เรือนไทย

General Category => ประวัติศาสตร์โลก => ข้อความที่เริ่มโดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 08:43



กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 08:43
   ทวีปใหม่ หรือสหรัฐอเมริกา เป็นดินแดนที่คนต่างถิ่นทั้งในยุโรปและเอเชียหลั่งไหลกันไปตั้งถิ่นฐาน  นอกจากจะหนีความยากจนในถิ่นเกิด  ก็ยังเป็นการแสวงหาโอกาสใหม่ที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น  เพราะอเมริกาได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ และความเสมอภาค     ไม่มีขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมที่จะมากดหัวคนด้อยโอกาสเหล่านี้ ทำให้ทุกคนเชื่อว่ามีโอกาสที่จะลืมตาอ้าปากได้เท่าคนอื่นๆ    
    แต่อเมริกาก็ไม่ได้ให้ "โอกาสทอง" อย่างที่หวัง   คนจนจากยุโรปก็ยังยากจนกันอยู่ในดินแดนใหม่  เพียงแต่มีอิสระและเสรีเพิ่มขึ้นในการทำมาหากิน    เวลาผ่านมายาวนานนับศตวรรษจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2  สิ้นสุดลง
   ตอนนี้แหละ ที่ความฝันเป็นจริงขึ้นมา

   สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ยุโรปยับเยินไปทั่ว เป็นผลจากการสู้รบที่นอกจากจะเอาชีวิตผู้คนไปนับไม่ถ้วน ยังทำให้บ้านเมืองเสียหาย  ปลูกพืชผลล้มเหลว สัตว์เลี้ยงตายไปเป็นเบือ    กว่าสงครามจะสิ้นสุด ชาวยุโรปที่รอดตายมาได้ก็เรียกว่าเหลือแต่ตัว
   แต่สหรัฐอเมริการอดมาได้อย่างสง่าผ่าเผย  ประเทศไม่บอบช้ำ  เพราะสมรภูมิอยู่ในยุโรป      
   คนอเมริกันต้อนรับทหารที่กลับคืนมาอย่างวีรบุรุษและวีรสตรี


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: unicorn9u ที่ 29 พ.ย. 19, 09:41
เช็คชื่อครับ


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 10:13
อ้าว  ลืมเช็คชื่อว่ามาลงทะเบียนเรียนกี่คน
คุณยูนิคอร์นเลือกที่นั่งได้ตามสบายค่ะ  คนอื่นๆยังไม่มา
เสิฟอาหารเช้าแบบอเมริกัน  ปูทางไว้ก่อน


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 10:48
  เมื่อญี่ปุ่นถล่มเพิร์ลฮาเบอร์แบบสายฟ้าแลบ ไม่ทันให้อีกฝ่ายตั้งตัว  ก็เท่ากับไปแหย่เสืออเมริกาให้ลุกขึ้นสู้เต็มที่   อเมริกาเกณฑ์ชายฉกรรจ์ทั่วประเทศเข้าร่วมกับพันธมิตรในยุโรป   เท่ากับในประเทศขาดแคลนแรงงานแบบทรุดฮวบ  ผู้หญิงอเมริกันต้องออกมาทำงานแบบชายกันในโรงงานและสถานที่ต่างๆ  ประเทศชาติผ่านไปด้วยความลำเค็ญ
   จนสงครามสิ้นสุด  พวกผู้ชายทยอยกลับมาจากยุโรป    แรงงานที่หายไปกลับคืนมา   ประเทศที่จะเป็นคู่แข่งอย่างในยุโรปก็กระปลกกระเปลี้ยยังไม่ฟื้นตัว   อเมริกาก็เลยผงาดขึ้นมาโดดเด่นไร้ใครเทียบรัศมี
   ชายฉกรรจ์ที่ถูกเกณฑ์ไปรบได้สิทธิพิเศษอย่างหนึ่งในหลายๆอย่าง คือได้เรียนมหาวิทยาลัยฟรี  สิ่งนี้ทำให้หนุ่มอเมริกันบ้านๆ มีโอกาสเงยหน้าอ้าปากกลายเป็นปัญญาชนขึ้นมา    
  สมัยนั้นการเรียนในมหาวิทยาลัยไม่ใช่ทำกันง่ายๆเหมือนสมัยนี้นะคะ    เด็กหนุ่มส่วนใหญ่เรียนแค่ระดับมัธยม  จบบ้างไม่จบบ้าง แล้วก็ไปทำงาน   ไม่มีปัญญาเรียนสูงกว่านั้น    แต่พอรัฐยื่นมือมาอุปถัมภ์    พวกนี้ก็เปลี่ยนสถานะ ก้าวจากไอ้คล้าวขึ้นมาเป็นคุณชาย    กลายเป็นวิศวกร แพทย์ นักบัญชี สถาปนิก นักบริหารจัดการ ฯลฯ   ความรู้ดีเงินเดือนก็สูง   ชีวิตก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ความเป็นอยู่ที่ดีกว่าคนรุ่นพ่อแม่เขาประสบมาตลอดชีวิต


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 12:35
      อาชีพขึ้นหน้าขึ้นตาที่สุดของชายอเมริกันยุค 1950s  คือแพทย์ ทนายความ  และทำงานในหน่วยงานของรัฐบาล     ทั้งสามอย่างนี้ทำรายได้งามมาก  พอที่พวกเขาจะตั้งตัวได้ตั้งแต่ยังหนุ่ม    หมายถึงมีบ้านเดี่ยวของตัวเอง แทนที่จะกระเป๋าแห้งเช่าห้องเล็กๆอยู่คนเดียวอย่างในยุคก่อน    ซื้อรถยนต์  แต่งงาน มีลูก และภรรยาก็ไม่ต้องทำงานนอกบ้าน เป็นคุณนายอย่างเดียวพอ

ความฝันแบบอเมริกันในยุคนี้ คือความสำเร็จของชีวิต ได้แก่ทำงานรายได้ดี  มีบ้านอยู่ชานเมือง หมายถึงบ้านงามๆ ที่สนามกว้าง เพื่อนบ้านเป็นคนมีฐานะเดียวกัน อยู่กันอย่างสงบสบาย    มีลูก 2 คน(ถ้าได้ชายหนึ่งหญิงหนึ่งจะเพอร์เฝ็ค)   และมีภรรยาที่เป็นแม่ศรีเรือน ดูแลสามีและลูกเรื่องบ้านช่องอาหารการกินได้ดีไม่มีที่ติ   ไม่ต้องช่วยทำงานหาเงินอีกแรง

ตัวอย่างบ้านในฝันยุค 1950s


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 13:17
ภาพลักษณ์ของแม่ศรีเรือนยุคนี้


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 13:19
คนอเมริกันยุค 1950s ให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก      เป็นยุค ฺBaby-boomers  คือยุคเด็กเกิดหลังสงครามโลก  พ่อแม่พร้อมจะตั้งครอบครัวในยุคที่ประเทศชาติสงบ และรุ่งเรืองเฟื่องฟู    เด็กที่เกิดมาในยุคนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของความฝันที่พ่อแม่หนุ่มสาวอยากมี 
ภาพลักษณ์ของยุคนี้คือการอยู่พร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูกเล็กๆในวัยเรียน     ไปเที่ยวก็ไปพร้อมกัน   หรือทำกิจกรรมครอบครัวด้วยกัน ในบ้านที่สวยงามน่าอยู่


