ผมไม่รู้ว่าชาตินิยมจะนิยามอย่างไร เพราะพวกประเทศเช่น จีนหรือญี่ปุ่น ถ้าคุณเป็นคนต่างชาติ แต่ยอมรับเอาวัฒนธรรมของเขา เขาก็จะถือว่าคุณเป็นพวกเดียวกัน ไม่ค่อยแบ่งแยกหรือกีดกันหรอกครับ (จากประสบการณ์ของผมนะครับ)
ส่วนผมคิดว่าที่ประเทศเหล่านั้นเจริญ เพราะเขามีสิ่งที่คนไทยส่วนมากไม่ค่อยจะมี ก็คือ ความขยันและประหยัด
ความประหยัดผมเองก็พอมี แต่ความขยันนี่ซิผมก็ไม่ค่อยมีหรอกครับ ผมคิดว่าสองสาเหตุนี้เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้บ้านเมือง อย่างจีน ญี่ปุ่นหรือเกาหลีเจริญ อย่างคนญี่ปุ่นพนักงานจำนวนมากทำงานถึง 2ทุ่มถึงสี่ห้าทุ่มกันเลย ทั้งๆที่เวลางานจริงๆเลิกแค่ห้าโมง คนที่เป็นหัวหน้าก็จะทำงานหนักและต้องรับผิดชอบมากกว่าลูกน้อง ต่างกับคนไทยครับเวลามีอะไรมักโบ้ยให้ลูกน้อง คนพวกนี้อดทนต่องานมากทำงานหามรุ่งหามค่ำ พวกนี้สู้กับงานมาก ถ้าเคยดู หนังญี่ปุ่น การ์ตูน ในตอนจบก็มักจะมีคำว่า "สู้ต่อไป..." หรือ พวกทีวีแชมเปี้ยน คนแข่งก็จะพูดอยู่ตลอดว่า "สู้สู้" หรือ "จะทำให้ดียิ่งขึ้น" ผมคิดว่ามาจากคำว่า "กัม-ป่ะ-เร-มัส" คำพวกนี้เป็นคำที่อยู่ในสายเลือดของคนญี่ปุ่นเลย แต่คนไทยมักจะไม่ค่อยพูดคำในเชิงแบบนี้ คนญี่ปุ่นทั่วไปจะนิยมชมชอบนักกีฬามากกว่าดาราอีก เพราะว่านักกีฬาที่ประสบความสำเร็จได้จะต้องมีความพยายามสูงต้องฝึกซ้อมทุกวัน ไม่ใช่แค่อาศัยความเก่งหรือพรสวรรค์อย่างเดียว สิ่งที่เขาชื่นชมคือความอุตสาหะมากกว่าความเก่ง
สมัยผมเด็กๆเวลาเรียนหรืออ่านเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็มักจะเป็นในแบบที่ว่าคนพวกนี้เก่ง อัจฉริยะ แต่ไม่ค่อยพูดถึงความอุตสาหะพยายามเลยครับ
ส่วนคนไทยผมก็คิดว่าความอดทนสูงเหมือนกันนะครับ แต่เป็นความอดทนประเภทที่ทำให้ไม่พัฒนา คืออดทนกับปัญหา ทนมันอยู่อย่างนั้นโดยไม่แก้ไข
สิ่งที่สำคัญรองมาผมคิดว่าเป็น มาตรฐานทางด้าน คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ ที่มีสูงกว่าบ้านเรา (ขอยกเว้นจีน นะครับ เพราะไม่ค่อยต่างกับเมืองไทย) อย่างถ้าคดีที่คนแจ้งบัญชีหุ้นผิดและถูกสงสัยว่าใช้ข้อมูลภายใน ถ้าอยู่ที่เกาหลีหรือญี่ปุ่น ความผิดก็จะร้ายแรงมาก ตำรวจเจ้าหน้าที่ก็จะมาคุมตัวและยึดเอกสารต่างๆ เสมือนกับประกอบอาชญากรรมร้ายแรงมาทีเดียว และประเทศอย่างญี่ปุ่นก็มีสถิติอาชญากรรมต่ำมาก หรือในกรณีงานวิจัยโคลนนิ่งของเกาหลี ผมคิดว่าเหตุการณ์นี้ประเทศเกาหลีน่าชื่นชมมากครับ เพราะไม่ว่า ศ.หวาง เป็นคนดังของประเทศไม่ต้องสน โดนปิดแลปและตรวจอย่างตรงไปตรงมา อย่างใน nature ยังวิจารณ์เปรียบเทียบจริยธรรมในการทำวิจัย ว่าเกาหลีใต้จะดีกว่าญี่ปุ่นด้วยซ้ำ
