ขอโทษจริงๆ ค่ะที่มาตอบช้ามาก
ก่อนอื่นขอขอบพระคุณคุณ naitang อีกครั้งนะคะที่ได้กรุณามาให้คำตอบอย่างละเอียดเลย ซาบซึ้งใจมากจริงๆ ค่ะ
ท่านทูตตัวจริงมาแล้ว ขอบคุณค่ะ
ถามคุณตั้งแทนคุณเจ้าของกระทู้ว่า มีโอกาสไหนบ้างที่ข้าราชการสถานทูต ที่ยังหนุ่ม (ตำแหน่งไหนก็ได้) จะมีโอกาสพบปะนักเรียนไทย (ที่ยังสาว) และสานมิตรไมตรีกันได้ยาวนาน
ขออภัยอาจารย์ครับ เมื่อวานนี้ไปงานศพเพื่อน เลยไม่ได้ให้ความเห็นกับข้อปุจฉาของอาจารย์
เรื่องแรก ผมเป็นเพียงผู้ที่เคยทำงานเฉพาะด้านภายใต้เอกสิทธิ์ทางการทูต (diplomatic immunity) ในตำแหน่งที่ผู้คนมักจะชอบใช้คำว่า"ทูต"นำหน้าชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจนั้นๆ เช่น ทูตพานิชย์ ทูตอุตสาหกรรม ทูตแรงงาน ทูตทหาร ... คำเรียกในอีกลักษณะอื่นๆก็ เช่น ผู้แทนสำนักงาน... ผู้ดูแลนักเรียนไทย ตำแหน่งเหล่านี้ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบของประเทศใดๆส่วนมาก ดูจะมีตำแหน่งของสถานะทางการทูตตั้งแต่ระดับ Counsellor (ที่ปรึกษา) จนถึงระดับ Minister (อัครราชทูต) แต่โดยทั่วไปแล้วจะเป็นตำแหน่งระดับ Minister Counsellor (อัครราชทูตที่ปรึกษา) ซึ่งอยู่กลางๆระหว่างสองตำแหน่งที่กล่าวมา อนึ่ง ระดับตำแหน่งสำหรับผู้ที่ได้รับเอกสิทธิ์ทางการทูตเหล่านี้ หากเป็นผู้ที่มิได้ปฏิบัติงานอยู่ในสายงานหลักทางการทูต (กระทรวงการต่างประเทศ) ก็จะมักจะมีวงเล็บท้ายชื่อที่บ่งถึงภารกิจของตน ซึ่งโดยนัยก็คือบ่งชี้ถึงต้นตอของตนที่สังกัดอยู่ ซึ่งคำที่อยู่ในวงเล็บท้ายชื่อนี้มีผลค่อนข้างมากในการปฏิบัติภารกิจต่างๆให้ประสบผลสำเร็จและเกิดผลสัมฤทธิ์
อย่างนี้หมายความว่าท่านปฏิบัติหน้าที่เสมือนเป็นตัวแทนของรัฐในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่ท่านสังกัดอยู่ หนูเข้าใจถูกใช่ไหมคะ
สำหรับกรณี ..."มีโอกาสไหนบ้างที่ข้าราชการสถานทูต ที่ยังหนุ่ม (ตำแหน่งไหนก็ได้) จะมีโอกาสพบปะนักเรียนไทย (ที่ยังสาว) และสานมิตรไมตรีกันได้ยาวนานนักการทูตหนุ่ม" นั้น
ที่ขยายความมานั้น อย่างน้อยก็ให้ข้อมูลว่า ผู้ที่ไปประจำการในฐานะหรือสถานะนัการทูตนั้น ออท.(เอกอัครราชทูต) น่าจะอยู่ในวัยอายุ ประมาณ 50++/- อท.(อัครราชทูต)ที่เป็นเบอร์สองของ สอท.(สถานทูต)นั้นก็น่าจะอยู่ในวัยประมาณ 50+/-- อัครราชทูตที่ปรึกษาที่เป็นเบอร์สามของ สอท. ก็น่าจะอยู่ในวัยประมาณ 40++/- ที่ปรึกษาก็น่าจะอยูัในวัยประมาณ 35+/- เลขานุการเอก โท ก็น่าจะอยู่ในวัยประมาณ 30 +/- ส่วนเลขานุการตรี ก็น่าจะอยู่ในวัย 25++
