ชื่อเดิมของมัณฑนา โมรากุล เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ (แพ) ตั้งให้ว่า "เจริญ" ครูสกนธ์ มิตรานนท์เป็นคนเปลี่ยนชื่อจาก "เจริญ" มาเป็น "จุรี โมรากุล" ต่อมาชื่อ จุรี โมรากุล ถูกปลี่ยนอีกครั้งเป็น "มัณฑนา โมรากุล" และประกาศอย่างเป็นทางการทางวิทยุให้ทราบทั่วกันตามคำสั่งของจอมพลป.พิบูลสงคราม
"ท่านบอกว่า จุรี แปลว่า พู่สีแดงที่ปลายหอก ท่านเขียนชื่อ วชิรา มัทนา มัณฑนา รุจิรา ให้จมื่นมานิตย์เอามาให้ดิฉันเลือก ดิฉันเลือกมัณฑนา แหม..ดวงตอนนั้นมันขึ้นเหลือเกิน เปลี่ยนชื่อก็ต้องประกาศวิทยุ"
ตอนนั้น จอมพลป. พิบูลสงครามชื่นชมนักร้องหญิงคนหนึ่งของวงหัสดนตรีกรมโฆษณาการ รุ่นเกล้เคียงกับมัณฑนา โมรากุล แต่กระนั้นท่านจอมพลก็ยังมาเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามความสมัครใจกับมัณฑนา โมรากุล เรื่องที่เธอถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น เกิดจากกรณีที่ท่านพบเห็นว่า มัณฑนา โมรากุล เจ้าของเสียงเพลง "สวมหมวก" (คำร้อง – จมื่นมานิตย์นเรศ ปี ๒๔๘๔ ) ส่งเสริมวัฒนธรรมสมัยใหม่ตามประกาศรัฐนิยม (สวมหมวก สวมถุงน่อง เลิกกินหมากและกล่าวคำว่าสวัสดี) กลับฝ่าฝืนไม่ยอมสวมหมวกในที่สาธารณะ
"ดิฉันถูกเรียกไปไต่สวนเรื่องไม่สวมหมวก เวลานั้นไปติดต่อราชการต้องสวมหมวก ถ้าไปโรงพยาบาลแล้วไม่สวมหมวกจะไม่ได้รับการต้อนรับ วันนั้นเรานั่งรถกลับบ้านหมวกมันก็เผยิบ ๆ เราเห็นว่า ใกล้ถึงวังสวนสุพรรณแล้ว พอรถถึงกรมการปกครองฯก็เลยถอดหมวกเอามาวางไว้บนตัก บังเอิญท่านจอมพลเอารถออกจากกรมการปกครองฯพอดี เราก็ตกใจ พอรุ่งขึ้นมีจดหมายเรียกตัวนางสาวมัณฑนาไปสอบสวนที่วังสวนกุหลาบ พระราชธรรมนิเทศ รองอธิบดีกรมโฆษณาการเป็นผู้สอบ ทำไมมัณฑนาผู้ร้องเพลงสวมหมวก แต่ไม่มีหมวกบนหัว?"
"ตอนนั้นดิฉันยังเด็ก ร้องไห้ใหญ่เลย ดิฉันบอกว่า ลมมันตี เห็นว่าใกล้ถึงวังสวนสุพรรณแล้วก็เลยถอด ท่านจะเอาโทษดิฉันตัดเงินเดือน ๓ เดือน ฉันบอกว่า ฉันต้องเลี้ยงแม่ พ่อติดคุก น้องอีกหลายคน ท่านบอกว่าเรื่องนี้ต้องไต่สวนกันตลอดชีวิต ตอนหลังเรื่องไม่สวมหมวกพับไป เอาเรื่องไม่เคารพผู้นำขึ้นมาแทน ท่านจอมพลฯ เห็นว่าไม่ได้ไหว้ท่าน ดิฉันตอบว่าตกใจจริง ๆ ไม่คิดว่าจะเจอท่านที่หลังวังสวนสุพรรณ มันเป็นคราวเคราะห์ของดิฉัน นักดนตรีพูดกันว่า เฮ้ย...งานนี้โดนเก็บ (เป็นภรรยาลับ) อีกคนแล้ว ต้องหานักร้องใหม่อีกแล้ว"
"ตอนหลังท่านถามตรง ๆ ว่า อยากสบายแบบ..(นักร้องหญิงคนหนึ่งของกรมฯ รุ่นใกล้เคียงกับมัณฑนา) ดิฉันก็บอกตรงๆ ว่า ไม่อยากสบาย ท่านถามว่าทำไม...เค้ามีรถยนต์ มีแหวนเพชรนะ-ไม่ค่ะ-คุณพ่อดิฉันติดคุกอยู่บางขวาง ท่านก็อึ้งไป หลวงอดุลย์เค้าจับ ดิฉันบอกว่า พ่อติดคุก แล้วลูกต้องไปเป็นดอกไม้ของศัตรู พ่อมิช้ำใจตายในคุกหรือ ท่านตอบว่า ฉันไม่ข่มขืนใจใคร ต่อไปนี้จ่ายเด็กคนนี้อีกเดือนละ ๕๐๐ บาท เพราะเป็นเด็กรู้พระคุณ ตอนนั้นเงินเดือน ๔๕๐ บาทเอง เพราะแรงกตัญญูนี่แหละจึงดันชีวิตได้ ๑๒ ปี"
"ตอนที่ท่านเข้าคุก มีคนมาตามดิฉันให้ไปที่กระทรวงยุติธรรม ให้ดิฉันพูดว่าเคยถูกบังคับให้เป็นเมียท่าน ดิฉันบอกว่า ดิฉันไม่ทำ เพราะดิฉันไม่ได้โดนบังคับ จะให้พูดในสิ่งที่ไม่จริง ดิฉันไม่ทำ หลายคนก็มองว่า ทำไมดิฉันไม่เล่นศัตรูกลับ ดิฉันถือว่าท่านมีพระคุณ"
เก็บความจาก
ผู้จัดการ