เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 03 มิ.ย. 16, 16:25



กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 มิ.ย. 16, 16:25
เป็นกระทู้ต่อจากกระทู้  รักเร้นของวังบัคกิ้งแฮมค่ะ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4845.0 (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4845.0)


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 มิ.ย. 16, 20:21
ถอยหลังกลับไปในประวัติศาสตร์   มีเจ้านายฝ่ายชายของอังกฤษหลายองค์ที่ประวัติศาสตร์จารึกบทบาทเอาไว้ ว่ามีรสนิยมทางเพศผิดแผกแตกต่างไปจากผู้ชายส่วนใหญ่       บางองค์ก็เปิดเผยรู้กันในราชสำนัก   บางองค์ก็ลับๆล่อๆ ให้ตีความกันเอาเอง
บางองค์ เอ่ยชื่อขึ้นมาคนไทยก็คงนึกไม่ออกว่าเป็นใครอยู่ดี   เพราะมีบทบาทน้อยประวัติศาสตร์   รัชสมัยของพระองค์เองก็ไม่ค่อยจะมีอะไรให้เอ่ยถึงนัก    จึงขอข้ามไปก่อนนะคะ

มาเริ่มที่พระราชาอังกฤษ องค์ที่คนไทยผู้รู้จักเรื่องราวของโรบิน ฮู้ดอาจนึกออกว่ามีบทบาทสำคัญในเรื่อง   คือพระเจ้าริชาร์ดที่ 1 ผู้มีสมญาว่า ริชาร์ดใจสิงห์  หรือ Richard the Lionheart   เป็นการยกย่องฝีมือรบ ว่าเป็นนักรบแกล้วกล้าที่สุดคนหนึ่งในสมัยของพระองค์ ซึ่งตกอยู่ในยุคกลางของยุโรป


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มิ.ย. 16, 09:42
     พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษโดยสมบูรณ์ก็จริง    แต่ไม่ค่อยจะมีเวลาอยู่ในอังกฤษ  เพราะมัวแต่เสด็จออกไปร่วมรบในสงครามครูเสด  ซึ่งเป็นสงครามศาสนาระหว่างชาวคริสต์ ซึ่งมาจากประเทศต่างๆในยุโรปตะวันตกที่นับถือคริสตศาสนา กับชาวมุสลิมทางตะวันออกกลางที่นับถือศาสนาอิสลาม      เนื่องจากชาวคริสต์ต้องการยึดครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และ เมืองคอนสแตนติโนเปิลหรือเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกีในปัจจุบัน
   สงครามนี้มีชื่อทางยุโรปว่า สงครามครูเสด (Crusades)  กินเวลายืดเยื้อยาวนานหลายร้อยปี      ในเมื่อไม่เกี่ยวกับหัวข้อกระทู้นี้ก็จะไม่เอ่ยถึงรายละเอียด  สรุปสั้นๆว่าพระสันตปาปาแห่งโรมผู้เป็นประมุขทางคริสตศาสนาได้ขอร้องพระราชา เจ้านายและนักรบในราชอาณาจักรต่างๆที่นับถือคริสตศาสนาให้ไปรบชิงดินแดนศักดิ์สิทธิ์    โดยถือว่าเป็นบุญกิริยาอันยิ่งใหญ่      บรรดาผู้กล้าทั้งหลายก็เลยแห่กันไปรบ  เพราะนอกจากชัยชนะแล้วยังได้บุญยิ่งใหญ่กลับมา   ให้ตายแล้วขึ้นสวรรค์ได้ชัวร์อีกด้วย
    พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ก็เลยทิ้งบัลลังก์ให้น้องชายชื่อเจ้าชายจอห์นได้นั่งรักษาการไปพลางๆ    ตัวพระองค์เองก็เสด็จออกจากอังกฤษไป  หายไปเป็นปีๆ  ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง เพื่อไปประจำอยู่ในสมรภูมิไกลโพ้น  รอชัยชนะจากสงคราม
    ทางนี้เจ้าชายจอห์นก็ข่มเหงกดขี่ขูดรีดราษฎรตามในชอบ ขึ้นภาษีมหาโหด    ก่อความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ขณะที่พรรคพวกเจ้านายขุนนางก็รวยเอาๆ   จนมีวีรบุรุษคนหนึ่งทนไม่ไหว  ปล้นคนรวยไปแจกจ่ายให้คนจน ในนามของ โรบินฮู้ด


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Molly ที่ 04 มิ.ย. 16, 09:57
มาลงชื่อเข้าชั้นเรียนค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มิ.ย. 16, 10:45
นักเรียนคนแรก มีอภิสิทธิ์ได้น้ำชากุหลาบแบบอังกฤษ กับขนมค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มิ.ย. 16, 11:01
พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์เป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษที่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมฝรั่งเศสมากกว่าอังกฤษ    เหตุผลหนึ่งคือพระบิดาและพระมารดามีเชื้อสายฝรั่งเศสทั้งคู่   ว่ากันว่าตรัสเป็นภาษาฝรั่งเศสได้คล่องมากกว่าอังกฤษด้วยซ้ำ     
นอกจากนี้ก็ทรงออกไปพำนักอยู่ที่ฝรั่งเศสเกือบตลอดเวลา 10 ปีที่ครองราชย์   ส่วนหนึ่งเพื่อไปทำสงครามครูเสด อีกส่วนหนึ่งทรงดำรงพระยศเป็นดยุคแห่งอากิเตน  (Duke of Aquitaine)  ตามแคว้นอากิเตนที่พระมารดาประทานให้  จึงไม่แปลกที่ทรงสนิทสนมซี้ปึ้กกับพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสในขณะนั้น  คือพระเจ้าฟิลลิปที่สอง   
พระเจ้าฟิลลิปองค์นี้ จะเรียกว่าเป็นสหายรักของพระเจ้าริชาร์ดก็ได้     แต่นักประวัติศาสตร์อ่านหลักฐานร่วมสมัยที่มีคนบันทึกถึงพระราชกิจ แล้วบ่นกันว่า..มันน่าจะมากเกินสหายไปแล้วนะ  อัลลัย..เสวยกันที่โต๊ะเสวยทุกวัน   แชร์จานพระกระยาหารจานเดียวกันยังไม่พอ  กลางคืนยังบรรทมเตียงเดียวกันซะอีก


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มิ.ย. 16, 11:03
พระเจ้าฟิลิปที่สองแห่งฝรั่งเศส


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Molly ที่ 04 มิ.ย. 16, 14:29
อุ๊ย! มีของว่างเข้ากับเนื้อเรื่องด้วย ขอบคุณค่ะ อาจารย์  :D


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Jalito ที่ 04 มิ.ย. 16, 16:55
อุ๊ย! มีของว่างเข้ากับเนื้อเรื่องด้วย ขอบคุณค่ะ อาจารย์  :D
     การแจกขนมนมเนยแบบอาหารตาจากท่านอาจารย์เจ้าเรือนได้หายไปนาน
     การกลับมาอีกมีส่วนช่วยให้บรรยากาศที่เข้มเครียดจากเนื้อหากระทู้ ละมุนขึ้นเยอะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มิ.ย. 16, 17:40
เสิฟนักเรียนคนที่สองด้วยค่ะ  น้ำชากับขนมสโกนของอังกฤษ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Jalito ที่ 04 มิ.ย. 16, 19:07
ขอบพระคุณครับ เผื่อแผ่สมาชิกท่านอื่นด้วย


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มิ.ย. 16, 19:25
เพื่อให้ความยุติธรรมกับพระเจ้าริชาร์ดและพระเจ้าฟิลิป  ก็มีนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่แย้งรุ่นเก่าว่า  มันก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าทั้งสองมีอะไรกันมากกว่าเพื่อน      เพราะการเสวยร่วมกันก็ดี  นอนบนแท่นบรรทมเดียวกันก็ดี   ไม่ใช่ของแปลกสำหรับยุคนั้น   ยิ่งไปอยู่ในสนามรบแล้ว  การกินอยู่อย่างเรียบง่ายไม่หรูหรา ยิ่งเป็นของธรรมดาหนักขึ้นไปอีก     ในยุคที่ยังไม่มีฮีทเตอร์  ไม่มีไฟฟ้า    การนอนเตียงเดียวกันมันก็ช่วยให้ความอบอุ่นได้มาก

นอกจากนี้พระเจ้าริชาร์ดเองก็ไม่ได้อยู่ตัวเปล่า  เสกสมรสมีพระมเหสี ชื่อเจ้าหญิงเบรนกาเรียแห่งนาวาร์  (Berengaria of Navarre) ซึ่งได้ตามเสด็จไปสงครามครูเสดด้วย     ก่อนหน้านั้นก็หมั้นหมายกับน้องสาวพระเจ้าฟิลิป แต่เลิกรากันไปเพราะเจ้าหญิงไปมีชายอื่น    น่าเสียดายว่าไม่มีพระโอรสธิดา   เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว  บัลลังก์อังกฤษจึงตกอยู่กับเจ้าชายจอห์น พระอนุชา


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 04 มิ.ย. 16, 20:39
ถอยหลังกลับไปในประวัติศาสตร์   มีเจ้านายฝ่ายชายของอังกฤษหลายองค์ที่ประวัติศาสตร์จารึกบทบาทเอาไว้ ว่ามีรสนิยมทางเพศผิดแผกแตกต่างไปจากผู้ชายส่วนใหญ่       บางองค์ก็เปิดเผยรู้กันในราชสำนัก   บางองค์ก็ลับๆล่อๆ ให้ตีความกันเอาเอง
บางองค์ เอ่ยชื่อขึ้นมาคนไทยก็คงนึกไม่ออกว่าเป็นใครอยู่ดี   เพราะมีบทบาทน้อยประวัติศาสตร์   รัชสมัยของพระองค์เองก็ไม่ค่อยจะมีอะไรให้เอ่ยถึงนัก    จึงขอข้ามไปก่อนนะคะ

มาเริ่มที่พระราชาอังกฤษ องค์ที่คนไทยผู้รู้จักเรื่องราวของโรบิน ฮู้ดอาจนึกออกว่ามีบทบาทสำคัญในเรื่อง   คือพระเจ้าริชาร์ดที่ 1 ผู้มีสมญาว่า ริชาร์ดใจสิงห์  หรือ Richard the Lionheart   เป็นการยกย่องฝีมือรบ ว่าเป็นนักรบแกล้วกล้าที่สุดคนหนึ่งในสมัยของพระองค์ ซึ่งตกอยู่ในยุคกลางของยุโรป

จำได้ค่ะ Sean Connery รับบท Richard the Lionheart ปู่โผล่มาแค่แวบเดียวเองแต่ทำเอารัศมี Kevin Costnerหมองไปเลยค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 04 มิ.ย. 16, 20:48
ชาแบบอังกฤษหรือขนมฝรั่งๆ ออกจะไม่เข้ากับกระทู้เท่าไหร่  ระหว่างรอท่านอาจารย์มาสอนต่อ ผมซัดอันนี้ไปพลางๆ เห็นจะเข้ากับบรรยากาศมากกว่า  8)


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มิ.ย. 16, 21:35
คุณชายโผล่เข้ามาทีเดียว วงแตก
อย่าเพิ่งไปไหนนะคะ     รอร่วมวงเมื่อถึงตอนเจ้าชายชาร์ลส์ก่อน


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 05 มิ.ย. 16, 00:03
 ;D ;D ;D บัวมาเข้าชั้นเรียนแล้วเจ้าค่ะบัวอยากได้ขนมเป็นของกำนัล ;D ;D ;D


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 05 มิ.ย. 16, 07:30
;D ;D ;D บัวมาเข้าชั้นเรียนแล้วเจ้าค่ะบัวอยากได้ขนมเป็นของกำนัล ;D ;D ;D

จัดให้ครับ ไม่มีขนมอะไรเข้ากับเรื่องนี้มากไปกว่านี้แล้วครับบัว


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 05 มิ.ย. 16, 09:36
 :-[ :-[ :-[ หอมถั่วดำรถนุ่มละมุนลิ้นจริงๆเจ้าค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 มิ.ย. 16, 10:35
แอบเอาขนมเข้ามากินในห้องเรียนยังไม่พอ   ยังแจกจ่ายเพื่อนให้กินด้วย  คิกคักกันใหญ่
ไปยืนคาบไม้บรรทัดที่มุมห้องทั้งคู่เลยไป๊


รายต่อไปที่จะนำเสนอ  ไม่ได้ลับๆล่อๆ ชวนให้เถียงกันไม่รู้จบอย่างพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์   แต่มีบันทึกของพระองค์ และบันทึกของข้าราชบริพารร่วมสมัยบอกเอาไว้ ถึงความเสน่หาที่พระราชาองค์นี้มีต่อ "คนโปรด"  ซึ่งก็มีหลายคนด้วยกัน
องค์นี้คือพระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสก๊อตแลนด์ผู้ข้ามมารับราชสมบัติของอังกฤษเป็นพระเจ้าเจมส์ที่ 1  แห่งสหราชอาณาจักร

ขอเท้าความนิดหน่อยว่า พระเจ้าเจมส์เป็นพระโอรสของพระราชินีสก๊อตผู้มีพระนามว่า ควีนแมรี่ สจ๊วต  ซึ่งครองบัลลังก์สก๊อตแลนด์ตามสิทธิ์ของพระนางเอง     ในขณะที่อังกฤษในตอนนั้นก็มีพระราชินีผู้ครองราชย์ในฐานะกษัตริย์เช่นกัน คือพระราชินีเอลิซาเบธที่ 1     
ควีนเอลิซาเบธไม่ได้เสกสมรส จึงไม่มีโอรสธิดา   เมื่อสิ้นพระชนม์  พระญาติที่สืบสายโลหิตใกล้ที่สุดไม่ยักใช่เจ้านายอังกฤษด้วยกัน แต่กลายเป็นเจ้าชายสก๊อตที่ชื่อเจมส์องค์นี้แหละค่ะ      ตอนนั้นครองบัลลังก์สก๊อตอยู่แล้ว ก็เลยข้ามมาครองบัลลังก์อังกฤษ

พระเจ้าเจมส์เกิดมาเป็นเด็กอาภัพ  มีประวัติชีวิตฉูดฉาดดราม่ายิ่งกว่าหนังแอ๊คชั่น    เกิดมาก็ไม่มีโอกาสรู้จักพ่อ  เพราะพ่อถูกแม่กับชู้สมคบกันฆาตกรรมตั้งแต่พระองค์ยังอยู่ในท้องแม่      พอคลอดออกมา แม่ก็แต่งงานใหม่กับชู้ ยกชู้ขึ้นครองบัลลังก์    ปรากฎว่าราษฎรทนไม่ไหว ก่อกบฏขึ้น แม่ลี้ภัยไปอังกฤษแล้วถูกจับขังไว้ที่หอคอยแห่งลอนดอน  บั้นปลายชีวิตถูกประหาร ด้วยข้อหาคบคิดกับขุนนางจะปลงพระชนม์ควีนแห่งอังกฤษ
สรุปว่าเจ้าชายน้อยก็กำพร้าทั้งพ่อและแม่  เติบโตมาในราชสำนักตามลำพัง  มีพระญาติและข้าราชบริพารเลี้ยงดู


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 มิ.ย. 16, 11:21
แอบเอาขนมเข้ามากินในห้องเรียนยังไม่พอ   ยังแจกจ่ายเพื่อนให้กินด้วย  คิกคักกันใหญ่
ไปยืนคาบไม้บรรทัดที่มุมห้องทั้งคู่เลยไป๊


น้องเข้อาสามาคาบเป็นเพื่อน  ;D


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 05 มิ.ย. 16, 13:42
:-[ :-[ :-[ หอมถั่วดำรสนุ่มละมุนลิ้นจริงๆเจ้าค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Molly ที่ 05 มิ.ย. 16, 20:06
หัวเราะหนักมากกับขนมของเพื่อนประกอบและความอร่อยเหาะของเพื่อนบัว จุ๊จุ๊ อย่าเอ็ดไป เดี๋ยวอาจารย์ได้ยิน Molly ไม่อยากไปยืนคาบไม้บรรทัดนอกห้อง กลัวน้องเข้ อิอิ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 06 มิ.ย. 16, 09:35
          ขอคั่นรายการย้อนกลับไปที่พระเจ้าใจสิงห์ด้วยคลิปจากหนังเก่าที่ประสบความสำเร็จ
ทั้งรายได้และรางวัล นั่นคือ The Lion in Winter(1968) สองนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่บน
จอเงินมีผลงานหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกทั้งคู่ นั่นคือ
          Anthony Hopkins รับบท Richard The Lionheart และ Timothy Dalton
รับบท Philip II of France

http://www.youtube.com/watch?v=cbdivjXzgHs (http://www.youtube.com/watch?v=cbdivjXzgHs)


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 06 มิ.ย. 16, 09:37
          ความสัมพันธ์ของเจ้าทั้งสองอาจจะเป็นในรูปแบบ เสน่หานุชา (หรือ เสน่หาภราดา)
- Bromance(Brother + Romance) เหมือนอย่างที่มีการตีความสัมพันธ์ระหว่าง Holmes
กับ Watson ใหม่ใน Sherlock Holmes เวอร์ชั่น Robert Downey,Jr. :)
(pinterest)


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 06 มิ.ย. 16, 11:40
มาลงชื่อเข้าชั้นตามอ่านค่ะ ถั่วดำน้ำกะทิข้าวเหนียวของโปรดด้วย


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 06 มิ.ย. 16, 13:52
เด็กๆ กินถั่วดำกันจนทั้งเรอทั้งผายลมกันไปทั่ว โดนลงโทษไปก็แล้ว ท่านอาจารย์ใหญ่ยังไม่มา งั้นระหว่างรอนอกจากกินถั่วดำรอ ก็ต้องหาอะไรมาคั่นเวลา

ใครที่เคยดูหนังรางวัลออสกาสุดสนุกเรื่อง Braveheart คงจำได้ว่า อริของพระเอกในเรื่องคือกศัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ ที่มีลูกชายไม่ได้เรื่องอยู่คนนึงแถมเป็นเกย์ด้วย
ลูกชายคนนั้น ต่อมาคือกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 2 (1284 - 1327) แห่งอังกฤษ ที่ได้อภิเษกสมรสกับราชินีอิสซาเบลาแห่งฝรั่งเศส

เอ็ดเวิร์ดเป็นกษัตริย์ที่ชอบความหรูหา ฟู่ฟ่า มีขุนนางคู่พระทัยอยู่คนหนึ่ง คือเพียร์ส เกฟสตัน ซึ่งเอ็ดเวิร์ดรักมาก  ตาคนนี้ได้แต่งตั้งให้เป็นเอิร์ลแห่งคอร์นวอลล์ แถมแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการช่วงที่เอ็ดเวิร์ดเดินทางไปแต่งงานที่ฝรั่งเศสด้วย แต่สุดท้ายเกฟสตันก็ถูกสังหารโดยเหล่าขุนนางที่ไม่พอใจ

ตอนหลังราชินีสมคบกับชู้รักโรเจอร์ มอร์ติเมอร์ บังคับให้เอ็ดเวิร์ดสละราชสมบัติในปี 1327 ให้พระโอรสที่ยังทรงพระเยาว์เป็นกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 3 เพื่อที่จะได้คงอำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการแทน แล้วทั้งคู่ก็แอบสั่งให้สำเร็จโทษเอ็ดเวิร์ดอย่างสยดสยอง เค้าลือกันว่าเอาเหล็กเผาไฟเสียบทางทวารหนัก เผาอวัยวะข้างในจนตายอย่างสยดสยองทรมาน พระศพปัจจุบันถูกฝังอยู่ที่วิหารเมืองกลอสเตอร์

ตอนหลังกงกรรมกงเกวียน โรเจอร์ มอร์ติเมอร์ ก็ถุกสังหารเช่นกัน ส่วนราชินีอิสซาเบลล่าถูกขังโดยกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 3 ซึ่งต่อมาเป็นกษัตริย์ที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่งของอังกฤษ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 มิ.ย. 16, 09:40
เอาดอกไม้สีม่วง "ไลอาทริส" (Liatris) มาประดับชั้นเรียน ดอกไม้นี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า "Gayfeather"  ;D


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: แพรวพิม ที่ 08 มิ.ย. 16, 18:30
เห็นหัวข้อกระทู้นี้แล้วไม่รอรี รีบเข้ามาอ่านเลยค่ะ เพราะเป็นคนชอบเรื่องราวในรั้วในวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว ทั้งของไทยและของเทศ

นักเรียนคนนี้ขอสมัครเรียนคลาสนี้ด้วยนะคะ มาช้าไปหน่อย อาจารย์โปรดยกโทษให้เถิดนะคะ   ;D


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 มิ.ย. 16, 12:42
ใครนั่งแถวหน้า เขยิบที่ให้คุณแพรวพิมด้วยค่ะ    มีที่ว่าง 2 ที่   เพราะนักเรียนถูกยืนคาบไม้บรรทัด ยังไม่กลับมานั่งค่ะ

