เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: ส้มหวาน ที่ 31 ธ.ค. 00, 16:53



กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 31 ธ.ค. 00, 16:53
อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันและอาก๋งหลายๆคนต้องมาเมืองไทย คือว่าอาก๋งท่านมาเมื่อ ประมาณ  กว่าปีมาแล้วค่ะ ใช่เป็นช่วงเหตุการณ์สมัย ดอ็กเตอร์ ซุน ยัด เซ็น หรือเปล่าคะ แบบว่าไม่ค่อยแม่นประวัติศาสตร์จีนน่ะค่ะ บางทีก็สงสัยว่าเป็นช่วงสมัย ซูสีไทเฮาหรือเปล่า ไม่ทราบว่าท่าน ซูนี่กี่ปีมาแล้วคะ ใช่ตรงกับสมัย รัชกาลที่  5 หรือเปล่าคะ สงสัยจัง


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 15 ธ.ค. 00, 00:40
ขอโทษต่ะพิมพ์พลาดค่พ ปุ่มnum lock ไม่ขึ้น คือว่าอาก๋งมาเมืองไทยเมื่อ 50 กว่าปีมาแล้วค่ะ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 15 ธ.ค. 00, 01:20
ถ้า 50 กว่าปีที่แล้ว ผมขอเดาว่า คุณก๋งคุณส้มหวานหนีคอมมิวนิสต์ของประธานเหมาเจ๋อตงมาครับ 50 กว่าปีนี่ กว่ามากไหมครับ

คอมมิวนิสต์ได้อำนาจรัฐในจีนปี 1949 แต่ประธานเหมากับท่านจอมพลเจียงไคเช็กรุกรบรับขับไล่กันมานานก่อนหน้านั้น แล้วก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ก๊กมินตั๋งกับคอมมิวนิสต์ทำสัญญาสงบศึกกัน ร่วมมือกันรบญี่ปุ่นที่รุกรานเข้ามาในจีน ช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2  พอญี่ปุ่นแพ้แล้ว (1945) สองจีนก็หันมารบกันต่อ  รบกันได้สามสี่ปีเจียงไคเช็กก็ต้องหนีลงทะเลไปไต้หวัน

ถ้าคุณก๋งมาเมืองไทยก่อนนั้นสักหน่อย อาจจะเป็นได้ว่าว่าหนีสงครามจีนญี่ปุ่นมาครับ

ที่ว่าคุณก๋งหนีคอมมิวนิสต์ผมอาจจะพูดเจาะจงไปหน่อย ควรจะกล่าวว่า หนีสงครามกลางเมืองระหว่างคอมมิวนิสต์กับก๊กมินตั๋งมากกว่า เพราะคนจีนธรรมดาจำนวนมากไม่ได้รู้เรื่องหรือสนใจการต่อสู้ทางอุดมการณ์ แต่ว่าเดือดร้อนจริงๆ เพราะสงครามกลางเมือง ก็หนีไปโพ้นทะเล ไม่ได้หนีจากฝ่ายใดฝ่ายหยึ่งเป็นพิเศษหรอก หนีสงครามเท่านั้นเอง

ส่วนสมัยปฏิวัติเก๊กเหม็งล้มราชวงศ์ชิง ของ ดร. ซุนยัดเซน นี่ ราวร้อยปีมาแล้วครับ เห็นจะตรงกับรัชสมัย ร. 5 ได้ ดร. ซุนทำปฏิวัติล้มล้างระบอบฮ่องเต้สถาปนาสาธารณรัฐจีนได้ เมื่อปี 1911 ก่อนที่จะทำสำเร็จนั้น บ้านเมืองจีนภายใต้ยุคสุดท้ายของราชวงศ์ชิงก็วุ่นวายอยู่พักใหญ่หลายปี คนจีนหนีความวุ่นวายออกนอกประเทศก็มีเหมือนกันในช่วงนั้น (ซูสีไทเฮาก็อยู่ปลายช่วงสมัยชิง)
และแม้แต่เมื่อหลังปี 1911 มาแล้วจีนก็ยังมีความวุ่นวายอยู่มากต่อมาอีกพักหนึ่ง มีขุนศึกตั้งตัวเป็นใหญ่ตามแถบต่างๆ ไม่ได้สงบสุขนักหรอกครับ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 15 ธ.ค. 00, 02:26
เท่าที่จำได้คร่าวๆนะคะ

ปีคศ 1911  ประเทศจีนกลายเป็นระบอบสาธารณรัฐ อย่างที่คุณนิลฯว่า
1917 สงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง
1924 ดร ซุนฯสิ้นชีวิตลง  เจียงไคเช็คขึ้นมานำพรรคก๊กมินตั๋ง
1927 เจียง ทรยศ ต่อพรรคคอมมิวนิสต์  โดยมีการกวาดล้างครั้งใหญ่  ทั้งฆ่าหมู่ ทั้งจับขัง  นักเรียน นักศึกษาจีนเป็นจำนวนมาก  หนีไปยังต่างประเทศ คือประเทศไทย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ฯลฯ  คนจีนที่มาเมืองไทยช่วงนี้  มีการศึกษา  จึงมาเป็นครูสอนหนังสือจีน  และความที่เคลื่อนไหวทำงานก้าวหน้ามาก่อน  ก็มา "ปลุกระดม" ลูกจีนในเมืองไทย  เป็นต้นเหตุให้เกิดความหวั่นไหวในทางการไทยว่า โรงเรียนจีนจะเป็นที่เผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์  ต่อมาก็มีการห้ามสอนภาษาจีนในโรงเรียนจีนนอกเหนือไปจากชั้น ป 4

