า ๑๐๐ ราย

คุณหมอธีระ วรธนารัตน์ (https://www.facebook.com/1607465964/posts/10224258573604487/?d=n) อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด

ตัวเลขการตายที่ลดฮวบลงไปนั้น เพราะรายงานออกมาเฉพาะ "การตายจากโควิด" แต่ไม่ได้รายงานจำนวนการตายที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดด้วย ทั้ง ๆ ที่การติดเชื้อนั้นอาจส่งผลทำให้ร่างกายและโรคที่ผู้ป่วยมีอยู่นั้นแย่ลงได้เช่นกัน

สังคมไทยควรเรียกร้องให้รายงานตัวเลขทั้งสองประเภท พร้อมยอดรวมการตายด้วย มิฉะนั้นจะยิ่งทำให้ภาพที่เห็นไม่ครบถ้วน และส่งผลต่อทัศนคติและพฤติกรรมการระวังป้องกันตัวของประชาชนทั้งประเทศ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 03 พ.ค. 22, 11:07
นั่นน่ะสิคะ รู้สึกแปลกๆ ยังกับลดราคาสินค้า อยู่ๆก็ลดฮวบราวกับสั่งได้งั้นแหละ ???


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 พ.ค. 22, 12:45
ถามคุณเพ็ญชมพู
สมมุติว่านาย ก.ป่วยเป็นมะเร็ง    ต่อมาติดโควิดเข้าไปอีก  นาย ก. เลยอาการทรุดลงจนถึงแก่กรรม
ยังงั้ ในมรณบัตรเขียนว่านาย ก. ตายเพราะมะเร็ง หรือโควิด   หรือทั้งสองอย่างคะ

ถ้าหมอเขียนว่าถึงแก่กรรมเพราะมะเร็ง  สถิติคนตายเพราะโควิดก็ไม่มีนาย ก. รวมอยู่ 
ยังงี้ใช่ไหมที่คุณอยากให้แก้ไข  บวกเข้าไปในผู้เสียชีวิตเพราะโควิด


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 พ.ค. 22, 15:35
ตามความเห็นของคุณหมอธีระ

สังคมไทยควรเรียกร้องให้รายงานตัวเลขทั้งสองประเภท พร้อมยอดรวมการตายด้วย มิฉะนั้นจะยิ่งทำให้ภาพที่เห็นไม่ครบถ้วน และส่งผลต่อทัศนคติและพฤติกรรมการระวังป้องกันตัวของประชาชนทั้งประเทศ

ตัวเลขผู้เสียชีวิตอันเกี่ยวเนื่องกับโควิดมี ๒ ประเภท คือ

๑. ติดเชื้อและเสียชีวิตเพราะโควิดโดยตรง
๒. ติดเชื้อในขณะที่เป็นโรคอื่นที่มีความเสี่ยงเช่น มะเร็ง, เบาหวาน, โรคหัวใจ, โรคไต และเสียชีวิตด้วยโรคเสี่ยงที่เป็นอยู่เดิม

ตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงเพราะรายงานเฉพาะผู้เสียชีวิตในข้อ ๑  คุณหมอธีระเสนอให้รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งข้อ ๑ และ ข้อ ๒ เพื่อประชาชนจะได้เห็นภาพชัดเจน ไม่ตกอยู่ในความประมาท


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 พ.ค. 22, 11:07
ดิฉันไม่รู้ว่าสาธารณสุขนับแบบไหน   ถ้าหากว่ารายงานผู้เสียชีวิตตั้งแต่เริ่มแรก  ทางการนับเฉพาะผู้เสียชีวิตเพราะโควิดโดยตรง (1) ไม่นับผู้ป่วยอยู่แล้วเจอโควิดแทรกซ้อนเลยเสียชีวิต  (2)    เราก็จะได้ตัวเลขแบบ (1)ตลอดมา
พอมาถึงตอนนี้ อยู่ๆจะล้มเลิกวิธีนับแบบเดิม ให้มานับใหม่ว่าทั้งเสียชีวิตโดยตรง (1)+ เสียแบบเจอแทรกซ้อน  (2) ผลเลยออกมาเป็น (1)+(2) = (3)  ดิฉันว่ามันก็ไม่ถูกต้องนะคะ   
แต่ถ้าตอนแรกนับแบบ (3)  แล้วมานับแบบ (1)  ก็ไม่ถูกต้องอีกนั่นแหละ 

ถ้าถูกต้องก็ควรเป็นนับแบบไหนก็นับแบบนั้นให้ตลอดรอดฝั่ง   เราถึงจะได้ตัวเลขที่ตรงกับสถานการณ์



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 05 พ.ค. 22, 13:30
เลิกสนใจตัวเลขทั้งคนติดคนตายที่ลดลง เพราะไม่เชื่อว่าเป็นตัวเลขจริงค่ะ ยังคงระวัง ป้องกันตัวเองสุดๆอยู่เหมือนเดิมค่ะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 พ.ค. 22, 09:17
ตัวเลขลดฮวบๆ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 พ.ค. 22, 09:35
เลิกสนใจตัวเลขทั้งคนติดคนตายที่ลดลง เพราะไม่เชื่อว่าเป็นตัวเลขจริงค่ะ ยังคงระวัง ป้องกันตัวเองสุดๆอยู่เหมือนเดิมค่ะ

ตัวเลขสวย ๆ ที่รายงานเป็นทางการ   ไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง ไม่ว่าจะป็นในบ้านเราหรือทั้งโลก :o

WHO ระบุว่า มียอดผู้เสียชีวิตส่วนเกินถึง ๑๔.๙ ล้านราย (excess death) ที่ทาง WHO ได้รับรายงานเข้ามาว่าเกี่ยวข้องกับโรคโควิด-๑๙ ในช่วงสิ้นปี ๒๕๖๔ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันว่ามีสาเหตุโดยตรงมาจากโรคโควิด-๑๙ ในช่วงเดียวกันนั้นอยู่ที่ ๕.๔ ล้านรายเท่านั้น

ยอดผู้เสียชีวิต ๑๔.๙ ล้านรายข้างต้นเป็นผู้ที่สูญเสียชีวิตจากทั้งโรคโควิด-๑๙ และเสียชีวิตทางอ้อมจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙ เช่น การเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาลเพราะระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับไหว

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ผู้เสียชีวิตที่สูญหายไปนั้นส่วนใหญ่มาจากความบกพร่องในการรายงานตัวเลขเนื่องมาจากความรุนแรงของการระบาดในหลายประเทศที่ทำให้หน่วยงานสาธารณสุขเกินกำลัง โดย WHO คาดว่า ผู้เสียชีวิต ๖ ใน ๑๐ รายนั้นตกหล่นไปจากรายงานทางการ

จาก ข่าวสด (https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_7034023)

https://youtu.be/SZO3unT_mtE


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ค. 22, 09:32
ตัวเลขลดลงอีก วันนี้


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 พ.ค. 22, 11:27
ลดลงอย่างสม่ำเสมอ
ถึงกระนั้นก็ยังต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 22, 07:52
ข่าวดี  ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 พ.ค. 22, 07:58
ข่าวร้าย  :(

เตรียมรับมือโอมิครอนพันธุ์ใหม่ลามไทย

คำตอบคือโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ในแอฟริกาและBA.2.12.1 ในสหรัฐอเมริกากำลังเกิดการระบาดระลอกใหม่ (next wave) เข้ามาแทนที่ BA.2 และมีแนวโน้มสูงที่แพร่ไปทั่วโลกเหมือนเหตุการณ์ระบาดใหญ่ของโอมิครอนจากแอฟริกาใต้เมื่อพฤศจิกายน 2564 ทั้งนี้ จากการศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่าแอนติบอดีที่ร่างกายเราสร้างขึ้น จากการติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 ตามธรรมชาติ (natural infection) ไม่สามารถปกป้องการติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ที่อุบัติใหม่อย่าง BA.4, BA.5 และBA.2.12.1 ได้

https://www.naewna.com/local/651886


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 พ.ค. 22, 10:08
กราฟดิ่งลงอย่างสม่ำเสมอ ทุกวัน
แต่ไม่ควรประมาท  สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ  หลีกเลี่ยงไปในที่แออัด
โรงเรียนใกล้เปิดแล้ว  ระวังสังเกตอาการลูกหลานให้ดีนะคะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 พ.ค. 22, 15:31
รร.เปิดแล้ว


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ค. 22, 11:26
ก็ยังลดอยู่


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 พ.ค. 22, 09:13
 :D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ค. 22, 10:19
ไปฉีดโมเดอน่ามาแล้วค่ะ  เป็นเข็มที่ 4   ร่างกายปกติ ไม่มีอาการข้างเคียง
โควิดลดลงอีกแล้ว


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 พ.ค. 22, 09:39
โควิดขาลง  ลงมาอีกเรื่อยๆ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 พ.ค. 22, 08:01
ขาลง อีกวันหนึ่ง


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ค. 22, 10:03
วันนี้ก็ลงไปอีก


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ค. 22, 15:17
จาก FB 
อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์

มีคนส่งมาถามกันเยอะมากเกี่ยวกับข่าวของคุณหมอท่านนี้ ที่ระบุว่า "นพ. xxxx ผอ.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เรียกร้องยุติการฉีดวัคซีน ที่โฆษณาชวนเชื่อ แต่ป้องกันอะไรไม่ได้เลย ก่อนไทยจะล้มละลายเป็นทาสวัคซีนโฆษณาชวนเชื่อจากต่างชาติ ..... ตอนนี้ คนฉีดวัคซีนเริ่มทยอยตายมากกว่าคนติดโควิด หมอเกือบสองหมื่นคน ออกมาเตือนคนที่ฉีดแล้วอย่าฉีดเพิ่มอีก..คนที่ยังไม่ฉีดก็ไม่ต้องฉีด ฯลฯ"
ขอตอบสั้นๆ เลยว่า เค้าเป็นหมอจริง ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แต่เค้าไม่ใช่ "ผู้อำนวยการโรงพยาบาล " อย่างในแคปชั่นนะครับ (ผอ. รพ. จุฬาลงกรณ์ จริงๆ คือ รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ พี่ชายของอาจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่เป็นว่าที่ผู้ว่า กทม.)  โดยคุณหมอท่านนี้เป็นอาจารย์ด้านจิตเวชศาสตร์  ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน หรือด้านโรคติดต่อ แต่อย่างไร
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาคุณหมอเค้าก็เป็นฝ่ายต่อต้านวัคซีนโควิดมาโดยตลอด ซึ่งผมได้แจ้งไปทางแพทยสภาแล้ว และแพทยสภาก็บอกว่าส่งเรื่องไปที่กระทรวงสาธารณสุขแล้ว (แต่ไม่เห็นว่าจะมีผลอะไรนะครับ)
การที่บอกว่าวัคซีนป้องกันอะไรไม่ได้เลยนี่ ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งนะครับ 
แม้ว่าวัคซีนจะป้องกันการติดโรคไม่ได้เต็มที่อย่างที่บางคนคาดหวัง (ปัญหาใหญ่ คือ เชื้อไวรัสโควิดมันกลายพันธุ์ไปมาก จากเชื้อสายพันธุ์อู่ฮั่นที่เอามาเป็นต้นแบบทำวัคซีน ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดไวรัสนั้นต่ำลง) แต่ชัดเจนว่ามันสามารถช่วยป้องกันการป่วยหนัก และการเสียชีวิตได้ดี โดยจะเห็นว่าข้อมูลผู้เสียชีวิตจากโควิดในแต่ละวันนั้น ส่วนใหญ๋คือคนที่ไม่ฉีดวัคซีนเลย หรือคนที่ฉีดวัคซีนที่ประสิทธิภาพไม่ค่อยสูงและยังไม่ได้ฉีกกระตุ้นเพิ่ม
เอาเป็นว่าผ่านมา 2 ปีแล้วกับการช่วยกันรับมือวิกฤติโควิดนี้ ถ้าใครจะเลือกเชื่อเค้า ไม่ฉีดวัคซีน ก็ตามใจครับ รับความเสี่ยงกันเองตามใจชอบครับ

ที่มา คือข้างล่างนี้ค่ะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 พ.ค. 22, 08:28
โควิดวันนี้ ลดลงอย่างน่าพอใจ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 พ.ค. 22, 12:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕

จำนวนผู้ติดเชื้อค่อย ๆ ลดลงตามลำดับ จากตัวเลขสูงสุดที่ ๑๑,๕๓๕ รายในวันแรกของเดือน (๑ พฤษภาคม) เหลือต่ำสุดที่ ๓,๖๔๙ ราย ในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับ ๒๐ - ๙๐ ราย โดยมีตัวเลขสูงสุดที่ ๙๐ รายในวันแรกของเดือน (๑ พฤษภาคม) และต่ำสุดที่ ๒๑ ราย ในวันสุดท้ายของเดือน (๓๑ พฤษภาคม)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 พ.ค. 22, 12:35
โควิดวันนี้ ลดลงอย่างน่าพอใจ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=7189.0;attach=78055;image)

ข้างบนเป็นรายงานของวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๕  

ข้างล่างเป็นรายงานจริงของวันนี้ (๓๑ พฤษภาคม) จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงต่ำสุดในรอบ ๔ เดือน (นับจากวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 พ.ค. 22, 16:15
 :(


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 มิ.ย. 22, 09:10
ประเดิมวันแรกของเดือนมิถุนายน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 มิ.ย. 22, 09:41
ผู้ป่วยใหม่ ต่ำกว่า ๓๐๐๐ แล้ว


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 มิ.ย. 22, 08:25
 :D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มิ.ย. 22, 08:31
‘โควิด’ เด้งรับสู่โรคประจำถิ่น!เสียชีวิต30รายติดเชื้อรายใหม่3,001ราย

https://www.naewna.com/local/658068


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 มิ.ย. 22, 16:25
 :D
ติดเชื้อน้อยลงกว่า 3000    อัตราเสียชีวิตก็น้อยลงอีก


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 มิ.ย. 22, 13:51
ตัวเลขกลับเขยิบขึ้นมาอีกแล้ว :o :o


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 มิ.ย. 22, 08:35
เตรียมถอดหน้ากากไปสังสรรค์เพื่อนฝูง ต้องกลับมาสวมอีกแล้ว



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 มิ.ย. 22, 08:58
ค่อยยังชั่ว ตัวเลขผู้ป่วยใหม่น้อยลง แต่ก็ยังไม่นิ่งอยู่ดี


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 มิ.ย. 22, 10:14
ลดลงอีก


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 มิ.ย. 22, 10:35
ตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำกว่า ๒,๐๐๐ ราย และผู้เสียชีวิตต่ำกว่า ๒๐ ราย   ต่ำสุดในรอบ ๑ ปี สถานการณ์ของโควิด-๑๙ ใกล้กลับสู่ปรกติก่อนเมษายน ๒๕๖๔

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=7189.0;attach=75823;image) (http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=7189.0;attach=75824;image)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 มิ.ย. 22, 10:50
ข่าวดี


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 มิ.ย. 22, 08:51
ต่ำกว่า 2000 แล้ว  ;D ;D ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 มิ.ย. 22, 12:01
ก็ยังขึ้นมาอีกนิดหน่อย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 มิ.ย. 22, 08:31
ลงมาต่ำกว่า 2000 อีกครั้ง   ;D ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 มิ.ย. 22, 09:20
ยังทรงๆอยู่


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 มิ.ย. 22, 08:26
ผู้ป่วยใหม่ลดลงมาต่ำกว่า 2000 อีกครั้ง  :D :D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มิ.ย. 22, 09:17
วันนี้ผู้ป่วยใหม่พุ่งขึ้นเลย 2000 อีกแล้ว  แต่ยอดผู้เสียชีวิตลดลง
การถอดหน้ากากอนามัยจะทำให้ผู้ติดเชื้อมากขึ้นหรือเปล่า


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มิ.ย. 22, 10:18
เห็นทีจะไม่ลง :-\ :-\
แต่ใจชื้นหน่อยที่สถิติผู้เสียชีวิตยังต่ำกว่า 20  แสดงว่าผู้ป่วยใหม่อาจอาการไม่ร้ายแรงอย่างเมื่อ 2 ปีก่อน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มิ.ย. 22, 10:35
ข่าวไม่ดีเลยค่ะ  :o :o

ศูนย์จีโนมฯ เผยไทยติดโอไมครอน BA.4-BA.5 แล้ว 81 ราย ชี้เชื้อจับเซลล์ปอดมนุษย์ได้ดีขึ้น


ศูนย์จีโนมฯ เผยไทยติดโอไมครอน BA.4 และ BA.5 แล้ว 81 ราย คาดเป็นไปได้สูงที่จะเข้ามาระบาดแทนที่ BA.2.12.1 แถมหนามที่กลายพันธุ์จับกับเซลล์ปอดของมนุษย์ได้ดีขึ้น อันตรายถึงตาย ชี้กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในยุโรป มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2565 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุว่า คำถามที่สอบถามศูนย์จีโนมฯ เกี่ยวกับการระบาดระลอกใหม่ของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 โดยเฉพาะคำถามที่ว่า ประเทศใดในยุโรปที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ และผู้เสียชีวิตเนื่องจากการระบาดของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5 มากที่สุด

ตอบคือ โปรตุเกสกำลังเผชิญกับระบาดของโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ระลอกใหม่ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อต่อล้านคนมีค่าเฉลี่ย 7 วัน อยู่ที่ 2,043 ราย ในวันจันทร์ (20 มิ.ย.65) ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราผู้ป่วยรายใหม่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก แม้ว่าจะลดลงบ้างจากระดับสูงสุดเมื่อต้นเดือนมิ.ย.ที่ 2,878 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คือ 178 คน ในวันที่ 20 มิ.ย.65

คำถามต่อมา จำนวนผู้ติดเชื้อ BA.4, BA.5, และ BA.2.12.1 ที่ตรวจพบในประเทศไทย และอัพโหลดขึ้นบนฐานข้อมูลโควิดโลก หรือ GISAID ปัจจุบันมีจำนวนกี่ราย คำตอบคือ จำนวนผู้ติดเชื้อ BA.4, BA.5, และ BA.2.12.1 ที่ตรวจพบในประเทศไทย ถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม และอัพโหลดข้อมูลรหัสพันธุกรรมขึ้นบนฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID”

ปัจจุบัน (23 มิถุนายน 2565) มีจำนวน 32, 49, 25 ตามลำดับ ทั้งนี้ เฉพาะผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ย่อย BA.4-BA.5 มีจำนวน 81 ราย และเมื่อรวมสายพันธุ์ BA.2.12.1 เข้าไปด้วยรวม 106 ราย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศูนย์จีโนมฯ ระบุว่า ขณะนี้เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 กำลังเกิดความกังวลไปทั่วโลก

ล่าสุดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 มีการกลายพันธุ์บริเวณหนาม เพื่อให้เข้าจับกับเซลล์ปอดของมนุษย์ได้ดีขึ้น เหมือนกับสายพันธุ์เดลต้าที่ระบาด และมีอาการติดเชื้อที่รุนแรงในอดีต ต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม BA.1 และ BA.2 ซึ่งไม่พบการกลายพันธุ์ในบริเวณดังกล่าว

ส่วนหนามของโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5 และ BA.2.12.1 ที่เปลี่ยนแปลงไปสามารถเป็นตัวเชื่อมให้ผนังของหลายเซลล์หลอมรวมเป็นเซลล์เดียว (cell fusion หรือ syncytia formation) ดึงดูดให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อเข้ามาทำลายเกิดการอักเสบ (ของปอด) ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้ (life-threating)

สำหรับโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ขณะนี้กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในยุโรป โดยเฉพาะในอังกฤษเกิดความตื่นตระหนกเป็นพิเศษในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อในอังกฤษเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สืบเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองใหญ่ 4 วันระหว่างวันที่ 2-5 มิ.ย.65 ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการพบปะสังสรรค์ใกล้ชิดโดยไม่สวมหน้ากากอนามัยป้องกัน นำมาสู่ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 43 ในสัปดาห์ถัดมา

นอกจากนี้ ในทวีปอเมริกาเหนือ สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ดูเหมือนจะแพร่ระบาดได้ดีกว่า BA.2.12.1 และมีความเป็นไปได้สูงที่จะระบาดเข้าไปแทนที่ BA.2.12.1 ที่กำลังระบาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา

https://www.isranews.org/article/isranews/109851-isranews-1000-324.html?fbclid=IwAR0cp0-f9nWkHMyiVI2N7X2liftBrBlZ4iV4YHIA9y6Z29f-8Mv_1m18FD0