     พระเจ้าเจมส์ น่าจะเป็นพวกรักร่วมเพศโดยกำเนิด   ไม่ใช่ว่ามีใครมาสั่งสอนให้เป็น   เห็นได้จากเมื่อทรงมีอายุได้ 13 ปี ถ้าเป็นสมัยนี้ก็อยู่ราวๆ ม. 1   ก็ทรงพึงพอพระทัยในตัวขุนนางหนุ่มวัย 37 เข้าคนหนึ่งอย่างจัง     เขาผู้นั้นเป็นคนเชื้อสายสก๊อตผสมฝรั่งเศส มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในฝรั่งเศสแต่มาอยู่ในราชสำนักสก๊อตที่เอดินเบอระ
      ยุคนั้นเรื่อยมาจนศตวรรษที่ 19  ฝรั่งเศสได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรือง มีวัฒนธรรมสูงส่ง   ผู้คนดูดีมีเสน่ห์ทั้งการแต่งกาย กิริยาพาทีโก้หรูไปเสียหมดโดยเฉพาะบรรดาผู้ดีมีตระกูล  จึงไม่แปลกที่หนุ่มหล่อวัย 37 ชื่อเดิมว่าเอสเม สต๊วต  ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติห่างๆกับพระเจ้าเจมส์ จะทำให้พระราชาน้อยทรงหลงใหลได้ตั้งแต่แรกรู้จัก   รับเขาเข้ามาประจำในราชสำนักยังไม่พอ ยังประทานยศตำแหน่งขุนนางให้ด้วย   ทีแรกเป็นเอิร์ลแห่งเลนนอกซ์  ปีต่อมาก็ก้าวพรวดขึ้นเป็นดยุคแห่งเลนนอกซ์  ชั้นสูงสุดของขุนนาง   และยังได้อยู่ใน Privy Council หรือสภาที่ปรึกษาของพระเจ้าแผ่นดิน    สมัยนี้ก็พอจะเทียบได้กับองคมนตรี
     ดยุคแห่งเลนนอกซ์ เป็นชายแท้รึเปล่า ก็ก้ำๆกึ่งๆ    ก่อนหน้าได้ดิบได้ดีเป็นพิเศษ  แกเป็นผู้ชายธรรมดาเหมือนชายอื่นๆ มีเมียและมีลูกชายเข้าไปตั้ง 5 คนแล้ว   แต่จะว่าเป็นชายแท้ก็น่าสงสัย เพราะดูจงรักภักดีกับพระเจ้าเจมส์มาก ขนาดยอมเปลี่ยนศาสนาจากคาทอลิคมาเป็นเพรสไบทีเรียนตามแบบสก๊อต      การเปลี่ยนศาสนาในสมัยโน้นเป็นเรื่องใหญ่  เท่ากับเปลี่ยนชีวิตเลยทีเดียว      


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 มิ.ย. 16, 13:11
     ขอเท้าความเรื่องความเป็นมาของรักร่วมเพศในยุโรปสักหน่อยนะคะ 
     เมื่อย้อนหลังไปสมัยกรีกและโรมัน     เรื่องชายรักชายถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ    ยิ่งกว่าธรรมดาสามัญอีก คือยอมรับนับถือกันเป็นเรื่องของเกียรติยศหน้าตาเลยเชียว     บรรดาคนใหญ่คนโตเช่นแม่ทัพนายกองทั้งหลาย มีทหารหนุ่มน้อยมาฝึกหัดรับใช้แบบเป็นท.ส. หรือหน้าห้อง   พร้อมกับบำเรอด้วย   ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเปิดเผยไม่ต้องปิดบัง     ยังถือกันว่า ความรักแบบชายต่อชายนี่สิเป็นการให้เกียรติกันอย่างสูง     เป็นรักแท้ที่ผูกพันกันฉันเพื่อนตาย    ส่วนความรักแบบชายกับหญิงนั้นไม่ได้ลึกซึ้งอะไรนัก ก็แค่เพื่อดำรงเผ่าพันธ์เท่านั้นเอง     
     ค่านิยมเช่นนี้พัฒนาขึ้นในกรีกก่อน จากนั้นโรมันก็รับมาอีกที      ในตำนานเทพเจ้าของกรีกก็ไม่วายมีอะไรแบบนี้ปนๆอยู่บ้างพอให้สังเกตกันได้   ว่าเทพบิดรซุสของกรีกหรือต่อมาคือจูปิเตอร์ของโรมัน ก็มีหนุ่มน้อยชื่อ Ganymede (อ่านว่ากานิมี้ด) เป็นคนสนิทประจำตัว มีหน้าที่ถือคนโทเหล้าองุ่นซึ่งเป็นน้ำอมฤตของเทพเจ้า คอยรินให้เทพบิดร      นอกจากรับใช้เรื่องนี้แล้วก็ยังต้องบำเรออีกด้วย  ตามวัฒนธรรมในสมัยนั้น
     ตามตำนานเล่าว่า กานิมี้ด เป็นเจ้าชายของเมืองทรอย   เป็นหนุ่มน้อยรูปงามจนลือเลื่องขึ้นไปถึงสวรรค์ เป็นที่ต้องตาต้องใจของเทพบิดรซุส   จึงจำแลงเป็นนกอินทรี บินจากฟ้าลงมาโฉบเจ้าชายขึ้นไปสู่ยอดเขาโอลิมปัสอันเป็นที่สถิตย์ของเหล่าเทพ
แต่เมื่อขโมยลูกเขาไปแล้ว ซุสก็ชดเชยให้พระเจ้าทรอสผู้บิดาด้วยฝูงม้างามที่สุดเท่าที่จะหาให้  และบอกว่าไม่ต้องห่วงลูกชายที่หายไป   เพราะบัดนี้เจ้าชายได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์    ทำหน้าที่รับใช้ใกล้ชิดเทพบิดร มีชีวิตอมตะอย่างเทพเจ้า    พระเจ้าทรอสก็ปลาบปลื้มมากที่ลูกชายได้รับเกียรติขนาดนั้น หายเสียดายเป็นปลิดทิ้ง 
    เจ้าชายกานิมี้ดขึ้นไปเสวยสุขอยู่บนสวรรค์ได้พักใหญ่ เป็นที่ยอมรับของเหล่าเทพเจ้าด้วยดี    เว้นแต่องค์เดียวคือเทพมารดาเฮรามเหสีขี้หึงของซุสนั่นเอง    นางก็ตามหึงตามราวี "เจ้าหนู" ของพระสวามี  ไม่ลดละเหมือนตามรังควาน "นังหนู" รายก่อนๆของซุสมาแล้ว   จนในที่สุดซุสก็ต้องเปลี่ยนเจ้าชายให้กลายเป็นกลุ่มดาวชื่อ Aquarius  หรือดาวรูปคนถือคนโท  เป็นดาวประจำราศีกุมภ์


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 มิ.ย. 16, 13:30
  ความหักเหในค่านิยมชายรักชาย มาถึงจุดจบพร้อมกับการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน   ก่อนหน้านี้กรีกล่มสลายไปก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเอ่ยถึง     จากนั้นคริสตศาสนาก็เผยแพร่ไปอย่างกว้างขวางในยุโรป    ราชอาณาจักรทั้งหลายหันมานับถือพระคัมภีร์ไบเบิลกันอย่างเคร่งครัด   โดยมีพระสันตปาปาเป็นประมุข มีอำนาจแห่งความศรัทธาเป็นพลัง ให้บรรดาพระราชาทั้งหลายต้องยอมรับนับถือความศักดิ์สิทธิ์ของพระคัมภีร์ อย่างไม่มีข้อแย้งใดๆ
   หนึ่งในข้อห้ามของพระคัมภีร์ที่เรียกกันว่า The New  Testament  นั้นก็คือ  ห้ามการร่วมเพศ ในลํกษณะของรักร่วมเพศ   ถือว่าเป็นบาปมหันต์  เท้าความย้อนไปได้ว่าเป็นสาเหตุของความพังพินาศของเมืองโซดอมและกอมเมอราห์   ซึ่งประชาชนพลเมืองกระทำการอุจาดลามกกันมากมาย   จนพระเจ้าส่งทูตสวรรค์ในรูปของชายแปลกหน้า 2 คน มาทำลายเมืองทั้งสองนี้จนไม่เหลือซาก    เหลือรอดไปได้คือผู้ประพฤติตนในศีลในธรรม ชื่อล็อท กับครอบครัว
    ในพระคัมภีร์ระบุรายละเอียดไว้ว่าบาปที่ชาวเมืองกระทำก็คือกระเหี้ยนกระหือรือจะเอาชายแปลกหน้าสองคนที่มาพักแรมที่บ้านของล็อท ไปย่ำยีให้จงได้   ส่วนล็อทก็พยายามอ้อนวอนถึงขั้นยอมแลกลูกสาวพรหมจารีของตนให้ไปบำเรอแทน   แต่ชาวเมืองก็ไม่ยอม  เลยโดนชายแปลกหน้าทำลายเมืองเปรี้ยงเดียวในคืนนั้น วอดวายไม่มีอะไรเหลือ
      ด้วยความเคร่งครัดต่อพระคัมภีร์   กฎหมายหลายฉบับที่ออกโดยพระเจ้าแผ่นดินในแว่นแคว้นต่างๆ จึงออกมาในรูปของข้อห้ามการมีรักร่วมเพศ    แม้แต่พระเจ้าเจมส์ที่ 1 เองก็ต้องลงพระนามในกฎหมายที่ว่าด้วยข้อห้ามนี้ ในสก๊อตแลนด์ด้วย


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 มิ.ย. 16, 09:53
กลับมาเรื่องพระเจ้าเจมส์
     บทบาท "คนโปรด" ของดยุคแห่งเลนนอกซ์ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลจากฝรั่งเศสมาปาดหน้าใครต่อใครในสก๊อตแลนด์   ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงในราชสำนัก  เป็นธรรมดาอยู่เองที่จะต้องถูกเขม่นจากขุนน้ำขุนนางพระญาติพระวงศ์ทั้งหลายที่เป็น "อำนาจเก่า" อยู่ในสก๊อตแลนด์     ประกอบกับพระเจ้าแผ่นดินเองก็เป็นยุวราชา เด็กน้อยวัยรุ่น ไม่มีอำนาจกล้าแข็งอะไร    การคบคิดลิดรอนเลนนอกซ์จึงเกิดขึ้น 
     พระเจ้าเจมส์ถูกบีบให้เนรเทศคนโปรดของพระองค์กลับไปอยู่ฝรั่งเศส    ทั้งสองต้องจากกันด้วยความโศกเศร้าเหลือพรรณนา    เลนนอกซ์กระเด็นไปอยู่ถิ่นเดิมของตัวเองได้ไม่นานก็ตาย   ค้นในกูเกิ้ลแล้วยังไม่เจอว่าตายเพราะอะไร แต่น่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บ    อายุไม่มากนักแค่ 41 ปีเท่านั้นเอง
    เขาสั่งเสียไว้ว่าเมื่อทำพิธีฝังศพ ให้ผ่าร่างเอาหัวใจออก ส่งไปถวายพระเจ้าเจมส์    เพื่อแสดงความจงรักภักดีไม่เสื่อมคลาย
    พระเจ้าเจมส์ทรงโศกาอาดูรกับการสูญเสียครั้งนี้มาก   แต่ไม่มากจนกระทั่งเก็บองค์จากข้าราชบริพารชายคนอื่นๆ   ก็ยังมีมหาดเล็กและขุนนางหนุ่มๆห้อมล้อมอยู่เหมือนเดิม  จากนั้น เมื่อเป็นหนุ่มเต็มตัว  พระองค์ก็เข้าสู่พิธีอภิเษกสมรสตามธรรมเนียมราชประเพณี กับเจ้าหญิงแอนน์ พระธิดากษัตริย์เดนมาร์ค  มีโอรสธิดาด้วยกัน 3 องค์


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 12 มิ.ย. 16, 10:28
 :-X :-X :-X บัวออกมาจากโรงหมอแบรดลี่ย์แล้วเจ้าค่ะหลังจากไปรักษากรามค้างเนื่องจากคาบไม้บรรทัดนานเกินไปมารายงานตัวเรียนต่อแล้วเจ้าค่ะ

ปล.สรุปเจ้าฟ้าชายชาร์ลเป็นเกย์ก็ไม่แปลกใช่มั้ยเจ้าคะเพราะว่ามีเชื้อเกย์มาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 12 มิ.ย. 16, 18:41
:-X :-X :-X บัวออกมาจากโรงหมอแบรดลี่ย์แล้วเจ้าค่ะหลังจากไปรักษากรามค้างเนื่องจากคาบไม้บรรทัดนานเกินไปมารายงานตัวเรียนต่อแล้วเจ้าค่ะ

ปล.สรุปเจ้าฟ้าชายชาร์ลเป็นเกย์ก็ไม่แปลกใช่มั้ยเจ้าคะเพราะว่ามีเชื้อเกย์มาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว

ว้าย ว้าย ว้าย ว้าย ว้ายยยยยย โฮะโฮะ กินถ้่วแล้วไปยืนคาบไม้ซะนานน่าสงสาร 
ต้องบอกว่าใสเจียเสียใจด้วยนะบัวถ้าคิดว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลมีเชื้อเกย์มาตั้งแต่โบราณ
เพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างเจมส์ที่ 1 กับเจ้าฟ้าชายชาร์ลนี่ห่างกันมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พระเจ้าเจมส์ที่ 1 นี่ราชวงศ์สจ๊วต เป็นคนละราชวงศ์กับราชวงศ์ปัจจุบันคือราชวงศ์วินเซอร์เลย
เรียกได้ว่าบรรพบุรุษของเจ้าฟ้าชายชาร์ลนี่ข้ามห้วยมาจากเยอรมันเมื่อราว 300 ปีก่อนโน้นแหนะ
ดังนั้นเจ้าฟ้าชายชาร์ลไม่ได้สืบเชื้อเกย์มาจากเจมส์ที่ 1 แน่ๆ ชัวร์ เรื่องนี้ป๋มรู้ ป๋มเด็กเรียนประจำห้องนี้



กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 13 มิ.ย. 16, 10:00
 >:( >:( >:( ขอตีที่ต้นแขนท่านพี่ประกอบเบาๆ 3 ที เพราะท่านพี่เอาข้าวเหนียวถั่วดำมายั่วน้องจนโดนทำโทษแล้วยังมาเยาะเย้ยกันอีก ชิชะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 มิ.ย. 16, 15:55
คุยเป็นนกกระจอกแตกรังในห้องเรียน  เดี๋ยวต้องกลับไปที่มุมห้องอีกหรอก ทั้งคู่น่ะ

พระเจ้าเจมส์ที่ 1  มีคนโปรดหลายคน ล้วนเป็นหนุ่มๆชาวราชสำนัก   ที่เด่นที่สุดก็คือหนุ่มวัย 17 ชื่อโรเบิร์ต คาร์  นายคนนี้เดิมก็เป็นสามัญชน ไม่ได้มีเชื้อสายหรูหรามาจากไหน เข้ามาทำงานเป็นมหาดเล็กสามัญนี่แหละค่ะ
วันหนึ่ง มีการประลองยุทธ    เขาเข้าร่วมด้วย ก็เกิดอุบัติเหตุตกม้าลงไป ได้รับบาดเจ็บ  พระเจ้าเจมส์ทอดพระเนตรเห็นมหาดเล็กหนุ่มน้อยรูปหล่อเข้าก็ถูกชะตาขึ้นมา จึงเสด็จไปเยี่ยม จากนั้นหนุ่มคนนี้ก็เลื่อนฐานะปรู๊ดปร๊าดขึ้นมาเป็นขุนนาง   ได้เป็นถึงเอิร์ลแห่งซอมเมอเซท   ต่อมาก้าวเข้าสู่ตำแหน่งเป็นสมุหราชมณเฑียรทั้งๆอายุแค่ 24 ปีเท่านั้นเอง

เมื่อพระเจ้าเจมส์ทรงรับราชสมบัติอังกฤษ   ก็ทรงอำลาจากราชสำนักสก๊อตแลนด์ที่แสนคร่ำครึหัวโบราณ มาสู่ราชสำนักอังกฤษ ที่หรูหราโอ่อ่ากว่า    แน่ละว่าทรงนำ "คนโปรด" ทั้งหลายแหล่มาทั้งขบวน   เข้ามาเดินกรีดกรายไปมาอยู่ในราชสำนัก   เงินทองในท้องพระคลังถูกจับจ่ายอย่างไม่อั้นเพื่ออุดหนุนคนโปรดเหล่านี้   เพราะทรงมีนิสัยปลื้มมากกับคำเยินยอทั้งหลาย  จะจริงหรือไม่จริงก็ไม่ทรงคำนึง 
หนุ่มๆพวกนี้ก็จับเส้นถูก จึงพากันระดมป้อยอพระเกียรติกันชนิดไหลมาเทมา      โรเบิร์ตเองก็เป็นหัวหอกในการเอาอกเอาใจใช้คำหวาน จนสามารถสร้างอิทธิพลขึ้นในราชสำนักให้พระราชาโอนอ่อนตามเขาได้ทุกเรื่องก็ว่าได้


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 มิ.ย. 16, 18:48
พระเจ้าเจมส์มิได้ปกปิดพฤติกรรมของพระองค์ในเรื่องดังกล่าว   เพียงแต่ไม่ถึงกับประกาศออกไปโต้งๆเท่านั้นว่าข้าพเจ้าเป็นอะไร  จึงเป็นที่รู้กันทั่ว  ขนาดเซอร์วอลเตอร์ ราเล่ห์คนดังของอังกฤษ  เสียดสีว่า "เมื่อสิ้นรัชสมัยคิงเอลิซาเบธแล้ว  ก็ถึงยุคของควีนเจมส์"

ในราชสำนัก  เอิร์ลแห่งซอมเมอเซทครองตำแหน่งคนโปรดของพระราชาอยู่หลายปี    ในเมื่อก้าวข้ามหน้าข้ามตาใครหลายคน  ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่จะต้องมีศัตรูอยู่มากไม่ว่าจะเดินไปทางไหน     พวกนี้ทั้งๆเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ แต่เมื่อพระเจ้าเจมส์โปรดปรานอยู่ไม่เสื่อมคลาย  ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้จนแล้วจนรอด

ในที่สุดโอกาสก็มาถึง  เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี    ซอมเมอเซทเริ่มจะกลายเป็นของ "เก่าๆเป็นสนิม"  พระเจ้าเจมส์ก็เกิดไปต้องพระทัยหนุ่มน้อยรายใหม่เข้า

รายนี้มีชื่อเดิมว่าจอร์ช  วิลเลียร์   ถือกำเนิดมาในตระกูลขุนนางชั้นผู้น้อย  แม่ผู้เป็นแม่ม่ายแต่ยังสาวหวังว่าจะเชิดชูลูกชายให้ได้ดีเป็นขุนน้ำขุนนางกะเขาบ้าง  ก็เลยส่งไปชุบตัวที่ฝรั่งเศส     จอร์จก็ไม่ทำให้ผิดหวัง  เขาลีลาศได้งามกว่าใคร  เจรจาพาทีไพเราะ  ท่วงทีกิริยาสง่างาม  บวกกับรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร     เมื่ออายุ 21  หนุ่มน้อยโฉมงามคนนี้ก็กระทบสายพระเนตรของพระเจ้าเจมส์เข้าอย่างจัง



กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 14 มิ.ย. 16, 20:59
ู ^
 ^
 ^
แหม่ เห็นคอเสื้อยุคทิวดอร์ล้ำสุดๆ แล้ว มาเจอแฟชั่นคอเสื้อพ่อจอร์ชนี่มันล้ำใครยุคนั้นจริงๆ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 มิ.ย. 16, 18:53
  "คนโปรด"คนเก่าคือเอิร์ลแห่งซอมเมอเซทตกกระป๋องไป   ประสบชะตากรรมในข้อหาวางยาพิษกำจัดเพื่อนขุนนางด้วยกัน แต่รอดจากประหารไปได้  เพราะพระเจ้าเจมส์อภัยโทษให้ในฐานะข้าราชบริพารคนโปรดมาก่อน     แต่ก็ต้องล่าถอยลงจากเวทีไปตลอดกาล    ส่วนตำแหน่งคนโปรดก็ตกไปอยู่กับคนใหม่  จอร์ช วิลเลียร์  ซึ่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงถึงดยุคแห่งบัคกิ้งแฮม

   พระเจ้าเจมส์ทรงปลื้มหนุ่มหน้าหวานคนใหม่นี้มาก      ทรงเรียกเขาด้วยความเสน่หาว่า "สตีนี่"  มาจากชื่อเซนต์สตีเฟนในพระคัมภีร์ ซึ่งว่ากันว่าหน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตร     ทรงเขียนจดหมายและอะไรต่อมิอะไรที่แสดงความสัมพันธ์อย่างเปิดเผย ว่าไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น  แต่เป็นยอดชู้คู่เชยกันทีเดียวเขาก็
    ดยุคแห่งบัคกิ้งแฮมดำรงตำแหน่งคนโปรดได้ยาวนานตลอดรัชสมัยของพระเจ้าเจมส์      เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ไป   เขาก็ไม่ยักตกกระป๋องอย่างที่ควรเป็น  แต่ยังคงดำรงตำแหน่งขุนนางสำคัญมาได้ในรัชสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 โอรสของพระเจ้าเจมส์   พระราชาองค์นี้ก็คล้ายๆพระบิดา คือโปรดปรานขุนนางคนนี้มาก  เรื่องสำคัญๆก็มอบให้เขามีบทบาทจนเป็นที่เขม่นของรัฐสภา ซึ่งยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพระราชา 
    ชีวิตรุ่งโรจน์ของบัคกิ้งแฮมจบลงด้วยการถูกสังหารด้วยน้ำมือนายทหารธรรมดาๆคนหนึ่งชื่อจอห์น เฟลตัน  เมื่ออายุเพียง 36 ปี