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 15:10
ภาพข้างล่างนี้เป็นหนึ่งในภาพโฆษณาที่สะท้อนค่านิยม American dream ได้ชัด
เป็นภาพพ่อแม่ลูก เดินกลับจากโบสถ์ด้วยกันในช่วงสายวันอาทิตย์  ทุกคนแต่งตัวเป็นพิธีรีตอง ผู้ใหญ่สวมสูท ตามที่นิยมกันว่าเป็นการแต่งกายแบบสุภาพชน   แม้แต่เด็กๆก็สวมหมวกแต่งกายเรียบร้อย
ถนนสายที่เดินมาร่มรื่นด้วยต้นไม้  แสดงว่าอยู่ชานเมือง
มีบ้านเดี่ยวหลังกะทัดรัดน่าอยู่เป็นแบคกราวน์  พร้อมด้วยรั้วไม้ระแนงสีขาว   ถือกันว่าเป็นบ้านในฝันของอเมริกัน


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 15:12
หลังสงคราม  อเมริกาพุ่งทะยานขึ้นเป็นประเทศอันดับ 1 ของโลก     อะไรๆในอเมริกาก็ได้ชื่อว่าเป็นของชั้นเลิศ  มีหน้ามีตาสำหรับผู้ครอบครอง
รถยนต์อเมริกันจึงเป็นรถที่ผู้มีรายได้ดี จะต้องหามาครอบครอง  เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในชีวิต


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 15:14
กิจกรรมที่นิยมกันก็คือพ่อขับรถอเมริกันคันยาว คู่กับแม่  มีลูกเล็กๆนั่งบนเบาะหลัง    พากันไปเที่ยว


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 15:16
ในเมื่อครอบครัวเป็นส่วนหลักของ American dream   สินค้าต่างๆจึงต้องจูงใจคนซื้อด้วยการแสดงให้เห็นว่า เป็นสินค้าสำหรับครอบครัว   ไม่ใช่สินค้าสำหรับคนใดคนหนึ่ง


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 29 พ.ย. 19, 17:02
ผมมาลงชื่อเข้าชั้น American Dream แล้วครับ

ผมอ่านกระทู้นี้ แล้วรู้สึกว่า เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
คล้ายกับตอนได้ดูรายการทีวีของ WaltDisney ในขณะนั้น

ผมยอมรับว่า อิทธิพลทางวัฒนธรรมของอเมริกา เขามีมากและเผยแพร่ออกไปได้กว้างขวาง
ดังนั้น รูปภาพและเรื่องราวต่างๆของท่านอาจารย์ ได้เข้าไปอยู่ในความทรงจำของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ครับ...มันน่ากลัวจริงๆ  :o


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 17:18
ก่อนสงครามโลก  อิทธิพลตะวันตกในไทยมาจากยุโรป    พอจบสงครามโลกครั้งที่ 2  อเมริกาผงาดขึ้นมาครองอิทธิพลในเอเชียอาคเนย์แทน   โดยเฉพาะในไทยซึ่งอเมริกาเล็งไว้เป็นประเทศมิตรสำคัญ    วัฒนธรรมอเมริกันก็หลั่งไหลเข้ามาในไทย  คนไทยก็เปิดรับเต็มที่เหมือนกัน  รัฐบาลไม่ได้กีดกันแต่อย่างใด
ภาพต่างๆในกระทู้นี้ ถ้าคุณ ninpaat เป็นเด็กที่ดูรายการทีวีช่อง 4 และช่อง 7   เคยเปิดแมกกาซีนฝรั่ง หรือไทยที่เอารูปจากเมืองฝรั่งมาลง    เคยดูหนังโฆษณาทางโรงและทางทีวี   รับรองว่าต้องเคยผ่านตาภาพเหล่านี้มาค่ะ

รายการทีวีต่างๆรวมทั้งดิสนีย์เป็นเรื่องจะเล่ากันต่อไปนะคะ    มีหัวข้อเยอะมาก จะต้องค่อยๆเล่ากันไปทีละหัวข้อ

ภาพนี้คือครอบครัวหรรษา ตามความฝันของชาวอเมริกันยุคนั้น


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 18:19
    อเมริกาหลังสงครามโลกยังสืบทอดบทบาทดั้งเดิมของชายหญิงเมื่อศตวรรษที่ 19  อยู่อย่างหนึ่ง คือเมื่อตั้งครอบครัว  สามีเป็นผู้หาเลี้ยง และภรรยามีหน้าที่ดูแลบ้านช่องกับลูกๆ   แต่ด้วยความที่เศรษฐกิจคล่องตัว  ภาระทั้งสองด้านก็ดำเนินควบคู่กันไปได้ด้วยดี
    ในเมื่อบทบาทของผู้หญิงอยู่ในบ้านเรือนเป็นส่วนใหญ่  สินค้าใหม่ๆที่ผลิตออกมาก็เอาใจผู้หญิง  ตั้งแต่แฟชั่นไปจนถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายในบ้าน       เราจะเห็นว่าหน้าโฆษณาสินค้า มีอยู่มากที่แสดงภาพแม่บ้านสาวสวย แต่งหน้าทำผมเรียบร้อยเหมือนอยู่นอกบ้าน    เสื้อผ้าและรองเท้าเรียบร้อยสวยงาม  ผ้ากันเปื้อนที่แสดงสัญลักษณ์ของแม่บ้านก็สะอาดเรียบ  ไม่มีวี่แววเหน็ดเหนื่อยยับเยินอย่างแม่บ้านที่ต้องซักผ้า  รีดผ้า ดูดฝุ่น จัดห้อง ทิ้งขยะฯลฯ เอง   


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 20:42
ยุค 1950s เป็นยุคทองของอเมริกา ชนชั้นกลางรุ่งเรืองเฟื่องฟู    ทุกอย่างเน้นความสวยสะอาดมีระเบียบเรียบร้อย   เสื้อผ้าผู้หญิงจึงออกมาในแนวนี้
เป็นยุคที่แม่บ้านของชนชั้นกลางสวมเสื้อกระโปรงชุดเข้ากัน  แบบมิดชิดเรียบร้อย  สำหรับทำงานบ้าน      ไม่มีเสื้อยืดกางเกงยีนส์โดยเด็ดขาด     ถ้าออกนอกบ้านไปธุระหรือแม้แต่ไปจ่ายของในซุปเปอร์ ก็สวมหมวกสวมถุงมือเรียบร้อยภูมิฐาน     ผู้หญิงที่ทำงานนอกบ้านสวมสูท มีหมวกเข้าชุดกัน และถุงมือ ตลอดจนสวมถุงน่องด้วย
กางเกงที่สวมกัน  เป็นแบบสแล็ค คือกางเกงผู้หญิง    ไม่มียีนส์ ไม่มีกางเกงทรงผู้ชาย    ผู้หญิงสวมสแล็คในโอกาสลำลองเต็มที่เช่นไปปิคนิคหรือไปเที่ยวชายทะเล   


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 19, 20:43
เสื้องานปาร์ตี้ ที่เป็นผู้ยิ้ง ผู้หญิงของสาวยุค 1950s


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 30 พ.ย. 19, 05:53
เครื่องแต่งกายผู้หญิงน่ารักมากครับ นึกถึงนิยายเรื่องปริศนาขึ้นมาเลย แต่ของเราต้องออกแนวก๋ากั่นเล็กน้อย


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 19, 06:51
ชุดว่ายน้ำแบบที่ปริศนาสวม ค่ะ


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 19, 06:57
ชุดประกวดนางสาวไทยรุ่นแรกๆของเราก็เอามาจากชุดว่ายน้ำยุค 1950s นี่แหละค่ะ


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 19, 17:54
ส่วนแฟชั่นผู้ชายในยุค 1950s เป็นแบบข้างล่างนี้ค่ะ
ซ้ายสุด คือเสื้อผ้าชุดไปทำงาน  หรือไปธุระปะปังนอกบ้าน เว้นแต่คนที่สองจากขวา ค่อนข้างลำลอง
ตรงกลาง  คือเสื้อผ้าแบบสบายๆ   สวมในฤดูร้อน
ขวาสุด    สไตล์แต่งตัวของวัยรุ่นประเภทเฮ้วสุด