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มิ.ย. 22, 14:01
จาก FB "อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์"
 

"โควิด โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 เราต้องกังวลมากน้อยแค่ไหน?"
หลังจากที่เริ่มมีรายงานข่าวว่า พบไวรัสโควิด สายพันธุ์โอมิครอน ที่เป็นสายพันธุ์ย่อยใหม่ ชื่อว่า BA.4 และ BA.5 ระบาดมากขึ้นในหลายประเทศ และล่าสุด ก็มีพบจำนวนหนึ่งในประเทศไทยเราด้วย
ทำให้เริ่มเกิดคำถามว่า เราจะต้องกังวลเกี่ยวกับเชื้อตัวนี้ มากน้อยแค่ไหน ? ต้องเตรียมการรับมืออะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ?
ดังนั้น ผมลองสรุปข้อมูลที่พอจะหาได้ มาให้พิจารณากันนะครับ
- โควิดสายพันธุ์โอมิครอนนั้น มีวิวัฒนาการกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ อย่างเช่น สายพันธุ์ย่อย BA.2 ซึ่งระบาดเป็นหลักในประเทศไทยเราช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
- แต่ตอนนี้ มันก็มีวิวัฒนาการไปอีก เป็นสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 (ดูแผนภูมิในรูปประกอบ) ซึ่งมีอัตราการแพร่ระบาดที่เร็วขึ้นกว่าเดิม มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อในปอดได้มากขึ้น ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วมันอาจจะเป็นตัวที่อันตรายขึ้นกว่าโอมิครอนเดิม (คือ BA.2) แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานโดยตรง ว่ามันทำให้เกิดอาการของโรคที่ซีเรียสขึ้นจริง
- แม้จะฟังดูน่ากังวล แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณชี้บ่งว่ามันจะทำให้เกิด "คลื่น (wave) " การแพร่ระบาดใหญ่ และมีผู้เสียชีวิตมากมายขึ้นอีก แต่อาจจะมีการเพิ่มขึ้นบ้างพอเห็นเป็นพีค และผู้ที่จะเสี่ยงชีวิตกับเชื้อนี้ ก็ยังคงเป็นกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือไม่เคยติดเชื้อโควิดมาก่อน
- ตอนนี้ สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิดกว่า 97% ที่ระบาดอยู่ทั่วโลกนั้น เป็นโอมิครอน โดยมีสายพันธุ์ย่อย BA.2 มากที่สุด (39% ของพวกโอมิครอนทั้งหมด) ขณะที่สายพันธุ์ย่อย BA.2.12.1 มีอยู่ 28%,   BA.5 มี 6%, และ  BA.4 มี 3%
- แต่การที่สายพันธุ์ย่อยหลังๆ นั้น เริ่มมีมากขึ้น และอาจจะเข้าแทนที่ BA.2 ได้ องค์การ อนามัยโลก (WHO) จึงกำหนดให้พวกมันเป็น “สายวิวัฒนาการ ที่กำลังจับตามอง ของสายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variant of Concern lineages under monitoring)
- มีรายงานการระบาดของ  BA.4 และ BA.5 ในประเทศอัฟริกาใต้ และประเทศโปรตุเกส ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นจนเป็นพีค และตอนนี้ก็มีรายงานว่าเชื้อทั้ง 2 สายพันธุ์ย่อยนี้ มีอัตราส่วนเพิ่มมากขึ้น ในประเทศยุโรปอื่นๆ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา โดยมีแนวโน้มว่าอาจจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในอนาคต
- ประเด็นที่นักวิทยาศาสตร์กังวลกันของเชื้อพวกนี้ (ทั้ง BA.4 ,  BA.5 และ BA.2.12.1) ก็คือการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นที่ยีนโปรตีนหนาม ในตำแหน่ง LR452 ที่อาจจะเป็นตัวการทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ย่อยเดิม
- รวมทั้ง พวกมันเหมือนจะติดเชื้อที่เนื้อเยื่อปอดได้มากขึ้น ซึ่งคล้ายคลึงกับสายพันธุ์อื่นๆ อย่าง อัลฟ่า Alpha หรือ เดลต้า Delta (โอมิครอนตัวเก่า อย่างสายพันธุ์ย่อย BA.1 และ BA.2 มักจะเชื้อที่เนื้อเยื่อทางเดินหายใจตอนบน  เช่นเซลล์บุในโพรงจมูก มากกว่า
- ข้อมูลเบื้องต้นจากงานวิจัยของ  Kei Sato และคณะที่มหาวิทยาลัยโตเกียว แสดงให้เห็นว่า  BA.4/5 และ BA.2.12.1 นั้นเพิ่มจำนวนในเซลล์ปอดของคน ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า BA.2
- ส่วนการทดลองของพวกเขา ในหนูแฮมสเตอร์ ก็พบว่า BA.4 และ BA.5  สามารถทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงได้  (แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานในมนุษย์ก็ตาม) รวมถึงการที่มันเพิ่มจำนวนได้มากขึ้น และอาจจะดื้อต่อภูมิคุ้มกันของร่างกายหนู ที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อก่อนหน้านั้น
- เป็นไปได้ว่า ที่ BA.4 และ BA.5 จะมาแทนที่สายพันธุ์อื่นได้นั้น เนื่องจากว่ามันมีความสามารถในการที่จะหลบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่เกิดจากการที่เคยติดเชื้อหรือจากการฉีดวัคซีน จนทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้
- อย่างไรก็ตาม วัคซีนก็ยังเป็นเกราะป้องกันที่ดี ต่อการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากเชื้อพวกนี้ การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นบูสเตอร์ ก็ยังมีแนวโน้มที่จะสามารถช่วยเสริมระดับภูมิคุ้มกันในร่างกาย ในการรับมือกับสายพันธุ์ย่อยใหม่นี้
#สรุป เชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 อยู่ในกลุ่มของเชื้อที่ต้องจับตามอง ว่าจะมาแทนที่สายพันธุ์ย่อยเดิม อย่าง BA.2 เมื่อไหร่ ... ซึ่งการคาดการณ์ที่มีอยู่ขนาดนี้ ยังไม่มีตัวชี้บ่งว่า จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดที่รุนแรง และมีผู้เสียชีวิตมาก เหมือนช่วงปีก่อนๆ ... การฉีดวัคซีน และฉีดกระตุ้น ยังเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ในการปกป้องตนเองและสังคม จากการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ด้วยสายพันธุ์ย่อยเหล่านี้ครับ

ข้อมูล จาก https://www.gavi.org/.../how-bad-fresh-wave-covid-19...
ภาพ จาก https://www.nature.com/articles/d41586-022-01240-x


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 มิ.ย. 22, 08:50
ยังทรงๆอยู่เหนือ 2000


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 22, 12:05
เริ่มสัปดาห์ปลายเดือนมิย.  ผู้ป่วยใหม่ลดลง  ผู้เสียชีวิตลดลง


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 27 มิ.ย. 22, 12:31
เรียนตามตรงว่า ยังไงก็ยังไม่สบายใจอยู่ดีค่ะ ผับ บาร์ สถานที่อโคจรเปิดกันเต็มที่แล้ว คอนเสิร์ตที่มีคนรวมตัวกันเป็นพันก็เริ่มแล้ว :-\


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 22, 16:01
คุณ Anna แม่นยิ่งกว่าหมอดูค่ะ  เราคงได้สวมหน้ากากกันไปจนสิ้นปีเป็นอย่างน้อย

ศิริราช เตือนอย่าประมาท "ผ่อนคลายสวมหน้า" เผย โอมิครอน BA.4 – BA.5 เกาะเซลล์ปอดมากกว่า BA.2

คณบดีศิริราช เตือนโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 อันตรายกว่า BA.2 เหตุ เกาะเซลล์ปอดมากกว่า แนะ อย่าประมาทกับมาตราการ "ผ่อนคลายสวมหน้า"

จากกรณี ราชกิจจาฯ ประกาศผ่อนคลายสวมหน้ากากอนามัย ให้เป็นไปโดยความสมัครใจ พร้อมทั้งสามารถเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวข้ามจังหวัดภายใต้กฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่กำหนดตามปกติ มีผลทันที ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น


ล่าสุด วันนี้ (27 มิ.ย.) คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล "ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา" ได้ออกมาระบุถึงการผ่อนคลายการสวมหน้ากาก ว่า

"เรื่องนี้ประกาศเพื่อบอกว่าไม่ได้บังคับให้สวมหน้ากากแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าต้องถอดออก โดยเฉพาะตอนนี้ที่มีโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 โดยเชื่อว่าประชาชนจะระวังตัวมากขึ้น เพราะยังต้องเฝ้าติดตามความรุนแรงของโรค โดยคาดว่าอีก 2 สัปดาห์จะเห็นภาพชัดเจนของ BA.4 และ BA.5 มากขึ้น

สำหรับสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.4 และ BA.5 พบข้อมูลมาหลายเดือนแล้ว โดยเฉพาะประเทศทางยุโรปที่พบอัตราติดเชื้อกลับมาสูงขึ้นเป็นหมื่นรายต่อวัน ซึ่งข้อมูลตอนนี้พบว่าสายพันธุ์ย่อยเริ่มไปทดแทนสายพันธุ์ย่อย BA.2 เนื่องจาก BA.4 และ BA.5 แบ่งตัวเร็วกว่า แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ารุนแรงมากกว่า เพราะยังไม่มีหลักฐานการป่วยจนเข้า รพ. อาการรุนแรงถึงเสียชีวิตที่ชัดเจน แต่ยังต้องเฝ้าติดตาม

อีกทั้งการที่มีการแพร่ระบาดเร็วขึ้นมองได้ 2 แง่ ได้แก่ 1.ตำแหน่งการกลายพันธุ์ 2.คนเริ่มผ่อนคลายมาตรการหน้ากากอนามัย จึงมีโอกาสที่แพร่กระจายได้มากขึ้น รวมถึงกิจกรรมสังคมที่มากขึ้นด้วย ซึ่งหลายประเทศก็ไม่ได้ตรวจหาเชื้อกันแล้ว ดังนั้นที่เห็นผลตรวจเป็นหมื่นราย แสดงว่ายอดจริงต้องมากกว่านั้น

สิ่งที่ต้องย้ำ คือ 1.วัคซีน เพราะข้อมูลการศึกษาของ BA.4 และ BA.5 มีแนวโน้มว่าอาจจะเกาะเซลล์ปอดได้มากกว่า BA.2 แต่ยังไม่ต้องไปเทียบกับเดลต้า เพราะไม่มีหลักการว่าจะรุนแรงมากกว่า จากคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ศึกษาข้อมูลประชากรกว่า 5 แสนคน พบว่าการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ป้องกันติดเชื้อได้ 25% แต่ถ้าฉีด 4 เข็มก็จะเพิ่มสูงถึง 70-75% สำหรับตนแนะนำให้ฉีด 4 เข็มในกลุ่มคนทั่วไป และบุคลากรทางการแพทย์ด่าหน้า เป็นเข็ม 5 ได้เลย ซึ่งหลายคนได้รับแล้ว

2.คนไทยต้องกระชับตัวเอง เพราะเราบังคับนักท่องเที่ยวได้ยาก
ดังนั้นเราต้องป้องกันตนเองด้วยมาตรการเดิม สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือ เพราะเรายังมีเด็กต่ำกว่า 5 ขวบที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ขณะที่คนเคยติดโควิดจะติดเชื้อซ้ำได้ใน 4-6 เดือน ก็อาจจะสั้นกว่านั้นเพียงแต่คนไม่ได้ตรวจ

โอกาสที่โควิดจะกลับมาระบาดมากแบบระลอกเดลต้าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะคนฉีดวัคซีนกันมาก ระวังตัวมากขึ้น ซึ่งขอเน้นย้ำว่าเรายังคงต้องป้องกันตัวเองให้มากขึ้น หากพบว่าเริ่มมีสัญญาณรุนแรงมากขึ้น เราก็เตรียมกลับมาตั้งรับ"

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000060982


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 22, 08:30
ลดลง


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 22, 11:46
'หมอโอภาส' เตือนปีนี้ทั้งปีจะมีลูกหลานของ 'โอมิครอน' ระบาดกันเป็นระลอก ไวรัสจะเก็บตกคนที่ยังไม่ติด

'หมอโอภาส' เตือนปีนี้ทั้งปีจะมีขบวนพาเหรดลูกหลานของ'โอมิครอน' ระบาดกันเป็นระลอก ไวรัสจะเก็บตกคนที่ยังไม่ติด เพราะจะมีการเปลี่ยนแปลงให้ติดง่ายกว่าเดิม สร้างกำแพงต้านการติดเชื้อไม่ได้ แต่ต้านโรคที่รุนแรงได้จากวัคซีน

29 มิ.ย.2565- นพ.โอภาส พุทธเจริญ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โพสต์ข้อความ หัวข้อ ซีซั่นของ BA.4 และ BA.5 มีเนื้อหาดังนี้

 ปีนี้ทั้งปีจะมีขบวนพาเหรดลูกหลานของโอมิครอนระบาดกันเป็นระลอก ไวรัสจะเก็บตกคนที่ยังไม่ติด เพราะไวรัสจะมีการเปลี่ยนแปลงให้ติดง่ายกว่าเดิม คนก็จะวนเวียนอยู่กับการติดเชื้อทั้งในคนที่ฉีดวัคซีนไปแล้วและติดเชื้อซ้ำในคนที่เคยติดเชื้อมาก่อน ข้อมูลของคนที่เคยติดเชื้อซ้ำจากยุโรปอยู่ที่ 0.7-0.9% แต่จริงๆตัวเลขน่ามากกว่านี้ การติดเชื้อซ้ำยังไม่มีอาการหนัก

ทั่วโลกสัดส่วนของ BA.4 BA.5 เพิ่มขึ้นกำลังแทนที่สายพันธุ์เดิม น่าจะเป็นสายพันธุ์ร่วมที่ทำให้มีการระบาดระลอกใหม่เล็กๆในหลายประเทศ หลังจากนี้ก็จะมีลูกหลานโอมิครอนระบาดเป็นระลอกเล็กๆน้อยๆ ยังเราคงสร้างกำแพงต้านการติดเชื้อไม่ได้ แต่ต้านโรคที่รุนแรงได้จากวัคซีน -ซึ่งอย่างน้อยการได้เข็มกระตุ้นจะช่วยได้


ส่วนข้อมูลของความรุนแรงของ BA.4 BA.5ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าร้ายกว่าโอมิครอนตัวดั้งเดิม ในแอฟริกาใต้ดูเหมือนว่าจะรุนแรงน้อยกว่าโอมิครอน BA.2 แต่ยุโรปบางประเทศก็บอกว่าความรุนแรงพอๆกับโอมิครอน ดูจากอัตราการนอนโรงพยาบาล ปอดอักเสบ อัตราการเสียชีวิต) ส่วนข้อมูลในห้องทดลองดูรุนแรงแต่ในคนอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ยังไม่น่าตกใจมาก เพราะในคนความรุนแรงจะน้อยลงอย่างมากถ้ายังมีภูมิจากวัคซีนช่วย

ส่วนที่โรงพยาบาลตอนนี้คนไข้นอกเริ่มกลับมาแน่นอีกครั้ง เตียงคนไข้ในจะกลับมาตึงๆขึ้น แต่คนไข้หนักของแต่ละโรงพยาบาลจะขึ้นอยู่กับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในแต่ละที่

เศรษฐกิจยังต้องเดินต่อและทำความคุ้นเคยกับไวรัสที่อยู่ด้วยกันไปอีกนาน สิ่งที่สำคัญคือ ภูมิคุ้มกัน วัคซีน ยาต้านไวรัส สำหรับคนกลุ่มเสี่ยงเสียชีวิต

https://www.thaipost.net/covid-19-news/171070/?fbclid=IwAR1qz32fotiWFHik9_L3FpMIY3fbxU7PlJxoM539MNsont3x4ybRHeUA2pc


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 22, 11:51
ผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว  แต่อัตราผู้เสียชีวิตลดลง


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 มิ.ย. 22, 10:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนมิถุนายน ๒๕๖๕

จำนวนผู้ติดเชื้อค่อย ๆ ลดลง จากต้นเดือนตัวเลขประมาณ ๓,๐๐๐ ราย จนต่ำสุดที่ ๑,๗๑๔ รายในวันที่ ๒๑ มิถุนายน หลังจากนั้นตัวเลขมีแนวโน้มสูงขึ้นจนถึงสิ้นเดือน

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับ ๑๕ - ๓๐ ราย โดยมีตัวเลขสูงสุดที่ ๓๔ รายในวันที่ ๒ มิถุนายน และต่ำสุดที่ ๑๓ ราย ในวันที่ ๒๘ มิถุนายน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 22, 09:46
ต้องถอนหายใจว่า เริ่มเดือนกรกฎาคม  ตัวเลขคนไข้ใหม่ ดีดตัวขึ้นไปเกิน 2000 อีกครั้ง  แต่อัตราผู้เสียชีวิตยังอยู่ในหลักสิบ ก็ค่อยยังชั่ว
ท่านที่ถอดหน้ากากออก  ก็ขอให้รู้ว่าตอนนี้โควิด จะตัวเก่าหรือตัวใหม่ก็ตาม ยังไม่หยุดแพร่กระจายนะคะ  


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ค. 22, 11:56
ยังทรงๆ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ก.ค. 22, 10:35
๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕

สถานการณ์ระบาดของไทย จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า

จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ ๑๒ ของโลก และอันดับ ๒ ของเอเชีย แม้สาธารณสุขไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ ๑ พฤษภาคม จนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม

มองสถานการณ์ครึ่งหลังของปี ๒๕๖๕ : BA.5 การระบาดระลอกที่ ๕ ของไทย

ลักษณะการระบาดของ BA.5


เท่าที่ติดตามข้อมูลมา ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่มี BA.5 ระบาดมาก่อนเรานั้น ตอนนี้มีราว ๒๐% ที่มี peak สูงกว่าระลอกก่อนหน้า โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เสรีใช้ชีวิตโดยไม่ป้องกันตัว กิจกรรมเสี่ยง ความแออัด รวมถึงคำแนะนำในการปฏิบัติตัวจากหน่วยงานรัฐ

สมรรถนะของประชาชนในการติดตามสถานการณ์

ระบบรายงานสถานการณ์ในปัจจุบันของไทย ไม่สะท้อนสถานการณ์จริง เพราะเลือกรายงานเฉพาะเคสที่ป่วยและเดินทางมารับการดูแลรักษาที่โรงพยาบาล รวมถึงจำนวนเสียชีวิตที่ไม่มีโรคร่วม

ดังนั้นประชาชนจึงไม่สามารถใช้ข้อมูลเพื่อติดตามประเมินสถานการณ์ เพื่อตัดสินใจประพฤติปฏิบัติได้อย่างทันเวลา ต้องรอแถลงจากหน่วยงาน ซึ่งก็จะไม่รู้ว่าอยากจะแถลงอะไร เมื่อไหร่ และเป็นเศษส่วนเท่าไหร่ของข้อมูลทั้งหมดที่ควรจะรู้ ทำให้ตกอยู่ในสภาพตาบอดคลำช้างได้

การเปลี่ยนแปลงของระบบบริการดูแลรักษา

หลัง ๑ กรกฎาคมเป็นต้นมา สธ.และสปสช. ยกเลิกบริการระบบ home isolation และให้ประชาชนที่มีสิทธิรักษาพยาบาลไปรับการดูแลรักษาตามสิทธิ

นั่นแปลว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งมีสิทธิบัตรทอง หากตรวจ ATK พบว่าติดเชื้อ หรือมีอาการไม่สบายที่สงสัยว่าเป็นโควิด-๑๙ ก็จะต้องเดินทางไปสถานพยาบาลเอง เพื่อขอรับบริการเจอแจกจบที่สถานพยาบาล

ความเสี่ยงและผลกระทบย่อมเกิดขึ้นหลายเรื่อง เช่น

๑. คนเบี้ยน้อยหอยน้อยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปสถานพยาบาลเพื่อรับการดูแลรักษาเจอแจกจบ

