ความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในสยาม จากการปฎิวัติในพ.ศ. 2475 เป็นส่วนสำคัญให้พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ตัดสินพระทัยอยู่ในอังกฤษต่อไป แทนที่จะเสด็จกลับมาสู่บ้านเกิดเมืองนอน เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯทรงสละราชสมบัติ ก็ยิ่งไม่มีเหตุให้พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ทรงอยากกลับมารับราชการในสยาม
ความเป็นอยู่ในอังกฤษขณะนั้นนับว่าสุขสบายและเป็นอิสระกว่า ผิดกับทางสยามที่ตึงเครียดทางการเมืองอยู่ไม่เว้นว่าง ก่อนหน้านี้ พระองค์จุลฯ ทรงมีพระญาติสนิทพระชันษารุ่นราวคราวเดียวกันเป็นเพื่อน คือพระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ พระโอรสในสมเด็จวังบูรพาฯ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ทรงแนะนำให้พระองค์จุลฯ รู้จักกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช พระอนุชา ทั้งพระองค์จุลและพระองค์พีระเกิดความสนิทสนมคุ้นเคยและต้องชะตากัน เหมือนเป็นพี่น้องแท้ๆ พระองค์จุลฯ ได้วางพระองค์เป็นพี่ชายที่ดีของน้องชายมาโดยตลอด
ในช่วงเวลาที่เจ้าชายหนุ่มทั้งสามไปพักร้อนด้วยกัน พระองค์อาภัสฯ ทรงสอนพระองค์พีระฯ หัดขับรถ พระองค์พีระทรงฉายแววพรสวรรค์ทางด้านนี้ ทรงเรียนรู้การขับรู้ได้เร็วและโปรดการขับรถอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นแค่งานอดิเรกเท่านั้น
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ภาวะการเงินของสำนักงานพระคลังข้างที่อยู่ในฐานะลำบาก เพราะอำนาจทางการเงินอยู่ในมือของรัฐบาลทั้งหมด เจ้านายที่อยู่ต่างประเทศได้รับผลกระทบไปด้วย พระองค์จุลฯ จึงรับอุปการะพระองค์พีระฯ อย่างเต็มตัว ถึงขั้นทรงออกทุนทรัพย์ในการแข่งขันรถให้พระองค์พีระเข้าแข่ง ตามพระทัยรักทางด้านนี้
หาอ่านได้ในกระทู้ เจ้าดาราทอง ค่ะ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1151.0