หลังจากนั้นประเทศจีนก็บ้านเมืองระสำ่ระสาย  รัฐบลาลกลางก็แตกเป็นฝักเป็นฝ่าย  พวกคนมีอิทธิพลท้องถิ่น  ก็ตั้งตัวเป็นเจ้าพ่อ  มีการออกภาษี เก็บภาษี และตั้งกองทัพติดอาวุธกันเอง  คือแตกเป็นขุนศึก ก๊กต่างๆ  พรรคคอมมินิสต์ก็ลงใต้ดิน  เหมาก็เริ่มสะสมอำนาจ

1936 ญี่ปุ่นยึดแมนจูเรีย  ฆ่าฟันคนจีนท้องถิ่นล้มตายมาก  ไม่มีประเทศมหาอำนาจใดๆสนใจเอาความ  เพราะในยุโรปเองก็กำลังระอุอยู่
1939 (ไม่แน่ใจนะคะ)  พวกคอมมิวนิสต์ที่ลงไปในชนบท  ระดมชาวนามาต่อต้านญี่ปุ่น  ได้รับความนิยมจากกระแสรักชาติ  เจียง และพรรคก๊กมิ่นตั๋งเสื่อมความนับถือจากประชาชน  เพราะมัวแต่ไปหงอให้ญี่ปุ่น  และร่วมมือกับญี่ปุ่นปราบใหญ่พวกคอมมิวนอสต์  เหมาฯระดมให้เดินทางไกล  อพยพข้ามเทือกเขา เขตกันดาร  ไปตั้งหลักที่ เยนอาน

1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 เยนอานเป็นฐานที่มั่นเต็มตัว  พรรคคอมมิวนิสต์ปกครองราวกับเป็นปะรเทศอิสระ

1945 สงครามโลกสิ้นสุดลง  เหตุการณ์ต่อมาก็เป็นอย่างที่คุณนิลกังขาเล่าไว้

เคยมีอาจารย์คนจีนที่มหาวิทยาลัย  เค้ามีลุงเป็นขุนศึกใหญ่ทางใต้  พวกเจ้าพ่อท้องถิ่นน่ะค่ะ  พ่อเค้าเป็นนักศึกษาวิชาการ  แต่เค้าเคยกลับไปเมืองจีนช่วงที่กำลังยุ่งๆ  ก็เล่าให้ฟังว่า  ลุงมีกองทัพของตัวเอง  ต้องหาเงินบำรุงกองทัพ  ต้องชิงไหวชิงพริบกับขุนศึกก๊กอื่น  หวุดหวิดเต็มทีก็หลายครั้ง  เผิญออกมาได้ด่อนสงครามเลิก  แต่ลุง และน้องสาวกับแม่ของเค้ายังติดอยู่เมืองจีน  ตัวเค้ากับพ่อออกมมาอเมริกา  กว่าจะได้กลับไปรับน้องกับแม่มา  ก็อีตั้งเกือบยี่สิบปีค่ะ

อาจจะมีข้อมูลผิดเยอะนะคะ  ไม่มีหนังสือให้ค้นตอนนี้  เลยมั่วๆเอาจากความจำทั้งนั้นค่ะ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ธ.ค. 00, 09:18
กระทู้นี้น่าจะชื่อ "อยู่กับก๋ง" ฉบับเรือนไทย นะคะ
อ่านแล้วนึกถึงปู่ของปู่ของปู่ขึ้นมาเลยค่ะ
ใครพอจำได้ว่าระหว่าง พ.ศ. ๒๓๔๓ - ๒๓๖๘ เมืองจีนอยู่ในราชวงศ์อะไรคะ
ช่วงนั้นละค่ะ บรรพบุรุษของดิฉันเดินทางมาอยู่เมืองไทย


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: อักกา ที่ 15 ธ.ค. 00, 10:50
ราชวงศ์ชิงเริ่ม พ.ศ.๒๑๘๗ (ค.ศ.๑๖๔๔) ถึง พ.ศ.๒๔๕๕ (ค.ศ. ๑๙๑๒) รัชกาลที่๕ สวรรคต พ.ศ.๒๔๕๓