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 19, 18:00
นายแบบหนุ่มวัยรุ่นในยุคนั้น


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 19, 18:21
1950s เป็นยุคที่ความบันเทิงซึ่งแต่เดิมอยู่นอกบ้าน  บัดนี้ย้ายเข้าอยู่ในห้องนั่งเล่นกันเกือบจะทุกบ้าน      นวัตกรรมนี้คือโทรทัศน์
ที่จริงโทรทัศน์มีมาก่อนยุคนี้ แต่ว่ามีน้อย  ผู้คนถ้าอยากดูอะไรบันเทิงใจก็ต้องแต่งตัวกันออกไปดูหนัง    ซึ่งไม่ใช่เรื่องทำกันได้ง่ายๆ   ไหนพ่อแม่จะต้องทำงาน ไหนลูกจะต้องไปเรียนและกลับมาทำการบ้าน     โรงหนังจึงเป็นเรื่องหย่อนใจในค่ำวันศุกร์หรือเสาร์เป็นส่วนใหญ่
แต่เมื่อโทรทัศน์พัฒนาขึ้นสู่ความบันเทิงที่เข้ามาถึงบ้านช่องทุกหย่อมหญ้า    ห้องนั่งเล่นในบ้านก็กลายเป็นแหล่งชุมนุมพร้อมหน้าคนในครอบครัว     รายการดีๆของสถานีโทรทัศน์ใหญ่ๆ ส่งภาพและเสียงกระจายไปทั่วทุกรัฐ    ข่าวรายการเพลง  หนังชุดสนุกสนานสำหรับครอบครัว  รายการเด็ก ฯลฯ เข้าถึงทุกคนไม่ว่าอยู่รัฐไหน
ตอนค่ำ ในยุค 1950s  จึงเป็นเวลาอบอุ่นที่ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า  ดูรายการเดียวกัน       ลูกดูอะไรพ่อแม่ก็เห็น  พ่อแม่ดูอะไรลูกก็เห็น    เท่ากับเป็นการกลั่นกรองในตัวว่าจะไม่มีอะไรเป็นพิษเป็นภัยแก่เยาวชนโดยพ่อแม่ไม่รู้


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 19, 19:54
หนังทีวี่ในยุคนั้นยังเป็นหนังขาวดำ  แต่ก็ดูได้สนุกไม่แพ้หนังโรงที่มีสีสันตระการตา
อย่างที่บอกไว้แล้วว่า ความฝันของคนอเมริกันคืองานดี ครอบครัวดี    ลูกเล็กๆเกิดหลังสงครามซึ่งเรียกว่าเบบี้บูมเมอร์จึงได้รับความสำคัญอย่างสูง      ผู้ผลิตรายการทีวีก็เอาใจเด็กน้อยเหล่านี้กันมาก  เพราะรู้ว่าถ้าลูกชอบรายการไหน   พ่อแม่จะไปไหนเสีย  ก็ต้องดูด้วยวันยังค่ำ
หนังชุดสำหรับเด็กจึงฮิท   แม้แต่หมาก็กลายมาเป็นนักแสดงนำ  เพราะเด็กอเมริกันไม่ว่ารายไหนรายนั้น รักหมากันเป็นชีวิตจิตใจ
หนังชุดเรื่อง The Adventures of Rin Tin Tin  ที่มีหมานำแสดง จึงอยู่ยั้งยืนยง   ยาวนานถึง 164 ตอน  เปลี่ยนหมานำแสดงไปหลายตัวกว่าจะจบชุด    ในเรื่องนี้ สถานียักษ์ใหญ่ ABC ผู้ผลิต ขนมาทั้งดาราหนุ่ม  ดาราเด็กน้อย และหมาพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดที่คนไทยเราเรียกว่าหมาอัลเซเชียน



กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 19, 19:57
หนังชุดนี้ฉายทางทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม ค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=Z_nclUG-0SQ


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 พ.ย. 19, 19:59
ถ้าอยากดูทั้งตอน  ดูได้ที่นี่ค่ะ

https://www.dailymotion.com/video/x495p60


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 19, 08:04
หนังชุดทางทีวีที่จบในตอน แต่ก็มีเหตุการณ์ตอนใหม่มาให้ดูอีกสัปดาห์ละครั้ง หรือ sitcom เป็นที่นิยมชมชอบของคนดูยุค 1950s มาก   มันตอบสนองชีวิตประจำวันในยุคนั้น   
เมื่อพ่อกลับจากทำงาน ลูกกลับจากร.ร.  กินอาหารเย็นฝีมือแม่อิ่มหนำดีแล้ว    ชีวิตครอบครัวก็เริ่มต้นในตอนค่ำ
ไม่มีความบันเทิงนอกบ้านจะชักจูงให้ออกไปแสวงหา    พอกินเสร็จทุกคนก็มานั่งพร้อมหน้ากันหน้าจอทีวี  ดูหนังชุดสนุกๆกันจนถึงเวลาเด็กๆไปนอน 
หนังครอบครัวเบาๆ จึงมาอันดับหนึ่ง   ยิ่งถ้ามีดาราเด็กแสดงด้วยจะยิ่งเป็นที่ชื่นชอบ  ด้วยเหตุนี้ หนังอย่าง Leave It to Beaver (หนูน้อยบีเวอร์) จึงได้รับความนิยมล้นหลาม   ออกอากาศต่อเนื่องกันถึง 6 ปี เปลี่ยนไตเติ้ลนำกันไปเรื่อยๆ ในแต่ละปี
จนกระทั่งหนูน้อยบีเวอร์ตัวเล็กๆในตอนต้นเรื่อง เติบโตจนจะเข้าวัยรุ่นหนุ่ม ไม่เป็นหนูน้อยอีกแล้ว    หนังชุดนี้ถึงจบลง


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 19, 08:04
https://www.youtube.com/watch?v=GaWjla_lYGk


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 19, 08:06
ใครอยากดูทั้งตอน ดูได้ที่นี่

https://www.youtube.com/watch?v=AQn1QSCLQyk


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 19, 08:18
    ครอบครัวของหนูน้อยบีเวอร์ เป็นครอบครัวชนชั้นกลางใน American dream ของแท้     มีบ้านหลังงามกะทัดรัดในเขตชานเมือง  พ่อทำงานบริษัท แต่งสูททุกวัน   แม่เป็นแม่บ้าน มีลูก 2 คน ครอบครัวอบอุ่น  ลูกๆก็สุขภาพแข็งแรง  หน้าตาน่ารัก  ปัญหาในวัยเด็กที่มีในแต่ละตอนสะท้อนความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของหนูน้อย อย่างที่คนดูวัยเด็กรู้สึกว่า เออ...ฉันก็เป็นเหมือนกัน
    โปรดสังเกตร่องรอยของ American dream ในเรื่องนี้  ว่า พ่อของบีเวอร์ยังคงผูกเนคไทเรียบร้อย  แม้กลับจากงานมานั่งกินอาหารเย็นที่บ้านที่ควรจะผ่อนคลายได้แล้ว     ส่วนแม่แต่งกายงามเป็นเสื้อกระโปรงเข้าชุด ราวกับจะออกไปเที่ยว  สวมสร้อยไข่มุกขณะทำงานซักผ้าทำกับข้าวอยู่บ้าน  ผมเซทเรียบร้อยไม่มีกระดิก หน้าตาผ่องใสไม่เหน็ดเหนื่อย  