๒. คนจำนวนไม่น้อย จะชั่งใจคิดว่าจะคุ้มไหม ที่ต้องเสียเวลารอที่โรงพยาบาล และเสียค่าใช้จ่ายเดินทางไปกลับ เพื่อรับยาที่มีประสบการณืและทัศนคติในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นยาสามัญประจำบ้าน ไม่ใช่ยาต้านไวรัสรักษาเฉพาะโรค ดังนั้นจึงเลือกที่จะไม่ไป ไม่มีรายงานสถานะการติดเชื้อเข้าระบบ ทำให้ระบบเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ที่มีของหน่วยงานรัฐมีตัวเลขเรื่องการระบาดน้อยกว่าสถานการณ์จริง หากโรคระบาดนี้รุนแรงภายหลัง หรือก่อให้เกิดผลกระทบระยะยาว เช่น ปัญหา Long COVID ตามมา กว่าจะรู้ตัว ก็จะเป็น big wave ของผลกระทบ ยากที่จะรับมือได้ทัน เพราะความไวของระบบไม่มากพอที่จะตามสถานการณ์ได้

๓. ปรากฏการณ์ตรวจเองพบว่าติดเชื้อ แต่ไม่แจ้ง ไม่รักษา ไม่แยกกักตัว อาจเพิ่มขึ้น เพราะระบบช่วยเหลือสนับสนุนทางสังคมไม่มีหรือระบบมีแต่เป็นแบบ Risks beyond benefits  ก็ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาการระบาดที่แพร่กระจายต่อเนื่องในสังคมได้

๔. หลังปรับมาให้มารับบริการเจอแจกจบ การเดินทางมาสถานพยาบาลของผู้ติดเชื้อย่อมมีโอกาสเกิดผลกระทบตั้งแต่การแพร่เชื้อระหว่างการเดินทางในขนส่งสาธารณะ และโอกาสแพร่เชื้อติดเชื้อกันมากขึ้นในสถานพยาบาล เพราะจำนวนผู้รับบริการในสถานพยาบาลที่แออัดอยู่เดิมจากโรคต่าง ๆ ที่ไม่ใช่โควิด-๑๙

ภาพรวมจะเห็นได้ว่า จะเป็นลักษณะที่คนในสังคมจะตามสถานการณ์ได้ยาก ความเสี่ยงในสังคมระหว่างการใช้ชีวิตจะสูง และต้องพึ่งพาตนเอง

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (https://www.facebook.com/1607465964/posts/pfbid0QWTk285kmbmxvg7rMiQi6DHgm5VqkFs29UxFR3tqpYB4eVBEc9e57XoWFEdowkrSl/?d=n)
ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ก.ค. 22, 18:07
ต้องขอออกมาเตือนกันให้ดัง ๆ ว่า สถานการณ์โควิดขณะนี้เขม็งเกลียวขึ้นมาใหม่ ทุกคนและทุกฝ่ายต้องช่วยกันประคองภาพรวมไม่ให้กลับไปทรุดหนักอีกรอบ แล้วรอลุ้นให้เกิดการปรับฐานโรคซาลงในช่วงอีก ๒-๓ สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อจะได้ร่วมเดินหน้าผลักดันประเทศที่กะปลกกะเปลี้ยกันต่อไป

สถานการณ์ที่บ้านริมน้ำเริ่มตึงมือมากว่าสัปดาห์แล้ว จำนวนผู้ป่วยโควิดที่จำเป็นต้องรับเข้าโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งส่วนน้อยที่ป่วยจากโควิดโดยตรง และส่วนใหญ่ที่ป่วยจากโรคอื่นแต่มีการติดเชื้อโควิดร่วมด้วย จนทำให้บุคลากรด่านหน้าที่กันไว้จำนวนหนึ่งสำหรับงานโควิด ต้องกลับมาทำงานกันหนักขึ้นจากเดิมกว่าเท่าตัว และต้องวิ่งวุ่นหมุนเตียงกันมือระวิง เพื่อลดจำนวนคนไข้ที่ตกค้างรอรับไว้ในโรงพยาบาล สภาพเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลใหญ่อีกหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สวนทางกับตัวเลขรายวันที่แจ้งว่ายังมีเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดเหลืออีกมาก ตัวเลขที่ว่านั้นเป็นแค่กรอบจำนวนเตียงที่จะขยายขึ้นได้ภายใต้เงื่อนไข แต่ที่มีใช้งานอยู่จริงตอนนี้เริ่มร่อยหรอเต็มที ส่วนกรอบที่จะขยายได้ก็ถูกนำไปใช้กับผู้ป่วยอื่นที่ไม่ใช่โควิดจนเกือบไม่เหลือหรอแล้ว

จากข้อมูลที่รับทราบมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยจริงเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน น่าจะอยู่ที่ราววันละห้าหมื่นคนแล้ว ต่างกับตัวเลขรายวันที่เราเห็นกันในรายงาน แถมยังมีปรากฏการณ์ยอดตกช่วงต้นสัปดาห์เช่นดังรูปของวันนี้ ซึ่งเป็นผลจากระบบการตรวจหาเชื้อและรายงานผลช่วงวันหยุด ส่วนตัวเลขผู้ป่วยอาการรุนแรงที่เพิ่มขึ้นจาก ๖๐๐ แล้วมาหยุดแถวก่อน ๗๐๐ ดังในอีกรูปนั้น ก็เป็นผลจากระบบการรายงานที่จะมียอดวิ่งเข้ามาเป็นก้อน ๆ ไม่ได้สม่ำเสมอในทุกวัน

(https://www.prachachat.net/wp-content/uploads/2022/07/ATK4-1024x685.png)

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของระบบการเบิกจ่ายเงินค่าตรวจรักษาโรคโควิด-๑๙ ในรูปแบบเดิม เพื่อเปลี่ยนผ่านเข้าสู่รูปแบบปกติของระบบสุขภาพพื้นฐาน เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้าเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ที่ได้เตรียมการรองรับกันไว้มานานก่อนหน้าแล้ว เมื่อประกอบกับสถานการณ์การระบาดที่กลับปะทุขึ้นใหม่ แม้จะยังไม่แรงถึงครึ่งหนึ่งของช่วงพีคโอไมครอนครั้งก่อน แต่ต้นทุนประเทศในการดูดซับปัญหาเราร่อยหรอยอบแยบเต็มที ทั้งด้านงบประมาณและด้านบุคลากร หากไม่ออกแรงฮึดช่วยกันชะลอควบคุมการระบาดให้อยู่มือ อาจเห็นมีผู้ป่วยอาการรุนแรงตกค้างในชุมชนและจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น แล้วคงหลีกเลี่ยงดราม่าครั้งใหม่ไม่พ้นแน่

ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐต้องบอกความจริง และออกมาเตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ ไม่ใช่คอยแต่ให้ท้ายเพื่อปลดหน้ากากหรือเพิ่มกิจกรรมทางสังคมที่เสี่ยงแต่เพียงด้านเดียว

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล (https://www.facebook.com/100002870789106/posts/pfbid02RgHEhzWjhCFLQeWU1iKLvKHzyvjVW8MrSwK52dac1vxACMThaDMUSfbAx1c1obFkl/?d=n)
หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.ค. 22, 10:19
เตือนจริง‘โควิด’ระบาดระลอกใหม่ จ่อชง ศบค. ลดวันรักษา-กักตัว สูตรใหม่เหลือ 5+5

"หมอโอภาส" แจงดราม่า"หมอหนู"กักตัวเกิน 10 วัน ไม่ทำอันตรายใคร บอกโรคประจำถิ่น สธ.ปรับมาตรการพร้อม เหลือเรื่องข้อกฎหมาย แต่สุดท้ายรอศบค.เคาะศุกร์นี้

วันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ที่ทำเนียบฯ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการกักตัวของผู้ป่วยโควิด-19 ว่า เดิมกำหนดให้มีการกักตัว 7+3 วัน คือกักตัว 7 วันสังเกตอาการอีก 3 วัน แต่ล่าสุดคณะกรรมการวิชาการได้ลดเหลือ 5+5 ซึ่งจะรอนำเข้าที่ประชุมศบค.วันศุกร์ที่ 8 ก.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นสถานการณ์มีการรองรับเตียงอย่างไรบ้าง นพ.โอภาส กล่าวว่า เราทราบดีว่าสถานการณ์การติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องมีการแจ้งเตือน ซึ่งการที่ติดเชื้อมากขึ้นมาจาก 2 ปัจจัย คือ 1.ตอนนี้กิจกรรมเราเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเจอในงานเลี้ยง งานปาร์ตี้ และ 2.มาจากเชื้อ BA.4 , BA.5 ที่ติดเชื้อเร็วขึ้นแต่พบว่าความรุนแรงของโรคไม่ได้มากขึ้นตามไปด้วย นพ.โอภาส กล่าวว่า ที่เรากำลังตามดูขณะนี้คือภาวะการรองรับด้านการรักษาผู้ป่วยหนักมากขึ้นหรือไม่ เตียงรองรับพอหรือไม่ แต่ภาพรวมของประเทศผู้ป่วยหนักไม่ได้มากขึ้น แต่เป็นสัดส่วนจำนวนเคสที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ส่วนใหญ่ตอนนี้ติดเชื้อก็รักษาตัวอยู่บ้าน กินยาก็หายเองได้ ดังนั้นเตียงตามโรงพยาบาลยังเพียงพอ เหลือแต่ที่ กทม.เท่านั้น เนื่องจากกทม.มีระบบที่ซับซ้อน บางคนอาการเบาแต่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลเนื่องจากมีเรื่องของประกันสุขภาพที่ระบุว่าต้องนอนโรงพยาบาล ทำให้เสียเตียงไปจำนวนหนึ่ง

เมื่อถามถึงกรณีที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังสาธารณสุขทั่วประเทศ จะทำให้ประชาชนหวั่นวิตกหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะปลัดสาธารณสุข แต่ทราบว่าทางปลัดกระทรวงมหาดไทยก็หนังสือแจ้งไปยังหน่วยราชการด้วยเหมือนกัน ซึ่งเป็นการเตือนหน่วยราชการให้ระมัดระวัง เข้มงวด และเตรียมพร้อม ทั้งนี้ถือเป็นมาตรการเตรียมความพร้อมตามปกติ ซึ่งการเตรียมพร้อมดีกว่าไม่เตรียมพร้อม  พวกเราก็ต้องเตรียมพร้อมด้วย

อ่านรายละเอียดได้ ที่
https://www.naewna.com/politic/664652


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ค. 22, 20:28
สะพรึง!รร.กรุงเทพคริสเตียน ระส่ำติดโควิดกว่า700คน ประกาศปิด9วัน

กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เปิดเทอม 8 สัปดาห์ นักเรียน-บุคลากร ติดเชื้อโควิดพุ่งรวดเร็วกว่า 700 คน ออกประกาศเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียน ออนไลน์ 11-19 ก.ค.นี้ด่วน!
7 กรกฎาคม 2565



https://www.dailynews.co.th/news/1227184/?fbclid=IwAR21iPB5u8ymwAc0s5XY_3Z9FSF7M8sArdHrgzNyShViH5KneSpU_0ctFSQ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ค. 22, 11:11
สาธิตเกษตรฯออกประกาศ กลับมาเรียนออนไลน์

โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ออกประกาศเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 เรื่องการเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน โดยระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยง การแพร่กระจายของเชื้อโรคและตัดวงจรการแพร่ระบาด โรงเรียนจึงพิจารณาจัดรูปแบบการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 ถึง 12 กรกฎาคม 2565 และกลับมาเรียนปกติในวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม 2565

https://www.prachachat.net/education/news-975244


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ค. 22, 09:55
ตัวเลขทางการลดลง  แต่...ยังต้องตั้งการ์ดอย่างเคร่งครัด


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 ก.ค. 22, 08:35
๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เป็นวันแรกที่ระบุว่า การนับตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ เป็น จำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล (By RT-PCR & ATK)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.ค. 22, 09:20
แปลว่า ผู้ป่วยที่ไม่เข้ารพ. รักษาตัวอยู่กับบ้าน  ไปสถานีอนามัย  ฯลฯ ไม่นับ

*******************************
ส่งต่อกันมาใน Facebook

เมื่อวานนี้มีแพทย์ท่านหนึ่งติดโควิดแล้วหาเตียงตามสิทธิ UC รักษาในรพ.ของรัฐไม่ได้
ขณะนี้อาการหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ใน ICU รพ.เอกชนแห่งหนี่ง
ทุก ๆ วันมีญาติ ๆ และเพื่อน ๆ ปรึกษาผมมาวันละหลาย ๆ รายว่าติดโควิดแต่หาที่รับยาและ/หรือหาเตียงในรพ.ไม่ได้
ซึ่งมีในทุก ๆ สิทธิของระบบการรักษา และเพื่อน ๆ แพทย์ต่างก็ปรารภมากับผมว่าพบเหตุการณ์แบบเดียวกันจำนวนมาก

ในฐานะที่ผมเป็นแพทย์คนหนึ่งที่ยังตรวจผู้ป่วยที่รพ.อยู่เป็นประจำ ประเมินจากสถานการณ์จริงว่าขณะนี้น่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มในแต่ละวันเกินกว่าห้าหมื่นคนอย่างแน่นอน
มีทั้งแบบไม่มีอาการ  แบบอาการน้อยและแบบอาการหนัก (ทั้ง 3 แบบต่างก็แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ทั้งสิ้น) ซึ่งเพื่อน ๆ แพทย์ของผมที่อยู่หน้างานจริงต่างก็คิดเหมือน ๆ กัน

ดังนั้นผมจึงขอให้พี่น้องประชาชนทุก ๆ ท่านอย่าประมาทและการ์ดอย่าตกอย่างเด็ดขาดเพราะบางรายแม้ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 608 และฉีดวัคซีนแล้วไม่ต่ำกว้า 3 เข็มติดแล้วต้องใส่ท่อช่วยหายใจก็ยังมีให้เห็น

อีกทั้งโควิดไม่เหมือนไข้หวัดใหญ่ที่หายแล้วจบ หากแต่ภายหลังหายแล้วระยะหนึ่งอาจเกิด MIS-C (Multisystem Inflammatory  Syndrome in Children) กับลูกหลานของท่านซึ่งเป็นการอักเสบของหลาย ๆ อวัยวะพร้อม ๆ กันทำให้อาจเสียชีวิตได้

รวมทั้งทุก ๆ ท่านที่ติดเมื่อหายแล้วยังอาจเกิด Long Covid ในระยะยาวที่มีอาการได้ทั้งทางสมองและทางร่างกายทุก ๆ ส่วน กับท่านได้อีกด้วยนะครับ

ด้วยความรักและความห่วงใย
ศ.คลินิกเกียรติคุณนพ.อำนาจ กุสลานันท์
อดีตนายกแพทยสภา


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ก.ค. 22, 12:35
กรมการแพทย์ ออกแนวทางเวชปฏิบัติ ฉบับปรับปรุงใหม่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ปรับลำดับให้ยากลุ่มเสี่ยง คือ ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงหรือมีโรคร่วมสำคัญ กำหนดการรักษาผู้ติดโควิด-๑๙ แบ่งเป็นตามความรุนแรงของโรคและปัจจัยเสี่ยงออกเป็น ๔ กลุ่ม

https://www.facebook.com/MorningNewsTV3/videos/1214955432587315/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ก.ค. 22, 10:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๕

จำนวนผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล (เริ่มระบุวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕) ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ในระดับ ๑,๖๐๐ - ๒,๖๐๐ ราย

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับ ๑๕ - ๓๗ ราย โดยมีตัวเลขสูงสุดที่ ๓๗ รายในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม และต่ำสุดที่ ๑๕ ราย ในวันที่ ๙ กรกฎาคม


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ส.ค. 22, 08:35
มีข่าวดีมาบอก ;D

ยาต้านโควิดที่ชื่อว่า “โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ของบริษัท Merck ได้ผลดีมาก จากศึกษาการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในกลุ่มตัวอย่าง ๗๗๕ ราย กินวันละ ๒ ครั้ง นาน ๕ วัน มีแค่ ๗.๓% ที่ป่วยเข้าโรงพยาบาล และไม่มีใครตายด้วยโควิดเลย ส่วนอีกกลุ่มตัวอย่างหนึ่งที่ให้ยาหลอก (Placebo) ป่วยเข้าโรงพยาบาล ๑๔.๑% และตายด้วยโควิด ๘ ราย

ยาดีแต่ขาดแคลน :o

ยา Molnupiravir ที่ได้รับการยอมรับให้ใช้เป็นยากิน ที่ได้ผลดีเป็นอันดับ ๒ ของโลก (ตามรายงาน ของ สหรัฐ) และมี ประเทศใน ยุโรป และประเทศที่เจริญแล้ว ใช้กันแพร่หลาย ตัวนี้ ได้ผลดี รองจาก Paxlovid ที่ รายงานว่าเป็นยากินที่ใช้ได้ผลดี เป็นอันดับหนึ่ง (แต่ผลข้างเคียงค่อนข้างเยอะ หลายคน เลยยังไม่ค่อยกล้าใช้  ตัวเลือกต้น ๆ ของหมอ เลยยังเป็น Molnupiravir กันมากกว่า)

ยานี้ US FDA ได้รับการอนุมัติฉุกเฉิน เร่งด่วนให้ออกมา ใช้รักษาคนไข้โควิดกันทั่วโลก

แต่ของไทยเรา ยังถูกจำกัดการนำเข้าและนำมาใช้ มีใช้แค่รัฐนำเข้ามาจำนวนน้อยมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่เพียงพอและประชาชนเข้าถึงยาก ส่วนที่มีข่าวว่าองค์การเภสัชผลิตเอง ก็ยังไม่เห็นออกมาสู่ตลาด เรียกว่ายายังขาดแคลนมาก เมื่อเทียบกับจำนวนคนป่วยที่เพิ่มขึ้น หลังเราผ่อนคลายมาตรการลง ขนาดรัฐมนตรีติดแล้วกิน Molnupiravir ยังโดนโจมตีและยังต้องหาข้ออ้างว่า อ้วนมาก แพทย์ถึงอนุมัติให้ใช้ได้ แสดงถึงความขาดแคลนและเข้าถึงได้ยาก

ขณะที่ประเทศอื่นเค้ามีใช้กันแพร่หลายหมดแล้ว แม้แต่เพื่อนบ้านที่ว่า ตามหลังเรามาก ๆ เค้าก็ยังมีใช้กันหมดแล้ว ยาขาดแคลนจนต้องมีคนแอบนำเข้ามาขายกันเอง และกลายเป็นยาเถื่อน  และอาจจะมียาปลอมปนมาขาย ทำให้คนขาดความมั่นใจ แพทย์เองก็หาสั่งใช้กับคนไข้ไม่ได้  และ ไม่กล้าสั่งใช้ เพราะว่าผิดกฏหมายและขาดความมั่นใจว่ายาปลอมหรือไม่
 
ถึงตอนนี้ หากรัฐเร่งเปิดให้เอกชนนำเข้ามาเพิ่ม อนุมัติให้มีใช้กันง่าย ๆ ราคาไม่แพง แพทย์สั่งจ่ายให้คนไข้ได้ง่ายขึ้น ผลดีจะตกแก่ประชาชน ไม่ต้องห่วงเรื่องการใช้ยาไม่เหมาะสม หมอทุกคนทราบอยู่แล้วว่ายามีข้อดีและข้อเสีย ต้องเลือกใช้ ระวังกับคนไข้ที่เหมาะสม ตามรายงานต่าง ๆ ที่ออกมาโดยกลั่นกรองก่อน

แต่ถ้าไม่มียาที่ถูกกฏหมายให้เข้าถึงให้เลือกใช้ ต้องให้คนไข้เลือกเสี่ยงแอบซื้อยานำเข้าผิดกฏหมายและยาปลอมยิ่งอันตรายกว่า

จาก หมอเจ พันทิป (https://www.facebook.com/100001000102650/posts/pfbid0is4Uk5PFTLtzxoHokgg6LECTaXCFoL8Gasb1ULmZuhw646NreZGFHQAT9iQz5GFKl/?d=n)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ส.ค. 22, 10:35
Molnupiravir กับ การกลายพันธุ์

เรื่องการกลายพันธุ์กับ Molnupiravir มีพื้นฐานจากกลไกการออกฤทธิ์ของยาตัวนี้ คือสารออกฤทธิ์ของยา β-D-N4-hydroxycytidine (NHC) เป็น nucleoside analog ยับยั้ง RNA polymerase (RdRp) ทำให้ไวรัสแบ่งตัวไม่ได้ นอกจากนี้ NHC ยังยับยั้ง proofreading property ด้วย ทำให้สร้างสาย RNA ผิดพลาด