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ธ.ค. 00, 11:04
อ้อ  สมัยราชวงศ์ชิงนี่เอง ขอบคุณค่ะ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 15 ธ.ค. 00, 11:09
พ.ศ.2343 ตรงกับยุค ร.1 ของเราก็น่าจะเป็น รัชกาลคังซี(หรือคังฮี) นะครับ (แฟนกำลังภายในคงคุ้นเคยนะครับ)
ส่วนเรื่องการอพยพของชาวจีนมายังประเทศไทย ตั้งแต่ยุคพระเจ้าตากเป็นต้นมาส่วนใหญ่ที่อพยพมาเป็นชาวแต้จิ๋วครับ ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือสงครามก็มีแต่น่าจะนับเป็นส่วนน้อย จีนเป็นประเทศใหญ่ครับ ผลของการเมืองหรือสงครามไม่ได้เข้าไปถึงประชาชนส่วนใหญ่โดยตรงหรอกครับ (ถ้าจะมีก็เป็นผลข้างเคียง) ชาวแต้จิ๋วเองพื้นที่ทำนาอัตคัตเมื่อเทียบกับปริมาณคน นอกจากนี้ยังประสบภัยแล้งอยู่บ่อยๆ สาเหตุหลักของการอพยพจึงเป็นเรื่องของความอดอยากครับ
เรื่องของผลกระทบจากคอมมิวนิสต์ มีเกร็ดแปลกๆจะเล่าให้ฟังครับ ช่วงนั้นมีการปลุกระดมพวกลูกจีนให้กลับไปร่วมต่อสู้ครับ เป็นกระแสชาตินิยม ผมมีญาติผู้ใหญ่อย่างน้อยสองท่านที่อพยพกลับไปด้วยสาเหตุนี้ครับ ก็เพิ่งจะเสียชีวิตกันไปหมดเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง เท่าที่ทราบชีวิตก็ค่อนข้างจะลำบากครับ (เมื่อเทียบกับการเป็นคุณหนูอยู่ที่นี่) นอกจากนี้ยังมีกรณีลูกจีนในไทยที่บังเอิญเดินทางไปเมืองจีนช่วงนั้น แล้วติดสงคราม กลับไม่ได้ มีคนใกล้ตัวเลยครับ น้องชายของปู่ผมเอง ตกบันไดพลอยโจน เข้าร่วมในกองทัพแดง กลายเป็นคนจีนถาวรไปเลย เคยคุยกับท่าน ท่านเล่าว่าท่านค่อนข้างโชคดี ที่ได้เจ้านายเป็นคนดี และเข้าใจสถานภาพของท่าน เพราะคนจีนที่เกิดต่างถิ่นและเข้ามาในกองทัพนั้นถูกระแวงและประหารทิ้งไปเป็นจำนวนมากครับ ท่านก็เป็นนายทหาร(เล็กๆ)อยู่ในกองทัพจนเกษียณแหละครับ เรื่องที่น่าแปลกอีกเรื่องหนึ่งคือ ลูกชายคนหนึ่งของท่านแต่งงานกับลูกสาวนายพลคนหนึ่ง ซึ่งพอคุยกันก็ได้ทราบว่า นายพลท่านนั้นก็เป็นลูกจีนที่เกิดในไทยเช่นเดียวกันครับ
เรื่องแบบนี้ได้ยินบ่อยมาก รู้สึกอิจฉาคนสมัยก่อนที่มีโอกาสเดินทางโยกย้ายถิ่ฐานค่อนข้างอิสระนะครับ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ธ.ค. 00, 11:40
ขอบคุณอีกคนค่ะคุณCrazyHOrse
คิดว่าคงอย่างที่เล่ามาละค่ะ  พวกแต้จิ๋วที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในไทย มาแบบเผชิญโชค  ตายเอาดาบหน้าเป็นส่วนใหญ่    เพราะอยู่ที่เดิมลำบากมาก
รัชกาลที่ ๓ ท่านมีนโยบายชวนคนจีนให้อพยพเข้ามาอยู่ในไทยมากขึ้นด้วย  เพื่อจะใช้แรงงาน และค้าขายในไทย
พวกช่างจีนก็มาช่วยทางด้านศิลปะตามวัดวาอารามต่างๆ
เข้ามาตอนนั้นก็ง่ายมากคือนั่งเรือสำเภามาถึงก็หาที่อยู่กันเอาเอง ไม่ต้องมีใบต่างด้าว ไม่มีพาสปอร์ต   จะมามีเมียเป็นหญิงไทยก็ได้คนไทยไม่ห้าม
เลยไม่กลับถิ่นเดิม  อยู่กันมาจนมีลูกมีหลานที่นี่กลายเป็นคนไทย
เดาว่าคุณปู่ของปู่ฯลฯ คงขึ้นฝั่งทางใต้ ก่อนเข้ากรุงเทพ  เพราะเล่าต่อกันมาว่าไปได้สัมปทานเป็นเจ้าภาษีรังนกนางแอ่น  ก็คงอยู่กันทางใต้แต่จังหวัดไหนไม่ทราบ
ลูกหลานไม่กินรังนก  เกรงใจมันค่ะ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 15 ธ.ค. 00, 12:03
ขอโทษครับ เบลอไปนิด ไม่ใช่ คังซี ครับ น่าจะเป็น เฉียนหลง มากกว่า


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 15 ธ.ค. 00, 12:10
บรรพบุรุษคุณเทาชมพูเคยอยู่ทางใต้มาก่อนหรือครับ
ความจริงคนจีนทางใต้นี่จะมีสัดส่วน จีนแคะ จีนฮกเกี้ยน เป็นสัดส่วนสูงมากเมื่อเทียบกับทางภาคอื่นๆซึ่งจะเป็นคนแต่จิ๋วส่วนมาก(ไม่ได้หมายความว่าทางใต้แต้จิ๋วจะน้อยนะครับ แต่ไม่มากขนาด dominate ได้เหมือนในภาคอื่นๆน่ะครับ)


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ธ.ค. 00, 12:32
เฉียนหลง-เคยเจอแต่ในทีวี
ถ้าคุณ CrazyHOrse พอมีเวลาว่าง เล่าเรื่องเฉียนหลงบนเรือนไทยได้ไหมคะ  
บทบาทฮ่องเต้องค์นี้ ดูมีสีสันมาก  อยากรู้ว่าในปวศ.จีน  เป็นยังงั้นหรือเปล่า