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 มิ.ย. 16, 10:50
ขอข้ามรวดเดียวมาอีกสามสี่ศตวรรษ   ถึงเจ้านายอีกองค์หนึ่งในราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งคนละวงศ์กับพระเจ้าเจมส์ อย่างที่ดร.ประกอบเทพบอกแม่บัวไว้     เจ้านายองค์นี้ทรงพระนามว่าเจ้าชายจอร์ช ดยุคแห่งเค้นท์ เป็นพระโอรสของพระเจ้าจอร์ชที่ 5  
ถ้าใครเรียงลำดับไม่ค่อยจะถูก เพราะมีชื่อจอร์ชเยอะจนตาลาย   ให้นึกถึงพระเจ้าจอร์ชที่ 6 องค์ที่ติดอ่างตะกุกตะกักในหนังเรื่อง The King's Speech   เจ้าชายจอร์ชแห่งเค้นท์เป็นน้องชายของพระเจ้าจอร์ชองค์นั้น  และเป็นพระโอรสของพระเจ้าจอร์ชที่ 5องค์ที่ประชวรหนักอยู่ในหนังเรื่องนี้

และเจ้าชายจอร์ช ก็เป็นอาแท้ๆของควีนเอลิซาเบธ   นับญาติกับเจ้าชายชาร์ลส์ ก็เป็นปู่น้อยของเจ้าชาย

เจ้าชายจอร์ชแห่งเค้นท์ รูปหล่อไม่เบา     เอารูปมาลง  เซิฟๆเป็นน้ำจิ้มมาก่อนจานหลักค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 17 มิ.ย. 16, 13:13
การแต่งกายแต่ละพระองค์ ช่างเลิศสะแมนแตนเสียจริงๆ ;D ;D ;D ;D

พระเจ้าจอร์จที่5 ที่พระพักตร์เหมือนกับซาร์นิโครัสที่2ยังกะฝาแฝดใช่ไหมเจ้าคะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 มิ.ย. 16, 18:05
เชิญพิจารณาค่ะ เหมือนกันมากไหม


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 มิ.ย. 16, 13:14
ชีวิตของเจ้าชายจอร์ช ดยุคแห่งเค้นท์ มีสีสันฉูดฉาดบาดอารมณ์พอจะทำหนังชุดขนาดยาวได้เลยทีเดียว  โดยไม่ต้องใส่สีใส่ไข่เพิ่มไปลงแม้แต่นิดเดียว
ตอนที่ถือกำเนิดมานั้น พระบิดาของเจ้าชายยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์   เพราะปู่หรือพระอัยกายังดำรงพระชนม์อยู่  จอร์ชอยู่ในลำดับที่ 5 ในการสืบราชบัลลังก์    แต่เมื่อเวลาผ่านไป  ลำดับนี้ก็กระเถิบห่างออกไปเรื่อยๆ เมื่อมีเจ้านายน้อยๆที่มีสิทธิ์ใกล้ชิดราชบัลลังก์มากกว่าทยอยกันเกิดมา      เจ้าชายจอร์ชจึงไม่ถูกจับตาคาดหวังจากราชสำนักมากเท่ากับพี่ๆ 
เจ้าชายเองก็ทรงรู้ข้อนี้ดี    จึงดำเนินชีวิตส่วนหนึ่งอย่างที่ควรเป็น คือทรงสมัครเข้าเป็นนักเรียนนายเรือ จบมาก็รับราชการเป็นนายทหารเรือ    และฝึกเป็นนักบินของกองทัพเรือด้วย    ดูสง่างามเป็นหลักเป็นฐานดี      แต่อีกส่วนหนึ่งของชีวิต เจ้าชายก็ทรง "สุดเหวี่ยง" ในเรื่องส่วนตัว   เพียงแต่สมัยนั้นข่าวคราวไม่ค่อยจะลอดออกมาสู่สาธารณชนง่ายนัก จึงไม่ค่อยมีใครรู้นอกจากคนวงในด้วยกันเอง

เจ้าชายจอร์ชเป็นบุรุษรักร่วมเพศที่แปลกกว่าคนอื่นๆ ก็คือ ทรงหลงรักชายหญิงได้ทั้งสองเพศ  ด้วยความลุ่มหลงหัวปักหัวปำได้เท่าๆกัน   ข้อนี้ผิดกับพระเจ้าเจมส์ซึ่งเห็นชัดว่าโปรดปรานหนุ่มน้อยรูปหล่อ   ส่วนพระมเหสีที่มีโอรสธิดากัน 3 องค์  ก็อยู่กันแบบงั้นๆ  ตามหน้าที่ที่จะต้องสร้างรัชทายาทเท่านั้นเอง



กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 20 มิ.ย. 16, 21:06
สายเหลืองเยอะนะเจ้าคะราชวงศ์อังกฤษเนี่ย  ;D ;D ;D


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 มิ.ย. 16, 21:35
แหม ไม่กี่คนเอง


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มิ.ย. 16, 09:07
    ในบรรดาพระโอรสธิดาของพระเจ้าจอร์ชที่ 5   เจ้าชายจอร์ช ดยุคแห่งเค้นท์ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายที่เฉลียวฉลาดสติปัญญาดีที่สุด  รูปงามที่สุด และมีเสน่ห์ในการเข้าสังคมมากที่สุด     แต่ก็เป็นหนุ่มเปรี้ยวปรูดปราดโลดโผนที่สุดเช่นกัน   
    เป็นธรรมดาอยู่เองที่บรรดาเจ้าชายทั้งหลายเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม   ยังไม่ได้เสกสมรสให้เป็นเรื่องเป็นราว ต่างก็เป็นหนุ่มเนื้อหอมในสังคมด้วยกันทั้งนั้น   ทุกองค์มีเบื้องหลังเรื่องรักกับสาวๆกันนับไม่ถ้วนกว่าจะเข้าสู่วัยผู้ใหญ่มีครอบครัว    เจ้าชายจอร์ชเองก็ดำเนินรอยตามนี้
     สาวงามที่ทรงไปติดพันหลงรักอย่างเอาเป็นเอาตาย มีนามว่า เฮเลน อาซีเลีย แบริ่ง หรือรู้จักกันในชื่อเล่นว่า "ป๊อปปี้ แบริ่ง"  แต่พอพระเจ้าจอร์ชที่ 5 พระบิดาทรงทราบเข้า ก็ยื่นพระหัตถ์เข้ามาขวางทันที   เพราะทรงเห็นว่าสาวคนนี้แม้ว่าจะมีฐานะร่ำรวย  สวยสะดุดตาขนาดไหนก็ตาม  แต่ชาติตระกูลสามัญเกินกว่าจะเข้ามาเป็นสะใภ้หลวง    หล่อนก็เลยต้องพ้นทางไป
    ข้อนี้ทำให้เจ้าชายโกรธพระบิดาเป็นฟืนเป็นไฟ  แต่ก็ไม่อาจจะขัดพระประสงค์ได้     ถึงกระนั้นก็มิได้หมายความว่า ทรงตัดความสัมพันธ์กับหญิงสาวและชายหนุ่มอื่นๆออกไป    คนรักทั้งสองเพศยังมีมาอีกเป็นขบวนใหญ่


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มิ.ย. 16, 11:22
หญิงสาวที่เจ้าชายจอร์ชเข้าไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมีอีกหลายคน  แต่ละคนล้วนเป็นสาวไฮโซในสังคมอังกฤษยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2   เช่นเอเธล มากาเร็ต วิคคัม  สาวเปรี้ยวซึ่งมีประวัติพัวพันกับผู้ชายมาอย่างโชกโชน ทั้งหมั้นทั้งแต่งงานหลายครั้ง  ต่อมาสมรสไปกับดยุคแห่งอาร์กายล์ กลายเป็นดัชเชสแห่งอาร์กายล์ก่อนจะถูกสามีฟ้องหย่าข้อหามีชู้
แต่นั่นเป็นอีกเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องสาธยาย   เพียงแต่บอกให้รู้ว่ารสนิยมของเจ้าชาย ชอบผู้หญิงสวย หรู และผาดโผน

หนึ่งในบรรดาสาวไฮโซที่ออกมาประกาศตัวหลังจากนั้นอีกหลายสิบปีคือบาร์บารา คาร์ตแลนด์  นักเขียนนิยายหวานจ๋อย ยอดนิยมของอังกฤษ   ซึ่งบอกว่าลูกสาวที่ว่าเกิดจากสามีตามสมรสของเธอนั้น  ที่จริงแล้วเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขลับๆของเจ้าชาย   ลูกสาวคนนี้ชื่อเรน เป็นสาวไฮโซเหมือนกัน  ต่อมาสมรสกับเอิร์ลแห่งสเปนเซอร์บิดาของเจ้าหญิงไดอาน่า   เรนก็กลายเป็นแม่เลี้ยงที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเจ้าหญิงมาจนบิดาถึงแก่กรรม

สาวไฮโซอีกคนที่พัวพันกับเจ้าชายจนท่านดิ้นไม่หลุดต่อมาอีกหลายปี เป็นสาวอเมริกันชื่อกิกี้ เพรสตัน หรือนามจริงว่าอลิศ กวีน     หล่อนเป็นสาวไฮโซที่นิยมอัพยา ทั้งโคเคนและเฮโรอีนจนได้สมญาว่า "แม่เข็มเงิน"  เข็มในที่นี้ไม่ใช่เข็มเย็บผ้า  แต่หมายถึงเข็มฉีดยา      หล่อนมีลูกนอกสมรสกับเจ้าชายหนึ่งคน ยกไปให้คนอื่นเลี้ยง   ที่ร้ายที่สุดคือหล่อนชักนำเจ้าชายให้มาติดยาด้วย  จนราชสำนักทนไม่ไหวต้องยื่นมือเข้ามาบังคับให้ถอนความสัมพันธ์โดยเด็ดขาด


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มิ.ย. 16, 11:23
มาดูสาวในรสนิยมของเจ้าชายจอร์ชดูบ้างนะคะ
คนแรกคือดัชเชสแห่งอาร์กายล์  


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มิ.ย. 16, 11:25
แม่เข็มเงิน กิกี้ เพรสตัน


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มิ.ย. 16, 11:30
บาร์บาร่า คาร์ตแลนด์ ตอนสาวๆ 
กับลูกสาว เรน  ในวัยเยาว์


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มิ.ย. 16, 11:32
หยุดพักก่อนค่ะ  เผื่อใครอยากจะคุยหรือจะถาม


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: แพรวพิม ที่ 23 มิ.ย. 16, 19:59
โห สาวๆ ในสเป็คของเจ้าชายมีแต่สาวสังคมเปรี้ยวๆ ทั้งนั้น ดูท่าพระรสนิยมจะคล้ายกับพระเชษฐาองค์โต โปรดสาวเปรี้ยวมั่นมากกว่าสาวหวานชาติตระกูลดีอย่างพระเชษฐาองค์รอง



กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Neepata ที่ 23 มิ.ย. 16, 22:28
ขอมานั่งเรียนด้วยคนนะคะ (มาช้าตลอด แหะแหะ :-[) อ่านแล้วได้แต่ร้อง โอ้ว... ฮู้ว... ห๋า...  รอตอนต่อไปค่ะ :D


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มิ.ย. 16, 15:50
สาวๆพวกนี้ถึงเสน่ห์พราวแพรวขนาดไหนก็ตาม   ก็ไม่อาจพิชิตพระทัยเจ้าชายได้นานเท่าเจ้าของภาพข้างล่างนี้   
ทั้งสองเป็นมิ่งมิตรชิดใกล้กันยาวนานถึง 19 ปี


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 24 มิ.ย. 16, 22:27
 :-\ :-\ :-\ ฟ้าผ่าแถวบ้านบัวเปรี้ยงๆๆๆๆเลยเจ้าค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Molly ที่ 25 มิ.ย. 16, 00:47
ตั้ง 19 ปี ประทับใจจังค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 16, 12:28
    ชายในรูปข้างบนนี้อาจถูกลืมเลือนไปแล้วสำหรับคนยุคนี้  แต่ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ถึงครั้งที่สอง และเรื่อยมาจนถึงยุค 1960s - 1970s   โนเอล เคาเวิร์ด เป็นหนึ่งในเซเลบแถวหน้าในวงการบันเทิงของอังกฤษ และอเมริกา
    เขามีพรสวรรค์อย่างหาตัวจับยากในศิลปะการแสดงและดนตรี  เป็นทั้งนักร้อง  นักแต่งเพลง ทั้งทำนองและเนื้อ   นักแสดง   ผู้กำกับ  นักเขียนบทละคร ที่โด่งดัง    ผลงานล้วนประสบความสำเร็จอย่างสูง     
   ในเรือนไทย คนที่น่าจะรู้จักผลงานของโนเอล เคาเวิร์ด  ก็น่าจะมีคุณหมอศิลา   ท่านอื่นๆดิฉันไม่แน่ใจว่าจะรู้จักหรือไม่ 
   เอาเป็นว่าชายผู้นี้เป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างสูงก็แล้วกันค่ะ

   ความที่เขาเป็นคนดังอยู่ในวงการบันเทิง และก้าวมายืนในสังคมชั้นสูงของอังกฤษในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง   ก็เลยมีโอกาสรู้จักเจ้าชายจอร์ช ดยุคแห่งเค้นท์   ทั้งสองก็ปิ๊งกันทันที
   โนเอลเป็นหนุ่มโสดมาตลอดชีวิต   สมัยนั้นสังคมยังไม่ยอมรับคนรักร่วมเพศ   เขาก็เลยไม่อาจจะประกาศตัวออกมาได้  ต้องนิ่งๆ ทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่ว่าใครจะซุบซิบยังไงก็ปล่อยไป ไม่ว่ากัน       มีชีวิตส่วนตัวลอบเร้น กับชายหลายคน  มีเพื่อนผู้หญิงก็จริง แต่ว่ากันว่าก็เป็นเพื่อนกันเท่านั้น
   ความสัมพันธ์ของเขากับเจ้าชาย ยั่งยืนกันมาด้วยดีตลอด 19 ปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะซื่อสัตย์ใจเดียวรักเดียวต่อกัน   โลกไม่ได้สวยขนาดนั้น  ต่างคนต่างก็ไปผูกสัมพันธ์กับคนอื่นๆอยู่ตลอดเวลา  เพียงแต่ยังดำรงความรู้สึกที่ดีและให้เกียรติกันในฐานะ "เพื่อน" นอกเหนือจากฐานะอะไรไม่ต้องสาธยายกันซ้ำซากนะคะ   
   โนเอล ในฐานะ "เพื่อนสนิท" ของเจ้าชาย ก็ได้รับการต้อนรับเป็นพระสหายของครอบครัวของเจ้าชายด้วยค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 มิ.ย. 16, 12:30
โนเอล ในสามวัย  หนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ และไม่เหลือความเป็นหนุ่ม


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Onsiri C. ที่ 27 มิ.ย. 16, 07:35
สวัสดีค่ะ พอได้ยินชื่อ Noel Coward ก็นึกถึงเพลงนี้ที่เคยได้ยินสมัยอยู่อังกฤษและทำให้รู้จักชื่อนี้ แต่เพิ่งทราบรสนิยมของเธอจากคุณเทาชมพูนี่เองค่ะ เพลง Mad Dogs and Englishmen https://www.youtube.com/watch?v=GcBr3rosvNQ (https://www.youtube.com/watch?v=GcBr3rosvNQ)


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 16, 10:00
ขอบคุณค่ะคุณ Onsiri   ดิฉันก็ลืมไปว่าควรจะเอาเพลงผลงานของโนเอลมาให้ชาวเรือนไทยได้ฟังด้วย
ขอบคุณมากค่ะ

นำมาให้ฟังอีกเพลง   ทำนองหวานๆ เศร้าๆ แบบเพลงรุ่นก่อนสงครามโลก  I'll See You Again


 (http://www.youtube.com/watch?v=79LPK4zcG5o[/url)


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 16, 10:09
Noel นักแสดง

http://www.youtube.com/watch?v=kxQCupMdTQE


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 16, 11:16
ย้อนกลับมาถึงเจ้าชายจอร์ช ดยุคแห่งเค้นท์  
    ไม่ว่าจะมีชีวิตส่วนตัวแบบไหนยังไงก็ตาม  หน้าที่หนึ่งของเจ้าชายก็คือต้องเสกสมรสและมีทายาท ตามราชประเพณี     ในยุคนั้น การเลือกผู้หญิงเข้ามาเป็นสะใภ้หลวงค่อนข้างเข้มงวดในด้านเชื้อสาย    พูดง่ายๆคือเป็นเจ้านายถึงจะดีที่สุด   ส่วนลูกสาวขุนนางนั้นก็รองลงไป  แต่ถ้าลูกสาวสามัญชนแม้จะร่ำรวยขนาดไหนก็ตาม   ก็ถือว่าไม่คู่ควรอยู่ดี

     วันหนึ่ง เจ้าชายจอร์ชได้รับเชิญไปในงานปาร์ตี้ของไฮโซในลอนดอน   ในงานนั้น พระองค์ทรงพบหญิงงามเข้าคนหนึ่ง  ไม่ใช่แค่สาวไฮโซธรรมดา แต่มีพระยศเป็นถึงเจ้าหญิงแห่งกรีซ      พระบิดาของเธอเป็นพระโอรสองค์ที่สี่ของพระเจ้าแผ่นดินกรีซ ผู้ต้องลี้ภัยการเมืองในประเทศมาพำนักอยู่ในปารีส  เจ้าหญิงก็เลยเติบโตขึ้นในฝรั่งเศสแทนที่จะเป็นบ้านเกิดเมืองนอน   พูดภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษได้คล่อง เพราะมีพระพี่เลี้ยงเป็นชาวอังกฤษ   มีชีวิตอย่างกุลสตรีตระกูลสูง แม้ว่าจะไม่มีราชบัลลังก์และไม่มีเงินทองมหาศาลรองรับก็ตาม
     คราวนั้นเจ้าหญิงมาเที่ยวลอนดอนกับพี่สาวและพี่เขยซึ่งเป็นเจ้าชายแห่งยูโกสลาเวีย ก็เลยได้พบและทำความรู้จักกับเจ้าชายจอร์ช    ผลเป็นอย่างไรในประวัติไม่ได้บอกไว้     ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปจนอีกปีหนึ่ง จึงได้มาพบกันอีก



กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 16, 17:32
      เจ้าหญิงมาริน่า มีความเพียบพร้อมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉมงดงาม  อยู่ในราชวงศ์กษัตริย์  ได้รับการอบรมให้มีคุณสมบัติของกุลสตรี    เหมาะจะเป็นสะใภ้หลวงของราชวงศ์ทิวเดอร์     พระญาติทางฝ่ายเจ้าหญิงก็คงเล็งๆข้อนี้อยู่ไม่น้อย  จึงปรากฏว่ามีสื่อชักนำซึ่งก็ไม่ใช่ใคร เป็นพี่สาวและพี่เขยของเจ้าหญิงเอง
     เจ้าชายพอลทรงเชิญเจ้าชายจอร์ชไปเป็นแขกพักร้อนที่ล็อคเคบินของพระองค์ที่ยูโกสลาเวีย      เจ้าหญิงก็อยู่ที่นั่นด้วย    เพียงหนึ่งสัปดาห์ที่พบกัน   ข่าวหมั้นระหว่างเจ้าชายและเจ้าหญิงก็ประกาศออกมาเป็นทางการ
      แน่ละว่าทางฝ่ายราชวงศ์อังกฤษเต็มอกเต็มใจที่เจ้าชายจอร์ชจะเป็นฝั่งเป็นฝาไปกับสตรีที่คู่ควรกันทุกประการ     ส่วนเมื่ออยู่กันแล้วจะทุกข์หรือสุขมากน้อยประการใด เป็นเรื่องคนสองคนจะจัดการให้ลงตัวกันเอง   ราชสำนักไม่เข้าไปกำกับ  เว้นแต่เรื่องเดียวคือจะไม่มีการหย่าขาดกันเป็นอันขาด
     พิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายกับเจ้าหญิงก็เป็นไปอย่างสมพระเกียรติทั้งสองฝ่ายทุกประการ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 มิ.ย. 16, 17:34
เจ้าบ่าวเจ้าสาว งามสมกันมาก