กลไกการยับยั้ง RdRp เป็นกลไกยอดนิยมของยาต้านไวรัสที่ใช้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยาต้านไวรัสหลายตัวมีฤทธิ์ยับยั้ง proofreader จนเกิด drug induced lethal mutagenesis เช่น ribavirin เพิ่ม G to A และ C to U mutation ส่วน favipiravir ก็ทำให้เกิด A to G และ U to C mutation

เมื่อเทียบกับ Ribavirin & Favipiravir แล้ว Molnupiravir มี drug induced mutagenesis สูงกว่าเป็นร้อยเท่า ยาที่ใช้กลไกนี้จึงเหมาะกับ RNA virus ที่เกิด replication error หรือ mutation ง่ายและทนความผิดพลาดได้น้อยกว่า การกลายพันธุ์ที่มากไปจึงทำให้ไวรัสอยู่ไม่ได้ (lethal mutagenesis)

Lethal mutagenesis จึงเป็นอาวุธสำคัญของ Molnupiravir ที่เหนือยาต้านไวรัสอื่นที่เป็นแค่ RdRp inhibitor ทั่วไป ผลการทดสอบในแล็บพบว่ายานี้ทำให้ SAR-CoV-2 หมดฤทธิ์ได้แม้ในระดับต่ำ

และกลไกนี้แหละที่ทำให้หลายคนแคลงใจว่า

๑. ทำให้เชื้อกลายพันธุ์จนเกิดสายพันธุ์ใหม่ไหม
๒. ส่งผลต่อมนุษย์ไหม

ข้อมูลเท่าที่มีจากการศึกษาในแล็บ ไม่พบว่ายานี้เร่งการกลายพันธุ์ของไวรัสจนเกิดสายพันธุ์ใหม่ เนื่องจากเชื้อที่โดนยายับยั้งมักเกิดการกลายพันธุ์สูงมากจนอยู่ไม่ได้ตายไปเอง โดยไม่พบว่าเซลล์เพาะเลี้ยง (เช่นเซลล์ปอด) มีการกลายพันธุ์จากยาร่วมด้วย

อย่างไรก็ดี การศึกษาในสัตว์ทดลอง มีรายงานความผิดปกติในกระดูกและกระดูกอ่อนของหนูที่ได้รับยาขนาดสูงมาก (>๑๕ เท่าของขนาดปกติ) เป็นเวลานาน ประกอบกับข้อมูลการศึกษาทำเฉพาะในผู้ใหญ่ ยานี้จึงไม่แนะนำในคนท้องและเด็ก

ศาสตราจารย์ นายแพทย์มานพ พิทักษ์ภากร (https://twitter.com/manopsi/status/1555086272653275136?s=21&t=3i9Nu3lHruqnqLdXNy_7pg) หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ส.ค. 22, 11:38
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คาใจอยู่   พอดีคุณเพ็ญชมพูนำข้อความมาโพส

เริ่มจากอ่านข่าวพบว่า  รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความครอบครัวตนเองติดโควิด แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 608 ทำให้ไม่ได้รับยาต้านไวรัส จึงสั่งยาโมลนูพิราเวียร์มาเอง แต่ขอไม่ระบุแหล่งที่ซื้อยา

จากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ก็ออกมาแถลงว่า
“รัฐบาลยืนยันว่ายาที่จะใช้รักษาโควิดทุกขนาน สปสช.ยังคุ้มครองอยู่ การใช้ยาโดยแพทย์ต้องมีดุลยพินิจ การที่ผู้ป่วยไม่ได้รับยา เช่น โมลนูพิราเวียร์ ถ้ามองอีกแง่คือ ผู้ป่วยอาการไม่ถึงขั้นให้ยา ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ว่าผู้ป่วยสุขภาพดี แข็งแรงไม่จำเป็นต้องให้ยาฆ่าไวรัส ขอให้เชื่อในดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งจะปลอดภัย อย่าไปซื้อยาเองเด็ดขาด เพราะผู้ขายก็ผิดกฎหมายได้ ยกเว้นมีใบสั่งแพทย์ โดยเฉพาะการหาซื้อเอง ก็ไม่รู้ว่าจะได้ยาอะไร นำเข้ามาอย่างไร”

เรื่องยังไม่จบ  อีกคนที่ออกมาคัดค้านก็คือนายแพทย์ฉันชาย สิทธิพันธ์ ว่า ‘ดร.เจษฎา’ ไม่ควรซื้อโมลนูฯ กินเอง
การใช้ยาต้านไวรัส เป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์ ยาไม่ได้มีเพียงพอกับทุกคน และทุกคนก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ยาเหมือนกันหมดทุกคน การใช้ยาโดยเฉพาะยาต้านไวรัสควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือผลกระทบจากยาภายหลัง

สรุปได้แบบงงๆ
1 ดร.เจษฎาบอกว่ายารักษา ทางการมีให้กับคนอายุ 60+ และมีโรคประจำตัว
2 คนป่วยโควิดในบ้านอจ. อายุไม่ถึง 60  เลยไม่เข้าเกณฑ์
3 อาจารย์เลยต้องไปหาซื้อยาโมลนูฯ ที่ใช้รักษาอาการป่วยได้ มาเอง ไม่ผ่านแพทย์
3 อาการของคนป่วยน่าจะมาก  เพราะถ้าหากว่ากินยาตามอาการแล้วค่อยยังชั่ว  อาจารย์ก็คงไม่ต้องขวนขวายไปหาซื้อยาเถื่อนมาให้กิน

แทนที่คนที่ค้านอาจารย์จะมาชี้แจงว่าทำไมยามีน้อย  จนไม่พอสำหรับประชาชน กลับบอกว่า ผิดที่ไม่ควรซื้อยาเอง  รู้ไหมคนป่วยที่ไม่กินยานี้ก็มี  ไม่ใช่ป่วยแล้วต้องกินกันทุกคน
แต่ไม่ยักมีใครตอบประเด็นที่ดร.เจษฎาพยายามจะบอกว่า...ยาไม่มีมากพอแก่ความต้องการ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ส.ค. 22, 12:35
ว่าด้วยเรื่องยาต้านไวรัส หลักการ การใช้ และปัญหาการจัดการ

ตั้งแต่นาทีที่ ๑๗.๒๐

https://www.facebook.com/zendai.org/videos/4043894812501621/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ส.ค. 22, 13:49
อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์
·
อัพเดตสถานการณ์การระบาดโควิด สัปดาห์ที่ 33 : คอนเฟิร์มว่าเป็น "ขาลง" แล้วครับ
วันนี้ แดชบอร์ของกระทรวงสาธารณสุข (https://ddc.moph.go.th/covid19-dashboard/
) รายงานผล จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ รายสัปดาห์ (14-20 สิงหาคม 2565) จากผลตรวจ ATK+ ค่อนข้างช้าหน่อย แต่ก็ออกมาให้วิเคราะห์แล้ว โดยมีจำนวน 204250 ราย หรือค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 29,178 รายต่อวัน ... ลดลงอย่างต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนที่มีค่าเฉลี่ย 31148 รายต่อวัน
ดังนั้น เมื่อมาพล็อตกราฟ รวมกับจำนวนจากผลตรวจ PCR จะได้ตามรูปด้านซ้าย ซึ่งเห็นได้ชัดว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์โอมิครอน ระลอกของสายพันธุ์ย่อย BA.5 นั้นเป็น "ขาลง" อย่างชัดเจน
ซึ่งระลอกการระบาดนี้ ก็ยังคงเป็นไปตามสูตร "ระบาด 2 เดือน" เหมือนเดิม คือ เริ่มต้นเมื่อกลางเดือนกรกฏาคม ขึ้นไปถึงจุดพีคสุดเมื่อกลางเดือนสิงหาคม และน่าจะลงมาสงบดี กลางเดือนกันยายนนี้ครับ
รูปกราฟของการติดเชื้อ ก็สอดคล้องล้อกัน กับกราฟของการป่วยหนัก เป็นไปตามสูตร "ห่างกัน 1 เดือน" เช่นเคย คือ ตอนนี้จำนวนผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยใส่ท่อหายใจ ได้ตามมาถึงจุดพีคแล้ว และกำลังลดลง ซึ่งก็น่าจะลงมาถึงจุดสงบในอีก 1 เดือนจากนี้ไป
ดังนั้น ตามแผนที่มีการประกาศว่า วันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะให้โรคโควิดลงระดับฉุกเฉินลงมาอยู่ที่ระดับเฝ้าระวัง ก็น่าจะโอเคอย่างชัดเจนครับ

https://www.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 ส.ค. 22, 08:35
ผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ ทั่วโลก ตัวเลขอย่างเป็นทางการเข้าหลัก ๖๐๐ ล้านเรียบร้อยแล้ว แต่ตัวเลขจริงน่าจะมากกว่านี้หลายเท่า ด้วยมีหลายประเทศเลิกนับจำนวนผู้ติดเชื้อแล้ว ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ส.ค. 22, 10:36
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนสิงหาคม ๒๕๖๕

จำนวนผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล ครึ่งเดือนแรกขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ในระดับ ๑,๕๐๐ - ๒,๔๐๐ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม จำนวนผู้ติดเขื้อค่อย ๆ ลดลง จำนวนต่ำสุดอยู่ที่ ๙๙๔ ราย ในวันที่ ๓๐ สิงหาคม แม้ในวันสุดท้ายของเดือนตัวเลขพุ่งขึ้นมาที่ ๒,๒๔๐ ราย แต่ในวันต่อ ๆ ไปน่าจะลดลงเรื่อย ๆ

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับ ๑๙ - ๓๕ ราย โดยมีตัวเลขต่ำสุดที่ ๑๙ ราย ในวันที่ ๑ สิงหาคม และสูงสุดที่ ๓๕ รายในวันที่ ๖, ๗, ๑๑, ๑๓, สิงหาคม


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.ย. 22, 10:12
วันที่ 12 กันยายน 2565 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า รายงาน “Uncertain times and unsettled lives” ความไม่แน่นอนของเวลาและชีวิต จากสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 กล่าวถึงดัชนีของการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index) ลดลงจากผลกระทบของโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้อายุขัยเฉลี่ยของคนทั่วโลกลดลงจาก 73 ปี ในปี ค.ศ. 2019 เหลือ 71.4 ปี ในปี ค.ศ. 2021 ระดับการศึกษาลดลง และมาตรฐานการครองชีพ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ GDP ลดลงช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ค.ศ. 2020 – 2021 ทำให้ดัชนีการพัฒนามนุษย์ถอยหลังไป 5 ปี (ดูรูป)

ดัชนีการพัฒนามนุษย์เคยดีขึ้นต่อเนื่อง 30 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่ดัชนีการพัฒนามนุษย์ลดลง เข้าใจง่ายๆ คือคนทั้งโลกอายุสั้นลง คนได้รับการศึกษาน้อยลง และรายได้ลดลงจากผลกระทบของโรคระบาดโควิด-19

https://www.naewna.com/local/679397


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ก.ย. 22, 10:14
 :D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ก.ย. 22, 08:35
๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ 'โควิด ๑๙' จะออกจากบัญชีโรคติดต่ออันตราย เป็นเพียงโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๕


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ก.ย. 22, 10:35
และ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ก็จะสิ้นสุด ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่ง ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอันเนื่องจาก โควิด ๑๙ ;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ก.ย. 22, 10:35
;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 ก.ย. 22, 11:17
๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ 'โควิด ๑๙' จะออกจากบัญชีโรคติดต่ออันตราย เป็นเพียงโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๕
มันแตกต่างกันยังไง ในด้านการปฏิบัติตัวของประชาชน คะ คุณหมอเพ็ญ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ก.ย. 22, 11:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนกันยายน ๒๕๖๕

จำนวนผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล ค่อย ๆ ลดลง จากตัวเลขสูงสุดที่ ๒,๐๔๖ ราย ในวันที่ ๒ กันยายน สู่ตัวเลขต่ำสุดที่ ๒๔๒ ราย ในวันที่ ๑๙ กันยายน

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตก็ลดลงเรื่อย ๆ เช่นกัน จากตัวเลขสูงสุดที่ ๒๕ ราย ในวันที่ ๑ กันยายน สู่ตัวเลขต่ำสุดที่ ๘ ราย ในวันที่ ๒๖ กันยายน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ก.ย. 22, 12:35
๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ 'โควิด ๑๙' จะออกจากบัญชีโรคติดต่ออันตราย เป็นเพียงโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๕
มันแตกต่างกันยังไง ในด้านการปฏิบัติตัวของประชาชน คะ คุณหมอเพ็ญ

;D

https://youtu.be/1bYDd-ftdhk


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ต.ค. 22, 10:35
;D


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ต.ค. 22, 10:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนตุลาคม ๒๕๖๕ มีการปรับเปลี่ยนจากรายงานทุกวันเป็นทุกสัปดาห์

จำนวนผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล อยู่ในระดับคงที่ที่ ๒,๒๐๐ - ๒,๙๐๐ ราย/สัปดาห์ หรือ ๓๐๐ - ๔๐๐ ราย/วัน  ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงเรื่อย ๆ จาก ๕๘ ราย/สัปดาห์ หรือ ๘ ราย/วัน ในสัปดาห์แรกของเดือน เป็น ๓๓ ราย/สัปดาห์ หรือ ๔ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 พ.ย. 22, 10:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕

จำนวนผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้น จากประมาณ ๔๐๐ ราย/วัน ในสัปดาห์แรก เป็นประมาณ ๗๐๐ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตค่อย ๆ เพิ่มจำนวนเช่นกัน จากประมาณ ๕ ราย/วัน ในสัปดาห์แรก เป็นประมาณ ๑๐ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 22, 09:43
"หมอธีระวัฒน์" ระบุโควิดเริ่มไม่ธรรมดาแล้ว ATK ขึ้นช้า-มีอาการใหม่ ข่าวเช้า วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565

เหตุผลที่ต้องมีการเชิญชวนให้มีการฉีดวัดซีน นั้นเป็นเพราะมีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับโควิด 19 ในปัจจุบัน ตัวเชื้อไวรัสไม่ธรรมดาแล้ว ไม่เหมือนในอดีต โดยเฉพาะการกลายพันธุ์ของ "โอมิครอน" ทำให้หลายคนที่ติดเชื้อโควิด 19 มีอาการ แต่ช่วงแรกยังตรวจ ATK ไม่เจอ หรือขึ้น 2 ขีดช้า ๆ ทั้งที่ติดเชื้อไปแล้ว

https://www.youtube.com/watch?v=k8imJHWrLf4


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 22, 09:45
"นพ.ธีระวัฒน์" ชี้โควิดรอบนี้ไม่น่าห่วง ไทยยังมีผลบุญที่สะสมไว้

https://www.youtube.com/watch?v=9jUEDmWeypA


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ม.ค. 23, 08:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนธันวาคม ๒๕๖๕

จำนวนผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาลค่อย ๆ ลดจำนวนลง จากประมาณ ๖๐๐ ราย/วัน ในสัปดาห์แรก เป็นประมาณ ๓๐๐ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตค่อย ๆ ลดจำนวนเช่นกัน จากประมาณ ๑๕-๑๖ ราย/วัน ในสัปดาห์ที่ ๑-๓  เป็นประมาณ ๑๐ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ม.ค. 23, 11:50
ผู้ร้ายตัวใหม่ ชื่อ สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5   :o :o

ศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 มีเนื้อหาดังนี้.

12 มกราคม 2566
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 328,963 คน ตายเพิ่ม 1,034 คน รวมแล้วติดไป 669,635,094 คน เสียชีวิตรวม 6,718,899 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และฮ่องกง
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 94.87 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 82.78
...อัพเดตเรื่อง Omicron XBB.1.5
เมื่อคืนนี้ 11 มกราคม 2566 องค์การอนามัยโลกได้เผยแพร่ข้อมูลประเมินความเสี่ยงของการระบาดจาก XBB.1.5
ล่าสุดมีรายงานการตรวจพบทั่วโลก 38 ประเทศ นับตั้งแต่ 22 ตุลาคม 2565 ถึง 11 มกราคม 2566
ประเทศที่ส่งรายงานการตรวจพบมากสามอันดับแรกคือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเดนมาร์ก
อัตราการขยายตัวของการระบาดในสหรัฐอเมริกานั้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากสัปดาห์ละ 1% (ณ สัปดาห์ที่ 47) เพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 8% (ณ สัปดาห์ที่ 50) ภายในสามสัปดาห์ และมีการแพร่ระบาดมากแถบตะวันออกเฉียงเหนือ
สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 นี้ เป็นลูกหลานในตระกูล XBB ซึ่งข้อมูลปัจจุบันชี้ชัดว่าดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากที่สุดในทุกสายพันธุ์ของโควิด-19 ที่เคยมีมา โดย XBB.1.5 นั้นดื้อเทียบเท่ากับสายพันธุ์ XBB.1
ในแง่ความรุนแรงของโรคนั้น ยังไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่าจะรุนแรงกว่า Omicron สายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ที่ระบาดอยู่หรือไม่
องค์การอนามัยโลกประเมินว่า สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 นี้มีแนวโน้มที่จะระบาดมากขึ้นทั่วโลกได้ จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวัง ติดตามอย่างใกล้ชิด
ในขณะเดียวกัน Wenseleers T จากเบลเยี่ยม และ Gerstung M จากเยอรมัน ได้ทำการประเมินสมรรถนะการขยายตัวของการระบาดจาก XBB.1.5 ในทวีปต่างๆ เพื่อเปรียบเทียบกัน
พบว่าปัจจุบัน XBB.1.5 มีอัตราการขยายตัวของการระบาดมากในทวีปอเมริกาเหนือ และยุโรป แต่ทวีปอื่นๆ ก็ยังพบการเพิ่มขึ้นในบางประเทศ ยังไม่มากนัก
...สำหรับคนไทยเรา
ควรระลึก วิเคราะห์ และเรียนรู้จากบทเรียนในรอบสองปีกว่าที่ผ่านมาที่เกิดการติดเชื้อ ป่วย และเกิดความสูญเสียที่เกิดขึ้นจำนวนมาก
สัจธรรมที่เห็นคือ การจะปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตได้ จำเป็นต้องมีความรู้เท่าทันสถานการณ์ รับรู้รับทราบข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องและทันต่อเวลา เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ทำในสิ่งที่ควรทำ
และควรหาทางช่วยกันจัดการ ป้องกันไม่ให้"รากเหง้าสาเหตุ"ของความสูญเสียในอดีต กลับมาทำให้เกิดปัญหาในอนาคต
สำคัญที่สุดคือ ความมีสติ ใส่ใจสุขภาพ ป้องกันตัวสม่ำเสมอ ไม่ประมาท
ระมัดระวังกิจกรรมและสถานที่เสี่ยง แออัด คลุกคลีใกล้ชิดเป็นเวลานาน ระบายอากาศไม่ดี
การไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครบตามกำหนดจะช่วยลดเสี่ยงป่วยรุนแรง เสียชีวิต และ Long COVID ได้
หัวใจสำคัญคือ การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง ระหว่างใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้าน จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อแพร่เชื้อลงไปได้มาก


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ม.ค. 23, 11:32
จาก FB  คุณหมอยง ภู่วรวรรณ Yong Poovorawan
 
