เมื่อหลายวันก่อนคุยกับเพื่อนคนไทยน่ะครับ ว่าเทศกาลไทยในญี่ปุ่นปีนี้จัดหลายรอบ เร็วๆนี้ก็เพิ่งจัดที่สวนสาธารณะอุเอะโนะมีการสร้างเรือนไทยไว้ด้วย เสียดายที่ฝนตกน่ะครับ เลยไม่ได้ไปร่วมงาน แต่ไปคอนเสิร์ตของไอซ์ ศรัญญู ที่คาบุกิโจะ มานะคับ สนุกดีนะครับ เทศกาลไทยสมัยก่อนจัดแค่สองที่ ก็คือที่สวนสาธารณะโยโยงิ และที่นาโงย่า หลังๆ จัดตามหัวเมืองใหญ่ ทั้งฮิโรชิมาโอซาก้า ฟุกุโอกะ เป็นต้น พูดถึงนาโงย่าเลยเกิดแว๊บขึ้นในหัว คุ้นๆเคยได้ยินวัดไทยในญี่ปุ่น ที่ค่อนข้างเก่า อยู่ที่นั่น เข้าไปหาในเวปสถานฑูตไทย ได้ประวัติที่น่าอ่าน เลยขออนุญาต หยิบมาให้อ่านกันน่ะคับ นอกจากนั้นแล้ว ยังสอบถามศาสตราจารย์กุ๊กเกิล ท่านเลยให้เวปที่มีรูปถ่ายสวยๆมาฝากน่ะคับ (เวปเป็นภาษาญี่ปุ่นน่ะครับ เนื้อหาคล้ายๆ กับของสถานฑูต แต่มีรูปถ่ายสวยครับผม)
ประวัติของวัดนิตไทยจิ (วัดไทย-ญี่ปุ่น) 覚王山日泰寺
เมืองนาโงยา ประเทศญี่ปุ่น
เมื่อปีพ.ศ. 2441 นักโบราณคดีชาวอังกฤษได้ขุดค้นโบราณสถานทางเหนือของอินเดียใกล้กับเนปาลแล้วค้นพบอัฐิธาตุของมนุษย์ บรรจุไว้ในโถซึ่งมีจารึกอักษรโบราณในสมัยหลังพุทธกาลราว 3 ศตวรรษ
ครั้นถอดความได้สำเร็จ ปรากฏว่าข้อความนั้นยืนยันว่า อัฐิธาตุนั้นคือ พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จ พระบรมศาสดา ศากยมุนีพุทธเจ้า การค้นพบครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของเอเชีย เพราะเป็นการยืนยันว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นบุคคลที่มีอยู่จริง ยังผลให้ประวัติศาสตร์ที่เคยเชื่อกันในหลายวงการว่า พระพุทธเจ้ามิได้เป็นมนุษย์ในโลกนี้ เป็นอันสิ้นสุดไป
โดยที่รัฐบาลอังกฤษที่ปกครองอินเดียอยู่ในเวลานั้น เห็นว่าพระบรมสารีริกธาตุที่แท้เช่นนี้ เป็นของมีค่าอย่างหาที่สุดมิได้สำหรับพุทธศาสนิกชน และเห็นว่าพระเจ้ากรุงสยามเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกพระองค์เดียวที่เหลืออยู่ในโลกเวลานั้น เพราะประเทศสยามเป็นพุทธจักรที่เป็น เอกราชอยู่หนึ่งเดียวเท่านั้น รัฐบาลแห่งอินเดียจึงถวายพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงรับมาประดิษฐานไว้บนพระเจดีย์ที่ยอดของพระบรมบรรพต(ภูเขาทอง) วัดสระเกศ ในกรุงเทพฯ
ต่อมาได้มีสมณทูตจากประเทศต่างๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนา รวมทั้งรัฐบาลญี่ปุ่น ขอส่วนแบ่งแห่ง พระบรมสารีริกธาตุดังกล่าว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปันพระบรมสารีริกธาตุไปยังประเทศนั้นๆ สำหรับญี่ปุ่นได้พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุแก่พุทธศาสนิกชนชาวญี่ปุ่นโดยรวม โดยไม่จำเพาะเจาะจงให้กับนิกายใดเป็นการเฉพาะ
ฝ่ายพุทธศาสนิกชนชาวญี่ปุ่นได้ส่งตัวแทนจากพุทธนิกายไปยังกรุงเทพฯ เพื่ออัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุมายังประเทศของตน และได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2443 โดยคณะสมณทูตได้กราบบังคมทูลว่า จะสร้างพระเจดีย์ขึ้นใหม่เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการรวมนิกายต่างๆ และเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระพุทธรูปโบราณ และพระราชทรัพย์เพื่อสร้างวัดใหม่นั้นด้วย พระพุทธรูปองค์นี้งามวิจิตรพิศดาร และมีอายุเก่าแก่ ว่าเป็นศิลปะคู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่งของประเทศสยามขณะนั้น
เมื่อคณะสมณทูตญี่ปุ่นกลับมาจากประเทศสยาม ได้ปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างต่างนิกาย แล้วตกลงเลือกสร้างวัดและพระเจดีย์ที่เมืองนาโงยา เพราะชาวเมืองเรียกร้องต้องการมากที่สุด จึงได้มีการก่อสร้างวัดนิตไทยจิ (วัดไทย-ญี่ปุ่น) ขึ้นที่เลขที่ 1-1 โฮโอโจ เขตจิคุซา เมืองนาโงยา จังหวัดไอจิ ซึ่งแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 15พฤศจิกายน พ.ศ. 2447
สถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุนั้น ศาสตราจารย์จูตะ อิโต แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวเป็นผู้ออกแบบและสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2461 พระสถูปศิลาองค์นี้ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของศาสตราจารย์อิโต และได้รับการยอมรับในประเทศญี่ปุ่นในเวลาต่อมาว่างดงามทางพุทธสถาปัตยกรรมอย่างยิ่ง
พระวิหารซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งรับพระราชทานมาจากประเทศสยามนั้น ได้รับการก่อสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2527 เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จึงทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระพุทธรูป ภปร. เพิ่มมาอีกหนึ่งองค์ พร้อมทั้งทรงเขียนลายพระราชหัตถ์เพื่อช่างจารึกลงบนป้ายไม้ด้วยลายจำหลักทองชื่อ “พระพุทธศากยมุนี” โดยมีพระปรมาภิไธยย่อของพระองค์เอง และของพระบรมอัยกาธิราชประกอบอยู่ 2 ด้านของแผ่นป้าย ป้ายดังกล่าวประดิษฐานอยู่เหนือประตูทางเข้าพระวิหารในขณะนี้
วัดนิตไทยจิ หรือวัดไทยญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศทั้งสอง และเป็นวัดที่มีเอกลักษณ์เป็นพิเศษทางพุทธศาสนาของญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นวัดเดียวที่รวมนิกายต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยไม่ถือว่าสังกัดนิกายใดนิกายหนึ่ง เจ้าอาวาสของวัด ใช้ระบบสับเปลี่ยนให้ หัวหน้าสงฆ์จาก 19 นิกายดำรงตำแหน่งวาระ ละ 3 ปี
โดยที่วัดนิตไทยจินี้ก่อตั้งขึ้นจากการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปให้กับพุทธศาสนิกชนชาวญี่ปุ่น จึงถือได้ว่า มีความใกล้ชิดกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชวงศ์ของไทยเป็นพิเศษ และราชวงศ์ของไทยหลาย พระองค์ได้เสด็จฯยังวัดแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ได้เสด็จฯ ยังวัดนิตไทยจิ ในระหว่างการเสด็จฯ เยือนประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2474 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ ที่วัดนิตไทยจิ เมื่อปี พ.ศ. 2506 และเมื่อปี พ.ศ. 2530 ในโอกาสเฉลิมฉลอง 100 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น วัดนิตไทยจิได้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานที่บริเวณหน้าพระวิหาร ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จฯ มาทรงเปิดแพรคลุมพระบรมราชานุสาวรีย์ เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2530
นอกจากนี้ ในวันปิยะมหาราช หรือตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เจ้าหน้าที่หน่วยงานไทย และชุมชนไทยในประเทศญี่ปุ่น จะร่วมกันถวายสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ณ วัดแห่งนี้ด้วย
วัดนิตไทยจิได้ฉลองครบรอบ 100 ปี ของการได้รับพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2543 และได้ฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งวัดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
ข้อมูลจากสถานฑูตไทย
http://www.thaiembassy.jp/rte0/content/view/293/202/เวปไซต์ที่เกียวข้องและรูปถ่าย
http://www.a-namo.com/ku_info/chikisaku/pages_n/nittaiji.htmhttp://ja.wikipedia.org/wiki/%E6%97%A5%E6%B3%B0%E5%AF%BAhttp://www.kakuozan.com/top.htmlปล.
ขอบคุณ คุณหนอนบุ้ง นะครับ ผมเลยได้อ่านกระทู้เก่าๆ น่าสนใจทั้งนั้นนะครับ
ถ้าจะกวนกระทู้เก่าๆ ให้มีชีวิตขึ้นมาใหม่ จะได้รึเปล่านะครับ คุณเทาชมพู