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 มิ.ย. 16, 10:08
ยังอ่านไม่เจอว่าชีวิตคู่ระหว่างเจ้าชายและเจ้าหญิงคู่นี้อยู่กันมีความสุขตามอัตภาพ  หรือว่าทะเลาะเบาะแว้งกันประการใด    พบแต่ว่าหลังเสกสมรสแล้ว เจ้าชายก็ยังไม่ได้หยุดมีความสัมพันธ์กับคนอื่นๆอยู่ดี      กับพระชายานั้นเจ้าชายก็มีโอรสธิดาด้วยกัน 3 องค์ คือ
     1  เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด   ต่อมาสืบฐานันดรศักดิ์ดยุคแห่งเค้นท์จากพระบิดา    เจ้าชายองค์นี้ทรงมีพระนิสัยตรงกันข้ามขาวเป็นดำกับพระบิดา  เป็นผู้ชายเงียบๆเรียบร้อย  มีข่าวกับผู้หญิงคนเดียวคือคนที่ทรงสมรสด้วย  ไม่มีข่าวเสียหายประการใด
     2  เจ้าหญิงอเลกซานดรา ซึ่งเคยเสด็จมาประเทศไทยหลายครั้งในฐานะผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ทรงสมรสไปกับลูกชายขุนนางชื่อเซอร์แองกัส โอกิลวี่
     3  เจ้าชายไมเคิลแห่งเค้นท์   องค์นี้ประสูติได้ 6 เดือนพระบิดาก็สิ้นพระชนม์

     ชีวิตคู่ของเจ้าชายจอร์ชและเจ้าหญิงมารินาสั้นมาก  เพียง 5 ปี   ในช่วงสงครามโลก เจ้าชายประสบอุบัติเหตุเครื่องบินทหารที่ทรงโดยสารไปด้วยตก   ผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งหมด  เจ้าชายมีพระชันษาเพียง 39 เท่านั้นเอง


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 16, 10:41
  จบเรื่องดยุคแห่งเค้นท์แล้ว รายต่อไป คือรูปข้างล่างนี้   นำมาเสิฟเป็นน้ำจิ้มก่อนจะเล่าให้ฟังค่ะ
  ขอเช็คชื่อนักเรียนว่ายังตาสว่าง หรือโดดเรียนกันไปหมดแล้ว


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: unicorn9u ที่ 30 มิ.ย. 16, 10:47
ยกมือ
ตามอ่านอยู่ครับ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Jalito ที่ 30 มิ.ย. 16, 12:53
ยังอยู่ครับ
ถึงบางอ้อเจ้าหญิงอเล็กซานดร้า แห่ง เค้นท์ พอดี


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 30 มิ.ย. 16, 15:23
อยู่กะท่านอาจารย์ตลอดเลยเจ้าค่ะแต่อยู่แบบเงียบๆเจ้าค่ะบัวเข็ดแล้ว


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 30 มิ.ย. 16, 19:49
ผมลืมระหัสผ่านไปนานแล้ว ได้แต่อ่าน เห็นท่านอาจารย์เอารูปหลอดหลุยมาลง ผมจึงต้องกลับมาครับ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 16, 21:29
     ในเมื่อมีคนรู้จักหนุ่มหล่อในภาพล่าสุด  ก็เปิดตัวเสียทีนะคะ
     นี่คือภาพของเอิร์ลแห่งเมาท์แบตเตน หรือเรียกสั้นๆว่าลอร์ดหลุยส์ เมาแบตเตน จอมพลเรืออังกฤษ ผู้มีกำเนิดเป็นเจ้าชายเยอรมัน    ก่อนจะกลายมาเป็นขุนนางอังกฤษ 
     ย้อนหลังไปสมัยควีนวิคตอเรีย  ราชวงศ์วินด์เซอร์เกี่ยวเนื่องกับเยอรมันทางเชื้อสายอยู่มาก   แม้แต่พระธิดาองค์หนึ่งของควีนเองชื่อเจ้าหญิงอลิศ ก็เสกสมรสไปกับเจ้าชายเยอรมันชื่อเจ้าชายหลุยส์ ดยุคแห่งเฮสส์   ตอนนั้นเยอรมันแยกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย  เฮสส์ก็เป็นหนึ่งในแคว้นนั้น   มีเจ้าผู้ครองแคว้นดำรงตำแหน่งดยุค
      ดยุคและดัชเชสมีพระธิดาองค์หนึ่งได้รับพระนามตามสมเด็จยายว่าเจ้าหญิงวิคตอเรีย    เจ้าหญิงองค์นี้เสกสมรสกับเจ้าชายหลุยส์แห่งแบตเตนเบิร์ก   มีโอรสธิดา 4 องค์  สององค์มีพระนามว่าอะไรไม่ต้องไปจดจำเพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้  อีกสองคือเจ้าหญิงชื่ออลิศ   และ องค์สุดท้องเป็นชายชื่อหลุยส์  ก็คือพระเอกของเรานี่เอง
    เพื่อไม่ให้เวียนหัวกับชื่อพ่อแม่ปู่ย่าตายายเหล่านี้มากนัก    ขอสรุปสั้นๆว่าเจ้าชายหลุยส์ แบตเตนเบิร์กนี้มีเชื้อสายราชวงศ์วินด์เซอร์ของอังกฤษทางแม่   และเชื้อสายเยอรมันทางพ่อ    ตัวท่านเองนั้นเกิดในอังกฤษ
    รูปข้างล่างนี้คือเจ้าชายหลุยส์ในวัยเยาว์  ถ่ายกับเจ้าหญิงเล็กๆที่เป็นหลานน้า


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 01 ก.ค. 16, 10:22
มารายงานตัวครับ  ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้า คอมพิวเตอร์พังคร้าบบ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Molly ที่ 01 ก.ค. 16, 11:27
Molly ติดตามทุกวันเลยค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 01 ก.ค. 16, 13:49
ครับ ยังอยู่ครับ (ลุกขึ้นยืน พลางเช็ดน้ำลายที่มุมปาก)


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Koratian ที่ 01 ก.ค. 16, 15:09

ขออภัยพึ่งตื่นครับ ถึงตอนบอกข้อสอบหรือยังครับ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 16, 20:52
ยังค่ะ  ถึงตอนไปคาบไม้บรรทัดต่อจากแม่บัว  โทษฐานหลับในห้อง

เอารูปเจ้าชายหลุยส์ในวัยรุ่น  หล่อสะอาดมาดองค์ชาย  มาฉายเป็นตัวอย่างไว้ก่อนค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ค. 16, 17:26
ทั้งที่เป็นเยอรมันโดยเชื้อชาติ  แต่เจ้าชายหลุยส์ถือกำเนิดในอังกฤษ  เติบโตอย่างเด็กชายอังกฤษ และถูกส่งเข้าร.ร.อังกฤษ ไม่ต่างจากเจ้าของภาษา      สงครามโลกครั้งที่ 1  ระหว่างเยอรมนีและชาติอื่นๆโดยเฉพาะอังกฤษ ทำให้พระบิดาของเจ้าชายตัดสินพระทัยที่จะเลือกเป็นอังกฤษโดยสมบูรณ์   ด้วยเหตุนี้ทั้งท่านและโอรสธิดาก็เลยสละฐานันดรเดิมในราชวงศ์เฮสส์ เปลี่ยนมาใช้นามสกุลฟังเป็นอังกฤษมากกว่าเยอรมัน  แบตเตนเบิร์กจึงกลายมาเป็นเมาท์แบตเตน แทน

พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษก็ทรงชดเชยความเป็นเจ้าที่จบไป  ด้วยการตั้งให้เป็นขุนนางอังกฤษ  เจ้าชายพระบิดาได้รับแต่งตั้งเป็นมาเควสแห่งมิลฟอร์ด ฮาเวน( Marquess of Milford Haven)  ส่วนเจ้าชายน้อยก็กลายเป็นลอร์ดหลุยส์ เมาท์แบตเตน

ลอร์ดหลุยส์เรียนจบแล้ว เข้ารับราชการในราชนาวีอังกฤษ      เติบโตมากับญาติๆในราชวงศ์วินด์เซอร์   หนึ่งในญาติสนิทวัยใกล้เคียงกันคือเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ปรินซ์ออฟเวลส์ผู้เป็นรัชทายาท  (ต่อมาสมรสกับนางซิมป์สัน และสละราชบัลลังก์)   ก็มีข่าวซุบซิบว่า เด็กหนุ่มทั้งสองนั้นสนิทกันยิ่งกว่าเพื่อน ตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่น


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ค. 16, 17:30
     ความจริง พฤติกรรมทำนองนี้ ติดตัวเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดมาก่อนพบแม่ม่ายซิมป์สัน     ทรงมีข่าวว่าเคยไปติดพระทัยเจ้าชายหนุ่มรูปหล่อแห่งราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย ชื่อเจ้าชายเฟลิกซ์  ยูซูปอฟ   
     อันว่าเจ้าชายองค์นี้ก็มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ไม่เบาเหมือนกัน  คือเป็นคนที่วางแผนกำจัดและสังหารนักบวชนรกรัสปูตินได้สำเร็จ    แต่นั่นเป็นอีกเรื่องไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้  ขอข้ามไปนะคะ
    แค่เอารูปเจ้าชายเฟลิกซ์มาให้ดู  ว่าสวยเอ๊ยหล่อขนาดไหน


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: แพรวพิม ที่ 04 ก.ค. 16, 19:20
ดูเผินๆ คิดว่าเป็นผู้หญิงเลยค่ะอาจารย์   ::)


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.ค. 16, 16:14
    ลอร์ดหลุยส์ ใช้ความเป็นอดีตเจ้าชายและยศศักดิ์ขุนนางพรางเรื่องส่วนตัวไว้มิดชิด     ยุคนั้น ความเป็นเกย์ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม  ถือว่าเป็นทั้งบาปและอาการป่วยทางจิต  เขาจึงเปิดเผยกับใครไม่ได้  แต่ก็ไม่่ได้หมายความว่าจะเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่เกี่ยวข้องกับหนุ่มๆด้วยกัน  ตรงกันข้าม   ความรักความใคร่ส่วนตัวก็เป็นเรื่องหนึ่ง  หน้าตาในสังคมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  แยกกันคนละทาง
     หนึ่งในบรรดา "เพื่อนสนิท "ของลอร์ดหลุยส์คือนักศึกษาหนุ่มชาวไอริชซึ่งมาเจอกันที่เคมบริดจ์  ชื่อยาวเหยียดว่าเจมส์ เจอระไมห์ วิคเตอร์ ฟิตซ์วิลเลียม เมอร์ฟี  หรือเรียกสั้นๆว่าปีเตอร์ เมอร์ฟี่     นายคนนี้นอกจากเป็นเกย์แล้วยังเป็นผู้นำนักศึกษาหัวเอียงซ้าย  แต่แปลกที่ทั้งคู่ก็คบหากันได้สนิทสนมยาวนาน  ไม่เคยทิ้งขว้างร้างรากันแม้ว่าจะไม่ได้มีกันและกันคนเดียวก็ตาม    ลอร์ดหลุยส์จ่ายเงินเลี้ยง "ไอ้หนู" คนนี้ปีละ 600 ปอนด์อย่างสม่ำเสมอ  จนนายเมอร์ฟี่ถึงแก่กรรมไปในปี 1966
    อีกคนหนึ่งที่เข้ามาเป็นเพื่อนสนิทในแวดวงของลอร์ดหลุยส์ ก็คือคู่เชยของดยุคแห่งเค้นท์ โนเอล เคาเวิร์ด

    ชีวิตส่วนตัวของลอร์ดหลุยส์ถือว่าสุดเหวี่ยงสุดๆในยุคนั้น   หลังจากตายไปแล้ว   มีข่าวว่าเขาเคยเข้าไปเอี่ยวในคดีเหตุอื้อฉาวช่ื่อ the Kincora Boys’ Home ด้วย   คินคอร่าเป็นชื่อสถานสงเคราะห์เด็กชายอยู่ในไอร์แลนด์  ตั้งขึ้นเป็นสถานพำนักของเด็กที่หนีจากบ้านเพราะถูกทำร้ายหรือต้องมีเหตุสุดวิสัยจนอยู่กับครอบครัวไม่ได้     แต่ตอนหลัง ข่าวรั่วออกมาว่า ที่นี่กลายเป็นซ่องโสเภณีเด็กชายวัยรุ่น ที่บรรดาวีไอพีหัวงูทั้งหลายไปใช้บริการกัน     เมื่อความแตกออกมาก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ ว่าเด็กตกเป็นเหยื่อ
    ลอร์ดหลุยส์จะไปเอี่ยวจริงหรือเปล่าไม่มีประชาชนคนนอกรู้     แต่ที่แน่ๆคือตำแหน่งการงานของเขาก้าวไกลด้วยดี  จนได้เป็นถึงจอมพลเรือ  
    ที่สำคัญก็คือลอร์ดหลุยส์แต่งงานกับสาวทายาทมหาเศรษฐี   ซึ่งเป็นรักร่วมเพศ คบได้ทั้งสองเพศเช่นเดียวกัน

    บ้านข้างล่างนี้คือสถานสงเคราะห์คินคอร่า ค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Jalito ที่ 06 ก.ค. 16, 00:58
....ที่สำคัญก็คือลอร์ดหลุยส์แต่งงานกับสาวทายาทมหาเศรษฐี   ซึ่งเป็นรักร่วมเพศ คบได้ทั้งสองเพศเช่นเดียวกัน...

    โลกนี้ช่างสับสนเหลือเกิน อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

     ล้ำลึกเกินนิยาย


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ค. 16, 20:17
นี่คือสาวงาม เอ็ดวิน่า ซินเธีย แอนเน็ตต์ แอชลีย์(Edwina Cynthia Annette Ashley)   สาวไฮโซ ในยุค 1930s ของลอนดอน   เธอเป็นสาวสวยเปรี้ยว มีชีวิตส่วนตัวโลดโผนให้ซุบซิบกันได้มากมาย   แต่สังคมก้มหัวให้เพราะเธอคาบช้อนทองฝังเพชรออกมาจากท้อง    มีทั้งพ่อและตาเป็นมหาเศรษฐี
เพราะอยู่ในแวดวงไฮโซด้วยกัน ลอร์ดหลุยส์ เมาท์แบตเตนจึงได้พบสาวงามบนกองเงินกองทองคนนี้     เธอได้มรดกจากตาถึง 2 ล้านปอนด์ และทรัพย์สินอื่นๆอีกด้วย  ส่วนเขามีรายได้ปีละ 610 ปอนด์ในฐานะนายทหารเรือ   ในเมื่อคนหนึ่งมีศักดิ์ อีกคนก็มีทรัพย์   จึงลงเอยกันง่ายดาย


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ค. 16, 10:32
งานวิวาห์สุดหรู   เป็นหน้าเป็นตาของลอร์ดหลุยส์และเอ็ดวิน่า    มีเจ้านายพระญาติพระวงศ์ไปร่วมงานกันเพียบ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ค. 16, 09:14
  เมื่อแต่งงานกันแล้ว  สามีภรรยาก็อยู่ด้วยกันในคฤหาสน์หรูในลอนดอน ตามแบบชาวไฮโซทุกประการ   เวลาผ่านไป  ก็มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน  ดูจากภายนอก  ชีวิตราบรื่นดี  ไม่ปรากฏว่ามีอาการแตกร้าวบ้านแตกสาแหรกขาดอย่างที่น่าจะเป็น 
   ทั้งนี้เพราะว่าต่างคนต่างอยู่  ต่างดำเนินชีวิตตามแบบของตัวเอง    ในบันทึกของลูกสาวที่เขียนเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว  บอกว่าเด็กสองคนอยู่กับพี่เลี้ยง   แทบไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดพ่อแม่เอาเสียเลย
  ลอร์ดหลุยส์ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆในราชการ    มีชีวิตนอกบ้านมากกว่าจะอยู่บ้าน     แต่เขาก็ให้ความรักและความเอาใจใส่ลูกสาวทั้งสองมากกว่าแม่ซึ่งไม่เหลียวแลลูกสาวเอาเสียจริงๆ     เอ็ดวิน่าไม่เลิกชีวิตอื้อฉาวอย่างที่เธอเคยเป็นมาก่อนแต่งงาน   แต่อ่านแล้วไม่พบว่าหลังแต่งงาน เธอเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนไหน   ตรงกันข้าม  เธอกลับคบผู้ชายไม่เลือกหน้า  แม้แต่ลูกเล็กๆก็รู้ข้อนี้ว่า แม่มีเพื่อนชายมากหน้าหลายตาจริงๆ

ภาพเอ็ดวิน่ากับลูกสาวคนโต  พาเมล่า


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ค. 16, 10:10
     เอ็ดวิน่ามีเหตุผลให้การกระทำของตัวเอง  คือ เธอเป็นคนขี้เหงา     สามีเป็นนายทหารเรือ   ต้องออกจากบ้านไปอยู่กลางทะเลทีละนานๆ  เธอก็ฆ่าความว้าเหว่ด้วยการคบเพื่อนผู้ชาย  เฟลิตกับพวกเขา ให้เขาลุ่มหลงไล่ตามเธอเล่นแก้เหงา   
     คำว่า"เหงา" มักเป็นเหตุผลคลาสสิคของคนเจ้าชู้   ไม่ว่าหญิงหรือชาย  คนขี้เหงามักจะเป็นคนที่นึกถึงแต่ตัวเองมากกว่าจะเอาใจใส่กับโลกภายนอก  ส่วนคนเจ้าชู้ก็เป็นคนที่เห็นแก่ความสุขของตัวเองมากกว่านึกถึงใจคนรัก คู่สมรส หรือลูก   เมื่อสองอย่างมาบวกลงตัวกันพอดี   จึงพบบ่อยๆว่าคนเจ้าชู้มักจะขี้เหงา  และคนขี้เหงาก็มักจะเจ้าชู้   เอ็ดวิน่าก็ไม่ได้อยู่นอกคำจำกัดความนี้
     ยิ่งแต่งงานไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะความเหมาะสมและหน้าตาในสังคม   กิ่งทองไม่แท้ และใบหยกเทียมคู่นี้ก็เลยมีชีวิตส่วนตัวที่แยกกันไปคนละทาง   
     ลอร์ดหลุยส์ คบชายอื่นและหญิงอื่นหลังสมรส   ส่วนเอ็ดวิน่าก็คบชายอื่นมาตลอด   หนึ่งในจำนวนนั้นเธอพาเข้าบ้านมาคลุกคลีตีโมงกับลูกๆ  ช่วยเธอเลี้ยงลูกราวกับเป็นพ่อคนที่สอง   ส่วนพ่อตัวจริงไปใช้ชีวิตส่วนตัวกับคนอื่น
    อย่างไรก็ตาม  สังคมไฮโซสมัยนั้นเพ่งเล็งที่เปลือกนอกมากกว่าเรื่องภายใน     ตราบใดที่ผัวเมียยังควงกันหน้าชื่นตาบานออกสังคมก็ถือว่าโอเค   ต่อให้ภายในบ้านยุ่งเหยิงอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขาไปแก้กันเอง


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ค. 16, 17:01
  ทั้งสองอยู่กันมาได้จนล่วงเข้าวัยกลางคน   เพราะว่าต่างคนต่างอยู่ ต่างมีชีวิตส่วนตัวของตัวเอง     อย่างที่ลอร์ดหลุยส์เคยสรุปประเด็นเอาไว้ชัดเจนไม่ต้องซักถามกันอีก ว่า
  "“Edwina and I spent all our married lives getting into other people's beds."
   " เอ็ดวิน่ากับข้าพเจ้าใช้ชีวิตสมรสด้วยกันบนเตียงคนอื่น โดยตลอด"

   อย่างไรก็ตาม ชีวิตราชการของลอร์ดหลุยส์ก็ก้าวลิ่วๆเจริญเติบโตด้วยดี   ถึงขั้นได้เป็น viceroy คำนี้แปลว่าอุปราช  เป็นตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารของอังกฤษ  มีมาตั้งแต่อินเดียยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ     เมื่ออินเดียได้เอกราชในค.ศ. 1947 หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง    ลอร์ดหลุยส์ก็กลายเป็นอุปราชคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์อินเดีย     เอ็ดวิน่าเองก็ได้เป็นไวซรีนหรือท่านผู้หญิงของอุปราช    ต้องอพยพย้ายถิ่นจากลอนดอนไปอยู่ที่อินเดียตลอดระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
   ในอินเดียนี่เอง   ทั้งสองก็ได้พบบุคคลน่าสนใจที่สุดในประเทศนั้น  เขาคือบัณฑิตเยาวะหะราล เนห์รู  นายกรัฐมนตรีของอินเดีย


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ค. 16, 18:52
      นายกเนห์รู ไม่ใช่ชาวอินเดียธรรมดาที่ไต่ระดับขึ้นไปจนได้เป็นนายกรัฐมนตรี   แต่เป็นระดับหัวกะทิมาตั้งแต่เกิด  เขาเกิดในตระกูลมั่งคั่ง   มีครูชาวอังกฤษมาสอนหนังสือให้ที่บ้านตั้งแต่เด็ก ตามแบบผู้ดีทุกประการ   พอโตก็ถูกส่งตัวไปเรียนหนังสือตั้งแต่ระดับมัธยมที่อังกฤษ    เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เรียนจบได้เกียรตินิยม   แล้วไปอบรมต่อที่สำนักกฎหมาย  ก่อนจะกลับมาเป็นนักการเมืองที่บ้านเกิดเมืองนอน   ต่อสู้ทางการเมืองมาอย่างโชกโชนจนกระทั่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ
     ถ้าหากว่าไม่มองสัญชาติว่าเขาเป็นชาวอินเดีย  เนห์รูก็มีคุณสมบัติของปัญญาชนชั้นเลิศจากลอนดอน  เป็นสุภาพบุรุษ  พร้อมด้วยกิริยามารยาทน่านับถือทุกประการ     ตอนที่อุปราชคนใหม่และภรรยาไปรับตำแหน่งที่อินเดีย   เนห์รูเป็นพ่อม่ายหนุ่มใหญ๋  ภรรยาเขาเสียชีวิตด้วยวัณโรคเมื่อ 8 ปีก่อน ทิ้งลูกสาวคนเดียวไว้ให้ดูต่างหน้า
     เขาเป็นคนไฟแรง เฉลียวฉลาดรอบรู้ทั้งวิชาการและประสบการณ์ชีวิต     นับเป็นเสน่ห์ของผู้ชาย  ไม่ซ้ำแบบกับหนุ่มไฮโซที่เคยล้อมอยู่รอบตัวเอ็ดวิน่า    เสน่ห์ของกระดังงาลนไฟก็เริ่มปฏิกิริยาเคมีกับเสน่ห์ของท่านผู้นำทันที