มีโอกาสใดบ้าง ? ก็ดูจะมีไม่มากนักครับ งานที่มีโอกาสจะได้พบเห็นกันก็จะมีเช่น งานที่จัดภายในพื้นที่ของสถานทูต งานที่จัดในพื้นที่สาธารณะประเภทการส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรมต่างๆ และงานเฉพาะกิจ/เฉพาะกรณีต่างๆ
เลยทำให้นึกถึงอีกหนึ่งโอกาสสำหรับการพบปะกันระหว่างนักการทูตกับนักเรียน ก็คือ กรณีการมาฝึกงาน กรณีมาช่วยงานในช่วงปิดภาดเรียน กรณี กรณีเกิดปัญหากระทันหันต้องค้างแรมจากเหตุที่ไม่คาดฝัน
อา...ตอนแรกตัวเอกของหนูตั้งใจให้เป็นเลขานุการเอก อายุประมาณ 31-32 นี่พอเป็นได้อยู่สินะคะ
พอเข้าใจแล้วล่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูอาจจะต้องลองปรับเปลี่ยนให้เจอกันข้างนอก คือตอนแรกวางเอาไว้ให้เจอกันในสถานทูตเพราะได้ติดตามข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไป แต่หลังจากนั้นก็เหมือนจะไม่มีเรื่องที่จะต้องไปสถานทูตอีก ถ้าอย่างนั้นอาจจะเปลี่ยนสถานการณ์ที่จะต้องพบปะกัน (หลังจากครั้งแรก) ให้อยู่ด้านนอกสถานทูตน่าจะมีโอกาสมากกว่า อย่างเช่น ตัวเอกประสบอุบัติเหตุแล้วอีกคนไปเจอโดยบังเอิญ อาจจะพอเป็นไปได้มากกว่า หรืออย่างที่คุณ naitang ได้แนะนำมาเรื่องการฝึกงาน ก็น่าสนใจมากๆ เช่นกันค่ะ เพียงแต่อาจจะมีคำถามเพิ่มเติมว่าแล้วโดยส่วนใหญ่นักศึกษาจะมาฝึกงานในด้านไหนได้บ้างคะ
อย่างเวลาหนูไปฝึกงานในหน่วยงานที่ตัวเองเรียนมา บางอย่างก็ทำไม่ได้ แต่บางอย่างพี่ๆ ในที่ฝึกงานก็ปล่อยให้ทำเลย
คุณ atomicno1 ถามว่า "ปกติเวลากลับจากการประจำการที่ต่างประเทศแล้ว จะสลับประเทศต่อเลยหรือว่ากลับมาที่ไทยก่อนคะ"
ในเชิงของการกระทำที่เป็นจริง ด้วยที่คำสั่งจะออกในรูปของการพ้นจากตำแหน่งเดิม ย้ายไปดำรงตำแหน่งใหม่ในที่ใหม่ ทำให้ต้องมีเรื่องของการเดินทาง สำหรับในระดับ ออท.นั้น มีกรณีที่จะต้องกลับมาเพื่อรับมอบอำนาจสำหรับการเป็นผู้มีอำนาจเต็มในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนของรัฐที่จะไปประจำการ ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับมอบโดยตรงจากประมุขของรัฐ สำหรับนัการทูตในระดับอื่นๆนั้น ก็จะมีทั้งลักษณะการเดินทางต่อไปยังประเทศใหม่โดยตรงเลย และแบบการเดินทางผ่านหรือกลับมาด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น ลาพัก มีข้อจำกัดเรื่องของการเดินทางโดยตรง มีข้อจำกัดด้านระเบียบ ความไม่พร้อมที่ปลายทาง ... ฯลฯ
ตรงนี้หนูขอสอบถามเพิ่มเติมได้ไหมคะ ว่าหากหนูจะเขียนให้ตัวเอกที่เป็นนักการทูตต้องเดินทางกลับไทยก่อน อาจจะกลับมาเพื่อประจำการที่กระทรวงก่อนที่จะออกโพสต์อีกครั้ง มีความเป็นไปได้ไหมคะ หรือถ้าออกโพสต์แล้วต้องออกตลอดเลยคะ
ขอบคุณคุณ naitang อีกครั้งค่ะ