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 19, 09:39
บ้านของหนูน้อยบีเวอร์   โรงถ่ายสร้างขึ้นตรงตามแบบฉบับบ้านในฝันของชนชั้นกลางในยุค 1950s


https://www.youtube.com/watch?v=wt51QNRycrg



กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 19, 10:08
นอกจากหนังครอบครัวอย่างหนูน้อยบีเวอร์  หนังตลกเบาสมอง ไม่เป็นพิษเป็นภัยก็ได้ความนิยมสูงสุดเช่นกัน    เรื่องที่ดังที่สุดน่าจะเป็น I Love Lucy   (ฉายทางช่อง 4  วังบางขุนพรหมในชื่อแปลตรงตัวว่า ฉันรักลูซี่)
เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวอีกนั่นแหละค่ะ   แต่เป็นชีวิตสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ยังไม่มีลูก   สามีเป็นนักร้องและหัวหน้าวงดนตรีชาวคิวบาที่มาอยู่ในอเมริกา  ส่วนภรรยาเป็นแม่บ้านจอมยุ่งที่หาเรื่องใส่ตัวไม่เว้นแต่ละสัปดาห์
ส่วนอีก 2 คนเป็นนักแสดงประกอบ รับบทเจ้าของห้องเช่าที่พำนักอยู่ในตึกเดียวกัน
 
ดารานำที่แสดงเรื่องนี้  เป็นสามีภรรยากันในชีวิตจริง คือ Lucille Ball และ Desi Arnez   ลูซิลล์เป็นนักแสดงตัวรองๆในหนังฮอลลีวู้ดก่อนจะมาเอาดีทางทีวี     ส่วนเดซีเป็นหนุ่มคิวบาที่อพยพภัยสงครามกลางเมืองมาเป็นนักแสดงในฮอลลีวู้ด
ผลจากเรื่องนี้  ลูซิลล์ก็กลายเป็นราชินีในแวดวงนักแสดงตลกไป  ส่วนเดซีกลายเป็นผู้บริหารบรืษัทผลิตรายการทีวีดังๆหลายเรื่องในทศวรรษต่อมา
เรื่องนี้ออกอากาศยาวนานตั้งแต่ 1951-1957  ตั้งแต่สามีภรรยายังไม่มีลูกจนมีลูก   รวมทั้งหมด 180 ตอน


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 19, 10:10
https://www.youtube.com/watch?v=kNhnFt41pD4


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 19, 10:21
เหตุการณ์ตอนลูซีเจ็บท้องจะไปโรงพยาบาล

https://www.youtube.com/watch?v=zi7lDp7x2lU


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 19, 12:51
     คนอเมริกันชอบฮีโร่     ยอดคนในใจของพวกเด็กๆที่เติบโตมาหลังสงครามไม่ใช่เจ้าชายหรืออัศวินสวมเกราะ  แต่มี 2 ประเภทหลักๆ   คือพวกซูเปอร์ฮีโร่ที่เติบโตมาจากหนังสือการ์ตูน  เช่น Superman เป็นตัวที่รู้จักกันมากที่สุด
     อีกประเภทคือผู้ที่อยู่ในประวัติศาสตร์ที่ประเทศอื่นไม่มี  ได้แก่พวก cowboy หรือไทยเรียกว่าโคบาล   เป็นพวกเลี้ยงวัวและต้อนวัวไปขาย  ในยุคที่นักบุกเบิกอพยพจากรัฐตะวันออกไปทางตะวันตกในศตวรรษที่ 19   พวกนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของนักสู้  เก่งกล้า  ผดุงความยุติธรรม   (ซึ่งจริงหรือไม่จริงก็ได้ในประวัติศาสตร์)
     เมื่อรายการหนังโทรทัศน์เป็นที่ติดอกติดใจกันทั่วประเทศ    ฮีโร่ทั้งสองประเภทนี้ก็ย่อมลุกขึ้นมาโลดแล่นในจอ  เป็นหนังยอดฮิทตลอดทศวรรษ 1950s 

    เรื่องแรกคือ Adventures of Superman ฉายยาวนานถึง 6 ปี  รวม 104 ตอน


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 19, 14:04
https://www.youtube.com/watch?v=wA1SPhGhvHU&list=PL0AMTOCd-f6MIywAUywYOfukZXHdSKS_-


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ธ.ค. 19, 14:06
คลิปนี้ชัดกว่าคลิปข้างบนค่ะ   เล่าถึงประวัติความเป็นมาของ Superman

https://www.youtube.com/watch?v=fzvlRVLkCR0


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 19, 09:37
  ฮีโร่ประเภทที่ 2  ที่ชาวอเมริกันภูมิใจ คือคาวบอย
  คาวบอยเป็นกลุ่มอาชีพเลี้ยงวัว   เริ่มต้นที่เมกซิโกแล้วแพร่หลายมาทางรัฐตะวันตกของอเมริกา   ทางฝั่งตะวันออกไม่มี   พวกนี้ใช้ม้าเป็นพาหนะในการต้อนวัว  ทำฟาร์มเลี้ยงวัวแล้วต้อนวัวไปขายไกลๆ ข้ามรัฐ     ในเมื่อต้องมีชีวิตสมบุกสมบัน ทั้งยังต้องป้องกันตัวเองจากอันตรายนานาชนิด ทั้งจากโจรและสัตว์ป่า   คาวบอยก็เลยใช้อาวุธปืนได้เก่ง
  ภาพลักษณ์ของคาวบอยออกมาเป็นชายชาตรีในความรู้สึกของคนอเมริกันรุ่นหลัง โดยเฉพาะเด็กๆ    มีเด็กผู้ชายน้อยคนนักที่ไม่เคยใฝ่ฝันอยากนุ่งกางเกงยีนส์(อย่างคาวบอยนุ่ง) หรือคาดเข็มขัดปืนของเล่น พร้อมสวมหมวกปีกกว้าง
   ดังนั้นบริษัททีวีจึงผลิตหนังชุดพระเอกคาวบอยตั้งแต่ปี 1949  ออกอากาศยืนยาวตลอดมาจนถึง 1957  เป็นขวัญใจเด็กๆ เรื่องนั้นคือ The Lone Ranger ( ช่อง 4 วังบางขุนพรหมตั้งชื่อว่า หน้ากากดำ)
 
    หน้ากากดำเป็นเรื่องราวของอดีตมือปราบท้องถิ่นที่เรียกกันว่า Texas Rangers ซึ่งเป็นคนเดียวที่รอดตายจากถูกสังหารหมู่   เขาก็เลยใช้ชีวิตที่เหลือทำหน้าที่ปราบอธรรมโดยไม่เปิดเผยตัวตนว่าเป็นใคร   เรียกตัวเองว่า The Lone Ranger  (แปลตรงตัวว่า เรนเจอร์คนเดียว)    
     วิธีปิดบังตัวเองก็คือสวมหน้ากากดำคาดดวงตาไว้   เมื่อเสร็จภารกิจในแต่ละตอนก็ควบม้าหายไปจากฉาก
     แต่ว่าหน้ากากดำไม่ได้ปราบอธรรมคนเดียว   ผู้สร้างให้ผู้ช่วยพระเอกมาอีกคน เป็นหนุ่มอินเดียนแดงชื่อ Tonto


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 19, 09:43
หนูน้อยคนไหนๆก็อยากเป็นคาวบอย


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 19, 09:48
อย่าว่าแต่เด็กผู้ชาย   เด็กผู้หญิงก็อยากเป็นคาวเกิร์ล