http://www.nature.com/nature/journal/v439/n7077/full/439634a.htmlและกรณีในอตีดที่มีคนในระดับผู้นำของประเทศ เกาหลี และ ญี่ปุ่น ถูกจำคุกจากการคอรับชั่น ประเทศพวกนี้เป็นประเภท ที่ว่ามีกฏอยู่ ถ้าอยากจะทำผิดกฎหมายก็ทำไป แต่อย่าให้ใครรู้หรือถูกจับได้แล้วกันไม่งั้นโดนหนักแน่
มาตรฐานทางคุณธรรม จริยธรรมที่สูงนี้เองทำให้สภาพบ้านเมืองสงบ ไม่ต้องมีปัญหาด้านสังคมมาก คนพวกนี้ก็จะได้เครียดเรื่องงานอย่างเดียว ทำงานให้เต็มที่
แค่ในสถาบันการศึกษาที่น่าจะเป็นแบบอย่างของประเทศ ระดับทางจริยธรรมก็ยังต่ำเลย อย่างเช่นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงบางแห่งเกี่ยวกับเรื่องการทุจริตในการสอบ การลงโทษก็มีหลากหลายตามคณะ บางคณะก็แรงมาก พักการเรียนสองปี ปรับตกทุกวิชา บางคณะก็พักการเรียนเทอมเดียว บางคณะก็มีแต่กฎแต่ไม่ทำอะไรมาก ที่ผมรู้ก็เพราะรู้จักกับอาจารย์คณะที่มีกฎแรง คือพักการเรียนไปสองปีและตกทุกวิชา เค้าเล่าให้ฟังว่ามีเด็กคณะอื่นมาเรียน แล้วถูกจับได้ วิชานั้นได้F และส่งเรื่องให้คณะต้นสังกัดแต่ทางต้นสังกัดก็ไม่ทำอะไร วิชาอื่นก็ได้เกรดปกติและก็ได้เรียนต่อในเทอมถัดไป นี่และครับมาตรฐานทางจริยธรรมของเมืองไทย
ส่วนในสังคมไทยทั่วไปหรือครับลองเปิดหนังสือพิมพ์ก็รู้แล้วว่าเป็นอย่างไร หรือลองไปถามแม่ค้าร้านตลาด ว่าเจ้าหน้าที่ สรรพากร ตำรวจ หรือเทศกิจเป็นยังไง บ้าง
ส่วนที่มีบางท่านกล่าวถึงเรื่องระเบียบวินัย ผมเห็นด้วยครับ แต่คิดว่ามันงี่เง่ามากที่ว่า ต้องแต่งเครื่องแบบให้ถูกระเบียบถึงมีวินัยเพราะว่าทำตามกฎ แล้วถ้าคิดต่อไปว่ากฎนี้มันมีประโยชน์อะไรครับ ถ้าการแต่งเครื่องแบบดีจริง บรรดาครูอาจารย์ ทำไมไม่แต่งเครื่องแบบมาสอนกันทุกคนละครับ ถ้าไม่มีกฎก็ช่วยออกกฎด้วยซิครับ แต่ถ้าพูดว่า เด็กพวกนี้ไม่มีวินัยเลย เพราะไม่ตั้งใจเรียน ไม่ค่อยเข้าเรียน ไม่ค่อยทำการบ้าน ไม่ค่อยอ่านหนังสือ อันนี้ผมเห็นด้วยเต็มที่ เพราะเป็นการมีวินัยแบบมีเหตุและมีผล คนไทยไม่ค่อยชอบปลูกฝังค่านิยมแบบนี้เลย
ชอบแต่แบบให้แต่งตัวให้เรียบร้อย คนที่แต่งไม่เรียบร้อย หัวยุ่ง หนวดเคราไม่โกนก็มักจะถูกเพ่งเล็งหรือต่อว่า แต่ไม่เคยดูในผลงานต่างๆที่เขาทำเลย คนไทยเราก็มักจะมองกันที่ภายนอก คนแต่งตัวดีก็น่าจะเป็นคนดี พวกโจรเลยสบายไงครับ แค่ขับรถหรูๆ บีเอ็มหรือ เบ็นซ์ ก็ไปปล้นบ้านคนโดยที่ รปภ ไม่รู้ตัวเลยก็มีเยอะนะครับ