โควิด 19 คำถามที่ถามบ่อย
ยง ภู่วรวรรณ
15 มกราคม  2566

คำถามที่ถามบ่อย จะขอตอบดังนี้
1 สถานการณ์เป็นอย่างไร?
สถานการณ์โควิด 19 อยู่ในขาลง และจะลงไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนพฤษภาคม เมื่อเข้าฤดูฝนก็จะพบมากขึ้นอีกเป็นระลอกขึ้นมา ทั้งนี้เพราะประชากรไทยติดเชื้อไปมากแล้ว มากกว่าร้อยละ 70  และโรคเข้าสู่ฤดูกาล
2 นักท่องเที่ยวต่างชาติน่ากลัวไหม?
นักท่องเที่ยวต่างชาติจะนำเชื้อสายพันธุ์ใหม่เข้ามา โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ดื้อต่อวัคซีน และทำให้เกิดการติดเชื้อระลอกใหม่ขึ้นได้ สายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่งขณะนี้คือ XBB.1.5 ที่ระบาดมากในอเมริกา และแนวโน้มในยุโรปก่อนที่จะกระจายไปทั่วโลก และเราต้องระวังสายพันธุ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นด้วย
3 การเฝ้าระวังการระบาดจากการท่องเที่ยวทำได้อย่างไร?
ในทางปฏิบัติ ถ้านักท่องเที่ยวใส่หน้ากากอนามัย ก็จะลดการแพร่กระจาย โดยเฉพาะผู้ที่ป่วย แต่คงจะยากที่จะไปบังคับนักท่องเที่ยว การเฝ้าระวังของเรา และป้องกันตัวเราจึงเป็นเรื่องสำคัญ เราจำเป็นที่จะต้องตรวจสายพันธุ์จากนักท่องเที่ยวที่มาป่วยที่บ้านเรา หรือมีการสุ่มตรวจด้วยความสมัครใจ รวมทั้งเฝ้าระวังตรวจสายพันธุ์ในผู้ป่วยคนไทยด้วย เพื่อเป็นสัญญาณเตือน
4 ประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วเท่าไหร่?
จากการศึกษาที่ศูนย์ ด้วยการตรวจเลือด 2 โครงการ พบว่าในภาพรวม ติดเชื้อไปแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 70  โดยใน เด็กตั้งแต่อนุบาลขึ้นไปติดเชื้อไปแล้ว ถึงร้อยละ 80  ผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่า 60 ปี ติดเชื้อไปแล้วประมาณร้อยละ 70  ผู้ ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ติดเชื้อไปแล้วประมาณร้อยละ 50 แต่เมื่อตรวจภูมิต้านทานของทุกกลุ่มอายุ พบว่า มากกว่าร้อยละ 96  ตรวจพบภูมิต้านทานแล้ว เกิดจากการฉีดวัคซีนและหรือการติดเชื้อ ภูมิต้านทานที่ตรวจพบเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้โรคลดความรุนแรงลงเมื่อเปรียบเทียบกับยุคก่อนมีวัคซีน
5 ประชากรไทยยังจำเป็นต้องฉีดวัคซีนหรือไม่?
ในกลุ่มเสี่ยงสูง มีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนเป็นระยะ โดยเฉพาะที่ฉีด หรือติดเชื้อ นานมาแล้วเกิน 4-6 เดือน ในคนที่ปกติแข็งแรงดี รวมทั้งเด็ก ถ้าเคยฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มมาแล้ว  หรือร่วมกับ การติดเชื้อ จะรอไว้ก่อนก็ได้ โดยเฉพาะระยะนี้อยู่ขาลง ถ้าโรคอยู่ในขาขึ้นหรือมีระลอกใหม่ก็ควรจะต้องรีบฉีดวัคซีนกระตุ้น
6 วัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน?
ขณะนี้มีข้อมูลค่อนข้างชัดเจนขึ้นมาก ว่าวัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์ ไม่ได้ดีไปกว่าวัคซีนเดิมเท่าไหร่ (The New England Journal of Medicine, January 12, 2023) วัคซีนจะยังไปกระตุ้นสายพันธุ์ ดั้งเดิม ระดับภูมิต้านทานเมื่อเปรียบเทียบกับ วัคซีน mRNA ชนิดเดิมในเข็มกระตุ้น กับ 2 สายพันธุ์ จึงไม่ได้แตกต่างกันมาก การศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนเข็มกระตุ้น 2 สายพันธุ์ เป็นการศึกษาเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดกระตุ้น (ในอเมริกาตอนนี้ไม่มีวัคซีน mRNA ชนิดสายพันธุ์เดียวแล้ว) พบว่าการฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีน 2 สายพันธุ์กระตุ้น ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 30 - 40+% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น (MMWR) ประสิทธิภาพจะลดลงตามระยะเวลา ดังนั้นในกลุ่มเสี่ยง เราจะไม่รอวัคซีน 2 สายพันธุ์ ถ้าถึงเวลาที่ต้องกระตุ้นสามารถกระตุ้นได้เลย
7 หน้ากากอนามัยยังจำเป็นไหม?
ยังจำเป็นเมื่อเข้าไปอยู่ในที่ปกปิด เช่นในรถไฟฟ้า รถบัส รถเมล์ หรือที่คนหมู่มาก การอยู่กลางแจ้งจะจำเป็นสำหรับ ผู้ที่ป่วยมีโรคทางเดินหายใจ ควรจะใส่ตลอดเวลา เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
8 หน้ากากอนามัยสำหรับเด็กอนุบาล และประถมยังจำเป็นไหม?
การดูแลหน้ากากอนามัยของเด็กเล็ก ทำได้ยาก เด็กมักจะใช้มือจับต้องอยู่ตลอด ดังนั้นในเด็กอนุบาลหรือเด็กประถม อาจไม่จำเป็น ควรไปเน้นการป้องกันเรื่องการล้างมือ สุขอนามัย สถานที่เรียนให้สะอาด โดยการหมั่นทำความสะอาดอยู่เป็นนิจ เด็กจำเป็นที่จะต้องมีการเรียนรู้ โดยเฉพาะทางอารมณ์ สีหน้าท่าทาง นอกจากการเรียนรู้ภาษาด้วยการได้ยินอย่างเดียว และเด็กไทยในวัยที่ไปเรียน แล้วติดเชื้อไปแล้วถึงร้อยละ 80  มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นจากการติดเชื้อและฉีดวัคซีนแล้ว
9 ลองโควิด และ MISC พบได้บ่อยไหม?
ลองโควิด เป็นอาการที่เกิดขึ้น และ หลงเหลืออยู่หลังเป็นโควิด ส่วนใหญ่จะเป็นความรู้สึก เช่นเหนื่อยหายใจลำบาก หัวมึนตื้อ นอนไม่หลับ ทานอาหารไม่อร่อย พบได้บ่อยในปีแรกๆ ของการระบาดที่โรคมีความรุนแรง และลดลงในปีที่ผ่านมาในยุคของ โอมิครอน ในประชากรไทยที่ติดเชื้อไปแล้วถึงร้อยละ 70  ถ้าไปถามดู ผมเชื่อว่าน้อยมาก ลองถามเพื่อนๆที่เป็นแล้วดู รวมทั้งเด็กด้วย ติดเชื้อไปแล้ว 70%  ถ้าพบเยอะการดูแลทางการแพทย์คงยุ่งไปแล้ว ส่วน MISC เป็นปฏิกิริยาของภูมิต้านทานเชิงระบบ พบในระยะที่มีการติดเชื้อ เด็กไทยติดเชื้อไปแล้วถึงร้อยละ 80  จำนวนตัวเลขที่พบ MISC เราก็อยากรู้ตัวเลขที่แน่นอนเหมือนกัน เพื่อจะได้รู้ว่าอัตราการป่วยเป็นเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับผู้ป่วยทั้งหมดที่ติดเชื้อไปแล้ว ในเด็กหลายล้านคน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ม.ค. 23, 10:41
 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสถึง โควิด XBB.1.5  ตัวใหม่ 
ฟังแล้ว ปีกระต่ายน่าจะเป็นกระต่ายดุเสียแล้ว(ละมั้ง)

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 128,373 คน ตายเพิ่ม 635 คน รวมแล้วติดไป 673,294,559 คน เสียชีวิตรวม 6,746,068 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ รัสเซีย และเม็กซิโก
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 91.1 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 80.94
...อัพเดตสถานการณ์สายพันธุ์ไวรัส
รายงานจาก GITHUB สรุปสถานการณ์สายพันธุ์ไวรัสทั่วโลกเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา
สรุปว่า XBB.1.5 จัดเป็นสายพันธุ์ไวรัสที่แข็งแรงที่สุด (viral fitness) ที่มีการระบาดอยู่ในปัจจุบัน
แม้ปัจจุบันจะครองสัดส่วนหลักในแถบตะวันออกของอเมริกา แต่คาดว่า XBB.1.5 จะเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐอเมริกาภายในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์
ในขณะที่แถบยุโรปยังพบในสัดส่วนน้อยราว 5% ณ ช่วงสัปดาห์แรกของปีนี้ แต่ด้วยค่าเฉลี่ยของการระบาดทวีคูณ (doubling time) ราว 10 วัน หากเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ XBB.1.5 เป็นสายพันธุ์หลักได้ตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ตาม XBB.1.5 อาจไม่ใช่ตัวเดียวที่ครองการระบาด แต่ต้องแข่งขันกับสายพันธุ์อื่นๆ ในแต่ละพื้นที่ด้วย จึงไม่น่าจะเห็นภาพรวมการระบาดที่ครองด้วย XBB.1.5 ตัวเดียวเดี่ยวๆ
สายพันธุ์อื่นๆ ที่พบมากในแต่ละพื้นที่ ได้แก่ XBF ในออสเตรเลีย,
CH.1.1 ในนิวซีแลนด์และสหราชอาณาจักร รวมถึง BQ.1* + S:346T + S:144- ในเดนมาร์ก ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร
...ถ้าประเมินสถานการณ์ของไทย แนวโน้มจะเป็นซุปสายพันธุ์ที่หลากหลาย เพราะปัจจัยหลักมาจากการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามากในหลายเดือนที่ผ่านมา สัดส่วนหลักของสายพันธุ์ย่อมแปรผันตามจำนวนคนเดินทางจากภูมิภาคนั้นๆ
...อัพเดต Long COVID
Bowyer RCE และคณะ จากสหราชอาณาจักร เผยแพร่ผลการศึกษาในวารสารสากล European Journal of Epidemiology เมื่อ 21 มกราคมที่ผ่านมา
ทำการวิเคราะห์ลักษณะของอาการผิดปกติภายหลังจากการติดเชื้อโรคโควิด-19 จากฐานข้อมูลวิจัย 9 แหล่ง
สาระสำคัญคือ อาการอ่อนเพลีย/เหนื่อยล้า (Fatique) ปัญหาด้านความคิด/ความจำ/สมาธิ (Difficulty concentrating, memory loss) และอาการปวดกล้ามเนื้อ (Muscle pain) ถือเป็นอาการที่พบบ่อยในผู้ป่วย Long COVID โดยกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน
...การป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ หรือไม่ติดซ้ำ ย่อมดีที่สุด
การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอระหว่างใช้ชีวิตประจำวัน ทำงาน เรียน หรือเดินทางท่องเที่ยว จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
อ้างอิง
1. Variant report 2023-01-19. GITHUB. 19 January 2023.
2. Bowyer RCE et al. Characterising patterns of COVID-19 and long COVID symptoms: evidence from nine UK longitudinal studies. European Journal of Epidemiology. 21 January 2023.


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ม.ค. 23, 09:34
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนมกราคม ๒๕๖๖

จำนวนผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาลค่อย ๆ ลดจำนวนลง จากประมาณ ๑๔๒ ราย/วัน ในสัปดาห์แรก เป็นประมาณ ๖๗ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตค่อย ๆ ลดจำนวนเช่นกัน จากประมาณ ๘-๙ ราย/วัน ในสัปดาห์ที่ ๑-๒ เป็นประมาณ ๔ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ก.พ. 23, 09:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

จำนวนผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาลค่อย ๆ ลดจำนวนลง จากประมาณ ๓๖-๕๖ ราย/วัน ในสัปดาห์ ๑-๒ เป็นประมาณ ๒๙ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตค่อย ๆ ลดจำนวนเช่นกัน จากประมาณ ๒ ราย/วัน ในสัปดาห์แรกเป็นประมาณ ๑ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 เม.ย. 23, 09:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนมีนาคม ๒๕๖๖

จำนวนผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาลอยู่ในระดับคงที่ประมาณ ๑๗ - ๒๕ ราย/วัน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตค่อย ๆ ลดลง จาก ๗ ราย/สัปดาห์ในสัปดาห์แรก เป็น ๓ ราย/สัปดาห์ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 เม.ย. 23, 11:42
กำลังอยากทราบสถิติอยู่พอดี    ตอนนี้ออกไปข้างนอก เจอคนไม่สวมหน้ากากอนามัย เพิ่มมากขึ้นแล้วค่ะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 เม.ย. 23, 09:35
สถานการณ์ไทยในขณะนี้ มีเคสติดเยอะขึ้น

ยิ่งเห็นไปแออัดมากในงานเทศกาลโดยไม่ป้องกันตัว ความเสี่ยงย่อมมากขึ้นด้วย

ข้อมูลระบาดทั่วโลกชี้ชัดว่า XBB.x น่าจะครองการระบาดหลัก ไทยย่อมเป็นไปได้สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง XBB.1.5 และ XBB.1.16

XBB.x นั้นดื้อภูมิคุ้มกันมาก และดื้อแอนติบอดี้ที่ใช้รักษาด้วย

ขอบคุณแวดวงบันเทิง และสื่อมวลชน ที่ช่วยกันออกมากระตุ้นเตือนประชาชนเรื่องโควิด-๑๙ เสมอ

หากเราจำกันได้ เราตื่นตัวในการระบาดระลอกแรกได้ เพราะคุณแมทธิวที่ช่วยออกมาแจ้งข่าวเรื่องสนามมวย

ในระลอกถัด ๆ มา ก็มีการแจ้งเตือนกันมาเรื่อย ๆ

จนมาถึงระลอกนี้ คุณป๋อณัฐวุฒิ (https://www.thairath.co.th/entertain/news/2680095) ออกมาเตือนดัง ๆ ให้ระมัดระวังป้องกันตัวกัน เพราะหากติดเชื้อและป่วยมีอาการรุนแรง จะลงปอดได้ด้วย

รวมถึงข่าวของคุณวีไวโอเล็ต โดยสาระในคลิปจากข่าวคุณสรยุทธเช้านี้ ชี้ให้เห็นว่า เราสามารถติดเชื้อมาโดยไม่รู้ตัวหรือยังไม่มีอาการ แล้วนำพามาติดคนในบ้านได้ ยิ่งหากมีการแชร์แก้วน้ำดื่มหรือของกินของใช้กัน ก็จะเสี่ยงที่จะติดได้

https://youtu.be/xWJSD6xVZGA

ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรง หายป่วยโดยเร็วครับ และขอบคุณมาก ๆ ที่ช่วยออกมากระตุ้นเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง

ดังนั้น การป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอระหว่างใช้ชีวิตประจำวันจึงเป็นเรื่องจำเป็น ระวังที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี การคลุกคลีใกล้ชิด และการแชร์ของกินของใช้กับผู้อื่น

การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก

คำเตือนจาก

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๑๕ เมษายน ๒๕๖๖ (๑) (https://www.facebook.com/1607465964/posts/pfbid0wUFp1Aard4jdQ3Buj2GjkiQNPietiMaMjQuKDZFkqxex5mqhhAMPUKBgfvW5E7KRl/?mibextid=cr9u03)  (๒) (https://www.facebook.com/1607465964/posts/pfbid09HssHW52WxUNL25NBtrXk7g8yuhsF3XtkzihZXagpi4ufJrxQ8T5noEgHsJLxfuAl/?mibextid=cr9u03)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 พ.ค. 23, 10:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนเมษายน ๒๕๖๖

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจากประมาณ ๒๔ ราย/วันในสัปดาห์แรก เป็นประมาณ ๒๕๘ ราย/วันในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจาก ๒ ราย/สัปดาห์ในสัปดาห์แรก เป็น ๑๐ ราย/สัปดาห์ ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาลและจำนวนผู้เสียชีวิต คงเนื่องมาจากเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมานั่นแล


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 พ.ค. 23, 17:35
องค์การอนามัยโลก (World Health Organization - WHO) ประกาศเมื่อวานนี้ (๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖)ว่า การระบาดของโควิด-๑๙ ไม่ถูกจัดว่าเป็น สถานการณ์ฉุกเฉินทางสาธารณสุขอีกต่อไป

ผู้อำนวยการใหญ่ WHO เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส กล่าวว่า เขารู้สึกถึงความหวังอันยิ่งใหญ่ ที่จะประกาศว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-๑๙ ที่เป็นภัยฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลกได้จบลงแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าโควิด-๑๙ ไม่ได้เป็นภัยคุกคามทางสาธารณสุขโลกอีกต่อไป

เขากล่าวว่า จะยังคงเฝ้าระวังหากว่าเกิดโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่เป็นอันตรายต่อสถานการณ์สาธารณสุขโลก ประเทศส่วนใหญ่ให้เห็นประชาชนกลับมาใช้ชีวิตเช่นเดียวกับช่วงก่อนการระบาดใหญ่ และโดยรวมทิศทางของสถิติการระบาดอยู่ในช่วงขาลง

ทั้งนี้ ตั้งแต่องค์การอนามัยโลกประกาศให้โควิดเป็นสถานการณ์วิกฤตระดับนานาชาติเมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๓ คาดว่ามีคนติดโควิดทั่วโลก ๗๖๔ ล้านคน ส่วนจำนวนผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดสอยู่ที่ราว ๕,๐๐๐ ล้านคน

สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยอยู่ที่ระดับมากกว่า ๑ ล้านราย

ข่าวจาก voathai (https://www.voathai.com/a/7080923.html)

https://youtu.be/-E4GgpLdW28


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 พ.ค. 23, 10:54
แปลว่าจะถอดหน้ากากแล้วหรือคะ
หรือว่่ายังต้องสวมต่อไป


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 พ.ค. 23, 12:35
เมื่อวานนี้ (๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖) ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก ๒ ท่าน คือดร. ไมค์ ไรอัน กรรมการบริหารโครงการฉุกเฉินด้านสุขภาพขององค์การอนามัยโลก และ ดร.มาเรีย ฟาน เคอร์โคฟ หัวหน้าด้านเทคนิคสำหรับการตอบสนองของโควิด-๑๙ ประจำองค์การอนามัยโลกได้ตอบคำถามสำคัญ ที่ประชาชนสนใจสอบถามผ่านสื่อดิจิทัลหลังจากที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินในวิกฤตโควิด-๑๙ ไปเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ดังนี้

๑. ไม่สามารถกำจัดไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ให้หมดไปจากโลก(eradication) หรือกำจัดให้หมดไปจากท้องถิ่น (elimination) ได้เหมือนกับที่เคยกำจัดไวรัสไข้ทรพิษด้วยการปลูกฝีในอดีต  หรือไวรัสโปลิโอที่ใกล้จะสูญพันธุ์หมดไปจากโลกจากการหยอดวัคซีน  ทั้งนี้เนื่องจากไวรัสทั้งสอง (ไวรัสไข้ทรพิษ และ ไวรัสโปลิโอ) มีการระบาดเฉพาะในมนุษย์เท่านั้นจึงง่ายที่จะควบคุมหรือกำจัด ส่วนโคโรนาสามารถติดต่อระหว่างสัตว์สู่คน  และจากคนกลับสู่สัตว์ (zoonotic infection) จึงเป็นการยากมากที่กำจัดไวรัสที่แพร่ระบาดในสัตว์และข้ามไปมาในคน

๒. โควิด-๑๙ ทางองค์การอนามัยโลกยังถือว่ามีการระบาดทั่วโลก (Pandemic) ยังไม่ใช่โรคประจำถิ่น (Endemic)

๓. การระบาดของโควิด-๑๙ ขณะนี้ยังไม่ใช่โรคที่ระบาดตามฤดูกาล (Seasonal infectious disease)  เหมือนไข้หวัดใหญ่เพราะองค์การอนามัยโลกยังไม่พบรูปแบบการระบาดในแต่ละช่วงของปี ดังนั้นในกรณีของไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หากเกิดการกลายพันธุ์เมื่อใด ก็สามารถก่อให้เกิดการระบาดได้เมื่อนั้นในทุกช่วงของปี

๔. องค์การอนามัยโลกยังไม่มีข้อมูลพอเพียงในขณะนี้ที่จะกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม หรือความถี่ห่างในการฉีดวัคซีนและเข็มกระตุ้น แต่สนับสนุนให้มีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเปราะบางเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเมื่อมีการระบาดของโควิด-๑๙ เกิดขึ้น

https://m.youtube.com/watch?v=pFbHfodWmpM

จาก ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ (https://www.facebook.com/100039877672523/posts/pfbid02rQ481JhZq8Y77GEAAxKMfnS5sKYyMrYJP58aDp9rbaDUjrZGjP9fyj8YZVhyhgejl/?mibextid=cr9u03)

แปลว่าจะถอดหน้ากากแล้วหรือคะ
หรือว่ายังต้องสวมต่อไป

การระบาดยังไม่สิ้นสุด  แต่ก็เบาบางลงไปมาก ส่วนตัวที่ถือปฏิบัติอยู่คือ หากอยู่ในที่โล่งแจ้ง ก็ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากาก แต่หากอยู่ในสถานที่ปิดซึ่งมีคนอยู่หนาแน่น การสวมหน้ากากอนามัยย่อมปลอดภัยมากกว่า