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 19, 10:18
The Lone Ranger เป็นหนังชุดทางทีวีเรื่องเดียวที่คนดูไม่เห็นหน้าพระเอกชัดๆ  เพราะคาดหน้ากากไว้    
Clayton Moore พระเอกเรื่องนี้ไม่เคยถอดหน้ากาก  ยกเว้นเวลาปลอมตัวถึงจะถอด   แต่ปลอมแต่ละครั้งก็ติดหนวดเครารุงรัง  เป็นอันว่าคนดูอดเห็นหน้าจริงๆอีก
จึงน่าอัศจรรย์ใจมากที่เขาเป็นพระเอกยอมนิยมในยุคนั้น  ทั้งๆไม่มีความหล่อจะให้เห็น

เล่นไปได้ 2 ปี  เคลย์ตันเกิดข้อขัดแย้งกับผู้สร้างหนัง ว่าได้รับค่าจ้างน้อยไป   จึงถูกถอดจากบทนี้ แล้วผู้สร้างหาดาราใหม่มารับบทแทน คือ John Hart  แต่เล่นได้ 2 ปี เรตติ้งก็ตกเอาๆ  ผู้กำกับจึงขอให้เคลย์ตันกลับมารับบทหน้ากากดำอีกครั้ง  เรตติ้งก็พุ่งสูงขึ้นจนถึง 1957 จึงจบเรื่องลงไป
ยาวถึง 221 ตอน

หน้าจริงของหน้ากากดำตัวจริงเป็นแบบนี้ค่ะ


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 19, 11:02
จอห์น ฮาร์ทเข้ามารับบทหน้ากากดำแทนเคลย์ตัน มัวร์ที่ออกไป    พอสวมหน้ากากแล้วก็ดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร
แต่แฟนๆหน้าจอก็อุตส่าห์ดูออกจนได้     
อาจเป็นว่าฝีมือแสดงของฮาร์ทชนะใจคนดูไม่ได้ เขาก็เลยถูกเปลี่ยนตัวกลับไปเป็นมัวร์อีกครั้ง

ภาพข้างล่างนี้คือจอห์น ฮาร์ทตัวจริงกับตอนสวมหน้ากาก
กับเคลย์ตัน มัวร์ตัวจริงกับตอนสวมหน้ากาก


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 19, 11:23
 พระเอกคาวบอยออกมาเดินกันให้ขวักไขว่อยู่ในจอทีวียุค 1950s ข้ามมาถึง  1960s อีกหลายเรื่อง    แต่ในกระทู้ ยกมาเฉพาะเรื่องที่เป็นตำนาน อีกแค่ 1 เรื่อง  นั่นคือเรื่อง Gunsmoke  (ช่อง 4  วังบางขุนพรหมนำมาฉายให้ชื่อแปลตรงตัวว่า ควันปืน)
 เรื่องนี้เริ่มออกอากาศตั้งแต่ปี 1955   ยั่งยืนคงกระพันไปจน 1975   คือ 20 ปีให้หลัง  ยาวถึง 635 ตอน  ตั้งแต่พระเอกเป็นหนุ่มใหญ่จนแก่มาก     ตัวแสดงบางตัวก็ถึงแก่กรรมไปในขณะเรื่องยังไม่จบ


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 19, 12:29
ตอนแรก แนะนำโดยจอห์น เวย์น

https://www.youtube.com/watch?v=cXQmjDUFbUs


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 19, 17:15
https://www.youtube.com/watch?v=BPYLPFI0JX0&list=PLvrGm7rQ2_V6CAc1a3gns6NughgHX3tJ2


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 19, 17:26
คนอเมริกันชั้นกลางให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก   กิจกรรมทั้งในบ้านนอกบ้านจึงเน้นไปที่ความพร้อมหน้ากันทั้งพ่อแม่ลูกเป็นหลัก
รถยนต์เป็นปัจจัยที่ห้า ที่คนชั้นกลางหาซื้อมาได้ไม่ยาก   เพราะเศรษฐกิจดี  ผู้ชายทำงานคนเดียวก็เลี้ยงได้ทั้งครอบครัว   
นอกจากรถยนต์แล้ว ก็ยังมีรถตู้เทรลเลอร์ที่ข้างในเป็นห้องใช้นอนได้ สำหรับลากติดตัวไปด้วยเวลาไปเที่ยวพักผ่อน
ทั้งนี้เพราะคนยุคนี้นิยมใช้ทางรถยนต์ ซึ่งมีไฮเวย์และทางหลวงเส้นเล็กเส้นใหญ่สะดวกสบายทั่วประเทศ    ไม่นิยมรถไฟหรือเครื่องบิน     เมื่อจะไปพักผ่อนก็ไปทางรถและเอาเทรลเลอร์นี่แหละไปด้วย   พักแรมกันอย่างสบายในแคมป์กราวน์


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ธ.ค. 19, 17:44
ผู้ชายยุคนี้ถูกวางทัศนคติว่า เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ทำงานอาชีพที่รายได้ดี ความมั่นคงอยู่ที่ไม่เปลี่ยนงาน เพราะฉะนั้นใครทำอาชีพอะไรก็จะปักหลักอยู่ตรงนั้นไปจนเกษียณ อาจจะเลื่อนตำแหน่งขึ้น    แต่ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนจากอาชีพหนึ่งไปทำอีกอาชีพหนึ่ง   หรือย้ายรัฐย้ายงานไปเรื่อย
ส่วนผู้หญิงถูกวางว่า ความมั่นคงคือต้องแต่งงานเป็นแม่ศรีเรือนเลี้ยงลูกๆ ไม่ต้องทำงานนอกบ้าน     สามีมีรายได้ดีพอที่จะหาเครื่องอำนวยความสะดวกให้ภรรยาได้ทุกอย่าง    บริษัทต่างก็ผลิตเครื่องไม้เครื่องมือช่วยแม่บ้านกันเป็นล่ำเป็นสัน  ไม่ว่าตู้เย็น เตาอบไฟฟ้า เครื่องซักผ้า  เครื่องดูดฝุ่น  เครื่องล้างจาน ฯลฯ   เธอไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยซักผ้าด้วยมือหรือตักน้ำจากบ่ออย่างยุคก่อนสงคราม

มองในแง่หนึ่ง ผู้หญิงยุคนี้ก็กลายเป็นผู้หญิงสวยงาม อ่อนหวาน อบอุ่นสำหรับครอบครัว     แต่อีกแง่หนึ่ง  ผู้หญิงถูกจำกัดสิทธิ์ไม่ให้มีบทบาทในสังคมเท่าผู้ชาย    อยู่ในโลกแคบๆของบ้านเท่านั้น

ข้อนี้ ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากเกิดความอึดอัดคับข้องใจ  จนนำไปสู่ขบวนการก่อตั้งสิทธิสตรีหรือเฟมินิสต์ในทศวรรษต่อมา


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 03 ธ.ค. 19, 16:36
จากที่อ่านมาอเมริกาเป็นชาติที่พัฒนาได้เร็วมากเลยนะคะ


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ธ.ค. 19, 16:51
คนที่อพยพเข้ามาในอเมริกา มาจากประเทศเก่าแก่ที่พัฒนากันมาเป็นพันปี  ตัวอย่างเช่นอังกฤษและฝรั่งเศส   พวกเขาเป็นเพียงคนด้อยโอกาส ไม่มีที่ยืนเพียงพอในบ้านเกิด
แต่ทวีปใหม่มีเนื้อที่เหลือเฟือให้เขาทำมาหากินได้    ด้วยความรู้ที่ถ่ายทอดกันมา  พวกเขาก็สามารถลุกขึ้นยืนได้ในที่สุด

อเมริกาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19  ยังไม่ค่อยเจริญนักค่ะ   นอกจากในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ค  รัฐนอกๆออกไปจากนั้นก็ยังตั้งตัวกันอยู่
ต้นศตวรรษที่ 20  เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1  อเมริกาอยู่ไกลเลยไม่บอบช้ำ     แต่ก็มาเจอพิษเศรษฐกิจตกต่ำในยุค 1930s  ถึงกับซวนเซไปพักใหญ่    จากนั้นมาเจอสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุค 1940s อีก   ยังดีที่เจ็บตัวน้อยกว่ายุโรปมาก
พอถึง 1950s  หมดสงคราม  แรงงานเต็มประเทศ  งานดี เงินดี   คนชั้นกลางที่เป็นชนชั้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมีเงินทองเต็มกระเป๋ายิ่งกว่ายุคใดๆ    ยุคนี้ก็เลยเป็นยุคฝันเป็นจริงของอเมริกา

แต่...
ขยะใต้พรมก็ยังมี  จะค่อยๆเล่าในโอกาสต่อไปค่ะ


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 19, 08:27
 กลับมาที่ 1950s อีกครั้ง
  ในเมื่อการสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเป็น American dream  จึงปรากฏว่าชนชั้นกลางแต่งงานกันเยอะมาก  หนุ่มสาวที่เดินเข้าสู่ถนนสมรสมีถึง 97%   เหลือพวกโดดเดี่ยวข้างทางเพียง 3 %
  เมื่อแต่งกันแล้วก็อยู่กันไปจนถือไม้เท้ายอดทอง   สถิติการหย่าร้างของคู่สมรสที่แต่งกันในยุค 1950s มีต่ำว่า 20 %  คือ 10 คู่มีไม่ถึง 2 คู่ที่เลิกกันไป
  กฎหมายมีส่วนช่วยให้การสมรสยั่งยืน นอกเหนือไปจากความรัก     เพราะในยุคก่อนหน้าและยุคนั้น การฟ้องหย่ามีประเด็นหลักได้เพียง 2 เรื่องคือนอกใจและทำร้ายร่างกาย     ถ้าไม่ใช่สองอย่างนี้ก็ยากที่ศาลจะรับฟัง 
  กล่าวคือถ้าคู่สามีภรรยาเบื่อหน้ากันแทบตาย  ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาข้อหาเบื่อหน้าไปฟ้องศาล  ศาลไต่สวนแล้วว่าไม่ได้นอกใจ ไม่ได้ตบตีเตะต่อย   ไม่ได้กระทำใดๆที่เป็นปฏิปักษ์อย่างร้ายแรง  ก็อาจยกฟ้อง 
   เพราะฉะนั้นจึงมีอยู่มากที่คู่สามีภรรยาแม้ว่าความรักจะจืดจางกันไปแล้ว  ก็ยังอยู่กันจนตายจากกันไป  เพราะทางเลือกดีกว่านี้ไม่มี
   เหตุผลอีกอย่างหนึ่งคือสังคมวางบทบาทให้ผู้ชายหาเลี้ยงครอบครัว  แต่ผู้หญิงมีหน้าที่รักษาครอบครัว    ถ้าเธอหย่า   เธอจะถูกมองว่าเป็นคนทำให้ครอบครัวล่มสลาย  แทนที่จะแก้ปัญหาว่าทำยังไงจะให้สามีเลิกนอกใจ หรือว่าอดทนไปเพื่อลูก
  แมกกาซีนต่างๆที่ออกในยุคนี้ก็มักจะมีคอลัมน์ประเภท  "ทำยังไงเมื่อสามีนอกใจ"   หรือ " วิธีเติมความหวานให้ชีวิตแต่งงานหลัง 10 ปี"


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: kui045 ที่ 04 ธ.ค. 19, 11:44
เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกมีความสุข อบอุ่นในบรรยากาศ สังคมบ้านเมือง กินดี อยู่ดี


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 19, 15:44
เจ้าบ่าวเจ้าสาวในยุค 1950s


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 19, 16:22
เด็กน้อยในยุคนี้แต่งกายเรียบร้อย สวยงาม  สวมถุงเท้ารองเท้าครบ


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 19, 17:23
ดาราชายดังๆในยุคนี้  ล้วนแต่เป็นหนุ่มหล่อระดับเทพบุตร 
เช่นชาร์ลสตัน เฮสตัน  แครี่ แกรนท์  ร็อค ฮัดสัน และมาร์ลอน แบรนโด


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 19, 17:32
ส่วนดารายอดนิยมฝ่ายหญิงก็สวยกันหยาดฟ้ามาดิน
เช่นลิซ เทเลอร์  ออเดรย์ เฮปเบิร์น    เดเบอราห์ คาร์ และเกรซ เคลลี่


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 19, 17:56
และ..ยอดดาราแห่งยุค ที่ไม่มีใครลบรัศมีเธอได้จนทุกวันนี้
มาริลีน มอนโร

https://www.youtube.com/watch?v=knLd8bfeWtI


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 19, 18:29
    1950s เป็นยุคสมัยของระเบียบเรียบร้อยในสังคมชนชั้นกลาง     ผู้ใหญ่เห็นความสำคัญของการอบรมดูแลเด็กให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ  ปลูกฝังคุณธรรม และศีลธรรมกันมาตั้งแต่เด็ก    
     ระเบียบสังคมบางเรื่องนั้น  เด็กที่เกิดในศตวรรษที่ 21  รู้เข้าคงหัวร่องอหาย     เช่น หนังทีวีถูกเซนเซอร์ไม่ให้มีคำว่า "ตั้งท้อง" (pregnant)ออกมาเด็ดขาด  ต้องเลี่ยงไปใช้คำอื่น
     ฉากห้องนอนที่สามีภรรยานอนเตียงเดียวกัน ออกอากาศไม่ได้อีกเช่นกัน    ถ้าจะมีฉากห้องนอนจริงๆก็ต้องสร้างให้ต่างคนต่างนอนกันคนละเตียง
    มาถึงกลางทศวรรษ  นักร้องวัยรุ่นที่เริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่ชื่นชมของเด็กวัยรุ่น  ต้องร้องเพลงสำหรับวัยรุ่นด้วยกิริยาอาการสำรวม แต่งกายเรียบร้อยเป็นพิธีรีตองไม่ต่างจากรุ่นพ่อ

   คลิปนี้ คือริคกี้ เนลสัน ดาราเด็กที่เติบโตขึ้นมาในหนังชุดครอบครัวยอดนิยมทางทีวี    พอเป็นวัยรุ่นก็ร้องเพลงในหนังทีวีที่เขาเล่น    กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นทั้งประเทศ

https://www.youtube.com/watch?v=X505HU1SR_s


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 19, 18:30
นี่คือพอล แองก้า ค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=mOWn750b958


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ธ.ค. 19, 18:33
เพลงนี้  วัยรุ่นไทยยุคคุณปู่รู้จักดี

https://www.youtube.com/watch?v=ar-zZ21iW9w


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 19, 11:03
  ถ้าหากว่าใครอยากใช้ไทม์แมชชีนย้อนเวลาของโดเรมอน  เดินทางกลับไปอยู่ในยุค American dream   เพราะเป็นยุคทองที่บ้านเมืองสวยงาม    ครอบครัวอบอุ่น  งานดี  เงินดี    ก็โปรดเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับ 2 เรื่องต่อไปนี้
  คือ
  1  คุณต้องเป็นชายจริงหญิงแท้
  2  คุณต้องเป็นฝรั่งผิวขาว  