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.ค. 16, 18:58
ส่งรูปมาเซิฟๆค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.ค. 16, 16:51
  ความสัมพันธ์ระหว่างเอ็ดวิน่าและท่านนายกฯเนห์รู  จริงๆแล้วเป็นยังไง ก็ไม่เคยมีพยานที่ไหนสอดรู้สอดเห็นเข้าไปได้ถึงที่สุด    ขาเม้าท์ทั้งหลายก็ได้แต่เล่าลือกันไปตามกระแส   อย่างหนึ่งที่เห็นๆกันก็คือเอ็ดวิน่าปลื้มท่านผู้นำคนนี้จนออกนอกหน้า   ประทับใจความเฉลียวฉลาดรอบรู้และคุณสมบัติเลิศเลอเพอร์เฝ็คของพ่อม่ายหนุ่มใหญ่      ซึ่งเธอก็แสดงออกอย่างไม่กระมิดกระเมี้ยนปิดบังอะไร  
   จึงปรากฏให้เห็นอยู่หลายครั้งว่า  ภรรยาท่านไวซรอยสนิทกับนายกอินเดีย มากกว่าตัวท่านไวซรอยพึงสนิทกับท่านผู้นำเองเสียอีก  ไม่ว่าไปไหนที่จะต้องเจอกัน   เธอกับท่านนายกก็จะเดินคู่กันไป พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันไม่มีที่จบสิ้น   ส่วนตัวท่านไวซรอยลอร์ดหลุยส์ก็เดินล้าหลังไปข้างหลัง  คุยกับคู่สนทนาซึ่งอาจเป็นใครก็ได้ที่ร่วมทางไปด้วย    โดยมากก็คือลูกสาวคนโตนั่นแหละที่กลายเป็นคู่สนทนาของพ่อ

  ตอนนั้น ลูกสาวคนโตของลอร์ดหลุยส์และเอ็ดวิน่า คือพาเมล่า เมาท์แบตเตนอายุ 18 ปีแล้ว   เป็นสาวพอจะดูออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับท่านนายกฯอินเดีย ว่าไม่ธรรมดา    แต่หลายสิบปีต่อมาเมื่อเข้าวัยชรา  ผู้ใกล้ชิดทั้งหลายล่วงลับไปแล้ว เธอเขียนหนังสือชีวประวัติของตัวเอง เล่าถึงเรื่องนี้ว่า แม่ของเธอกับท่านนายกอินเดีย สนิทสนมกันอย่างพลาโตนิคเฟรนด์ชิป  คือมิตรภาพระหว่างชายหญิงที่เป็นอย่างเพื่อนจริงๆ  ไม่มีเซกส์เข้ามาเกี่ยวข้อง


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.ค. 16, 16:54
เนห์รูกับพาเมล่า


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.ค. 16, 17:41
   พาเมล่ายืนกรานท่าเดียวว่า แม่ของเธอกับท่านนายกอินเดียนั้นเป็นเพียงแค่คนขี้เหงาสองคนที่เกิดมาพบกันและถูกอัธยาศัยกันอย่างยิ่งเท่านั้น     เพราะเนห์รูเองก็ว้าเหว่ที่ภรรยาตายจากไป   ทิ้งเขาเป็นม่ายอยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย     ส่วนเอ็ดวิน่าก็เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง    เมื่อต่างคนต่างมาเจอกัน ก็เลย "คลิก" กันอย่างจัง    แต่จะให้มีความสัมพันธ์ทางกายนั้น เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว   เพราะต่างคนต่างมีภารกิจรัดตัวกระดิกกระเดี้ยไม่ได้     นอกจากนี้ยังไม่รู้จะหาโอกาสไหนแอบไปพบกันอีกด้วย  ในเมื่อขยับตัวไปทางไหน ก็เป็นเป้าสายตาชาวบ้านทุกกระดิก  
    อย่างไรก็ตาม พาเมล่าก็ยอมรับถึงจดหมายนับพันฉบับที่เนห์รูและเอ็ดวิน่าเขียนกันไปเขียนกันมา  แสดงความในใจลึกซึ้งต่อกัน  เธอยอมรับว่าแม่หลงรักเนห์รูเอามากๆ  เช่นเดียวกับเนห์รูเองก็หลงรักเอ็ดวิน่าชนิดถอนตัวไม่ขึ้นเช่นกัน  
    อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ท่านผู้อ่านบางท่านอาจรู้สึกว่าสองคนนี่ก็แปลก ไหนๆเขียนจดหมายพร่ำรำพันถึงรักต้องห้าม ซึ่งไม่ควรจะให้ใครรู้ใครเห็นเดี๋ยวเกิดเรื่อง   แทนที่เขียนแล้วจะกำชับให้อีกฝ่ายฉีกทิ้งซะรู้แล้วรู้รอด  กลับเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานหาอะไรก็ไม่รู้  ไม่เข้าใจเอาจริงๆ

    ทั้งที่พาเมล่ายืนยันเช่นนี้  แต่คนรอบตัวของเนห์รูกลับยืนยันกันไปอีกอย่าง ยืนยันกันถึงขั้นว่าเคยเปิดประตูห้องนอนท่านนายกเข้าไปจ๊ะเอ๋เจอเอ็ดวิน่าอยู่ในอ้อมแขนท่านเข้าทีเดียว
    แต่นั่นแหละ ก็เป็นคำบอกเล่าซึ่งควรฟังหูไว้หู    อีกอย่างกระทู้นี้จะเล่าถึงลอร์ดหลุยส์ ไม่ได้เล่าถึงคุณนาย  เดี๋ยวออกนอกทางไปเปล่าๆค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.ค. 16, 19:52
  ถ้าเป็นชายอื่น   ภรรยาแสดงออกนอกหน้าว่าหลงรักผู้ชายอีกคน ต่อหน้าต่อตาสามีอย่างไม่แคร์ความรู้สึกของเขา   ก็คงจะมีการหย่าหรือตายเกิดขึ้นบ้างแล้ว   
   ถ้าไม่หย่าไม่ตายก็น่าจะมีทะเลาะเบาะแว้งหรือลงไม้ลงมือกันบ้าง     แต่ลอร์ดหลุยส์ไม่เหมือนสามีอื่น  แม้ว่าเนห์รูและเอ็ดวิน่ากระซิกกระซี้กันต่อหน้าต่อตาสามีมานับครั้งไม่ถ้วน     สิ่งที่ใครๆเห็นก็คือการวางตัวนิ่งๆ เป็นสุภาพบุรุษของท่านลอร์ด    สีหน้ายิ้มน้อยๆ เหมือนไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก     เขายังคงให้เกียรติภรรยาและท่านนายกอินเดียเสมอต้นเสมอปลายเช่นเดิม
   หากว่าเราไม่รู้ว่าแท้จริงลอร์ดหลุยส์เป็นยังไง   ก็คงจะนับถือว่าผู้ชายคนนี้เป็นผู้ดีหาตัวจับยาก    แต่พาเมล่านั่นแหละที่ไขความลับว่า พ่อโล่งใจมากที่แม่มีชายอื่นมาดึงดูดความสนใจ   ทำให้เธออารมณ์แช่มชื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส   เป็นสุขอยู่กับการคบหากับชายคนนั้น จนไม่หงุดหงิดใส่พ่อ  ไม่กล่าวหาว่าเขามัวแต่ยุ่งกับงาน หรือห่างบ้านไปทีละนานๆ ไม่สนใจไยดีแม่  อย่างที่แม่มักแสดงออกเสมอเวลาอยู่กันในบ้าน
   


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.ค. 16, 21:44
     ความสัมพันธ์ปริศนาของเนห์รูและเอ็ดวิน่าดำเนินต่อไปยาวนาน    ถ้าไม่ใช่เธอและสามีได้รับเชิญไปเป็นแขกในบ้านพักของเขา   เขาก็เดินทางไปเป็นแขกเชิญในบ้านพักของเธอที่อังกฤษ หลังจากลอร์ดหลุยส์จบสิ้นตำแหน่งไวซรอย เดินทางกลับอังกฤษในปี 1948  แล้ว
    เมื่อถึงตรงนี้ คงมีหลายคนอยากรู้ว่าลึกๆลอร์ดหลุยส์ไม่สะท้านสะเทือนกับเรื่องนี้จริงหรือ  ในเมื่อมันก็ตำตาเขาอยู่นานเป็นปีๆ    บางคนอ่าจจะเดาว่า แกก็คงไม่แคร์เท่าไหร่เพราะไม่ได้รักภรรยาอย่างสามีพึงเป็น     หรือบางคนอาจค้านว่าถึงไม่รักก็ต้องพะอืดพะอม หาทางออกไม่ได้
     ถ้าใครเดาสองแบบนี้ก็สอบตกทั้งคู่   เพราะความรู้สึกของลอร์ดหลุยส์ตามที่ลูกสาวบรรยายไว้ ก็คือ พ่อมิได้รู้สึกหึงหวงแม่    แต่พ่อหวาดวิตกเป็นอันมาก ว่าแม่อาจจะลุกขึ้นหย่าพ่อวันใดก็ได้   ข้อนี้ละพ่อกลัวที่สุด   ทำให้เธอนึกขอบใจพ่อเป็นอันมากที่สู้อุตส่าห์ประคับประคองชีวิตสมรสไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง  ทำให้ลูกสาวสองคนไม่เจอภาวะบ้านแตกสาแหรกขาดอย่างที่คนยุคนั้นถือเป็นเรื่องร้ายแรง โดยเฉพาะกับลูกๆ
    พาเมล่าไม่ได้ให้เหตุผลว่าเหตุใดพ่อจึงไม่ต้องการหย่า  เธออาจจะรู้แต่ไม่อยากพูด   เพราะเธอรักพ่อมาก พอๆกับไม่ชอบแม่     แต่ผู้เขียนกระทู้นี้ขอสันนิษฐานจากข้อเท็จจริงเท่าที่เห็น  ก็คือ การแต่งงานของลอร์ดหลุยส์และเอ็ดวินา เป็นอย่างที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า a marriage of convenience  ( ภาษาไทยแปลว่าอะไรยังไม่ได้ไปค้นคำจำกัดความ  ถ้ามี  เดี๋ยวคุณเพ็ญชมพูก็คงช่วยหามาให้เองละค่ะ)
   การแต่งงานประเภทนี้ คือชายหญิงแต่งกันด้วยเหตุผลอื่น มิใช่ด้วยความรักหรือความถูกใจอยากจะอยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียอย่างปกติธรรมดา     ส่วนใหญ่มีประโยชน์แอบแฝงอยู่ เช่นแต่งเพื่อฝ่ายหนึ่งจะได้มีสิทธิ์พำนักถาวรในประเทศของอีกฝ่าย   หรือ แต่งเพื่อตบตาพ่อแม่ญาติพี่น้อง และสังคมรอบตัวว่าผมเป็นชายแท้ หรือหนูเป็นหญิงแท้
   ลอร์ดหลุยส์เป็นคนที่ชอบชายมากกว่าหญิง    เอ็ดวิน่าจึงไม่ใช่หญิงที่เขาหลงรัก    นิสัยใจคอก็เข้ากันไม่ได้  ความประพฤติก็เหลือรับประทาน    แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือชีวิตโอ่อ่าหรูหราที่เธอมีให้เขาได้เต็มที่ในฐานะเป็นหน้าเป็นตาของภรรยา   หากหย่ากันเมื่อไหร่ ท่านลอร์ดก็จะตกวิมาน    เรื่องจะหวังมรดกจากเสด็จพ่อนั้นอย่าได้หวัง   ในเมื่อตัวเองเป็นลูกชายคนเล็ก  สมบัติย่อมอยู่กับลูกชายคนโตจนหมดตามกฎหมายสืบมรดกของอังกฤษ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ก.ค. 16, 08:31
    การแต่งงานของลอร์ดหลุยส์และเอ็ดวินา เป็นอย่างที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า a marriage of convenience  (ภาษาไทยแปลว่าอะไรยังไม่ได้ไปค้นคำจำกัดความ  ถ้ามี  เดี๋ยวคุณเพ็ญชมพูก็คงช่วยหามาให้เองละค่ะ)
   การแต่งงานประเภทนี้ คือชายหญิงแต่งกันด้วยเหตุผลอื่น มิใช่ด้วยความรักหรือความถูกใจอยากจะอยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียอย่างปกติธรรมดา     ส่วนใหญ่มีประโยชน์แอบแฝงอยู่ เช่นแต่งเพื่อฝ่ายหนึ่งจะได้มีสิทธิ์พำนักถาวรในประเทศของอีกฝ่าย   หรือ แต่งเพื่อตบตาพ่อแม่ญาติพี่น้อง และสังคมรอบตัวว่าผมเป็นชายแท้ หรือหนูเป็นหญิงแท้

คุณวินทร์ เลียววาริณเรียกว่า "วิวาห์พาสะดวก" เป็นรูปแบบหนึ่งของกระบวนการทางธรรมชาติ ศัพท์ทางชีววิทยาเรียกว่า symbiosis คือการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตสองสายพันธุ์ โดยต่างฝ่ายได้รับประโยชน์จากกันและกัน

https://www.facebook.com/winlyovarin/photos/a.1502062586736369.1073741826.1501588676783760/1670454703230489/ (https://www.facebook.com/winlyovarin/photos/a.1502062586736369.1073741826.1501588676783760/1670454703230489/)


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ค. 16, 13:02
     ขอบคุณค่ะคุณเพ็ญชมพู  :D ;D ;D
      
      ความสัมพันธ์สามคนอลเวง  ลอร์ดหลุยส์ เอ็ดวิน่า และเนห์รู ดำเนินต่อมาอีกหลายปี   ภายนอกไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง  ท่านเอิร์ล กับภรรยาก็ยังรักษาสถานภาพสมรสไว้ได้เหนียวแน่น      เนห์รูก็ยังแวะมาพักผ่อนที่บ้านของเอ็ดวิน่าทุกครั้งที่มาราชการที่อังกฤษ  บางครั้งเอ็ดวิน่าก็เดินทางไปพักผ่อนที่อินเดีย     จดหมายก็ยังเขียนถามกันไปตอบกันมาด้วยความรู้สึกลึกซึ้งเหมือนเดิม    
       เป็นอันว่าความรักที่ดูแล้วไม่มีทางไป ก็เกิดมีทางไปของมันจนได้ คือเดินของมันไปเรื่อยๆอย่างนี้     ทั้งสามต่างก็อยู่กันหน้าชื่นตาบาน   ได้สิ่งที่ตัวเองปรารถนาเหมือนเดิม   ขณะที่สามีภรรยาอื่นๆอีกมากที่เริ่มต้นเหมือนนิยายรัก  ได้สมหวัง แต่งงานกันจนมีลูกมีเต้าเป็นพรวน   วันร้ายคืนร้ายก็อยู่กันไม่ทน  ทิ้งขว้างร้างหย่ากันเป็นแถวๆ  
      ไม่ต้องดูอื่นไกล  ดูหลานชายของท่านลอร์ด ทั้งเจ้าชายชาร์ลส์และเจ้าชายแอนดรู   ไปไม่รอดสักคน
      ชีวิตจริง มันยิ่งกว่านิยายอย่างนี้ละค่ะ   พล็อตแท็กซี่ตามหารักแท้ของคุณประกอบ  ชิดซ้ายไม่เห็นฝุ่น  


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ก.ค. 16, 13:08
       ความรักของเอ็ดวิน่าดำเนินไปจนถึงค.ศ. 1960   เธอเดินทางไปเที่ยวบอร์เนียว  คืนหนึ่ง เธอเข้านอน แล้วก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย   

      ข่าวบางกระแสบอกว่าเกิดจาก Stroke  ไปเปิดดิกแล้ว แปลว่า โรคสมองขาดเลือด  จะตีบ หรือแตก ก็ได้  ในเมื่อเรือนไทยมีคุณหมออยู่หลายท่านก็ถือโอกาสส่งมอบคำอธิบายโรคนี้ให้ท่านเสียเลย  เพราะจะอธิบายเองคงไม่ได้ความชัดเจนขึ้นมา

      เอาเป็นว่าเอ็ดวิน่าก็จากไปอย่างง่ายๆ และสงบๆ ตรงกันข้ามกับการดำเนินชีวิตของเธอ      ส่วนเนห์รูอยู่ในอินเดียตอนนั้น เขารับรู้เรื่องนี้ด้วยกิริยาอาการสงบ เพราะกำลังอยู่ในงานเลี้ยง    ไม่ทำให้ใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อย ว่าเขารู้สึกอย่างใดนอกจากเฉยๆเป็นปกติ   เหมือนได้ข่าวตายของคนรู้จักกันเพียงห่างๆคนหนึ่ง  ทั้งๆในใจ  ก็มีคนคาดเดาว่าเนห์รูคงจะสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย

      สี่ปีต่อมา  นายกรัฐมนตรีของอินเดียก็จากโลกไปอีกคนหนึ่ง   เป็นอันปิดฉากรักเรื่องนี้ลงตลอดกาล


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ค. 16, 10:49
      เอ็ดวิน่าได้แจ้งความประสงค์ไว้ก่อนตายว่า เมื่อเธอถึงแก่กรรม แทนที่จะให้ฝังศพไว้ในสุสานแห่งใดแห่งหนึ่ง  ขอให้ฝังศพลงไปในทะเล    ลอร์ดหลุยส์ก็ทำตามความประสงค์ของภรรยาอย่างครบถ้วน    เขานำโลงศพที่บรรจุร่างของเธอใส่เรือรบไปทำพิธีฝังที่อ่าวนอกเมืองปอร์ตสมัธ ประเทศอังกฤษ    ในการนี้ เนห์รูส่งเรือรบสองลำมาเข้าขบวน ประกบเรือที่นำร่างเธอไปทำพิธี  เป็นการให้เกียรติเป็นครั้งสุดท้าย

      เมื่อฉากชีวิตของเอ็ดวิน่าจบลง     ลอร์ดหลุยส์ก็ดำเนินชีวิตต่อไปตามลำพัง    ไม่แต่งงานใหม่   บัดนี้เขาไม่มีสิ่งใดต้องห่วง  ไม่มีปัญหาลิ้นกันฟันกระทบกันอีก   ทรัพย์สินของภรรยาก็เหลืออเนกอนันต์   เขามีเวลาทุ่มเทให้กับงานได้เต็มที่


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ก.ค. 16, 13:19
     เล่าไว้ตอนต้นเรื่องว่า ลอร์ดหลุยส์มีพี่สาวสองคน  หนึ่งในจำนวนนั้นคือเจ้าหญิงอลิสแห่งแบตเตนเบิร์ก   เธอสมรสไปกับเจ้าชายแอนดรูแห่งกรีซและเดนมาร์ค  โอรสกษัตริย์จอร์ชที่ 1  แห่งกรีซ    เธอจึงกลับไปสู่ฐานันดรศักดิ์เดิมคือเจ้าหญิง ตามฐานันดรของพระสวามี   ไม่ได้เป็นแค่ขุนนางอย่างน้องชาย
     เจ้าหญิงอลิสมีพระโอรสธิดา 5 องค์  องค์เล็กสุดเป็นชายมีพระนามว่าเจ้าชายฟิลลิปแห่งกรีซและเดนมาร์ค     เจ้าชายองค์นี้เอง ต่อมาได้เสกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระธิดากษัตริย์อังกฤษ   เมื่อพระบิดาสวรรคตเจ้าหญิงก็ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธองค์ปัจจุบัน     ส่วนเจ้าชายฟิลลิปพระสวามีก็ดำรงพระยศเป็นดยุคแห่งเอดินเบอระ  ทั้งสองมีพระโอรสองค์แรกคือเจ้าชายชาร์ลส์  ปรินซ์ออฟเวลส์องค์ปัจจุบัน
    ลำดับญาติกันอย่างให้เข้าใจง่ายที่สุดคือลอร์ดหลุยส์เป็นน้าชายแท้ๆของเจ้าชายฟิลลิป ดยุคแห่งเอดินเบอระ    ดังนั้น ก็เป็น "ปู่น้อย" คือน้องชายของเสด็จย่าของเจ้าชายชาร์ลส์     ถือเป็นพระญาติสนิทเห็นกันมาตั้งแต่ประสูติ
    รูปข้างล่างนี้คือ เจ้าหญิงอลิสและเจ้าชายฟิลลิปพระโอรส เมื่อทรงพระเยาว์