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 พ.ค. 23, 11:51
“จง หนานซาน” ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจชั้นนำของจีนเผยจีนกำลังเผชิญการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยจะมียอดติดเชื้อสูงสุดช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2566 ประมาณ 65 ล้านรายต่อสัปดาห์

นายจงฯ เปิดเผยในการประชุมวิทยาศาสตร์ Greater Bay Area Science Forum ประจำปี 2566 ที่เมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้งว่า วัคซีนใหม่ 2 ชนิดที่ใช้ต่อต้านโควิดสายพันธุ์ “XBB” จะถูกนำมาใช้ในเร็วๆ นี้

ด้านนายหวัง กวงฟา ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจของโรงพยาบาลหมายเลข 1 ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งระบุว่า โรงพยาบาลจะไม่ประสบปัญหาเตียงล้น ทั้งนี้ แม้การติดเชื้อซ้ำมักมีอาการไม่รุนแรง อย่างไรก็ดี กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศจีน (CDC) เปิดเผยว่า อัตราการติดเชื้อของโควิด-19 สายพันธุ์ XBB เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.2 ในกลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นร้อยละ 74.4 ในปลายเดือนเมษายน และกลายเป็นร้อยละ 83.6 ในต้นเดือนพฤษภาคม

รายงานระบุว่า ความสามารถในการแพร่เชื้อและความสามารถในการหลบหนีของภูมิคุ้มกันของโควิด-19 สายพันธุ์ XBB นั้นแข็งแกร่งกว่าสายพันธุ์โอมิครอน

ด้านนายเซี่ย เหลียงจื้อ ประธานบริษัทเวชภัณฑ์ SinoCellTech ให้ความเห็นว่า วัคซีนที่ผลิตจากเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมไม่ได้ออกแบบมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์ใหม่ จึงไม่สามารถกระตุ้นแอนติบอดีได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการต่อสู้กับสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่วัคซีนรุ่นใหม่สามารถกระตุ้นแอนติบอดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

https://mgronline.com/china/detail/9660000048415


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 พ.ค. 23, 16:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจากประมาณ ๒๔๒ ราย/วันในสัปดาห์แรก เป็นประมาณ ๔๒๔ ราย/วันในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจาก ๑๐ ราย/สัปดาห์ในสัปดาห์แรก เป็น ๖๔ ราย/สัปดาห์ ในสัปดาห์ที่ ๓ และลดลงเป็น ๔๒ ราย ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาลและจำนวนผู้เสียชีวิต อาจจะเป็นควันหลงจากสงกรานต์และการเปิดเทอมของสถานศึกษา


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ค. 23, 16:37
สงกรานต์อยู่กลางเมษายน  นี่ปลายพฤษภาคมแล้วนะคะ
จะเป็นโควิดตัวใหม่  หรือตัวเก่ากลับมาบุกใหม่รึเปล่า


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 พ.ค. 23, 18:35
คุณหมอธีระ วรธนารัตน์ ให้ความเห็นไว้ในหน้าเฟซบุ๊กของท่านว่า

(๑) (https://www.facebook.com/1607465964/posts/pfbid02hMK87n2c3D8uZwLRvMDQGowX3z77pk21kdcMua8hQW4EYBrRYt9XDeaL54GnNhZDl/?mibextid=cr9u03) การปะทุรุนแรงของโรคระบาดนั้นเกิดขึ้นมาจากพฤติกรรมเสี่ยง โดยไม่ป้องกันตัวอย่างดีพอในเทศกาลต่าง ๆ ที่ผ่านมา รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวและการทำงานต่าง ๆ ที่บริการ คลุกคลีใกล้ชิด พบปะคนจำนวนมาก ไม่ใช่ตามฤดูกาล และไม่ใช่แค่เพราะเด็กนักเรียนเปิดเทอม

(๒) (https://www.facebook.com/1607465964/posts/pfbid02zqf3cA1Ljd8MY7P2UGXtkjg46fthFfJeVmAJmdJnwSzmEwj9PwsQNLJBFqrY8t9ol/?mibextid=cr9u03) การระบาดของโควิด-๑๙  เป็นลักษณะขึ้นลงเป็นระลอกไปอย่างต่อเนื่อง (cyclical pattern) อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของไวรัสอย่างรวดเร็ว ดังที่เราเห็นกันมาตลอดตั้งแต่สายพันธุ์ดั้งเดิม สายพันธุ์ G ต่อด้วยอัลฟ่า เดลต้า และ Omicron หลายหลายสายพันธุ์ย่อย BA.1, BA.2, BA.5 มาจนถึง XBB.x ในขณะปัจจุบัน นอกจากสายพันธุ์แล้ว ยังมีอิทธิพลของปัจจัยแวดล้อมทางสังคม ได้แก่ เสรีการเดินทางท่องเที่ยวและการใช้ชีวิต พฤติกรรมการป้องกันตัว และระดับภูมิคุ้มกันของประชากรอีกด้วย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ค. 23, 18:56
แปลว่าเราจะต้องอยู่กับโควิดตลอดไป    คล้ายไข้หวัดใหญ่แต่หนักกว่า ระบาดกว้างขวางกว่า  ใช่ไหมคะ
หน้ากากอนามัยคงจะอยู่คู่ใบหน้าอีกนานแสนนาน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 23, 10:06
โลกพร้อมรับไวรัสตัวใหม่หลังโควิดหรือยัง? “ไวรัสแลงยา (Langya)" หนึ่งในสมาชิกกลุ่มไวรัสเฮนิปา(henipavirus) ที่อาจมาแทนที่ไวรัสโควิด-19

ขณะที่ภัยคุกคามจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ดูเหมือนกำลังจะกลายสภาพเป็นโรคประจำฤดูกาล และโรคประจำถิ่นตามลำดับ แต่กลับพบไวรัสกลุ่มใหม่ "เฮนิปา (henipavirus)" ที่มีลักษณะการระบาดคล้ายโควิด-19 เข้ามาแทนที่

https://www.naewna.com/local/740884


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 ก.ค. 23, 09:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนมิถุนายน ๒๕๖๖

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาลค่อย ๆ ลดลงจากประมาณ ๔๔๐ ราย/วันในสัปดาห์แรก เป็นประมาณ ๑๒๒ ราย/วันในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตค่อย ๆ ลดลงเช่นกันจาก ๖๘ ราย/สัปดาห์ในสัปดาห์แรก เป็น ๓๖ ราย/สัปดาห์ในสัปดาห์ที่ ๓ และ ๔๓ ราย/สัปดาห์ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ค. 23, 09:44
 :)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ก.ค. 23, 07:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาลค่อย ๆ ลดลงจากประมาณ ๑๗๐ ราย/วันในสัปดาห์แรก เป็นประมาณ ๕๕ ราย/วันในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตค่อย ๆ ลดลงเช่นกันจาก ๒๕ ราย/สัปดาห์ในสัปดาห์แรก เป็น ๗ ราย/สัปดาห์ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ก.ย. 23, 09:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนสิงหาคม ๒๕๖๖

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาลลดลงจากประมาณ ๓๗-๕๖ ราย/วันในสัปดาห์ ๑-๔ เป็นประมาณ ๒๗ ราย/วันในสัปดาห์ที่ ๕ ของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตค่อย ๆ ลดลงจาก ๑๒ ราย/สัปดาห์ในสัปดาห์แรก เป็น ๖ ราย/สัปดาห์ในสัปดาห์ที่ ๔ และ ๕ ของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.ย. 23, 10:17
กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์โควิด-19 รายสัปดาห์ ระบุว่า ข้อมูลของสัปดาห์ที่ 36 ระหว่าง 3-9 กันยายน 2566 มีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่รักษาในโรงพยาบาล 244 ราย เฉลี่ยรายวัน 35 รายต่อวัน ป่วยสะสมตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ 32,919ราย ขณะที่ผู้ป่วยหนักปอดอักเสบพบรายงาน 119 รายและผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 81 ราย  ด้านผู้เสียชีวิตลดลงเหลือ 3 ราย เฉลี่ยวันละ 1 ราย เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ต้นปี 2566 อยู่ที่ 799 ราย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ต.ค. 23, 09:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนกันยายน ๒๕๖๖

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาล สัปดาห์ที่ ๑-๓ ประมาณ ๓๐-๓๕ ราย/วัน และลดลงในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนคือ ประมาณ ๒๗ ราย/วัน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต อยู่ในระดับ ๑-๓ ราย/สัปดาห์


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 ต.ค. 23, 09:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนตุลาคม ๒๕๖๖

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาล สัปดาห์ที่ ๑-๒ ประมาณ ๑๘-๑๙ ราย/วัน และเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ ๓-๔ โดยในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนอยู่ที่ประมาณ ๒๙ ราย/วัน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต อยู่ในระดับ ๒-๕ ราย/สัปดาห์


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 พ.ย. 23, 11:35
ขณะนี้จีนกำลังเผชิญกับการระบาดของปอดอักเสบในเด็ก ที่ยังไม่สามารถวินิจฉัยสาเหตุได้ ทั้งในเหลียวหนิง ปักกิ่ง และเมืองอื่น ๆ แถบตอนเหนือของประเทศ

ไทยเราคงต้องจับตามอง และเฝ้าระวังไม่ให้โรคระบาดปริศนานี้เข้ามาในบ้านเรา หวังว่าคงไม่เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนกับโรคโควิด-๑๙

https://www.facebook.com/thairath/videos/1275290846484786/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ธ.ค. 23, 09:35
โรคระบาดในเมืองจีน คงต้องจับตามองกันต่อไป

https://www.facebook.com/onenews31/videos/894067805647983/


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ธ.ค. 23, 09:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาลค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จากประมาณ ๔๓ ราย/วัน ในสัปดาห์แรก เป็น ๗๖ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเช่นกัน คือจาก ๑ ราย/สัปดาห์ ในสัปดาห์ที่ ๑-๓ เป็น ๓ ราย/สัปดาห์ ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 23, 10:36
ทำท่าจะกลับมาอีกแล้วหรือนี่  :-\ :-\ :-\


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 23, 10:54
จาก facebook หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC
 
ติดตามข้อมูลระบาดวิทยา รู้ทันว่ามีโรคไวรัสอะไรระบาดบ้าง
เดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ข้อมูลของโรงพยาบาลวิชัยยุทธที่ติดตามโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ไวรัสไข้หวัดใหญ่ อาร์เอสวี (RSV) และ ฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส Human metapneumovirus (hMPV)
เดือนที่แล้วพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด  545 ราย เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (ดูกราฟ) พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เดือนที่แล้วเริ่มลดลงแต่ยังสูง 304 ราย (ดูกราฟ) เชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส (hMPV) ลดลงเหลือ 33 ราย (ดูกราฟ) และเชื้ออาร์เอสวี (RSV) ลดลงเหลือ 17 ราย (ดูกราฟ)
พบโรคไข้เลือดออกที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่เพิ่มขึ้นเป็น 46 ราย (ดูกราฟ) พบโรคชิคุนกุนยาหรือไข้ปวดข้อยุงลาย 4 ราย
โรคไวรัสโนโร (Noro) และโรตา (Rota) ทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เดือนที่แล้วพบโนโรไวรัส 13 ราย ไม่พบโรตาไวรัส
การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19, ไข้หวัดใหญ่ และไข้เลือดออกยังสูงอยู่ ไวรัสโควิด-19 กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น กลับมาแซงหน้าไวรัสไข้หวัดใหญ่อีกครั้ง ไวรัส RSV และ hMPV อยู่ในช่วงขาลง
ช่วงนี้คนป่วยด้วยโรคโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่เยอะมาก ขอให้ทุกคนยังควรใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ เวลาอยู่ในที่มีผู้คนแออัด อากาศถ่ายเทไม่ดี และในสถานพยาบาล เพื่อลดการแพร่เชื้อและการรับเชื้อโรคไวรัสทางเดินหายใจทุกชนิด
เดือนธันวาคมสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ และไวรัสอื่นๆจะเป็นอย่างไร ติดตามรายงานเดือนหน้าครับ



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ธ.ค. 23, 18:52
“ธีระวัฒน์” เผยรายงานการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนโควิด 326 รายในสหรัฐฯ พบ 240 รายหรือ 73.9% เกี่ยวข้องกับวัคซีน ขณะเดียวกันผลการศึกษาในยุโรป 31 ประเทศ พบว่าประเทศที่ฉีดวัคซีนโควิดมากในปี 2021 จะมีการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 และประเมินว่า การตายจากวัคซีนที่รายงานเข้าในระบบ VAERS ของสหรัฐฯ ต่ำกว่าความจริงกว่า 20 เท่า

อ่านรายละเอียดในล้ิงค์นี้ค่ะ
https://mgronline.com/qol/detail/9660000113303



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 ม.ค. 24, 11:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนธันวาคม ๒๕๖๖

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาล อยู่ประมาณ  ๗๓-๘๔ ราย/วัน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต อยู่ในระดับ ๓-๘ ราย/สัปดาห์


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ม.ค. 24, 14:03
    ในเมื่อผ่านประสบการณ์ติดโควิดมาหยกๆ ก็อยากจะแบ่งปันกับท่านผู้อ่านเรือนไทย  ว่า อย่าชะล่าใจว่าตอนนี้ไม่มีใครป่วยหนักและตายกันเป็นใบไม้ร่วงอย่างเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา    โควิดปี 24  ติดง่ายมาก    ดิฉันเป็นคนที่ระวังการออกไปในที่ชุมชน สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อย   กินอาหารมีช้อนกลาง ฯลฯ ตรงตามสาธารณสุขบอกครบถ้วน
    เอาตัวรอดมาได้ 5 ปี   วันที่ 31 ธันวาคม  ลูกพาไปเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าในร้านอาหารที่ไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่นเลย เพราะเราเลือกไปตั้งแต่ 11 โมง   จากนั้นไปซุปเปอร์ซื้อของ 2-3 อย่าง ใช้เวลาแป๊บเดียว  สวมหน้ากากตลอด แล้วรีบกลับบ้าน
    พอถึงวันพุธ แสบคอ มีไข้หนาวสั่น  อ่อนเพลีย   แพทย์จับตรวจเจอโควิดเลย
    ตอนนี้ไม่ว่าไปทางไหนเห็นคนไม่สวมหน้ากากกันแยะมาก   ขึ้นลิฟต์ทีไรก็มีแต่คนไม่สวมหน้ากากอย่างน้อย 1 คน   ไปรพ. ก็เจอคนไม่สวมหน้ากาก นั่งรอหมออยู่ กับเดินไปโน่นมานี่   โดยเฉพาะชาวต่างประเทศ ไม่สวมหน้ากากกันเลย    พวกนี้ไม่รู้ตัวว่าสามารถรับเชื้อและแพร่เชื้อได้ไวมากค่ะ
   อีกอย่าง  โควิดเป็นแล้วเป็นได้อีกนะคะ   เพื่อนดิฉันเข้ารพ.มา 3 หนแล้วเพราะต้องทำงานพบปะคนมากๆ  ออกจากรพ.แป๊บๆ ต้องเข้าไปอีกแล้ว  ญาติอีกคนก็ติดโควิดแล้ว 2 ครั้งค่ะ     
   


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 16 ม.ค. 24, 09:35
โดนโควิดเล่นงานเข้าให้แล้ว :o

เมื่อวานใช้ ATK (Antigen Test Kit) ตรวจเชื้อจากจมูก ได้ผลเป็นบวก มีอาการเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๑๓ มกราคม ไม่ได้เป็นมากมายอะไร เพียงแต่ตัวรุม ๆ มีไอจามบ้างโดยเฉพาะตอนนอน

ฉีดวัคซีน Astra & Pfizer ไปแล้ว ๕ เข็ม ครั้งสุดท้าย เมื่อตุลาคม ปี ๒๕๖๕ รออยู่ว่าโรงพยาบาลแถวบ้านจะประกาศให้ไปฉีดวัคซีนอีกเมื่อไร


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 24, 10:56
ขอต้อนรับเข้าสู่เดอะแก๊งค์  ;D ;D
หวังว่าคุณหมอคงไม่เป็นอะไรมาก หายได้ภายในไม่ถึง  5 วัน  ลำบากหน่อยต้องกักบริเวณ ให้ห่างน้องเพ็ญชมพูและคุณแม่
ดิฉันฉีดไปแล้ว 5 หรือ 6 เข็มนี่แหละ จำไม่ได้   มันแยะมากจนนับไม่ถูก พอมีประกาศให้ฉีดก็รีบไปฉีด
ก็ยังไม่แคล้ว


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 16 ม.ค. 24, 11:23
ก่อนหน้านี้หลังจากฉีดไป 5 เข็ม แล้วรอดจากโควิดมาได้ยาวนาน  ผมรู้สึกดีว่าตัวเองเป็นพวก novid เป็นคนกลุ่มน้อยแข็งแรงดั่งโคถึก รอดพ้นวิหฤติมาได้ แต่ปลายเดือนที่แล้วสุดท้ายก็ไม่รอดครับ แต่อาการไม่ได้มีอะไรมากมาย นอกจากมีไข้บ้าง ไอนิดหน่อย ยังหลั่นล้าชิว ๆ กินได้นอนหลับ จนหายแลวเพิ่งมารู้ตัวว่าจมูกดับไม่ได้กลิ่นไปเกือบเดือน  แต่ตอนนี้ปกติแล้วครับ

นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นเชื้อซอมบี้ จากที่เคยเป็นพระเอกสู้กับซอมบี้ ตอนนี้กลายเป็นซอมบี้ไล่ล่าพระเอกแทนแล้ว


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ม.ค. 24, 12:35
    คุณประกอบ  คุณเพ็ญชมพูและดิฉันล้วนแต่อินเทรนด์ค่ะ
    หมอปลอบใจว่า ต่อไปนี้มีภูมิคุ้มกันอีกพักใหญ่    แต่ก็ยังไม่วายวิตกอยู่ดี
    ส่วนวัคซีนครั้งใหม่  สองจิตสองใจว่าจะฉีดอีกดีไหม   ลูกสาวมีอาการแพ้หนักมากตั้งแต่ฉีดตัวสุดท้าย  ผื่นขึ้นทั้งตัว   สุขภาพทรุดฮวบลงไปพักใหญ่  กว่าจะฟื้นตัวก็หลายเดือน
     ส่วนเพื่อนเขยรายหนึ่งถูกหามเข้ารพ.ไปเพราะแพ้ อาการไปออกที่หัวใจ  ดวงยังดี รอดมาได้ค่ะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ม.ค. 24, 18:49
สำนักข่าวเดลี่เมลเปิดเผยว่า คณะนักวิทยาศาสตร์จีนในกรุงปักกิ่งซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกองทัพจีนทำการทดลองเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ซึ่งพบในตัวนิ่ม ชื่อไวรัสสายพันธุ์ “GX_P2V” กับหนูในห้องแล็บ โดยพบว่าเชื้อโควิดดังกล่าวเข้าทำลายสมองหนูจนทำให้หนูทดลองทุกตัวตายภายในเวลาเพียงแค่ 8 วัน

รายงานระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ได้มีการปรับแต่งทางพันธุวิศวกรรมให้หนูทดลองสร้างโปรตีนแบบเดียวกับที่พบในมนุษย์ เพื่อศึกษาว่าเชื้อไวรัสจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาใดบ้างเมื่อเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์

ผลการทดลองพบว่า ในช่วงแรกมีไวรัสดังกล่าวจำนวนมากในสมอง ปอด จมูก ดวงตา และหลอดลมของหนู และเมื่อเข้าสู่วันที่ 6 ไวรัสในปอดได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญแต่กลับมามีไวรัสจำนวนมากในสมอง บ่งชี้ว่าเชื้อดังกล่าวแพร่กระจายผ่านระบบทางเดินหายใจและเข้าสู่สมอง ต่างจากเชื้อโควิด-19 ที่ทำให้เกิดอาการปอดอักเสบรุนแรง

ผลการศึกษาซึ่งยังไม่ได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ ของคณะนักวิทยาศาสตร์ที่ University of Chemical Technology ในกรุงปักกิ่งระบุว่ามีการพบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์นี้ในตัวนิ่มในประเทศมาเลเซียตั้งแต่ปี 2560 ก่อนจะเกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19