   ข้อแรกนั้น  เหตุผลข้อหนึ่งในหลายๆข้อ เกิดจากที่ว่า ความฝันของคนอเมริกันคือมีครอบครัวอบอุ่นพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก   บทบาทของชายหญิงแยกกันชัดเจน  พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว  แม่เป็นแม่ศรีเรือน    เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ไม่อาจสวมบทบาทนี้ได้พอดีตัว  จึงหาที่ยืนได้ลำบากในสังคม  
   พูดง่ายๆอีกทีคือถ้าคุณเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง  หรือคุณเป็นหญิงแต่ใจเป็นชาย    คุณก็จะไม่ลงตัวในครอบครัวพ่อแม่ลูกดังกล่าว
   คุณอาจจะค้านว่า  คนเพศเดียวกันก็สามารถมีรักแท้ และครองคู่กันได้ยั่งยืนไม่แพ้คู่ต่างเพศ     ข้อนี้ถึงแม้ว่าเป็นไปได้ แต่คุณก็จะไม่ใช่ครอบครัวอย่างที่เป็นความฝันของสังคมได้อยู่ดีละค่ะ
   ใน 1950s  คนที่เป็นรักร่วมเพศอาจถูกตัวบทกฎหมายลงโทษได้ในข้อหา "ประพฤติตนไม่ถูกต้องดีงาม"  คือถ้าคุณเป็นชายโสด   ไปหิ้วสาว(ที่ไม่ใช่ผู้เยาว์)ที่ไหนเข้าบ้าน จะไม่มีใครว่าอะไร  ถือเป็นความสมัครใจกันทั้งสองฝ่าย       แต่ถ้าชายโสดคนไหนไปหิ้วหนุ่มมาร่วมเตียงด้วย เป็นเรื่องขึ้นมาทันที   ตำรวจมีสิทธิ์ตั้งข้อหาได้ ถ้าเรื่องอื้อฉาวออกไป
   ดังนั้น ผู้ชายหรือผู้หญิงที่เกิดมาโดยไม่มีจิตพิศวาสเพศตรงข้าม แต่รักใคร่ชอบพอเพศเดียวกัน จึงอยู่ในฐานะลำบากมากในสังคม      
   ถ้าบางคนเกิดมาในครอบครัวที่เคร่งศาสนา ก็อาจถูกอบรมให้เข้าใจว่าความคิดเช่นนี้เป็นบาป    ทางออกของพวกเขาก็แคบมาก มีทางเลือกเพียงเก็บกดความคิดนี้เอาไว้  แล้วแต่งงานไปเพื่อจะทำหน้าที่พ่อบ้านหรือแม่บ้าน(หากว่าเป็นเลสเบี้ยน) อย่างดีที่สุด  บางทีคู่ครองดีๆอาจทำให้ลืมเรื่องนี้ไปได้เอง    
  หรืออีกทางก็คืออยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต  ไม่ทำร้ายความรู้สึกของพ่อแม่หรือชายหญิงที่จะมาเป็นคู่สมรส


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 19, 11:22
   ถ้าเป็นคนมีชื่อเสียง เป็นบุคคลสาธารณะอย่างดารานักร้อง หรือนักการเมือง หรืออะไรก็ตามที่มีภาพมีข่าวลงหนังสือพิมพ์บ่อยๆ   สภาพรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่ต้องปกปิดกันสุดชีวิต    เพราะหมายถึงอนาคตการงานจะดับลงทันที ไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีก 
   ดาราหนุ่มหลายคนของฮอลลีวู้ดเป็นเกย์   แต่บริษัทก็จัดการกลบเกลื่อนให้สนิท  ด้วยการวางตัวให้เป็นหนุ่มโสดเจ้าชู้ ควงผู้หญิงไปเรื่อยไม่ลงเอยกับใครบ้าง    เป็นคนชอบเก็บตัวชอบอยู่เงียบๆบ้าง     หรือไม่ก็จัดการให้แต่งงานหลอกๆ ไปกับหญิงสาว แล้วค่อยหย่ากันทีหลัง
   หนึ่งในจำนวนนี้คือร็อค ฮัดสัน  ดาราดัง สูงใหญ่หล่อล่ำ มาดแมนทุกกระเบียดนิ้ว  เล่นหนังได้หลายแบบตั้งแต่คาวบอยกร้าวๆ ไปจนบทสนุกกุ๊กกิ๊ก      บริษัทจัดการให้เขาแต่งงานไปกับเลขาสาวของบริษัท  ทำทีอยู่กันพักหนึ่งก็หย่ากันไป    เพื่อได้หมดข้อสงสัย


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 19, 11:41
ดาราข้างล่างนี้  สีม่วงทั้งหมดค่ะ


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 19, 14:43
ดาราหญิงที่มีใจฝักใฝ่ผู้หญิงด้วยกัน


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 19, 15:40
 ถ้าหากว่าใครอยากใช้ไทม์แมชชีนย้อนเวลาของโดเรมอน  เดินทางกลับไปอยู่ในยุค American dream   เพราะเป็นยุคทองที่บ้านเมืองสวยงาม    ครอบครัวอบอุ่น  งานดี  เงินดี    ก็โปรดเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับ 2 เรื่องต่อไปนี้
  คือ
  1  คุณต้องเป็นชายจริงหญิงแท้
  2  คุณต้องเป็นฝรั่งผิวขาว  

   กลับมาค.ห.ที่ 58 ข้อ 2
  แม้ว่าอเมริกาได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ    มีความเท่าเทียมกัน ไม่แบ่งชนชั้นอย่างในยุโรป   แต่เอาเข้าจริงก็หาเป็นจริงเช่นนั้นไม่      อเมริกาไม่มีชนชั้นเจ้านาย และไพร่ก็จริง  แต่มีชนชั้นนายจ้างและทาส(ผิวดำ) ซึ่งนำไปสู่สงครามกลางเมืองสมัยประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น    ระหว่างรัฐทางเหนือซึ่งไม่มีทาสผิวดำ และรัฐทางใต้ที่มีทาสผิวดำเป็นสิ่งถูกต้องตามกฎหมาย
   สงครามกลางเมืองจบลงตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19    แต่ล่วงมาจนกลางศตวรรษที่ 20   คนผิวดำก็ยังถูกแบ่งแยกชนชั้นจากคนผิวขาวอยู่นั่นเอง  โดยเฉพาะในรัฐทางใต้   ส่วนทางเหนือนั้นค่อยยังชั่วหน่อย  คนผิวดำยังมีโอกาสมากกว่า


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ธ.ค. 19, 16:17
      การแบ่งแยกอย่างที่จะเล่าต่อไปนี้อาจฟังประหลาดสำหรับคนไทย เพราะถึงแม้ว่าสังคมเรามีการพูดถึงชนชั้นกันมาบ้าง เช่นคนรวยกับคนจน   หรือการแบ่งแยกความคิดทางการเมือง  แต่เราก็ไม่เคยเจอกฎหมายแบ่งแยกที่ประกาศกันออกมาจะจะ ว่าโรงเรียนนี้สงวนไว้ให้เด็กผิวขาวเท่านั้น     ห้องน้ำสาธารณะไม่ได้แบ่งแค่ชายหญิง แต่แบ่งว่าส่วนนี้คนผิวขาวเท่านั้นถึงจะเข้าได้     รถโดยสารก็แบ่งที่นั่งว่าคนดำต้องขึ้นทางประตูหลัง  ส่วนคนขาวเท่านั้นมีสิทธิ์ขึ้นทางประตูหน้า   ถ้าที่นั่งคนขาวเต็ม คนดำต้องลุกขึ้นสละที่ให้นั่ง    ภัตตาคารบางแห่งก็รับเฉพาะลูกค้าผิวขาว    หมู่บ้านบางแห่งก็ไม่ขายให้ลูกค้าผิวดำ ต่อให้มีเงินซื้อก็เถอะฯลฯ
     คนผิวดำไม่มีสิทธิ์เป็นดารานำในหนัง   เป็นได้แต่ตัวประกอบเท่านั้น  นักร้องก็เช่นกัน    เธอไม่มีสิทธิ์ออกมาร้องเดี่ยวๆในรายการ
     ความเหลื่อมล้ำเหล่านี้ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ในหลายรัฐ   ในยุค 1950s