กลับมาถึงคำถามของคุณ
ศัพท์วิชาการเรียกว่าสันนิษฐาน ศัพท์นอกวิชาการเรียกว่าเดาค่ะ
เดา....ว่าเมื่อคุณปู่ของปู่ฯลฯ ได้สัมปทานรังนกก็คงเคยอยู่ทางใต้มาก่อน สมัยอพยพมาเมืองไทย
หรือจะอยู่กรุงเทพแต่ข้ามไปได้สัมปทานรังนกทางใต้ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า
เป็นจีนแต้จิ๋วหรือแคะหรือฮกเกี้ยนก็เดาอีกละค่ะ  เดาว่าเป็นแต้จิ๋ว   เพราะท่านมีญาติเป็นพวกแซ่จิว
จิวเป็นคำออกเสียงแบบแต้จิ๋ว(?)  จีนกลางออกเสียงว่า โจว(?)
ลูกหลานต่อๆมา รู้ว่าดั้งเดิมมาจากจีน   แต่ไม่ได้ถือประเพณีจีน   ไม่ได้เรียนภาษาจีน    
เลยปะติดปะต่ออะไรไม่ค่อยได้
เป็นตัวอย่างของคนจีนที่กลืนมาเป็นไทยค่ะ เป๊ะเลย


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 15 ธ.ค. 00, 16:43
เรื่องปวศ.จีน รู้งูๆปลาๆครับ เล่าเป็นเรื่องเป็นราวคงไม่ไหว สงสัยต้องไหว้วานคุณ นกข. มากกว่าละมังครับ
เรื่องสัมปทานคุณปู่โจว ให้ผมเดาผมว่าน่าจะได้จากรัฐบาลท้องถิ่นมากกว่าครับ การให้สัมปทานจากส่วนกลางน่าจะเกิดเป็นระบบเมื่อมีการปรับปรุงระบบการปกครองหัวเมืองให้ดีขึ้นในยุค ร.4 - ร.5 นี่เองครับ
กรณีการกลืนคนจีนของคนไทยนี่ผมว่าน่าจะเป็นกรณีศึกษาเลย หายากมากที่คนจีนไปอยู่ในประเทศอื่นแล้วเปลี่ยนไปใช้นามสกุลแบบคนชาตินั้น ความรู้สึกนึกคิดก็ไม่(ค่อย)แบ่งแยก(นัก) ผมเองเรียนหนังสือจีนตอนเด็กๆอยู่ 9-10 ปี ไม่สนใจเอาซะเลย หลังจากนั้นไม่เคยแตะมากกว่า 15 ปี ความรู้คืนเหล่าซือไปหมด ตอนนี้รู้มากกว่าเด็กป.1 ไม่เท่าไรเลยครับ ยังดีพอมีวิชา เปิดพจนานุกรมจีนเป็นก็พอใช้ศึกษาได้บ้างครับ
ผมเป็นลูกหลานคนจีนที่ผสมกลมกลืนกับคนท้องถิ่นทั้งไทยและมอญ ถึงแม้ว่า90%จะเป็นจีน แต่ก็ภูมิใจในสายเลือดไทย และมอญ ของตัวเองไม่แตกต่างจากความเป็นจีนเลยครับ เชื่อว่านี่เป็นอิทธิพลพิเศษของเมืองไทยครับ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ธ.ค. 00, 17:33
อะฮ้า ใครอยากทำกรณีศึกษาไทย-จีน ได้อาสาสมัครมาแล้ว ๒ คนแน่ๆ
ค่ะ  เคยเห็นคนจีนที่อินโดฯ กับชาวอินโดฯ เขาก็ไม่กลมกลืนกันนะคะ  เหมือนต่างคนต่างอยู่
สังเกตว่า ไม่ใช่แต่จีนนะคะที่ผสมกับคนไทยแล้วกลายเป็นไทย  ตอนเด็กๆมีเพื่อนที่มีเชื้อสายฝรั่งทางพ่อ  บอกว่าบรรพบุรุษมารับงานราชการในไทย สมัยปลายร. ๕  
หลานเหลนจนป่านนี้ยังผมแดงผิวขาว แต่ชื่อไทยนามสกุลไทย  อยู่แบบไทยกันทั้งบ้าน
ป๋าเบิร์ดของเรานี่ก็มาจากฝรั่งเหมือนกันนี่คะ  ดูนามสกุลซี


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 15 ธ.ค. 00, 23:08
ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าผมเป็นอะไร จีน ไทย มอญ พม่า แขก ฝรั่ง ญวน เขมร ตะลุง ก็ "ออก" (แสดง) มาหมดแล้ว เกือบครบ 12ภาษาแล้วมั้ง... เหลือแต่ ข่า ญี่ปุ่น เงี้ยว ลาว ยังไม่ได้ออก คราวหน้าจะลองเล่นหมอลำ...
ทางพ่อ ท่านก๋งของคุณย่าผม เป็นจีนฮกเกี้ยนอยู่ทางใต้ครับ แต่สายคุณปู่นั้นเป็นไทยใต้ที่เป็นลูกหลานเหลนโหลนสืบมาจากมุสลิมชวา แต่ตกมาถึงรุ่นปู่ผมก็เป็นไทยไปนานแล้ว ทางแม่ เป็นไทยธรรมดา แต่ทราบเลาๆ ว่าคุณยายมีเชื้อพราหมณ์เมืองเพชรอยู่บ้าง นิดหน่อย เป็นอันว่าผมเป็นลูกหลานทั้งแขกพราหมณ์และแขกมุสลิม แต่หน้าตาตี๋ เพราะเชื้อท่านทวดก๋ง คือก๋งของคุณย่า แรง หรือนับรุ่นแล้วใกล้ผมมากกว่า หรือไงไม่ทราบ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 16 ธ.ค. 00, 04:24
My paper in Comparative Politics class I finished last week was about the authoritarian regime type of government in Malaysia ka. I found that it realated to ethnic conflict between Malays and Chinese. Therefore, I claimed very proundly that we do not have this problem in our country since we are assimilable ka.