การวิจัยดังกล่าวทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อกังวลว่าเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์นี้อาจหลุดออกมาจากห้องทดลองและอาจทำให้เกิดการระบาดใหญ่เหมือนกับการระบาดของเชื้อโควิด-19   โดย ด้านศาสตราจารย์ Francois Balloux ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน (University College London) ระบุว่าเป็นการวิจัยที่แย่มากและไม่มีคุณค่าทางวิทยาศาสตร์อย่างสิ้นเชิง
https://mgronline.com/china/detail/9670000005531

อ่านแล้วงง กับข้อความตัวแดง   ใครช่วยอธิบายได้ไหมคะ


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 ม.ค. 24, 20:35
ด้านศาสตราจารย์ Francois Balloux ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน (University College London) ระบุว่าเป็นการวิจัยที่แย่มากและไม่มีคุณค่าทางวิทยาศาสตร์อย่างสิ้นเชิง

จาก X (https://x.com/ballouxfrancois/status/1744932362704556331?s=46&t=LK_V3d8rOK1j8ajbOEEcTg)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ม.ค. 24, 21:12
ขอบคุณค่ะ คุณหมอเพ็ญ
ที่จริง ดร.คนนี้แกน่าจะอธิบายว่า ถ้าจะให้การทดลองใช้ได้ ต้องทำยังไง  เช่นเอาหนูอะไรประเภทไหนมา ถึงจะได้ผล แล้วควรดำเนินการยังไงถึงจะเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ
เอาแต่ด่าๆๆ  แบบนี้คนอ่านไม่ได้อะไรขึ้นมา  ต้องขอให้อธิบายไทยเป็นไทยอีกที


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 ม.ค. 24, 10:35
ทีมวิจัยจีนแยกโคโรนาไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์ "GX_P2V" ได้จากตัวนิ่มมลายู จากนั้นกระตุ้นให้กลายพันธุ์ในห้องปฏิบัติการเกิดสายพันธุ์ใหม่ "GX_P2V(short_3UTR)" ที่มีอันตรายสูงหนูทุกตัวที่ติดเชื้อจะตายทั้งหมด ๑๐๐% เนื่องจากเซลล์สมองถูกทำลาย

ทีมวิจัยจากจีนแถลงว่าการวิจัยนี้เป็น "แบบจำลองสำคัญที่จำเพาะ" เพื่อให้เข้าใจกลไกการก่อโรคของไวรัสที่เกี่ยวข้องกับ SARS-CoV-2 เพื่อหาวิธีป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโควิด-๑๙ และเน้นย้ำถึงความเสี่ยงที่การแพร่กระจายของ GX_P2V จากตัวนิ่มมาสู่มนุษย์ (zoonosis)

ทั้งนี้งานวิจัยดังกล่าวผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนเห็นต่าง เห็นว่าได้ไม่คุ้มเสีย มีความเสี่ยงสุ่มเกินไปหากไวรัสเกิดอุบัติเหตุหลุดลอดออกไปจากห้องปฏิบัติการ (lab leak) เกิดการระบาดระหว่างคนสู่คนไปทั่วโลก (pandemic) ซึ่งอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และที่น่ากังวลกว่านั้นคือไวรัสดังกล่าวถูกใช้เป็นอาวุธชีวภาพ

ไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์ GX_P2V (short_3UTR) ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติแต่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้น ดังนั้นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเรียกร้องให้ทีมวิจัยนี้ยุติโครงการวิจัยและทำลายไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวในทันที


รายละเอียดของงานวิจัยครั้งนี้ อ่านได้ในเฟซบุ๊กของ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี (https://www.facebook.com/share/p/WR1V4Fk5XDpVdDAr/?mibextid=WC7FNe)


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ม.ค. 24, 14:59
เข้าใจละค่ะ ขอบคุณมาก


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 24, 11:38
“หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงต้นตอที่มาโควิด พร้อมแจงละเอียดยิบเหตุยุติวิจัยไวรัสค้างคาว

“หมอธีระวัฒน์” เขียนบทความ เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับโควิด ส่อหลุดจากแล็บที่อู่ฮั่นซึ่งทำการวิจัยไวรัสร่วมกับสหรัฐฯ และเกิดจากการปรับแต่งพันธุกรรมให้แพร่เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ง่าย มีขบวนการพยายามปกปิดข้อมูล โดยกลุ่มบุคคลนักวิจัยที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน พร้อมแจงศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพฯ ยุติโครงการวิจัยไวรัสค้างคาวโดยรับทุนจากต่างประเทศ เพราะไม่คุ้มค่าและเป็นอันตราย ขณะที่คณบดีแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ ยังบอกจะมีการหาไวรัสค้างคาวต่อไป เสี่ยงเกิดโรคระบาดซ้ำรอยอู่ฮั่น โดยประเทศไทยตกเป็นผู้ต้องหา

     ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เขียนบทความเรื่อง “โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย” เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับต้นตอที่มาของไวรัสโควิด-19 ที่ได้จากการศึกษาวิจัยของต่างประเทศ รวมทั้งการไต่สวนของสภาคองเกรสของสหรัฐฯ รวมทั้งให้รายละเอียดเกียวกับการยกเลิกโครงการและยุติการรับทุนจากต่างประเทศในการทำวิจัยเรื่องไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าและการตัดต่อพันธุกรรม เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายอย่างร้ายแรงหากไวรัสหลุดออกสู่ภายนอก แต่กลับถูกคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งคณะกรรมการสอบสวน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 24, 11:39
โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย (ตอนที่ 1)

เรื่องราวมากมายที่เราต้องทราบ ถึงที่มาของการเกิดโรคระบาดโควิดทั่วโลกและทำให้คนเสียชีวิตหลาย 10 ล้านคน และมีภาวะแทรกซ้อนติดตามต่อมามากมายมหาศาล
ทั้งนี้ เพื่อหาคนรับผิดชอบ มีใครได้รับผลประโยชน์ มีการสืบสวนและสอบสวนในหลายประเทศรวมทั้งในรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งกลายเป็นต้นตอของเรื่องโควิด และเป็นบทเรียนที่สำคัญที่ต้องไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้ซ้ำ

ลำดับเหตุการณ์เหล่านี้มาจากศูนย์ของเราที่อยู่ในวงจรนี้ และหลังจากที่ได้เริ่มรับทราบความจริง จึงได้ยุติ อย่างสิ้นเชิง
ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพและโรคอุบัติใหม่ ซึ่งเป็นศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก ค้นคว้าและอบรมไวรัสสัตว์สู่คน รับผิดชอบโครงการที่ได้รับทุนจากสหรัฐฯตั้งแต่ปี 2011 ถึง 2020 และยุติโครงการทั้งหมด รวมทั้งทำลายตัวอย่างเหล่านี้ด้วยเหตุผลของความปลอดภัยและการเกิดโรคระบาดในประเทศ

ทั้งนี้ ความร่วมมือกับสหรัฐ ผ่านทางกระทรวงกลาโหม DARPA BTRA NIH NIAID USAID และองค์กร EcoHealth alliance ซึ่งเชื่อมโยงกับทั้งหมด และที่นี้ การกล่าวถึงองค์กรใดๆ จะหมายถึงเครือข่ายนี้ทั้งหมด


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 24, 11:41
    ความเชื่อมโยงเหล่านี้ ยังเกี่ยวพันกับทุนที่ให้กับสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น ย้อนหลังไปถึง 10 ปีก่อนหน้าการเกิดโควิด จากการเปิดเผยในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2023 ห้องชีวนิรภัยระดับสี่ของอู่ฮั่นนั้น ตั้งขึ้นได้จากฝรั่งเศสออกแบบ แคนาดาส่งตัวอย่างไปไวรัสร้ายแรง และได้ทุนจาก NIAID สหรัฐฯ โดยมีการวิจัยสร้างไวรัสร้ายแรงต่างๆ รวมทั้ง ไวรัสกลุ่มโคโรนา (ซึ่งโควิด อยู่ในกลุ่มนี้)
     โดยมีรายงานความบกพร่องในระบบความปลอดภัยมาตลอด
     ปี 2016 กระทรวงพลังงานสหรัฐ ได้เตือน NIH ถึงการปฏิบัติการ ปรับแต่งไวรัส แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง
     เดือนตุลาคม 2017 เจ้าหน้าที่จาก NIAID ได้มาที่สถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น และได้รับรู้ถึงกระบวนการปรับแต่งไวรัส Ebola และ ความไม่พร้อมของห้องชีวะนิรภัยระดับสี่    โดยได้แจ้ง F Gray Hadley NIAID รวมทั้งสถานทูตสหรัฐฯ กรุงปักกิ่งในวันที่ 19 มกราคม 2018 แต่การแจ้งเตือนเกี่ยวกับการปรับแต่งไวรัสนั้นไม่ถูกระบุเพราะเกรงว่าความร่วมมือระหว่าง NIH และ อู่ฮั่นจะถูกระงับ
     ในวันที่ 31 มีนาคม 2019 เจ้าหน้าที่จากประเทศแคนาดาจาก Toronto, Pearson, International Airport เที่ยวบิน AC 031 ได้นำตัวอย่างไวรัส Ebola 12 สายพันธุ์เป็นจำนวน 24 หลอดและไวรัสนิป้าห์เป็นจำนวน 6 หลอด ใส่ในภาชนะน้ำแข็งแห้ง 33 ปอนด์โดยส่งมาจากห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับสี่ ที่ Winnipeg
     Dan Brouillette Deputy Secretary กระทรวงพลังงานได้เตือน Fauci ถึงการที่ช่วยสถาบันไวรัสอู่ฮั่น ในการวิจัยไวรัสโคโรนา จะเสี่ยงต่ออันตรายและจะกลายเป็นการคุกคามทางทหาร และไม่ได้เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาอย่างเดียวที่สถาบันไวรัสอู่ฮั่น แต่ยังรวมถึงการวิจัยที่หน่วยงานสหรัฐร่วมมือปฏิบัติกับกลุ่มอื่นๆ ในประเทศจีน
    แต่ทั้งนี้ Fauci ได้กล่าวว่าไม่ได้มีความเชื่อมโยงดังกล่าว


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 24, 11:42
     ทั้งนี้ มีการสัมภาษณ์มากกว่า 60 คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รวมทั้งมีหลักฐานจากกรรมาธิการ ของรัฐสภาสหรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับการระบาดโควิด โดยได้มีหมายสอบสวน และพบเอกสารทางอีเมลระหว่างเจ้าหน้าที่ ของ NIH และองค์กรต่างๆ
      หลังจากการแพร่ระบาดโควิด ในปี 2019 ในเดือนกรกฎาคม 2023 USAID NIH ได้ยุติ โครงการ 125 ล้านเหรียญ DEEP VZN (discovery and extrapolation of emerging pathogens Viral Zoonoses) ซึ่งรวบรวมไวรัสจากสัตว์ป่าและค้างคาวจากที่ต่างๆ ทั่วโลกและเพื่อคาดคะเนว่าไวรัสตัวไหนจะก่อให้เกิดการระบาดทั่วโลก และยุติการให้ทุนต่อสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่นในปัจจุบัน และต่อเนื่องไปถึงอีก 10 ปี
      บันทึกฉบับจริงถึงผู้อำนวยการ สถาบัน วิจัยไวรัสอู่ฮั่น วันที่ 17 กรกฎาคม 2023 ยุติการให้ทุนและต่อเนื่องไปอีก 10 ปี มีการเปิดเผยชัดเจนจากรัฐสภา
       ทั้งนี้ทุนวิจัยดังกล่าวได้ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2014 จนถึง 2020 และสาเหตุสำคัญที่ยุติ ก็คือ การกระทำผิดทางวิจัยก่อให้เกิดแล้ว หรือมีความเสี่ยงให้เกิดอันตราย โดยทำให้ไวรัสมีความร้ายแรงมากขึ้นกว่าที่กำหนดในโครงการ
        ทั้งนี้ บันทึกมีสำเนาส่งถึง ด็อกเตอร์ Zhengli Shi ที่ทราบในนาม Bat Lady ด้วย



กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 24, 11:44
     ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2023 มีการเปิดเผยถึงนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันไวรัสอู่ฮั่น ที่น่าจะมีส่วนในการระบาดของโควิด เสียชีวิตโดยตกจากตึกของสถาบัน
     ดร Steven Quay หมอและนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อโดยมีผลงานตีพิมพ์กว่า 360 ชิ้นและคิดค้นยารักษาที่ผ่านการรับรองจาก อย. สหรัฐ 7 รายการ และถือสิทธิบัตร 90 รายการ และเชี่ยวชาญ ด้าน RNA เทคโนโลยี เป็นคนแรกๆ ที่ให้หลักฐานแก่กรรมมาธิการสภาสหรัฐ ในวันที่ 26 มิถุนายน 2021
     หลักฐานที่ให้โดยสังเขปประการที่หนึ่งได้แก่ ไวรัสแรกเริ่มนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในคนที่ตลาดสด แต่เป็นคนที่รับตัวเข้าโรงพยาบาลที่ห่างจากสถาบันไวรัสอู่ฮั่น 3 กิโลเมตรเป็นผู้ชายอายุ 39 ปี และการถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสโควิดอีก 3 ล้านตัวอย่าง ไวรัสจากชายคนดังกล่าวถือเป็นไวรัสต้นตอที่สุด   
     ประการที่สองการค้นหาไวรัสโควิดในน้ำและสิ่งแวดล้อมที่ตลาดสดนั้นไม่พบเลย
     ประการที่สามการตรวจหาไวรัสโควิดในสัตว์นานาชนิด 80,000 ตัวอย่าง ไม่พบไวรัสโควิดเช่นเดียวกันและประการที่สี่เลือดในธนาคารเลือด 9,952 ตัวอย่าง ก่อนเดือนธันวาคมปี 2019 ไม่พบหลักฐานของการติดโควิด
 
      โควิดมีลักษณะพิเศษที่สามารถเข้ามนุษย์จากการที่มี furin cleavage site และ dimer code (CGG-CGG dimer) ที่ไวรัสอื่นๆ ในกลุ่ม Sarbeco ไม่มี ได้แก่ SARS-CoV1 Bat-SARS like coronavirus WIV1 bat coronavirus RaTG13 และ bat strains อื่นๆ ที่ไม่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้ มาอย่างน้อย 1,000 ปี
      ลักษณะพิเศษของตำแหน่งนี้ใช้ในการพัฒนาสร้างไวรัสใหม่ gain of function ตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งทั้ง ดร. Shi และ Daszak ก็ยอมรับว่า ไม่มีกระบวนการตามธรรมชาติที่โควิดจะมีตำแหน่ง furin site พิเศษนี้

     คำถามต่อไป เป็นไปได้หรือไม่ ที่ไวรัสโคโรนาจากธรรมชาติ จะผสมรวมกันหรือ recombination ทำให้เกิดโควิด ทั้งนี้ กระบวนการเหล่านี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นเนื่องจากระหว่างกลุ่มของไวรัสโคโรนา จะมีกลไกที่ต่อต้านการควบรวมหรือการที่มี hot spots ต่างกัน
    โควิดถูกปรับแต่งมาตั้งแต่ต้นเพื่อให้มีความสามารถในการแพร่จากคนสู่คน ทั้งนี้ ส่วนของโควิด ที่เกาะติดและเข้าสู่เซลล์มนุษย์ได้นั้นมีความพร้อมสมบูรณ์อยู่แล้วถึง 99.5%


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 24, 11:46
    โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย (ตอนที่ 2)
      สถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น เคยได้ประกาศว่า ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี การสร้างไวรัสโคโรนาใหม่ ด้วยวิธีการต่างๆ จาก Ralph Baric ที่ North Carolina มานานแล้ว
      การสอบสวนของรัฐสภาสหรัฐในเรื่องการสร้างไวรัสใหม่ที่เกิดขึ้นในปี 2022 ซึ่งสามารถดูได้จาก YouTube เนื่องจากมีความยาวมากจึงได้มีการจัดแบ่งเป็น ตอนที่หนึ่งและสอง
First senate hearing on gain of function research since start of pandemic - part 1 and 2 (2022)
https://www.youtube.com/live/koUvMznvsqs?si=Mm9gTDRQuty3m1RJ

https://www.youtube.com/live/rinfVVWwwyY?si=2nC9glZUP0VLoCW9

และต่อเนื่องกันจนถึงปัจจุบัน จนมีความสำเร็จในการแปรญัตติที่จะระงับทุนของ NIH และหาตัวคนที่รับผิดชอบการเสียชีวิตของมนุษย์หลายล้านคน

     การสอบสวนของวุฒิสภาความมั่นคงของมาตุภูมิ ในวันที่ 3 สิงหาคม 2022 (ตอนที่สองใน YouTube) พบว่าการทดลองสร้างไวรัสใหม่ให้รุนแรงกว่าเดิมนั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2002 ถึง 2003 และจนกระทั่งในปี 2011 มีรูปแบบการสร้างไวรัสที่เป็นมาตรฐาน
     นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นพยานและให้หลักฐาน ได้แก่ Richard H Ebright จากสถาบัน Waksman มหาวิทยาลัย Rutgers Steven Quay จาก Atossa Therapeutics และ Kevin M Esvelt จาก MIT


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 24, 11:48
      Steven Quay เป็นพยานให้การ และให้หลักฐานของการที่โควิดเกิดจากการปรับแต่งให้เกิดโรคในคน และไม่ได้มาจากธรรมชาติ Steven ให้การ ต่อรัฐสภาตั้งแต่มิถุนายน 2021 และ 3 สิงหาคม 2022 (YouTube ตอนที่หนึ่ง)
       รัฐสภา ได้ลำดับเหตุการณ์การศึกษา สร้างไวรัสใหม่ ที่มีการยุติ ในปลายสมัยโอบามา และ NIH ได้รื้อฟื้นขึ้นมาใหม่โดยให้ทุนแก่ North Carolina และ ดร Shi ซึ่งต่อมาได้ถูกให้ยุติแต่กระนั้น มีการให้ทุนใหม่โดย NIH โดยไม่มีการให้ตรวจสอบจากกรรมการภายนอก จนกระทั่งเกิดการระบาดของโควิด
      Richard H Ebright ยืนยันว่ามีการยุติการให้ทุนของ NIH จริง แต่ NIH ยังทำต่อ คำอธิบายว่าทำไมนักวิทยาศาสตร์ยังคงทำการวิจัยที่อันตรายเหล่านี้คำตอบก็คือมีผลตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทุนวิจัยหรือชื่อเสียงที่ได้จากการตีพิมพ์
      Kevin ได้สนับสนุนในการให้ยุติกระบวนการศึกษา สร้างไวรัสใหม่ ทั้งนี้ ด้วยหลักฐานที่เชื่อมโยงการเกิดโควิดและการให้ทุนกับสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่นทั้งนี้สามารถที่จะกลายเป็นอาวุธทำลายร้ายแรง หรือ weapon of mass destruction
      ดร Robert Redfield ผู้อำนวยการ CDC ในช่วง 2018 ถึง 2021 เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้น ในฐานะที่อยู่ในคณะที่ปรึกษาของประธานาธิบดี เช่นเดียวกับ Fauci ได้แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการที่ Fauci ปฏิเสธโควิดจากห้อง lab ทั้งที่มีหลักฐานคัดค้านกับการเกิดตามธรรมชาติ และกล่าวซ้ำในวันที่ 21 มีนาคม 2023
      ศาสตราจารย์ Jeffrey Sachs ที่มีชื่อเสียง ได้กล่าวเปิดโปง Daszak ประธานองค์กร EcoHealth alliance มาแล้ว จากการที่ท่านเป็นประธาน Lancet Commission และได้ตั้ง Daszak ในการสืบหาต้นตอของโควิด ปรากฏว่า Daszakโกหกมาตลอด (ใช้คำว่า Lie) นอกจากนั้น ยังเปิดเผยว่า Ian Lipkin จาก Columbia ซึ่งทำหนัง contagion ในปี 2011 และเป็นผู้ที่มาเยี่ยมที่ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพหลายครั้งระหว่างที่เราได้รับทุน จากสหรัฐฯเป็นอีกคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ EcoHealth alliance และพยายามล้มล้างทฤษฎีการเกิดจากแลป และทำให้เป็นทฤษฎีสมคบคิด


