เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 3310 ตำนานวันแม่
k0be
บุคคลทั่วไป
 เมื่อ 17 ส.ค. 01, 03:21

ขอความรู้หน่อยครับ พี่ ๆ ในกระดาน นี้

คือใกล้วันแม่แล้ว ผมอยากรู้ว่า
ประวัติความเป็นมาของวันแม่ มีความเป็นมายังไง
ทำไมถึงใช้ดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์วันแม่ครับ

หาอ่านไม่เจอครับ ไม่รู้จะหาได้ที่ไหนครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับ
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 10 ส.ค. 01, 00:22

ผมเข้าใจว่าการฉลองวันแม่แห่งชาติ การเชิดชูพระคุณแม่ การใช้ดอกมะลิเป็นเครื่องหมายวันแม่ การประกวดแม่ดีเด่น เหล่านี้จะเริ่มมีมาในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่ในตอนนั้น (น่าจะสมัยรัชกาลที่ 8 ?) เข้าใจว่าไม่ได้ใช้วันที่ 12 สิงหาคม ใช้วันไหนก็ไม่ทราบ

วันแม่แห่งชาติมากำหนดเป็นวันที่ 12 ส.ค. ในรัชกาลปัจจุบันนี้เอง โดยกำหนดให้วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นการเทิดพระเกียรติท่านให้ทรงเป็นแม่แห่งชาติ

แต่ดอกมะลิเป็นเครื่องหมายวันแม่มานานแล้ว อย่างน้อยก็ตั้งแต่ครั้งจอมพล ป. เพราะเคยมีคนอ่านสยามรัฐยุคโน้นเขียนไปถามอาจารย์คึกฤทธิ์ คู่ปรับทางการเมืองของจอมพล ป. เป็นโคลงสี่สุภาพเสียด้วย ผมก็จำได้ไม่หมดจำได้เลาๆ คล้ายๆ ว่า
....ปีนี้วันแม่ไซร้ เครื่องหมาย
ดอกมะลิประดับกาย เพริศแพร้ว
(...ลืมครับ...)
ใยบ่แกมดอกแก้ว โปรดแก้กังขา

คุณชายก็ยิ้มสิครับ คนอ่านเปิดช่องให้แซวจอมพล ป.แล้วนี่นา ท่านจึงเขียนอธิบายว่าทำไมต้องเป็นมะลิวันแม่ ดังนี้

...ความรักของแม่ไซร้ เยือกเย็น นักนอ
ปราศทุกข์ปราศลำเค็ญ ปราศร้าย
มะลิรื่นชื่นทรวงเป็น โอสถ อีกพ่อ
กรุ่นกลิ่นมะลิคล้าย เทียบด้วยมารดาฯ

(....ลืมครับ....)
กรกอบแก้วมาดม เร่าร้อน
กลิ่นแก้วเล่ห์ภิรมย์ สาวหนุ่ม
กลัวแต่แกมแก้วซ้อน มะลิให้นวลหมองฯ

จากความจำครับ ใครจำได้หมดช่วยแก้ไขผมด้วย
ความก็ว่า ถาม - ทำไมใช้มะลิเป็นดอกไม้วันแม่ ไม่ใช่ดอกแก้วบ้างเล่า ตอบ - มะลิหอมเย็นๆ ชื่นใจ เป็นยาด้วย ไม่มีเร่าร้อน เหมือนรักของแม่ ดอกแก้วหอมร้อนแรงเหมือนรักหนุ่มสาว กลัวจะทำให้มะลิหมองเสีย....