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 26 ก.ค. 16, 13:49
          ชีวิตจริง มันยิ่งกว่านิยายอย่างนี้ละค่ะ   พล็อตแท็กซี่ตามหารักแท้ของคุณประกอบ  ชิดซ้ายไม่เห็นฝุ่น  

เป็นไปไม่ด๊ายยยยยยยยยยยยยย ไม่จริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงไม่จริงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ไม่เชื่อออออออออออออออออออออออออ
พล็อตเจ้าชายปลอมตัวขับแท็กซี่ตามหารักแท้นี่มันพล็อตเหนือชั้นเยี่ยมยอดระดับโลก ระดับรางวัลโนเบลวรรณกรรมแล้ว  จะชิดซ้ายแพ้ความรักซ่อนแอบแบบนี้ได้ยังไงกัน  >:(  >:(  >:(


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 26 ก.ค. 16, 15:37
 :-X :-X :-X คุณพี่กอบเจ้าขาอย่าเถียงท่านครูสิเจ้าคะเดี๋ยวได้โดนคาบไม้บรรทัดน้ำลายยืดอีกรอบนะเจ้าคะ บัวไม่ยืนป็นเพื่อนแล้วนะบัวเข็ด :P :P :P


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ค. 16, 18:45
ฟังเพื่อนไว้บ้างนะ   เด็กชายประกอบ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ค. 16, 19:58
    บทบาทของลอร์ดหลุยส์ในราชวงศ์วินด์เซอร์นับว่าโดดเด่น     นอกจากในฐานะพระญาติผู้ใหญ่ของเจ้าชายฟิลลิปแล้ว เขาก็ยังเป็นพระญาติห่างๆของพระราชินีนาถเอลิซาเบธอีกด้วย       ถ้าหากว่าเป็นพระญาติที่ชอบอยู่เงียบๆไม่ค่อยสุงสิงกับใครก็คงไม่มีอะไรให้เล่ามาก    แต่ลอร์ดหลุยส์ไม่ใช่คนอย่างนั้น
    เขานี่แหละเล็งเห็นการณ์ไกล พอจะชักนำให้เจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระธิดาและรัชทายาทของราชบัลลังก์ได้มีโอกาสได้พบปะกับเจ้าชายนักเรียนนายเรือหนุ่มน้อยชาวกรีก ผู้เป็นหลานชายแท้ๆของเขาเอง  ในโอกาสทางการครั้งหนึ่ง  เมื่อเจ้าหญิงมีพระชันษาได้ 13 เท่านั้นเอง   
    ในตอนแรกเจ้าชายก็ไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย     ไม่ได้สนใจพระราชวงศ์อังกฤษหรือราชอาณาจักรอังกฤษ   เรียนจบจากร.ร.นายเรือก็ตั้งใจจะรับราชการในราชนาวีของกรีซ ตามที่ควรเป็น    ลอร์ดหลุยส์ก็หว่านล้อมชักจูงผ่านทางพระญาติผู้ใหญ่ของเจ้าชาย   ให้ย้ายมารับราชการในอังกฤษจนได้ในที่สุด
    เมื่อเข้าเป้าหมายของเขา ทางนี้  เจ้าหญิงเอลิซาเบธเจริญพระชนม์ขึ้นเป็นสาวเต็มตัว ก็ได้พบนักเรียนนายเรือหนุ่มรูปหล่อนั้นอีกครั้ง      เจ้านายสตรีของอังกฤษใช่ว่าจะเลือกคู่หมั้นคู่หมายได้ตามใจชอบ   ยิ่งเป็นระดับพระธิดาด้วยแล้ว ยิ่งต้องเลือกเฟ้นกันหนักเข้าไปอีก     เจ้าหญิงก็ทรงทราบดีในข้อนี้
    เมื่อทรงพบนายทหารเรือหนุ่ม สง่างาม และเป็นเจ้าชายคนเดิมที่เคยพบเมื่อหลายปีก่อน   ศรกามเทพก็ปักพระทัยทันที    เพราะนอกจากจะถูกพระทัยแล้ว ยังทรงตระหนักดีถึงความเป็นกิ่งทองใบหยกระหว่างกัน
   ลอร์ดหลุยส์ผู้ร้องเพลง "สมหวังนะครับ" รอมาหลายปี  ก็สมหวังตามเพลง


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.ค. 16, 20:11
   บทบาทของลอร์ดหลุยส์ไม่ได้จบลงแค่นั้น    นอกจากเป็นพระญาติผู้ใหญ่ที่สนิทที่สุดของเจ้าชายฟิลลิปในอังกฤษ   เขายังเผื่อแผ่ความสนิทสนมในฐานะคุณปู่ใจดี ไปให้เจ้าชายชาร์ลส์องค์น้อยด้วย
   อย่างที่เคยเล่าไว้ในกระทู้เก่าว่า เจ้านายน้อยๆอังกฤษไม่ค่อยจะมีโอกาสคลุกคลีใกล้ชิดกับพระบิดามารดานัก ตามธรรมเนียมเข้มงวดของราชสำนัก   สู้ลูกชาวบ้านที่ขี่คอพ่อ หรือจูงมือแม่ไปตลาดด้วยกันไม่ได้      ชาร์ลส์น้อยจึงเติบโตมาอย่างว้าเหว่กว่าลูกชาวบ้าน   ในที่สุดก็หันเข้าหาปู่น้อยผู้ชอบเล่นกับเด็ก  เพราะเข้ากันได้ง่ายกว่า
    ลอร์ดหลุยส์เป็นพ่อที่อ่อนโยนกับลูกสาว  จนลูกสาวรักพ่อมากกว่าแม่หลายเท่า     นอกจากนี้ มีข่าวไม่ยืนยันว่ารสนิยมท่านลอร์ดยังชอบเด็กชายรุ่นๆอยู่มาก    จริงไม่จริงไม่รู้ ขาเม้า์ซุบซิบกันมาอีกที   เราจึงพอจะลากความเข้าไปได้ว่า เมื่อเขาเคยชินกับเด็กๆผู้ชายมาก่อน  เขาก็คงจะชอบเล่นกับหลานชาย แทนลูกชายซึ่งเขาไม่มี 
   จึงปรากฏว่า ลอร์ดหลุยส์เป็นที่รักและสนิทชิดใกล้กับเจ้าชายมากที่สุดในบรรดาญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชายทั้งหมด    อยู่ในฐานะพระอภิบาลมาตั้งแต่เด็กจนโตเป็นหนุ่ม
   รูปข้างล่างนี้ ลอร์ดหลุยส์และเอ็ดวิน่า ถ่ายกับเจ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงแอนระหว่างไปพักตากอากาศกันที่มอลต้า


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 27 ก.ค. 16, 10:30
พออ่านมาถึงตอนนี้ ถึงบางอ้อ เลยเจ้าค่ะท่านครูว่าทำไม เจ้าฟ้าชายชาร์ล ถึงมีรสนิยมเช่นนี้เพราะว่ามีคุณปู่ลอร์ดหลุยส์เป็นผู้เลี้ยงดูตั้งแต่เล็กๆนั่นเองแถมยังมีเชื้อสายของลอร์ดหลุยส์อยู่ในสายเลือดด้วยได้ทั้ง หญิงและชาย


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.ค. 16, 21:44
    ในเมื่อเป็นพ่อสื่อชักนำพ่อกับแม่มาสู่ประตูวิวาห์กันได้ผลแล้ว   ลอร์ดหลุยส์จะเว้นลูกชายซะก็คงเป็นเรื่องแปลก   ไหนๆก็ฟูมฟักดูแลกันมาตั้งแต่เล็กจนโตเป็นหนุ่ม     ลอร์ดหลุยส์จึงทำหน้าที่ที่ปรึกษาให้เจ้าชายชาร์ลส์ทุกอย่าง   ไม่ว่าจะส่วนตัวขนาดไหนก็แนะนำกันได้หมดเปลือก
    คุณปู่แนะนำองค์ชายหลานว่า  ในวัยหนุ่มนั้น  เชิญใช้ชีวิตเสเพลบอยให้สุดฤทธิ์สุดเดช    เพราะยังไงวันหนึ่งก็ต้องเลิกเด็ดขาดเมื่อถึงวัยที่ต้องมีเมียมีลูก  ลงหลักปักฐานเป็นเรื่องเป็นราว      คุณปู่รู้ดีว่าหลานชายจะขยับตัวไปทางไหนก็เป็นข่าว  จะเดินเข้าบ้านสาวคนไหน หรือไปหาความสำราญตามประสาผู้ชายยังไง  ก็ต้องมีภาพมีข่าวอื้อฉาวไปทั่วประเทศ     คุณปู่จึงหา "เซฟเฮ้าส์" ไว้ให้หลานเสร็จสรรพ   ที่นั่นก็ไม่ใช่ที่ไหนอื่น คือบ้านของคุณปู่นั่นเอง
      มันแสนจะธรรมดาที่เจ้าชายจะไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่สนิทสนมกันเป็นประจำ      สื่อไหนจะสงสัยว่าเจ้าชายชาร์ลส์เสด็จไปเยี่ยมบุรุษตระกูลสูงน่าเคารพทุกกระเบียดนิ้ว เพื่อสำเริงสำราญตามประสาเพลย์บอยอยู่ในบ้านนั้น     


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ก.ค. 16, 21:50
      ขั้นต่อไปของลอร์ดหลุยส์ ก็คือหาเจ้าสาวที่เหมาะสมให้เจ้าชายชาร์ลส์      สายตาพ่อสื่อใหญ่ก็มาดหมายไปที่สาวน้อยมีนามว่า อแมนด้า แนชบูล
      อแมนด้าเป็นใคร
      เธอเป็นธิดาของขุนนางระดับไม่ค่อยสูงนักคนหนึ่ง มีชื่อว่าจอห์น แนชบูล  มีบรรดาศักดิ์เป็นบารอนเบรบอร์น ซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์ล่างสุดของขุนนางสืบตระกูล        แต่นั่นไม่เท่าไหร่  ที่สำคัญก็คือมารดาเธอมีนามว่าเลดี้แพทริเชีย เป็นเคานเตสเมาท์แบตเตน   สืบตำแหน่งจากบิดา
      พูดง่ายๆว่า สาวน้อยอแมนด้าเป็นหลานตาของลอร์ดหลุยส์   เกิดจากธิดาคนโตของเขา
  
      ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน    ในอดีต เขาได้เป็นท่่านน้าของพระสวามีของพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักร     ปัจจุบันได้เป็นท่านปู่น้อยของกษัตริย์อังกฤษในอนาคต   และในอนาคต เขาก็จะได้เป็นทวดแท้ๆของกษัตริย์อังกฤษองค์น้อยในลำดับต่อไป ผู้ซึ่งจะถือกำเนิดจากพระมารดาผู้เป็นหลานตาของเขา


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ค. 16, 09:17
      เจ้าชายชาร์ลส์ มีชาย 2 คนที่เป็นเข็มทิศชีวิต     คนหนึ่งคือเจ้าชายฟิลลิปพระบิดา  ผู้ทำหน้าที่อบรมลูกชายอย่างเต็มความสามารถ  ถือว่าชาร์ลส์ไม่ได้เป็นเพียงลูกชายคนโตของครอบครัว แต่จะต้องทำหน้าที่กษัตริย์อังกฤษต่อไปในอนาคต   เป็นภาระหนักหนาสาหัสที่พ่อต้องเตรียมความพร้อมไว้ให้ตั้งแต่เด็ก    
     เจ้าชายฟิลลิปถือกำเนิดมาคนละแบบกับพระโอรส คือเป็นเจ้าชายสูงศักดิ์แต่ไร้ทรัพย์ศฤงคาร   ต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิตด้วยตัวเองเหมือนสามัญชนคนหนึ่ง   รับราชการทหารก็เป็นนายทหารธรรมดา ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆเหนือกว่าลูกชาวบ้าน  ทั้งหมดนี้หล่อหลอมให้เจ้าชายกลายเป็นคนแข็งแกร่ง  อดทน รู้อะไรควรมิควร  รอบคอบแต่เด็ดเดี่ยว    พอเจ้าชายชาร์ลส์โตขึ้นหน่อย    เจ้าชายฟิลลิปส่งชาร์ลส์ไปเข้าร.ร.ประจำกอร์ดอนสตูนซึ่งขึ้นชื่อเรื่องโหดและเข้มงวด   อยู่ถึงสก๊อตแลนด์   ไกลลิบลับจากราชสำนัก    เพื่อให้ชาร์ลส์รู้จักใช้ชีวิตอดทนอย่างสามัญชน เป็นเครื่องหล่อหลอมให้แข็งแกร่งอย่างพ่อ
     แต่เจ้าชายชาร์ลส์เป็นผู้ชายคนละแบบกับพ่อ    เล่าไว้ในกระทู้เก่าว่าชาร์ลส์กับเจ้าหญิงแอนน้องสาวน่าจะกลับเพศกัน  แอนเป็นเด็กหญิงหัวแข็ง ใจเด็ด เป็นตัวของตัวเอง    ส่วนชาร์ลส์เป็นเด็กชายหัวอ่อน  ชอบความอ่อนหวาน ปลอบโยน พะเน้าพนอเอาใจ  ต้องตามใจไว้ก่อนแล้วจะให้ทำอะไรก็ทำ
     ชาร์ลส์เกลียดร.ร.กอร์ดอนสตูนเข้าไส้   เกลียดที่เจอรุ่นพี่โหดๆรับน้อง   เกลียดการอยู่ไกลราชสำนัก   ไม่เคยมีความสุขเลยที่อยู่ที่นั่น ก็อดทนฝืนใจเรียนจนจบ  พอจบแล้วไม่เหลียวแลโรงเรียนอีกเลย  กลับมาใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองชอบอยู่ในลอนดอนในวัยที่เป็นหนุ่มเต็มที่


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ค. 16, 09:20
หน้าตาของร.ร.กอร์ดอนสตูนค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ค. 16, 09:29
    ผู้ชายคนที่สองที่เป็นเข็มทิศตัวจริงของเจ้าชายชาร์ลส์ก็คือท่านปู่ผู้รู้ใจหลานดีกว่าพ่อ        ลอร์ดหลุยส์เป็นที่ปรึกษาของเจ้าชายได้ทุกเรื่อง   เพราะเขารู้วิธีว่าจะประคับประคองชาร์ลส์ด้วยวิธีไหน    แทนที่จะใช้วิธีหักหาญให้แข็งแกร่งหรือเตือนสติให้รู้คิดอย่างที่เจ้าชายฟิลลิปทำ      ลอร์ดหลุยส์ก็ตามใจเอาไว้ก่อน
   หลานอยากคบผู้หญิงหรือ คบไปไม่ว่า  ปู่ช่วยให้สำเริงสำราญเต็มที่     แต่วันหนึ่งเมื่อแต่งงาน ต้องแต่งกับผู้หญิงดีๆนะ  ไม่ใช่บรรดานังแร่ดๆอะไรต่อมิอะไรที่ควงกันไปมาก่อนหน้านี้   เพราะผู้หญิงที่จะมาเป็นราชินีของอังกฤษต้องเชื้อสายดี และที่สำคัญไม่มีประวัติด่างพร้อยให้สื่อขุดคุ้ยได้  มันเสื่อมเสียถึงหลานรู้ไหม     เอางี้  ไม่ต้องวิตกว่าหลานจะควานหาผู้หญิงดีที่ไหนถึงจะเจอ    ปู่เตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ    ทำตามนี้ละแล้วชีวิตหลานจะเลิศเลอเพอร์เฝ็ค 
   เจ้าชายชาร์ลส์ก็....ครับ  ท่านปู่

   ใช่ค่ะ  เจ้าชายก็เห็นดีเห็นงามกับลอร์ดหลุยส์    ตกลงจะแต่งงานกับสาวน้อยอแมนด้าแต่โดยดี


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 28 ก.ค. 16, 11:24
แล้วในวิมานของคุณปู่ลอร์ดหลุยส์จ้าฟ้าชายชาร์ลมีพาหนุ่มๆมามั่งมั้ยคะท่านครู


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ค. 16, 11:56
ต้องรอจนท้ายกระทู้ค่ะ   กินอาหารให้อร่อยต้องใจเย็นๆ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 28 ก.ค. 16, 18:31
     เจ้าชายชาร์ลส์เห็นดีเห็นงามกับท่านปู่ (ซึ่งอาจจะเป็นฝีมือท่านปู่ด้วยที่ลุ้นสุดตัว)  ส่งผลให้เจ้าชายไปเจรจาทาบทามเรื่องนี้กับเลดี้แพทริเชีย แม่ของอแมนด้า  แทนที่จะไปจีบสาวน้อยก่อนตามขั้นตอน      ตัวคุณแม่เองเมื่อเจอรัชทายาทอังกฤษมาไม้นี้ จะขัดข้องก็กระไรอยู่  จึงไม่ปฏิเสธ   แต่ยังไม่อยากตกลงในทันทีทันควัน  เพราะตอนนั้นสาวน้อยอแมนด้ายังไม่เต็ม 17 ปีด้วยซ้ำไป
     เรื่องนี้ เจ้าชายชาร์ลส์ทรงรอได้ ไม่ว่ากัน    เพราะในวัยแค่ 25  เจ้าชายก็ยังไม่อยากสละโสดอยู่แล้ว
     ระหว่างที่รออแมนด้าเจริญวัยเป็นสาวขึ้นมา     เจ้าชายชาร์ลส์ก็ทรงใช้ชีวิตกับสาวๆมากหน้าหลายตาไปเรื่อยๆ  ดำรงภาพหนุ่มเนื้อหอมที่สุดในอังกฤษเอาไว้  

     ตัดฉากมายังอีกด้านหนึ่งของอังกฤษ
      สหราชอาณาจักรในยุค 1970s  มีปัญหาการเมืองยืดเยื้อเรื้อรังอยู่เรื่องหนึ่งคือเรื่อง IRA (Irish Republican Army) ได้แก่ขบวนการปลดแอกไอร์แลนด์เหนือ    พวกนี้เป็นชนกลุ่มน้อยชาวไอริชที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกในไอร์แลนด์เหนือ   ไอร์แลนด์ส่วนนี้ถูกผนวกเข้ามาอยู่ในการปกครองของอังกฤษ    ทำให้เกิดความขัดแย้งคุกรุ่นกันเรื่อยมาในกลุ่มชาวไอริชและอังกฤษ
    น้ำมันที่ราดลงในกองไฟคือศาสนา  เพราะคนไอริชส่วนใหญ่เป็นคาทอลิค  ส่วนคนอังกฤษเป็นโปรแตสแตนท์  ก็กระทบกระทั่งกันมาเรื่อย
    ขบวนการ IRA ใช้วิธีรุนแรง เช่นลอบสังหาร ปล้นธนาคาร วางระเบิด  กดดันรัฐบาลอังกฤษให้ปล่อยมือไอร์แลนด์เหนือให้ได้


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ค. 16, 09:26
    กลับมาถึงลอร์ดหลุยส์
    ท่านลอร์ดมีปราสาทสำหรับพักตากอากาศอยู่หลังหนึ่ง  ค่ะ   เป็นปราสาทจริงๆหลังเบ้อเริ่ม ชื่อปราสาทคลาสซี่บอน อยู่ในหมู่บ้านมัลลามอร์ ในไอร์แลนด์เหนือ  เป็นมรดกตกทอดมาจากเอ็ดวิน่าซึ่งได้รับมาจากบิดาของเธออีกที     หลังจากได้ครอบครอง ท่านลอร์ดก็ตกแต่งปราสาทเสียหรูหรา ติดตั้งไฟฟ้าและประปาให้ความสะดวกสบาย
     เขาชอบไปพักร้อนที่นั่นในฤดูร้อน  โดยไม่แยแสว่าหมู่บ้านนั้นมันอยู่ใกล้เขตแดนของพวก IRA  ทั้งๆที่หน่วยข่าวกรองและฝายรักษาความปลอดภัยก็เตือนแล้วเตือนอีก
    นอกจากนี้ท่านลอร์ดวัย 79  ยังไม่ใช้ทหารองครักษ์ของทางการดูแลความปลอดภัย   มีแต่บอดี้การ์ดส่วนตัวซึ่งก็ทำอะไรมากไม่ได้   เพราะนายชอบหลบแวบออกไปตามลำพัง   เพื่อไปเยี่ยมเยียนเด็กชายวัยเอ๊าะๆ แถวนั้น  ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าท่านเมตตาเอ็นดูเป็นพิเศษ  
    ท่านและบอดี้การ์ดมิได้เฉลียวใจเลยว่า หนึ่งในเด็กพวกนี้ทำงานให้กับ IRA  คอยสอดแนมความเคลื่อนไหวของท่าน

    ในฤดูร้อนปี 1979  ท่านลอร์ดไปพักตากอากาศตามเคย พร้อมด้วยครอบครัวของลูกสาวคนโต  คือลอร์ดเบรบอนและเลดี้แพทริเชีย  กับลูกๆ   และมีมารดาของลูกเขยชื่อเลดี้เบรบอนวัย 83 ปี พ่วงไปอีกคนหนึ่ง  
    ท่านลอร์ดมีเรือตกปลาขนาด 30 ฟุตอยู่ลำหนึ่ง  สำหรับออกไปตกกุ้งล็อบสเตอร์และปลาทูน่า  วันที่เกิดเหตุคือ 27 สิงหาคม 1979   เขาก็ชวนญาติทั้งหมดนี้ลงเรือไปเที่ยวด้วยกัน
  