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ธ.ค. 00, 08:35
ลำดับสายเลือดขึ้นไปสักสี่ห้าชั่วคน  ยังไม่เคยเจอเพื่อนคนไทยที่บอกได้ว่าไทยแท้มาแต่สุโขทัยหรืออยุธยา
โดยมากจะปนๆกันมาจากจีน  มอญ  แขก  ลาวค่ะ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ลองลำดับดูบ้างนะ  ปู่ย่าเชื้อสายจีนแต่มาถือธรรมเนียมไทย  แต่งงานกันเองในสกุลเดียวกัน (ตรงข้ามกับธรรมเนียมจีนโดยสิ้นเชิง)  คุณพ่อก็เป็นสายคุณปู่โจวสายเดียว
ทางแม่ ยายเป็นลูกสาวจีน มาแต่งกับคุณตาเป็นไทยมีเชื้อสายแขกอิหร่านอยู่นิดหน่อย
แม่เลยกินบะหมี่ได้อร่อยพอๆกับกินข้าวหมกไก่ ลุดตี่  มะตะบะ
สรุปว่าอิฉัน  นับแซ่แล้วอาจจะเป็นญาติห่างๆกับโจว เหวิน ฟะ เจ้าค่ะ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: บัว ที่ 16 ธ.ค. 00, 09:52
ก๋งของสามีอิฉันเป็นฮกเกี้ยน โล้สำเภาจากเมืองจีนมาได้สัมปทานเกาะทางใต้เหมือนคุณเทาเลยค่ะ แต่ไม่มีรังนก มีแต่หาดทราย หาดหิน ป่าไผ่ ต้นมะพร้าว ไม่งั้นป่านนี้เป็นลูกสะใภ้เศรษฐีไปแล้ว  แต่ก็ดีที่ว่าทุกวันนี้เหมือนมีเกาะส่วนตัว แม้จะรกร้าง  เพราะอยู่ครอบครัวเดียวมาตลอด ระยะหลังต้องจ้างคนเฝ้าแทน เพราะลูกหลานเข้ามาเรียนในเมืองกันหมด นาน ๆ ก็กลับไปลงขันช่วยซ่อมแซมบ้านที่ผุพังกัน เก็บไว้เป็นสิ่งมีค่าทางใจ ว่ามีบรรพบุรุษเกิดที่นี่  เกาะนี้เนื้อที่ 400 กว่าไร่ เคยมีคนมาขอซื้อ แต่ยังไม่คิดจะขาย (บังเอิ๊ญ.. ว่าเป็นของทางซะมี ไม่งั้นรู้ดีรู้ชั่วไปแล้ว)
เมื่อปีที่แล้ว มีนักธุรกิจจีนสิงคโปร์ติดต่อมา ถามหาอาก๋ง ไล่เลียงได้ว่าเป็นลูกหลานญาติก๋งที่ออกจากเมืองจีนมาด้วยกัน แต่ของเค้าไปขึ้นฝั่งทางสิงคโปร์  fax เอกสารหลักฐานอ้างอิงกันหลายรอบ แล้วก็เลยนัดพบกัน  เห็นว่าปีใหม่นี้เค้าจะพาอาม้ามาหาที่เมืองไทย ต้องจัดงานวันพบญาติกันซะหน่อย
คุณเทาเชื่อไหมคะ เชื้อจีนนี่แรงจริง ๆ สามีเป็นจีน แต่ดิฉันเป็นมอญปากลัด ลูกออกมาตี๋สนิทเลยค่ะ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ธ.ค. 00, 10:30
เท่จังค่ะ มีเกาะส่วนตัว ยังกะอดีตมหาเศรษฐีโอนาสซิสแน่ะ
เหมาะจะเป็นแม่ยกพันล้านของลิเกวิชาการ (แฮ่ะ ประจบค่ะ)

เชื้อจีนบางสายก็แรงบางสายก็ไม่แรง  คุณพ่อดิฉันนี่ไปเล่นหนังเป็นชาวบ้านบางระจันได้สบายค่ะ
แต่ทางคุณแม่แรงมาก
ลูกสาวหมวยสนิทเหมือนกันค่ะ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: พัดโบก ที่ 16 ธ.ค. 00, 15:22
ผมมีเพื่อนชาวมาเลย์อยู่คนนึง เป็น chinese-malay ก็เล่าเหมือน ที่คุณ B ว่ามาครับ
คือมีปัญหาเรื่องความขัดแย้งของชนชาติค่อนข้างเยอะทีเดียวในมาเลเซีย
คนมาเลย์ใหญ่ๆมีสามกลุ่มคือ มาเลย์แท้ จีน อินเดีย
เค้าว่า ถ้าลูกคนจีนบ้านไหนไปแต่งกับพวกมาเลย์แท้นี่แทบจะถูกตัดญาติเอาเลยทีเดียว
สิทธิต่างๆ คนที่ไม่ใช่มาเลย์แท้ก็แตกต่างจาก มาเลย์แท้มากเหมือนกัน
ส่วนตัวเค้าเอง เค้าบอกเค้าไม่รักประเทศเค้าเลยแม้แต่น้อย


คงไม่มีที่ไหนที่จะกลืนกันได้มากเหมือนเมืองไทยแล้วล่ะครับ
น่าดีใจครับ ที่ได้เกิดเป็นคนไทย..


