ไม่รู้ว่าคนรักหนังสือในห้องนี้จะเคืองหรือเปล่า แต่ส่วนตัวคิดว่าหนังสือเล่มกำลังหายใจแผ่วลงทุกทีค่ะ ยิ่งมีโควิดมาซ้ำเติม อาจจะต้องใส่สายออกซิเยน
คนรุ่นที่เติบโตมากับหนังสือเล่ม ยังรักและอาลัยหนังสืออยู่ แน่นอนค่ะข้อนี้
แต่ผ่านไปอีก 20 ปี ดิฉันเกรงว่า หนังสือจากหน้าจอจะมาแทนที่ ด้วยความจำเป็นหลายอย่าง
1 สะดวกในการหาอ่าน ตื่นมาเปิดอ่านข่าวประจำวันได้เลย ไม่ต้องเดินออกไปซื้อหนังสือพิมพ์ ถ้าเป็นการค้นคว้าข้อมูล ก็ไม่ต้องไปถึงห้องสมุด
2 หนุ่มสาวยุคนี้และยุคต่อจากนี้ ไม่อาศัยอยู่ในบ้าน แต่อาศัยอยู่ในห้อง พื้นที่จำกัดเกินกว่าจะเก็บหนังสือเล่มได้
3 หนังสือจากหน้าจอ มีให้อ่านฟรีมากมาย ประหยัดเงินไปได้มาก
4 เคยชินกับอ่านจากหน้าจอเล็กๆ ข้อความสั้นๆ ทำให้เกิดอาการสมาธิสั้นได้ง่าย ไม่สามารถอ่านอะไรยาวๆหลายร้อยหน้าได้
5 หนังสือเป็นการสื่อสารทางเดียว จะถูกแทนที่ด้วยการสื่อสารสองทาง จนคนไม่สนุกที่จะอ่านอะไรเงียบๆอีกต่อไป
เห็นด้วยกับ อ. ครับ
ตอนนี้หนังสือเล่ม (โดยเฉพาะหนังสือปกแข็ง) กลายเป็นของประดับบ้าน
โหน่งย้ายบ้านออกมาอยู่ ตจว. แต่ยังอยู่ในหมู่บ้าน
บ้านใหม่เล็กมีชั้นเดียว ไม่สามารถขนสมบัติบ้ามาได้หมด
แม้แต่หนังสือของโปรดที่เคยมีกว่า 7-800 เล่ม (ทั้งไทย/อังกฤษ) ก็คัดแล้วคัดอีกจนเหลือประมาณ 100 กว่าเล่ม
เพื่อนบ้านที่มาเยี่ยมพอเห็นก็ตื่นตาตื่นใจ (แต่ไม่นึกอยากอ่าน) ทุกคนบอกว่าไม่เคยเห็นใครมีหนังสือ 'มาก' ขนาดนี้
ส่วนหนังสือภาษาอังกฤษพวกเธอมองอย่างพิศวง
เคยถามว่าเคยอ่านหนังสือบ้างมั้ย ตอบแบบเสียงขุ่น ๆ ว่า เค้ย... ทำไมจะไม่เคย
ถามว่า อ่านอะไรกันล่ะ
ตอบว่า ขายหัวเราะ
ถามต่อว่า หมายถึงหนังสือเป็นเล่ม ๆ น่ะ
ตอบกลับมาว่า ขายหัวเราะก็เป็นเล่ม
ตอนมาอยู่ใหม่ ๆ คนที่มาเยี่ยมจะตรงมาดูที่ตู้หนังสือเป็นแห่งที่สอง (ตู้ของสะสมเป็นแห่งแรก)
วันที่ไปเข้าคิวฉีดยาฯ ทุนคนที่รอเวลาล้วนแต่อ่าน มือถือ มีโหน่งคนเดียวอ่านหนังสือ (เพราะไม่มีมือถืออัจฉริยะเหมือนชาวบ้าน)
คนรอบข้างชำเลืองดูกัน
ชั้นอ่านหนังสือ แปลกตรงไหนวะ