    ภาพข้างล่าง ปราสาทคลาสซี่บอน   ค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 29 ก.ค. 16, 11:15
 :o :o :o ท่านครูเจ้าขาตัดจบดื้อๆเลยนะเจ้าคะ  :'( :'( :'(


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 29 ก.ค. 16, 14:37
รออ่านอย่างใจจดใจจ่อค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ค. 16, 16:23
      ในคืนก่อนที่ลอร์ดหลุยส์จะออกเรือพาญาติไปล่องทะเล     ผู้ก่อการร้ายของ IRA  ชื่อโธมัส แม็คมอน ลอบเข้าไปที่เรือซึ่งไม่มียามเฝ้า  ผูกระเบิดที่บังคับด้วยสัญญาณวิทยุ หนัก 50 ปอนด์เข้ากับเรือ      วันรุ่งขึ้นเมื่อเหยื่อลงเรือไปได้ไม่กี่ร้อยหลา  เรือก็ระเบิดตูมขึ้น
      ผลจากระเบิด  ลอร์ดหลุยส์ขาเกือบขาดทั้งสองข้าง ยังมีลมหายใจอยู่เมื่อชาวประมงใกล้ๆกันนั้นช่วยขึ้นมาจากน้ำ  แต่ไปเสียชีวิตก่อนกลับถึงฝั่ง   ผู้เคราะห์ร้ายอีกสองคนคือหนึ่งในหลานชายฝาแฝดของเขา และ เลดี้เบรบอนแม่ของลูกเขย  เสียชีวิตเช่นกัน  คนอื่นๆได้รับบาดเจ็บสาหัส  หลานชายคู่แฝดอีกคนเสียนัยน์ตาไปข้างหนึ่ง
      โศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องสาหัสสากรรจ์ จนทำให้อแมนด้าหมดความอยากเป็นสะใภ้พระราชวงศ์     เมื่อเจ้าชายชาร์ลส์ขอเธอแต่งงาน  เธอก็ปฏิเสธ      หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอไปเป็นนักสังคมสงเคราะห์  เป็นผู้อำนวยการในองค์กร NGO หลายแห่ง  สมรสกับสามัญชน มีบุตร 3 คน  มีความสุขตามอัตภาพ ไม่มาเกี่ยวข้องกับราชสำนักอีก
      ส่วนเจ้าชายชาร์ลส์ เมื่อขาดท่านปู่เสียแล้วก็เหมือนเรือขาดหางเสือ     อายุมากขึ้นทุกทีใกล้จะ 30  ทำให้เจ้าชายต้องเข้าสู่ประตูวิวาห์ทั้งๆไม่ได้เต็มใจ     ผลจากเลือกเลดี้ไดอาน่า สเปนเซอร์ซึ่งเป็นสาวสวยตระกูลดีประวัติไม่ด่างพร้อยวัย 19   เป็นอย่างไร ท่านผู้อ่านเรือนไทยก็รู้กันทุกคน  จึงไม่ต้องมาเล่าซ้ำอีกนะคะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ก.ค. 16, 16:24
เจ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงแอน ในพิธีศพของลอร์ดหลุยส์ เมาท์แบตเตน  ความเศร้าโศกของชาร์ลส์เป็นที่ประจักษ์ชัด


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ก.ค. 16, 11:20
เอาภาพแห่งความหลังมาลงคั่นเวลาอีกครั้ง    นักเรียนหายหมดแล้ว
สังเกตรอยยิ้มของชาร์ลส์ ดูไม่เต็มที่เลยนะคะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ก.ค. 16, 11:21
ต่อไป ก็เอารูปนี้มาเสิฟก่อนค่ะ   เรื่องเอาไว้ทีหลัง


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Molly ที่ 31 ก.ค. 16, 13:18
Molly ยังนั่งหลังตรง ตาแป๋ว และติดตามอย่างใจจดใจจ่อค่ะท่านอาจารย์

ปล. เคยดูที่ยูทูปเขาคัดบทสัมภาษณ์เจ้าฟ้าชายชาร์ลและเจ้าหญิงไดอาน่าช่วงหนึ่ง ผู้สัมภาษณ์ถามอะไรสักอย่างเกี่ยวกับความรัก (จำไม่ได้หมดค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ) แล้วเจ้าหญิงตอบทันทีว่า แน่นอน แต่เจ้าชายตอบว่า รักเหรอ รักคืออะไร ประมาณนั้น สามีเลยฟันธงจากคำตอบนั้นว่าเจ้าชายไม่ได้รัก ... นึกแล้วยังเศร้า (ได้อีก) 


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 ก.ค. 16, 13:37
    กาลเวลาก็พิสูจน์แล้วละค่ะ  ว่าชีวิตอย่างเทพนิยาย มีแต่ในเทพนิยายเท่านั้น 
    ต่อให้พยายามจะสร้างภาพขึ้นมาให้ได้ยังไงก็เถอะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 31 ก.ค. 16, 14:54
 :'( :'( :'( สงสารเลดี้ไดอาน่า มากๆๆๆๆๆเลยเจ้าค่ะแต่ก็คงเป็นกรรมของเลดี้ที่ต้องมาจบชีวิตแบบนี้


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ส.ค. 16, 21:39
ดิฉันไม่เห็นว่าไดอาน่าทำอะไรผิด     เธอเข้ามาอยู่ในราชวงศ์ก็เพราะเจ้าชายไปขอแต่งงานกับเธอเอง   เมื่อเข้ามาแล้ว  เธอก็ทำหน้าที่ของเธออย่างดีที่สุด จนเป็นที่รักของประชาชนทั้งอังกฤษ และทั่วโลก     แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อคนเดียวที่ไม่ได้รักเธอ ก็คือเจ้าชายของเธอเอง 

พักเจ้าชายชาร์ลส์เอาไว้ก่อน   มาเล่าถึงตัวเอกคนใหม่ของเราในกระทู้นี้ นะคะ
หนุ่มที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ข้างไดอาน่า มีนามว่าจอร์ช แอนโธนี สมิธ     นายคนนี้เริ่มอาชีพเป็นทหารผู้น้อยมาก่อน  ก่อนจะสมัครเข้ามาเป็นมหาดเล็กรับใช้ในราชสำนักอังกฤษ เมื่อปี 1986  ในตำแหน่ง footman 
คำนี้ ภาษาไทยไม่มีคำแปลตรงตัวเป๊ะๆ   ต้องกล้อมแกล้มเรียกไปว่า "คนรับใช้" ไปก่อน   ถ้าเป็นสมัยโบราณของไทยเรียกว่า "ทนาย"   
ฟูตแมนมีอยู่ทั้งตามบ้านผู้ลากมากดีของสหราชอาณาจักร  และในราชสำนัก      และต้องเป็นเพศชายเท่านั้น    ถ้าผู้หญิงเรียกว่า maid
ในศตวรรษก่อนๆ   คนที่เป็นฟูตแมนจะต้องเป็นชายหนุ่มหน้าตาหมดจด   ร่างกายแข็งแรงสมส่วน   ขายาวตรง  เพื่อให้สวมเครื่องแบบออกมาดูดี  เป็นหน้าเป็นตาสำหรับนายด้วยในตัว    เพราะถ้าฟูตแมนอ้วนเผละหรือตัวผอมกะหร่อง มันก็จะขายหน้าถึงนายด้วยว่าเอาคนประเภทไหนมา     และที่ร้ายก็คือฟูตแมนจะต้องเป็นโสด   เพราะอาชีพการงานเขาต้องประจำอยู่ในบ้านนาย   รับใช้นาย   เรียกได้ตลอด 24 ช.ม.   ถ้ามีลูกมีเมีย   ก็จะทำแบบนี้ไม่ได้
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1   อาชีพคนรับใช้ประจำบ้านผู้ลากมากดีเริ่มหายไปจากวงสังคม   เพราะท่านๆทั้งหลายเริ่มไม่มีเงินทองจะจ้างคนรับใช้ได้มากมายเป็นกองทัพเหมือนเมื่อก่อน      คนมีการศึกษามากขึ้นก็หันไปหาอาชีพอื่นที่รายได้ดีกว่านี้     มาถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อาชีพนี้ก็เกือบจะสาบสูญไป อาจมีให้เห็นบ้างในโรงแรมหรูหราแบบเก่า และอีกที่หนึ่งคือ ยังมีให้เห็นในราชสำนักอยู่จนทุกวันนี้

ภาพนี้สะท้อนหน้าที่การงานของฟูตแมน แบบโบราณ คือติดตามนายไปด้วย  เวลานายไปไหนมาไหน     แต่ไม่มีสิทธิ์นั่ง ต้องยืนหลังรถ  พอรถจอดก็โดดลงมาเปิดประตูให้นาย


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ส.ค. 16, 21:42
ภาพนี้คือฟูตแมนสวมเครื่องแบบปัจจุบัน กับเครื่องแบบยุคโบราณ ขอให้สังเกตว่าเครื่องแต่งกายโบราณนั้นนุ่งกางเกงแนบเนื้อ    ต้องโชว์ขา  ฟูตแมนยุคนั้นต้องขาสวยจึงจะได้รับคัดเลือก


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ส.ค. 16, 18:44
    เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ด้วยดี   จอร์ช สมิธจึงได้เลื่อนจากฟูตแมนขึ้นเป็นวาเล่ต์ (valet)  คำนี้ก็ต้องอธิบายกันยาวเหมือนกัน   ถ้าเทียบกับสยามโบราณก็ใกล้ๆกับ "ทนายหน้าหอ"
     วาเล่ต์คือชายรับใช้ประจำตัวนายผู้ชายของบ้าน  ถ้านายมีลูกชาย และตระกูลนั้นสูงส่งร่ำรวยพอ  นายผู้ชายทุกคนก็จะมีวาเล่ต์ของตัวเอง   ทำหน้าที่จัดเสื้อผ้าให้นาย ในโอกาสต่างๆ ไม่ว่างานราตรีสโมสร  งานปาร์ตี้  งานศพ งานอะไรต่อมิอะไรที่ต้องแต่งกายกันคนละแบบ     ยกอาหารเช้าไปให้กินในห้องนอน   จัดห้องหับส่วนตัวให้เรียบร้อย หรือจะให้นายใช้สอยทำธุระปะปังเล็กๆน้อยๆก็ได้ทั้งหมด  ถ้านายไปพักร้อน ยิงนกตกปลา ตามแบบกีฬาของลูกผู้ดี วาเล่ต์ก็คอยติดตามไปทำความสะอาดปืนและบรรจุกระสุนให้  สรุปว่าวาเล่ต์จะต้องใกล้ชิดนายผู้ชาย ทำธุระให้เกือบทุกเรื่องตั้งแต่นายตื่นไปจนหลับ   แต่วาเล่ต์ก็แต่งงานมีชีวิตส่วนตัวได้
    ชื่อเรียกอีกชื่อของวาเล่ต์ที่รู้จักกันคือ gentleman's gentleman    บางทีก็เรียกว่า butler    แต่บัทเลอร์บางทีก็มีขอบเขตกว้างกว่า  หมายถึงหัวหน้าคนรับใช้ชายในคฤหาสน์ในยุคที่้เศรษฐีผู้ดีมีเงินยังใช้คนใช้กันเป็นกองทัพ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 03 ส.ค. 16, 19:28
ท่านครูเจ้าขาเคยมีกรณีวัลเลต์กับนายผู้ชายปิ๊งปั๊งกันมั้ยเจ้าคะ :-[ :-[ :-[ :-[


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ส.ค. 16, 19:42
เด็กใจร้อน    ไปคาบไม้บรรทัดหลังห้องไป๊   แต่ลดโทษให้  ไม่ต้องกางแขนนะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ส.ค. 16, 20:09
   จอร์ชทำงานอยู่หลายปี  จนถึงทศวรรษที่ 1990s  งานในหน้าที่ก็บกพร่อง ทำงานผิดพลาดเป็นประจำ คุณภาพลดฮวบๆลงอย่างรวดเร็ว   จอร์ชยอมรับว่ามันเป็นผลจากเขาติดเหล้าเมาหัวราน้ำ   ปี 1995 ชีวิตสมรสก็พังพินาศ   เขากลายเป็นโรคซึมเศร้า ตามมาด้วยอาการทางประสาท    nervous breakdown  (ข้อนี้ต้องถามคุณหมอในเรือนไทย ว่าศัพท์บัญญัติคืออะไรคะ)
   เจ้าหน้าที่ในกองราชเลขานุการของเจ้าชายชาร์ลส์ ชื่อเอลิซาเบธ เบอร์เจส เป็นคนพาจอร์ชไปพักฟื้นสุขภาพจิตที่บ้านพักหลังหนึ่งในบริเวณตำหนักส่วนพระองค์ของเจ้าชาย ชื่อตำหนักไฮโกรฟ    ระหว่างพักฟื้นอยู่ที่นั้น  จอร์ชก็เล่าให้เธอฟังว่า หลายปีก่อนหน้านี้  เขาตกเป็นเหยื่อข่มขืนของมหาดเล็กอีกคนหนึ่งชื่อไมเคิล ฟอว์เซ็ตต์  ซึ่งบัดนี้ก็เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นข้าราชบริพารคนสนิทของเจ้าชายชาร์ลส์

ข้างล่างนี้คือภาพของไมเคิล ฟอว์เซ็ตต์


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ส.ค. 16, 20:10
อีกภาพหนึ่ง


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 03 ส.ค. 16, 21:49
 :'( :'( :'( :'( อีกแล้วหรือเจ้าคะคุณพี่ประกอบช่วยน้องด้วย ไม่ถามแล้วแล้วเจ้าค่ะยกโทษให้ด้วยนะเจ้าคะ :'( :'( :'( :'(


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ส.ค. 16, 11:14
   ไมเคิล ฟอว์เซ็ตต์เป็นใคร
   เขาก็เป็นมหาดเล็กชั้นผู้น้อย  เริ่มต้นแบบเดียวกับจอร์ช สมิธ คือเป็นฟูตแมนมาก่อน    แล้วก็เลื่อนระดับขึ้นไปเรื่อยๆจนเป็นวาเล่ต์อาวุโส ประจำพระองค์เจ้าชายชาร์ลส์   เรียกว่ารู้ตื้นลึกหนาบางทุกอย่างตามประสาคนรับใช้ใกล้ชิด  ด้านส่วนตัว  เขาแต่งงานกับหญิงรับใช้ในราชสำนัก มีลูก 2 คน   โดยทั่วไปแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติ 
   เขาทำงานจนเป็นที่ไว้วางพระทัยใกล้ชิดของเจ้าชายชาร์ลส์    ทรงโปรดปรานเขามาก  ตรงกันข้ามกับบรรดามหาดเล็กพนักงานในราชสำนักที่ไม่มีใครชอบเขาเลย     ลงความเห็นว่าเชาเป็นคนเข้มงวด และชอบข่มเหงพนักงานชั้นผู้น้อย    แต่ก็ไม่มีใครหือขึ้น เพราะรู้ว่าเจ้านายโปรดเขามาก     ดีไม่ดีภัยจะมาถึงตัวคนที่โวยวายขึ้นมาก

    จอร์ช สมิธ เป็นคนเดียวในราชสำนักที่เปิดเผยออกมาว่า  ครั้งหนึ่งเมื่อยกอาหารเช้าไปให้เจ้าชายชาร์ลส์ เพื่อเสวยบนเตียงในห้องบรรทม
    เขาพบไมเคิลอยู่ในห้องนั้น   แต่ไม่ได้ทำหน้าที่วาเล่ต์อย่างธรรมดา    นายคนนี้อยู่บนเตียงกับเจ้าชาย
    จอร์ชไม่ได้เล่าแบบกระซิบกระซาบ แล้วห้ามบอกใคร   แต่ว่านำเรื่องนี้ไปเล่าถวายเจ้าหญิงไดอาน่าซึ่งกำลังทำศึกอย่างหนักกับพระสวามี   ไดอาน่าอัดคำบอกเล่าลงเทปไว้    เทปนี้เองได้กลายมาเป็นหลักฐานหนึ่งที่เพิ่มเงื่อนงำสับสนให้กับการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิง


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: sirinawadee ที่ 04 ส.ค. 16, 13:08
รออย่างกระวนกระวาย แต่ก็ไม่กล้าเร่ง กลัวโดนตีจุง


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 04 ส.ค. 16, 13:18
มาติดตามค่ะ แอบอ่านไปเรื่อยๆนานแล้ว ถึงจุดจุดนี้ต้องมาแสดงตัวแล้วค่ะ เพราะเรื่องเข้มข้นมากๆ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: walai ที่ 05 ส.ค. 16, 08:42
ติดตามอย่างตื่นเต้นมาตลอดค่ะ



กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 05 ส.ค. 16, 12:34
:'( :'( :'( :'( อีกแล้วหรือเจ้าคะคุณพี่ประกอบช่วยน้องด้วย ไม่ถามแล้วแล้วเจ้าค่ะยกโทษให้ด้วยนะเจ้าคะ :'( :'( :'( :'(

ฮึ ไม่ช่วยอะไรทั้งนั้น  เชอะ >:(  >:(  >:(


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 06 ส.ค. 16, 08:55
สนุกมากครับคุณครู. พึ่งจะมาลงทะเบียนเรียนสาย. ขอไปนั่งหลังห้องนะครับ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ส.ค. 16, 09:05
ข้อหาของจอร์ช สมิธ ที่แจ้งตำรวจอย่างเป็นทางการ  มี 2 ข้อหา คือเขาถูกข่มขืนโดยไมเคิล ฟอว์เซ็ตต์ กับเขาเห็นเจ้าชายชาร์ลส์กับไมเคิลอยู่บนเตียงด้วยกัน   ทางกรมตำรวจก็สอบสวนตามระเบียบ
แต่ผลการสอบสวนออกมาว่า  เรื่องทั้งหมดไม่มีมูลความจริง     เชื่อว่าเป็นอาการประสาทของจอร์ชเอง เกิดจากพิษสุราเรื้อรัง  และความตึงเครียดจากเคยเป็นทหารไปสงครามฟอล์คแลนด์เมื่อหลายปีก่อนจะสมัครเข้ามาเป็นมหาดเล็ก    

ตำรวจไปได้พยานอีกคนหนึ่งเป็นอดีตมหาดเล็ก  ชื่อไซมอน โซลารี่   นายคนนี้หักล้างข้อกล่าวหาของจอร์ช โดยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า ตามหน้าที่ของจอร์ช  เขาไม่อยู่ในฐานะจะเห็นอะไรอย่างที่เขาอ้างว่าเห็นได้  เพราะหน้าที่ของจอร์ช ไม่ต้องไปเสิฟถึงห้องบรรทมของเจ้าชาย  หน้าที่รับใช้ในห้องบรรทมเป็นหน้าที่ของมหาดเล็กอาวุโสอย่างไมเคิล ฟอว์เซ็ตต์    และเจ้าชายเองก็ไม่เคยเสวยพระกระยาหารเช้าในห้องบรรทม
ส่วนราชเลขานุการของเจ้าชายชื่อเซอร์ไมเคิล พีท ก็ยืนยันไปในทำนองเดียวกันว่า เป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ    คนที่รู้จักเจ้าชายจะรู้ว่าท่านไม่มีวันเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ได้เป็นอันขาด


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ส.ค. 16, 09:06
นั่งข้างหน้าก็ได้ค่ะ คุณปากกานินี   เก้าอี้แถวหน้าว่าง เพราะเจ้าของเก้าอี้ไปยืนคาบไม้บรรทัดอยู่มุมห้อง


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ส.ค. 16, 10:22
    คำให้การของจอร์ชมีแต่ว่าเขามองเห็นเจ้าชายกับมหาดเล็ก นอนเคียงกัน อยู่ใต้ผ้าห่มเดียวกัน   แต่เขาไม่ได้ให้การว่าคนทั้งสองกำลังมีเซกส์กันอยู่     ทั้งหมดนี้ จอร์ชไม่มีพยานบุคคลที่ร่วมรู้เห็นเหตุการณ์    มีแต่น้องชายชื่อไบรอัน สมิธ ซึ่งถ่ายทอดคำบอกเล่าของพี่ชาย  ว่า
    " พี่จอร์ชบอกผมว่า คนทั้งสองไม่ได้มีกิจกรรมทางกายกันในตอนนั้น   แต่คุณก็คงไม่ต้องเป็นถึงขั้นศัลยแพทย์สมองหรอก ถึงจะคิดออกว่าเรื่องมันเป็นยังไง"
     ในเมื่อไม่มีพยานหลักฐานและพยานบุคคล  ข้อกล่าวหาของจอร์ชก็ตกไป   หนังสือพิมพ์ซันเดย์เทเลกราฟลงข่าวว่าจอร์ชขอถอนข้อกล่าวหา  แต่พอตีพิมพ์ จอร์ชก็ให้การปฏิเสธทันทีว่าเขาไม่ได้ถอน   ทั้งๆมีคนพยายามจะติดสินบนให้ถอน  ที่ไม่ถอน เพราะสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง
     