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: แม่แก้ว ที่ 16 ธ.ค. 00, 17:21
แวะผ่านเข้ามาในwebนี้ เอ๊ะ! เห็นท้าวความถึงเรื่องคนจีนอพยพมาเมืองไทย เราก็เป็นหนึ่งในลูกฟลานจีน จึงขอกระโดดเข้าร่วมวงด้วยคน
ดัวอิฉันเป็นลูกครึ่ง 50 : 50 ค่ะ คือครึ่งแคะกับครึ่งไหหลำ คุณปู่คุณย่าคุณตาและคุณยายอพยพมาจากเมืองจีน ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ายุคไหนพ.ศ.ไหน  ทราบแต่ว่าคุณปู่ซึ่งเป็นนักศึกษาจีนได้กลับไปเมืองจีนอีกครั้ง คิดว่าเป็นช่วงที่คุณนกขเล่าแหละค่ะแล้วคุณปู่ก็เสียชีวิตในสงครามครั้งนั้นนั่นเอง  ส่วนครอบครัวทางฝ่ายคุณพ่อและคุณแม่อิฉันก็อยู่เมืองไทยจนชีวิตความเป็นอยู่และประเพณีกลืนไปกับคนไทยแล้วค่ะ (ถึงแม้หน้าตาจะบ่งเชื้อสายอย่างเห็นได้ชัด)  ก็ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีนะคะ เพราะขนาดวันไหว้เจ้า ครอบครัวเรายังทำสังฆทานแทนเลยค่ะ เนื่องจากคุณแม่ก็อายุมากแล้ว ไม่สามารถลุกขึ้นมาแต่มืดมาต้มไก่เอง ส่วนลูกสาวทุกคนก็ขาดความเป็นแม่ศรีเรือนจนคุณแม่ระอา เลยสั่งเปลี่ยนแปลงการทำบุญไหว้เจ้าเป็นอย่างที่เล่าแหละค่ะ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: Linmou ที่ 16 ธ.ค. 00, 19:56
ผู้น้อยก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่เป็นลูกจีน ๑๐๐%
ด้วยว่า พ่อและบรรดาลุงๆอี ๔ คน อพยพมาจากซัวเถาตอนยังหนุ่ม(ประมาณ ๕๐ ปีมาแล้ว)พูดแต้จิ๋ว ตายาย อพยพมาจากกวางโจว เป็นพูดกวางตุ้ง
ทางพ่อนี่ เรียกได้ว่าชาวนา ๑๐๐% เช่นกัน เพราะพ่อเคยบ่นให้ฟัง(เพราะเห็นหลานกินทิ้งกินขว้าง)ว่าตอนเด็กๆ พ่อต้องออกไปเลี้ยงวัว(cow boy ขนานแท้)และไม่มีข้าวจะกิน ต้องขุดเผือกขุดมันกินเอา มาเมืองไทยนี่ ช่วงแรกๆก็รับจ้างเป็นจับกัง แบกกระสอบข้าวสาร
รู้สึกนับถือพ่อมาก ที่เลี้ยงลูก ๑๓ คนมาได้จนโต


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: ส้มหวาน ที่ 16 ธ.ค. 00, 23:00
ขอบตุณมากๆค่ะที่ช่วยตอบให้กระจ่าง อากํงดิฉันพูดภาษาแคะส่วนอาม่าพูดแต้จื๋ว สงสัยจังคัว่าที่เมืองจีนเป็นเหมือนเมีองไทยหรือเปล่าคะ คือ คนใต้ก็พูดภาษาใต้ คนอีสานก็พูดอีสาน ก็ภาษาใดก๊ท้องถิ่นนั้น หริอว่าในท้องถ่นหนี่งมีหลายภาษา กำลังงงๆอยู่ว่าอาก๋งกับอาม่าเจอกันได้อย่างไงแล้วคุยกันยังไงนี่ แต่ที่สังเกต คนแต้จิ๋วที่ไทยบาวคนก็พูดจีนแคะได้