     คำว่าคนผิวดำ เรียกกันอย่างเหยียดหยามว่า negro  คำนี้คนไทยในอดีตเองก็ไม่รู้เรื่อง  พลอยเรียกพวกผิวดำว่า "นิโกร" ไปด้วย เพราะได้ยินฝรั่งเรียกเช่นนั้น   


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 19, 08:45
การแบ่งแยกสีผิวดำเนินไปตลอดทศวรรษที่ 1950s   จนกระทั่งเกิดขบวนการเคลื่อนไหวคัดค้านความไม่เสมอภาคนี้ขึ้น     แล้วชัดเจนขึ้นในทศวรรษ 1960s  แต่ไม่ขอเล่าเพราะไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้ค่ะ  เรื่องมันจะยาว
   ถ้าใครเข้าไปดูหนังครอบครัวยอดนิยม ใน youtube  เช่นในเรื่อง Leave it to Beaver  หรือ Father Knows Best   จะเห็นว่าโรงเรียนของหนูน้อยบีเวอร์ไม่มีเด็กต่างสีผิว โดยเฉพาะผิวดำ     เพื่อนบ้านผิวดำก็ไม่มี      ชีวิตวัยเด็กที่อบอุ่นของหนูน้อยเป็นโลกของคนผิวขาวโดยเฉพาะ

   เมื่อจบยุคทองในวัยเด็กของเหล่าเบบี้บูมเมอร์แล้ว    ทศวรรษต่อมาเด็กพวกนี้เติบโตขึ้นเป็นหนุ่มสาวแบบกลับตาลปัตร    สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไป จากความราบรื่นผาสุกกลายเป็นว่าอเมริกากระโจนเข้าไปทำสงครามในเวียตนาม   เด็กหนุ่มทั่วประเทศเดินเข้าสู่สมรภูมิไกลจากบ้านเกิดคนละซีกโลก    เอาชีวิตไปทิ้งเสียมากมาย    จนเกิดการต่อต้านสงครามจากพวกที่อยู่ข้างหลัง  ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ไปทำสงครามเพื่ออะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพื่อปกป้องบ้านเมืองตัวเอง
   หนุ่มสาวที่เหลือในประเทศจำนวนมากลุกขึ้นก่อกบฏกับครอบครัว   กลายเป็นฮิปปี้ ออกจากบ้านไปแสวงหาความหมายของชีวิต  โยนกฎเกณฑ์ระเบียบต่างๆที่เคยได้รับอบรมมาทิ้งหมด   ติดยา   ร่อนเร่ นอนข้างถนน สำส่อน ไม่ทำงานทำการ
   ถ้าใครเคยดูหนัง Forrest Gump ชีวิตนางเอกในเรื่องก็คือฮิปปี้แบบนี้ละค่ะ

   American dream ที่เคยงดงามในยุค 1950s  ก็จบลงเพียงแค่นี้


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 19, 08:47
 :(


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 06 ธ.ค. 19, 10:24
แนะนำหนังคุณภาพเรื่อง Far from Heaven (2002) ที่มี Julianne Moore รับบทแม่บ้านในฝันอเมริกัน
ที่ต้องเผชิญกับ 2 ประเด็นต้องห้ามนี้


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 19, 10:30
ขอบคุณค่ะคุณหมอ SILA

https://www.youtube.com/watch?v=_qje4IEAQpQ


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 19, 10:32
https://www.youtube.com/watch?v=-62dSL7E1G4


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ธ.ค. 19, 13:14
    หนังเรื่องนี้เป็นการตีแสกหน้า American dream อย่างจัง      นางเอกเป็นหญิงสาวที่มีชีวิตตรงตามอุดมคติของฝันอเมริกันทุกอย่าง   เธอแต่งงานกับชายหนุ่มหน้าที่การงานดี  มีลูกเล็กๆ มีบ้านหลังงามในเขตชานเมือง  ตัวเองเป็นแม่บ้านดูแลครอบครัวให้สมบูรณ์แบบ
    จนกระทั่งวันหนึ่งเธอค้นพบความลับของสามีเข้าโดยบังเอิญ   ว่าเขาเป็นชายรักร่วมเพศ     ความจริงข้อนี้สั่นคลอนความสัมพันธ์ของสามีภรรยาอย่างไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมได้อีก     แม้พยายามจะปรับตัวกลับมาเหมือนเดิมก็ไม่สำเร็จ
    ร้ายยิ่งกว่านั้นคือมีผู้ชายอีกคนเดินผ่านเข้ามาในเส้นทางพอดี     เป็นชายที่มีอัธยาศัยดีและรสนิยมเข้ากับเธอได้   เพียงแต่เขาเป็นคนผิวดำ
    คนทั้งเมืองไม่มีคนไหนยอมรับได้ แม้แต่เห็นเธอเดินคู่ไปกับเขาตามถนน   หรือแวะเข้าไปในร้านอาหาร
    ตัวเขาเองก็โดนประณามหยามเหยียด    ถูกกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง  ที่บังอาจไปคบผู้หญิงผิวขาว
    เรื่องก็จบลงแบบตรงตามความเป็นจริง    ไม่ใช่ความฝัน


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ธ.ค. 19, 17:51
ไปต่อที่กระทู้ สงครามเย็น  ค่ะ

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=7071.msg170250;topicseen#msg170250


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ธ.ค. 19, 13:42
มีภาพชีวิตชาวบ้านร้านถิ่นและผู้คนระดับกลางในยุค AMerican dream มาให้ดูอีกเว็บหนึ่งค่ะ

https://www.thevintagenews.com/2015/06/20/how-things-looked-like-in-the-50s-color-photos-of-everyday-life-back-in-the-1950s/


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 18 ม.ค. 21, 19:35
.
ผมขออนุญาตท่านอาจารย์ นำกระทู้นี้มา เพื่อระลึกถึงผู้ร่วมแต่งเพลงๆ นี้ 'Be My Baby' ... "Phil Spector" .....ตำนานแห่ง Wall of Sound ครับ

Be My Baby - The Ronettes -1963-Stereo-Music Video (https://www.youtube.com/watch?v=NnWOBMQhNBQ)
.


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ม.ค. 21, 20:03
ช่วยขยายความหน่อยได้ไหมคะ  ยังไม่เข้าใจค่ะ


กระทู้: American Dream ในยุค 1950s
เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 19 ม.ค. 21, 06:13
.
ผมสนใจโปรดิวเซอร์เพลง Phil Spector ตรงที่เขาได้คิดค้นวิธีที่จะนำเทคโนโลยีในยุคของเขา
มาใช้สร้างผลงานต่างๆ นั่นคือ เทคนิคในการสร้างเสียงดนตรี ที่เรียกว่า Wall of Sound นี้ครับ

และบังเอิญคุณ teerapong ได้เขียนเรื่องราวชีวิตของ Phil Spector เอาไว้ที่เวบ bearthai วันนี้พอดี
ผมจึงขออนุญาต นำระโยงของบทความนั้น จากเวบ bearthai มาขยายความเพิ่มเติมไว้ตามสมควรครับ

เส้นทางชีวิตและผลงานของ Phil Spector โปรดิวเซอร์ผู้บุกเบิกการบันทึกเสียงแบบ ‘Wall of Sound’ (https://www.beartai.com/lifestyle/524617)
https://www.beartai.com/lifestyle/524617

ขอขอบคุณ : คุณ teerapong (https://www.beartai.com/author/teerapong) และ beartai.com (https://www.beartai.com/)
.