     จอร์ชถวายงานรับใช้เจ้าชายอยู่ถึง 11 ปี    เขาพ้นจากหน้าที่ในวังในปี 1997   ย้ายไปอยู่ที่เมืองนิวพอร์ต ในแคว้นเวลส์อย่างเงียบๆ   ข่าวเรื่องนี้ก็เงียบหายเป็นคลื่นกระทบฝั่งไป
     จอร์ชเสียชีวิตด้วยโรคอะไรไม่ทราบ   แหล่งข่าวใช้คำว่า unknown illness   เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม  ปี 2005  อายุ 44  ปี
     คำนี้เจอบ่อยเวลาอ่านประวัติคน    ความหมายแตกต่างกันไปตามบริบท    แปลตามตัวคือโรคอะไรไม่เป็นที่รู้กัน    บางทีก็ไม่ทราบจริงๆเช่นอยู่ๆก็ตายไปเฉยๆ  ถ้าไม่ชันสูตรศพก็ไม่รู้     บางทีก็ใช้ในกรณีว่า ลูกหลานผู้ป่วยไม่เปิดเผยกับสื่อว่าคนตายตายเพราะโรคอะไร  สื่อก็เลยแถลงไม่ได้    บางทีก็หมายถึงโรคร้ายแรงที่โดยมารยาทแล้วจะเกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียง หรือการเคลมประกัน ก็เลยไม่บอก
    ในเมื่อจอร์ชตายไปแล้ว    เรื่องของเขาก็กลายเป็นความลับที่ถูกกลบหายไปกับหลุมฝังศพของเขาเองค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ส.ค. 16, 11:17
     แม้ว่าจบเรื่องทางจอร์ชไปแล้ว ขาเม้าท์ทั้งหลายก็ยังไม่ยอมให้ปากว่าง     เพราะยังมีอีกคนหนึ่งที่มีอะไรให้พูดถึงอีกมาก
    คนนั้นคือไมเคิล ฟอว์เซ็ตต์
   
    ขอหยุดแค่นี้ก่อนค่ะ  เรียกเรตติ้ง กับเรียกแม่บัวกลับมานั่งแถวสอง  ท่าทางหนูบัวจะเมื่อยเต็มทีแล้ว


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ส.ค. 16, 13:03
     ถ้าพูดสำนวนไทยๆ  จอร์ช สมิธก็เป็นชายเคราะห์ร้ายผู้ "แพ้ภัยตัวเอง"  คือชีวิตวิบัติอยู่ฝ่ายเดียว  ในขณะที่คู่กรณี ไมเคิล ฟอว์เซ็ตต์ ยังอยู่ดีมีสุขอยู่ในราชสำนักเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น       เจ้าชายก็ยังโปรดปรานทนายหน้าหอคนนี้มาก  จนไมเคิลเป็นที่ยำเกรงของบรรดามหาดเล็กนางข้าหลวงทั่วไป
     เป็นที่รู้กันว่าไมเคิลรู้พระทัยเจ้าชายดีกว่าใครๆทั้งสิ้น เป็นที่ไว้วางพระทัยสูงสุด   แม้แต่คามิลล่าชายาลับของเจ้าชายซึ่งกลายมาเป็นชายาเปิดเผยก็ยังไม่รู้ใจมากเท่า     ตื้นลึกหนาบางทุกอย่างของเจ้านาย เขาก็รู้หมด  แต่ในเรื่องนี้ไมเคิลปิดปากสนิท  ไม่เคยให้สัมภาษณ์ หรือแม้แต่บอกกล่าวเล่าสิบให้เพื่อนฝูงฟัง
    จนกระทั่งถึงปี 2003 ราชเลขานุการของเจ้าชายชาร์ลส์คือเซอร์ไมเคิล พีทก็รวบรวมหลักฐานที่สืบเสาะมายาวนาน  ทำเรื่องร้องเรียนกล่าวหา ว่า  ไมเคิลได้ทำผิดร้ายแรงในหน้าที่ คือลักลอบนำของถวายในโอกาสต่างๆที่มีผู้คนถวายเจ้าชายชาร์ลส์  ออกไปขายโดยพลการ     เป็นเงินสดบ้าง หรือเป็นของแลกเปลี่ยนกับเฟอร์นิเจอร์ที่พระตำหนักส่วนพระองค์บ้าง   


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ส.ค. 16, 13:18
     เราก็คงจะนึกออกนะคะ  เวลาเสด็จงาน  เจ้านายมักได้รับของถวายที่ระลึก  จากประมุขประเทศอื่นบ้าง จากบริษัทห้างร้าน หรือจากประชาชนบ้าง   มีทั้งของมีค่าแพงลิบเรื่อยลงไปจนถึงช่อดอกไม้ธรรมดาๆ
    ของเหล่านี้ ถ้าถวายเป็นส่วนพระองค์ก็เป็นสมบัติส่วนพระองค์    สมเด็จพระราชินี เมื่อทรงได้รับของพวกนี้ มากมายเกินกว่าจะทรงใช้เอง ก็ทรงมอบให้พิพิธภัณฑ์ไปเป็นสมบัติสาธารณะ   ส่วนเจ้าชายนั้นคงจะเก็บของบางอย่างไว้  จึงปรากฏว่ามหาดเล็กประจำพระองค์ลักลอบเอาไปขายซะ  เช่นนาฬิกาโรเล็กซ์ราคาตั้ง 3500 ปอนด์ก็อยู่ในบัญชีหางว่าวยาวเป็นหาง
     บรรดามหาดเล็กนางข้าหลวงส่วนใหญ่  ต่างพากันขยาดหวาดเกรงไม่กล้าเป็นพยานเมื่อถูกเรียกมาให้การในคดีนี้     เพราะทุกคนกลัวว่าภัยจะมาถึงตัว ถ้าหากว่านายคนนี้หลุดรอดข้อหาไปได้     อย่างไรก็ตาม  หลักฐานของเซอร์ไมเคิล พีท คงแน่นปึ้ก   ข้าวของมีค่าเป็นจำนวนมากหายไปจริงๆ   โดยมหาดเล็กคนโปรดก็อธิบายไม่ได้ว่าหายไปได้ยังไง     เขาก็เลยตัดสินใจยื่นใบลาออก    พ้นจากหน้าที่ไปในปี 2003  


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ส.ค. 16, 13:19
     4 วันต่อมา  นายไมเคิลผู้หนังเหนียว คงกระพันชาตรียิ่งกว่าพกยันตร์หลวงพ่อโกย    ก็คืนกลับสู่ราชสำนักเจ้าชายชาร์ลส์อย่างหน้าตาเฉย   เจ้าชายไม่ได้รับเขากลับเข้าทำงานในหน้าที่เดิม  เพราะทำไม่ได้อยู่แล้ว    แต่ทรงมอบงานใหม่ให้เขาทำ คือเป็นออแกนไนเซอร์จัดงานส่วนพระองค์เกี่ยวกับงานกุศลต่างๆ  ซึ่งยังทำมาจนทุกวันนี้   
     ส่วนเด็บบี้ภรรยาเขาก็ได้รับตำแหน่งผู้ดูแลภาพสีน้ำที่เจ้าชายทรงวาด  นำออกขายหรือประมูลขายให้ผู้สนใจ ทำเงินได้ถึงปีละ 4 ล้านปอนด์    นอกจากนี้ยังทำหน้าที่จัดหาซื้อของขวัญวันเกิดและของขวัญคริสต์มาสให้บรรดาพระสหายและเด็กๆที่เจ้าชายทรงเป็นพ่อทูนหัว    หน้าที่นี้เมื่อก่อนเป็นของไมเคิล     เมื่อตกมาถึงเมีย  มันก็คงไม่ต่างอะไรจากสภาในประเทศสารขันฑ์ ที่ผัวติดคดีเป็นส.ส.ไม่ได้ เมียก็เป็นแทน  ทำนองนั้นละค่ะ
     เป็นอันว่า ขณะที่จอร์ช สมิธ ตายไปอย่างไร้คนเหลียวแล  ไมเคิล ก็ประสบความรุ่งเรืองร่ำรวยดีจนทุกวันนี้   ความผิดพลาดที่ต้องออกจากงานก็น่าจะเข้าข่าย "บกพร่องโดยสุจริต" นั่นแล


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ส.ค. 16, 13:21
 จบกระทู้   นักเรียนคนไหนอยากยกมือถาม หรือออกความเห็น  หรือแม้จะถามว่า "ข้อสอบออกอะไรครับ/คะ"  ก็ถามได้เลยค่ะ
 หมดเลคเชอร์แล้ว


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 08 ส.ค. 16, 18:26
 ;D ;D ;D ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านครูน้ำลายยืดเต็มไม้บรรทัดเลยเจ้าค่ะ โป้งงงงงงคุณพี่ประกอบแล้ว ไม่มาช่วยน้องเลย


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: giggsmay ที่ 08 ส.ค. 16, 18:34
 ??? ??? ??? เอ่อท่านครูขายังไม่รู้เลยว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลท่านเป็นสายเหลืองตามข่าวเหรอเปล่าเจ้าคะ ท่าจะหย่ากับคามิลล่า เหรอเปล่า อย่าเพิ่งปิดกระทู้เจ้าค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ส.ค. 16, 19:12
ไม่รู้เหมือนกันค่ะ   เพราะเรื่องนี้  ก็ไม่มีใครยอมรับนี่คะ    ข่าวแทบลอยด์ก็เป็นข่าวที่ชาวบ้านไม่ค่อยจะให้น้ำหนักอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นเพื่อให้ความยุติธรรมกับเจ้าชาย  ก็ต้องบอกว่า...ก็แล้วแต่จะเชื่อไม่เชื่อ   เพราะของพรรค์นี้มันไม่มีการเปิดเผยกันโต้งๆอยู่แล้ว

อ่านกระทู้แล้วไปคิดเอาเองละกัน แม่บัว



กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 08 ส.ค. 16, 21:22
บางครั้งผู้ชายสนิทๆกัน คุยกันออกรส หรือร่ำสุราด้วยกันจนเมาไปไหนไม่ไหว นอนเตียงเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องของการรักร่วมเพศเสมอไปนะครับ
เพียงแต่ว่ามักจะเกิดขึ้นในเด็กๆวัยรุ่นมากกว่า ผู้ชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พอเจอในกรณีนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องแปลกไป
ทั้งๆที่ในอดีตเช่น จิวยี่ กับเจียวก้าน (อ้างไปไกลโน่นเลย) เป็นเพื่อนเก่าแต่อยู่กันคนละฝ่าย มาเจอกัน ก้ชวนกันนอนเตียงเดียวกันเฉย


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ส.ค. 16, 21:52
คุณ paganini   จุดประเด็นขึ้นมาแล้ว   มีใครอยากแจมไหมคะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ส.ค. 16, 10:07
ถ้าจอร์ช สมิธ ใส่ร้ายป้ายสีเรื่องนี้ ก็เป็นอันหมดปัญหาไป   ไม่มีอะไรในกอไผ่ละค่ะ
แต่ถ้าแกพูดจริง ก็ชวนให้ตั้งคำถามต่อ ว่ามันมีที่มายังไงสมเหตุสมผลขนาดไหน  นายกับบ่าวคู่นี้ถึงไปนอนเรียงเคียงกันบนเตียง
อย่างจิวยี่กับเจียวก้าน ที่คุณปากกานินียกมา มันมีที่มาชัดเจน เจียวก้านมาหาจิวยี่ขณะฝ่ายหลังอยู่ในกระโจม เพราะเป็นระหว่างทำศึก  ไม่ได้อยู่คฤหาสน์ของตัว   เนื้อที่มันแคบ  ถ้าจะพักค้างคืนด้วยก็ต้องนอนเตียงเดียวกัน  อากาศก็หนาว นอนด้วยกันอุ่นดีกว่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนอนบนพื้น
แต่นายไมเคิลแกมีเหตุผลอะไรขึ้นไปนอนบนนั้นล่ะคะ   ถ้ามันเป็นเรื่องจริง


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ส.ค. 16, 13:06
อีกข้อหนึ่งที่ดิฉันยังหาคำตอบไม่ได้ค่ะ
ไมเคิล มีความผิดฐานเอาข้าวของของเจ้านายไปขาย  ทำโดยพลการ ไม่ได้ผ่านขั้นตอน   พูดง่ายๆคือขโมยของไปขาย
มันต้องเป็นความผิดร้ายแรงมาก   แต่เขาได้รับผลเพียงแค่ต้องลาออก   ไม่ได้ถูกไล่ออก
จากนั้นก็กลับมาทำงานกับเจ้านายได้ตามเดิม    เป็นออแกนไนเซอร์จัดงานกุศลส่วนพระองค์อย่างโก้ในสังคมเสียด้วย

เหตุผลเท่าที่นึกออกมี 2 ข้อ  ถ้าใครนึกออกมากกว่านี้จะมาร่วมวงก็ยินดีค่ะ
1  ไมเคิลไม่ได้ขโมยของไปขาย   แต่ถูกใช้จากนาย ให้เอาของส่วนตัวที่มีมากมายเกินกว่าจะใช้หมด ไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋านาย
    แน่ละว่าข้อนี้เปิดเผยไม่ได้  เพราะนายจะเสียหาย   แกก็เลยยอมเป็นแพะรับบาป   
    นายก็เห็นใจเลยปูนบำเหน็จให้มาทำงานที่ดีกว่าเดิม  ไม่ขึ้นกับใครนอกจากนาย
2   ในเว็บหนึ่ง เขาพูดกันว่าไมเคิลเขียน memoirs คือบันทึกประจำวัน ทุกวันตั้งแต่เข้ามาทำงานจนออกจากงาน   เรื่องราวในบันทึกเป็นความลับที่เจ้าตัวไม่เคยให้ใครดู    แต่ว่ากันว่าเมื่อใด แกเกิดจะเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ขึ้นมาละก็  มันจะเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขั้นถล่มพระราชวงศ์ลงได้ทีเดียว
     เรื่องนี้ก็ไม่รับรองว่าจริง หรือว่าใส่สีไส่ไข่ลงไปเอง เพราะบันทึกที่ว่านั้นก็ไม่มีใครเคยเห็น    แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ก็มีน้ำหนักว่าทำไมเจ้าชายต้องเอาใจแกสุดๆ 


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 09 ส.ค. 16, 18:15
อาจจะเมากันก็ได้คนะรับท่านอาจารย์เทาชมพู. ประมาณว่า.

 ไม๊ค์.  แกกินเหล้าเป็นเพื่อนชั้นหน่อย.  ขอรับกระหม่อม
  กินไปกินมาหมดวิสกี้ ไปสามขวด ไมค์บอก ฝ่าบาทกระหม่อมเมาแล้วพะย่ะค่ะ กลับบ้านไม่ไหว. ขออนุญาตนอนจมอาเจียนในห้องบรรทมนะพะยะค่ะ. 
เจ้าชายเลยบอกว่าไม่เป็นไรๆแกมานอนบนเตียงข้างชั้นก็ได้เห็นแก่ที่ยอมร่ำสุราเป็นเพื่อนกัน...... 
 และแล้ววัเช้านต่อมา. มหาดเล็กเปิดประตูเข้ามา.   ..... กรี๊ดดดดดสสสสส

( เหตุการณ์สมมุติ อิอิ)


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ส.ค. 16, 22:05
 ;)
โธ่ คิดไม่ออก หญ้าปากคอกแท้ๆ
นายกะบ่าวดวดเหล้ากันนี่เอง


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: Molly ที่ 10 ส.ค. 16, 08:53
Molly ไม่มีคำถามค่ะท่านอาจารย์ เพราะที่ติดตามอ่านมาก็มีแต่ทึ่งกับเกร็ดความรู้ที่ท่านอาจารย์กรุณามอบให้ ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์และท่านผู้รู้ท่านอื่นที่เข้ามาแชร์ความรู้กันด้วยค่ะ และจะรอคอยกระทู้ใหม่ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 10 ส.ค. 16, 09:37
เรื่องนี้ก็พูดยากนะคะ เพราะนายจอร์ชแกก็เห็นของแกคนเดียว หลักฐานที่เป็นรูปธรรมอะไรก็ไม่มี ศาลไม่รับฟ้องค่ะ อิอิ

แต่ตอนนี้สนใจเจ้าชายแฮรี่ค่ะ สมัยก่อนกรี๊ดๆพระเชษฐา เจ้าชายวิลเลียม แต่ตอนนี้เจ้าชายวิลเลียมท่านก็แต่งงานแต่งการไปแล้ว แถม.....อายุเยอะขึ้นท่านก็ยิ่งภูมิฐานขึ้นเรื่อยๆ อยากรู้เจ้าชายแฮรี่เมื่อไรท่านจะเสกสมรสสักทีหนอ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ส.ค. 16, 18:12
ท่านอาจจะรอเนื้อคู่ ที่สวยเหมือนอึ้งย้ง แถวเรือนไทยนี้มั้งคะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ส.ค. 16, 18:13
Molly ไม่มีคำถามค่ะท่านอาจารย์ เพราะที่ติดตามอ่านมาก็มีแต่ทึ่งกับเกร็ดความรู้ที่ท่านอาจารย์กรุณามอบให้ ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์และท่านผู้รู้ท่านอื่นที่เข้ามาแชร์ความรู้กันด้วยค่ะ และจะรอคอยกระทู้ใหม่ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: paganini ที่ 11 ส.ค. 16, 15:31
อีกข้อหนึ่งที่ดิฉันยังหาคำตอบไม่ได้ค่ะ
ไมเคิล มีความผิดฐานเอาข้าวของของเจ้านายไปขาย  ทำโดยพลการ ไม่ได้ผ่านขั้นตอน   พูดง่ายๆคือขโมยของไปขาย
มันต้องเป็นความผิดร้ายแรงมาก   แต่เขาได้รับผลเพียงแค่ต้องลาออก   ไม่ได้ถูกไล่ออก
จากนั้นก็กลับมาทำงานกับเจ้านายได้ตามเดิม    เป็นออแกนไนเซอร์จัดงานกุศลส่วนพระองค์อย่างโก้ในสังคมเสียด้วย

เหตุผลเท่าที่นึกออกมี 2 ข้อ  ถ้าใครนึกออกมากกว่านี้จะมาร่วมวงก็ยินดีค่ะ
1  ไมเคิลไม่ได้ขโมยของไปขาย   แต่ถูกใช้จากนาย ให้เอาของส่วนตัวที่มีมากมายเกินกว่าจะใช้หมด ไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋านาย
    แน่ละว่าข้อนี้เปิดเผยไม่ได้  เพราะนายจะเสียหาย   แกก็เลยยอมเป็นแพะรับบาป   
    นายก็เห็นใจเลยปูนบำเหน็จให้มาทำงานที่ดีกว่าเดิม  ไม่ขึ้นกับใครนอกจากนาย
2   ในเว็บหนึ่ง เขาพูดกันว่าไมเคิลเขียน memoirs คือบันทึกประจำวัน ทุกวันตั้งแต่เข้ามาทำงานจนออกจากงาน   เรื่องราวในบันทึกเป็นความลับที่เจ้าตัวไม่เคยให้ใครดู    แต่ว่ากันว่าเมื่อใด แกเกิดจะเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ขึ้นมาละก็  มันจะเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขั้นถล่มพระราชวงศ์ลงได้ทีเดียว
     เรื่องนี้ก็ไม่รับรองว่าจริง หรือว่าใส่สีไส่ไข่ลงไปเอง เพราะบันทึกที่ว่านั้นก็ไม่มีใครเคยเห็น    แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ก็มีน้ำหนักว่าทำไมเจ้าชายต้องเอาใจแกสุดๆ 

คิดว่าใช่เลยครับ. รู้ตื้นลึกหนาบางหมดแล้ว เอาไว้ไกลตัวก็ไม่สบายใจ 5555


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ส.ค. 16, 17:10
ส่วนข่าวที่ลงในหนังสือแทบลอยด์  ทางราชสำนักก็ไม่ได้ออกมารับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด   ปกติก็จะไม่ทำกับหนังสือพิมพ์ประเภทนี้อยู่แล้ว   เพราะถ้าทำ  วันๆก็คงไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากแก้ข่าวเช้าสายบ่ายเย็น
ตอนนี้ข่าวก็เงียบไปแล้ว  ไม่มีใครต่อความยาวสาวความยืด
และมีข่าวสวนกระแสออกมาว่า ภาพที่เห็นนั้นเป็นตัวปลอม  เป็นคนรูปร่างคล้าย  ซึ่งจัดฉากถ่ายกันเอง สร้างให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา

กระทู้นี้ก็จบเพียงแค่นี้  ยังไม่มีอะไรจะมารายงานอีกค่ะ  ขอให้ท่านผู้อ่านใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเองว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นอย่างไร


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: ป้าหวัน ที่ 15 ส.ค. 16, 21:38
ดิฉันว่าไม่่าจะใช่ เพราะท่านหูออกจะกางใบ เขาว่ากันว่าหูคนเรานี่มีแบบเฉพาะตัว หูใครหูมัน นอกจากนี้เค้าโครงสร้างด้านเอียงก็ดูไม่เข้าเค้า


กระทู้: รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 16 ส.ค. 16, 11:23
เห็นแต่ภาพด้านหลัง ดูๆแล้วก็ไม่ค่อยคล้ายเท่าไรนะคะ คิดอีกแง่ ถ้าพระองค์ท่านจะเป็นคงไม่มีทางทำอะไรประเจิดประเจ้อให้ช่างภาพแอบแชะรูปได้แน่ๆค่ะ