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: Linmou ที่ 17 ธ.ค. 00, 08:10
จากที่สังเกต คนจีนในถิ่นไหนก็พูดภาษาถิ่นนั้นจริงๆค่ะ แต่คนจีนในถิ่นอื่นก็ยังสามารถถูๆไถฟังและพูดภาษาจีนของถิ่นอื่นได้ อย่างที่เพื่อนชาวไต้หวันจะพูดและฟังภาษากวางตุ้งได้นิดหน่อย แม่ดิฉันก็พูดแต้จิ๋วได้ดี ในขณะที่พ่อเองก็พูดกวางตุ้งได้บ้าง
แต่ตัวดิฉันเองนั้น แต้จิ๋วไม่ได้เรื่อง กวางตุ้งไม่ได้เลย แหะ แหะ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: คุณพระนาย ที่ 17 ธ.ค. 00, 08:54
ผมเองก็มีเชื้อสายจีนเหมือนกัน (จริง ๆ ) ถึงจะใช้ชื่อไทย ๆ อย่างนี้ก็เหอะครับ ตะก่อนจะชอบมากตรุษจีน หรือ วันสารท วันไหว้พระจันทร์ เพราะหลังจากเจ้าเจียะเสร็จ
ผมก้สบายทันที แต่หลัง ๆ ตรุษจีน เริ่มไม่โสภาสำหรับผม เนื่องจาก แปรสภาพ จากหลานที่คอยรับอั่งเปา เป็น อาเจ๊ก ที่ต้องคอยแจกอั่งเปาคืนซะแล้วนี่ล่ะครับ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 17 ธ.ค. 00, 18:11
เท่าที่ทราบ เผอิญที่บ้านไม่ได้พูดจีนนะครับ แต่เท่าที่ถามๆ เพื่อนๆ ศึกษาจากเหล่าซือ และอ่านหนังสือรวมทั้งอ่านจากในเน็ตนี้ด้วย ภาษาจีนแต้จิ๋วกับฮกเกี้ยนค่อนข้างคล้ายกันครับ พอฟังกันได้บ้าง เห็นใครบอกว่าภาษาจีนกลางไปคล้ายกับภาษาจีนแคะ จะแคะลึกแคะตื้นก็ไม่ทราบ โดยมีคำอธิบายว่า พวกจีนทางฝั่งทะเลทางใต้ที่อยู่มาแต่เดิมมีกวางตุ้ง แต้จิ๋ว ฮกเกี้ยน และอื่นๆ อีกมาก (ในกลุ่มภาษาสำเนียงท้องถิ่นต่างๆ นี้ก็ยังมีแยกย่อยลงไปอีกไม่เหมือนกัน) แต่พวกจีนแคะนั้นอพยพเข้ามาอยู่แถบนี้ทีหลัง นัยว่า บรรพชนแคะเดิมอยู่ทางจีนเหนือ จึงเคยพูดภาษาที่คล้ายๆ ภาษาจีนทางเหนือซึ่งได้พัฒนามาเป็นจีนกลางปัจจุบัน ยังสังเกตได้ว่าออกเสียงใกล้กับจีนกลางที่สุดในบรรดาภาษาถิ่นคนแถวนี้ และยังมีร่องรอยอยู่ในชื่อที่จีนกลุ่มอื่นเรียกจีนกลุ่มนี้ ว่า แคะ ซึ่งแปลว่าอาคันตุกะ แขก ผู้มาเยือน (จากที่อื่น)
ผมเอง รู้สึกว่าภาษากวางตุ้งจะไม่ค่อยเหมือนแต้จิ๋วฮกเกี้ยน ไพล่ไปเหมือนภาษาไทยบางคำที่ฟังแล้วสะดุ้ง ไปฮ่องกงหรือกวางโจว (โดยที่ผมไม่รู้ภาษากวางตุ้ง) ก็สะดุ้งบ้างขำบ้างทุกที เช่นว่า กินอาหารไม่หมดจะให้ร้านเขาห่อให้ ทางปักกิ่งจะขอให้เขา ต่าเปา (หนาโจ่ว) ทางกวางตุ้งใช้ จี๋หับ (!)
ตึกใหญ่ ทางจีนกลางเรียก ต้าซ่า กวางตุ้งเรียก ไต่ห่า (!) สถานกงสุลไทยที่ฮ่องกงอยู่ที่ตึกชื่อนี้ๆ ต่ายห่า สถานกงสุลอเมริกันอยู่ที่ตึกชื่อนั้นๆ ต่ายห่า.. เฮ้อ -
คนฮ่องกงฝั่งเกาลูนต้องข้ามทะเลไปทำงานทุกวัน ข้ามทะเลภาษาจีนกลางเรียก กั้วไห่ กวางตุ้งเรียก เกาหอย (!) วันละสองครั้งเช้าเย็น ...