ไขความว่าสังคมไฮโซสมัยโน้น มีสุภาพสตรีชั้นสูงที่ชื่อเกี่ยวๆ กับดอกแก้วนี่อยู่ท่านหนึ่ง ที่อาจารย์คึกฤทธิ์เอามาแซวกับท่านจอมพลครับ จริงเท็จไม่แจ้ง (เกิดไม่ทัน) แต่อย่างน้อยคุฯชายก็แซวไว้อย่างนั้น
บันทึกการเข้า
ส้มหวาน
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 12 ส.ค. 01, 17:24

ประวัติวันแม่
       คณะรัฐมนตรีของรัฐบาล ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้มีมติประกาศรับรองให้วันที่ 15 เมษายนของทุกปี เป็นวันแม่แห่งชาติ  สืบเนื่องมาจากสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง  สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ  ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดงานวันแม่ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 ซึ่งมีการจัดงานเป็นครั้งแรกนั้น ได้รับการสนับสนุนที่ดีเยี่ยมจากประชาชน ทั้งร่วมส่งคำประกวดคำขวัญ ร่วมงานประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและและตระหนักในความสำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ยิ่งๆขึ้นไป ด้วยเหตุนี้งานวันแม่ที่จัดครังแรกนั้นจึงถือเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาล
           ต่อมาในปี พ.ศ.2519 ทางราชการได้เปลี่ยน ให้ถือเอาวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือวันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มตั้งแต่ปีพ.ศ.2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

กิจกรรมที่พึงปฎิบัติ

1. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
 2. จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเทิดทูนพระคุณแม่
 3. จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์
 4. นำดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่
บันทึกการเข้า
ส้มตำ
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 17 ส.ค. 01, 15:21

วันแม่เดิมก็คือ วันเกิดของท่านผู้หญิงละเอียดพิบูลสงคราม (ไม่ได้เช็คข้อมูล ไม่น่าจะจำผิด) และท่านผู้หญิงฯ มีการนำเรื่อง สุริโยทัย มาใช้เหมือนกัน เหมือนใครบ้างคนในปัจจุบัน วันก่อนดูโฆษณาเบียร์สิงห์ เห็นข้างกระป๋องเบียร์เป็นรูปสุริโยทัย ในที่สุดสุริโยทัยก็อยู่ข้างกระป๋องเบียร์ (ฮา)
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12605



ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 12 พ.ค. 24, 09:35

ขอให้คุณแม่ทุกท่านมีความสุขในวันแม่สากล  ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๗

คนไทยยกย่องให้วันที่ ๑๒ สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ แต่ในความเป็นสากลแล้ว อีกหลาย ๆ ประเทศกำหนดให้ วันอาทิตย์ที่ ๒ ของเดือนพฤษภาคม เป็นวันแม่สากล

เริ่มที่สหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. ๑๘๗๒ จูเลีย วอร์ด ฮาว (Julia Ward Howe) นักเคลื่อนไหวทางสังคมชาวบอสตัน สหรัฐอเมริกา ต้องการเรียกร้องสันติสุขสำหรับการพบแม่ในวันแม่ Mother's Day meetings แต่เวลาผ่านมาจนกระทั่งมีผู้มุ่งมั่นเรียกร้องให้มีวันแม่อย่างเป็นทางการเมื่อ แอนนา มารี จาร์วิส (Anna Marie Jarvis) คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟีย ได้เรียกร้องให้มีวันแม่อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. ๑๙๐๘ หลังจากเธอต้องสูญเสียแม่ผ่านไป ๒ ปี เธอต้องการให้ทุกคนระลึกถึงบุญคุณของแม่ ซึ่งความพยายามของเธอก็เป็นผลในปี ค.ศ. ๑๙๑๔ หลังประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ ๒ ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ๒ แบบ คือ ถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับตกแต่งบ้าน หรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้วให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว

ทั้งนี้ วันอาทิตย์ที่ ๒ ของเดือนพฤษภาคมของทุกปี ได้กลายเป็นวันแม่แห่งชาติของหลายประเทศทั่วโลก เช่น ประเทศอังกฤษ, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, อิตาลี, ตุรกี, ออสเตรเลีย, เม็กซิโก, แคนาดา, จีน, ญี่ปุ่น, และเบลเยี่ยม แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเทศที่กำหนดวันแม่แห่งชาติของตนเอง แต่ยังคงกำหนดวันอาทิตย์เช่นกัน

ข้อมูลจาก kapook.com

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 12 พ.ค. 24, 10:02

 ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.056 วินาที กับ 20 คำสั่ง