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 24, 11:49
     ในวันที่ 26 เมษายน 2023 รัฐสภาสอบสวน Samantha Powell ของ USAID การให้ทุนกับสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น
     วันที่ 5 มีนาคม 2023 รัฐสภาสหรัฐ สืบสวนกรณีบทความในวารสารเนเจอร์ (Proximal Origin) ที่ตีพิมพ์ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2020 หลังจากเกิดโควิดได้สองเดือน จากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ และพบว่าFauci มีการร่างบทความ ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อ โดยในงานนี้ เป้าหมายคือ การดิสเครดิต “โควิด เกิดจากแล็บ” รวมทั้ง Jeremy Farrah (Oxford Welcome Trust) และปัจจุบัน เป็นChief Scientist ของ WHO ตั้งแต่ 2023 ได้เกี่ยวข้องกับรายงานตีพิมพ์ฉบับนี้แต่ไม่ได้มีชื่ออยู่
     บันทึกจากสภาคองเกรส ในวันที่ 5 มีนาคม 2023 ลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2020 ที่Fauci และ Collins และ อย่างน้อยอีก 11 คนที่ได้มีการประชุมผ่าน conference call และตัว Fauci และ Collins ได้ ถูกเตือนว่า โควิดอาจจะเกิดจากสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่นโดยการตั้งใจที่จะสร้างไวรัสใหม่
     สามวันหลังจากนั้น นักวิทยาศาสตร์สี่คนที่ร่วมประชุมได้ร่างบทความ Proximal origin และส่งดราฟท์ให้ Fauci และ Collins เพื่อตรวจทานและแก้ไขก่อนที่จะส่งไปยังวารสารเนเจอร์
     ในวันที่ 16 เมษายน 2020 หลังจากที่ตีพิมพ์ในวารสารแล้ว Collins ได้อีเมล ถึง Fauci แสดงความผิดหวังว่า เนื้อหายังไม่รุนแรงพอที่จะล้มล้างโควิดมาจากแล็บ และ ต้องการให้ NIH กดดันมากขึ้น ดังนั้นในวันต่อมา Fauci ได้สำทับในการให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบขาวว่า โควิดไม่ได้เกิดจากแล็บ และเป็นทฤษฎีสมคบคิด
     บันทึกของรัฐสภาสหรัฐฯ จากการสอบสวนชัดเจนว่า มีการพยายามล้มล้างและป้ายสี ว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด โดยบทความที่ตีพิมพ์นั้นถือเป็นภารกิจสำคัญและ Kristen Andersen Scripps research ถึงกับเขียนไปหาวารสารเนเจอร์ ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2020 ให้แสดงสิ่งรอบด้าน ที่น่าจะเป็นกำเนิดโควิดที่แท้จริง แต่อย่างไรก็ตามกลับได้พูดในสาธารณะ ว่าโควิดนั้นมาจากตัวนิ่ม หรือลิ่นpangolin และมาจากธรรมชาติแน่


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 24, 11:51
     จากการสอบสวนของรัฐสภาฯ พบว่า การกล่าวอ้างโควิดมาจากตัวนิ่มหรือตัวลิ่นนั้น Andersen เองก็ไม่ได้เชื่อหลักฐานจาก pangolin ว่าจะสามารถล้มล้าง การหลุดออกมาจากแล็บได้ และตัว Lipkin เอง ในขณะที่ร่างบทความในเนเจอร์นั้นได้ให้ความเห็นและเหตุผลว่า โควิดนั้นยังสามารถมาจากสถาบันอู่ฮั่นได้ จากการที่สถาบันมี การศึกษาไวรัสโคโรนา จากค้างคาวมาอย่างยาวนาน รวมทั้งการเกิดในมนุษย์รายแรกทำให้ไม่สามารถตัดการเกิดจากแล็บได้
      ดร Holmes เห็นด้วยกับ Lipkin และ ติดต่อกับ Farrar โดยพูดว่าโควิดแม้จะใกล้เคียงกับซาร์สแต่มีลักษณะแปลกออกไปเหมือนกับมีการปรับแต่งเพื่อให้เข้ามามนุษย์และแพร่กระจายออกไปทั้งนี้ด้วยหลักฐานทางระบาดวิทยาที่น่ากังวล
      Lipkin อีเมล หา Farrah และขอบคุณที่จัดการเรื่องบทความพร้อมกับบอกว่า มีข่าวลือในประเทศจีนเองว่า มีการสร้างโควิดเป็นอาวุธชีวภาพ Farrah ตอบว่าทราบแล้วรวมทั้งมีข่าวในสหรัฐเองด้วย   ดังนั้นต้องรีบปล่อยบทความนี้ไปให้เร็วที่สุดและจะเป็นคนกดดันวารสาร เนเจอร์เอง  รวมทั้งแก้ไขคำพูดในบทความ ให้รุนแรงขึ้นว่า ไม่มีทางที่โควิดจะเกิดขึ้นจากการปรับแต่งทางแล็บ โดยตัวAndersen เอง ได้ตอบว่า “ชัวร์” (sure)
      Kristen Andersen และ Robert Garry จาก รร แพทย์ Tulane ในเวลาต่อมา ถูกหมายเรียกและสาบาน คำให้การต่อ รัฐสภาสหรัฐในเดือนกรกฎาคม 2023 และมีการลำดับไทม์ไลน์ของบทความ Proximal origin รวมทั้งเปิดเผยความเชื่อมโยงของการให้ทุนจากสหรัฐ
      Paul A Gosar กรรมาธิการใน Natural resources และ ในการ กำกับดูแล และหาคนรับผิดชอบ (oversight and accountability) ได้มีบันทึกถึงกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เพนตากอนในวันที่ 4 ธันวาคม 2023 ถึงเรื่องการที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ยังคงให้ทุนกับ EcoHealth alliance ต่อ และการที่มีความสำเร็จในการแปรญัตติ ที่จะยุติ สอง ทุน ในปีงบประมาณ 2024 ของ NIH ที่ให้ต่อ EHA หรือ EcoHealth alliance ในการหาไวรัสโคโรนาและทำการสร้างไวรัสใหม่


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 24, 11:54
    แต่เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังคงให้ทุนองค์กรนี้อย่างต่อเนื่องทั้ง ๆ ที่ หลายกระแส ชี้ไปในทางการเกิดโควิดจากการสร้างไวรัสใหม่ของสถาบันไวรัสอู่ฮั่น และแม้แต่ผู้ตรวจการ ยังได้มีบันทึกแสดงให้เห็นถึง ความประพฤติที่ผิดพลาดขององค์กรนี้ในการใช้ทุนจาก NIH ที่ส่งไป สถาบันไวรัสอู่ฮั่น
     Gosar ให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐแจงข้อมูลเกี่ยวกับการให้ทุนต่อ EHA จำนวนเงินทั้งหมดที่ให้โครงการ และที่ยังมีการให้ทุนอย่างต่อเนื่อง การให้ทุนการวิจัยในเรื่องการต่อต้านอาวุธที่มีการทำลายล้างสูง ให้รายงานผู้ที่ทำงานร่วมกับองค์กรนี้โดยให้ชื่อทั้งหมด รายละเอียดของการทำงานไม่ว่าจะเป็นทุนโดยตรงหรือเป็นทุนที่แยกย่อยออกไป ให้รายงานทุนที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐให้ผ่าน EHA ไปยังต่างประเทศ ให้รายงาน ว่ายังมีโครงการใดอีกบ้างที่เกี่ยวข้องกับการสร้างไวรัสใหม่ที่ยังดำเนินอยู่และกระทรวงกลาโหมสหรัฐยังคงที่จะทำการศึกษาการสร้างไวรัสใหม่ที่ร้ายแรงขึ้นอีกหรือไม่
       Gosar นอกจากส่งบันทึกให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐแล้ว ยังส่งให้ NIH สถาบันวิทยาศาสตร์ของสหรัฐและ USAID และกล่าวว่า EHA ไม่สมควรที่จะได้รับการสนับสนุนใดๆทั้งสิ้น หลังจากเหตุการณ์โควิด ที่เกิดขึ้นที่อู่ฮั่นและคำสัญญาในการรับทุนว่าจะทำการคาดคะเนและป้องกันโรคระบาดแต่อาจจะเป็นคนที่ก่อขึ้นมาเองด้วยซ้ำ

โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย (ตอนที่ 3)

     ในประเทศไทยเองนั้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2023 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ซึ่งประกอบไปด้วยประชาชนและแพทย์ ได้ยื่นหนังสือต่อคณบดีคณะแพทยศาสตร์จุฬา และเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล ให้พิจารณาว่า การร่วมมือกับ EHA เป็นสิ่งที่สมควรกระทำหรือไม่และอาจทำให้ตกเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดข้อหาอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ
     ทั้งนี้ ยังได้มีบันทึกก่อนหน้า ถึงคณบดี ในวันที่ 17 ตุลาคม 2023 เวลา 13.44 น. เลขรับที่ 14113 / 2566
     และในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2023 ทางกลุ่มได้แสดงความขอบคุณ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่แสดงจุดยืนในเรื่องนี้

     สภาคองเกรสสหรัฐ ผ่านการแปรญัตติ พิจารณางดการให้ทุนแก่ NIH ในการสร้างไวรัสใหม่ที่อันตราย รายละเอียดสามารถดูได้จากวิดีโอรายงานเรื่องนี้
       Fauci ได้ถูกหมายที่ต้องให้การต่อคองเกรส สหรัฐ ในวันที่ 7 และ 8 มกราคม 2024 วันละ 7 ชั่วโมงเกี่ยวกับการระบาดโควิด และตามด้วยประชาพิจารณ์ โดยมีข้อสำคัญ เรื่องการวางแผนโกหกปกปิดที่มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 รวมทั้งโดนเปิดโปงความเชื่อมโยงการให้ทุนกับอู่ฮั่น และการถูกห้ามไม่ให้ทำการสร้างไวรัสใหม่แต่ยังคงทำต่อตั้งแต่ 2018 จนถึงปัจจุบัน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ม.ค. 24, 11:55
การประชุมขององค์การอนามัยโลกเจนีวา ที่นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้รับเชิญเข้าประชุมในคณะทำงาน STAG (strategic and technology advisory group) วันที่ 23 ถึง 24 พฤศจิกายน 2023 เรื่อง การวางแผนรับมือโรคอุบัติใหม่ แต่ทั้งนี้ยังรวมถึงกระบวนการเซ็นเซอร์ทั้งโลกทั้งนี้ไม่สามารถให้รายละเอียดได้เนื่องจากสัญญาของการไม่เผยแพร่

ข้อมูลและหลักฐานการเก็บไวรัสใหม่จากค้างคาวและสัตว์ป่า ของศูนย์วิทยาศาสตร์ รวมทั้งการที่ไม่ได้ประโยชน์จากการหาไวรัสใหม่และความเสี่ยงอย่างสูงที่จะมีการติดเชื้อในการปฏิบัติการ ได้มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในวันที่ 10 เมษายน 2023 และแสดงเหตุผลของการยุติความร่วมมือกับสถาบันองค์กร ของสหรัฐ ทั้งหมดและ EHA และหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ใช้เวลา 6 เดือนในการตรวจสอบเอกสาร หลักฐานก่อนตีพิมพ์

ก่อนหน้าที่จะทำการตีพิมพ์ David Willman นักข่าวที่ได้รับรางวัลพูลิเซอร์ ที่สัมภาษณ์และเก็บข้อมูลจาก ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ รวมทั้งข้อมูลเหล่านี้ได้รับการตรวจสอบจากคณะบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ แล้ว ได้สอบถามรองคณบดีฝ่ายวิจัยของคณะแพทย์ศาสตร์จุฬา ถึงความเห็นในการสืบเสาะหาไวรัสในค้างคาวโดยที่การศึกษาดังกล่าวถือว่าเป็นการวิจัยที่มีความเสี่ยงสูง

อ่านต่่อได้ที่
https://mgronline.com/qol/detail/9670000005954


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ม.ค. 24, 18:21
   จาก  เฟซบุ๊ก "Yong Poovorawan" หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
   
    การระบาดในไทย ระลอกแรก ในปีพ.ศ 2563 เป็นสายพันธุ์ S ต่อมาระบาดในระลอกที่ 2 ปลายปี 2563 ที่ตลาดกลางกุ้ง สายพันธุ์ระบาดเป็นสายพันธุ์ G (D614G) ในปีต่อมา 2564 การระบาดเกิดขึ้นที่สถานบันเทิงที่ทองหล่อ เป็นสายพันธุ์ alpha  และระลอกที่ 4 กลางปี 2564  เป็นสายพันธุ์ delta ส่วนสายพันธุ์ omicron เริ่มระบาดตั้งแต่ปลายปี 2564 จนถึงปัจจุบันซึ่งเป็นระยะเวลาค่อนข้างที่จะยาวนาน มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ย่อยโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน (มกราคม 2567)เป็นสายพันธุ์ JN.1

     สายพันธุ์ที่ระบาดและครองพื้นที่ส่วนใหญ่จะเบียดบังและกดสายพันธุ์เดิมให้หายไป เพราะสายพันธุ์ใหม่แพร่กระจายได้เร็วกว่า ติดต่อได้ง่ายกว่าหรือมีลูกหลานได้มากกว่าก็จะเป็นสายพันธุ์เด่น ด้วยกฎเกณฑ์ของวิวัฒนาการ สายพันธุ์ที่เกิดใหม่จะติดต่อง่าย แพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดิมมาตลอด และจะลดความรุนแรงของโรคลง เพื่อความอยู่รอดตามทฤษฎี ืnatural selection ของ Charles Darwin และโรคโควิด 19 ก็จะอยู่กับเราเป็นโรคประจำฤดูกาลต่อไป โดยการระบาดใหญ่ครั้งนี้ได้ให้บทเรียนทางวิทยาศาสตร์กับเราเป็นจำนวนมาก
อ่านรายละเอียดได้ที่
https://www.facebook.com/yong.poovorawan


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.พ. 24, 10:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนมกราคม ๒๕๖๗

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาล อยู่ประมาณ ๘๘-๑๐๒ ราย/วัน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต อยู่ในระดับ ๔-๑๑ ราย/สัปดาห์


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 มี.ค. 24, 09:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาล ลดลงทีละน้อยจาก ๗๗ ราย/วัน ในสัปดาห์แรก เป็น ๖๖ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต ลดลงทีละน้อยเช่นกันจาก ๕ ราย/สัปดาห์ ในสัปดาห์แรก เป็น ๒ ราย/สัปดาห์ ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มี.ค. 24, 10:44
ไปงานเลี้ยงมา  ผู้คนไม่สวมหน้ากากกันเลย


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 เม.ย. 24, 10:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนมีนาคม ๒๕๖๗

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาล ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จาก ๖๖ ราย/วัน ในสัปดาห์แรก เป็น ๑๐๔ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้นทีละน้อยจาก ๓ ราย/สัปดาห์ ในสัปดาห์แรก เป็น ๕  ราย/สัปดาห์ ในสัปดาห์ที่สามของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 เม.ย. 24, 13:50
‘หมอธีระ’ เผยยอดป่วยโควิด คาดพุ่งวันละเกือบหมื่นแล้ว น่าเป็นห่วงมาก ดับไป 3

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.67 นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง สถานการณ์การระบาดเชื้อโควิด19 ระบุว่า

“วิเคราะห์การระบาดของไทย…” สัปดาห์ล่าสุด 14-20 เม.ย.2024 จำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,004 ราย เสียชีวิต 3 ราย ปอดอักเสบ 292 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 101 ราย

พบว่าผู้ป่วยต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งขึ้น 18.26% ขึ้นต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน จำนวนปอดอักเสบเพิ่มขึ้น 20.66% และใส่ท่อช่วยหายใจก็เพิ่มขึ้น 17.44% คาดประมาณจำนวนคนติดเชื้อใหม่ต่อวันอย่างน้อย 7,172-9,961 ราย

อย่างไรก็ตาม จำนวนติดเชื้อจริงน่าจะมากกว่านี้ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างปีนี้และปีก่อน จะพบว่าการติดเชื้อ การป่วย ป่วยรุนแรง เพิ่มขึ้นในลักษณะเดียวกัน แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนคือ baseline ตั้งต้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีแตกต่างกัน โดยจำนวนผู้ป่วยช่วงก่อนสงกรานต์ของปีนี้สูงกว่าปีก่อนหลายเท่า

การระบาดปีก่อน ส่งผลให้ติด ป่วย ตายมากขึ้น ต่อเนื่องไปถึงต้นมิ.ย.ในปีนี้ จึงน่าเป็นห่วงมาก การป้องกันตัวระหว่างใช้ชีวิตประจำวันมีความสำคัญ ยืนยันว่า ด้วยความรู้ทางการแพทย์ โควิด-19 ไม่ใช่หวัดธรรมดา ติดแต่ละครั้ง นอกจากเสี่ยงป่วย ป่วยรุนแรง หรือเสียชีวิตแล้ว ยังเสี่ยงต่อ Long COVID ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตระยะยาวอีกด้วย ป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าตามแก้ไขครับ

 อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_8196936




กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 เม.ย. 24, 14:35
สัปดาห์ล่าสุด 14-20 เม.ย.2024 จำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,004 ราย เสียชีวิต 3 ราย ปอดอักเสบ 292 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 101 ราย

เตรียมตัวรับผลกระทบจาก Songkran Effect  อัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตน่าจะเพิ่มขึ้นไปจนถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 เม.ย. 24, 09:35
สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย เดือนเมษายน ๒๕๖๗

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้าโรงพยาบาล เพิ่มขึ้น จาก ๑๑๑ ราย/วัน ในสัปดาห์แรก เป็น ๒๓๙ ราย/วัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้นจาก ๓ ราย/สัปดาห์ ในสัปดาห์แรก เป็น ๙ ราย/สัปดาห์ ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน


กระทู้: โควิด-๑๙ มหันตภัยโลก (ภาคต่อ 'โคโรนาไวรัสอู่ฮั่น')
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 พ.ค. 24, 10:35
ข่าวจาก เทเลกราฟ สื่ออังกฤษ (https://www.telegraph.co.uk/news/2024/04/28/astrazeneca-admits-covid-vaccine-causes-rare-side-effect/)

'แอสตร้าเซนเนก้า' บริษัทยาชื่อดัง ได้ยอมรับเป็นครั้งแรกว่า 'วัคซีนโควิด' ของบริษัท ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ แม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ยาก

การยอมรับครั้งนี้ ถือเป็นเป็นครั้งแรกที่ทางบริษัทรับว่า วัคซีนได้ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โดยปรากฏอยู่ในเอกสารในชั้นศาล พบว่า วัคซีนป้องกันโควิดสามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ อาจจะทำให้บริษัทต้องจ่ายเงินหลายล้านปอนด์ หลังเกิดการฟ้องร้องในอังกฤษ 

ทั้งนี้ ในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่ม ได้กล่าวหาบริษัทว่า วัคซีนดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัส โดยเรียกร้องค่าเสียหายสูงถึง ๑๐๐ ล้านปอนด์ (ประมาณ ๔,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท) แก่เหยื่อประมาณ ๕๐ ราย

ผู้ร้องเรียนรายหนึ่ง กล่าวหาว่า วัคซีนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่สมองอย่างถาวร หลังจากที่เขามีลิ่มเลือด จนทำให้ทำงานไม่ได้


แม้ว่า แอสตร้าเซนเนก้า จะโต้แย้งข้อกล่าวอ้างเหล่านั้น แต่ก็ยอมรับเป็นครั้งแรกในเอกสารของศาลฉบับหนึ่งว่า วัคซีนสามารถทำให้เกิด 'ภาวะทีทีเอส (TTS)' หรือ ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน-ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ได้ในบางกรณี

โดยเอกสารระบุว่า "เป็นที่ยอมรับกันว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้เกิด TTS ได้ในบางกรณี แต่ไม่ทราบสาเหตุ"

ทั้งนี้ โควิชีลด์ ได้รับการพัฒนาโดย บริษัท อังกฤษ สวีเดน โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัย ออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และผลิตโดย สถาบันเซรุ่ม แห่งอินเดีย มีการบริหารงานอย่างกว้างขวางใน ๑๕๐ ประเทศ รวมถึง สหราชอาณาจักร และ อินเดีย

โดย วัคซีนดังกล่าวมี ประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ได้ถึง ๖๐-๘๐% อย่างไรก็ตาม การวิจัยก็พบว่า โควิดชิลด์ อาจทำให้บางคนเกิดลิ่มเลือด ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้

https://ch3plus.com/news/international/frontpagenews/397940

https://youtu.be/7ztqDzJneYc