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 18 ธ.ค. 00, 12:02
แถมคุณ นกข. อีกนิด กั้วไห่ แต้จิ๋วว่า กวยไฮ่(!) หวาดเสียวไม่น้อยเหมือนกัน!
มาเลเซียมีนโยบาย ภูมิปุตรา ครับ ถ้าแบ่งแยกอย่างนี้ ก็จะเป็นภูเขาไฟใต้น้ำรอวันประทุครับ
คุณปู่ผมเป็นจีนแคะครับ เกิดในมาเลเซีย โตในไทย โอนสัญชาติเป็นไทยเมื่อไม่ถึง 20 ปีนี่เองครับ คุณย่าเป็นจีนแต้จิ๋วเกิดเมืองไทย แวบไปเที่ยวเมืองจีน 2-3 ปี กลับมาไหงกลายเป็นต่างด้าวมิรู้ได้ เพิ่งจะโอนสัญชาติพร้อมคุณปู่
คุณตามีพ่อเป็นจีนแต้จิ๋ว แม่คุณตามีพ่อเป็นไทย 100 ปูเซ็ง แม่เป็นลูกครึ่งจีนแคะกับมอญปากเกร็ด คุณตาเกิดเมืองไทย ไปเรียนหนังสือเมืองจีน กลับมาเป็นคนต่างด้าวจนถึงปัจจุบันนี้ ทั้งๆที่เกิดบนเกาะเกร็ด โตมาบนเกาะเกร็ดนั่นเอง คุณยายเป็นจีนแต้จิ๋วเหมือนกัน คุณปู่ของคุณยายเป็นขุนนางจีนเล็กๆในรัชกาลซูสีไทเฮา ได้ยินว่า สอบได้เป็นซิวไจ๊(ซิ่วจ๋าย)ครับ สรุปแล้วไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับว่าผมมีเชื้อไทยกับมอญจากคุณตาที่เป็นคนต่างด้าวครับ :)
ผมเองใช้ภาษาจีนน้อย แต้จิ๋วพอพูดฟังได้ แคะฟังได้น้อย จีนกลางนิดหน่อย ฮุ่ยทิงปุ๊ฮุ่ยเจี่ยง แต่คุณปู่เก่งมากเรียนหนังสือจบแค่ป.4 พูดไทยได้ดี แต่ไม่ชัดนักประมาณ 75% พูดแต้จิ๋ว แคะ กวางตุ้ง ภาษากลางเป็นไฟ อ่านเขียนไทยจีนอังกฤษ ได้ดี ลายมือสวยขนาดทั้งสามภาษา
จีนแคะจะมีสองพวกคือ แคะลึก กับ แคะตื้น จริงๆ! แคะลึกคือชิมแขะ(เสียงแต้จิ๋ว) หรือชิมขัก(เสียงแคะตื้น) แปลตรงตัวว่าแคะลึก แคะตื้นคือปัวซัวแขะ(เสียงแต้จิ๋ว) หรือ ปั้นซันขัก(เสียงแคะตื้น) แปลว่าแคะครึ่งภูเขา ภาษาแคะเองจะคล้ายกับภาษากลาง โดยเสียงแคะตื้นจะใกล้กับภาษากลางมากกว่า บังเอิญผมเป็นปัวซัวแขะ ก็เลยรู้เสียงของ ชิมแขะน้อย สำหรับคนไทยอาจจะเคยได้ยินพวกแคะในชื่อ ฮากกา ครับ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 18 ธ.ค. 00, 12:05
ขอโทษครับ แคะลึกภาษาจะใกล้ภาษาจีนกลางมากกว่าครับ พิมพ์เบลอไปหน่อย


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 ธ.ค. 00, 22:03
ขอเล่าอีกรูปแบบของคนจีนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในไทย โดยไม่ใช่อพยพมาตายดาบหน้า  หนีภัยการเมือง ค้าขายสำเภาฯลฯ อย่างที่เรารู้จักกันเป็นส่วนใหญ่
เป็นกรณีที่ออกจะหายาก ก็เลยเก็บความมา เป็นเกร็ดความรู้ค่ะ  เผื่อใครจะช่วยขยายความหรือออกความเห็นเพิ่มเติมก็ขอเชิญ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
เมื่อปลายกรุงศรีอยุธยา ตรงกับสมัยราชวงศ์ชิง  มีชายจีนคนหนึ่งชื่อ ตั้งเต็กงึ้น  มีตำแหน่งเป็นซุ่ยอ่าง( สมุหเทศาภิบาล)
เขาได้เดินทางมาเจริญสัมพันธไมตรีทางการค้ากับไทย  แต่ไม่ได้กลับเมืองจีน
กษัตริย์อยุธยาองค์ไหนไม่ทราบ ไม่พระเจ้าบรมโกศก็พระเจ้าเอกทัศ  ชักชวนให้อยู่รับราชการ  ก็ตกลงอยู่ที่นี่  จนได้เป็นพระยาศรีราชอากร  ฟังชื่อแล้วก็คงเกี่ยวกับการเก็บภาษีเข้าหลวง
บุตรชายของเขาอยู่ในเมืองจีน  รับราชการเป็นอ่วงง้วน(ข้าหลวงต่างพระองค์) เดินทางมาไทยอีก  ก็ไม่ได้กลับอีก  แต่มารับราชการในไทย  ได้เป็นพระยาสมบัติวานิช
พอถึงลูกชายพระยาสมบัติฯ ทีนี้ไม่กลับเมืองจีนแล้ว อยู่ในไทยมาตลอด  มีลูกหลานเป็นไทย
ลูกสาวคนหนึ่งชื่อปราง แต่งงานกับพระยาพิศลสมบัติบริบูรณ์
มีบุตรีชื่ออ่วม
ต่อมาคือเจ้าจอมมารดาอ่วมในรัชกาลที่ ๕  เป็นเจ้าจอมมารดาของกรมพระจันทบุรีนฤนาท  ต้นราชสกุลกิติยากร
หมายเหตุ : เชื้อสายตั้งแต่คุณหญิงปราง มาจากความจำ   ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือเปล่า
ดิฉันยังหาหนังสือเกี่ยวกับขรัวตาและขรัวยาย ในกรมพระจันทร์ ไม่พบ เคยมีแต่ไม่รู้ไปวางไว้ไหนแล้ว
ใครมีข้อมูล  ถ้าสนใจก็ช่วยเช็คอีกทีด้วยค่ะ


กระทู้: อยากรู้ว่ามีเหตการณ์อะไรในจึนน่ะทำให้อาก๋งดิฉันต้องมาเมืองไทย
เริ่มกระทู้โดย: นางประแดะ ที่ 01 ม.ค. 01, 04:53
นึกสงสัยจริงๆมีใครนับเชื้อสายแล้วเป้นไทยแท้ๆบ้าง
ทางพ่อดิฉันเป็นอังกฤษผสมกับไทย  แต่ทางแม่เวียดนามผสมไทย   ทั้งสองตระกูลเข้ามารับราชการที่ไทย  และได้รับนามสกุลไทย
แต่ลูกหลาน บางครอบครัวตาสีฟ้าผมทอง  บางครอบครัวตี๋หมวย   เชื้อยังเหลือบ้าง